Sunday, 18 May 2025
ECONBIZ NEWS

การกลับมาของรัสเซีย ในสงครามค่าเงินรูเบิล จาก 177 สู่ 95/US ความสำเร็จ ที่สหรัฐฯ และ NATO ไม่อยากเห็น

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ โพสต์ข้อความเฟซบุ๊ก ระบุว่า ความสำเร็จของรัสเซีย ในสงครามค่าเงินรูเบิล

วันนี้ ขอนำกลับไปตรวจอีกแนวรบหนึ่ง ที่รัสเซียสามารถรุกคืบ ยึดพื้นที่กลับคืนมาเรื่อยๆ ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา

จากค่าเงินรูเบิลที่เคยร่วง ระเนระนาด ไปแตะ 177.26 รูเบิล/ดอลลาร์

ล่าสุด ค่าเงินรูเบิลกลับมาอยู่ที่ 95 รูเบิล/ดอลลาร์ !!!!

ถ้านับจากช่วงก่อนสงครามรัสเซีย-ยูเครนเปิดฉาก ที่ 77-78 รูเบิล/ดอลลาร์ ค่าเงินรูเบิลได้อ่อนค่าลงไปเพียงประมาณ 20% เท่านั้น

หลายคนคงสงสัยว่าทำไม? ทำไมรัสเซียถึงสามารถรุกคืบกลับมาได้

ทั้งๆ ที่สหรัฐและพันธมิตรได้ Freeze เงินสำรองระหว่างประเทศของรัสเซียไปบางส่วนแล้ว

คำตอบอยู่ที่ มาตรการ Capital Control และ Exchange Control ของธนาคารกลางรัสเซียที่ประกาศใช้ในช่วงที่ผ่านมา

- ไม่ให้ต่างชาติขายสินทรัพย์ในรัสเซีย และไม่ให้เอาเงินออก

- ให้ผู้ส่งออกต้องนำเงินตราต่างประเทศที่ได้มา 80% ขายสู่ตลาด

- คนที่อยากแลกเงินรูเบิลเป็นเงินตราต่างประเทศต้องจ่ายค่าคอม 30%

ทั้งหมดนี้ ทำให้รัสเซียไม่ค่อยมีเงินไหลออกจากประเทศ 

ซึ่งเมื่อรวมกับเงินจาก Current account ที่ปกติแล้วจะเป็นบวก (ปีที่แล้ว +5% ของ GDP) จากน้ำมันและก๊าซที่ยังสามารถขายให้ยุโรปและคนอื่นๆ ตลาดค่าเงินรูเบิลจึงเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้นเรื่อยๆ 

ยิ่งมีเสถียรภาพ คนรัสเซียยิ่งมั่นใจ ไม่ไปต่อแถวแลกเงิน

โดยมีเจ้ามือใหญ่ กระเป๋าใหญ่ (เพราะพิมพ์แบงก์เอง) คือ ธนาคารกลางของรัสเซีย กำกับภาพรวม กำหนดกฎเกณฑ์ที่ทำให้รัสเซียได้เปรียบ  

นับเป็นความสำเร็จ ที่สหรัฐและ NATO ไม่อยากเห็น 

เพราะหมายความว่า "นิวเคลียร์เศรษฐกิจ" ที่ต้องการทำให้ เงินเฟ้อรัสเซียพุ่ง บริษัทรัสเซียล้มละลายจากหนี้ต่างประเทศ (เหมือนไทยปี 40) คนตกงาน ต้องปิดแบงก์ นำไปสู่ Financial Sector Meltdown ไม่เป็นไปตามแผน  

นับว่าแนวรบนี้ รัสเซียสำเร็จในการยึดพื้นที่คืน

ทำให้สหรัฐและพันธมิตร ต้องไปหามาตรการอื่นๆ มา Sanctions เพิ่มเติม

ออมสินคาดปล่อยกู้จำนำทะเบียนรถทะลุ 2 หมื่นล้าน

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ประชาชนที่มีรายได้น้อย จำนวนมากร่วม 800,000 ราย ได้รับอนุมัติสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ “เงินสดทันใจ” ทั้งที่เป็นสินเชื่อใหม่และรีไฟแนนซ์ วงเงินสินเชื่อรวมกว่า 16,000 ล้านบาท ซึ่งช่วยเติมสภาพคล่องในการนำเงินกู้ไปหมุนเวียนใช้จ่ายและแก้ปัญหาการเงิน ด้วยต้นทุนเงินกู้ที่ต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยในท้องตลาดอยู่ที่ประมาณ 5-8% สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยให้ลูกค้าคิดประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยในปี 2565 นี้ ประเมินว่า จะอนุมัติสินเชื่อรวมกว่า 20,000 ล้านบาท ทั้งประเภทรถยนต์และรถจักรยานยนต์ 

สำหรับการดำเนินการดังกล่าว เป็นไปตามที่รัฐบาลโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายธนาคารออมสินช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ให้มีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินกู้ในระบบ ด้วยต้นทุนที่เป็นธรรมและถูกลง โดยในปี 2564 ที่ผ่านมา ธนาคารได้เข้าร่วมทุนในบริษัท เงินสดทันใจ จำกัด เปิดตัวสินเชื่อจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์ คิดอัตราดอกเบี้ยต่ำช่วงเปิดตัวที่ 11% ต่อปี ส่งผลให้หลังจากนั้นไม่นานตลาดสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ ได้ทยอยปรับลดโครงสร้างดอกเบี้ยจาก 28% ณ เวลานั้น ลงเหลือ 19% ในปัจจุบัน 

สมอ. คุมเข้ม!! ‘หลอดไฟแอลอีดี - ยางหล่อดอกซ้ำ’ ย้ำต้องได้มาตรฐาน มีผลบังคับใช้เร็วๆ นี้

สมอ. ควบคุมหลอดไฟแอลอีดี และยางหล่อดอกซ้ำสำหรับรถบรรทุก ต้องได้มาตรฐาน มอก. มีผลบังคับใช้ 29 มีนาคม 2565 และ 5 พฤษภาคม 2565 เตือนผู้ประกอบการทุกราย ก่อนทำ นำเข้า ต้องขออนุญาตจาก สมอ.  

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรมให้ความสำคัญกับการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับภาคอุตสาหกรรม และการคุ้มครองประชาชนให้ปลอดภัยจากการใช้สินค้าที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน ทั้งที่ผลิตในประเทศและนำเข้า โดยกำหนดเป็นนโยบายสำคัญและได้มอบหมายให้สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม หรือ สมอ. ดำเนินการ เนื่องจากเป็นหน่วยงานหลักที่ดำเนินงานด้านการมาตรฐานของประเทศ ทั้งการกำหนดมาตรฐาน การควบคุมและกำกับติดตามการจำหน่ายสินค้าในท้องตลาดให้มีคุณภาพเป็นไปตามมาตรฐาน เพื่อความปลอดภัยและสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชน 

“การดำเนินงานด้านการกำหนดมาตรฐานของ สมอ. มีบทบาทสำคัญโดยเฉพาะการคุ้มครองประชาชนที่ต้องได้รับการดูแลด้านความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม อีกทั้งเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้ผู้ประกอบการ จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องพัฒนาควบคู่กันไป เพื่อให้การขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมของประเทศ สามารถแข่งขันทางการค้าได้อย่างยั่งยืนและเกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน ซึ่งผมได้กำชับกับสมอ. ให้เร่งรัดดำเนินการ โดยเฉพาะมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของประชาชนให้ประกาศเป็นสินค้าควบคุมเป็นอันดับแรก” นายสุริยะฯ กล่าว

ด้าน นายบรรจง สุกรีฑา เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า สมอ. ดำเนินงานตามนโยบายท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมอย่างเคร่งครัด โดยประกาศควบคุมสินค้าที่ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของประชาชนแล้วจำนวน 127 รายการ รวมถึงสินค้า 3 รายการ ที่กำลังจะมีผลบังคับใช้เร็วๆ นี้ ได้แก่ หลอดแอลอีดีเปลี่ยนทดแทนขั้วคู่ มอก.2779-2562 และหลอดแอลอีดีมีบัลลาสต์ในตัว มอก.2780-2562 จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 มีนาคม 2565 และยางหล่อดอกซ้ำสำหรับรถบรรทุก รถบัส และรถพ่วง มอก.2979-2562 จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 5 พฤษภาคม 2565 นี้ด้วย 

ซึ่งผู้ประกอบการทุกรายที่จะทำ หรือนำเข้าสินค้าดังกล่าว ต้องได้รับอนุญาตจาก สมอ. ก่อน เพื่อดำเนินการตรวจสอบคุณภาพและความปลอดภัย โดยสินค้าทุกชิ้นจะต้องแสดงเครื่องหมายมาตรฐานบังคับคู่กับ QR code เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบข้อมูลผู้รับใบอนุญาตได้ หากฝ่าฝืนจะมีโทษตามกฎหมาย ผู้ทำหรือนำเข้าโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 2 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ จำหน่ายสินค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 5 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และแสดงเครื่องหมายมาตรฐานโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 

เลขาธิการ สมอ. กล่าวต่อว่า มาตรฐานหลอดแอลอีดีเปลี่ยนทดแทนขั้วคู่ ซึ่งโดยทั่วไปอาจเรียกว่า หลอดแอลอีดีชนิด T5, T8 หรือ หลอดแอลอีดีแบบยาว จะควบคุมเรื่องความปลอดภัยในขณะใช้งาน เพื่อป้องกันไฟรั่ว  ไฟดูด ควบคุมอุณหภูมิของขั้วหลอดในภาวะไฟฟ้าวิกฤติ และการติดไฟ เป็นต้น ขณะนี้มีผู้ยื่นขออนุญาตแล้วจำนวน 3 ราย เป็นผู้ทำ 1 ราย ผู้นำเข้า 2 ราย  

CPF ประเดิมส่งไก่ล็อตแรกไปซาอุฯ ช่วยหนุนส่งออกไก่ปีนี้ เพิ่มเป็น 9.8 แสนตัน

กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับซีพีเอฟ ได้ฤกษ์ปล่อยขบวนตู้คอนเทนเนอร์ผลิตภัณฑ์เนื้อไก่เที่ยวแรกของไทยไปยังซาอุดีอาระเบีย หลังฟื้นความสัมพันธ์ 2 ประเทศ

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วยนายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF ร่วมกันทำพิธีปล่อยตู้คอนเทนเนอร์ผลิตภัณฑ์เนื้อไก่แปรรูป ออกจากโรงงานแปรรูปไก่เนื้อ มีนบุรี เพื่อเตรียมส่งออกไปยังประเทศซาอุดีอาระเบีย

โดยนายจุรินทร์ระบุว่า หลังเสียโอกาสมานาน 18 ปี ครั้งนี้นับเป็นผลิตภัณฑ์ไก่จากประเทศไทย ล็อตแรก ตั้งแต่ปี 2547 โดยรัฐบาลซาอุฯ ได้อนุญาตให้นำเข้าผลิตภัณฑ์สัตว์ปีกของไทยจากโรงงาน 11 แห่ง ที่ผ่านการตรวจรับรองแล้ว ทำให้ในปี 2565 ตั้งเป้ายอดการส่งออกไก่ เพิ่มเป็น 9.8 แสนตัน มูลค่ารวม 1.1 แสนล้านบาท เฉพาะประเทศซาอุฯ ประมาณ 6 หมื่นตัน จากที่ปี 2564 สามารถส่งออกได้ 9 แสนตัน โดยมั่นใจว่าคุณภาพไก่ไทย สามารถแข่งขันในตลาดโลกอย่างไม่มีปัญหา ขณะเดียวกันยังได้สั่งให้มีการควบคุมราคาขายไก่ในประเทศให้เป็นไปตามต้นทุน ป้องกันการขึ้นราคาจนประชาชนเดือดร้อน

สภาพัฒน์ฯ จับตาสถานการณ์การจ้างงานฟื้นตัว

น.ส.จินางค์กูร โรจนนันต์ รองเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดแรงงานปี 2565 คาดว่า สถานการณ์ด้านแรงงานจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ไม่รุนแรงมากนัก ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจยังสามารถขยายตัวได้ควบคู่ไปกับการควบคุมการแพร่ระบาด

ส่วนภาพรวมสถานการณ์แรงงานในปี 2564 พบว่า การจ้างงาน มีจำนวน 37.8 ล้านคน เพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ 0.2% โดยเป็นการเพิ่มขึ้นในการจ้างงานภาคเกษตรกรรมที่ 1.8% จากการเคลื่อนย้ายของแรงงานที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เข้ามาทำงานในสาขานี้ 

ขณะที่นอกภาคเกษตรกรรมการจ้างงานลดลง 0.6% เป็นการลดลงในเกือบทุกสาขา ยกเว้นสาขาการขนส่งที่มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.7 ชั่วโมงการทำงานภาคเอกชนเพิ่มสูงขึ้นจากปีก่อนอยู่ที่ 44.4 ชั่วโมง/สัปดาห์ จาก 43.2 ชั่วโมง/สัปดาห์ แต่การทำงานต่ำระดับยังอยู่ในระดับสูง 

'รมว. สุชาติ' นำทีมไทยแลนด์ลุยไซต์งานซาอุฯ เตรียมส่งออกแรงงาน

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วยนายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ โฆษกกระทรวงแรงงาน (ฝ่ายการเมือง) จ่าเอกยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ คณะที่ปรึกษารัฐมนตรี นายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน ได้เดินทางถึงประเทศซาอุอิอาราเบีย โดยมีนายอับดุลมายิด อัลราชูดีย์ รัฐมนตรีช่วยดูแลกิจการแรงงาน กระทรวงพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และการพัฒนาสังคม  พร้อมด้วยนายสธน เกษมสันต์ ณ อยุธยา อุปทูต ณ กรุงริยาด ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ณ กรุงริยาด ประเทศ โดยนายสุชาติกล่าวว่า ในวันนี้ผมได้นำคณะผู้บริหารของกระทรวงแรงงานมายังกรุงริยาด ประเทศซาอุดิอาราเบีย เพื่อเตรียมเข้าร่วมพิธีลงนามความตกลงด้านแรงงานในวันที่ 28 มีนาคน 2565 เวลา 12.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น

จากนั้น นายสุชาติ และคณะ ยังได้ตรวจเยี่ยมและพบปะให้กำลังใจเจ้าหน้าที่สำนักงานแรงงานไทย ณ กรุงริยาด รวมทั้งหารือข้อราชการกับนายสธน เกษมสันต์ ณ อยุธยา อุปทูต ณ กรุงริยาด โดยกล่าวว่า ขอขอบคุณท่านอุปทูต ที่ให้การดูแลอัครราชทูตที่ปรึกษาและเจ้าหน้าที่ของฝ่ายแรงงาน และให้คำแนะนำ สนับสนุน การปฏิบัติงาน ของฝ่ายแรงงานฯ ซึ่งเป็นหน่วยงานของกระทรวงแรงงาน ที่ประจำการที่กรุงริยาดรวมถึงช่วยเหลือดูแลแรงงานไทยในซาอุดีอาระเบีย ให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่เหมาะสม ได้รับการคุ้มครองสิทธิตามกฎหมาย นอกจากนี้ ขอขอบคุณกระทรวงการต่างประเทศที่ช่วยผลักดันสนับสนุนให้การลงนามความตกลงด้านแรงงานในครั้งนี้ประสบความสำเร็จโดยเร็ว มุ่งหวังให้การจ้างแรงงานไทยเป็นไปตามพันธกรณีระหว่างประเทศด้านแรงงานของทั้งสองประเทศ ทั้งนี้ ขอความร่วมมือทางการซาอุดีอาระเบียช่วยตรวจตราในการต่อต้านการค้ามนุษย์ ปกป้องคุ้มครองสิทธิของนายจ้างและแรงงาน รวมถึงการบังคับใช้กฎระเบียบ สัญญาจ้างงานระหว่างกันที่เป็นธรรม แรงงานได้รับค่าจ้าง สวัสดิการ และสิทธิประโยชน์ตามกฎหมาย

สำหรับสถานการณ์ด้านแรงงาน ปัจจุบันมีแรงงานไทยที่ไปทำงานอยู่ในซาอุดีอาระเบีย จำนวน 1,334 คน แรงงานไทยที่เดินทางไปทำงานส่วนใหญ่เป็นการแจ้งการเดินทางด้วยตนเอง นายจ้างพาไปทำงาน และ Re - entry ซึ่งตำแหน่งงานที่แรงงานไทยเดินทางไปทำงาน เช่น ช่างเชื่อม ช่างเทคนิค ช่างเครื่องยนต์ ผู้ปฏิบัติงานในโรงงาน ผู้ควบคุมเครื่องจักร คนงานผลิตผลิตภัณฑ์ทั่วไป คนงานควบคุมเครื่องจักร ผู้ช่วยกุ๊ก แม่บ้าน เป็นต้น

นายสุชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในวันเดียวกันนี้ผมยังได้พบปะหารือกับตัวแทนบริษัทรับเหมาก่อสร้าง เพื่อตรวจเยี่ยมสภาพการจ้างงานในสถานประกอบการไซด์งานก่อสร้างของซาอุดีอาระเบีย ณ ไซด์งานก่อสร้างบริษัท AL BAWANI -CP02 โดยได้พบปะพูดคุยกับผู้ประกอบการธุรกิจก่อสร้างในประเด็นความต้องการแรงงานในกิจการก่อสร้างของซาอุดีอาระเบีย สภาพเศรษฐกิจโดยรวม แนวโน้มการเติบโตของธุรกิจก่อสร้างในอนาคต ตลอดจนแผนการลงทุนในโครงการก่อสร้างอื่น ๆ ที่วางแผนไว้ ตลอดจนมาตรการดูแลคุณภาพชีวิตและสวัสดิการของแรงงานต่างชาติที่เข้ามาทำงานในซาอุดีอาระเบียนั้น จะมี E-Contract Program ซึ่งเป็นการทำสัญญาจ้างอิเล็กทรอนิกส์ มุ่งรักษาสิทธิของลูกจ้าง และลดความขัดแย้งระหว่างลูกจ้างและนายจ้าง

'รองโฆษกรัฐบาล' เผย อนุมัติ1.5 หมื่นล้านบาท ช่วย SMEs โครงการ บยส. ค้ำประกันเงินกู้พ.ร.ก ซอฟท์โลน เริ่มสมัคร 1 เม.ย.นี้

รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามนโยบายรัฐบาลที่ต้องการช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ให้เข้าถึงสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อจะได้มีสภาพคล่องเพียงพอต่อการประคับประคองธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด19 จึงได้มีการออก พ.ร.ก. Soft Loan เมื่อปี 2563 และเพื่อให้ธุรกิจเหล่านั้นมีความมั่นใจว่าจะยังคงได้รับสินเชื่ออย่างต่อเนื่อง ลดปัญหาผิดชำระหนี้ สามารถพยุงการจ้างงานได้ต่อไป รัฐบาลจึงได้เห็นชอบกรอบวงเงิน  15,854 ล้านบาท สำหรับดำเนินโครงการค้ำประกันสินเชื่อแก่ผู้ประกอบการ SMEs โดยใช้กลไก บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เข้ามาช่วยค้ำประกันสินเชื่อภายใต้ พ.ร.ก.Soft Loan ที่จะครบกำหนดเวลาการชำระหนี้คืนในเดือนเม.ย 2565 เป็นต้นไป

โดยในวันที่ 1 เม.ย.นี้ บสย. จะเปิดรับคำขอโครงการค้ำประกันสินเชื่อ Portfolio Guarantee Scheme ระยะพิเศษ Soft Loan Extra คาดว่า จะสามารถช่วยให้ผู้ประกอบการ SMEs ได้รับสินเชื่อต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 67,400 ราย ก่อให้เกิดสินเชื่อในระบบสถาบันการเงินที่เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 84,000 ล้านบาท สิทธิประโยชน์คือ 1.ระยะเวลาการค้ำประกันสินเชื่อสูงสุดไม่เกิน 8 ปี

2.ได้รับยกเว้นค่าดำเนินการค้ำประกันสินเชื่อ เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ประกอบการ SMEs 3.ค่าธรรมเนียมค้ำประกัน 2 ปีแรก เพียงร้อยละ 1 ต่อปี โดยรัฐบาลชดเชยค่าธรรมเนียมแทนผู้ประกอบการ SMEs ให้ ร้อยละ 0.75 (รวม 2 ปีร้อยละ 1.5 จากค่าธรรมเนียมค้ำประกัน ปกติร้อยละ 1.75)
4.สิ้นสุดรับคำขอวันที่ 31 ธันวาคม 2566

Sakun C โชว์โฉม รถบัสไฟฟ้าสัญชาติไทย ชูจุดเด่น!! ใช้งานนาน 30 ปี ไม่ผุกร่อน ช่วยลดมลพิษ 

Sakun C ผู้ประกอบการด้านนวัตกรรมยานยนต์ของประเทศไทย เชี่ยวชาญด้านการออกแบบวิจัย, พัฒนารวมถึงผลิตและจัดจำหน่าย รถและเรือตัวถังอะลูมิเนียมขึ้นรูป เปิดตัวผลงาน “EV Aluminum Bus” โดยล่าสุดได้นำไปโชว์ตัวในงาน Motor Show 2022 

Sakun C ได้ร่วมกับ สวทช. พัฒนา “EV Aluminum Bus” สัญชาติไทย ตัวถังผลิตจากอะลูมิเนียมขึ้นรูปผสมพิเศษ แข็งแรงกว่าเหล็กและอะลูมิเนียมทั่วไปถึง 4 เท่า ซึ่งเป็นอะลูมิเนียมเกรดเดียวกับที่ใช้สำหรับผลิต Super Car แต่บริษัทนำมาใช้เพื่อผลิตรถบัส EV สำหรับคนไทย ซึ่งจะมีน้ำหนักเบากว่าเหล็กครึ่งนึง ทำให้ใช้งานได้นานถึง 30 ปี วิ่งได้ไกล ไม่ผุกร่อนหรือเป็นสนิม และจะไม่ก่อให้เกิดมลพิษ ลดฝุ่นควัน PM 2.5 มีค่า CO2 เป็นศูนย์ ด้านแบตเตอรี่, มอเตอร์ และระบบการชาร์จไฟจะจัดทำไว้ให้เป็นไปตามคุณสมบัติที่ ขสมก. กำหนด

SME D Bank ผนึก กนอ. หนุน SMEs ในนิคมฯ ‘เติมทุน - พัฒนา’ ธุรกิจสีเขียว ก้าวสู่ BCG Model 

นายโมกุล โปษยะพิสิษฐ์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank ธนาคารเพื่อเอสเอ็มอีไทย ส่งเสริมผู้ประกอบการสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล ตามยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศไทย ด้วยเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน เศรษฐกิจสีเขียว (BCG Model) 

โดย SME D Bank ร่วมกับ นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ในฐานะประธานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจการส่งเสริมมาตรการสนับสนุนทางการเงิน เพื่อการอนุรักษ์พลังงาน การใช้พลังงานทางเลือก และพลังงานทดแทน เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 

เปิดจีดีพีภาคเกษตรไตรมาสแรกปีนี้ โต 4.4% 

นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงภาวะเศรษฐกิจการเกษตรไตรมาส 1 ปี 2565 (เดือนมกราคม - มีนาคม 2565) พบว่า ขยายตัวร้อยละ 4.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564 ซึ่งมีทิศทางเป็นบวกต่อเนื่องจากไตรมาส 4 ปี 2564 (เดือนตุลาคม – ธันวาคม 2564) ที่ขยายตัวร้อยละ 0.7 

โดยการเติบโตได้ดีในไตรมาสนี้เป็นผลจากสาขาพืชซึ่งเป็นสาขาการผลิตหลักขยายตัว เนื่องจากฝนที่ตกต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงกลางปี 2564 ถึงต้นปี 2565 และสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย ทำให้การผลิตพืชสำคัญ ทั้งข้าว อ้อยโรงงาน สับปะรด ยางพารา ปาล์มน้ำมัน และผลไม้ เพิ่มขึ้น ส่งผลให้สาขาบริการทางการเกษตรขยายตัวได้ตามพื้นที่เพาะปลูกและพื้นที่เก็บเกี่ยวพืชที่เพิ่มขึ้น 

ขณะที่สาขาประมงและสาขาป่าไม้ ขยายตัวได้จากการผลิตที่เพิ่มขึ้นตามความต้องการของตลาดที่มีอย่างต่อเนื่องอย่างไรก็ตาม สาขาปศุสัตว์หดตัวลงจากสถานการณ์โรคระบาดในสัตว์ที่ส่งผลให้เกษตรกรปรับลดปริมาณการเลี้ยง

ทั้งนี้ แนวโน้มเศรษฐกิจการเกษตรในปี 2565 คาดว่า จะขยายตัวอยู่ในช่วงร้อยละ 2.0 - 3.0 เมื่อเทียบกับปี 2564 โดยทุกสาขาการผลิต มีแนวโน้มขยายตัว เนื่องจากปริมาณน้ำฝนที่เพิ่มขึ้นจากอิทธิพลของลานีญา ประกอบกับภาครัฐมีความร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ ส่งเสริมให้เกษตรกรมีการบริหารจัดการด้านการผลิตและการตลาดที่ดี มีการใช้เทคโนโลยีในการผลิตและยกระดับคุณภาพสินค้าให้ได้มาตรฐานสอดคล้องกับความต้องการของตลาด นอกจากนี้ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่อนคลายมาตรการมากขึ้น ทำให้มีความต้องการสินค้าเกษตรทั้งในประเทศและต่างประเทศเพิ่มขึ้น 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top