Monday, 19 May 2025
ECONBIZ NEWS

ครึ่งปีแรก แรงงานไทย ไปทำงานประเทศไหนมากที่สุด

ตั้งแต่ต้นปี 2565 ที่ผ่านมา ประเทศที่จำนวนคนไทยไปทำงานด้วยมากที่สุด ได้แก่ ไต้หวัน จำนวน 12,238 คน โดยไต้หวันมีอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ 25,250 เหรียญไต้หวัน/เดือน หรือประมาณ 30,497 บาท 

แต่เนื่องจากค่าเงินและค่าครองชีพของไต้หวันกับไทยไม่แตกต่างกันนัก และส่วนใหญ่เป็นงานใช้แรงงาน อาทิ คนทำงานทั่วไป ช่างทั่วไป ช่างฝีมือ โดยภาพรวมแล้ว นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้แรงงานไทยบางกลุ่มเลือกไปประเทศนี้มากสุดในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2565

จุรินทร์อัดกว่า 200 ล้าน ลุยช่วยชาวสวนลำไย 'ดึงราคาขึ้น' เผยเกรดส่งออกและมัดปุ๊กราคากระเตื้องขึ้น 11-38% ส่วนรูดร่วงเกรดบี สูงกว่าปีก่อน 20%

วันที่ 3 สิงหาคม 2565 เวลา 11.50 น. นายจุรินทร์  ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์รายการขีดเส้นใต้เมืองไทย ช่องไทยรัฐทีวี ประเด็นราคาลำไย การดูแลราคาสินค้าและราคาปุ๋ย

นายจุรินทร์ กล่าวว่า ลำไยมี 2 แบบ 1. ลำไยช่อ 2. ลำไยรูดร่วง ลำไยช่อมี 2 แบบ สำหรับการส่งออกที่เรียกว่า มัดปุ๊กขายในประเทศ ซึ่งอันนี้ไม่มีปัญหาปีนี้ราคาดีกว่าปีที่แล้วเยอะ เพราะเกรดส่งออกราคาดีกว่าปีที่แล้ว 21% สำหรับเกรดมัดปุ๊กทั่วไปราคาดีกว่าปีที่แล้ว 38% สำหรับในประเทศคือภาพรวม แต่ที่มีปัญหาคือลำไยรูดร่วง เพราะปีนี้ฝนตกชุกมาก ทำให้คุณภาพต่ำลง ประกอบกับลำไยรูดร่วงส่วนใหญ่เอาไปทำลำไยอบแห้งปรากฏว่าโรงอบแห้งของไทยชะลอการรับซื้อเพราะปีที่แล้วสต๊อกของไว้เยอะและเหลืออยู่มาก และที่ซ้ำเข้ามาคือจีนชะลอการรับซื้อเพราะเก็บสต๊อกปีที่แล้วไว้เยอะ  6 เดือนแรกของปีนี้เราส่งออกลำไยอบแห้งไปจีนบวกถึง 95% เกือบ 100% ทำให้ราคาลดลงมาสำหรับบางตัว ถ้าลำไยรูดร่วงเกรด AA ราคายังได้อยู่ เกรด B ราคาบวกถึง 20% แต่มีปัญหาคือเกรด A ที่ราคาลดลงมากระทรวงพาณิชย์เข้ามาช่วยแก้ปัญหาให้อยู่ในตอนนี้

เกรดรูดร่วง AA ตอนนี้ปรับเพิ่มเป็น 12 - 16 บาท/กก. แล้วในภาพรวม และเกรด A ที่มีปัญหามากสำหรับรูดร่วงที่ราคาปีที่แล้ว 4-7 บาท/กก. ปีนี้เหลือ 4-6 บาท/กก. แต่กระทรวงพาณิชย์เข้าไปช่วยดูเกรด B ราคาดีกว่าปีที่แล้ว เกรด B ปีที่แล้ว 2-3 บาท/กก. ปีนี้ 2-4 บาท/กก. +20% แต่เกรด A มีปัญหาหนัก ตอนนี้ราคาขยับขึ้นเพราะกระทรวงพาณิชย์เข้าไปใช้วิธีเอาเงิน คชก.(คณะกรรมการบริหารกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร) ลงไปช่วย 200 กว่าล้านบาท โดยให้โรงงานลำไยอบแห้งช่วยรับซื้อ 100,000 ตันสดและมีจุดรับซื้อทั้งหมด 400 จุด ในช่วง 1-2 สัปดาห์นี้ ทำให้ราคาดีขึ้นสำหรับตัวที่มีปัญหา ส่วนเกรด AA ราคาอยู่ในช่วง 12-16 บาท/กก. เกรด A ราคาขยับขึ้นมาแต่ยังไม่ถึงกับดีมากแต่ B ขยับดีขึ้น

ตั้งแต่เดือน เม.ย.ถึง มิ.ย. ผลไม้ในภาคตะวันออกทั้งหมด เราเข้าไปช่วยเดิมตลาดใหญ่คือจีน แต่จีนมีปัญหาเรื่องด่านการขนส่งทางบกมีปัญหามาก เราปรับระบบการขนส่งให้ขนส่งทางเรือมากขึ้น และกระทรวงพาณิชย์ประสานกับสมาคมผู้ส่งออกสินค้าทางเรือ สมาพันธ์ สมาพันธ์โลจิสติกส์และเกษตรกร ล้ง ผู้ส่งออกทั้งหมดปรับ หาเที่ยวเรือและหาตู้คอนเทนเนอร์ให้ ทำให้ส่งออกไปจีนคล่องตัวมากขึ้นและราคาดีมากสำหรับปีนี้ เช่น หมอนทอง ภาคตะวันออกปี 64 ราคา 117 บาท/กก. ปีนี้เฉลี่ย 140 กว่าบาท/กก. ราคาดีขึ้น 22% ภาคใต้หมอนทอง ราคา +45% มังคุดผิวมัน +90% มังคุดคละ +114% เงาะโรงเรียน +168%  สับปะรดภูแลภาคเหนือ +20% สับปะรดโรงงาน +4% ลิ้นจี่จักรพรรดิ เกรด B +19% มะม่วงน้ำดอกไม้ +100% มะม่วงคละ +เกือบ50% 

ราคาที่ปรับดีขึ้นเพราะเราแก้ปัญหาทันท่วงทีและแก้ปัญหาเชิงรุก เข้าไปแก้ระบบการขนส่งทำให้ตัวเลขการส่งออกผลไม้ 6 เดือนแรกปีนี้ เพิ่มไปแตะ 120,000 ล้านบาท สำหรับตลาดจีนมีปัญหาเฉพาะการขนส่งทางบกเพราะจีนใช้นโยบาย Zero Covid ตรวจโควิดเข้มข้นมาก การส่งออกผลไม้ทางบกต้องผ่านลาวและผ่านเวียดนามเข้าด่านจีนต้องตรวจเข้มและรถติด เดี๋ยวปิด-เปิดเป็นอุปสรรคมาก ตนจึงปรับระบบการขนส่งมาใช้ทางเรือมากขึ้นประสบความสำเร็จอย่างยิ่งทำให้ระบายผลไม้ไปจีนได้คล่องตัวมากขึ้นในปีนี้ตัวเลขราคาขยับไปเยอะ 

 

‘อินเดีย’ บล็อกนำเข้าแอร์ไทยที่ใส่สารทำความเย็น อ้าง!! ปฏิบัติตามพันธกรณีพิธีสารมอนทรีออล

ก.อุตฯ เร่งช่วยเหลือผู้ส่งออกเครื่องปรับอากาศของไทย เหตุอินเดียห้ามนำเข้าเครื่องปรับอากาศที่มีสารทำความเย็น อ้างความปลอดภัยด้านสุขภาพ ตามพันธกรณีพิธีสารมอนทรีออล สั่ง สมอ. จี้อินเดียแจ้งเวียนมาตรการต่อ WTO พร้อมขอหลักฐานพันธกรณีที่อ้าง

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า จากกรณีที่ประเทศอินเดียกำหนดมาตรการห้ามนำเข้าเครื่องปรับอากาศที่บรรจุสารทำความเย็น (น้ำยาแอร์) ได้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็นของไทยเป็นอย่างมาก ตนจึงสั่งการให้สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ในฐานะผู้แทนประเทศไทยในคณะกรรมการว่าด้วยอุปสรรคทางเทคนิคต่อการค้า (Committee on Technical Barriers to Trade : TBT) ภายใต้องค์การการค้าโลก (WTO) ดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการไทยอย่างเร่งด่วน

ด้าน นายบรรจง สุกรีฑา เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กล่าวเพิ่มเติมว่า จากข้อสั่งการของท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และข้อร้องเรียนจากผู้ประกอบการที่สมอ. ได้รับเมื่อเดือนกันยายน 2564 สมอ. ได้ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด โดยหยิบยกประเด็นดังกล่าวเข้าในการประชุม Committee on TBT ครั้งที่ 86 เมื่อวันที่ 8-11 มีนาคม 2565 ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส ตามพันธกรณีความตกลงที่ประเทศสมาชิกต้องถือปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันระหว่างสินค้าที่ผลิตในประเทศและนำเข้าจากต่างประเทศ และถือเป็นอุปสรรคทางการค้าโดยไม่จำเป็น 

'Spark Ignite 2022 - Thailand Startup Competition' เร่งการเติบโตสตาร์ตอัปในไทย ทะยานไกลสู่ระดับสากล

เมื่อ 1 ส.ค. 2565 ที่ผ่านมา กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (MDES) ร่วมมือกับ บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี โดยสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า (depa) สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ หรือ เอ็นไอเอ (NIA) บริษัท กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) บริษัท ทัสพาร์ค ดับบลิวเอชเอ และ บริษัท แสนรู้ จำกัด เปิดโครงการการแข่งขัน 'Spark Ignite 2022 - Thailand Startup Competition' ประจำปี พ.ศ. 2565 

งานนี้มีเป้าหมาย เพื่อช่วยสนับสนุนและเร่งยกระดับสตาร์ตอัปไทย สร้างนวัตกรรมชั้นยอดสู่ตลาดโลก ด้วยการเป็นพาร์ตเนอร์สำคัญที่สร้างแรงขับเคลื่อนสำคัญให้แก่กลุ่มสตาร์ตอัปรุ่นใหม่ของไทย เร่งสร้างอีโคซิสเต็มอย่างเต็มรูปแบบเพื่อสตาร์ตอัปไทย ด้วยการสนับสนุนด้านเทคโนโลยีไอซีทีชั้นนำ แหล่งเงินทุน และองค์ความรู้ในการทำธุรกิจจากหัวเว่ย เพื่อส่งเสริมสตาร์ตอัปให้เติบโตและประสบความสำเร็จในระดับโลก ผลักดันประเทศไทยขึ้นเป็นดิจิทัลฮับแห่งอาเซียน

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอีเอส (MDES) ได้กล่าวถึงความร่วมมือในการเปิดการแข่งขัน 'Spark Ignite 2022 - Thailand Startup Competition' ว่า ที่ผ่านมา ประเทศไทยได้เร่งเดินหน้าตามแผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งจะเห็นได้ว่าโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลและ Data Economy ของประเทศไทยมีความก้าวหน้าเป็นอย่างมากในด้านสำคัญ ๆ โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานทางด้านโทรคมนาคมเพื่อสนับสนุนเป้าหมายการส่งเสริมระบบนิเวศดิจิทัลร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ หุ้นส่วนทางอุตสาหกรรม ธุรกิจสตาร์ตอัป ตลอดจนผู้พัฒนาสินค้าและบริการด้านดิจิทัลของไทย สำหรับการสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งสําหรับกลไกขับเคลื่อนสำคัญ เพื่อรองรับอนาคตดิจิทัลของประเทศไทย

‘บิ๊กตู่’ มั่นใจปีนี้ เศรษฐกิจไทยโต 3.3% ลั่นปีหน้าดีขึ้นอีกจากส่งออก -นทท.ทะลัก

‘ประยุทธ์’ ชี้ ศก.ไทยโตต่อเนื่อง 3.3% คาดปีหน้าแตะ 4.2% ผลจากเอกชนฟื้นตัว - นทท.เข้าปท.กว่า 6 ล้านคน ด้านส่งออกยังมีข่าวดี ขยายตัว 7.9% ขอเชื่อมั่นเสถียรภาพการเงินประเทศ เตรียมกดอัตราเงินเฟ้อจาก 6.2% เหลือ 2.5% ภายในปี 2566 
 

เมื่อเวลา 12.20 น.วันที่ 2 ส.ค.ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แถลงหลังเป็นประธานประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า วันนี้ครม. รับทราบภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยประจำไตรมาสที่ 2 ปี 2565 โดยตนแจ้งครม. ทราบว่ามีหลายประเด็นมีแนวโน้มไปในทางที่ดี ซึ่งต้องแยกจากกันระหว่างเศรษฐกิจระดับมหภาคกับเศรษฐกิจระดับจุลภาค และประชาชนข้างล่างก็อีกเรื่องที่เราต้องแก้ปัญหาตรงนั้น แต่นี่คือภาพใหญ่ของประเทศที่เทียบเคียงกับทุกประเทศในโลก สรุปว่ามีแนวโน้มไปในทิศทางที่ดี แต่ยังมีประเด็นที่ยังต้องติดตาม โดยเฉพาะสถานการณ์ด้านการเงิน การคลังภายนอกประเทศเพื่อให้ทุกภาคส่วนใช้เป็นข้อมูลสำหรับประกอบกิจการและเตรียมการรับกับอนาคตที่จะมาถึง เนื่องจากเศรษฐกิจนั้นผูกติดกันหมดทั้งโลก 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในภาพรวมเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่องร้อยละ 3.3 ในปีนี้ และคาดการณ์จะเพิ่มเป็นร้อย 4.2 ในปีหน้า จากการฟื้นตัวของการบริโภคภาคเอกชน และการซื้อของกลุ่มผู้มีรายได้สูงในประเทศในครึ่งปีหลัง รวมทั้งการเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่ประมาณการอยู่ที่ 6 ล้านคน จากเดิมที่ประเมินไว้ 5.6 ล้านคน โดยเฉพาะเดือนนี้เพิ่มขึ้นถึง 2 ล้านคน ถือเป็นการเพิ่มขึ้นจำนวนมากพอสมควรจากมาตรการเปิดประเทศของไทย และต่างประเทศที่เร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ ฉะนั้นในปี 2566 คาดว่าจะอยู่ที่ 19 ล้านคน และภาคเศรษฐกิจก็คาดว่าจะมีการระดมทุนเพิ่มขึ้นต่อเนื่องให้สอดคล้องกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ 

ทั้งนี้ เราต้องเร่งพิจารณาเป็นกรณีเร่งด่วนคือเรื่องค่าเงินบาท ที่มีผลต่อการนำเข้าและส่งออกซึ่งด้านการส่งออกสินค้าไทยถือเป็นข่าวดีที่แนวโน้มขยายตัว ร้อยละ 7.9 จากที่เดิมที่ประมาณการไว้ร้อยละ 7.0 และในปี 2566 คาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่องอีก แต่ก็มีปัจจัยที่ทำการเกิดความผันแปรของผู้ค้าโดยเฉพาะกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลัก เช่น จีน โดยปัจจัยหนึ่งคืออัตราเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นทั่วโลก จากผลของราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้นส่งผ่านไปยังต้นทุนสินค้าต่าง ๆ โดยอัตราเงินเฟ้อของไทยปีนี้อยู่ที่ร้อยละ 6.2 แต่คาดว่าจะลดงเหลือร้อย 2.5 ในปี 2566  ขอให้ประชาชน และภาคธุรกิจเชื่อมั่นเสถียรภาพการเงินของไทยยังมันคงและแข็งแกร่งจากการดำเนินนโยบายการเงินการคลังที่รอบคอบและมีวินัยของเรา และเป็นที่เชื่อมั่นของนักวิเคราะห์ นักลงทุนต่างประเทศจากความสนใจในการเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเรื่องการลงทุนมีหลายอย่าง หลายประเทศ หลายโครงการ ที่ตนยังไม่สามารถชี้แจงได้เนื่องจากอยู่ช่วงการเจรจาร่วมกัน ทั้งโครงการขนาดใหญ่ ขนาดเล็กจำนวนมากพอสมควร 

'ภูเก็ต' พร้อม!! เจ้าภาพ Specialised Expo 2028 งานใหญ่ระดับโลก เอื้อ!! เที่ยวไทยยั่งยืนในอนาคต

ภูเก็ตแสดงตัว พร้อมเป็นเจ้าภาพ Specialised Expo 2028 ต้อนรับตัวแทน BIE ตรวจความพร้อมในครั้งแรก เพื่อแข่งกับอีก 5 ประเทศ ทั่วโลก!!

นับเป็นอีกข่าวใหญ่ ที่ไทยเรายื่นเสนอตัวเพื่อเป็นเจ้าภาพงาน Specialised Expo 2028 Phuket ซึ่งเป็นงานแสดงศักยภาพของประเทศ ที่มีขนาดเป็นอันดับ 2 รองจาก World Expo 

พูดง่าย ๆ ก็คือ ถ้าเทียบ World Expo เป็น Olympic Specialised Expo ก็เป็น Asian Game โดยมีช่วงเวลาการจัดงานถึง 3 เดือน!!

ซึ่งไทยเราได้ยื่นเสนอตัวแสดงความต้องการที่จะเสนอตัวเป็นเจ้าภาพ ไปเมื่อ ต้นปี ที่ผ่านมา 

>> ตามลิงก์นี้ https://www.facebook.com/491766874595130/posts/1349570082148134/?d=n

โดยตอนก่อนหน้านี้ที่ได้ยื่น ก็ยังไม่ทราบว่ามีประเทศอะไรสนใจเข้าร่วมบ้าง แต่ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่ามีทั้งหมด 5 ประเทศ จากการเข้านำเสนอให้กับ BIE (องค์การนิทรรศการนานาชาติ : Bureau Of International Des Expositions) ได้แก่

* Thailand (Phuket)
* Argentina (San Carlos de Bariloche)
* Serbia (Belgrade)
* Spain (Malaga)
* United States (Minnesota)

>> รายละเอียดแต่การนำเสนอแต่ละประเทศ https://www.bie-paris.org/site/en/news-announcements/expo-2027-28-en/five-visions-for-specialised-expo-2027-28

ยิ่งไปกว่านั้น ทาง BIE ก็ได้มีการส่งตัวแทนมาที่ภูเก็ตเมื่อวันที่ 25-29 กรกฎาคม 65 ที่ผ่านมา เพื่อมาทำความเข้าใจแผน พร้อมกับตรวจความพร้อมของพื้นที่จัดงาน รวมถึงการใช้ประโยชน์ของพื้นที่จัดงานหลังงานจบ (ตรงนี้สำคัญมาก)

ซึ่งถ้าเทียบผู้เสนอตัวทุกเมือง พบว่าภูเก็ตเป็นเมืองที่โดดเด่นที่สุด เนื่องจากเป็นหนึ่งใน Top Desination ระดับโลกอยู่แล้ว!!!

เพียงแค่เราเตรียมแผนให้ดี แสดงความตั้งใจ และความพร้อมเป็นเจ้าภาพ งานนี้คงไม่หลุดมือเราแน่นอน
—————————
*** Concept ของ Phuket Specialised Expo 2028

*** หัวข้อ “Future of Life: Living in Harmony, Sharing Prosperity” ชีวิตในอนาคต การสร้างสมดุลระหว่างชีวิตและธรรมชาติ 

*** หัวข้อรอง คือ (1) Life and Well-Being (2) Human-Nature (3) Mutual Prosperity

*** ระหว่างวันที่ 20 มีนาคม ถึง 17 มิถุนายน 2571 ระยะเวลารวมกว่า 3 เดือน
—————————
สำหรับการจัดงานในครั้งนี้ ถือว่าเป็นงาน Specialised Expo แรกของอาเซียนเลย!!!!

โดยจะใช้พื้นที่ของ โครงการยกระดับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจังหวัดภูเก็ต สู่เมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพระดับโลกของโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต 

บริเวณตำบลไม้ขาว อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ใช้พื้นที่กว่า 140 ไร่

>> ตำแหน่งสถานที่จัดงาน https://goo.gl/maps/XvWvj5XvF2wzZmbC6

โดยพื้นที่การจัดงานประกอบด้วย...
- พื้นที่ทางเข้า (Ring of Harmony) 
- พื้นที่อาคารศาลาไทยและศาลาแนวคิดการจัดงาน (National Pavilion & Thematic Pavilion) 
- พื้นที่อาคารนานาชาติ (International Pavilion)
- พื้นที่นิทรรศการร้านค้าและร้านอาหารริมบ่อน้ำ (Corporate Pavilion & Commercial) 
- พื้นที่ป่าอนุรักษ์และแลนด์มาร์ก (The Pearl) 
- ส่วนสนับสนุนการจัดงานภายในพื้นที่จัดงาน (Internal Service) 

ในส่วนกิจกรรมที่แสดงภายในงาน มีการแสดงทางวัฒนธรรม (Cultural Performance) กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับแนวคิด (Theme) การจัดงาน กิจกรรมการประชุม เสวนา และแลกเปลี่ยนทางวิชาการ

โดยการทำอาคาร Exhibition กลาง ของ Specialized Expositions จะแต่ต่างจาก World Expo คือ เจ้าภาพเป็นผู้ก่อสร้างอาคาร Exhibition ให้กับ ผู้เข้าร่วมงาน เป็นไปในรูปแบบเดียวกันซึ่งเป็นในกรรมสิทธิ์ของเจ้าของงาน

*** ซึ่งภายหลังงาน อาคาร Expo นี้จะถูกเปลี่ยนจุดประสงค์การใช้งานเป็นอาคารอย่างอื่น เช่นศูนย์แสดงสินค้า พื้นที่สำนักงาน ห้าง และอื่นๆ ซึ่งของภูเก็ต จะใช้ถูกเปลี่ยนเป็น โครงการยกระดับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจังหวัดภูเก็ต สู่เมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพระดับโลกของโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต หลังจากงานเสร็จ 

>> กระทรวงสาธารณสุข เป็นแม่งานนี้ 

>> ความคาดหวังจากงาน : คาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานประมาณ 4,900,000 คน แบ่งเป็นชาวต่างชาติร้อยละ 54 และชาวไทยร้อยละ 46

การจัดงานใหญ่ขนาดนี้ ต้องมีการยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน และสาธารณูปโภคภายในภูเก็ตไปอีกระดับกันเลยทีเดียว!! ซึ่งก่อนหน้านี้ ผมเคยเชียร์ให้ EEC จัด Specialised Expo เป็นการเปิดตัว EEC แต่งานไปลงที่ ภูเก็ต ก็ยังดีครับ

โพสต์เดิมเรื่องข้อเสนอ Specialised Expo ใน EEC >> https://www.facebook.com/491766874595130/posts/868854116886402/?d=n

มติ ครม. เรื่องการเลือกภูเก็ตในการจัดงาน >> https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/50171
—————————
ดูจากความตื่นตัวของทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ในพื้นที่ภูเก็ต เห็นแล้วชื่นใจครับ เพราะมีความต้องการร่วมกันจะพัฒนาภูเก็ตสู่ World Wellness Desination!!!

การจะจัดงานใหญ่ขนาดนี้ ต้องมีการปรับปรุงสาธารณูปโภคของเมืองขนาดใหญ่ ซึ่งมีเวลากว่า 7 ปี 

ถ้าสรุปโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ที่มีแผนอยู่ในภูเก็ตและบริเวณโดยรอบ เท่าที่ตามข่าวจะมี...

- โครงการ LRT ท่านุ่น-สนามบิน-ห้าแยกฉลอง
>> รายละเอียดโครงการ https://www.facebook.com/491766874595130/posts/1007264576378688/?d=n

- ทางรถไฟ สุราษฎร์ธานี-ภูเก็ต(ท่านุ่น) 

- ทางด่วน กะทู้-ป่าตอง
>> รายละเอียดโครงการ https://www.facebook.com/491766874595130/posts/1108003709638107/?d=n

รู้จัก ‘เออเก้’ แบรนด์รองเท้าจีนใจบุญ บริจาคแม้ตัวเองลำบาก จนได้ใจชาวจีน

เมื่อคุณไม่ทอดทิ้งเรา ก็อย่าหวังว่าเราจะทอดทิ้งคุณ

บริบทนี้น่าจะกลายเป็นอีกปรากฏการณ์ในสังคมที่พูดถึงกันมากขึ้น เกี่ยวกับ ‘แบรนด์คนดี’ ที่กำลังกระจายตัวมากขึ้นในสังคมโลก โดยล่าสุด ดร.สมเกียรติ โอสถสภา อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว หยิบยกปรากฏการณ์ที่เคยโด่งดังและเป็นกรณีศึกษาทางการตลาด ผ่านการทำ ‘ความดี’ ในประเทศจีน มาแชร์ไว้อย่างน่าสนใจ ว่า...

กระแสฟีเว่อร์อลังการที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน เริ่มต้นจากเหตุอุทกภัยในมณฑลเหอหนานของจีน 

ภาคส่วนต่าง ๆ ส่งกำลังคนและกำลังทรัพย์เข้าไปช่วยเหลือ รวมถึงบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายรองเท้ากีฬาอย่าง ERKE หรือ ‘เออเก้’ 

แบรนด์นี้มีชื่อในภาษาจีนว่า ‘หงซิงเอ่อร์เค่อ’ (鸿星尔克) เรียกว่ากำลังอยู่ในสภาวะยากลำบากพอสมควร

เนื่องจากการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดสินค้ากีฬาของจีนเอง รวมถึงการเข้ามาของแบรนด์ต่างชาติดีกรีระดับโลก

ส่งผลให้อนาคตของ ‘เออเก้’ ดูไม่สดใสมีตัวเลขขาดทุนมาหลายไตรมาสติดต่อกัน

หลายคนบอกว่ารองเท้ายี่ห้อนี้กำลังจะเจ๊ง!!

แต่จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นจากการบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยเป็นจำนวน 50 ล้านหยวน หรือประมาณ 250 ล้านบาท

ตอนแรกแทบจะไม่มีข่าวเลย เพราะชื่อเสียงของแบรนด์ไม่ได้โด่งดังมากมายนัก กระทั่งมีชาวเน็ตแอบไปเห็นโพสต์ของทางบริษัท

“เราจะผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปด้วยกัน ลงเรือลำเดียวกันแล้วต้องช่วยเหลือกัน ทางบริษัทขอบริจาค 50 ล้านหยวนให้ เหอหนาน สู้ ๆ”

มีคนตั้งข้อสังเกตว่า บริษัทที่กำลังขาดทุนอย่างหนัก แต่กล้าควักเงินบริจาคจำนวนมากไม่แพ้คู่แข่งรายใหญ่ ๆ 

นี่มันรองเท้ากีฬาแบรนด์จีนผู้รักชาติ พวกเราต้องสนับสนุน!!

เท่านั้นแหละ เกิดกระแสลูกค้าจำนวนมหาศาลหลั่งไหลสู่ช่องทางการจัดจำหน่ายออนไลน์ต่าง ๆ

รวมถึงรายการไลฟ์ขายรองเท้าเออเก้บนหลายๆ แพลตฟอร์ม พนักงานแทบจะขายกันไม่ทัน บริษัทต้องเร่งเติมคนเข้ามาช่วย และขอให้ทำล่วงเวลา

ชาวจีนแห่เข้ามาซื้อรองเท้าเออเก้เพื่อต้องการสนับสนุน ‘แบรนด์คนดี’ ให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้อย่างมั่นคง 

อุดมการณ์ร่วมกันของชาวเน็ตต้องการจะปั้นยอดขายให้ ‘เออเก้’ เท่ากับยอดเงินบริจาค 50 ล้านหยวนเป็นอย่างน้อย

“คุณบริจาคช่วยชาติเท่าไหร่ พวกเราจะอุดหนุนคุณเท่านั้น”

กระแสที่จุดติดขึ้นมา ดันยอดขายของเออเก้ ทะลุเกินตัวเลขเงินบริจาคไปแล้ว พูดง่าย ๆ คือขายรองเท้าได้เป็นร้อยล้านบาทภายในคืนเดียว!!

ทางบริษัทรีบสั่งผลิตสินค้าอย่างเร่งด่วน เพื่อเติมเข้ามาในสต๊อกที่เริ่มขาดแคลน

ด้าน CEO อย่าง ‘อู๋หรงจ้าว’ (吴荣照)ต้องมาออกรายการไลฟ์สด ขอบคุณบรรดาลูกค้าด้วยตัวเอง ที่ได้ช่วยกันสร้างประวัติศาสตร์ให้แก่บริษัท

แต่ขณะเดียวกันได้อ้อนวอนให้ลูกค้า “กรุณาใช้เหตุผลและไตร่ตรองให้ดีในการซื้อสินค้า อย่าซื้อเพราะอยากช่วยเรา แต่ขอให้ซื้อเพราะชอบสินค้าเรา”

คือ เถ้าแก่ออกมาห้ามลูกค้าว่าอย่าซื้อเยอะ!!

>> ปรากฏโดนคนจีนด่ากลับ บอกว่า “อย่าเรื่องมาก เป็นคนขายของอย่าเยอะ ลูกค้าจะซื้อ ยุ่งอะไรด้วย”!!

หัวใจอันทรงคุณธรรมและเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ของคนจีนในเวลานี้ถูกยกระดับขึ้นถึงขีดสุด

ในเมื่อบริษัท ‘เออเก้’ มีน้ำใจช่วยเหลือพี่น้องที่กำลังต่อสู้กับเหตุภัยพิบัติอยู่ที่เหอหนาน

ประชาชนชาวจีนทั้งผองมีหน้าที่ส่งเสริมเออเก้ให้เจริญเติบโตสู่ระดับหัวแถว 

สั่ง ก.ล.ต.ไล่เช็กผู้บริการสินทรัพย์ดิจิทัล หวั่นสร้างความเสียหายซ้ำรอย Zipmex

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงการคลัง ได้สั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ สำนักงาน ก.ล.ต. เข้าไปตรวจสอบบริษัทผู้ให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัล ทุกราย มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนตามใบอนุญาตอย่างไรบ้าง เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายกับนักลงทุน

ส่วนกรณีปัญหา Zipmex สำนักงาน ก.ล.ต. ประสานกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และประสานไปยัง ก.ล.ต.ของสิงคโปร์ เพื่อดูแลความเสียหายนักลงทุน โดยกระทรวงการคลัง ได้ติดตามปัญหาบริษัท Zipmex ผู้ให้บริการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ทรัพย์ดิจิทัลและคริบโตเคอร์เรนซี อย่างใกล้ชิด

‘สุริยะ’ ชี้ MPI ฝ่าวิกฤตศก. ครึ่งปีโต 0.48% เผยอานิสงส์เปิดประเทศ หนุนปิโตรเลียม – สิ่งทอ ฟื้น

อก. เผย MPI 6 เดือนแรกปี 65 ขยายตัวร้อยละ 0.48 อานิสงส์เปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว หนุนอุตฯ น้ำมันปิโตรเลียมและอุตฯ สิ่งทอ ฟื้นต่อเนื่อง

กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) เผยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ครึ่งปีแรก ปี 2565 ขยายตัวร้อยละ 0.48 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตอบรับสถานการณ์การผลิตกลับมาฟื้นตัวหลังรัฐบาลเริ่มเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว พร้อมผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 หนุนกำลังการบริโภคประชาชน และกิจกรรมทางเศรษฐกิจทยอยฟื้นตัว สะท้อนจากอุตสาหกรรมน้ำมันปิโตรเลียมขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 9 รวมทั้งได้รับอานิสงส์จากค่าเงินบาทอ่อน ส่งผลให้อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 16 ด้านสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เผยประมาณการ MPI ปี 2565 ขยายตัวร้อยละ 1.5 – 2.5 และ GDP ภาคอุตสาหกรรมขยายตัวร้อยละ 2.0 – 3.0 

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) เปิดเผยว่า สถานการณ์การผลิตภาคอุตสาหกรรมกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งหลังรัฐบาลได้ผ่อนคลายมาตรการควบคุมต่าง ๆ โดยเฉพาะมาตรการเปิดประเทศ ส่งผลให้การบริโภคในประเทศปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง มีคำสั่งซื้อและเพิ่มกำลังการผลิตในภาคอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องเพิ่มมากขึ้น รวมถึงการอ่อนค่าของเงินบาทช่วยสนับสนุนให้การส่งออกขยายตัว โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมอาหารของไทยที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องท่ามกลางวิกฤตความมั่นคงทางอาหารของโลก คาดว่าในปีนี้การส่งออกอาหารแปรรูปจะสร้างมูลค่ากว่า 1.3 ล้านล้านบาท และจะเป็นอุตสาหกรรมหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย สำหรับภาพรวมดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ใน 6 เดือนแรกของปี 2565 ขยายตัวร้อยละ 0.48 ขณะที่เดือนมิถุนายน 2565 อยู่ในระดับทรงตัว และอัตราการใช้กำลังการผลิต 6 เดือนแรกอยู่ที่ระดับ 63.81 ทั้งนี้ คาดว่าดัชนี MPI ในครึ่งปีหลังมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป 

นางศิริเพ็ญ เกียรติเฟื่องฟู รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กล่าวว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนมิถุนายน 2565 อยู่ที่ระดับ 98.05 และอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ร้อยละ 62.41 โดย สศอ. ได้ประมาณการดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ปี 2565 ขยายตัวร้อยละ 1.5 – 2.5 และ GDP ภาคอุตสาหกรรมขยายตัวร้อยละ 2.0 - 3.0 จากการบริโภคในประเทศส่งสัญญาณปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องหลังจากภาครัฐเริ่มผ่อนคลายมาตรการควบคุมต่าง ๆ โดยเฉพาะมาตรการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเต็มรูปแบบประกอบกับประชาชนสามารถออกมาใช้ชีวิตประจำวันและบริโภคได้ตามปกติมากขึ้น การดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจทยอยฟื้นตัว สะท้อนได้จากอุตสาหกรรมน้ำมันปิโตรเลียมที่ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 9 ติดต่อกัน รวมถึงอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวขยายตัวได้ดี อาทิ ยานยนต์ เครื่องประดับ อัญมณี รองเท้า กระเป๋า และเบียร์ รวมถึงการอ่อนค่าของเงินบาทส่งผลดีต่อภาคการส่งออกทำให้สินค้าไทยสามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก ได้แก่ อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มที่ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 16 ติดต่อกัน จากความต้องการที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์และอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศที่การส่งออกขยายตัวเพิ่มขึ้น

สำหรับสถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรมของประเทศไทยเริ่มส่งสัญญาณเฝ้าระวัง โดย สศอ. ใช้เครื่องมือระบบเตือนภัยด้านเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไทย (The Early Warning System Industry Economics : EWS-IE) ในการคำนวณ พบว่าภาพรวมเศรษฐกิจไทยใน 1-2 เดือนข้างหน้า ปัจจัยภายในประเทศยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง อุปสงค์ในประเทศทยอยฟื้นตัว ความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมปรับตัวดีขึ้นจากการเปิดรับนักท่องเที่ยวและปลดล็อกมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 ความเชื่อมั่นทางธุรกิจปรับตัวเพิ่มขึ้น ในขณะที่ปัจจัยต่างประเทศเริ่มส่งผลกระทบ ประเทศคู่ค้าเผชิญกับปัญหาเงินเฟ้อ ส่งผลให้คำสั่งซื้อชะลอตัวลง ทั้งนี้ ต้องจับตาดูสถานการณ์การขึ้นอัตราดอกเบี้ย ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนยังคงยืดเยื้อ สภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยและปัญหาการขาดแคลนอุปทานที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจโลก รวมถึงวิกฤตเศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียหลายประเทศ อาทิ ศรีลังกา เมียนมาร์ และลาว อาจจะส่งผลกระทบต่อการค้าระหว่างประเทศและการลงทุนของไทย

‘บิ๊กตู่’ เผย ครม.เคาะแล้ว คนละครึ่งเฟส 5 วงเงินคนละ 800 บาท ใช้ได้ 2 เดือน ก.ย.-ต.ค. นี้

รัฐบาลสายเปย์ !! ‘บิ๊กตู่’ เผย ครม.เคาะแล้ว คนละครึ่งเฟส 5 วงเงินคนละ 800 บาท ระยะเวลาใช้ 2 เดือน ก.ย.-ต.ค. นี้

เมื่อเวลา 13.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังเป็นประธานการประชุม ครม.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม แถลงว่า สำหรับการประชุม ครม.ในวันนี้ มีเรื่องพิจารณาที่สำคัญ ที่เกี่ยวข้องกับประชาชนหลายเรื่อง โดยเฉพาะการช่วยเหลือประชาชน การฟื้นฟูเศรษฐกิจ และการขับเคลื่อนประเทศท่ามกลางวิกฤตที่ยังคงอยู่ในโลกต่อไป

เรื่องแรกเป็นมาตรการช่วยเหลือ-ลดภาระค่าใช้ครองชีพให้กับ ประชาชน ซึ่งเป็นการใช้เงินกู้ ในปี 64 ต่อเนื่องมา 2 ปีกว่า จนถึงปัจจุบัน โดยที่ผ่านมารัฐบาลได้ช่วยเหลือเยียวยาด้านเศรษฐกิจ ให้แก่ประชาชน ผู้มีรายได้น้อย แรงงานประกันสังคม ผู้ประกอบการ ผู้ประกอบอาชีพอิสระ เกษตรกร กลุ่มเปราะบาง ผู้สูงอายุ กว่า 45 ล้านคน วงเงินประมาณ 854,000 ล้านบาท รวมถึงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ และการจ้างงาน วงเงินประมาณ 280,000 ล้านบาท ซึ่งในวันนี้ ครม.พิจารณาเห็นชอบอีก  2 รายการ ได้แก่ 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top