Tuesday, 20 May 2025
NEWS FEED

โรงเรียนเอกชนชื่อดังในโคราช ปิดถนน 10 นาทีให้เด็กเต้น สนุกบนความเดือดร้อนของชาวบ้าน รถติดยาวนานเป็นชั่วโมง

เมื่อวานนี้ (19 ก.พ. 67) บนโซเชียลฯ แชร์คลิปเหตุการณ์ที่โรงเรียนมารีย์วิทยา ถนนมุขมนตรี ตรงข้ามสถานีรถไฟนครราชสีมา ก่อนถึงห้าแยกหัวรถไฟ หรือห้าแยกนิ้งหน่อง เขตเทศบาลนครนครราชสีมา ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา เมื่อมีการปิดถนนให้นักเรียนเต้นกลางถนนยาวนานกว่า 10 นาที สร้างความเดือดร้อนแก่ผู้ใช้รถใช้ถนนจำนวนมาก โดยในเฟซบุ๊ก ‘กลุ่มข่าวคนโคราชบ้านเอ็ง’ โพสต์ข้อความว่า "ปิดถนนหน้าโรงเรียนเพื่อให้เด็กเต้น รถติดบานเดือดร้อนกันทั้งเมืองเลย คนจัดเอาอะไรคิดก่อน? โรงเรียนเอกชนชื่อดัง ย่านหัวรถไฟ จังหวัดโคราช (นครราชสีมา) ผู้บริหาร คณะครู หรือตำรวจในท้องที่อนุญาตได้อย่างไร สนุกบนความเดือดร้อนของชาวบ้าน รถติดยาวนานเป็นชั่วโมง ถนนก็ถนนสายหลักทั้งนั้น เจริญละท่าน ต้องมีคนออกมาขอโทษหรือรับผิดชอบ"

ด้านเพจที่ชื่อว่า ‘กูประชด’ ดูดคลิปไลฟ์สดกิจกรรมดังกล่าว พร้อมระบุว่า "ปิดถนนหน้าโรงเรียนเพื่อให้เด็กเต้น รถติดบานเลย คนจัดเอาอะไรคิดก่อน?" ปรากฏว่ามีชาวเน็ตแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก เช่น

- "คณะครูโรงเรียนเอาสมองส่วนไหนคิด จัดกิจกรรมที่ไม่เกิดประโยชน์ต่อสังคมและบุคคลที่ใช้ถนน ถนนหลวงไม่มีสิทธิ์ปิดกั้นขนาดนี้ ถ้ามีกิจกรรมก็อาจจะสัก 1 ช่องจราจรพอได้ เป็นกิจกรรมที่ทำให้ผู้ใช้รถใช้ถนนเดือดร้อนอย่างมาก"

- "ไม่ขอพื้นที่ในโรงเรียนวะ"

- "ระวังตะวันไปบีบแตรนะคะ" (หมายถึง น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ ผู้ต้องหาคดีคุกคามขบวนเสด็จฯ)

- "สภาพ...รถไม่ติดยาวถึงตลาด 100 ปี เลยเหรอเนี่ย"

- "เสรีภาพแต่คนอื่นเดือดร้อน"

- "อยากโชว์ว่ามีกิจกรรมดีๆ แต่ลืมคำนึงว่าคนอื่นจะเดือดร้อนไหม"

- "รอคำอธิบายจากคณะผู้บริหารโรงเรียนและผู้ที่อำนวยความสะดวก (ตำรวจเมืองนครราชสีมา)​"

- "การเต้นอะดี แต่ไม่ควรจัดที่ถนน เพราะเวลาเลิกเรียนหรือตอนเช้า เส้น ท.2 กับมารีย์คือรถติดมากๆ พื้นที่ใน รร.ก็มี จัดใน รร.ก็ได้ ถ้าคนอื่นอยากเข้าไปดู ก็เปิดให้เข้าไปดู"

อย่างไรก็ตาม สำหรับการเต้นดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมที่ชื่อว่า ซาวเด้อ โคราช มิวสิก เฟสต์ 2024 โคราชเมืองดนตรี ซาวเด้อ เอ็กซ์ เค-แบทเทิล รวมพลังชาวคัฟเวอร์ร่วมกิจกรรมแรนดอมแดนซ์ เพื่อประชาสัมพันธ์เทศกาลดนตรีซาวเด้อ โดยกำหนดจัดกิจกรรมวันที่ 19 ก.พ. เวลา 17.00-17.20 น. หน้าโรงเรียนมารีย์วิทยา โดยงานดังกล่าวจัดโดยกระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับจังหวัดนครราชสีมา และภาคส่วนต่างๆ เช่น สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ เทศบาลนครนครราชสีมา มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา วิทยาลัยนาฏศิลปนครราชสีมา โรงเรียนสุรนารีวิทยา บริษัท พาวเวอร์ มูฟ จำกัด และกลุ่ม เค แบทเทิล ไทยแลนด์

ภายหลังเฟซบุ๊กเพจ ‘Sounder Korat Music Fest’ โพสต์ข้อความระบุว่า "การทำประชาสัมพันธ์งาน Random Dance เป็นการตัดสินใจของทีมผู้จัด ไม่เกี่ยวข้องกับทางโรงเรียน หรือหน่วยงานใดๆ ด้วยเจตนาที่อยากสร้างสีสันให้กับเมือง ทางทีมผู้จัดคิดไม่รอบคอบ ต้องกราบขออภัยอย่างสูงในความไม่สะดวก มา ณ ที่นี้ ด้วยครับ ทางทีมผู้จัดขอน้อมรับทุกความคิดเห็น และจะปรับปรุงแก้ไขไม่ให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นอีก ขอขอบพระคุณทุกคำเสนอแนะ ครับผม" แต่ก็มีชาวจังหวัดนครราชสีมาตำหนิพฤติกรรมดังกล่าวอยู่ดี

'หมอธีระวัฒน์' เผย!! พบแท่งย้วยสีขาว คล้ายหนวดปลาหมึกในคนที่ฉีด mRNA ชี้!! ปรากฏการณ์นี้ไม่พบมาก่อนที่จะมีวัคซีนโควิดและคนที่ตายจากโควิด

(20 ก.พ.67) ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ภาพและข้อความในเฟซบุ๊ก 'ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha' ระบุว่า...

คนที่ยังไม่ตายหรือตายแล้ว จากวัคซีนโควิด mRNA พบ : แท่งย้วยสีขาว (white clot) คล้ายหนวดปลาหมึก ไม่เคยพบมาก่อน

รายละเอียด ยูทูบ John Campbell white clots USA Part 1 และ 2
(Part 1 https://youtu.be/nLl69c46JK0?si=NzXljM-mE9WY0Y2Z)
(Part 2 https://youtu.be/-o20mtbsL7Q?si=VZZgMR2d34MlI5Sc)

จากรูปจะพบของเหลวที่ดูดจากช่องท้อง บริเวณใกล้ตับอ่อน คนป่วย ที่ยังมีชีวิต และรูปจากคนป่วยที่กำลังจะเสียชีวิต รักษาด้วยการผ่าตัดไม่ทัน และตาย รวมทั้งรายอื่นที่เสียชีวิตไปแล้วและลากสิ่งที่อยู่ในหลอดเลือดแดง carotid ที่ไปเลี้ยงสมอง

ปรากฏการณ์นี้ไม่ได้พบมาก่อนที่จะมีวัคซีนโควิดและไม่ได้เจอในคนที่ตายจากโควิด หรือโรคอื่น

และยังมีรายงานก่อนหน้านี้ จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางพยาธิวิทยาในเยอรมนี ที่มีชื่อเสียง ที่ทำการผ่าศพชันสูตร พบลักษณะลักษณะเดียวกัน กับในที่เห็นในสหรัฐอเมริกา

ผลวิจัยล่าสุดระบุ!! ฉีดวัคซีน mRNA 'ไฟเซอร์-โมเดอร์นา' เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ

(20 ก.พ.67) ผศ.ดร.วรัชญ์ ครุจิต รองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนาคณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) NIDA โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'Warat Gap' ระบุว่า...

การวิจัยล่าสุดเกี่ยวกับผลของวัคซีนโควิด ซึ่งใช้กลุ่มตัวอย่างถึง 99 ล้านคน มากที่สุดเท่าที่เคยทำมา ยืนยันว่า คนที่ฉีดวัคซีน mRNA (ไฟเซอร์-โมเดอร์นา) เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ และคนฉีดวัคซีน Viral Vector (Astra Zeneca) เพิ่มความเสี่ยงการเกิดเส้นเลือดสมองตีบ

โดยกลุ่มผู้รับวัคซีนที่เกิดอาการมากที่สุด คือกลุ่มคนที่ฉีดวัคซีนโมเดิร์นน่า 2 เข็ม รองลงมาคือคนฉีดวัคซีนโมเดิร์นน่า 1 เข็ม และ 4 เข็ม 

...วัคซีนเทพอ่ะนะ คนที่เรียกร้อง ด่าทอรัฐบาลตอนนั้น ไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นอะไรหน่อยเหรอครับ 

https://www.msn.com/en-us/money/other/largest-covid-vaccine-study-yet-finds-links-to-health-conditions/ar-BB1iuvvi 

นราธิวาส - ผู้แทน UN ถก ผอ.สำนักกฎหมายและสิทธิมนุษยชน กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ประเด็นข้อกฎหมาย ยืนยันเข้าใจดีต่อกรณีการดำเนินคดีกลุ่มภาคประชาสังคม จัดกิจกรรมอ้างแสดงอัตลักษณ์การแต่งกายชุดมลายู

พันเอก เฉลิมชัย สุทธินวล ผู้อำนวยการสำนักกฎหมายและสิทธิมนุษยชน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ร่วมให้การต้อนรับ Mr. Dip Magar Human Rights Officer and Thailand Team Leader OHCHR. คณะผู้แทนสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ในโอกาสเข้าพบหารือเกี่ยวกับการสนับสนุนการเสริมสร้างศักยภาพของเจ้าหน้าที่ในการดำเนินการตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พุทธศักราช 2565 การบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการจับกุมผู้กระทำผิดภายใต้พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ณ ห้องรับรอง อาคาร 3 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ตำบลเขาตูม อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี โดยมี พันตำรวจเอกจารุวิทย์ วงศ์กิตติพร รองผู้อำนวยการสำนักกฎหมายและสิทธิมนุษยชนกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า คณะเจ้าหน้าที่ ร่วมให้การต้อนรับ Mr. Dip Magar เจ้าหน้าที่สิทธิมนุษยชนและหัวหน้าทีมประเทศไทย สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมกล่าวว่า สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชน แห่งสหประชาชาติ(OHCHR) มีความสนใจต่อ พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พุทธศักราช 2565 นับเป็นความสำเร็จของประเทศไทยต่อการบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้ พร้อมทั้งเสนอความร่วมมือระหว่าง กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ด้านปัญหา เทคนิคต่างๆ รวมทั้งการฝึกอบรม ผลิตหลักสูตร ตลอดจนการพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ ด้านสิทธิมนุษยชน นอกจากนี้ให้ความสนใจต่อกรณีการร้องเรียน จากกลุ่มองค์กรภาคสังคมต่างไปยื่นเรื่องต่อ UN เพื่อตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน ขั้นพื้นฐานในการแสดงออก เช่น ด้านการแต่งกายชุดมลายู ซึ่งในประเด็นนี้ทางยูเอ็นยืนยันเข้าใจดีต่อประเด็นดังกล่าว 

ด้าน พันเอก เฉลิมชัย สุทธินวล ผู้อำนวยการสำนักกฎหมายและสิทธิมนุษยชน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวว่า พลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4/ ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้ให้ความสำคัญกับพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.๒๕๖๕ ดำเนินการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาล ในการส่งเสริมและมีการบรรยายให้ความรู้ต่อเจ้าหน้าที่ ในการบังคับใช้กฎหมายด้วยความระมัดระวังต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชน ส่วนกรณีที่มีการกล่าวอ้างว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีเรื่องการแต่งกายชุดมลายู นักจัดกิจกรรม ณ หาดวาสุกรี นั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และแนะนำว่า เรามี พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม พ.ศ.๒๕๕๙ ในการส่งเสริมฯด้วยซ้ำ

ทั้งนี้ ผู้แทนUN ได้ฝากขอบคุณทางกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้าที่ชี้แจงสร้างความเข้าใจ และสร้างความมั่นใจว่าจะปฏิบัติภายใต้กรอบกฎหมายโดยเคร่งครัด ตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ เพื่อปกป้องชีวิตและทรัพย์สิน รวมทั้งป้องกันการละเมิดสิทธิมนุษยชนของประชาชนผู้บริสุทธิ์ และกล่าวทิ้งท้ายว่า การพบปะหารือครั้งนี้ เป็นสิ่งที่ยืนยันว่าจะสร้างความใกล้ชิดในการประสานการปฏิบัติงานร่วมกัน ในโอกาสต่อไป
ข่าว.แวดาโอ๊ะ หะไร/อัสมา บินมะนุ จ.นราธิวาส

รู้จัก ‘กิจการไฟฟ้ากองทัพเรือ’ คุณค่าที่ถูกนักการเมืองหยิบมาโจมตี ทั้งที่ ‘เงินขายไฟ’ ช่วยต่อลมหายใจทางการศึกษามากว่า 50 ปี

เรียกว่าเป็นอีกด้านที่น้อยคนจะได้รู้!! กับ ‘กิจการไฟฟ้ากองทัพเรือ’ ที่โดนนักการเมืองโจมตีอย่างหนัก แต่น้อยคนนักที่รู้ ‘เงินขายไฟ’ คือ ลมหายใจ ช่วยเพิ่มโอกาสทางการศึกษาให้บุตรหลานข้าราชการและประชาชน ผ่าน ‘โรงเรียนสัตหีบ’ ทั้ง 2 แห่ง มากว่า 50 ปี

จากกรณีที่มีนักการเมืองได้หยิบยก ประเด็นกิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ ซื้อกระแสไฟฟ้าจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย มาจ่ายให้แก่หน่วยราชการและประชาชนในพื้นที่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ว่า การดำเนินกิจการดังกล่าว ไม่ใช่ภารกิจของกองทัพเรือ เพราะเป็นหน่วยงานด้านความมั่นคง และไม่ควรจะมีกิจกรรมทางธุรกิจเข้ามาเกี่ยวข้อง

แต่ทว่า นอกจากมิติด้านความมั่นคงแล้ว การรายได้ที่เกิดขึ้นจากกิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือนั้น ทางกองทัพเรือ ได้นำกำไรส่วนหนึ่งไปเป็นสวัสดิการให้กับข้าราชการและทหารชั้นผู้น้อย โดยเฉพาะในด้านการศึกษาของบุตรหลานข้าราชการทหารเรือและประชาชนทั่วไปในพื้นที่สัตหีบ

ทั้งนี้ คนส่วนใหญ่อาจจะยังไม่ทราบว่า กองทัพเรือ ได้บริหารกิจการโรงเรียนที่ชื่อว่า ‘โรงเรียนสัตหีบ’ ซึ่งได้ก่อตั้งอย่างไม่เป็นทางการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2479 เพื่อให้การศึกษาแก่บุตรหลานของข้าราชการ ลูกจ้าง และคนงาน ในสังกัดกองทัพเรือที่ย้ายมารับราชการที่สัตหีบ จากนั้นในปี พ.ศ. 2480 จึงได้จดทะเบียนเป็นโรงเรียนราษฎร์ชื่อ ‘โรงเรียนสถานีทหารเรือสัตหีบ’ 

และได้ เปลี่ยนชื่อโรงเรียนใหม่ตามมติของสภากองทัพเรือเป็น ‘โรงเรียนสัตหีบ’ เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2502 ในช่วงแรกจัดการศึกษาตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล 1 ถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ปัจจุบันได้พัฒนาเป็นโรงเรียนระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาจัดการศึกษาระดับอนุบาล ถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มี 2 แห่ง ได้แก่...

1. โรงเรียนสัตหีบ เขตฐานทัพเรือสัตหีบ
- เปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้น อนุบาล 1 - มัธยมศึกษาปีที่ 3
- ผู้บริหาร ครู และบุคลากร จำนวน 127 คน
- นักเรียนจำนวน 1,498 คน

2. โรงเรียนสัตหีบ เขตกองเรือยุทธการ
- เปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้น อนุบาล 1 - ประถมศึกษาปีที่ 6
- ผู้บริหาร ครู และบุคลากร จำนวน 96 คน
- นักเรียนจำนวน 963 คน
รวมนักเรียนทั้ง 2 เขต เป็นจำนวน 2,461 คน

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าโรงเรียนทั้ง 2 แห่งนี้ จะบริหารงานจดทะเบียนเป็นโรงเรียนราษฎร์ และมีการบริหารงานแบบเอกชน แต่การเก็บค่าเล่าเรียนจากผู้ปกครองนั้นถือว่าอยู่ในระดับที่ต่ำมาก เมื่อเทียบกับโรงเรียนเอกชนทั่วไป นั่นเพราะนักเรียนส่วนใหญ่ เป็นบุตรหลานของข้าราชการในสังกัดกองทัพเรือ 

ทั้งนี้ อดีตครูที่เคยสอนในโรงเรียนสัตหีบ ได้ให้ข้อมูลว่า ค่าใช้จ่ายที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทัพเรือในแต่ละปีนั้น ทราบมาว่า ส่วนหนึ่งเป็นเงินที่ได้จากกิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ ทำให้โรงเรียนทั้ง 2 แห่ง ได้รับการพัฒนาทั้งทางด้านการเรียนการสอน และอาคารสถานที่ ตลอดระยะเวลากว่า 50 ปี ที่กิจการไฟฟ้าฯ ได้ดำเนินงานมา

แน่นอนว่า งบประมาณที่ได้รับการสนับสนุนในส่วนนี้ ได้ก่อเกิดประโยชน์และเพิ่มโอกาสทางด้านการศึกษาให้กับคนในพื้นที่สัตหีบ นับตั้งแต่อดีตจวบถึงปัจจุบัน มีนักเรียนที่จบการศึกษาไปแล้วหลายหมื่นคน ทั้งที่เป็นบุตรหลานข้าราชการและบุตรหลานของคนทั่วไป ซึ่งหลายคนเติบใหญ่เป็นคนคุณภาพและเป็นกำลังหลักในการพัฒนาประเทศ ซึ่งเป็นผลประโยชน์ที่ได้จาก ‘เงินขายไฟ’ ที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้

‘ธนาคาร TTB’ ไม่นิ่งนอนใจ!! หลังพบธุรกรรมผิดปกติ ลูกค้าถูกหักเงิน 33.28 บาท ทุกนาที เร่งคืนภายใน 5 วัน

(19 ก.พ.67) จากกรณีผู้ใช้บริการธนาคารได้โพสต์ข้อความผ่านเพจว่า “ลูกเพจแจ้งมาหลายคนว่า วันนี้คนใช้แอปออนไลน์ของธนาคารแห่งหนึ่ง มีการหักยอด 33 บาท แบบรัวยิก ทุก 1 นาที บางคนโดนหลายสิบยอด ใครเจอมั่ง”

โดยปรากฏว่ามีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก และแสดงความเดือดร้อนไม่น้อย โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กบางราย ได้โพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า ถูกตัดเงิน ไม่ได้กดติดตามอะไร บัญชีที่โดนเป็นบัญชีผ่อนบ้านอย่างเดียวด้วยนั้น

​จากการสอบถามไปยัง ธนาคารทีเอ็มบีธนชาต (ทีทีบี) ทราบว่า ธนาคารได้รับทราบเรื่องผู้เสียหายที่โดนหักเงินจากบัญชีทีละ 33.28 บาท และตัดยอดอย่างสม่ำเสมอ 1 นาทีครั้ง โดยบางคนโดนไป 60 ยอด

ทั้งนี้ธนาคารไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยได้มีการตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้ง แต่เบื้องต้นพบว่าเป็นธุรกรรมที่เกิดจากบุคคลภายนอก โดยที่ผู้ถือบัตรไม่ได้ใช้บัตรเดบิตรูดซื้อจริง อย่างไรก็ดีทางธนาคารจะทำการปรับปรุงรายการและคืนให้ภายใน 5 วันทำการ

‘คนไทยในสหรัฐฯ’ อวยสังคมมะกันไม่มี ‘กับดักความกตัญญู’ ถ่มถุย ‘สังคมไทย’ พ่อแม่ไม่รู้จักพอ ต้องรอเงินจากลูกๆ ทุกเดือน

เมื่อไม่นานมานี้ จากเพจ ‘SAM Motoring’ ได้นำเสนอคลิปจาก ‘ครูเดวิด วิลเลียม’ ซึ่งเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ ที่พูดถึงกรณีคนไทยในสหรัฐฯ ได้กล่าวถึงประเด็น ‘กับดักความกตัญญูของสังคมไทย’ ไว้ว่า… 

‘สิ่งนี้คือความแตกต่างอย่างชัดเจนระหว่าง ‘สังคมอเมริกัน’ และ ‘สังคมไทย’ นั่นก็คือที่อเมริกาจะไม่มีวัฒนธรรมเกี่ยวกับดักความกตัญญู ซึ่งก็คือเรื่องการส่งเงินให้กับพ่อแม่ในทุก ๆ เดือนนั่นเอง โดยพ่อแม่นั้นจะไม่มานั่งขอเงินหรือเอาเงินจากลูก ๆ ซึ่งเป็นเพราะว่าพวกเขาก็มีเงินเก็บจากการทํางานอยู่แล้ว และพวกเขาได้มีการวางแผนทางการเงินมาตั้งแต่หนุ่มสาว ซึ่งมันจะต่างจากสังคมไทยโดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะหลาย ๆ ครอบครัวที่ลูกจะต้องส่งเงินให้พ่อแม่ทุก ๆ เดือน แล้วพ่อแม่บางคนลูกให้เงินแล้วแต่ก็คือยังไม่รู้จักพอ…’

ซึ่งด้าน ‘ครูเดวิด วิลเลียม’ ได้แสดงว่าคิดเห็นและมุมมองต่อคลิปนี้ว่า…

สิ่งแรกที่อยากจะพูดคือต้องขออนุญาตเห็นต่างจากคลิปนี้โดยสิ้นเชิง เริ่มข้อแรกต้องถามก่อนว่า ‘ความกตัญญู’ เป็น ‘กับดัก’ ขนาดนั้นเลยเหรอ? ดังนั้นสิ่งที่เราอาจจะต้องมาทําความเข้าใจกันก่อนก็คือ…การที่คุณจะดูแลมนุษย์คนนึงตั้งแต่เด็กจนโต อย่างการส่งเขาเรียนหนังสือ การดูแลเอาใจใส่ต่าง ๆ ดังนั้น นี่จึงเป็นหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่มาก และเป็นสิ่งที่ไม่ได้ง่ายเลย

พร้อมยอมรับว่าแนวคอนเทนต์ที่ไม่ชอบที่สุดมันเริ่มเยอะขึ้นมาก ๆ ซึ่งก็คือการที่คนชอบบอกว่าฝรั่งมันเริศ ดีมาก ดีทุกอย่าง ส่วนทางคนเอเชีย ซึ่งขออนุญาตเน้นคํานี้ก่อนว่า ‘ความกตัญญู’ ไม่ได้เป็นสิ่งที่คนไทยทําหรือนิยมกันเท่านั้น คือถ้าคุณทําการบ้านดี ๆ สิ่งที่คุณจะเข้าใจก็คือความกตัญญูตัวนี้มันอยู่ทั่วทวีปเอเชียเลย ไม่ว่าจะเป็นคนเกาหลี คนไทย คนอินโดนีเซีย หรือประเทศไหนก็แล้วแต่ เขานิยมเรื่องความกตัญญูเป็นอย่างยิ่ง

ซึ่งจุดที่ไม่ชอบที่สุดในคลิปดังกล่าวก็คือตอนที่พูดประมาณว่าพ่อแม่คนไทยเก็บเงินไม่เป็นกันเลย แล้วคนอเมริกันเขาเก็บเงินได้ เขาตั้งใจ เขาดูแลชีวิตตัวเอง เลยไม่ค่อยไปลําบากลูก ซึ่งเหตุผลดังกล่าวถือเป็นการเหมารวมคนไทยหรือพ่อแม่คนไทยที่ไม่น่ารักเลย ทั้ง ๆ ที่คนไทยหลายคนซึ่งมีลูกพวกเขาทํางานกันหนักมาก ทํางานแทบตาย แต่ว่าโอกาสในการหาเงินถามว่าเยอะมหาศาลไหม? คำตอบคือไม่… และไม่ว่าเขาจะเหนื่อยแค่ไหน ทำงานกี่ชั่วโมงแค่ไหนก็ตามสุดท้ายก็หาเงินได้ไม่เยอะอยู่ดี…ดังนั้น คุณอย่าลืมคํานี้เลยนะว่าชีวิตมันไม่แฟร์ โอกาสของแต่ละคนมันไม่เท่ากัน จุดเริ่มต้นของแต่ละคนไม่เท่ากัน แล้วการเหมารวมคนเอเชียหรือคนไทยแบบนี้ เพราะมันเป็นสิ่งที่ไม่โอเคเป็นอย่างยิ่ง

ดังนั้น คุณต้องจําคํานี้เอาไว้นะ นี่คือบทเรียนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของผม คุณจะไม่มีวันเสียดายกับการให้กับคน คุณจะไม่มีวันเสียดายกับการเป็นคนใจดีหรือว่าช่วยเหลือคนซึ่งช่วยคุณมา สำหรับใครที่ออกมาบอกว่าเราจะสําเร็จถ้าเราไม่ให้พ่อแม่ เราจะสําเร็จถ้าไม่ช่วยใคร ต้องเห็นแก่ตัวอย่างเดียว ซึ่งคนที่พูดอย่างนี้ไม่สําเร็จอย่างแน่นอน เพราะสิ่งที่คุณจะเข้าใจเมื่อคุณโตขึ้นแล้วก็คือการช่วยเหลือคนอื่น การเป็นคนใจดี เป็นคนซื่อสัตย์ เป็นคนน่ารัก มันมักจะดึงพลังงานอะไรดี ๆ เข้าตัวคุณตลอด แล้วมันจะดึงความสําเร็จเข้าตัวคุณอย่างแน่นอน 

หากถามว่ามันยังมีพ่อแม่บางคนหรือไม่ที่ไม่รักลูกตัวเอง ที่เอาเปรียบลูกตัวเองตลอด ที่เอาเงินจากลูกตัวเองแบบเกินเหตุ ถามว่ามีไหม? ตอบคือมี แล้วในกรณีแบบนี้เราควรที่จะให้เขายังต่อเนื่องไหม? คําตอบคือไม่…แต่ในวันนี้หากคุณมีพ่อแม่ที่รักและเอ็นดูคุณจริง ๆ มาโดยตลอด และคุณมั่นใจสิ่งนี้ 100% ก็จงให้เขาไปเถอะ เพราะเวลาที่คุณเหลือกับเขาน้อยกว่าที่คุณคิดตั้งหลายเท่า…

‘อดีตบิ๊กข่าวกรอง’ ลั่น!! ประเทศนี้อยู่ยาก ชี้!! ขื่อแปบ้านเมืองมันผุไปหมดแล้ว

(19 ก.พ. 67) นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘Nantiwat Samart’ ระบุว่า เอากันให้เต็มที่ เอาที่สบายใจ ตัวอย่างก็มีแล้ว นักการเมืองโกงกิน คอร์รัปชั่นยิ่งมากยิ่งดีให้ได้หมื่นแสนล้าน มีเงินซื้อได้ทุกอย่าง money buy anythings ซื้อได้ทั้งขี้ข้าและยุติธรมม ไม่ต้องกลัวคุกกลัวตาราง หนีไปหาความสุขเมืองนอกสักพัก ค่อยกลับมารับโทษ นอนโรงพยาบาลไม่กี่วันก็ได้กลับบ้าน

"อย่าซื่อแบบป๋าบุญทรงที่ถูกหลอก หลอกให้รอแล้วรอเล่า หรือพี่เปรมที่กล้าหาญรับโทษ ขื่อแปบ้านเมืองมันผุไปหมดแล้ว แถมซ่อมก็ไม่ได้รื้อไม่ได้ อ้างกฎหมายให้อำนาจมัน กฎหมายมันบิดตะกูดไปหมด ซ้ายก็ได้ขวาก็ดี ฉห. แล้ว ประเทศนี้อยู่ยาก" อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ระบุ

'พอลล่า ชูการ์ต' ออกแถลงเป็นภาษาไทย ประกาศฟ้อง 'แอน จักรพงษ์' หลังถูกกล่าวหาฉ้อโกง ลั่น!! เป็นการลดทอนคุณค่าผู้ครองมงกุฎที่ผ่านมา

(19 ก.พ.67) แฟนนางงามช็อก หลังจากที่ ‘พอลล่า ชูการ์ต’ อดีตประธานองค์กรมิสยูนิเวิร์ส ได้ออกแถลงการณ์เป็นภาษาไทยผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว ฟาดกลับกรณีที่ถูก ‘แอน จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บมจ.เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป กล่าวหาฉ้อโกง รับสินบน พร้อมเตรียมดำเนินคดีกลับ ข้อความระบุว่า

“หลังจากที่ดิฉันได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งประธานองค์กรมิสยูนิเวิร์สเมื่อเดือนพฤศจิกายน ดิฉันเลือกที่จะไม่แสดงความคิดเห็นใดๆ เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงภายในองค์กรมิสยูนิเวิร์ส พร้อมยังยินดีที่จะช่วยเหลือทางองค์กรและผู้ที่เกี่ยวข้องทุกท่านด้วยคำแนะนำ คำชี้แนะ จากประสบการณ์และความรู้ที่สั่งสมมาเป็นเวลาอันยาวนาน

ดิฉันจำเป็นที่จะต้องออกมาแถลงในครั้งนี้ เพราะทางเจ้าขององค์กรมิสยูนิเวิร์ส แอน จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ได้กล่าวหาดิฉันด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จ และทำให้ดิฉันเสื่อมเสียชื่อเสียงเป็นอย่างมาก โดยปกติแล้วดิฉันเลือกที่จะเพิกเฉยต่อคำพูดพวกนั้น แต่การกล่าวหาว่าดิฉันฉ้อโกงและรับอามิสสินจ้างเพื่อให้ประเทศใดประเทศหนึ่งได้รับตำแหน่งมิสยูนิเวิร์สในการประกวดมิสยูนิเวิร์สแต่ละปี

คำกล่าวนี้ไม่ใช่เพียงแต่เป็นการหมิ่นประมาทในตัวดิฉันเท่านั้น แต่ยังเป็นการลดทอนคุณค่าของผู้หญิงทุกคนที่ได้ครองมงกุฎมิสยูนิเวิร์สที่ผ่านมาทั้งหมดว่าพวกเธอนั้นเป็นมิสยูนิเวิร์สที่ซื้อตำแหน่งมาโดยไม่ได้เข้าสู่ระบบของการประกวดอย่างเป็นธรรม

ดิฉันไม่สามารถยอมรับคำกล่าวหาที่รุนแรงอย่างไร้การยังคิดเยี่ยงนี้ได้ เพราะการกระทำเช่นนี้เป็นการดูถูกความเป็นมิสยูนิเวิร์สและผู้ที่ได้รับตำแหน่ง ดิฉันเตรียมดำเนินการทางกฎหมายในประเทศไทย ถึงแม้ว่าการดำเนินการทางกฎหมายของดิฉันจะเป็นเพียงแค่หนึ่งคดีของการฟ้องร้องจากหลาย ๆ คดีที่ผู้บริหารสูงสุดของ บริษัทเจเคเอ็น (LKN) กำลังเผชิญอยู่ก็ตาม

แต่การออกมาประกาศความจริงและประณามต่อข้อกล่าวหาที่เป็นเท็จ คือ สิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการปกป้องมิสยูนิเวิร์สและชื่อเสียงขององค์กร ก่อนที่จะนำเรื่องนี้เข้าสู่กระบวนการศาลยุติธรรมในราชอาณาจักรไทยต่อไป และฉันขอสงวนสิทธิ์ในการเรียกร้องค่าเสียหายทั้งหมด

ดิฉันไม่มีความตั้งใจที่จะเข้าไปร่วมในข้อถกเถียงข้อโต้แย้งทางสื่อโซเชียล ทุกคนที่รู้จักดิฉันดีย่อมรู้ความจริงทั้งหมดและสิ่งที่ดิฉันยืนหยัดอย่างมั่นคงมาโดยตลอด ดิฉันขอให้ประสบการณ์ทั้งหมดของดิฉันที่ทำงานร่วมกับผู้หญิงที่น่าชื่นชมทั่วโลกเหล่านั้นเป็นเครื่องพิสูจน์ตัวตนและเนื้อแท้ในตัวดิฉันเอง”

‘โกมล จึงรุ่งเรืองกิจ’ หนุนขึ้นเงินเดือนครู กระตุ้นคุณภาพการสอน พร้อมฝากกำลังใจถึงเยาวชน “ขอให้ตั้งใจเรียน ไม่ยุ่งเกี่ยวอบายมุข”

หากเอ่ยชื่อ ‘โกมล จึงรุ่งเรืองกิจ’ ภาพที่คนรู้จักจะแบ่งเป็น 2 ส่วน หนึ่งคือ นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง และอีกหนึ่งนั้นคือ ‘ผู้ใหญ่ใจดี’ ด้วยบุคลิกที่เรียบง่ายใจดี ที่มีการบริจาคทุนทรัพย์และจัดทำโครงการช่วยเหลือสังคมมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ บริจาคเงินจำนวน 100 ล้านบาท พร้อมด้วยอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็น ให้กับโรงพยาบาลศิริราช เพื่อใช้รักษาผู้ป่วยโควิด-19 และการซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลยูโร 2020 ให้คนไทยได้ดูฟรี ช่วงที่ต้องกักตัวอยู่บ้านจากสถานการณ์โควิด-19 ระบาด

ล่าสุด ได้สนับสนุนการศึกษาเด็กไทยทั่วประเทศ ภายใต้ชื่อโครงการ ‘Aerosoft Give Scholarships มอบทุน 100 ล้าน สานฝันให้เด็กไทย’ ซึ่งดำเนินการภายใต้ บริษัท ซัมมิทฟุตแวร์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรองเท้าแบรนด์ แอโร่ซอฟ (Aerosoft) โดยได้มอบทุนการศึกษาและอุปกรณ์กีฬาให้แก่ 

1. สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา 
2. ศึกษาพิเศษ 
3. ศูนย์ศึกษาพิเศษ 
และ 4. ศึกษาสงเคราะห์ ทั่วประเทศ รวม 2,549 โรงเรียน มูลค่ารวมกว่า 100 ล้าน

คุณโกมล จึงรุ่งเรืองกิจ ได้กล่าวถึงการมอบทุนการศึกษาในครั้งนี้ว่า ทางบริษัท ซัมมิทฟุตแวร์ฯ มีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศ เพราะตระหนักดีว่าการศึกษาเป็นสิ่งที่สําคัญที่จะช่วยสร้างคุณภาพคน และหวังว่าเด็ก ๆ ที่ได้รับทุนในการศึกษาครั้งนี้ จะมีโอกาสสร้างสรรค์และต่อยอดทางการศึกษาเพื่อก้าวไปเป็นกําลังสําคัญในการพัฒนาประเทศต่อไปในอนาคต

พร้อมกันนี้ คุณโกมล ยังกล่าวด้วยว่า ระบบการศึกษาของประเทศไทยจําเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเพิ่มเงินเดือนให้กับครูให้มากขึ้นกว่าในปัจจุบัน เพราะเท่าที่ทราบรายได้ของวิชาชีพครูถือว่าค่อนข้างน้อยมากเมื่อเทียบกับความสำคัญของภาระหน้าที่ของครู โดยเฉพาะอย่างยิ่งในต่างจังหวัด ซึ่งพบว่า ครูอัตราจ้างมีรายได้เพียงไม่กี่พันบาทต่อเดือนเท่านั้น จะว่าไปแล้วยังสู้ค่าแรงขั้นต่ำของพนักงานในโรงงานยังไม่ได้เลย 

“รายได้ของครูของบ้านเราถือว่าอยู่ในระดับที่ต่ำมาก เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างสิงคโปร์ หรือเวียดนาม โดยเฉพาะสิงคโปร์ที่ครูเป็นอาชีพที่มีรายได้สูงอยู่ในอันดับต้น ๆ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คุณภาพการศึกษาของประเทศเหล่านั้นพัฒนาขึ้น จึงอยากจะฝากผู้ใหญ่ในบ้านเมืองหากเป็นไปได้ช่วยพิจารณาเพิ่มรายได้ให้กับกลุ่มเรือจ้าง เพื่อสร้างขวัญในการสั่งสอนและสร้างลูกศิษย์ที่มีคุณภาพให้กับประเทศไทยต่อไป และโดยส่วนตัวมองว่า หากรายได้ของครูยังต่ำเช่นในปัจจุบัน เป็นเรื่องค่อนข้างยากลําบากที่จะสามารถพัฒนาการศึกษาบ้านเราได้”

ขณะเดียวกัน คุณโกมล ยังฝากไปถึงนักเรียนที่ได้รับทุนในครั้งนี้ด้วยว่า ให้นำทุนที่ได้รับไปใช้ประโยชน์ทางการศึกษา และพัฒนาคุณภาพชีวิต ไม่ไปข้องเกี่ยวกับยาเสพติดและการพนัน ขอให้ตั้งใจศึกษาเล่าเรียน เพื่อสร้างรากฐานของชีวิตและเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ

“คุณตาโกมลคนนี้ ขอเป็นกำลังใจให้กับหลาน ๆ ทุกคนที่ได้รับทุนการศึกษาในครั้งนี้ และขอให้ทุกคนอย่าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด พวกเหล้ายาของไม่ดีอย่าลองอย่างเด็ดขาด รวมถึงการพนัน ซึ่งตอนนี้การพนันออนไลน์มีเยอะมากและเข้าถึงได้ง่าย ขอฝากไว้ว่าอย่าได้เข้าไปเกี่ยวข้อง เพราะถ้าหากหลงเข้าไปในบ่วงการพนันแล้วจะทำให้ชีวิตมีแต่ความเดือดร้อน ขอให้มุ่งพัฒนาตัวเองและตั้งใจศึกษาเล่าเรียน ด้วยความมานะอดทน เพื่อเพิ่มพูนความรู้ ซึ่งเป็นพื้นฐานสร้างโอกาสในชีวิตและมีรายได้ที่สูงขึ้น สามารถเลี้ยงดูตอบแทนพ่อแม่และมีชีวิตที่ดีในอนาคต” คุณโกมลกล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top