Saturday, 17 May 2025
NEWS FEED

ครม. ให้ปรับเงื่อนไขการชดใช้ทุน ทันตแพทย์จบใหม่ เข้ารับราชการ  ต้อง มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ-ได้รับคัดเลือกตามแผนความต้องการของหน่วยงาน

ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ไตรศุลี  ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบให้ทบทวนมติครม.เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2525 เกี่ยวกับโครงการแก้ไขปัญหาการกระจายทันตแพทย์ที่มีเงื่อนไขเรื่องการเข้ารับราชการ โดยได้ปรับปรุงสาระสำคัญของโครงการ เกี่ยวกับการกำหนดเงื่อนไขการเข้ารับราชการใหม่ดังนี้ เดิมนโยบายเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาด้านการกระจายทันตแพทย์ ได้กำหนดให้ นักศึกษาทันตแพทย์ทุกคนทำสัญญาเข้ารับราชการ  ขอปรับปรุงเป็น ให้นักศึกษาทันตแพทย์คู่สัญญาผู้ที่สำเร็จการศึกษาทันตแพทยศาสตรบัณฑิตจากสถาบันการศึกษาภาครัฐ ที่ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทันตกรรมและได้รับคัดเลือกตามแผนความต้องการทันตแพทย์ของส่วนราชการ หรือหน่วยงานในองค์กรของรัฐทุกคนเข้าปฏิบัติงานชดใช้ทุนตามสัญญา

น.ส.ไตรศุลี  กล่าวว่า สำหรับสาเหตุที่ต้องปรับปรุงสาระสำคัญโดยระบุเงื่อนไขที่ชัดเจนมากขึ้นข้างต้น  เนื่องจากในระยะแรกของโครงการฯมีเพียงสถาบันการผลิตทันตแพทย์ภาครัฐ แต่ในปัจจุบันมีสถาบันผลิตทันตแพทย์ภาคเอกชนด้วย และเพื่อลดภาระของกระทรวงสาธารณสุขในการจัดหาตำแหน่งงานอื่นมารองรับผู้สำเร็จการศึกษาทันตแพทยศาสตรบัณฑิตที่ไม่ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพประมาณปีละ 100 คน ไปปฏิบัติชดใช้ทุน เนื่องจากที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุขจะต้องรับผู้สำเร็จการศึกษาภายหลังกระบวนการคัดเลือกของส่วนราชการ หรือหน่วยงานในองค์การของรัฐอื่นๆ ซึ่งเป็นการรับผู้สำเร็จการศึกษาที่ไม่ได้รับใบอนุญาตไว้ทั้งหมด

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า นอกจากนี้ยังทบทวนสาระสำคัญที่เดิมระบุว่า จำนวนทันตแพทย์ในแต่ละปีนั้นให้รับราชการในส่วนภูมิภาค โดยรับราชการในกระทรวงสาธารณสุขไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 และรับราชการในหน่วยงานอื่นไม่เกินร้อยละ 30 ปรับเป็น จำนวนทันตแพทย์ผู้ทำสัญญาในแต่ละปีนั้นให้เข้าปฏิบัติงานในส่วนราชการ หน่วยงานในองค์การของรัฐ ตามแผนความต้องการของส่วนราชการหรือหน่วยงาน เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการทันตแพทย์คู่สัญญาของกระทรวงสาธารณสุขซึ่งมีแนวโน้มจะต่ำกว่าร้อยละ 70  และความต้องการที่ลดลงของส่วนราชการหรือหน่วยงานในปัจจุบันและอนาคต ซึ่งหลังจากที่ครม.มีมติตามที่เสนอครั้งนี้แล้ว กระทรวงสาธารณสุขจะประสานส่วนราชการจัดทำแผนความต้องการทันตแพทย์ราย 5 ปี และในแต่ละปีจะทบทวนความต้องการที่เกิดขึ้นจริงเพื่อประเมินสถานะความต้องการด้วย

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า อัตราส่วนทันตแพทย์ต่อประชากรในปี 2525 ในส่วนภูมิภาคอยู่ที่ 1:177,781 คน  ทั้งประเทศสัดส่วนอยู่ที่ 1:26,678 คน  ขณะที่ในปี 2563 อัตราส่วนทันตแพทย์ต่อประชากรในภูมิภาคอยู่ที่ 1:10,673 คน ทั้งประเทศอยู่ที่ 1:3,989 คน ซึ่งเป้าหมายอัตราส่วนของทันตแพทย์ต่อประชากร ตามที่องค์การอนามัยโลกกำหนดไว้สำหรับประเทศกำลังพัฒนาอยู่ที่ 1:5,000 คน  เป้าหมายของไทยในปี 2563  ในภูมิภาคอยู่ที่ 1:8,000 คน และทั้งประเทศอยู่ที่ 1:3,000 คน

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขระบุว่า กระทรวงสาธารณสุขมีแผนความต้องการรับทันตแพทย์คู่สัญญาเข้าปฏิบัติงานชดใช้ทุนประมาณปีละ 400 คนต่อปี คิดเป็นร้อยละ 59.44 ของผู้สำเร็จการศึกษาทันตแพทยศาสตร์จากสถาบันการศึกษาภาครัฐทั้งหมด ซึ่งมีประมาณ 700 คนต่อปี ประกอบกับส่วนราชการหรือหน่วยงานนอกสังกัดกระทรวงสาธารณสุข มีตำแหน่งรองรับและคัดเลือกทันตแพทย์คู่สัญญาไปปฏิบัติงานชดใช้ทุนลดลง ทำให้กระทรวงสาธารณสุขต้องรับทันตแพทย์คู่สัญญาส่วนที่เหลือทั้งหมดเข้าปฏิบัติชดใช้ทุนในส่วนภูมิภาคประมาณ 612 คนต่อปี ซึ่งรวมถึงผู้สำเร็จการศึกษาทันตแพทยศาสตรบัณฑิตที่ไม่ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทันตกรรมประมาณ 100 คนต่อปี  ส่งผลให้กระทรวงสาธารณสุขต้องรับทันตแพทย์คู่สัญญาเกินความต้องการภายใต้เงื่อนไขสัญญาแบบเดิม

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตือน ระวังภัยร้ายจากโลกออนไลน์ 6 ประเภท ในช่วง work from home

วันที่ 17 ส.ค. 64  พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่าในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ทำงานส่วนใหญ่มีนโยบายให้ประชาชนทำงานที่บ้าน (work from home) ทำให้หลายคนต้องเปลี่ยนรูปแบบการทำงานมาเป็นแบบออนไลน์มากขึ้น และมีผลทำให้ประชาชนเข้าถึงสื่อสังคมออนไลน์มากขึ้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงขอประชาสัมพันธ์เตือนภัยในโลกออนไลน์ 6 ประเภท ที่ประชาชนอาจตกเป็นเหยื่อ หรืออาจเป็นผู้กระทำความผิดเสียเอง อันได้แก่ 

(1) การระรานทางไซเบอร์ (Cyber Bully) หมายถึง การกลั่นแกล้ง การให้ร้าย การด่าว่า การข่มเหง การรังแกผู้อื่น หรือ แสดงความคิดเห็น (Comment) หรือ เผยแพร่หรือส่งต่อข้อมูล (Share) ที่ทำให้ผู้อื่นเสียหายทางสื่อสังคมออนไลน์ อาจมีความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 มีอัตราโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท ดังนั้นควรมีสติก่อนจะโพสต์ แสดงความคิดเห็น หรือ ส่งต่อข้อมูลในสื่อสังคมออนไลน์

(2) การถูกเข้าถึงข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยมิชอบ (ถูกแฮก) มักเกิดจาก การใช้รหัสที่คาดเดาได้ง่าย เช่น หมายเลขโทรศัพท์มือถือ วันเดือนปีเกิด 123456 เป็นต้น หรืออาจไปกดลิงก์ Phishing ที่สร้างลิงก์มาหลอกให้คลิก เช่น หลอกจะให้รางวัล บัตรกำนัล แจกเงิน แจกภาพ/คลิปลามกอนาจาร, ใบ้หวย เลขเด็ด, ข่าวซุบซิบดารา, หลอกว่าบัญชีธนาคารมีปัญหา ฯลฯ เมื่อเข้าไปในลิงก์ที่กดแล้ว คนร้ายจะให้กรอก Username Password หรือแม้กระทั่งมีการหลอกเอารหัสใช้ครั้งเดียว (OTP) โดยคนร้ายจะโทรศัพท์หรือแชทมาขอรหัสโดยอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ Call center หรือปลอมเป็นเพื่อนเรา สำหรับการป้องกันการถูกแฮก ต้องตั้งรหัสคาดเดาได้ยาก, ไม่กดลิงก์แปลก ๆ ที่ไม่มีที่มาที่ไป หรือไม่น่าเชื่อถือ, ไม่บอกรหัส OTP แก่ผู้อื่น, ตั้งค่ารหัสยืนยันตัวตนแบบ 2 ชั้น (2 Factor Authentication) ในทุกสื่อสังคมออนไลน์ เป็นต้น

(3) การฉ้อโกงออนไลน์ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การหลอกซื้อของออนไลน์ในลักษณะซื้อของไม่ได้ของ หรือซื้อของแล้วได้ของไม่เป็นไปตามรูปแบบที่สั่ง (ไม่ตรงปก), หลอกให้ลงทุนโดยอ้างว่าได้ผลตอบแทนสูงในระยะเวลาสั้น ๆ เป็นต้น การป้องกันฉ้อโกงออนไลน์ สามารถทำได้ด้วยคาถา 3 อย่า คือ

- อย่าเชื่อ โดยนำชื่อ-นามสกุล หมายเลขบัญชีธนาคาร ชื่อร้านค้า ฯลฯ ไปหาข้อมูลใน google ว่าเคยมีประวัติการฉ้อโกงหรือไม่ 

- อย่าโลภ ไม่ควรเห็นแก่ผลประโยชน์ที่มิจฉาชีพมาอ้างเพื่อชักชวนลงทุนหรือสินค้าราคาถูกมากเกินจริง

- อย่าละเลยข้อมูลข่าวสาร โดยเฉพาะข่าวเกี่ยวกับอาชญากรรมไซเบอร์ เพื่อจะรู้เท่าทันโจรไซเบอร์ 

(4) หลอกรักออนไลน์ (Romance Scam) โดยสร้างโปรไฟล์เป็นฝรั่งหรือชาวตะวันออกกลาง มีฐานะดีมาจีบ สุดท้ายหลอกให้โอนเงินไปให้โดยอ้างเหตุผลต่าง ๆ, หลอกรักลวงลงทุน (Hybrid Scam) โดยสร้างโปรไฟล์เป็นหนุ่มสาวหมวยตี๋ชาวเอเซีย มาจีบ สุดท้ายหลอกให้ลงทุนค่าเงินสกุลดิจิทัลในแอปพลิเคชันปลอมโดยคนร้ายจะส่งลิงก์มาให้ การป้องกันการหลอกรักออนไลน์และหลอกรักลวงลงทุน คือ เมื่อมีชาวต่างชาติขอเป็นเพื่อนแล้วมีการพูดคุยในลักษณะจีบเป็นแฟน อาจตรวจสอบได้โดยขอนัดเจอตัวจริง หรือร้องขอให้เปิดกล้องวิดีโอคอล ให้เห็นหน้าเพื่อให้มั่นใจว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับรูปในโปรไฟล์จริง ๆ (หน้าตรงปก) ซึ่งส่วนใหญ่ คนร้ายจะไม่ยอมวิดีโอคอล โดยอ้างเหตุขัดข้องต่าง ๆ ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นมิจฉาชีพ และไม่ควรโอนเงินให้ทุกกรณีที่มีการกล่าวอ้าง หรือลงทุนในแอปพลิเคชันที่มิจฉาชีพส่งลิงก์มาให้

(5) แก๊งแอปพลิเคชันเงินกู้ ที่มีการระบาดมาก โดยอาศัยปัญหาทางเศรษฐกิจของพี่น้องประชาชนในช่วงโควิด-19 เข้ามาชักชวนให้ประชาชนกู้เงินผ่านแอปพลิเคชัน จากนั้นจะหลอกให้โอนเงินค่าธรรมเนียมก่อนกู้ เมื่อเหยื่อโอนเงินแล้วจะบล็อค หรือ อีกรูปแบบหนึ่งคือ ให้กู้เงินจริงแต่จะขูดรีดดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด เมื่อไม่ชำระหนี้ตามกำหนด จะมีการโทรศัพท์ขู่ ต่อว่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่นเหยียดหยามผู้กู้ นอกจากนั้นจะมีการส่งข้อความหรือโทรศัพท์หาเพื่อนผู้กู้ในลักษณะประจานผู้กู้ หรือหลอกลวงให้เพื่อนผู้กู้มาชำระหนี้แทนโดยอ้างว่าเพื่อนผู้กู้เป็นผู้ค้ำประกัน จึงควรหลีกเลี่ยงการกู้เงินผ่านแอปพลิเคชันเงินกู้ทุกกรณี และ

(6) ข่าวปลอม (Fake News) มีบุคคลไม่หวังดีพยายามส่งข่าวปลอมเข้ามาในสื่อสังคมออนไลน์โดยมีจุดประสงค์ไม่ดี เช่น สร้างความขัดแย้ง สร้างความเกลียดชัง สร้างความสับสน สร้างความตื่นตระหนกให้กับประชาชน เป็นต้น จึงควรตรวจสอบข้อมูลว่าเป็นเรื่องจริงก่อนจะเชื่อและส่งต่อ เพราะอาจตกเป็นเครื่องมือของบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่ไม่หวังดี โดยสามารถตรวจสอบข้อมูลจาก ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประเทศไทย www.antifakenewscenter.com หรือ หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง หรือ สำนักข่าวที่น่าเชื่อถือ เป็นต้น 

อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้แสดงความห่วงใย และได้มอบนโยบายในการสร้างความรับรู้ให้กับประชาชนในการป้องกันตัวเองมิให้ตกเป็นเหยื่อของอาชญากรในทุกรูปแบบ 

ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอความร่วมมือมายังพี่น้องประชาชน หากพบเห็นการกระทำผิดกฎหมายดังกล่าว กรุณาแจ้งเบาะแสไปยังสายด่วน 191 และสายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ แสดงความเห็นใจและเสียใจต่อไฮโซลูกนัทหลังถูกยิงบาดเจ็บ เผยเคยเตือนแล้วแต่สถานการณ์ก็ลากไปถึงจุดนั้นจนได้ รวมทั้งกรณีผู้ว่าฯ สมุทรสาครลาออก ชี้ควรได้รับตำแหน่งที่สูงขึ้น

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีตส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก แสดงความเห็นถึงกรณีการบาดเจ็บของ นายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หรือ ไฮโซลูกนัท และการลาออกจากราชการของ นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร โดยระบุข้อความดังนี้

มีเรื่อง 2 เรื่อง ที่ไม่สบายใจ

เรื่องที่ 1. ผมขอแสดงความเสียใจต่อลูกนัท นายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หรือ ไฮโซลูกนัท ที่ได้รับบาดเจ็บจากการชุมนุมถูกยิงที่เบ้าตา ความจริงเขาออกทีวีกับผมก่อนถูกยิง 1 วัน ผมต้องแสดงความเห็นใจ และเสียใจมา ณ ที่นี้อย่างสุดซึ้ง แม้เราจะเห็นต่างกันอย่างไร ผมก็คิดว่าเขาเป็นคนรุ่นใหม่ที่เป็นอนาคตของชาติได้ ผมไม่อยากเห็นใครได้รับบาดเจ็บ ผมเคยเตือนเขาแล้ว แต่สถานการณ์มันก็ลากไปถึงจุดนั้นจนได้

เรื่องที่ 2. ผมเห็นใจและเสียใจที่นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครลาออกจากราชการ หลังจากท่านป่วยด้วยโควิด-19 เมื่อหายออกมาก็ออกมาลุยงานต่ออีก ผมคิดเสียด้วยซ้ำว่าท่านน่าจะได้ย้ายหรือได้รับตำแหน่งสูงขึ้น แต่สุดท้ายรางวัลที่ท่านได้รับ คือ ต้องจำนนและลาออกจากราชการเพื่อรักษาสุขภาพ

สังคมไทย มีอะไรที่หาเหตุผลไม่ได้มากขึ้นทุกวัน สุดท้ายก็ต้องทำใจด้วยคำว่า "อย่าหาเหตุผล ในสิ่งที่ไม่มีเหตุผล" เจ็บใจเปล่า ๆ รักษาตัวกันให้รอดนะครับ


ที่มา : https://www.facebook.com/photo/?fbid=4184918551544012&set=a.357948834241022


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

เผยตัวเลขยอดสะสมผู้ป่วยโควิด-19 ใน 10 จังหวัดที่มีจำนวนสูงสุด

ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นที่น่าสังเกตว่า ยอดผู้ติดเชื้อรายวัน กับยอดผู้หายป่วยกลับบ้าน เริ่มมีจำนวนที่ใกล้เคียงกัน จุดนี้ถือเป็นสัญญาณที่ดี โดยเฉพาะเรื่องการบริหารจัดการเตียง ที่ยังพอจัดสรรให้เกิดความลงตัวได้ ทว่าในความเป็นจริง ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่า ยังมีผู้ป่วยสะสมที่ยังอยู่ในกระบวนการรักษาอีกเป็นจำนวนมาก 

ถึงขณะนี้ มี 10 จังหวัดที่มีผู้ป่วยสะสมสูงสุด แบ่งเป็น ภาคกลางมากที่สุด จำนวน 6 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร, สมุทรปราการ, สมุทรสาคร, นนทบุรี, พระนครศรีอยุธยา และสระบุรี ตามมาด้วยภาคตะวันออก 2 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี และฉะเชิงเทรา และภาคตะวันตก 1 จังหวัด ได้แก่ ราชบุรี ปิดท้ายด้วยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 1 จังหวัด ได้แก่ ศรีสะเกษ

ทั้งนี้ กรุงเทพมหานครถือเป็นจังหวัดที่ยังน่าเป็นห่วง เนื่องจากมีผู้ป่วยสะสมสูงที่สุด เป็นจำนวนกว่า 221,873 คน มากกว่าอันดับสองที่ตามมาอย่างสมุทรปราการถึงเกือบ 4 เท่า (จำนวนที่ 61,013 ราย) โดย 5 อันดับแรกที่ถือว่าเป็นจังหวัดที่มีจำนวนผู้ป่วยสะสมสูง ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด คือ กรุงเทพมหานคร, สมุทรปราการ, สมุทรสาคร ชลบุรี และนนทบุรี

ในส่วนของศรีสะเกษ เป็นจังหวัดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่มียอดผู้ป่วยสะสมมากที่สุด ซึ่งต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเช่นกัน ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นจังหวัดใด หรือพื้นที่แห่งไหน เวลานี้ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน หยุดยั้งการแพร่ระบาดลงให้ได้ เริ่มต้นที่ตัวเราเอง ดูแลร่างกาย รักษาความสะอาด เลี่ยงการออกนอกสถานที่ให้มากที่สุด และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ 

ถึงเวลานี้ ต้องร่วมมือกัน ช่วยกัน และเราจะผ่านสถานการณ์ยากๆ นี้ไปด้วยกันให้จงได้


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ผอ.รพ.นบพิตำ ออกโรงปกป้อง 'หมอหญิง' นำญาติฉีดไฟเซอร์ ยืนยัน เป็นผู้ปฏิบัติงานดีเยี่ยม แต่ที่ทำไปเพราะความกตัญญู

จากเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมในกรณีที่แพทย์หญิงโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในนครศรีธรรมราชนำวัคซีนไฟเซอร์ ไปฉีดให้กับเครือญาติ จนเกิดการตำหนิเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง

ล่าสุดผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า นพ.กฤษณ์ เพชรสำรวล ผอ.รพ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้กล่าวขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยยอมรับว่า กรณีแพทย์หญิงโรงพยาบาลนบพิตำ ได้พามารดาและพี่สาวมาฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ที่จะฉีดให้เฉพาะแพทย์และบุคลากรด่านหน้าจริง

โดยตามปกติแพทย์หญิงคนดังกล่าวเป็นผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่ในการดูแลรักษาผู้ป่วยอย่างดีเยี่ยม แต่เนื่องจากว่าความสำนึกในความกตัญญู ทำให้เกิดการตัดสินใจที่ผิดพลาดไป ในช่วงเสี้ยววินาที และเกิดผลกระทบที่ใหญ่หลวงขึ้นได้ ซึ่งได้เรียนนายแพทย์สาธารณสุขไปแล้วว่า เป็นวัคซีนโด๊สที่ 7 ซึ่งตามปกติวัคซีน 1 ขวดมี 6 โด๊ส ในส่วนที่เหลืออยู่จะขอไปให้กับบุคคลอื่น แต่อาจจะไม่ได้มีการสื่อสารที่ถูกต้อง ในการนำไปให้กับบุคคลอื่นที่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ด่านหน้า

ทั้งนี้แพทย์หญิงที่อยู่ในกระแสข่าวยอมรับว่าเสียใจมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น โดยได้พิจารณาตัวเองโดยการยื่นหนังสือลาออกจากราชการในตำแหน่งนายแพทย์ปฏิบัติการแล้ว ซึ่งหลังจากนี้จะมีการเสนอหนังสือลาออกไปตามขั้นตอนถึงผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชเพื่อพิจารณาต่อไป


ที่มา : https://siamrath.co.th/n/272028


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

กระทรวงแรงงาน เปิดโครงการสนับสนุน และสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน “ดวงตาแรงงาน”

วันที่ 17 สิงหาคม 2564 เวลา 08.30 น. นายสุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นประธานเปิดโครงการสนับสนุนและสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน ในการต่อต้านการทุจริต “ดวงตาแรงงาน” รุ่นที่ 1 ในรูปแบบ Online Platform ผ่านระบบ Zoom โดยมี นางสาวอำพันธ์ ธุววิทย์ รองปลัดกระทรวงแรงงาน และ นายสุชาติ พรชัยวิเศษกุล รองปลัดกระทรวงแรงงาน เข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย

โดยโครงการดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาทักษะความรู้ให้แก่ข้าราชการ / เจ้าหน้าที่สังกัดสำนักงานแรงงานจังหวัด อาสาสมัครแรงงานต้านทุจริต และเครือข่ายภาคประชาชน ที่เคยผ่านการอบรมด้านการป้องกับการทุจริตร่วมกับกระทรวงแรงงาน สามารถเป็นวิทยากรถ่ายทอดความรู้และเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ด้านการป้องกันการทุจริตและประพฤติมิชอบ สร้างเครือข่ายเฝ้าระวัง สอดส่อง และแจ้งเบาะแสการทุจริตในระดับพื้นที่ โครงการแบ่งเป็น 2 รุ่น ๆ ละ 152 คน จาก 76 จังหวัด

นายสุทธิฯ กล่าวว่าการอบรมในวันนี้ จะนำพาผู้เข้ารับการอบรมทุกท่านเกิดการตระหนักรู้ และต่อต้านกับการทุจริตในทุกรูปแบบ และขอขอบคุณท่านวิทยากร หน่วยงานภาคีเครือข่ายภาครัฐ โดยเฉพาะเครือข่ายภาคประชาชนทุกท่าน ที่มีความตั้งใจและเสียสละเวลามาเข้าร่วมการอบรม และร่วมเป็นเครือข่ายในการต่อต้านการทุจริตร่วมกับกระทรวงแรงงาน

ทางการจีนประกาศลงดาบ ‘จางเจ๋อฮั่น’ ลบโซเชียลมีเดียทุกช่องทาง หลังเจอมือดีขุดรูปเก่าออกมาแฉ

เป็นประเด็นร้อนที่ถูกจับตามองมาเป็นเวลาหลายวันแล้ว สำหรับกรณีดราม่าของนักแสดงหนุ่ม ‘จางเจ๋อฮั่น’ (张哲瀚) ที่เมื่อไม่นานมานี้ถูกมือดีออกมาขุดภาพในอดีตที่เจ้าตัวได้เคยถ่ายไว้ขณะเยี่ยมชม “ศาลเจ้ายาสุคุนิ” (Yasukuni Shrine) ในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นสถานที่ที่ดันมีส่วนไปเชื่อมโยงกับประเด็นอ่อนไหวทางประวัติศาสตร์ระหว่างจีน-ญี่ปุ่นที่มักถูกนำมาพูดถึงและกลายเป็นที่ถกเถียงกันอยู่บ่อยครั้ง…

ก่อนอื่นต้องขอเล่าเท้าความก่อนว่าสำหรับกรณีดราม่าสุดร้อนแรงของนักแสดงหนุ่ม ‘จางเจ๋อฮั่น’ นั้นมีจุดเริ่มต้นมาจากการที่เจ้าตัวถูกขุดภาพเก่าขณะที่ไปร่วมงานแต่งงานของเพื่อนที่จัดขึ้นใน “ศาลเจ้าโนกิ” (Nogi Shrine) ที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งในศาลเจ้าแห่งนี้มีการเก็บรวบรวมป้ายวิญญาณของทหารญี่ปุ่นบางส่วนที่เคยรบกับจีนในสมัยสงครามจีน-ญี่ปุ่นเอาไว้ อีกทั้งภายในงานครั้งดังกล่าว ตัวของ ‘จางเจ๋อฮั่น’ เองยังได้มีการถ่ายภาพคู่กับ ‘เดวี ซูการ์โน’ (Dewi Sukarno) อดีตภรรยาชาวญี่ปุ่นของประธานาธิบดีคนแรกของอินโดนีเซียที่เคยเป็นประเด็นกับจีน เนื่องจากเธอเคยออกมาสนับสนุนหนังสือที่ปฏิเสธการกระทำของฝ่ายญี่ปุ่นใน “เหตุการณ์สังหารหมู่ที่นานกิง” (Nanjing Massacre) ซึ่งเป็นดราม่ากันอยู่พักหนึ่งเมื่อช่วงปี 2017

นอกจากประเด็นของเรื่องการไปร่วมงานแต่งเพื่อนแล้ว ภาพถ่ายในอดีตของ ‘จางเจ๋อฮั่น’ ขณะกำลังเที่ยวชม “ศาลเจ้ายาสุคุนิ” ในประเทศญี่ปุ่นก็ได้ถูกขุดคุ้ยขึ้นมาพูดถึงอย่างร้อนแรงเช่นเดียวกัน โดยเดิมทีว่ากันว่าศาลเจ้าแห่งนี้เป็นสถานที่ที่คนจีนรับไม่ได้และพากันตีตราว่าไม่ควรไปอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะเป็นสถานที่เก็บรวบรวมป้ายวิญญาณเพื่อสักการะเหล่าทหารและอาชญากรทางสงครามหลายคนในกองทัพญี่ปุ่นแล้ว ยังเปรียบเสมือนตัวแทนของการบิดเบือนความโหดร้ายที่ญี่ปุ่นเคยกระทำไว้กับชนชาติอื่น ๆ ในช่วงก่อสงครามอีกด้วย

จากกระแสดราม่าที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ถึงแม้ในช่วงบ่ายของวันที่ 13 ส.ค. ที่ผ่านมา ตัวของ ‘จางเจ๋อฮั่น’ เองจะได้มีการออกมาขอโทษ พร้อมทั้งยอมน้อมรับทุกคำวิพากษ์วิจารณ์ที่เกิดขึ้นจากความไม่รู้ในอดีตของตน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ดูเหมือนสถานการณ์ต่าง ๆ กลับไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นเลย โดยชาวเน็ตจีนส่วนใหญ่ต่างก็ยังคงไม่ยอมรับคำขอโทษและยังมีการจับลากประเด็นโน้นโยงประเด็นนี้มาวิพากษ์วิจารณ์ตัวของ ‘จางเจ๋อฮั่น’ กันอยู่อย่างต่อเนื่อง (เช่น เรื่องความไม่รักชาติ)

ซึ่งด้วยผลกระทบจากกระแสเชิงลบที่ไม่ยอมซาลงนี้เอง ทำให้ต่อมาเริ่มมีสินค้าหลายแบรนด์ รวมถึงผลงานหลายรายการที่ทยอยออกมาประกาศยุติการร่วมงานกับหนุ่ม ‘จางเจ๋อฮั่น’ กันแบบรัว ๆ

ล่าสุดในวันที่ 15 ส.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันครบรอบ 76 ปีที่ญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 และตรงกับวาระที่ทางฝั่งจีนมักจะออกมารำลึกถึงเหตุการณ์เมื่อครั้งที่ญี่ปุ่นเคยบุกจีนในทุกปี บทลงโทษทางสังคมในกรณีของ ‘จางเจ๋อฮั่น’ ที่มีส่วนโยงใยกับประเด็นอ่อนไหวนี้ก็ดูท่าจะเริ่มบานปลายขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อทาง “สมาคมอุตสาหกรรมการแสดงของจีน” (China Association of Performing Arts) ที่สังกัดภายใต้กระทรวงวัฒนธรรมได้ออกมาทำการลงดาบ ประกาศแถลงการณ์คว่ำบาตร ‘จางเจ๋อฮั่น’ อย่างจริงจัง ซึ่งในหนังสือแถลงการณ์ดังกล่าวได้ระบุเนื้อความโดยสรุปไว้ว่า

“ตามความประพฤติอันไม่เหมาะสมของนักแสดงหนุ่ม ‘จางเจ๋อฮั่น’ อย่างการไปเยี่ยมชมศาลเจ้ายาสุคุนิในประเทศญี่ปุ่นที่เพิ่งถูกเปิดเผยและได้รับความสนใจจากทุก ๆ ภาคส่วนไปเมื่อไม่กี่วันมานี้ ทางสมาคมฯ เอง ด้วยความที่มีความกังวลต่อเรื่องนี้เป็นอย่างมาก จึงได้มีการเริ่มทบทวนวินัยและระเบียบข้อบังคับด้านจริยธรรม จนมีความเห็นกับประเด็นดังกล่าวนี้ว่า

‘ศาลเจ้ายาสุคุนิ’ เป็นเครื่องมือทางจิตวิญญาณและสัญลักษณ์ของกองทัพทหารญี่ปุ่นในการก่อสงครามรุกรานนานาประเทศ อีกทั้งยังเป็นสถานที่ที่อำนาจฝ่ายขวาในญี่ปุ่นใช้เพื่อบิดเบือนและตกแต่งหน้าประวัติศาสตร์สงครามของตัวเองให้ดูสวยงาม ในฐานะของการเป็นบุคคลสาธารณะ การสร้างมุมมองที่ถูกต้องเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ถือเป็นพื้นฐานของความเป็นมืออาชีพอย่างหนึ่ง ซึ่งคำว่า “ไม่รู้” ไม่สามารถใช้มาเป็นข้อแก้ตัวได้

ในครั้งนี้ทางสมาคมฯ มองว่า การกระทำของนักแสดงหนุ่ม ‘จางเจ๋อฮั่น’ นั้นไม่เหมาะสมอย่างร้ายแรง เนื่องจากไม่เพียงแต่เป็นการทำร้ายความรู้สึกของคนในชาติ แต่ยังส่งผลที่ไม่ดีต่อค่านิยมด้านความคิดของเยาวชนในกลุ่มผู้ติดตาม ซึ่งด้วยเหตุนี้เองสมาคม ฯ ขอตำหนิการกระทำของตัวนักแสดงหนุ่มและเพื่อให้สอดคล้องกับ “มาตรการการจัดการตามวินัยข้อบังคับของคนในวงการอุตสาหกรรมการแสดง” จึงขอกำหนดให้มีการคว่ำบาตร ‘จางเจ๋อฮั่น’ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

ในขณะเดียวกัน ทางสมาคมฯ ก็ขอเตือนให้ศิลปินส่วนใหญ่เสริมสร้างการศึกษาและความตระหนักรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติอย่างจริงจัง หากมีผู้ใดฝ่าฝืน จะต้องถูกลงโทษ”

หลังจากองค์กรระดับทางการที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการแสดงโดยตรงได้มีการออกมาลงดาบกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง ทางด้านโซเชียลมีเดียขนาดใหญ่ของจีนอย่างเว๋ยป๋อ (Weibo) จึงได้มีการตัดสินใจปิดบัญชีแอคเคาน์เว่ยป๋อส่วนตัวและสตูดิโอของ ‘จางเจ๋อฮั่น’ รวมไปถึงล้าง Super Topic (超话) หรือหัวข้อสนทนาเกี่ยวกับตัว ‘จางเจ๋อฮั่น’ ออกจากหน้าระบบทั้งหมด โดยแอคเคาน์ทางการของเว่ยป๋อได้ออกมาแถลงการณ์ยืนยันเหตุที่ต้องปิดทุกอย่างเกี่ยวกับ ‘จางเจ๋อฮั่น’ ตามทำนองเดียวกับประกาศจากสมาคมอุตสาหกรรมการแสดงของจีน แถมยังมีการเสริมเน้นเช่นเดียวกันอีกว่า “ในฐานะที่เป็นบุคคลสาธารณะซึ่งมีแฟนคลับติดตามเป็นจำนวนมาก การมีความรู้ทางด้านประวัติศาสตร์ควรเป็นมาตรฐานทางจริยธรรมขั้นพื้นฐานที่เหล่าศิลปินคนดังนั้นควรยึดถือ”

โดยนอกจากเว่ยป๋อที่เริ่มเปิดฉากออกมาปิดบัญชีของ ‘จางเจ๋อฮั่น’ แล้ว ทางด้านของแพล์ตฟอร์มวีดิโอคอนเทนท์ชื่อดังอย่าง “Douyin” (โต่วอิน) หรือที่รู้จักกันในนาม Tiktok ของจีนก็ได้มีการออกมาลบแอคเคาน์ของ ‘จางเจ๋อฮั่น’ เช่นเดียวกัน นอกจากนั้นในส่วนของแพล์ตฟอร์มสตรีมมิ่งเพลงออนไลน์ อาทิเช่น QQ Music, Wangyi (NetEase) ก็ได้ออกมาลบเพลงของ ‘จางเจ๋อฮั่น’ ออกจากระบบทั้งหมด และที่ล่าสุดเลยสำหรับทางด้านของ YOUKU ถึงขั้นมีการลบชื่อของ ‘จางเจ๋อฮั่น’ ออกจากคำอธิบายรายละเอียดเบื้องต้นของซีรีส์ดังที่เคยนำแสดง งานนี้เรียกได้ว่าค่าของ “ความไม่รู้” ที่เกิดขึ้นในอดีตและนักแสดงหนุ่ม ‘จางเจ๋อฮั่น’ ต้องเก็บนำมาจ่ายชดใช้ในปัจจุบันนั้นค่อนข้างเป็นราคาที่สูงแบบที่ใครหลาย ๆ คนต่างก็คาดไม่ถึงเลยทีเดียว...


ที่มา : https://mgronline.com/china/detail/9640000080690


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘ผู้บริหาร บริษัท อริยะ’ ตามรอยบุญ 'พระครูแจ้' มอบเงินสด 100,000 บาท และข้าวสาร 2,000 ถุง ช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19

นาย​สมชาย​ เลิศ​อริยา​นันท์​ ประธาน​กรรมการบริหาร​ บริษัท​อริยะอีค​วิป​เม้นท์​ จำ​กัด​ พร้อมด้วยนาย เลิศศักดิ์ เลิศอริยานันท์ กรรมการผู้จัดการ ตลอดจนครอบครัวเลิศอริยานันท์ มอบเงินสดจำนวน 100,000 บาท พร้อมทั้งมอบข้าวสาร ถุงละ 5 กิโลกรัม จำนวน 2,000 ถุง ถวายแด่ท่าน พระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ (พระครูแจ้) เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง เพื่อส่งมอบต่อให้ประชาชนในเขตพื้นที่บางพลี จำนวน 1,000 คน  และมอบให้กับผู้ประกอบอาชีพขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง  จำนวน 1,000 คัน เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการดำเนินชีวิตฝ่าวิกฤตโควิค- 19

โดย ท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง กล่าวว่า ในวันนี้ได้รับมอบข้าวสารถุงละ 5 กิโลกรัม จำนวน 2,000 ถุง และเงินสดอีกจำนวน 100,000 บาท จากนายสมชาย เลิศอริยานันท์ ผู้บริหารบริษัท อริยะ เพื่อนำไปมอบให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิค-19  และจะนำข้าวสารพร้อมเงินที่ได้รับมอบนำไปแจกให้กับผู้ประกอบอาชีพวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง จำนวน 1,000 คัน ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่ทางคุณพ่อ​สมชาย​ อริยะ ซึ่งมีธุระกิจกว้างขวางอยู่ในเขตพื้นที่บางพลี และได้นำปัจจัยมาถวาย พร้อมทั้งได้บอกอีกว่า “ถ้าไม่ช่วยพี่น้องประชาชนในตอนนี้แล้วจะช่วยในตอนไหน”

ทางคณะสงฆ์วัดบางพลีใหญ่กลาง พร้อมด้วย นายพิเชษฐ  พัวพันกิจเจริญ ผอ.โรงพยาบาลบางพลี จะได้นำข้าวสารที่ได้รับมอบจากทางคุณพ่อสมชาย นำไปแจกจ่ายตามวัตถุประสงค์ของท่านต่อไป นั้นก็คือนำไปแจกให้กับวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง เนื่องจากว่าทางคุณพ่อสมชายนั้น  ได้เห็นคณะสงฆ์วัดบางพลีใหญ่กลางนำข้าวสารและเงินมอบให้กับคนขับรถแท็กซี่ไปแล้วก่อนหน้านี้ตามที่เป็นข่าวออกไป

เมื่อเห็นอย่างนั้น จึงติดต่อมาทันทีว่าผมจะเอาข้าวสารมาถวายอีกเพื่อจะได้แจกให้กับวินมอเตอร์ไซค์บ้าง ซึ่งวินมอเตอร์ไซค์ก็ยากจน และได้รับผลกระทบด้วยเช่นเดียวกัน ฉะนั้น ในวันนี้ทางครอบครัวเลิศอริยานันท์ จึงได้นำข้าวสารจำนวน 2,000 ถุง มาถวายให้กับทางวัดเป็นที่เรียบร้อย เดี๋ยวเราก็จะได้ดำเนินการแจกก่อนภายในสิ้นเดือนนี้ตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งใจไว้


ภาพ/ข่าว  คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

รบ.สหรัฐฯ ส่อแววเมิน ประธานาธิบดีอัฟกานิสถาน พร้อมยินดีรับรองตอลิบาน หากเคารพสิทธิเด็ก-สตรี

เมื่อวันจันทร์ที่ 16 ส.ค. 64 สหรัฐฯ ระบุว่า จะรับรองรัฐบาลตอลิบานในอัฟกานิสถาน ก็ต่อเมื่อพวกเขาเคารพสิทธิสตรีและตีตัวออกห่างจากขบวนการเคลื่อนไหวหัวรุนแรงต่าง ๆ อย่างเช่นอัลกออิดะห์ ขณะเดียวกัน ก็ปฏิเสธยืนยันว่ายังให้การรับรอง อัชราฟ กานี ในฐานะประธานาธิบดีของอัฟกานิสถานอยู่หรือไม่

"ท้ายที่สุดแล้ว เมื่อพูดถึงท่าทีของเราต่อรัฐบาลใด ๆ ของอัฟกานิสถานในอนาคต มันจะขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของรัฐบาลนั้น ๆ มันจะขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของตอลิบาน" เนด ไพรซ์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ บอกกับพวกผู้สื่อข่าวเมื่อถูกถามเกี่ยวกับการรับรอง

"รัฐบาลอัฟกานิสถานในอนาคตที่ยึดมั่นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนของพวกเขา ไม่ให้แหล่งพักพิงแก่พวกก่อการร้ายและปกป้องสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนของพวกเขา ในนั้นรวมถึงสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้หญิงและเด็ก ซึ่งคิดเป็นครึ่งหนึ่งของประชากร รัฐบาลนั้น ๆ จะเป็นรัฐบาลที่เราสามารถทำงานร่วมกันได้" โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุ

ไพรซ์ บอกด้วยว่า ซัลเมย์ คาลิลซัด ผู้แทนเจรจาของสหรัฐฯ ด้านอัฟกานิสถาน ยังคงอยู่ในกรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ ดินแดนที่ตอลิบานมีสำนักงานทางการเมืองและการทูต พร้อมระบุเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ อยู่ระหว่างเจรจากับตัวแทนของตอลิบานในประเทศแห่งนี้

ตอลิบาน บุกจู่โจมและเข้ายึดกรุงคาบูลได้อย่างรวดเร็วอย่างน่าประหลาดใจ ในวันอาทิตย์ที่15 ส.ค. 64 สามารถโค่นล้มรัฐบาลอัฟกานิสถาน ซึ่งได้รับการสนับสนุนทางทหารจากสหรัฐฯ มานานกว่า 2 ทศวรรษได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด

ทั้งนี้ ตอลิบานเคยกำหนดกฎระเบียบที่เข้มงวดสำหรับสตรีระหว่างที่พวกเขาขึ้นปกครองประเทศช่วงปี 1996-2001 ในนั้นรวมถึงห้ามมอบการศึกษาแก่เด็กผู้หญิง ก่อนที่สหรัฐฯ จะยกทัพโค่นล้มรัฐบาลตอลิบาน ตามหลังโศกนาฏกรรมโจมตีนิวยอร์กและวอชิงตัน 11 กันยายน 2001

ระหว่างแถลงข่าวในวันจันทร์ (16 ส.ค.) โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ปฏิเสธยืนยันว่าสหรัฐฯ ยังคงให้การรับรอง อัชราฟ กานี ในฐานะประธานาธิบดีของอัฟกานิสถานหรือไม่ ขณะที่เขาหลบหนีออกนอกประเทศในวันอาทิตย์ (15 ส.ค.) หลังจากพวกนักรบตอลิบานสามารถโค่นล้มรัฐบาลของเขาได้ภายในไม่กี่สัปดาห์

"นี่เป็นบางอย่างที่เรากำลังทำงานร่วมกับประชาคมนานาชาติ" ไพรซ์ ตอบคำถามผู้สื่อข่าว เมื่อถูกถามว่าวอชิงตันจะให้การรับรองใครในฐานะผู้นำอัฟกานิสถาน

นอกจากนี้แล้ว ไพรซ์ ยังปฏิเสธตอบคำถามที่ว่า แอนโทนี บลินเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ซึ่งเพิ่งพูดคุยทางโทรศัพท์กับ กานี ในวันเสาร์ (14 ส.ค.) ทราบหรือไม่ว่าในตอนนั้นประธานาธิบดีอัฟกานิสถานอยู่ที่ไหน หรือได้รับการบอกกล่าวจากกานีหรือไม่ ว่าเขากำลังหลบหนีออกนอกประเทศ

"สถานการณ์ทางการเมืองกำลังมีพัฒนาการอย่างรวดเร็ว เราจะปล่อยให้ประธานาธิบดีกานีเป็นคนเล่าเองว่าเขาบอกอะไรกับท่านรัฐมนตรี ยังไม่มีการถ่ายโอนอำนาจอย่างเป็นทางการ" ไพรซ์ ระบุ

สำนักข่าวอัลจาซีเราะห์รายงานว่า กานี บินหลบหนีไปยังอุซเบกินสถาน อย่างไรก็ตามทางรอยเตอร์ยังไม่ยืนยันข่าวนี้


(ที่มา : รอยเตอร์)

https://mgronline.com/around/detail/9640000080738


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“พระครูแจ้” หนุนเกษตรกรพิจิตร เหมาแตงโม 8,000 โล แจกประชาชนที่มาฉีดวัคซีน 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  ภายในวัดบางพลีใหญ่กลาง ต.บางพลีใหญ่  อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ได้มีรถกระบะบรรจุผลไม้มาเต็มคันรถ  และจากการสอบถามทราบว่ารถคันดังกล่าว  ได้มีการลำเรียงผลไม้มาเป็นจำนวนมากเดินทางมาจากทางจังหวัดพิจิตร  โดยการสนับสนุนจากท่าน​  พระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ (พระครูแจ้) เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง  ที่มีความห่วงใยพี่น้องเกษตรกรชาวสวนจังหวัดพิจิตร จึงได้ให้การสนับสนุนพี่น้องเกษตรกรชาวสวน โดยการสั่งผลไม้ประเภท แตงโม  ของพี่น้องชาวสวนจังหวัดพิจิตร จำนวน 8 ตัน หรือ 8,000 กิโลกรัม เพื่อเป็นการช่วยเหลือและให้กำลังใจเกษตรกรชาวสวนเพื่อช่วยกันฟันฝ่าวิกฤตโควิด-19

โดย  ท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ (พระครูแจ้) เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง  กล่าวว่า  ผลไม้ทั้งหมดได้สั่งตรงมาจากสวนผลไม้ของพี่น้องเกษตรกรชาวสวนในจังหวัดพิจิตร จำนวน 8 ตัน หรือ 8,000 กิโลกรัม เพื่อเป็นการช่วยเหลือและอุ้มพี่น้องเกษตรกรชาวสวนเพื่อฟันฝ่าวิกฤตโควิด-19

อีกทั้ง  ในวันนี้ศูนย์ฉีดวัคซีนวัดบางพลีใหญ่กลาง  ได้ดำเนินการฉีดวัคซีนไฟเซอร์เข็มแรกให้กับเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 12-18 ปี 7 กลุ่มโรคเสี่ยง  ผู้ที่มีน้ำหนักเกิน 100  กิโลกรัม และผู้หญิงที่มีน้ำหนักเกิน 80 กิโลกรัม  โดยตั้งแต่ในช่วงเช้าภายในศูนย์ฉีดวัคซีนวัดบางพลีใหญ่กลาง  ได้มีผู้ปกครองนำบุตรหลานเดินทางมารอรับการฉีดวัคซีนกันอย่างต่อเนื่อง  ตามที่โรงพยาบาลได้มีการแจ้งผ่านทาง SMS  และได้ลงทะเบียนไว้ก่อนหน้านี้  โดยมีการจัดระเบียบและเว้นระยะห่างแบบ New normal

โดย  ทุกคนที่เดินทางมารับการฉีดวัคซีนยังศูนย์ฉีดวัคซีนวัดบางพลีใหญ่กลางจะได้รับมอบแตงโมจากท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ  เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง  มอบแตงโมให้คนละ 2 ลูก นำกลับไปทานที่บ้านโดยสั่งตรงมาจากเกษตรกรชาวสวนในจังหวัดพิจิตร  จำนวน 8,000 กิโลกรัม  

อย่างไรก็ตาม  ผลไม้ทั้งหมดที่ช่วยเกษตรกรอุดหนุนมานั้น จะนำไปแจกจ่ายให้กับผู้ป่วยตามโรงพยาบาลต่างๆ โรงพยาบาลสนาม รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์ ข้าราชการตำรวจและพี่น้องประชาชนในชุมชน อีกทั้ง ยังเป็นการแสดงออกถึงความรักและความห่วงใยที่มีต่อพี่น้องเกษตรกรชาวสวนและจะนำผลผลิตทั้งหมดแจกจ่ายให้กับพี่น้องประชาชนที่เดินทางมารับการฉีดวัคซีนในวันนี้แต่จะทำการแจกทุกๆวัน  จนกว่าผลไม้ที่สั่งมานั้นจะหมดเพื่อแทนความห่วงใยที่มีต่อบุคลากรทางการแพทย์ที่ยังคงปฎิบัติหน้าที่อย่างเหน็ดเหนื่อย รวมถึงประชาชนที่เดือดร้อน  ประชาชนที่ขาดรายได้ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top