Saturday, 10 May 2025
NEWS FEED

กกพ.เคาะขึ้นค่าไฟฟ้า 16.71 สตางค์ รับปีใหม่

นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยว่า กกพ.มีมติให้ปรับค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่าเอฟที) สำหรับการเรียกเก็บค่าไฟฟ้าในรอบ เดือนม.ค. – เม.ย. 2565 เพิ่มขึ้น 16.71 สตางค์ จากปัจจุบัน -15.32 สตางค์ในงวดก่อนหน้า มาอยู่ที่ 1.39 สตางค์ต่อหน่วย และทยอยปรับปรุงตามค่าจริงในรอบต่อๆ ไป

ก่อนหน้านี้ กกพ. ได้ดำเนินนโยบายบรรเทาผลกระทบค่าครองชีพให้กับประชาชนผู้ใช้พลังงานมาอย่างต่อเนื่อง ทั้ง มาตรการการลดค่าไฟฟ้า และตรึงค่าไฟฟ้าผันแปรหรือเอฟทีอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลากว่า 2 ปีที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้สถานการณ์การ แพร่ระบาดของโควิด-19 เบาบางลง ทำให้เศรษฐกิจทั้งภายในและภายนอกประเทศเริ่มฟื้นตัว 

ททท.คาดเงินสะพัดลอยกระทงแค่ 1,400 ล้านบาท บางส่วนหนีโควิดลอยออนไลน์แทน

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยสถานการณ์ท่องเที่ยวช่วงเทศกาลวันลอยกระทง ปี 64 ในวันที่ 19 พ.ย.นี้ ว่า บรรยากาศการเดินทางท่องเที่ยวในภาพรวมน่าจะดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา แต่อาจจะไม่คึกคักมากนักเมื่อเทียบกับปีก่อนเกิดวิกฤตการระบาดของไวรัสโควิด-19 ในปี 62 เนื่องจากในปีนี้ยังอยู่ในช่วงของการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งแต่ละพื้นที่สามารถจัดกิจกรรมลอยกระทงตามประเพณีได้ โดย ททท.ประเมินว่าจะมีจำนวนคนไทยเดินทางท่องเที่ยวประมาณ 551,700 คน-ครั้ง และมีการใช้จ่ายสร้างรายได้หมุนเวียน 1,400 ล้านบาท โดยมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ย 24% 

ทั้งนี้ในการจัดกิจกรรมลอยกระทงในพื้นที่ต่าง ๆ ตามประเพณี กำหนดให้อยู่ภายใต้มาตรการป้องกันการติดเชื้อขั้นสูงสุด พร้อมกับงดการขายและจุดประทัด เล่นดอกไม้ไฟหรือพลุ และด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดที่ยังไม่หยุดนิ่งส่งผลให้คนไทยส่วนใหญ่ยังคงกังวลกลัวการติดเชื้อโควิด-19 สอดคล้องกับผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อกรณีเทศกาลลอยกระทงในยุคโควิด-19 ของสวนดุสิตโพล ระหว่างวันที่ 6-12 พ.ย. 64 พบว่า คนไทยส่วนใหญ่กว่า 60.04% กังวลเรื่องโควิด-19 กลัวเกิดคลัสเตอร์ใหม่มากที่สุด 

ส่วนการจัดงานในกรุงเทพฯ ปีนี้ คาดว่า จะมีจำนวนคนไทยประมาณ 26,800 คน-ครั้ง มีการใช้จ่าย สร้างรายได้หมุนเวียน 91 ล้านบาท โดยบรรยากาศการเดินทางในพื้นที่ที่ ททท. ให้การสนับสนุน และประชาสัมพันธ์การจัดงานเทศกาลสีสันแห่งสายน้ำ มหกรรมลอยกระทง ปี 64 ในพื้นที่กรุงเทพฯ มี 2 งาน คือ งานมหัศจรรย์เทศกาลลอยกระทงบนแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ไอคอนสยาม และ ริเวอร์ เฟสติวัล 2021 สายน้ำแห่งวัฒนธรรมไทย ครั้งที่ 7  

'กองทัพเรือ' จัดพิธีทำบุญเพื่อความเป็นสิริมงคล เนื่องในวันกองทัพเรือประจำปี 2564 อดีตผบ.ทร.ร่วมงานพรึ่บ! ขาดเพียง “บิ๊กลือ” ด้าน “บิ๊กเฒ่า” ส่งสารถึงกำลังพล หวังทุกคนตั้งใจปฎิบัติหน้าที่เต็มกำลังความสามารถ ขอให้หัวหน้าหน่วยดูแลทุกข์สุขลูกน้องใกล้ชิด

ที่ท้องพระโรงพระราชวังเดิม กองบัญชาการกองทัพเรือ พระราชวังเดิม พล.ร.อ.สมประสงค์  นิลสมัย ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) เป็นประธานพิธีสงฆ์และพิธีทักษิณานุปทาน เนื่องในวันกองทัพเรือประจำปี 2564 โดยมีอดีตผู้บัญชาการทหารเรือ อาทิ พล.ร.อ.ธีระ ห้าวเจริญ พล.ร.อ.ประเสริฐ บุญทรง พล.ร.อ.ทวีศักดิ์ โสมาภา พล.ร.อ.สถิรพันธุ เกยานนท์ พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ พล.ร.อ.ไกรสร  จันทร์สุวานิชย์ พล.ร.อ.ณะ อารีนิจ พล.ร.อ.นริส  ประทุมสุวรรณ พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน นายทหารชั้นผู้ใหญ่ ตลอดจนผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพเรือ เข้าร่วมพิธี ซึ่งขาดเพียงแต่พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ อดีตผบ.ทร. ที่ไม่ได้เดินทางมาร่วมงาน

โดยได้นิมนต์พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์เจริญพระพุทธมนต์ และประกอบพิธี ประกอบด้วย พระพรหมวัชรเมธี วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร พระพรหมวิสุทธาจารย์ วัดเครือวัลย์วรวิหาร พระธรรมราชานุวัตรวัดโมลีโลกยารามราชวรวิหาร พระธรรมวชิรเมธี วัดหงส์รัตนารามราชวรวิหาร พระราชปัญญารังสี วัดชิโนรสารามวรวิหาร และพระราชวิสุทธิโสภณ  วัดราชสิทธารามราชวรวิหาร จากนั้น ผู้บัญชาการทหารเรือ และนางศิริรัตน์  นิลสมัย นายกสมาคมภริยาทหารเรือ ได้เดินทางต่อไปยังท่าน้ำหน้าลานทัศนาภิรมย์ หอประชุมกองทัพเรือ เพื่อปล่อยพันธุ์ปลาน้ำจืด ขยายพันธุ์ลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ในช่วงเช้า ผู้บัญชาการทหารเรือ และนายกสมาคมภริยาทหารเรือ พร้อมหัวหน้าหน่วยขึ้นตรงกองทัพเรือในพื้นทกรุงเทพมหานคร ได้ตักบาตร พระสงฆ์ 49 รูป ซึ่งนิมนต์มาจากวัดโมลีโลกยารามราชวรวิหารเพื่อความเป็นสิริมงคล ณ บริเวณลานหน้าอาคารกองบัญชาการกองทัพเรือ พระราชวังเดิม จากนั้นผู้บัญชาการทหารเรือ และคณะได้ทำพิธีบวงสรวงและสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในพื้นที่กองบัญชาการกองทัพเรือพระราชวังเดิม และกองบัญชาการกองทัพเรือ พื้นที่วังนันทอุทยาน เพื่อความเป็นสิริมงคล ประกอบด้วย พระพุทธรูปที่ประดิษฐานภายในท้องพระโรงชั้นใน ต้นพระศรีมหาโพธิ์ พระบรมราชานุสาวรีย์และศาลสมเด็จ พระเจ้าตากสินมหาราช พระบวรสาทิสลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ศาลเจ้าพ่อหนู พระพุทธลีลาราชนาวีศรีนันทอุทยานมิ่งมงคล พระอนุสาวรีย์ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ และศาลเจ้าพ่อมังกรแก้ว

สำหรับความเป็นมาของวันกองทัพเรือ สืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ 20 พ.ย. 2449 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงประกอบพิธีเปิดโรงเรียนนายเรืออย่างเป็นทางการณ พระราชวังเดิม ธนบุรี กับได้พระราชทานพระราชหัตถเลขาในสมุดเยี่ยมของโรงเรียนนายเรือ ความว่า “วันที่ 20 พฤศจิกายน ร.ศ.125 เราจุฬาลงกรณ์ ปร. ได้มาเปิดโรงเรียนนี้ มีความปลื้มใจ ซึ่งได้เห็นการทหารเรือ มีรากหยั่งลงแล้ว จะเป็นที่มั่นสืบต่อไปในภายน่า” กองทัพเรือ จึงได้ถือเอาวันที่ 20 พฤศจิกายน ของทุกปี เป็นวันกองทัพเรือ และเป็นวันคล้ายวันสถาปนาโรงเรียนนายเรือ เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ได้ทรงเล็งเห็นถึงความสำคัญในการก่อตั้งสถาบันหลักของ กองทัพเรือ ซึ่งถือเป็นรากฐานของการพัฒนากิจการทหารเรือ ให้มีความเจริญก้าวหน้าและมั่นคง สืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน

ทั้งนี้พล.ร.อ.สมประสงค์ ได้มีสารถึงกำลังพลกองทัพเรือ ว่า เมื่อวันที่ 20 พ.ย. 2449 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณเสด็จพระราชดำเนินมาเปิดโรงเรียนนายเรือ ที่พระราชวังเดิมธนบุรี กองทัพเรือจึงได้ถือเอาวันมหามงคลนี้เป็นวันกองทัพเรือ และนับเป็นจุดเริ่มต้นของการทหารเรือไทยตามแบบอารยประเทศ ส่งผลให้มีพัฒนาเจริญก้าวหน้าเป็นกองทัพเรือที่ทันสมัยเข้มแข็ง มีเกียรติภูมิเป็นที่ปรากฏจนถึงทุกวันนี้มาเป็นระยะเวลา 115 ปี ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมากองทัพเรือได้ทำหน้าที่ในการปกป้องอธิปไตย รักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลตลอดจนความมั่นคงของประเทศและเหนือสิ่งอื่นใดคือการเทิดทูนและพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่เคารพสักการะสูงสุดของปวงชนชาวไทย การดำเนินงานตามพระราชโครงการพระราชดำริและการสนับสนุนนโยบายสำคัญของรัฐบาลด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจในการขับเคลื่อนและพัฒนากองทัพเรือให้เป็นหน่วยงานความมั่นคงทางทะเลที่มีบทบาทนำในภูมิภาคและเป็นเลิศในการบริหารจัดการสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของกองทัพเรือที่กำหนดไว้

ปากีสถาน ผ่านกม. 'ฉีดยาให้ฝ่อ' ลงโทษพวกทำผิดข่มขืนซ้ำซาก

ปากีสถานเริ่มบังคับใช้กฎหมายฉบับใหม่ ลงโทษผู้ก่อเหตุข่มขืนหญิงหลายคดี ด้วยการฉีดยาให้ไข่ฝ่อ หรือฉีดให้หมดความรู้สึกทางเพศตลอดชีวิต (Chemical castration)

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานจากกรุงอิสลามาบัด ประเทศปากีสถาน เมื่อวันที่ 18 พ.ย. ว่า รัฐสภาปากีสถาน ในกรุงอิสลามาบัด อนุมัติกฎหมายฉบับใหม่ เมื่อวันพุธ และให้กฎหมายมีผลบังคับใช้ในทันที

การฉีดยาให้ไข่ฝ่อ จะทำให้ผู้ถูกฉีด ไม่สามารถทำให้กลับมามีความรู้สึกทางเพศได้อีกตลอดชีวิต การลงโทษผู้กระทำความผิดฐานข่มขืนหญิง มากกว่า 1 คดี ด้วยวิธีนี้ มีในอีกหลายประเทศ รวมถึง โปแลนด์ เกาหลีใต้ สาธารณรัฐเช็ก และหลายรัฐของสหรัฐอเมริกา

สหรัฐฯ พบคนป่วยหนัก - เข้าไอซียูพุ่ง ทั้งที่ฉีดวัคซีนโควิดครบโดสแล้ว

ในขณะที่เคสผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นทั่วสหรัฐฯ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเตือนว่ากำลังพบเห็นจำนวนคนฉีดวัคซีนครบเข็มแล้วแต่ยังป่วยหนักถึงขั้นเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลหรือต้องเข้าห้องฉุกเฉินเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ความกังวลเกี่ยวกับภูมิคุ้มกันลดลงในการป้องกันการติดเชื้ออาการรุนแรง ซึ่งเกิดขึ้นในขณะที่สำนักงานอาหารและยาแห่งชาติสหรัฐฯ (เอฟดีเอ) ถูกคาดหมายว่าจะอนุมัติฉีดเข็มกระตุ้นวัคซีนไฟเซอร์/ไบออนเทค สำหรับบุคคลอายุ 18 ปีขึ้นไป

"สิ่งที่เราเริ่มเห็นในตอนนี้ก็คือจำนวนผู้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลที่เพิ่มสูงขึ้นในบรรดาคนฉีดวัคซีนครบแล้ว แต่ยังไม่ได้ฉีดเข็มกระตุ้น" นายแพทย์แอนโทนี เฟาซี ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันอังคาร (16 พ.ย.) "มันเป็นสัดส่วนที่มาก แต่ไม่ใช่ส่วนใหญ่แต่อย่างใด"

เมื่อวันพุธ (17 พ.ย.) แพทย์หญิงโรเชลล์ วาเลนสกี ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ (ซีดีซี) รายงานพบประสิทธิภาพของวัคซีนลดลงในหมู่คนชราและผู้พักอาศัยในสถานดูแลผู้สูงอายุระยะยาว ซึ่งจำนวนมากเป็นกลุ่มแรก ๆ ที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 เมื่อฤดูหนาวปีที่แล้ว

"แม้ความเสี่ยงสูงสุดคือคนที่ยังไม่ฉีดวัคซีน แต่เรากำลังพบเห็นคนชราอายุ 65 ปีขึ้นไป ถูกส่งเข้าแผนกฉุกเฉินเพิ่มขึ้น ซึ่งตอนนี้กลับมาสูุงกว่ากลุ่มคนอายุต่ำกว่าอีกครั้ง" วาเลนสกีกล่าวระหว่างแถลงข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ที่ทำเนียบขาวเมื่อวันพุธ (17 พ.ย.)

อย่างไรก็ตาม วาเลนสกี ชี้ถึงข้อมูลใหม่จากเครือข่ายความปลอดภัยสุขภาพแห่งชาติของทางซีดีซี เกี่ยวกับผู้พักอาศัยในสถานดูแลผู้สูงอายุระยะยาว โดยเปรียบเทียบอัตราการติดเชื้อโควิด-19 ระหว่างคนที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มกับคนที่ฉีดเข็มกระตุ้นแล้ว ซี่งพบว่า "อัตราการติดเชื้อต่ำกว่าอย่างเห็นได้ชัดสำหรับคนที่ฉีดเข็มกระตุ้น แสดงให้เห็นว่าวัคซีนเข็มกระตุ้นของเรากำลังได้ผล" เธอกล่าว

เข้าทุกทิศ…!!! กองกำลังบูรพา จับกุมชาวกัมพูชา​ 20​ คน​ ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย บริเวณชายแดน​จว.สระแก้ว

กองทัพภาคที่​ 1​  กกล.บูรพา​ พล.ร.2​ รอ. โดย ชค.ทพ.12 ฉก.ตาพระยา ออกลาดตระเวนเฝ้าตรวจในพื้นที่รับผิดชอบ ตรวจพบชาวกัมพูชาลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายโดยใช้ช่องทางธรรมชาติ  จำนวน 11 ราย (ช.5,ญ.5,ดช.1) บริเวณ บ้านภูน้ำเกลี้ยง ม.5 ต.ป่าไร่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว จากการสอบถามทราบว่าทั้งหมดเดินทางมาจาก จ.เสียมราฐ, จ.พระตะบอง, จ.ไพรแวง, จ.กระแจะ และ จ.ตาแก้ว ประเทศกัมพูชา ต้องการเดินทางไปทำงานในพื้นที่ จ.สระแก้ว  จนท. จึงได้ควบคุมตัวส่งให้ สภ.คลองลึก เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ช่วยชีวิต..!!! กองบิน 7 นำเฮลิคอปเตอร์แบบที่ 11 (EC-725) สังกัดหน่วยบิน 2037 เคลื่อนย้ายผู้ป่วยฉุกเฉิน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (18 พ.ย.) ทางกองบิน 7 ได้รับการประสานขอความอนุเคราะห์ด่วนจาก นายแพทย์ณัฐพงศ์  กนกกวินวงศ์ นายแพทย์ชำนาญการ ผู้อำนวยการศูนย์โรคหลอดเลือดสมอง โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี (Stroke center of Suratthani hospital) เพื่อขอสนับสนุนอากาศยาน สำหรับเคลื่อนย้ายผู้ป่วยชายไทย อายุ 83 ปี ซึ่งป่วยด้วยโรคหลอดเลือดสมองตีบเฉียบพลัน (Acute ischemic stroke fast track) เพื่อเข้ารับการลากลิ่มเลือดอุดตัน

โดยวิธีการใส่สายสวนทางหลอดเลือดดำ (Mechanical thrombectomy) เพื่อนำส่งผู้ป่วยเข้ารับการรักษาต่อเนื่องโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ (Neurointerventionist) ของโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ อย่างทันท่วงที เนื่องจากมีผู้ป่วยพร้อมกัน 2 ราย ซึ่งทางโรงพยาบาลสุราษฎร์ธานีมีรถพยาบาลฉุกเฉินในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยเพียงคันเดียวที่มีความสามารถในการสลายลิ่มเลือดซึ่งต้องส่งผู้ป่วยอีกรายไปโรงพยาบาลตรัง


โดน นาวาอากาศเอก พุทธพงศ์  ผลชีวิน ผู้บังคับการกองบิน 7 ได้ให้การสนับสนุนเฮลิคอปเตอร์แบบที่ 11 (EC-725) สังกัดหน่วยบิน 2037 พร้อมด้วยแพทย์ด้านเวชศาสตร์การบิน และเจ้าหน้าที่ของกองบิน 7 ปฏิบัติงานร่วมกับทีมแพทย์ - พยาบาล โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี ในการลำเลียงผู้ป่วยทางอากาศ  สำหรับเคลื่อนย้ายผู้ป่วยหลอดเลือดสมองตีบเฉียบพลัน เส้นทางบิน กองบิน 7 -โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา 

 

"อนุกมธ.รัฐวิสาหกิจ" แนะ 5 แนวทางให้ “ก.พลังงาน-กองทุนน้ำมัน-ปตท.” ช่วยเหลือผู้ประกอบการขนส่ง หลังราคาน้ำมันพุ่งสูง ติงไอเดีย "บิ๊กตู่" นำรถทหารวิ่งแทนแก้ปัญหาไม่ตรงจุด

นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการ (กมธ.) รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และกองทุน ในคณะกมธ.กิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และกองทุน สภาผู้แทนราษฏร เปิดเผยว่า ทางอนุกมธ.ได้เชิญผู้ที่เกี่ยวข้องกับปัญหาราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น จนส่งผลกระทบสร้างความเดือดร้อนให้ผู้ประกอบการธุรกิจขนส่งและประชาชนเป็นวงกว้าง โดยมีผู้แทนจากกระทรวงพลังงาน สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) รวมถึงสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย เพื่อหารือถึงมาตรการในการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับความเดือดร้อน

โดยมีการเสนอ 5 แนวทางให้กระทรวงพลังงาน สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง และบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ได้กลับไปหารือกันแล้วนำกลับมารายงานต่อที่ประชุมคณะอนุกมธ.อีกครั้ง คือ 1.เสนอให้กระทรวงพลังงานไปหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อลดสัดส่วนการผสมไบโอดีเซลหรือน้ำมันปาล์มลง เพื่อทำให้ราคาน้ำมันดีเซลและน้ำมันดีเซล B7 ราคาถูกลง

นายอัครเดช กล่าวต่อว่า 2.ให้สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงไปหารือกับกระทรวงการคลัง เพื่อพิจารณาลดภาษีสรรพสามิต 3.ให้สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงไปปรับวิธีการบริหารกองทุนให้สามารถใช้กลไกของกองทุนมาช่วยในการปรับลดราคาดีเซลเพิ่มขึ้น จากเดิมลิตรละ 1.99 บาท 4.ให้สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงไปทบทวนนโยบาย ในการใช้เงินกองทุนน้ำมันในการชดเชยราคาแก๊ส LPG ที่เป็นภาระต่อกองทุนเป็นจำนวนมาก จนทำให้ความสามารถของกองทุนน้ำมันในการดูแลและชดเชยราคาน้ำมันดีเซลไม่ได้เต็มประสิทธิภาพ และ 5.ให้บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ไปทบทวนการทำธุรกิจที่มีผลกำไรจำนวนมาก โดยให้พิจารณานำผลกำไรมาชดเชยราคาน้ำมัน เนื่องจาก ปตท.เป็นรัฐวิสาหกิจในกำกับของรัฐที่จะต้องมุ่งช่วยเหลือประชาชนเป็นหลัก ไม่ใช่มุ่งหาผลกำไร

 

'ดีเอสไอ – ศตก.' บูรณาการความร่วมมือ เพื่อการต่อต้านการก่อการร้ายสากล

ที่อาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ พลโท วีระพงษ์ สรวงศิริธนกุล ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายสากล (ศตก.) พร้อมด้วย พลตรี สมชัย มาลินันท์ รองผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายสากล (1) พลตรี สุเมธ พรหมตรุษ รองผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายสากล (2) พลตรี ทนงศักดิ์ ตันนารัตน์ เสนาธิการศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายสากล  และคณะ เดินทางเข้าพบ นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อแสดงความยินดีในโอกาสได้รับตำแหน่ง และร่วมประชุมหารือถึงแนวทางทำงานร่วมกัน โดยมี พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และคณะผู้บริหารกรมสอบสวนคดีพิเศษ ร่วมประชุมหารือถึงการบูรณาการการทำงานเชิงรุกในการป้องกันปราบปราม การแลกเปลี่ยนข้อมูล และความร่วมมือด้านการต่อต้านการก่อการร้ายสากลร่วมกัน โดยมีข้อหารือ ดังนี้

1) การแลกเปลี่ยนหลักสูตรระหว่างกรมสอบสวนคดีพิเศษและศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายสากล โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษได้เสนอวิทยากรบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับข้อกฎหมายภายใต้ พระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547

2) การแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับการจัดทำศูนย์ฝึก โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษเตรียมเปิดสถาบันการสอบสวนคดีพิเศษ เขตหนองจอก ซื่งศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายสากลอาจนำไปปรับใช้ในแนวคิดการพัฒนาศูนย์ฝึกต่อต้านการก่อการร้าย

3) การบูรณาการด้านการใช้อาวุธ ยุทโธปกรณ์ และกำลังพล ตลอดจนขีดความสามารถของบุคลากรของทั้งสองหน่วยงาน เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติงานร่วมกัน ตลอดจนแนวคิดการใช้กำลัง และการสนับสนุนการแลกเปลี่ยนงานด้านการข่าว การบริหารเหตุการณ์ การใช้กำลังปราบปราม และข้อกฎหมายต่าง ๆ

เอกอัครราชทูตภูฏานเข้าเยี่ยมคำนับปลัดกระทรวงกลาโหม

ที่กระทรวงกลาโหม นายคินซัง ดอร์จี (Kinzang Dorji) เอกอัครราชทูตภูฏาน ประจำกรุงเทพฯ พร้อมคณะ เดินทางเข้าเยี่ยมคำนับ พล.อ.วรเกียรติ รัตนานนท์ ปลัดกระทรวงกลาโหม ณ ห้องพระบารมีปกเกล้า ในศาลาว่าการกลาโหม ในโอกาสของการเตรียมการส่งมอบยานเกราะล้อยางที่ได้จัดซื้อจากบริษัท ไทยดีเฟนส์อินดัสตรี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ร่วมกันจัดตั้งขึ้นระหว่าง สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ(สทป.) กับบริษัท ชัยเสรี เม็ททอล แอนด์ รับเบอร์ จำกัด และจะมีการส่งมอบยานเกราะล้อยางแบบ 4x4 จำนวน 15 คัน ในวันศุกร์ที่ 19 พ.ย. 64 ให้กับภูฏาน เพื่อไปสนับสนุนการปฏิบัติในภารกิจรักษาสันติภาพหน่วยงาน United Nations Multidimensional Integrated Stabilization Mission(MINUSCA) ของสหประชาชาติ ณ สาธารณรัฐแอฟริกา ในห้วงเดือนธันวาคม 64 ซึ่งถือเป็นโอกาสอันดีในการพัฒนาความสัมพันธ์และความร่วมมือทางการทหารระหว่างทั้งสองประเทศ 

สำหรับไทยกับภูฏานมีความสัมพันธ์ทางการฑูตกันมา 32 ปี มีความใกล้ชิดระหว่างราชวงศ์ของทั้งสองประเทศ ซึ่งได้ดำเนินมาอย่างยาวนานบนพื้นฐานมิตรภาพอันยั่งยืนระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศ นอกจากนี้ไทยกับภูฏาน ยังมีความเชี่อมโยงกันทางพุทธศาสนา สังคม วัฒนธรรม และมีความร่วมมือทางวิชาการที่แน่นแฟ้น ซึ่งนับเป็นเสาหลักของการดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างกัน

 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top