Sunday, 11 May 2025
ECONBIZ NEWS

‘พีระพันธุ์’ กล่าวถึงกรณีราคาค่าไฟ 4.18 บาท

'พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค' รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานตอบทุกประเด็น 'นายศุภโชค ไชยสัจ' สส.พรรคก้าวไกล หลังตั้งกระทู้ถามสดด้วยวาจาถึงปมปัญหาด้านราคาพลังงานไทยในปัจจุบัน ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร

NETA เปิดราคา NETA X ตัวท็อป ไม่ถึง 8 แสนบาท ชูจุดเด่นเทคโนโลยีล้ำ-นั่งสบาย พร้อมส่งมอบต้นเดือน 8

(25 ก.ค.67) NETA ประกาศเปิดตัว NETA X รถยนต์พลังงานไฟฟ้าสไตล์ SUV เสริมทัพผลิตภัณฑ์ในประเทศไทย ชูจุดเด่นภายในห้องโดยสารกว้างนั่งสบาย 80% ของพื้นที่ห้องโดยสารเป็นวัสดุบุนุ่ม หน้าจอระบบสัมผัส ขนาดใหญ่ 15.6 นิ้ว พร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัยและฟังก์ชันการใช้งานอัจฉริยะ ให้ความมั่นใจในการขับขี่ด้วยระบบช่วยเหลือ ผู้ขับขี่ ADAS ระดับ 2.0 รวมถึงระบบความปลอดภัยที่ครบครัน โดยมีให้เลือก 2 รุ่นย่อย ด้วยข้อเสนอสุดพิเศษเฉพาะช่วงเปิดตัว พร้อมส่งมอบให้ลูกค้าต้นเดือนสิงหาคมเป็นต้นไป

ด้าน นาย ชู กังจื้อ (Mr. Shu GangZhi) ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่า NETA เดินหน้าสานต่อพันธกิจในการเป็นผู้สรรค์สร้างนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าที่ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้ เพื่อสร้างการเข้าถึงเทคโนโลยีอย่างเท่าเทียมตามปรัชญา ‘Tech For All’ โดยล่าสุดได้ประกาศเปิดตัว NETA X รถยนต์พลังงานไฟฟ้าสไตล์ SUV เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มผลิตภัณฑ์ในประเทศไทย ซึ่งถือเป็นรถรุ่นที่สองของ NETA ที่เปิดตัวในปีนี้ ภายหลังจากการแนะนำ NETA V-II รถยนต์พลังงานไฟฟ้าสไตล์ City Car เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทำให้ปัจจุบัน NETA มีรถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้เลือก 2 สไตล์ รองรับกับการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศ โดยตั้งเป้าเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่มาพร้อมเทคโนโลยีทันสมัยอย่างต่อเนื่องในทุกปี

“ปัจจุบันเรามีรถยนต์พลังงานไฟฟ้าภายใต้แบรนด์ NETA วิ่งอยู่บนถนนทั่วประเทศไทยแล้วกว่า 17,000 คัน ผมต้องขอขอบคุณลูกค้าคนไทย รวมไปถึงทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องที่มอบความไว้ใจและสนับสนุนการดำเนินงานของแบรนด์ NETA ในประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง เราพร้อมและยินดีเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการเติบโตของระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าของไทยให้เติบโตยิ่งขึ้นในทุกมิติ สำหรับการเปิดตัว NETA X นอกจากจะเป็นการตอกย้ำแผนการดำเนินงานในประเทศไทยภายใต้กลยุทธ์ ‘All in Thailand, All for Thailand’ ในการยกระดับภาพลักษณ์ของแบรนด์ด้วยการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ ที่ทรงพลังและติดตั้งเทคโนโลยีขั้นสูงอย่างต่อเนื่อง แล้วยังสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ NETA ในการนำเสนอยานยนต์ไฟฟ้าที่มาพร้อมเทคโนโลยีที่ทันสมัยซึ่งคนไทยสามารถเป็นเจ้าของได้ สอดคล้องกับพันธกิจหลักของ NETA เพื่อสร้างการเข้าถึงเทคโนโลยี อย่างเท่าเทียมสําหรับทุกคน หรือ ‘Tech For All’ ชู กังจื้อ กล่าว

NETA X ได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด และสโลแกน ‘เติมเต็มทุกโมเมนต์ กับนิยามใหม่ของความกว้าง’ ชูจุดเด่นด้าน พื้นที่ภายในห้องโดยสารกว้างนั่งสบาย พร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัย ให้ความมั่นใจในการขับขี่ด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS ระดับ 2.0 รวมถึงการติดตั้งระบบความปลอดภัยที่ครบครัน โดยมาพร้อมระบบส่งกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง กำลังสูงสุด 120 กิโลวัตต์ หรือ 163 แรงม้า ให้อัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลาเพียง 9.5 วินาที

NETA X มีให้เลือก 2 รุ่นย่อย ได้แก่ NETA X รุ่น Comfort มาพร้อมแบตเตอรี่ ลิเธียม ไอออนขนาด 51.8 kWh ให้ระยะทางวิ่งสูงสุด 401 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง (มาตรฐาน NEDC)และ NETA X รุ่น Smart จับคู่กับแบตเตอรี่ ขนาด 62 kWh ให้ระยะทางวิ่งสูงสุด 480 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง (มาตรฐาน NEDC) โดยมีสีตัวถังภายนอกให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีดำ (Onyx Black) สีน้ำเงิน (Glacier Blue) และสีขาว (Pearl White) ภายในห้องโดยสารมีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีดำ (PrestigeBlack) ในรุ่น Comfort และสีน้ำตาล (Elegant Brown) ในรุ่นSmart

NETA X ยกระดับประสบการณ์การขับขี่ที่ปลอดภัยมากยิ่งขึ้นด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS ระดับ 2.0 ติดตั้งเซ็นเซอร์ รอบคันและเรดาร์รวม 11 จุด รองรับระบบควบคุมความเร็วในการขับขี่ อาทิ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control) พร้อมระบบควบคุมความเร็วอัจฉริยะย่านความเร็วสูง (ICA) และความเร็วต่ำ (TJA) รวมไปถึงการควบคุมรถให้อยู่ในเลน อาทิ ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน และระบบช่วยเปลี่ยนเลนพร้อมระบบตรวจจุดอับสายตา เป็นต้น

NETA X มีมิติตัวถังขนาดใหญ่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ด้วยความยาวตลอดทั้งคัน 4,619 มม. กว้าง 1,860 มม. และสูง 1,628 มม. โดยมีระยะฐานล้อที่ยาวถึง 2,770 มม. ให้พื้นที่ใช้สอยภายในห้องโดยสารกว้างขวาง พร้อมพื้นที่ เก็บสัมภาระท้ายรถจุถึง 508 ลิตร เบาะพับได้สามารถเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระได้มากถึง 1388 ลิตร พร้อมช่องเก็บของอเนกประสงค์ 24 จุด กระจายอยู่ทั่วทั้งห้องโดยสาร

NETA X มอบความสะดวกสบายด้วยเบาะนั่งปรับได้ถึง 6ทิศทาง พร้อมวัสดุบุนุ่มห้องโดยสารถึง 80% ของพื้นที่ มาพร้อมหลังคาซันรูฟแบบพาโนรามา รวมไปถึงระบบควบคุมรถยนต์ผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ (NETA App) ช่องเชื่อมต่อ USB / Type-C และแท่นชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย พร้อมฟังก์ชัน V2L(Vehicle-to-Load) จ่ายกำลังไฟได้ สูงถึง 3.3 กิโลวัตต์ สามารถดึงพลังงานจากรถยนต์ไปใช้งานกับอุปกรณ์ไฟฟ้า

NETA X มาพร้อมหน้าจอความละเอียดสูง ขนาด 15.6 นิ้ว สามารถเข้าถึงระบบนําทางแบบออนไลน์ การสตรีมมิ่งเพลง และการเชื่อมต่อโทรศัพท์เข้ากับระบบรถยนต์เป็นไปได้อย่างราบรื่น อีกทั้งยังมีระบบสั่งการด้วยเสียง รวมไปถึงระบบควบคุมรถยนต์ผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ (NETA App) เพื่อให้สามารถตรวจสอบสถานะแบบเรียลไทม์

NETA X ใช้โครงสร้างที่ทำจากเหล็กแรงดึงสูง (High-strength Steel) ถึง 75% ของตัวถังมาพร้อมระบบถุงลมนิรภัย ถึง 6 จุดและแบตเตอรี่ที่ผ่านการทดสอบ IP68 ซึ่งเป็นระดับกันน้ำและกันฝุ่นระดับสูงสุดในตลาด โดยสามารถผ่านการทดสอบการกันน้ำอย่างต่อเนื่องยาวนานถึง 48 ชั่วโมง

NETA X ให้การใช้พลังงานและค่าบํารุงรักษาที่ต่ำ เมื่อเทียบกับรถยนต์เครื่องยนต์สันดาป ถึง 3 เท่า จึงทําให้ NETA X เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าตัวเลือกที่ให้ความประหยัดและคุ้มค่าในระยะยาว

‘พีระพันธุ์’ ชี้ ‘ราคาน้ำมัน’ ต้องมีกฎหมายให้อำนาจ ‘ก.พลังงาน’ ควบคุมต้นทาง

'พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค' รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานตอบทุกประเด็น 'นายศุภโชค ไชยสัจ' สส.พรรคก้าวไกล หลังตั้งกระทู้ถามสดด้วยวาจาถึงปมปัญหาด้านราคาพลังงานไทยในปัจจุบัน ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร

ธุรกิจ OR ขึ้นแท่นส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ใน สปป.ลาว เล็งขยายปั๊มเพิ่มเป็น 77 แห่ง-เข็นนอนออยล์รุกเต็มสูบ

(25 ก.ค.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายรชา อุทัยจันทร์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ด้านธุรกิจต่างประเทศ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เปิดเผยภายหลังนำสื่อมวลชนเยี่ยมชมสถานีบริการน้ำมันใน สปป.ลาว.ว่า กลยุทธ์หลักของ OR ยังคงเน้นการขยายเครือข่ายสถานีบริการ พีทีที สเตชั่น (PTT Station) และคาเฟ่ อเมซอน (Café Amazon) รวมทั้งการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานในประเทศที่มีศักยภาพ โดยมี สปป.ลาว เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ OR ให้ความสำคัญ

ทั้งนี้ OR ได้จัดสรรงบลงทุนระยะ 5 ปี (ปี 2567-2571) สำหรับกลุ่มธุรกิจ Global ไว้ที่ 8,007 ล้านบาท หรือคิดเป็น 12% ของงบลงทุนทั้งหมด สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในตลาดสากล

นายรชา กล่าวว่า สปป.ลาว เป็นประเทศที่มีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ และยังมีโอกาสเติบโตได้อีก OR จึงได้วางกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจทั้งกลุ่มธุรกิจ Mobility ได้แก่ การจำหน่ายน้ำมันผ่านสถานีบริการ พีทีที สเตชั่น คลังเก็บผลิตภัณฑ์ ธุรกิจหล่อลื่น พีทีที ลูบริแคนทส์ (PTT Lubricants) และศูนย์บริการยานยนต์ ฟิต ออโต้ (FIT Auto) และ ฟิต เอ็กซ์เพรส (FIT Express) รวมถึงการรุกตลาดธุรกิจพลังงานสะอาดด้วยสถานีชาร์จไฟฟ้า อีวี สเตชั่น พลัส (EV station PluZ) และกลุ่มธุรกิจ Lifestyle มีการดำเนินธุรกิจอย่างหลากหลาย ได้แก่ ร้าน Café Amazon ร้านสะดวกซื้อ และร้านอาหารข้าวเปียกปู เป็นต้น

นอกจากนี้ เมื่อต้นปี 2567 OR ยังร่วมกับพันธมิตร ริเริ่มโครงการใช้ระบบวนเกษตรในการพัฒนาไร่กาแฟต้นแบบให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกกาแฟใน สปป.ลาว (Agroforestry Coffee Plantation) เพื่อเสริมศักยภาพธุรกิจส่งออกเมล็ดกาแฟ (Roasted Coffee and Green Bean Coffee) ให้แก่บริษัทในเครือของ OR ในต่างประเทศ รวมทั้งยังเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้ในกลุ่ม OR อีกด้วย

นายพีรเวท ณ ระนอง Managing Director บริษัท พีทีที(ลาว) จำกัด (PTTLAO) กล่าวว่ากลยุทธ์ของ PTTLAO โดยมุ่งเสริมความแข็งแกร่งในตลาด สปป.ลาว พร้อมขยายฐานธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ซึ่งที่ผ่านมาธุรกิจของ PTTLAO ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี ทั้งนี้ ยังคงเดินหน้าแสวงหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ โดยร่วมมือกับพันธมิตรทั้งจากประเทศไทยและพันธมิตรในพื้นที่ที่มีศักยภาพ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน

สำหรับกลุ่มธุรกิจ Mobility PTTLAO มีเครือข่ายคลังเก็บผลิตภัณฑ์ 7 แห่ง รองรับการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยความจุโดยรวมกว่า 7 ล้านลิตร รวมทั้งยังมีสถานีบริการ PTT Station รวม 56 แห่ง ครอบคลุมตลอดเส้นทางการเดินทางในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ นับเป็นสถานีบริการน้ำมันที่ผู้บริโภคของ สปป.ลาว นิยมใช้มากที่สุด โดยตั้งเป้าเพิ่มเป็น 77 ปั๊มในปี 2573 ทั้งนี้ OR มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 อย่างต่อเนื่อง ในปี 2065 -2566 รวมทั้งธุรกิจหล่อลื่น PTT Lubricants และศูนย์บริการยานยนต์ FIT Auto และ FIT Express รวมจำนวน 9 สาขา

ส่วนกลุ่มธุรกิจ Lifestyle มีความโดดเด่นด้วยร้าน Café Amazon เป็นร้านแฟรนไชส์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด มีจำนวนทั้งสิ้น 92 สาขา และตั้งเป้าขยายสาขาให้ครบ 110 สาขา ภายในปี 2567 นี้ และเพิ่มเป็น 150 สาขา ในปี 2573 โดย OR ได้เปิดร้านคาเฟ่ อเมซอน คอนเซ็ป สโตร์ (Café Amazon Concept Store) สาขาโรงกายะสิน ณ เมืองจันทะบูลี นครหลวงเวียงจันทน์ ซึ่งนับเป็น Café Amazon Concept Store แห่งแรกในต่างประเทศ ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคชาวลาวเป็นอย่างดี และยังมีร้านคาเฟ่ อเมซอน สาขาหลวงพระบาง ณ แหล่งมรดกโลก ที่มีความโดดเด่น ด้วยการผสานแรงบันดาลใจจากเอกลักษณ์วัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่นไว้อย่างลงตัว

นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจร้านสะดวกซื้อ และธุรกิจร้านอาหารข้าวเปียกปู ที่ PTTLAO พัฒนาขึ้นเป็นแบรนด์ใหม่ เพื่อรองรับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการในสถานีบริการ PTT Station รวมทั้งในวันที่ 7 เดือน ส.ค. 2567 จะร่วมกับร้านสะดวกซื้อ 7-11 เปิดสาขาแรกในปั๊ม OR ที่สาขาสามแยกเซโน แขวงสะหวันนะเขต อีกทั้งยังตอบโจทย์การใช้ชีวิตทุกรูปแบบของผู้บริโภคที่ใช้พลังงานไฟฟ้า ด้วยการติดตั้งและเปิดให้บริการสถานีชาร์จ EV Station PluZ จำนวน 6 แห่ง ในสถานีบริการ PTT Station เป็นต้น (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิ.ย. 2567)

PTTLAO ยังให้ความสำคัญกับการสร้างการเติบโต ใน 3 มิติ อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมาย OR 2030 อีกทั้ง ยังเป็นไปตามกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจตามแนวคิด OR SDG ในทุกมิติ ทั้งในด้าน ‘S’ หรือ ‘SMALL’ เสริมสร้างโอกาสเพื่อคนตัวเล็ก ‘D’ หรือ ‘DIVERSIFIED’ การเปิดโอกาสเพื่อการเติบโตทุกรูปแบบ และ ‘G’ หรือ ‘GREEN’ ที่มุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานสะอาด เพื่อสร้างสิ่งแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์ (Healthy Environment)

‘พีระพันธุ์’ ตอบ ‘สส.ก้าวไกล’ หลังตั้งกระทู้ถามสดด้วยวาจา ปม ‘ปัญหาราคาพลังงานไทย’ ในปัจจุบัน

'พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค' รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานตอบทุกประเด็น 'นายศุภโชค ไชยสัจ' สส.พรรคก้าวไกล หลังตั้งกระทู้ถามสดด้วยวาจาถึงปมปัญหาด้านราคาพลังงานไทยในปัจจุบัน ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร

‘บางจากฯ’ ส่งต่อพื้นที่สีเขียว ผ่านกิจกรรม ‘พืชพรรณปันสุข’ แจก ‘กล้าไม้-เมล็ดพันธุ์ผักอินทรีย์’ ที่ปั๊มบางจาก-ร้านอินทนิล

(25 ก.ค. 67) บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เชิญชวนประชาชนรับกล้าไม้จำนวน 36,000 ต้น และเมล็ดพันธุ์ผักอินทรีย์จำนวน 7,200 ชุด ผ่านกิจกรรม ‘พืชพรรณปันสุข’ เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยจะแจกกล้าไม้จาก ‘กรมป่าไม้’ ณ สถานีบริการน้ำมันบางจาก 72 แห่งทั่วประเทศ และแจกเมล็ดพันธุ์ผักอินทรีย์จากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ณ ร้านอินทนิล 72 แห่งทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 27-29 กรกฎาคม 2567 (หรือจนกว่ากล้าไม้และเมล็ดพันธุ์จะหมด)

‘พืชพรรณปันสุข’ เป็นหนึ่งในการส่งต่อพื้นที่สีเขียว สนับสนุนนวัตกรรมและเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพ ในโครงการ ‘เติมสุข สู่สังคม’ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ที่บางจากฯ ร่วมกับพันธมิตรเชิญชวนให้ประชาชนมีส่วนร่วมสร้างพื้นที่สีเขียว โดยเป็นจุดบริการแจกกล้าไม้หลากหลายชนิดจากสถานีเพาะชำกล้าไม้ 29 แห่งและเมล็ดพันธุ์ผักอินทรีย์จากศูนย์ปรับปรุงและผลิตเมล็ดพันธุ์ผักอินทรีย์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้

ทั้งนี้ บางจากฯ ได้ริเริ่ม ‘พืชพรรณปันสุข’ ในปี 2565 เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา และวันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2565 โดยใช้พื้นที่สถานีบริการน้ำมันบางจากเป็นจุดบริการแจกกล้าไม้ให้กับประชาชน

ร่วมเพิ่มพื้นที่สีเขียวและปลูกผักเพื่อบริโภคที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพกับ ‘พืชพรรณปันสุข’ รับ ‘กล้าไม้’ ได้ที่สถานีบริการน้ำมันบางจาก 72 แห่งทั่วประเทศ และรับ ‘เมล็ดพันธุ์ผักอินทรีย์’ ณ ร้านอินทนิล 72 แห่งทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 27-29 กรกฎาคม 2567 (หรือจนกว่ากล้าไม้และเมล็ดพันธุ์จะหมด) ตรวจสอบรายชื่อสถานีบริการบางจากและร้านอินทนิลที่ https://www.bangchak.co.th/en/newsroom/bangchak-news/1411/

'พีระพันธุ์' เผย!! ร่าง กม.คุมราคาน้ำมัน เสร็จแล้ว เตรียมปิดฉาก ผู้ค้า 'ขึ้น-ลง' ราคาตามอำเภอใจ

เมื่อวานนี้ (24 ก.ค. 67) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงการดูแลราคาน้ำมันดีเซลในขณะนี้ ว่า ตอนนี้องค์ประกอบต่าง ๆ เป็นไปตามกฎหมายปัจจุบัน อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าราคาน้ำมันขึ้น-ลง ตามอำเภอใจ ทุกวันนี้ไม่มีใครคุมได้ ผู้ค้าคิดจะขึ้นก็ขึ้น คิดจะลงก็ลง ซึ่งวิธีการแก้ปัญหานี้ คือ การแก้กฎหมาย เพราะที่ผ่านมาหน่วยงานของรัฐไม่มีอำนาจ ได้แต่ขอความร่วมมือ 

โดยกฎหมายฉบับนี้จะเป็นกฎหมายฉบับแรกที่เกี่ยวข้องกับระบบบริหารจัดการน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งขณะนี้ ร่างเสร็จแล้ว ประชาชนสามารถตรวจสอบได้ โดยหลังจากนี้ จะส่งให้ฝ่ายกฎหมายตรวจสอบและส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบอีกครั้งก่อนประกาศใช้ซึ่งยังไม่ทราบว่าจะทันปีใหม่หรือไม่ แต่จะพยายามให้เร็วที่สุด

สำหรับแต่เดิมการดูแลเรื่องราคาน้ำมันตั้งแต่ปี 2516 เราตั้งกองทุนน้ำมัน แต่ยังไม่มีกฎหมายรองรับ จึงใช้คำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 42/2547 โดยให้อำนาจกองทุนดูแลตรึงราคาหรือรักษาระดับน้ำมัน ได้ 2 ขา ขาหนึ่งใช้เงินกองทุน อีกขาหนึ่งให้อำนาจในการกำหนดเพดานภาษี โดยกองทุนน้ำมันไม่มีอำนาจในการจัดเก็บภาษี แต่มีอำนาจในการกำหนดเพดานภาษี เราจึงใช้ตรงนี้ตรึงราคาช่วยดูแลประชาชนได้ นอกจากใช้เงิน ยังใช้เพดานภาษีมาเป็นตัวคุมได้ด้วย โดยเราเป็นคนกำหนดเพดานภาษี แต่คนเก็บคือกระทรวงการคลัง 

แต่ต่อมาปี 2562 มีกฎหมายมารองรับยกฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง แต่ไปตัดอำนาจในการกำหนดเพดานภาษีของกองทุนออก เหลือแต่ใช้เงินอย่างเดียว ฉะนั้นนับตั้งแต่ปี 2562 ตัวเลขกองทุนจึงเป็นหนี้ขึ้นมาจำนวนมากและติดลบเป็นต้นมา เพราะการกำหนดเพดานภาษีซึ่งเป็นอำนาจของกองทุนไม่มีแล้ว 

ทั้งนี้ ตนได้พยายามขอให้กระทรวงการคลัง พิจารณาปรับลดเพดานภาษีสรรพสามิต แต่เขาไม่เห็นด้วย ทั้งที่เดิมเป็นอำนาจของกองทุนที่ระบุว่าอย่าเก็บเกินเท่านี้ ดังนั้นตรงนี้เป็นสิ่งที่ต้องแก้ไข โดยที่ผ่านมามีเพียง 3 ประเทศเท่านั้น ที่เก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมัน คือ ไทย เก็บภาษีสรรพสามิต 5.99 บาทต่อลิตร รวมกับภาษีท้องถิ่นอีก 0.51 บาท รวมเป็นภาษีน้ำมัน 6.50 บาทต่อลิตร เวียดนามเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันลิตรละ 1.70 บาท สิงคโปร์เก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันลิตรละ 5.54 บาท แต่สิงคโปร์มีรายได้ต่อหัวประชากรสูงกว่าไทยประมาณ 10 เท่า

ส่วนอีกคำถามที่พบเจอบ่อย คือ ทำไมราคาน้ำมันในประเทศมาเลเซียจึงมีราคาถูกเพียงลิตรละ 10 กว่าบาทเท่านั้น

นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาราคาน้ำมันในมาเลเซียมีราคาถูกเนื่องจากรัฐบาลมาเลเซีย มีรายได้จากปิโตรเลียม จึงนำเงินรายได้ตรงนี้มาอุดหนุนชดเชยปีละ 3-4 แสนล้านบาท ทำให้ราคาน้ำมันในประเทศมาเลเซียมีราคาถูกแต่หลังจากนี้ไปการอุดหนุนชดเชยเริ่มลดลง จะส่งผลทำให้ราคาน้ำมันในมาเลเซีย เริ่มปรับตัวสูงขึ้น ในส่วนของไทย ราคาต้นทุนน้ำมันจริง ๆ จะอยู่ที่ราคาประมาณ 21 บาท แต่เราต้องจ่ายจริง 30-40 บาท ก็เพราะมีเรื่องภาษีน้ำมันเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

นายพีระพันธุ์ ย้ำด้วยว่า การช่วยเหลือประชาชน คือ การเอาปัญหาของประชาชนมาเป็นปัญหาของเราแทน เพื่อช่วยเหลือประชาชนไม่ให้เดือดร้อน ส่วนเรื่องการชำระหนี้กับ กฟผ. ถ้าต่อไปมีปัญหา รัฐจะต้องเข้าไปช่วยเหลือดูแล

‘พานาโซนิค ขอนแก่น’ ปล่อยเพลง-หนังสั้น ‘พระอาทิตย์ขึ้นที่บ้านฉัน’ ตอกย้ำ!! ‘จ.ขอนแก่น’ ฐานการผลิตที่สำคัญ พร้อมเติบโตไปด้วยกัน

(24 ก.ค. 67) เพจ ‘Panasonic Thailand’ โพสต์เปิดตัว MV และ หนังสั้น ชื่อ ‘พระอาทิตย์ขึ้นที่บ้านฉัน’ พร้อมอธิบายว่า…

“พานาโซนิค ขอนแก่น ครบรอบ 20 ปี ส่ง MV และ หนังสั้น สื่อความผูกพันที่มีร่วมกันมาอย่างยาวนาน เพื่อเป็นการขอบคุณพนักงานและเน้นย้ำถึงความผูกพันที่ต่างมีร่วมกันมาตลอด 20 ปี ที่บริษัท พานาโซนิค แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด สาขาขอนแก่น ได้ดำเนินกิจการในประเทศไทย จึงได้มีการจัดทำ MV และ หนังสั้น ชื่อเรื่อง ‘พระอาทิตย์ขึ้นที่บ้านฉัน’ เพื่อสื่อความหมายของ ‘พระอาทิตย์’ หมายถึงประเทศญี่ปุ่น หรือ บริษัทญี่ปุ่น ขึ้นที่บ้านฉัน ‘บ้านฉัน’ หมายถึงบ้าน ท้องถิ่นบ้านเรา ซึ่งก็คือขอนแก่นของเรา

เพราะเราเชื่อว่า ‘ประเทศไทย’ ก็เปรียบเสมือน ‘บ้านหลังที่สอง’ ที่เราจะยืนหยัดพร้อมพัฒนาและเติบโตอย่างยั่งยืนไปด้วยกัน...

รับชมหนังสั้น ‘พระอาทิตย์ขึ้นที่บ้านฉัน’
📍 คลิกเลย https://bit.ly/3Ly5oI3”

'ท่องเที่ยวไทย' ไปโลด!! นทท.ทะลุ 19 ล้าน 1 ม.ค. - 21 ก.ค. 2567 ต่างชาติเดินทางเข้ามาเที่ยวไทยต่อเนื่อง ค่าเฉลี่ย 96,643 คนต่อวัน

เมื่อวานนี้ (23 ก.ค. 67) นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-21 ก.ค. 67 ไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศแล้วทั้งสิ้น 19,618,476 คน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วประมาณ 925,100 ล้านบาท โดยจำนวนนักท่องเที่ยวสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน 3,906,735 คน มาเลเซีย 2,744,253 คน อินเดีย 1,149,039 คน เกาหลีใต้ 1,032,169 คน และรัสเซีย 977,215 คน

ทั้งนี้ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา (15-21 ก.ค.) จากการเริ่มเข้าสู่ช่วงวันหยุดปิดภาคเรียน (School holiday) ของนักท่องเที่ยวกลุ่มตลาดระยะใกล้ (Short haul) อาทิ จีน เกาหลีใต้ และฮ่องกง ส่งผลให้นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ เดินทางเข้ามาไทยเพิ่มขึ้น 1.02% โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้ ที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวสะสม แตะระดับ 1 ล้านคน ในขณะที่นักท่องเที่ยวกลุ่มตลาดระยะไกล (Long haul) เดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้น 0.71% จากการเริ่มเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว (Summer holiday) ของนักท่องเที่ยวภูมิภาคยุโรป อาทิ เนเธอร์แลนด์

สำหรับภาพรวมของสัปดาห์ที่ผ่านมา ไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งสิ้น 709,267 คน เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า 6,597 คน หรือ 0.94% คิดเป็นจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยเฉลี่ยวันละ 101,324 คน โดย 5 อันดับแรกของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ได้แก่ จีน 162,798 คน มาเลเซีย 90,966 คน อินเดีย 37,758 คน เกาหลีใต้ 35,255 คน และลาว 28,482 คน

ส่วนในสัปดาห์นี้ (22-28 ก.ค.) คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาทรงตัว จากปัจจัยส่งเสริมการเดินทาง ได้แก่ การเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว Summer holiday ของตลาดภูมิภาคยุโรป การมีมาตรการ Ease of traveling ของรัฐบาล ช่วยเพิ่มการอำนวยความสะดวกในการเดินทางสู่ไทย การยกเว้นบัตร ตม.6 ในด่านทางบก และการกระตุ้นให้สายการบินเพิ่มจำนวนเที่ยวบิน

'ธนกร' ชื่นชม!! 'นายกฯ-พีระพันธุ์' คงมาตรการตรึงค่าไฟ-ดีเซล ช่วย 'กลุ่มเปราะบาง-ประชาชน' ได้มากในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ

(24 ก.ค.67) นายธนกร วังบุญคงชนะ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ สส.แบบบัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงมาตรการตรึงค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมันช่วยลดค่าครองชีพประชาชน ว่า ประชาชนฝากขอบคุณนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล โดยเฉพาะนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงานที่เสนอ ครม.ให้มีมติขยายมาตรการตรึงค่าไฟฟ้าให้กับพี่น้องประชาชนคนไทยที่หน่วยละ 4.18 บาท โดยเฉพาะช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง ที่ใช้ไฟไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน อยู่ที่หน่วยละ 3.99 บาท และค่าน้ำมันดีเซล ที่ลิตรละ 33 บาท ออกไปอีก 4 เดือน ตั้งแต่ ก.ย.-ธ.ค.67 นี้

โดยต้องขอชื่นชมและขอบคุณนายพีระพันธุ์ ที่มุ่งมั่นสานต่อแนวทางและมาตรการเดิมตั้งแต่สมัยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ ให้เป็นมาตรการลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือนของพี่น้องประชาชน นอกจากนั้นทราบว่ากำลังร่างกฎหมายออกมาเพื่อปรับโครงสร้างราคาพลังงานของประเทศแบบระยะยาวให้เกิดความยั่งยืน ตามแนวทาง 'รื้อ ลด ปลด สร้าง' พลังงานของไทย ซึ่งเชื่อว่า จะได้รับความร่วมมือและสนับสนุน จากกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างแน่นอน เพราะเป็นประโยชน์ต่อประเทศและประชาชนโดยตรง

“การจะรื้อโครงสร้างพลังงานของไทยที่ใช้ระบบเก่าทำกันมายาวนานเกือบ 50 ปี ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องอาศัยความมุ่งมั่นตั้งใจและการสนับสนุนจากทุกภาคส่วนอย่างมาก จึงขอเป็นกำลังใจให้นายกฯ และนายพีระพันธุ์ รวมถึงรัฐบาล โดยพรรครวมไทยสร้างชาติในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล พร้อมร่วมมือผลักดันกฎหมายให้เกิดขึ้น เพื่อแก้ปัญหาพลังงานของบ้านเราให้เกิดความเป็นธรรม ช่วยเหลือประชาชนมากก่อนกลุ่มทุนภาคเอกชน“ นายธนกรกล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top