Saturday, 10 May 2025
ECONBIZ

ภูเก็ตแซนด์บ๊อกซ์! แผนเปิดประเทศไม่ต้องกักตัว มีเมืองอื่นในโลกทำแล้ว สำเร็จไหม?

เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2564 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้แถลงการณ์เรื่องการเปิดจังหวัดภูเก็ตเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยว ที่ใช้ชื่อว่า “ภูเก็ต sandbox” โดยโครงการดังกล่าวจะเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 1 กรกฎาคม [1] จากข้อมูลในวันที่ 16 มิถุนายน ชาวภูเก็ตร้อยละ 63.3 ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว 1 เข็ม ร้อยละ 30.2 ได้รับวัคซีนแล้ว 2 เข็ม ประชากรที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนมีจำนวน 119,732 คนจาก 547,584 คน สถานประกอบการที่บุคลากรได้รับการฉีดวัคซีนครบทั้งสองเข็มแล้วจะได้รับสัญลักษณ์ SHA+ โดยขณะนี้ มีโรงแรมมากกว่า 280 แห่งที่ได้รับสัญลักษณ์ดังกล่าวแล้ว [2]

เมื่อประชากรในภูเก็ตได้รับการฉีดวัคซีนถึงร้อยละ 70 แล้ว ภูเก็ตจะเป็นจังหวัดแรกในไทยที่เริ่มเปิดรับนักท่องเที่ยว [3] ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนดไว้ว่านักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางมายังภูเก็ตต้องมาจากประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำหรือปานกลาง ได้รับการฉีดวัคซีนที่ทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยากำหนดไว้ รวมถึงวัคซีนอื่นๆ ที่องค์การอนามัยโลกให้การรับรอง นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวต้องมีผลตรวจเชื้อโควิด-19 เป็นลบก่อนเดินทางเข้าประเทศ 72 ชั่วโมง และเมื่อเดินทางมาถึง ต้องอยู่ในภูเก็ตอย่างน้อย 14 วัน หากน้อยกว่านั้น ต้องเป็นการเดินทางออกนอกประเทศไทยเท่านั้น [4]

โครงการ ภูเก็ต sandbox ไม่เพียงแต่เป็นความหวังในการเปิดจังหวัดภูเก็ตเพื่อเปิดรับนักท่องเที่ยวให้กลับมาอีกครั้ง แต่ยังเป็นความหวังในการนำร่องโครงการเปิดรับการท่องเที่ยวเข้าสู่ประเทศ [3] ดังที่หลายๆ ประเทศได้เริ่มเปิดพื้นที่บางส่วนให้นักท่องเที่ยวที่มีความเสี่ยงต่ำเดินทางมาได้ หรือที่เรียกกันว่า Travel Bubble ทั้งนี้ Travel Bubble หมายถึง การเชื่อมต่อการเดินทางระหว่างประเทศที่จัดการการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ดีพอๆ กัน ผู้เดินทางระหว่างประเทศที่ตกลงทำ Travel Bubble ร่วมกันสามารถเดินทางเข้าออกประเทศได้โดยไม่ต้องกักตัว [5]

ประเทศมากมายได้ทำ Travel Bubble แล้ว ไม่ว่าจะเป็นฮ่องกงและสิงคโปร์ที่เริ่มทำ Travel Bubble เป็นที่แรก [6] สาธารณรัฐปาเลาและไต้หวันที่นับได้ว่าเป็น Travel Bubble แห่งแรกในเอเชีย [7] หรือออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ที่มีระดับผู้ติดเชื้อลดต่ำลงอยู่ในระดับเดียวกัน [8] อย่างไรก็ตาม การทำ Travel Bubble ไม่ใช่เรื่องง่าย ฮ่องกงและสิงคโปร์ต้องเลื่อนการทำ Travel Bubble ออกไปเมื่อจำนวนผู้ติดเชื้อในฮ่องกงมีจำนวนเพิ่มขึ้น [9] เช่นเดียวกับเปาโลและไต้หวันที่ต้องเลื่อนการทำ Travel Bubble เนื่องจากผู้ติดเชื้อในไต้หวันมีจำนวนเพิ่มขึ้น [10]

แม้การทำ Travel Bubble จะมีความเสี่ยงต่อการถูกเลื่อน แต่การทำ Travel Bubble ก็ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไม่น้อย เช่น ในกรณีของออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ Travel Bubble ช่วยสร้างรายได้ให้กับสายการบิน Qantas ที่สูญเสียรายได้นับ 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงครึ่งปีแรกของปีค.ศ. 2020 แรงงานกว่า 630 คนได้กลับมาทำงานและจัดการเที่ยวบินมากถึง 200 เที่ยวต่อสัปดาห์ กระจายรายได้ให้แก่กิจการในประเทศได้อีกมหาศาล [8]

จากทั้งความสำเร็จและอุปสรรคต่างในการทำ Travel Bubble ของประเทศต่างๆ ดังที่กล่าวมานี้ จะเห็นได้ว่าเส้นทางสู่การเปิดจังหวัดต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติยังคงมีปัจจัยที่ต้องคำนึงถึงอีกมากมาย การเปิดโครงการภูเก็ต sandbox ยังต้องเผชิญกับความท้าทายอีกมาก ดังที่มีการคาดการณ์ไว้ว่า หากจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มถึง 90 คนต่อสัปดาห์ มีการกระจายโรคใน 3 อำเภอหรือมากกว่า 6 ตำบล หรือมีการระบาดเกิน 3 คลัสเตอร์ รวมถึงมีอัตราการครองเตียงตั้งแต่ร้อยละ 80 ขึ้นไป โครงการภูเก็ต sandbox อาจต้องเลื่อนไปก่อนเช่นกัน

ทั้งนี้ เราคงได้แต่จับตาดูต่อไปว่าโครงการดังกล่าวนี้จะสำเร็จเป็นจริงในวันที่ 1 กรกฎาคมที่จะมาถึงนี้หรือไม่ และหากสำเร็จ โครงการนี้จะเปิดทางไปสู่การต้อนรับนักท่องเที่ยวในพื้นที่อื่นได้อย่างไรต่อไป

อ้างอิง [1] ฐานเศรษฐกิจ. (8 มิถุนายน 2564). เดินหน้า “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” ครม.มีมติรับทราบ 1ก.ค.รับนักท่องเที่ยวฉีดวัคซีนโควิดครบโดส. สืบค้นจาก https://www.thansettakij.com/content/covid_19/483074

[2] กรุงเทพธุรกิจ. (17 มิถุนายน 2564). กรมควบคุมโรค ชื่นชมภูเก็ตฉีดวัคซีนเข็มแรกให้ปชช.แล้วกว่า 3 แสนราย. สืบค้นจาก https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/944086

[3] Randy Thanthong-Knight. (June 16, 2021). Phuket Reopening Offers Model for Asia as Travel Bubbles Burst. Retrieved from https://www.bloomberg.com/news/articles/2021-06-15/-phuket-sandbox-offers-model-for-asia-as-travel-bubbles-fail

[4] ข่าวไทยพีบีเอส. (18 มิถุนายน 2564). ศบค.วางเงื่อนไข “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” เปิดรับนักท่องเที่ยว. สืบค้นจาก https://news.thaipbs.or.th/content/305329

[5] กรุงเทพธุรกิจ. (13 มิถุนายน 2563). ‘Travel Bubble’ คืออะไร? ไทย เตรียมปลดล็อคให้ไปที่ไหนบ้าง!?. สืบค้นจาก https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/884943

[6] Kyunghee Park. (November 11, 2020). Singapore to Start ‘World First’ Air Travel Bubble With Hong Kong. Retrieved from https://www.bloomberg.com/news/articles/2020-11-11/singapore-air-travel-bubble-with-hong-kong-to-start-on-nov-22-khcs17sn

[7] Lilit Marcus and Maggie Hiufu Wong. (April 1, 2021). Asia’s first ‘travel bubble’ opens between Taiwan and Palau. Retrieved from https://edition.cnn.com/travel/article/taiwan-palau-travel-bubble-intl-hnk/index.html

[8] BBC. (April 19, 2021). Australia opens travel bubble with New Zealand. Retrieved from https://www.bbc.com/news/world-australia-56796679

[9] BBC. (November 21, 2021). Covid-19: Hong Kong-Singapore travel corridor postponed. Retrieved from https://www.bbc.com/news/world-asia-55027305

[10] SPH Digital News. (May 22, 2021). Palau-Taiwan travel bubble to reopen ‘as soon as practical’. Retrieved from https://www.straitstimes.com/asia/east-asia/palau-taiwan-travel-bubble-to-reopen-as-soon-as-practical

 

ที่มา : https://www.investerest.co/economy/what-is-phuket-sandbox/


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

เปิดโครงการรถ Mobile พาณิชย์...ลดราคา! ช่วยประชาชน กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ครม.อนุมัติวงเงิน 161.3 ล้านบาท

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยที่ประชุม ครม. อนุมัติโครงการรถ Mobile พาณิชย์...ลดราคา! ช่วยประชาชน กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ภายใต้กรอบวงเงิน 161.324 ล้านบาท ในการใช้รถ Mobile ไม่น้อยกว่า 1,000 คัน ให้บริการจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการครองชีพให้กับประชาชน ในราคาที่ต่ำกว่าท้องตลาดร้อยละ 20-40 ในพื้นที่แหล่งชุมชนและหมู่บ้านต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระยะเวลาดำเนินการ 30 วัน เริ่มเดือนกรกฎาคม 2564  ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มรายได้ 210 ล้านบาท ลดรายจ่าย 90 ล้านบาท เพิ่มการจ้างงาน/รักษาการจ้างงาน 2,385 คน ลดภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชน 3 ล้านคน หรือ 100,000 คน/วัน

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรียังเผยถึงประโยชน์โครงการฯ ว่า จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากและการบริโภคภาคครัวเรือนรวมทั้งเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าให้กับประชาชนเพื่ออำนวยความสะดวกและช่วยลดการเดินทางของประชาชน เพื่อลดความเสี่ยงในการกระจายและการติดเชื้อโควิด-19 ของประชาชนด้วย

ออมสิน รับมอบนโยบายรัฐบาล พักหนี้ให้ SMEs ท่องเที่ยวทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย นาน 6 เดือน เปิดให้ โรงแรม-รีสอร์ต-เกสต์เฮาส์-เซอร์วิสอพาร์ตเมนท์ แจ้งเข้าร่วมมาตรการได้ถึง 23 ก.ค. นี้

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลและกระทรวงการคลังมอบหมายธนาคารออมสินออกมาตรการช่วยเหลือธุรกิจท่องเที่ยว โดยเฉพาะผู้ประกอบการ SMEs ธุรกิจโรงแรมและที่พัก ที่ขณะนี้ต้องประสบภาวะยากลำบาก ขาดรายได้หล่อเลี้ยงธุรกิจ และไม่สามารถชำระหนี้ได้

ล่าสุดธนาคารออมสินจึงออกมาตรการยกเว้นการชำระเงินต้นและดอกเบี้ย เป็นระยะเวลา 6 เดือน แก่ผู้ประกอบการ SMEs โรงแรม รีสอร์ต เกสต์เฮาส์ และเซอร์วิสอพาร์ตเมนท์ มีเป้าหมายเพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายแก่ผู้ประกอบการ ให้สามารถประคับประคองธุรกิจจนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 จะคลี่คลาย และกิจการกลับมามีรายได้อีกครั้ง

ทั้งนี้ มาตรการยกเว้นการชำระเงินต้นและดอกเบี้ย ทำให้เงินงวดเป็นศูนย์ เป็นระยะเวลา 6 เดือน มีผลตั้งแต่งวดเดือนกรกฎาคม-เดือนธันวาคม 2564 โดยให้สิทธิ์แก่ผู้ประกอบการ SMEs ธุรกิจโรงแรม รีสอร์ต เกสต์เฮาส์ และเซอร์วิสอพาร์ตเมนท์ ที่มีวงเงินสินเชื่อรวมไม่เกิน 250 ล้านบาท และมีหนี้ค้างชำระไม่เกิน 90 วัน สามารถแจ้งความประสงค์เข้าร่วมมาตรการได้ตั้งแต่บัดนี้ ที่สาขาธนาคารออมสิน หรือศูนย์สินเชื่อธุรกิจลูกค้า SMEs ที่ได้ติดต่อขอสินเชื่อไว้ หมดเขตแจ้งความประสงค์วันที่ 23 กรกฎาคม 2564

อนึ่ง นอกเหนือจากความช่วยเหลือตามมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายแล้ว ที่ผ่านมาธนาคารออมสินได้จัดทำมาตรการเสริมสภาพคล่องโดยการให้สินเชื่อเงื่อนไขผ่อนปรน แก่ผู้ประกอบการ SMEs ธุรกิจท่องเที่ยวอีกหลายมาตรการ โดยปัจจุบันมี 2 มาตรการที่ยังคงเปิดรับลงทะเบียน ได้แก่ มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน วงเงินให้กู้สูงสุดรายละ 500,000 บาท และมาตรการสินเชื่อ SMEs มีที่ มีเงิน สำหรับธุรกิจท่องเที่ยว ใช้ที่ดินเป็นหลักประกัน อัตราดอกเบี้ยปีแรก 0.1% วงเงินให้กู้สูงสุดสำหรับบุคคลธรรมดารายละไม่เกิน 10 ล้านบาท สำหรับนิติบุคคลรายละไม่เกิน 50 ล้านบาท ทั้งนี้ ผู้ประกอบการที่สนใจสามารถยื่นขอกู้ได้ โดยลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ธนาคารออมสิน www.gsb.or.th หรือติดต่อที่ธนาคารออมสินทุกสาขาทั่วประเทศ

 


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

Fitch Ratings คงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยที่ BBB+ และคงมุมมองความน่าเชื่อถืออยู่ในระดับมีเสถียรภาพ

นางแพตริเซีย มงคลวนิช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2564 บริษัท Fitch Ratings (Fitch) ได้คงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Sovereign Credit Rating) ที่ BBB+ และคงมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Outlook) อยู่ในระดับมีเสถียรภาพ (Stable Outlook) โดยมีรายละเอียดดังนี้

1.) ภาคการคลังสาธารณะ (Public Finance) มีความแข็งแกร่งเป็นผลจากการบริหารจัดการทางการคลังอย่างรอบคอบและเป็นไปตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 เพื่อรักษาวินัยทางการคลัง แม้ว่าหนี้สาธารณะจะเพิ่มขึ้นจากการกู้เงินเพื่อสนับสนุนการดำเนินมาตรการทางการคลังเพื่อช่วยเหลือประชาชนและผู้ประกอบการ และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 เช่น การจัดทำงบประมาณรายจ่ายขาดดุล การตราพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 วงเงินไม่เกิน 1 ล้านล้านบาท และพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 วงเงินไม่เกิน 500,000 ล้านบาท แต่ Fitch เชื่อมั่นว่า รัฐบาลไทย สามารถบริหารจัดการความเสี่ยงหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้นได้เป็นอย่างดี เนื่องจากมีกลยุทธ์การบริหารหนี้สาธารณะภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังที่เข้มแข็ง ส่งผลให้หนี้สาธารณะของประเทศไทย ณ เดือนเมษายน 2564 มีอายุเฉลี่ย (Average Time to Maturity: ATM) ค่อนข้างยาว คือ 9.5 ปี และมีสัดส่วนหนี้สาธารณะสกุลเงินบาทมากกว่าร้อยละ 98 ซึ่งอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับกลุ่มประเทศที่มีอันดับความน่าเชื่อถือในระดับเดียวกัน (BBB peers) เช่น อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ โปรตุเกส ฮังการี บัลกาเรีย รัสเซีย และคาซัคสถาน เป็นต้น ที่มีค่ากลางของหนี้สกุลท้องถิ่นอยู่ที่ร้อยละ 68.8

Fitch คาดว่า สัดส่วนหนี้ภาครัฐบาล (General Government Debt) ต่อ GDP ของประเทศไทย ในปี 2565 จะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ร้อยละ 52.7 ต่อ GDP จากการดำเนินนโยบายการคลังเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 และการมีกฎหมายการกู้เงินเพิ่มเติม ซึ่งยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าค่ากลางของกลุ่มประเทศที่มีอันดับความน่าเชื่อถือในระดับเดียวกันที่ร้อยละ 59.4 อย่างไรก็ดี Fitch เชื่อมั่นว่า แนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศไทยในไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 จะเริ่มฟื้นตัวเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของการส่งออกสินค้าและการเร่งรัดการเบิกจ่ายโครงการลงทุนของภาครัฐ อีกทั้ง คาดว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยในปี 2565 จะขยายตัวที่ร้อยละ 4.2 เนื่องจากการขยายตัวของอุปสงค์ภายนอกประเทศ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ และการเริ่มเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทั้งนี้ เมื่อสถานการณ์การระบาดคลี่คลาย เศรษฐกิจฟื้นตัวและรายได้ของรัฐบาลเพิ่มขึ้นจะทำให้รัฐบาลจัดทำงบประมาณขาดดุลลดลง

2.) ภาคการเงินต่างประเทศ (External Finance) ที่ยังคงมีความเข้มแข็ง และส่งผลต่อการจัดอันดับความเชื่อถือของประเทศไทย โดยมีดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลและทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่ในระดับสูง เพียงพอสำหรับใช้จ่ายถึง 10.8 เดือน ขณะที่กลุ่มประเทศที่มีอันดับความน่าเชื่อถือในระดับเดียวกัน (Peers) มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 9.3 เดือน นอกจากนี้ คาดว่าในปี 2564 ดุลบัญชีเดินสะพัดของประเทศไทยจะยังคงเกินดุลที่ร้อยละ 0.5 ต่อ GDP และจะเกินดุลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว เนื่องจากการเร่งฉีดวัคซีนให้ประชาชนอย่างกว้างขวางให้ครอบคลุมประชากรกว่าร้อยละ 70 ตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายน 2564 และแผนการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสแล้วจากประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำและปานกลางตามหลักเกณฑ์ของกระทรวงสาธารณสุข เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยจะเริ่มจากจังหวัดภูเก็ตเป็นจังหวัดนำร่อง (Phuket Sandbox) ภายในเดือนตุลาคม 2564

ประเด็นที่ Fitch ให้ความสนใจและจะติดตามอย่างใกล้ชิด คือ ธรรมาภิบาล รายได้เฉลี่ยต่อหัวหนี้ครัวเรือน และความเสี่ยงทางการเมือง รวมทั้งโครงสร้างประชากรสูงอายุที่จะส่งผลต่อการเติบโตของประเทศในระยะปานกลาง


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

โรงงานอุตสาหกรรม 59,013 แห่ง ทั่วประเทศเตรียมเฮ ! หลังกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) เตรียมยกเว้นค่าธรรมเนียมโรงงานรายปีต่อเนื่องอีก 1 ปี

โรงงานอุตสาหกรรม 59,013 แห่ง ทั่วประเทศเตรียมเฮ ! หลังกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) เตรียมยกเว้นค่าธรรมเนียมโรงงานรายปีต่อเนื่องอีก 1 ปี หลังสิ้นสุด 9 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นไปตามมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดไวรัสโควิด-19 สนองนโยบาย “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” ที่ต้องการบรรเทาผลกระทบความเดือดร้อนของผู้ประกอบการ คาดหากที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติจะมีผลตั้งแต่ 10 มิ.ย. 64 จนถึง 9 มิ.ย. 65

นายประกอบ วิวิธจินดา อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ตามที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม เสนอมาตรการเยียวยาเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงินให้สามารถฟื้นฟูกิจการได้เร็วขึ้นนั้น ในส่วนของ กรอ. ได้นำเสนอ ร่างกฎกระทรวงเพื่อยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปีให้แก่ผู้ประกอบกิจการโรงงาน จำพวกที่ 2 และจำพวกที่ 3 ทุกขนาดไปอีก 1 ปี ต่อเนื่องจากการยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปีให้แก่ผู้ประกอบการโรงงานในปี 2563 ที่สิ้นสุดการยกเว้นค่าธรรมเนียมฯ เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2564 ทั้งนี้ การยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปีดังกล่าว จะต้องออกเป็นกฎกระทรวงและนำเสนอให้คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบก่อนจึงจะมีผลบังคับใช้

“การยกเว้นค่าธรรมเนียมให้แก่เจ้าของกิจการโรงงานเป็นหนึ่งในมาตรการให้ความช่วยเหลือเยียวยาแก่ผู้ประกอบกิจการโรงงาน เพื่อบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งเชื่อว่ามาตรการนี้จะช่วยพยุงสถานะของโรงงานให้มีการประกอบกิจการอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนหลังจากที่คณะรัฐมนตรี มีมติอนุมัติแล้วก็จะส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาก่อนที่จะประกาศใช้ โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน 2564 จนถึงวันที่ 9 มิถุนายน 2565” นายประกอบ กล่าว

ปัจจุบันมีผู้ประกอบการกิจการโรงงานจำพวกที่ 2 และจำพวกที่ 3 ที่ต้องชำระค่าธรรมเนียมรายปี รวมทั้งสิ้น 59,031 โรงงาน รวมเป็นเงินประมาณ 272,246,100 (สองร้อยเจ็ดสิบสองล้านสองแสนสี่หมื่นหกพันหนึ่งร้อยบาทถ้วน)


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

รมว.สุชาติ เผยพอใจผลฉีดวัคซีนผู้ประกันตนมาตรา 33 ใน กทม.ยอดทะลุ 3 แสนราย

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เผยพอใจผลการดำเนินการศูนย์ฉีดวัคซีนเพื่อผู้ประกันตนมาตรา 33 ในเขตกรุงเทพมหานคร 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ตั้งแต่วันที่ 7-18 มิ.ย. 64 มีผู้มาฉีดวัคซีนมากกว่า 3 แสนรายแล้ว

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ตามที่ตนได้มอบหมายให้นายทศพล กฤตวงศ์วิมาน เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ดำเนินการจัดฉีดวัคซีนให้แก่ผู้ประกันตนมาตรา 33 เพื่อขับเคลื่อนตามนโยบายเร่งด่วนของ ท่านพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ให้การฉีดวัคซีนโควิด-19 เป็นวาระแห่งชาติ กระทรวงแรงงาน ภายใต้การกำกับดูแลของพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้ห่วงใยและติดตาม การดำเนินงานอย่างใกล้ชิด

พบว่าผลการฉีดวัคซีนโควิด-19 สำหรับผู้ประกันตนมาตรา 33 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ถือว่ามีความคืบหน้าไปมาก โดยผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 7-18 มิถุนายน 2564 ได้รับรายงานจากสำนักงานประกันสังคมว่า มีผู้ประกันตนได้รับการฉีดวัคซีนแล้วทั้งสิ้นจำนวน 317,020 คน ถึงแม้มีความจำเป็นต้องปิดการให้บริการไปในบางศูนย์ที่สถานที่ไม่พร้อมอำนวยความสะดวก และต้องปิดศูนย์เพื่อทำความสะอาดพื้นที่ตามมาตรการความปลอดภัยด้านสาธารณสุขทุกสุดสัปดาห์ในวันเสาร์และอาทิตย์ แต่ถือว่ายอดตัวเลขการฉีดวัคซีนเป็นที่น่าพอใจและกระจายการฉีดไปทั่วทุกพื้นที่ กทม.ในการกำกับดูแล ของสำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ทั้ง 12 เขต

นายสุชาติ กล่าวในตอนท้ายว่า กระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานประกันสังคมภายใต้ ความร่วมมือจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน มีความพร้อมและศักยภาพการบริหารจัดการการฉีดวัคซีนโควิด-19 ป้องกันโรคอย่างมีประสิทธิภาพ ตนย้ำเสมอว่าการให้ผู้ประกันตนเข้าถึงการฉีดวัคซีนอย่างรวดเร็วและครอบคลุมเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อลดการแพร่ระบาด ลดความรุนแรงของโรค และลดการเสียชีวิตของพี่น้องแรงงานผู้ประกันตนที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตให้น้อยที่สุด หรือไม่เกิดขึ้นเลย เพื่อพร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศซึ่งทุกท่านคือหัวใจสำคัญให้กลับมาฟื้นตัวโดยเร็วที่สุด หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ติดต่อสายด่วน 1506 กด 7 เจ้าหน้าที่พร้อมให้บริการ ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ

ปั้นร้าน GLO ขายสลากกินแบ่ง 80 บาท นำร่องกทม.-นนทบุรี

พ.ต.อ.บุญส่ง จันทรีศรี ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พร้อมด้วย นายธนวรรธน์ พลวิชัย กรรมการและโฆษกคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล เจ้าหน้าที่และผู้บริหารระดับสูงสำนักงานสลากฯ ได้ลงพื้นที่พบปะจุดจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล GLO Official Sellers ให้ประชาชนสามารถหาซื้อสลากได้ตามราคา 80 บาท โดยทำการซื้อ-ขายผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” และ “ถุงเงิน” ในเขตบางกอกใหญ่ เขตบางพลัด และเขตดุสิต จากที่เปิดจำหน่ายในเขตกรุงเทพฯ และนนทบุรี ทั้งหมด 44 จุด

สำหรับตัวแทนจำหน่ายสลากร่วมเครือข่าย GLO Official Sellers จะได้รับการเพิ่มสลากให้ จำนวน 20 เล่ม รวมสลากที่ได้รับไปจำหน่ายต่องวด จำนวน 25 เล่ม เพื่อสนับสนุนการจำหน่ายสลาก ณ จุดจำหน่าย โดยการจ่ายเงินในการซื้อ-ขายสลาก จะเป็นการจ่ายเงินผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” และ “ถุงเงิน” โดยตัวแทนจำหน่ายจะได้รับสิ่งของที่มีตราสัญลักษณ์เครือข่าย GLO Official Sellers เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ว่าเป็นจุดจำหน่ายให้กับประชาชน ประกอบด้วย แผงจำหน่ายสลาก ป้ายประชาสัมพันธ์ (Roll up) เสื้อกั๊กและป้ายอะคริลิคประชาสัมพันธ์ 

นอกจากนี้บนใบสลากที่จำหน่ายในโครงการฯ จะมีเลขรหัสประทับตราของแต่ละจุดจำหน่ายอย่างชัดเจน ซึ่งระบุรหัสของจังหวัด รหัสเขต/อำเภอ ในจังหวัดนั้น และรหัสจุดจำหน่าย GLO เช่น เลขรหัส 01-01-001 หมายถึงจุดจำหน่าย “กรุงเทพมหานคร เขตคลองเตย ร้านที่ 1” เป็นต้น ซึ่งจะทำให้ประชาชนรู้ข้อมูลที่มาของสลากทันที 

อย่างไรก็ตาม สำนักงานฯ กำลังพิจารณาเพิ่มช่องทางจ่ายเงินซื้อลอตเตอรี่ร้าน GLO 80 บาท ผ่านระบบพร้อมเพย์ หรือธนาคารอื่นๆ แต่จะยังไม่ให้จ่ายเป็นเงินสดเพื่อป้องกันไม่ให้ซื้อแล้วไปขายต่อ รวมถึงจะขอติดตามประเมินผลอีก 3 เดือน เพื่อดูว่าจะขยายเครือข่ายร้าน GLO 80 บาทออกไปทั่วประเทศหรือไม่ โดยดูในประเด็นต่างๆ ว่าร้านค้าขายหมดทุกงวดหรือไม่ สลากฯ 25 เล่มมีเพียงพอหรือเปล่า ความสะดวกสบายของผู้ซื้อ ช่วยลดปัญหาสลากฯ เกินราคา รวมถึงมีการนำไปขายต่อทำกำไรหรือไม่ ซึ่งหลังจากประเมินแล้วจะมีคำตอบออกมาชัดเจน

‘อนุชา’ ชม ‘โกมล’ เหตุเปิดพื้นที่พีอาร์ให้ผู้ประกอบการย่อย ชี้ เป็นตัวอย่างที่ดี เข้ากับนโยบายรัฐ ‘ต้องการให้คนไทยมีความสุข-ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง’

เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณ นายโกมล จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานกรรมการ บริษัท ซัมมิทฟุตแวร์ จำกัด ผู้ผลิตรองเท้า แอโร่ซอฟ เจ้าของลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลยูโร 2020 ที่ส่งเสริมสนับสนุนช่วยเหลือพื้นที่ประชาสัมพันธ์ให้กับผู้ประกอบการกิจการรายย่อย, สถานสงเคราะห์ หรือมูลนิธิต่างๆ

นายอนุชา กล่าวว่า โดยเปิดโอกาสให้ส่งคลิปโฆษณากิจการความยาวไม่เกิน 15 วินาที ซึ่งจะต้องเป็นกิจการที่ไม่ผิดกฎหมาย หรือผิดศีลธรรม เพื่อทำการคัดเลือกนำมาออกอากาศฟรีโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ในช่วงที่มีถ่ายทอดฟุตบอลยูโร 2020 ทางสถานีโทรทัศน์ ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ สำหรับผู้ประกอบการรายย่อยที่สนใจ สามารถส่งคลิปมาได้ที่ เพจเฟสบุ๊ค สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย หรือ โทรสอบถามได้ที่ โทร. 061-028-4009

นายอนุชา กล่าวว่า เป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการกิจการรายย่อย ทำให้กิจการที่ได้คัดเลือกออกอากาศเป็นที่รู้จักมากขึ้น ส่งผลให้มียอดขายเพิ่มมากขึ้นด้วย ถือเป็นแนวคิดและเป็นตัวอย่างที่ดีในการช่วยเหลือคนไทยด้วยกัน ในช่วงที่ประสบปัญหาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 แสดงให้เห็นถึงความมีน้ำใจว่าคนไทยจะไม่ทิ้งกัน สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้คนไทยมีความสุข เดินหน้าไปด้วยกัน ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“บิ๊กตู่” เปิดทำเนียบรัฐบาล ถกเอกชน รับฟังปัญหา-หามาตรการช่วย

นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลามโหม จะเปิดทำเนียบรัฐบาล หารือร่วมกับผู้บริหารจากองค์กรภาคเอกชนหลายแห่ง ทั้งสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย และสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เพื่อรับฟังปัญหา และสถานการณ์ปัจจุบันในการประกอบธุรกิจที่กำลังได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19

“ก่อนหน้านี้นายกรัฐมนตรีได้ขอให้ผู้ประกอบการรายใหญ่ช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยในการปรับระยะเวลาการชำระเงินให้เร็วขึ้น เพื่อช่วยเหลือสภาพคล่องให้เอสเอ็มอีที่เป็นคู่ค้า ซึ่งที่ผ่านมาก็ช่วยได้ในระดับหนึ่ง แต่ปัจจุบันวิกฤติโควิดยาวนานขึ้น จึงต้องมีมาตรการในการช่วยเหลือเพิ่มเติม ซึ่งจะเป็นมาตรการที่ออกมาจาก ทั้งฝั่งของภาครัฐและมาตรการที่ภาครัฐจะสนับสนุนให้ผู้ประกอบการรายใหญ่ช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้สามารถผ่านพ้นวิกฤติโควิดไปได้ โดยมาตรการที่จะขอความร่วมมือจากภาคเอกชนจะออกมาได้โดยเร็ว”

สำหรับแนวทางการช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบกับโควิดที่จะออกมาต่อจากนี้ มีทั้งมาตรการของรัฐซึ่งกำลังดูอยู่ระหว่างการจัดทำมาตรการช่วยเหลือการจ้างงาน (โค-เพย์เม้นต์) ส่วนมาตรการที่ภาครัฐจะขอให้เอกชนโดยเฉพาะเอกชนรายใหญ่ช่วยเหลือรายเล็กเช่น การช่วยซื้อสินค้าจากเอสเอ็มอีที่อยู่ในซัพพลายเชนการผลิตสินค้ามากขึ้น การช่วยเหลือเรื่องของช่องทางการจัดจำหน่าย รวมทั้งการให้รายใหญ่ที่ทำธุรกิจกับเอสเอ็มอีช่วยเจรจากับธนาคารพาณิชย์ในการปล่อยสินเชื่อซึ่งมีบางธุรกิจได้ช่วยเหลือกันในลักษณะนี้แล้ว

ขณะที่มาตรการการช่วยเหลือการจ้างงานที่ภาครัฐจะช่วยออกค่าจ้างแรงงานบางส่วนนั้น ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างหารือกับภาคเอกชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดทำรายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อให้สามารถช่วยเหลือได้อย่างถูกต้องเหมาะสมในกลุ่มธุรกิจที่ควรได้รับการช่วยเหลือเนื่องจากได้รับผลกระทบจากโควิดให้สามารถเดินหน้าธุรกิจไปได้

บอร์ด สมอ. เด้งกลับมาตรฐานสุรา จี้ กว. ทบทวนเกณฑ์สารเคมีที่เกิดขึ้นในกระบวนการผลิต ยันความปลอดภัยผู้บริโภคต้องมาก่อน หากได้รับในปริมาณมากจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ

บอร์ด สมอ. เด้งกลับมาตรฐานสุรา จี้ กว. ทบทวนเกณฑ์สารเคมีที่เกิดขึ้นในกระบวนการผลิต ทั้งแอลดีไฮด์ และเมทิลแอลกอฮอล์ รวมถึงซัลเฟอร์ไดออกไซด์ที่เติมเข้าไป ที่เพิ่มขึ้นกว่ามาตรฐานเดิมกว่า 2 เท่า ยันความปลอดภัยผู้บริโภคต้องมาก่อน หากได้รับในปริมาณมากจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ

นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมบอร์ด สมอ. (คณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (กมอ.) ) เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ.2564 ที่ผ่านมาว่า บอร์ด สมอ. ได้มีมติให้คณะกรรมการวิชาการรายสาขา (กว.) เกี่ยวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นผู้จัดทำมาตรฐานสุรา ทั้งสุรากลั่น และสุราแช่ ทบทวนเกณฑ์ด้านความปลอดภัยที่กำหนดในมาตรฐานฉบับแก้ไขใหม่ที่เพิ่มขึ้นกว่ามาตรฐานเดิม เช่น สุรากลั่น กำหนดแอลดีไฮด์ จากเดิม ไม่เกิน 160 มิลลิกรัมต่อลิตร เป็น ไม่เกิน 220 มิลลิกรัมต่อลิตร ในกรณีสุรากลั่นที่มีแรงแอลกอฮอล์ เกิน 40 ดีกรี และเมทิลแอลกอฮอล์ จากเดิม ไม่เกิน 420 มิลลิกรัมต่อลิตร เป็น ไม่เกิน 1,000 มิลลิกรัมต่อลิตร สำหรับสุราแช่ ได้กำหนดซัลเฟอร์ไดออกไซด์ จากเดิม ไม่เกิน 300 มิลลิกรัมต่อลิตร เป็น ไม่เกิน 400 มิลลิกรัมต่อลิตร ซึ่งบอร์ด สมอ. ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขข้อกำหนดเกณฑ์ด้านความปลอดภัยดังกล่าว

เนื่องจากพฤติกรรมการบริโภคของคนไทยที่มักจะดื่มสุราเป็นประจำ เป็นปริมาณมาก และต่อเนื่อง หากได้รับปริมาณเมทิลแอลกอฮอล์เข้าสู่ร่างกายมากเกินไปอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ ประกอบกับข้อมูลทางการแพทย์พบว่า ผู้บริโภคที่ได้รับปริมาณเมทิลแอลกอฮอล์ หรือเมทานอลเข้าสู่ร่างกายในปริมาณมากเกินไป อาจมีผลกระทบต่อระบบทางเดินอาหาร เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง มีอาการตาพร่ามัว แพ้แสง ร่วมกับอาการอื่นๆ ด้วย เช่น ปวดเวียนศีรษะ อ่อนเพลีย สับสน มึนงง ในบางรายอาจมีอาการชักหรือหัวใจเต้นผิดจังหวะร่วมด้วย บอร์ด สมอ. จึงมีมติให้ กว. นำกลับไปทบทวนก่อนนำเข้าในการประชุมครั้งต่อไป

ทั้งนี้ มาตรฐานสุรา ได้ประกาศใช้ครั้งแรกเมื่อปี 2516 ต่อมาในปี 2544 ได้มีการทบทวนและยกเลิกมาตรฐานดังกล่าว และประกาศกำหนดเป็นมาตรฐานเรื่องใหม่ 3 เรื่อง คือ สุรากลั่น มอก.2088-2544 ไวน์ มอก.2089-2544 และเบียร์ มอก.2090-2544

ซึ่งในปีนี้ ได้มีการทบทวนมาตรฐานทั้ง 3 เรื่อง เพื่อให้มาตรฐานมีความทันสมัย สอดคล้องกับเทคโนโลยีการผลิตในปัจจุบัน ตลอดจนส่งเสริมผู้ประกอบการในประเทศให้ผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ มีความปลอดภัยต่อการบริโภค และเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันทางการค้าให้ผู้ประกอบการมากยิ่งขึ้นด้วย โดยสาระสำคัญของการแก้ไขมาตรฐาน นอกจากจะทบทวนเกณฑ์ด้านความปลอดภัยข้างต้นแล้ว ยังได้แก้ไขชื่อมาตรฐานจาก ไวน์ เป็น สุราแช่ เพื่อให้สอดคล้องกับผลิตภัณฑ์อีกด้วย

เลขาธิการ สมอ. กล่าวเพิ่มเติมว่า “การประชุมบอร์ด สมอ. ในครั้งนี้ นอกจากจะให้ทบทวนมาตรฐานสุราแล้ว ยังได้เห็นชอบมาตรฐานอื่นๆ รวม 13 มาตรฐาน อาทิ มาตรฐานหน้ากากผ้า เบียร์ เส้นใยกัญชง ท่อไอเสียรถจักรยานยนต์ ชิ้นส่วนท่อไอเสียรถจักรยานยนต์ รถแทรกเตอร์ล้อยางเพื่อการเกษตร และอุปกรณ์เครื่องใช้บนโต๊ะอาหารและภาชนะรองรับอาหารที่ทำจากเหล็กกล้า อีกด้วย

รวมทั้ง เห็นชอบให้ สมอ. ดำเนินการกำหนดให้ท่อไอเสียรถจักรยานยนต์ เป็นสินค้าควบคุมต่อเนื่อง เพื่อความปลอดภัยของประชาชน และยังได้สั่งให้ทำลายสินค้าไม่ได้มาตรฐานที่ สมอ. ยึดอายัดและดำเนินคดีถึงที่สุดแล้วจำนวน 8 ราย มูลค่ารวมกว่า 19 ล้านบาท อาทิ เหล็กกล้าทรงแบนรีดเย็น ของเล่น ท่อพีวีซีสำหรับร้อยสายไฟ ท่อพีวีซีน้ำดื่ม ฝักบัว ก๊อกน้ำ ลำโพง หมวกกันน็อค เป็นต้น” เลขาธิการ สมอ. กล่าว


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

เจาะเบื้องหลัง เพลงฮิต ‘เชียร์ยูโร Aerosoft’ กับแก๊งปั้นเพลงสุดไวใน 24 ชม. | BizMAX THE TOPIC SPECIAL

ในเทปนี้มาพบกับแขกรับเชิญสุดพิเศษ แก๊งเบื้องหลังปั้นเพลง “เชียร์ยูโร 2020 แอโร่ซอฟ” ที่ว่ากันว่า งานด่วน เสกได้ ภายใน 24 ชั่วโมง จนกลายเป็นที่ติดหู หรือหลอนหูคนไทยทั้งประเทศไปแล้ว พบกับ

ปอ-ณัฐภูมิ รัฐชยากร กรรมการผู้จัดการกลุ่มบริษัท Newspective และ Executive Producer ค่าย KIT MUSIC

ต้น ไตรสิทธิ์ Song Writer

แบงค์ จุฑาคุณ รังสรรค์ Music Producer ค่าย KIT MUSIC

ขจร แสงหิรัญ Editor 

ดำเนินรายการโดย หยก THE STATES TIMES 

.

.


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

รอเลยลงทะเบียน “ยิ่งใช้ยิ่งได้” เริ่มเช้า 21 มิ.ย.นี้ 

น.ส.กุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า คลังเตรียมเปิดให้ประชาชนลงทะเบียน โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ วันแรก 21 มิ.ย.นี้ ตั้งแต่ 06.00-22.00 น. ของทุกวัน จนกว่าจะครบ 4 ล้านสิทธิ โดยคุณสมบัติต้องมีสัญชาติไทย อายุ 18 ปีขึ้นไป ไม่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือได้รับสิทธิโครงการเพิ่มกำลังซื้อ รวมถึงใช้สิทธิคนละครึ่งระยะที่ 3 สำหรับผู้เคยรับสิทธิโครงการของรัฐแล้ว เช่น ชิมช้อปใช้ เราเที่ยวด้วยกัน คนละครึ่ง เราชนะ ม.33 เรารักกัน และเราชนะ 

ทั้งนี้ผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนได้ผ่านเว็บไซต์ www.ยิ่งใช้ยิ่งได้.com และแอพพลิเคชั่นเป๋าตัง สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยเข้าร่วมโครงการ ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.ยิ่งใช้ยิ่งได้.com เพียงอย่างเดียว

น.ส.กุลยา กล่าวว่า เมื่อลงทะเบียนเรียบร้อยแล้วจะได้รับเอสเอ็มเอสแจ้งสิทธิภายใน 3 วัน จากนั้นให้ยืนยันตัวตนเพื่อใช้แอพพลิเคชั่น เป๋าตัง และเติมเงินตัวเองเพื่อใช้จ่ายผ่านแอพ เป๋าตัง กับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.-30 ก.ย.64 เวลา 06.00-23.00 น. โดยวงเงินที่ใช้จ่ายจะคำนวณกลับคืนเป็นเงินอีวอเชอร์ ซึ่งหากใช้จ่ายถึง 60,000 บาท จะได้รับอีวอเชอร์คืนสูงสุด 7,000 บาท เข้าแอพกระเป๋าตังทุกวันที่ 7 ของเดือน

"สุวัจน์" ชี้ คำตอบ ของปัญหา โควิด-19 ขณะนี้ วัคซีนมาเร็ว เศรษฐกิจฟื้นเร็ว 

นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา ได้เขียนข้อความในเพจเฟซบุ๊กชื่อ สุวัจน์ ลิปตพัลลภ-Suwat Liptapanlop ระบุว่า “ฉีดวัคซีนกันนะครับ” เมื่อ 7 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันแรกที่ได้ KICK OFF ให้คนไทยทั้งประเทศเข้าร่วมการฉีดวัคซีน ผมได้เข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มแรกที่ โรงพยาบาลมหาราช จังหวัดนครราชสีมา วัคซีนที่ได้รับคือ AstraZeneca ก่อนไปฉีดก็ได้เตรียมตัวตามคำแนะนำของแพทย์ครับคือ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ออกกำลังกายมากเกินไป ทานน้ำเยอะๆ หลังจากฉีดแล้วก็นั่งพักคอยเพื่อสังเกตอาการประมาณ 30 นาที หลังจากนั้นก็กลับบ้านได้ อาการข้างเคียงที่เกิดขึ้นจากการฉีดวัคซีนของผมก็ไม่ปรากฏอะไรมาก กลางคืนก็มีอาการตัวรุมๆเล็กน้อย แต่ไม่ได้เป็นไข้ เช้าตื่นมาอาการก็หาย ทำงานได้ปกติ ช่วงหลังฉีดวัคซีนก็พยายามทานน้ำเยอะๆ ยังไม่ออกกำลังกายหนักๆ ครับ ทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดครับ

การฉีดวัคซีนได้รับการประกาศให้เป็นวาระแห่งชาติ มีเป้าหมายที่จะฉีดให้คนไทยครบ 100 ล้านโดส ภายในปีนี้ คือฉีดให้ครอบคลุมประชากรของประเทศ ให้ได้ประมาณ 70% หรือประมาณ 50 ล้านคน เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ (Herd Immunity) ตามหลักการแพทย์และ เป็นมาตรการที่ทุกประเทศพยายามทำให้ถึงเป้าหมาย โลกก็จะปลอดภัยจาก COVID ได้ระดับ หนึ่ง ขณะนี้ทั่วโลกฉีดแล้วประมาณมากกว่า 2,300 ล้านโดสแล้ว (12 มิ.ย. 64) จากประชากรทั้งโลกประมาณ 7,700 ล้านคน ประเทศไทยก็ฉีดวัคซีนไปแล้วประมาณ 6 ล้านโดสครับ

เรามีเป้าหมายฉีดวัคซีนให้ถึง 100 ล้านโดสในปีนี้ เพื่อให้สถานการณ์ COVID คลี่คลาย การใช้ชีวิตก็จะได้กลับมาเหมือนเดิม เศรษฐกิจก็จะเริ่มฟื้นตัว ความเดือดร้อนต่างๆ ของพี่น้องประชาชนก็จะค่อยๆทุเลาลง ปีหน้าเราจะได้กลับมาเข้มแข็งกันครับ

ตอนนี้ก็ต้องช่วยกันหาวัคซีนมาให้เพียงพอ รวดเร็ว และฉีดอย่างทั่วถึง เสมอภาคตามกลุ่มเป้าหมายต่างๆ วัคซีน คือคำตอบของการแก้ไขปัญหาในขณะนี้ วัคซีนมาเร็ว เศรษฐกิจก็ฟื้นตัวเร็ว ทุกชีวิตก็จะปลอดภัย ทุกท่านไปฉีดวัคซีนกันนะครับ ผมขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านผ่านพ้นโควิดไปด้วยกันครับ
 

เคาะเปิด 4 เกาะรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ก.ค.นี้

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า หลังจากที่ประชุม ศบค. เห็นชอบหลักการเปิดฟื้นที่นำร่องรับนักท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต วันที่ 1 ก.ค. 2564 และจังหวัดสุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า) เริ่มวันที่ 15 ก.ค. 2564 มั่นใจว่าตอนนี้มีความพร้อม โดยแผนการดำเนินการทั้งหมดกระทรวงการท่องเที่ยวฯ จะเสนอที่ประชุมครม. เห็นชอบในวันที่ 22 มิ.ย.นี้ จากนั้นจึง ประกาศในราชกิจจานุเบกษา จากนั้นในวันที่ 25 มิ.ย.นี้ ตนเองจะลงพื้นที่ไปตรวจสอบความพร้อมขั้นสุดท้าย ก่อนที่นายกรัฐมนตรี และคณะจะเดินทางไปวันที่ 1 ก.ค.นี้ เพื่อไปต้อนรับนักท่องเที่ยวคนแรกที่เดินทางเข้ามาภูเก็ตด้วย

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางเข้ามาภูเก็ตในช่วงแรกน่าจะมีไม่มาก ประมาณเดือนละ 1-2 หมื่นคน แต่จะค่อยๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยหวังว่าภูเก็ตจะเป็นตัวอย่างให้กับหลายๆ พื้นที่นำร่องที่จะเปิดตามมาในช่วงเดือนส.ค. คือเกาะพีพี เกาะไหง และไร่เล ของจังหวัดกระบี่ 

เช่นเดียวกับเขาหลัก และเกาะยาว ในจังหวัดพังงา ส่วน ก.ย. จะมีพื้นที่อื่นๆ อีก 3 แห่ง คือ จังหวัดเชียงใหม่ ครอบคลุม อำเภอเมือง แม่ริม แม่แตง และดอยเต่า จะงหวัเชลบุรี ครอบคลุม เมืองพัทยา ใน 2 อำเภอ คือ บางละมุง และสัตหีบ และจังหวัดบุรีรัมย์ ครอบคลุมอพเภอเมือง และสนามช้างอารีนา เพื่อรับการแข่งขันโมโตจีพี และในช่วงเดือนต.ค. ซึ่งจะเปิดกรุงเทพฯ ชะอำ และหัวหิน ต่อไป

รมว.สุชาติ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมศูนย์ฟื้นฟูคนงานฯ ภาค 4 ขอนแก่น มอบนโยบายและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ และผู้เข้ารับการฟื้นฟูฯ 

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการประชุมตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพคนงานประจำภาค 4 ตำบลโคกสี อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น โดยมี นายสุเทพ ชิตยวงษ์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายประทีป ทรงลำยอง ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน นายนันทชัย ปัญญาสุรฤทธิ์ ผู้ตรวจราชการกรม สำนักงานประกันสังคม พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน เข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย

 

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวในโอกาสเดินทางมาประชุมเพื่อตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และผู้เข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพจากศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพคนงานประจำภาค 4 จังหวัดขอนแก่น ว่า กระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานประกันสังคมดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลในการดูแลผู้ประกันตนอย่างใกล้ชิดในทุกๆ ด้าน เพื่อให้ได้รับสิทธิประโยชน์ทั้ง 7 กรณี แม้ลูกจ้าง/ผู้ประกันตนประสบอันตรายหรือมีความไม่ปลอดภัยเกิดขึ้น เราต้องดูแลอย่างใกล้ชิด จะต้องไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

กระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานประกันสังคม ได้จัดตั้งศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพคนงานขึ้น เพื่อให้บริการฟื้นฟูสมรรถภาพแก่ลูกจ้างที่ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยเนื่องจากการทำงานตามพระราชบัญญัติเงินทดแทน พ.ศ.2537 และผู้ประกันตนตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ.2533 โดยหากมีการประสบอันตราย เจ็บป่วย หรือสูญเสียอวัยวะ สามารถที่จะเข้ารับการฟื้นฟูฯ ได้เต็มตามสิทธิที่กฎหมายกำหนดไว้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เพื่อให้กลุ่มคนเหล่านี้กลับไปมีชีวิตที่ดีเหมือนเดิม สามารถกลับเข้าทำงานในสถานประกอบการ ประกอบอาชีพอิสระ หรือดำรงชีวิตได้ด้วยตนเองไม่เป็นภาระแก่ครอบครัวและสังคม โดยจะให้บริการฟื้นฟูสมรรถภาพแบบครบวงจร ทั้งในด้านอาชีพ ด้านจิตใจและสังคม 

ในโอกาสนี้ นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้เยี่ยมชมโครงการ โคก หนอง นา โมเดล ของศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพคนงานประจำภาค 4 จังหวัดขอนแก่น ที่ให้ผู้ได้รับการฟื้นฟู ฝึกฝีมืออาชีพงานเกษตรทฤษฎีใหม่ โดยใช้การปรับพื้นที่โคกเพื่อปลูกพืชใหญ่ พร้อมจุดเรียนรู้ 6 Step ขุดลอกหนองสระเดิมเพื่อสูบน้ำมาบนโคกโดยใช้พลังงานระบบแสงอาทิตย์ และการฝึกอาชีพโดยใช้พื้นที่นาปลูกข้าว ผัก พืชกินได้ ทั้งนี้ นายสุชาติ ได้กล่าวชื่นชมการดำเนินงานของศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพคนงานประจำภาค 4 จังหวัดขอนแก่น ที่ดูแลเอาใจใส่ผู้เข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพทั้งร่างกาย จิตใจ และสังคม รวมถึงการส่งเสริมการฝึกอาชีพ จนประสบความสำเร็จ และขอเป็นกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ และผู้เข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพคนงานทุกคน ให้มีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะพัฒนาตนเองในการเรียนรู้ เพื่อเอาชนะปัญหาอุปสรรคต่างๆ และพัฒนาตนเองให้มีศักยภาพในการทำงานไม่แพ้คนปกติทั่วไป และตนพร้อมที่จะสนับสนุนและให้ความช่วยเหลือการดำเนินงานของศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพคนงาน เพื่อพัฒนาศักยภาพในการให้บริการฟื้นฟูสมรรถภาพแก่ลูกจ้างและผู้ประกันตน เพื่อจะกลับเข้าสู่ตลาดแรงงาน เป็นกำลังของครอบครัวและประเทศชาติต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top