Friday, 3 May 2024
NEWSFEED

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้ก่อสร้างประภาคาร เกาะสีชัง

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ก่อสร้างอัษฎางค์ประภาคารขึ้นเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2434 เพื่อใช้ส่องสัญญาณไฟนำทางให้แก่เรือต่าง ๆ ที่ออกเรือประมงตกปลา ตกหมึกในยามค่ำคืน เนื่องจากทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะสีชังมีศิลาสัมปะยื้อกีดขวางเส้นทางเดินเรือ และอาจก่อให้เกิดอันตรายแก่เรือประมงที่แล่นเข้า - ออก

บริเวณประภาคารมีเรือนให้คนรักษาประภาคารอยู่ทำหน้าที่ประจำ 1 หลังและเนื่องจากอัษฎางค์ประภาคารตั้งอยู่บริเวณส่วนปลายสุดของ ‘แหลมวัง’ ชาวบ้านบนเกาะสีชังจึงนิยมเรียกประภาคารแห่งนี้ในอีกชื่อหนึ่งว่า ‘ประภาคารแหลมวัง’ แต่ในปัจจุบันได้มีการสร้างประภาคารขึ้นใหม่ใกล้กับท่าเรือ เทวงษ์ (ท่าล่าง) ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะสีชัง อัษฎางค์ประภาคารจึงกลายเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่นักท่องเที่ยวนิยมอีกแห่งหนึ่ง

ต่อมาตัวประภาคารหินสัมปะยื้อ และบ้านพักของเจ้าหน้าที่ได้ชำรุดทรุดโทรมมาก และประกอบกับการคมนาคมไม่สะดวก ดังนั้น จึงได้ทำการบูรณะซ่อมแซมตัวประภาคารใหม่ และได้ย้ายบ้านพักของเจ้าหน้าที่ประภาคารไปตั้งอยู่บนเกาะขามใหญ่ (ตรงข้ามเกาะสีชัง) เมื่อ พ.ศ. 2512 มาจนถึงทุกวันนี้ สำหรับตัวเรือนตะเกียงที่ติดตั้งบนประภาคาร ได้ทำการเปลี่ยนแปลงจากระบบน้ำมันก๊าด มาใช้เป็นระบบตะเกียงก๊าซอเซทีลีน เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2471 และต่อมาได้เปลี่ยนแปลงมาใช้ตะเกียงระบบพลังงานแสงอาทิตย์ เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2534


 

‘ลิซ่า BLACKPINK’ ดีใจจนยิ้มไม่หุบ!! หลังบลิ๊งค์ให้ยาดมแพ็กใหญ่กลางคอนเสิร์ต

(19 ส.ค. 66) การเดินทางทัวร์คอนเสิร์ตรอบโลกของ 4 ซุปเปอร์สตาร์สาวระดับโลกอย่าง BLACKPINK เตรียมปิดฉากการเดินทางอันยาวนาน 11 เดือนตั้งแต่กลางเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา จัดแสดงคอนเสิร์ตกว่า 22 ประเทศและมากกว่า 60 รอบ ด้วยคอนเสิร์ต ‘BLACKPINK WORLD TOUR [BORN PINK] FINALE IN SEOUL’ กรุงโซล เกาหลีใต้ พร้อมเปิดรอบออนไลน์อีกด้วย

ในปัจจุบันทั้ง 4 สาวกำลังเดินหน้าตามตารางทัวร์คอนเสิร์ตในรัฐต่าง ๆ ของสหรัฐอเมริกา เมื่อ 18 ส.ค. ที่ผ่านมาแสดงคอนเสิร์ตที่ลาสเวกัส ทำแฮชแท็ก #BORNPINKinALLEGIANTSTADIUM #BORNPINKinVegas ติดเทรนด์ทั่วโลก ภายในคอนเสิร์ตเต็มไปด้วยบรรยาอากาศสุดฮอต ร้อนแรงยิ่งกว่าแดด แทบจะไฟท่วมกันเลยทีเดียว

ก่อนจะมีคลิปวิดีโอไวรัลของสาว ‘ลิซ่า BLACKPINK’ หรือ ‘ลลิษา มโนบาล’ ที่แสดงอาการดีอกดีใจ ยิ้มกว้างบนเวทีในรอบซาวด์เช็ก หลังบลิ๊งค์คนหนึ่งพยายามที่มอบของขวัญให้ลิซ่า ซึ่งของขวัญที่ทำให้สาวลิซ่าดีใจได้ขนาดนี้ ไม่ใช่ขนม, กระเป๋า, เครื่องประดับ หรือเสื้อผ้า แต่เป็น ‘ยาดมสมุนไพร’ ที่มีมาให้ถึง 1 แพ็ก ราว 12 ชิ้นเลยทีเดียว!!

งานนี้ เจ้าตัวเดินอวดเพื่อน ๆ ในวงเพียบ ทำสาวโรซ่าแซวว่า “โอโห้ ยาดมเยอะมาก”

ทั้งนี้ เมื่อวันครบรอบการเดบิวต์ 7 ปี วง BLACKPINK ลิซ่าได้ออกมาไลฟ์สดครั้งแรก พร้อมเผยเป็นภาษาไทยว่า…

“ขอบคุณพี่บลิ๊งค์ทุกๆ คนนะคะ ขอบคุณที่คอยเป็นกำลังใจตลอด ช่วงนี้ทัวร์คอนเสิร์ตด้วย คือ ไม่ว่าจะไปประเทศไหนก็ตาม ก็จะมีป้ายภาษาไทยอยู่ทุกประเทศ หนูรู้สึกว่า พอเห็นก็ชื่นใจ”

“คือดีใจอยู่แล้วที่ได้เจอบลิ๊งค์ทุกๆประเทศ แต่บางทีตอนอยู่บนเวทีเอนเนอร์จี้เรายังไม่มา แต่พอเห็นป้ายภาษาไทยทุกประเทศ ก็ฮึดสู้ และไม่ว่าจะไปประเทศไทย บลิ๊งค์ทุกประเทศจะเอนจอยมากๆ” ลิซ่า กล่าว

‘ใหม่ สุคนธวา’ เดือด!! ถูกเพจเล่นข่าวแพ้ท้อง อยากกินของแปลก โยงเป็น ‘ร่างทรงครูกายแก้ว’ จนโดนทัวร์ลง ยัน!! เอาเรื่องให้ถึงที่สุด

เดือดไม่ไหว!! คุณแม่ลูกสอง ใหม่ สุคนธวา เกิดนิมิตร เจอเพจมั่วโยงข่าวที่ตัวเองเคยแพ้ท้องลูกคนแรกแล้วอยากกินอะไรแปลกๆ มาผสมกับข่าวที่เป็นกระแสเรื่องการฆ่าหมาและแมวบูชายัญ ‘ครูกายแก้ว’ ที่คนกำลังแห่กราบไหว้กันอยู่ในเวลานี้

ล่าสุด ข่าวสดบันเทิงออนไลน์ ต่อสายตรงสอบถามถึงเรื่องที่ออกมาโพสต์เดือด งานนี้ สาวใหม่ จัดหนัก ยืนยันเอาเรื่องเพจที่ลงข่าวถึงที่สุด หลังทำทัวร์ลงคนมาด่าโดยที่ตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด โดยบอกว่า…

“ตอนแรกก็ไม่ได้เดือดนะ ไม่รู้เรื่องอะไรเลย งงๆ อยู่ จนมีแฟนคลับคนหนึ่งแท็กมาให้แล้วก็ถามว่าเกิดอะไรขึ้นมันคืออะไร เราเลยกดเข้าไปดูอ้าว! มันเป็นเพจหนึ่งที่ชื่อว่า ‘น้องง’ ซึ่งมีคนติดตามเยอะมาก แล้วเขาก็เอารูปและข่าวเก่าที่เราเคยสัมภาษณ์กับไนน์เอ็นเตอร์เทนไว้เมื่อ 3 ปีที่แล้วมาลง เขียนแคปชัน “ร่างทรงครูกายแก้วประทับ” บอกเลยว่างงมาก ตกใจ และโกรธมาก

แต่เราอยากจะแยกเป็น 2 ประเด็นก่อน ประเด็นแรกคือ ตอนนี้คนเข้าใจผิดคิดว่าเราโกรธนักข่าวไนน์เอ็น หรือว่าด่านักข่าวไนน์เอ็น ซึ่งไม่ใช่ แต่ที่เราโกรธคือเพจที่ชื่อว่า น้องง ที่เขียนแคปชันว่า “ร่างทรงครูกายแก้วประทับ” แต่ดันเอาข่าวของไนน์เอ็นที่เราเคยให้สัมภาษณ์ มาผสมกันกับกระแสตอนนี้ คนเลยเข้าใจผิดจนทัวร์ไปลงไนน์เอ็น ซึ่งอันนี้ก็ต้องขอโทษแทนแฟนคลับที่เขารักเราเลยโมโหแทนเรา”

“ประเด็นที่ 2 คือจุดประสงค์ของเพจนั้นต้องการเรียกยอดแชร์ ยอดไลก์ และยอดเมนต์ ซึ่งก็ประสบความสำเร็จมาก เขาเอากระแสในตอนนี้ให้มันมาเป็นข่าวเก่าของใหม่ ให้เกิดข่าวใหม่เกิดขึ้นมา มันก็เก่งเนาะ ใหม่ยอมรับว่าเคยให้สัมภาษณ์ไปแบบนั้นจริง นักข่าวถามว่าใหม่แพ้ท้องอ่ะแพ้อะไร ใหม่ก็พูดตามปกติ พูดเลยนะที่ใหม่อยากกินหมาหรืออะไรอย่างเนี้ยมันเบสิกมาก คนแพ้ท้องเขาจะแพ้อะไรที่อยู่ดีๆ เราไม่เคยกินมันจะอยากกินขึ้นมา บางคนอยากกินดิน หิน ทราย ยางรถยนต์ ตุ๊กแก จิ้งจก ซึ่งกลุ่มคนแพ้ท้องจะรู้กัน

แต่ต้องแยกแยะนะ พูดเนี่ยไม่ได้กินจริง มันเป็นอารมณ์มันเขี้ยวหมั่นไส้น้องหมาเรามากกว่า แบบอยากขยำอยากกินอะไรอย่างเนี้ย แต่ไม่ได้กิน มาดูที่บ้านได้ชิวาวา 3 ตัวยังอยู่เท่าเดิม ใครจะไปกินชิวาวา มันน่ารักแบ๊วขนาดนั้น มันเป็นไปไม่ได้ และมีสิตพอที่จะไม่กินหมา คนท้องไม่ได้คนบ้า คนท้องไม่ได้ประสาท คนท้องไม่ได้ผิดปกติทางด้านจิตใจ อันนี้โกรธนะ”

“แล้วก็เลยงงว่าทำไมหวยมาออกที่เราได้ไง ซึ่งมันก็มีแว้บนึงที่คิดนะ เอ๊ะ!! หรือว่าเราไปทำอะไรลบหลู่ดูถูกเหยียดหยามโดยไม่ตั้งใจหรือเปล่า แล้วท่านหรือครูกายแก้วมาลงโทษเราให้ทัวร์มาลงให้เป็นข่าวแบบนี้หรือเปล่า ทั้งที่ใหม่ไม่เคยลบหลู่หรืออะไรกับคนที่ศรัทธาท่านอยู่แล้ว” ใหม่ สุคนธวา กล่าว

ผลกระทบตอนนี้คือกลายเป็นคนกลัวเรา?
ใหม่ : “ใช่… คนกลัว ตอนนี้เหมือนคนกลัว เรามีของ เรามีองค์ เราเป็นครูกายแก้ว เรากินหมา บอกเลยไม่ได้เป็นปอบ

ทางเพจนั้นได้ติดต่อมาขอโทษไหม?
ใหม่ : “ไม่มี แต่ใหม่ติดต่อไป ไปด่าเลย บอกว่าลบเดี๋ยวนี้เลยนะ ทางนั้นก็แบบแม่… ขอโทษ หนูชอบแม่มาก แม่สวยมาก หนูไม่ได้ตั้งใจ หนูจน แม่อย่าเอาเรื่องอะไรหนูเลย เราก็เลยบอกไปว่าไม่รับคำขอโทษ แล้วก็จะเอาคำขอโทษเป็นเงินด้วย ถ้าคนที่ติดตามผลงานเราหรือชอบเราจริงอย่างที่ปากพูด เขาคงไม่ทำร้ายเราด้วยข่าวหรือแคปชันแบบนี้หรอก ยืนยันว่าฟ้องเพจแน่นอน ส่วนคนที่คอมเมนต์ก็นั่งไล่แคปอยู่เหมือนกัน”

“ถ้าคนรักใหม่จริงๆ อยากให้ติดตามใหม่ทางช่องทางของใหม่เท่านั้น จะได้รู้นิสัยที่แท้จริงของใหม่ว่าเป็นยังไง ไม่ใช่ไปเชื่อในสิ่งที่คนคนหนึ่งเขียนแคปชัน แล้วก็มาด่าใหม่เป็นพันอ่ะ ด่าแรงด้วย อินี่มันบ้า ป่วย โรคจิต กินหมา คือด่างงอ่ะ บอกเลยคนด่าเยอะ เหมือนใหม่เป็นปอบอ่ะ” ใหม่ สุคนธวา กล่าวทิ้งท้าย

‘อุ้ม ลักขณา’ เคลียร์ชัด!! เซ็นใบหย่า ‘บอล กฤษณะ’ แล้ว เตรียมย้ายกลับกรุงเทพฯ ต่อจากนี้ขอทุกอย่างทำเพื่อลูก

ไม่เคยคิดว่าจะมีวันนี้!! ‘อุ้ม ลักขณา’ รับเซ็นใบหย่า ‘บอล กฤษณะ’ ปิดฉากชีวิตคู่ พร้อมเปิดใจครั้งแรก เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะหมอดู?

(19 ส.ค. 66) เปิดใจเคลียร์ให้ฟังกันแบบชัด ๆ เป็นครั้งแรกในรายการแฉ สำหรับ ‘อุ้ม ลักขณา’ ถึงปมการเลิกรากับสามีหนุ่ม ‘บอล กฤษณะ’ ว่า ได้เซ็นใบหย่าและเตรียมย้ายที่จะกลับมาอยู่กรุงเทพฯ เรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้ขอทุกอย่างทำเพื่อลูก ‘น้องดีสนีย์’

“ตอนนี้เป็นซิงเกิลมัมทั้งพี่ทั้งน้องค่ะ ไม่เคยคิดอยู่ในหัวเลย ว่าจะมีวันนี้ ไม่มีแม้แต่วินาทีเดียวว่าอุ้มจะไม่มีผู้ชายคนนี้อยู่ในชีวิต อุ้มคิดว่าเขาคือความสุข คือครอบครัว คือพ่อของลูก คือสามีที่ดี ก็เลยไม่เคยระแวงหรือคิดว่าตัวเองจะมาถึงจุดนี้

7 ปีชีวิตครอบครัวถามว่าแฮปปี้ไหม มันก็มีบ้าง จะไม่มีเลยก็เป็นไปไม่ได้ สองคนมาจากคนละครอบครัว มาจากคนละพื้นฐานการเลี้ยงดูกัน ก็ต้องมีเรื่องที่ปรับกันเยอะมากๆ ก่อนจะถึงจุดที่ลงตัว มันใช้เวลาหลายๆ ช่วง แต่ว่าเราทั้งสองคนก็พยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อลูก ซึ่งมันก็ผ่านมาได้ แต่มันก็มาเกิดเรื่องนี้ที่ทำให้ไม่สามารถไปต่อได้” อุ้ม ลักขณา กล่าว

เมื่อถูกถามถึงประเด็นที่ว่า หาก ไม่ไปดูหมอดูคงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น อุ้มตอบว่า “ไม่จริง” ไม่ได้ดูดวงเพื่อเช็กว่าสามีนอกใจหรือไม่ แค่ไปดูดวงตามปกติ

“ไม่ได้สาระแนไปดูอะไรเลยค่ะ ไม่ได้ดูดวงเพื่อเช็ก ไม่ได้ดูเรื่องนี้เลย ไปเพราะเห็นเขาดูกันก็ตามเขาไป ปกติชอบดูดวง แต่วันนั้นไม่ได้ตั้งใจไปดูดวงอะไรทั้งสิ้นเลย เพราะทุกอย่างแฮปปี้ดีหมด ต่อให้เขาพูดอะไรมาไม่ได้รู้สึกว่าเราต้องหวั่นไหว หรือต้องไปจับผิดอะไร ไม่มีอยู่ในสมองของอุ้มเลยค่ะ

ในตอนแรกที่หมอดูทำนาย อุ้มไม่เชื่อด้วยซ้ำว่าทำนายแม่น เพราะมองว่าชีวิตครอบครัวของตนเองนั้นดีอยู่แล้ว แต่พอเกิดเรื่องขึ้นเลยรู้สึกทันทีว่าหมอดูทักแม่น และเรื่องก็เกิดหลังจากโดนทักไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์

เปิดไพ่ยิปซีค่ะ ตอนดูเราก็ยังไม่เชื่อเลย คิดว่าหมอดูคนนี้เราไม่รู้จักเขา เขาคงมั่วๆ พูดไปเรื่อย เพราะชีวิตครอบครัวเราดีอยู่ แต่พอเกิดเรื่องแล้วถึงได้ อ้าว แม่น” อุ้ม ลักขณา กล่าว

หากถามถึงสภาพจิตใจ อุ้ม เผยว่า ตนเองไปต่อไม่เป็น ต้องกลับบ้านที่กรุงเทพฯ มาหาเซฟโซน เพราะตอนไปอยู่เชียงใหม่ ตนเหมือนเริ่มต้นไม่ ไม่รู้จักใคร ไม่มีสังคม มีเขาแค่คนเดียว คอยเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ

“กลับบ้านที่กรุงเทพฯ ค่ะ เราต้องกลับมาหาเซฟโซนของเราค่ะ อยู่ที่เชียงใหม่ 7 ปี อุ้มไม่มีเพื่อน อุ้มไปอยู่คนเดียว ตัวคนเดียว ไม่มีใครเลยค่ะ ไม่มีเพื่อน ไม่มีสังคม มีแค่เขาคนเดียว ที่เป็นสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ แล้วก็มีลูก ชีวิตก็จะอยู่แต่อย่างนั้นค่ะ แล้วตอนหลังก็เอาน้องชายมาอยู่ด้วย เพราะน้องชายอยากมาดูแลพี่สาว ให้เขาเริ่มมาทำงานกับเรา น้องชายเพิ่งเข้ามาอยู่ได้ปีนึงค่ะ”

ส่วนช่วงเวลาที่เกิดเรื่อง อุ้ม รับว่าเรื่องเกิดตั้งแต่ช่วงที่เพจดังปล่อยข่าวว่าผัวเมียสายแซ่บอันฟอลโลว์ไอจีกัน ถ้าถามว่า หากย้อนเวลากลับไปได้จะยังเลือกผู้ชายคนนี้ไหม อุ้มก็จะยังเลือกเขา เพราะเขาได้ให้ของขวัญที่ดีที่สุดก็คือ ‘น้องดีสนีย์’

“เกิดขึ้นแล้วค่ะ ไม่ใช่ตัดสินใจว่าจะจบกัน แต่เป็นวันที่เรากลับบ้าน กลับมากรุงเทพฯ มาพักใจ ใน 7 ปีที่ผ่านมานั้น ชีวิตมีความสุขค่ะ เพราะสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตคือน้องดีสนีย์และน้องการ์ตูน แม้น้องการ์ตูนไม่ใช่ลูกแท้ๆ เป็นลูกพี่บอล แต่อุ้มก็รักเขาเหมือนลูกแท้ๆ จริงๆ เราแคร์เขามากๆ ส่วนน้องดีสนีย์เขาคือของขวัญที่ดีที่สุด

ก่อนหน้านี้ อุ้มพยายามเคลียร์และปรับกันแล้วทำทุกอย่างให้ดีที่สุดด้วยสติ และตกลงกันทั้งสองฝ่ายว่าเราไม่อยากให้ลูกได้รับผลกระทบที่พ่อแม่มาทะเลาะกันให้ลูกเห็น ฉะนั้น ในเมื่อถึงทางตันแล้ว ต่างคนต่างมีทางของแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่ทางที่เหมือนกันคือจะเป็นพ่อแม่ที่ดีที่สุดให้กับลูกทั้งสองคน” อุ้ม ลักขณา กล่าว

สำหรับกระแสข่าว ‘เลิกกันเพราะสามีไปติดผู้จัดการ’ และ ‘ไม่ยอมให้สามีทำการบ้านเลย 3 ปี’ อุ้มเคลียร์ชัดว่า “ไม่จริง”

“ข่าวที่ว่าพี่บอลเลิกอุ้มเพราะผู้จัดการอุ้ม ผู้จัดการอุ้มเขาเป็นสาว (หัวเราะ) ส่วนเรื่องไม่ยอมให้สามีทำการบ้านเลย 3 ปีก็ไม่จริงค่ะ ขอแก้ข่าวนิดนึง ไม่มีสองปีแรก เพราะปีหนึ่งท้อง 9 เดือน อีกปีอุ้มเลี้ยงลูกคนเดียว 24 ชม. พี่ด้าต้องเข้าใจความแม่ เรามีลูกคนแรก และไม่ได้อยู่ข้างๆ แม่ตัวเอง ไม่ได้อยู่ข้างๆ น้องสาวที่เคยมีประสบการณ์การเลี้ยงลูกมาก่อน อุ้มไม่มีคนเป็นที่ปรึกษาเลย ก็งูๆ ปลาๆ กับการเลี้ยงลูกคนนึงให้ดีที่สุด

เราต้องปั๊มนม ให้ลูกเข้าเต้า เลี้ยงลูก พอลูกขวบนึงก็กลับมามีอะไรกันเหมือนเดิม ก็มีการนัดกัน แต่ต้องนัดตามเวลา เพราะอุ้มเลี้ยงลูกเองเป็นหลัก อุ้มไม่มีพี่เลี้ยง”

ส่วนเรื่องที่ว่าเอาหน้าอกออกแล้วทำให้สามีเปลี่ยนใจ อุ้ม ยืนยันว่า “ไม่เกี่ยว” มีการพูดคุยกับสามีแล้ว สามีโอเค

“อุ้มไม่รู้ว่าคนอื่นหรือใครจะคิดยังไง แต่ก่อนเอาหน้าอกออก เรามีการพูดคุยกัน มีการปรึกษากัน ซึ่งเขาก็บอกว่าอะไรที่อุ้มมีความสุข อุ้มทำเลย เพราะอุ้มมีปัญหาปวดหลังหนักมาก เราใส่เต้ามานาน พอเราให้นมลูก แล้วพอมันหมด มันยาน มันใหญ่ มันหนัก

แล้วอุ้มคิดว่าชีวิตนี้เรามีผู้ชายคนนี้เป็นผัว เราไม่คิดจะมีผัวคนไหนอีกแล้ว ต่อให้กูน่าเกลียด ผัวก็ต้องรักกูสิ ต่อให้นมแบน แต่กูไม่ได้ไปรักคนอื่น ไม่ได้คิดจะไปเปิดนมให้คนอื่นดูอีกแล้ว ถ้าเราอยากมีนมใหญ่ให้คนอื่นดู แต่เราคิดว่าเราไม่ได้อยากให้คนอื่นดูแล้วไง เราหยุดอยู่ที่เขาคนเดียว ชีวิตนี้เรามีเขาแค่คนเดียวแล้ว เราก็เอาออก ให้มันเป็นธรรมชาติ อุ้มมาออกกำลังกาย สายสปอร์ตแล้วไงคะ” อุ้ม ลักขณา กล่าว

ในตอนนี้ อุ้มและสามี ได้เซ็นใบหย่ากันเรียบร้อยแล้ว ยุติความสัมพันธ์การเป็นสามีภรรยากัน เป็นเพียงแค่พ่อกับแม่ที่ดีที่สุดให้ลูกทั้งสองคน ลูกคือความสุขที่สุดของอุ้ม ทุกครั้งที่มีปัญหา อุ้มมีครอบครัว มีนิวเคลียร์ มีพ่อแม่ มีน้องชาย

“อุ้มกับเขาก็เซ็นใบหย่ากันเรียบร้อยแล้วค่ะ ทางกฎหมาย และตัวอุ้มเองกับเขาก็อย่างที่ตกลงกัน เราจะยุติความสัมพันธ์การเป็นสามีภรรยากัน เป็นเพียงแค่พ่อกับแม่ที่ดีที่สุดให้ลูกทั้งสองคน โดยพี่บอลรับผิดชอบเรื่องลูกไป อุ้มก็ต้องคัมแบ็กกลับมาทำงาน จากนี้จะรับงานในวงการ ห่างหายไปนาน ขอโอกาสนะคะ ต้องไปทำนมใหม่ไหมคะ (หัวเราะ)”

สำหรับคำถามที่ว่าได้พูดคุยกับลูกแล้วหรือยัง อุ้ม เปิดใจว่า อยากให้ลูกค่อย ๆ ปรับตัว บอกว่าลูกจะต้องย้ายมาอยู่กรุงเทพฯนะ แต่ลูกไม่จำเป็นต้องมารับรู้ปัญหาของพ่อปม่ เพราะอุ้มไม่อยากให้ลูกรู้สึกไม่ดี ไม่อยากพูดถึงปัญหาว่าคืออะไรอีกแล้ว เพราะมันจบแล้ว

“เขาก็คงงงๆ ค่ะ ตอนนี้ถึงไม่ได้ย้ายออกมาจากเชียงใหม่ เราอยากให้เขามีโมเมนต์ค่อยๆ ปรับกับพี่สาวเขา พ่อเขา ก่อนที่เขาจะต้องแยกออกมาจริงๆ

ตอนนี้เขาพูดเสมอว่าเขาเกิดเชียงใหม่ เขาเป็นเด็กเชียงใหม่ แต่ตอนนี้เราก็พูดว่าตอนนี้บ้านเรากำลังจะพังนะ เราต้องซ่อมบ้านนะลูก เราต้องย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ มาเรียนกรุงเทพฯ นะ เขาก็เริ่มเก็ต เริ่มเข้าใจ แต่เขาไม่จำเป็นต้องมารับรู้ว่าปัญหาของพ่อแม่คืออะไร ท้ายที่สุดแล้วอุ้มไม่ได้อยากให้ลูกรู้สึกไม่ดี หรือรู้สึกว่าพ่อแม่มีปัญหากัน หรือไม่ภูมิใจในตัวพ่อเขาหรือตัวอุ้ม ฉะนั้นเลือกได้อุ้มไม่อยากพูดถึงปัญหาว่าคืออะไรอีกแล้ว เพราะมันจบแล้วค่ะ” อุ้ม ลักขณา กล่าวทิ้งท้าย

‘ลิซ่า BLACKPINK-ใหม่ ดาวิกา’ 2 สาวไทยสุดปัง!! ติดอันดับผู้ทรงอิทธิพลบนโซเชียลทั่วโลก ปี 2023

(18 ส.ค. 66) สาวไทยปังปั๊วะไม่เป็นรองใครจริงๆ เมื่อนักร้องชื่อดัง อย่าง ‘ลิซ่า BLACKPINK’ หรือ ‘ลลิษา มโนบาล’ และ ‘ใหม่ ดาวิกา โฮร์เน่’ ที่ติดอันดับผู้ทรงอิทธิพลบนโซเชียลทั่วโลก ประจำปี 2023

หลังจากที่เปิดโพลผู้ทรงอิทธิพล 1 ใน 100 บนโซเชียลทั่วโลกประจำปี 2023 จากรายได้ ที่มีมูลค่าการโพสต์สูงที่สุด ของ บ.จัดเก็บข้อมูล Hopper HQ บริษัทวงการตลาดโซเชียลมีเดีย พบว่ามีชื่อของ ‘ลิซ่า ลลิษา มโนบาล’ หรือ ‘ลิซ่า BLACKPINK’ ถูกจัดอยู่ในหมวดหมู่รายชื่อผู้ทรงอิทธิพลในแพลตฟอร์ม Instagram ประจำปี 2023 ในอันดับที่ 26 ด้วยราคามูลค่าต่อโพสต์เฉลี่ยอยู่ที่โพสต์ละ $575,000 หรือ 20 ล้านบาท

และยังพบชื่อของนางเอกสาว ‘ใหม่ ดาวิกา โฮร์เน่’ ที่ติดอยู่ในอันดับที่ 80 อีกด้วย ซึ่งมีราคามูลค่าต่อโพสต์เฉลี่ยอยู่ที่โพสต์ละ $170,000 หรือ 3.7 ล้านบาท ซึ่งเป็น 2 สาวไทยที่มีรายชื่อติดในโพลผู้ทรงอิทธิพล 1 ใน 100 บนโซเชียลทั่วโลกประจำปี 2023

สำหรับอันดับที่ 1 ยังคงเป็นของ ‘คริสเตียโน่ โรนัลโด้’ นักฟุตบอลชาวโปรตุเกส ซึ่งมีราคามูลค่าต่อโพสต์เฉลี่ยอยู่ที่ $3,234,000 หรือ 114 ล้านบาท ส่วนอันดับที่ 2 ตกเป็นของ ‘ลิโอเนล เมสซี’ มีราคามูลค่าต่อโพสต์เฉลี่ยอยู่ที่ $2,597,000 หรือ 91 ล้านบาท ขณะที่อันดับ 3 ‘เซเลนา โกเมซ’ มีราคามูลค่าต่อโพสต์เฉลี่ยอยู่ที่ $2,558,000 หรือ 90 ล้านบาท

‘น้องณะโม’ เด็ก 9 ขวบ ทักษะด้านศิลปะยอดเยี่ยม ชอบ ‘วาดภาพ - ปั้นพระพุทธรูป - ขับบทหนังตะลุง’

(18 ส.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านเลขที่ 32/2 หมู่ที่ 4 บ้านเขากอบ ต.เขากอบ อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ซึ่งเป็นบ้านของ ด.ช. สุวิจักขณ์ คงรอด หรือน้องณะโม อายุ 9 ขวบ นักเรียนชั้น ป.3 โรงเรียนรัตนศึกษา อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช น้องณะโมกำลังโชว์ฝีมือการปั้นพระพุทธรูปจากดินน้ำมัน ขนาดความสูง 1.5 ฟุต พร้อมวาดภาพพระพุทธรูปต่าง ๆ ที่ชื่นชอบ ก่อนจะลงสีให้เหมือนต้นฉบับ ซึ่งได้ศึกษามาจากยูทูบเป็นหลัก นอกจากนี้ ยังนำมาต่อเป็นเลโกอีกหลายชิ้น

ล่าสุดนายพงศ์ชิตพล คงรอด อายุ 40 ปีซึ่งเป็นคุณพ่อและเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนวิเชียรมาตุ 3 จ.ตรัง กับนางนิรมล คงรอด อายุ 38 ปี คุณแม่ ซึ่งเป็นคุณครูอยู่ที่โรงเรียนทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ได้นำภาพพระพุทธรูปที่น้องณะโมวาด ไปทำเป็นเสื้อยืดคอกลมและคอวี นำออกจำหน่ายทางเพจ/เฟซบุ๊กที่ชื่อว่า สอนศิลป์กับพิมพ์ไทย, เพจเด็กปั้น และเพจ niramol sommai ขายราคาตัวละ 300 บาท โดยเพิ่งวางขายไม่กี่วันที่ผ่านมา แต่ขายได้แล้วกว่า 10 ตัว ส่วนเงินรายได้นำไปเป็นทุนการศึกษาและซื้ออุปกรณ์การวาดภาพ ระบายสี เพื่อให้น้องณะโมมีกำลังใจในการสานฝันของตัวเอง ควบคู่ไปกับการได้อนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทยให้คงอยู่อย่างยั่งยืนต่อไป

สำหรับน้องณะโม เริ่มวาดภาพพระพุทธรูปและปั้นดินน้ำมันเป็นรูปพระพุทธรูปองค์ต่าง ๆ พร้อมทั้งฝึกเล่นหนังตะลุงมาตั้งแต่อายุ 3 ขวบแล้ว ส่วนหนึ่งมาจากครอบครัวที่ชอบศิลปวัฒนธรรม โบราณสถาน การไหว้พระ สวดมนต์ ซึ่งคุณพ่อเคยนำนักเรียนไปแข่งขันสวดมนต์ทำนองสรภัญญะและทำกิจกรรมส่งเสริมผู้เรียนด้านพระพุทธศาสนา จนได้รับรางวัลชนะเลิศระดับประเทศมาแล้วหลายรางวัล เช่นเดียวกับคุณแม่ของน้องณะโมที่ชอบแนวเดียวกัน โดยจะพาน้องณะโมไปด้วยทุกที่ จึงทำให้น้องณะโมซึมซับสิ่งที่ดีงามเหล่านี้ จนกลายเป็นความชอบและหมั่นศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม ทั้งจากยูทูบและจากคุณครูสอนศิลปะ จนสามารถวาดภาพพระพุทธรูปและปั้นดินน้ำมันได้อย่างคล่องแคล่ว ล่าสุดได้รับรางวัลชนะเลิศการประกวดวาดภาพที่ จ.นครศรีธรรมราช เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา

สำหรับชื่อ ‘ณะโม’ คุณพ่อเป็นคนตั้งให้ เพราะมีความหมายว่าผู้นอบน้อม ส่วนการเล่นหนังตะลุง เกิดจากการที่คุณพ่อซื้อรูปหนังตะลุงมาให้ น้องจึงหัดเล่นจากยูทูบ จนสามารถขับหนังตะลุงได้ โดยมีคุณพ่อเป็นลูกคู่หรือเป็นผู้ช่วยนายหนัง ซึ่งน้องณะโมได้ใช้เวลาว่างไปกับการวาดภาพพระพุทธรูปและการท่องเที่ยวไปตามโบราณสถานหลายแห่งทั้งในจ.ตรัง และ จ.นครศรีธรรมราช แต่ที่ชอบมากที่สุดคือศิลปะลาวล้านช้าง

ซึ่งปัจจุบัน น้องณะโมตามคุณแม่ที่เป็นคุณครูไปเรียนอยู่ที่อำเภอทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ผลการเรียนอยู่ในเกณฑ์ดี มีสมาธิ และรู้จักความอดทนอดกลั้นได้มากกว่าเพื่อนวัยเดียวกัน โตขึ้นน้องณะโมฝันอยากเป็นเกมเมอร์และวาดภาพพระพุทธรูปที่ชื่นชอบทั่วไทย ส่วนใครสนใจสามารถติดตามได้ทางเพจเด็กปั้น,เฟซบุ๊ก niramol sommai และเพจสอนศิลป์กับพิมพ์ไทย หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 081-370-0192

โดย ด.ช. สุวิจักขณ์ คงรอด หรือน้องณะโม เปิดเผยว่า ตนเป็นคนที่ชอบพระศิลปะลาวล้านช้าง เห็นแล้วรู้สึกชอบและศรัทธา ตอนนี้วาดและปั้นได้ ส่วนความสามารถในการขับหนัง มาจากการที่พ่อซื้อหนังตะลุงมาให้แล้วเอามาเล่นกับพ่อ ต่อมาจึงเปิดดูในยูทูบแล้วหัดพากย์ แต่ยังไม่ได้เคยไปเล่นโชว์ที่ไหนมาก่อน

อนาคตฝันอยากเป็นเกมเมอร์และวาดภาพต่อ โดยการปั้นไม่มีใครสอนปั้นเองดูจากยูทูบตอนอายุ 3 ขวบ ตอนนี้อายุ 9 ขวบแล้ว ปั้นมาเรื่อย ๆ ผลงานนำไปโชว์ที่ตลาดชุมทาง ที่ได้ขายคือทำเป็นเสื้อขายตัวละ 300 บาท ส่วนใครสนใจสามารถซื้อได้จากเพจเด็กปั้น

ด้านนายพงศ์ชิตพล และนางนิรมล คงรอด คุณพ่อกับคุณแม่ของน้องณะโม กล่าวว่า เริ่มต้นชอบของลักษณะอย่างนี้ตอนอายุประมาณ 3 ขวบ แต่ก่อนหน้านั้นก็มีแววชื่นชอบเกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรมและโบราณสถานต่าง ๆ และได้ฝึกวาด ฝึกปั้นจนถึงตอนนี้อายุ 9 ขวบ ส่วนพ่อแม่เองก็ชอบด้านนี้มาตลอด และจะชอบไปโบราณสถานต่าง ๆ และไปไหว้พระทำบุญกันอยู่ตลอด โดยพาณะโมไปด้วย ทำให้ลูกซึมซับและจดจำมาตลอด อย่างหนึ่งที่ได้คือลูกได้สืบทอดพระพุทธศาสนา มีภูมิต้านทานทางด้านจิตใจที่กระแสสังคมเข้ามากระทบ แต่สิ่งเหล่านี้เข้ามาหล่อเลี้ยงจิตใจให้เขาเป็นคนดีได้

งานทุกชิ้นของเขาจะพูดกับเขาว่า เราจะปลูกฝังคุณค่าในตัวเองให้เขาได้มองเห็นว่าจากชิ้นงานศิลปะตรงนี้ พอลูกเอามาทำเสื้อหรือทำอย่างอื่นเอามาต่อยอดทำให้ซาบซึ้งคุณค่าในตัวเอง อยากให้เด็กรุ่นใหม่ได้มีตรงนี้ ได้ตระหนักคุณค่าในตนเอง เพราะเรามองว่าจะเป็นการสร้างเกราะในจิตใจเขาในการอยู่ในสังคมในวันข้างหน้า ให้เขาเข้มแข็งจากตัวเขาจากคุณค่าของตัวเอง ซึ่งได้งานศิลปะเป็นตัวช่วย

ครบรอบ 22 ปี ภาพยนตร์ ‘สุริโยไท’ เข้าฉายครั้งแรก เผยเบื้องหลังกองถ่าย ที่หลายคนไม่เคยรู้มาก่อน

ล่วงเลยมาถึง 22 ปีแล้ว หลังจากภาพยนตร์ไทยที่ตราตรึงใจคนทั้งประเทศอย่าง ‘สุริโยไท’ เข้าฉายวันแรก (17 สิงหาคม 2544) โดยวาระนี้ ‘ปิติรัชต์ จูช่วย’ แห่ง ‘สำนักพิมพ์สยาม เรเนซองส์’ ถือโอกาสเล่าเกร็ดเรื่องเล่า ‘ภาพยนตร์แห่งสยามประเทศ’ จากบท ‘แม่หยัวศรีสุดาจันทร์’ หรือ ‘ท้าวศรีสุดาจันทร์’

ปิติรัชต์เปิดเผยทางเฟซบุ๊ก ‘Pitirach Joochoy’ ว่า ประชุมยาววันนี้เสร็จ ออกมาแล้วเห็น Notification Facebook เยอะ นึกว่าทัวร์ลงอะไรเรา อ๋อ Post ครบรอบสุริโยไท 555+

อ่ะ วันนี้ 22 ปี สุริโยไท เข้าฉายวันแรก

ขอเอาเกร็ดเรื่องเล่า ‘ภาพยนตร์แห่งสยามประเทศ’ จากบทแม่หยัวศรีสุดาจันทร์มาฝากกัน

- บทนี้เป็นหนึ่งในสองบทที่ไม่ได้แคสนักแสดง เลือกมาเลยว่าให้คนนี้แสดง อีกบทคือคุณต้นในบทพระสุริโยทัย

- ผู้เลือกนักแสดงสองบทนี้คือท่านเดียวกัน

- เดิมที่ชื่อ Project ในภาษาอังกฤษจะใช้ว่า ‘The Sun and The Moon’ ตามพระสุริโยทัยและท้าวศรีสุดาจันทร์

- ฉากตามพระยอดฟ้าไปทรงพระอักษร บรีฟคือให้แม่หยัวตบพระหัตถ์ แต่นักแสดงยังไม่เก็ตว่าตบมือสั่งมันยังไง ก็ออกมาเป็นปรบมือรัวจ้า จนโดนท่านผู้กำกับขำแล้วแซวว่า “เฮ้ย เอ็งเป็นมาทาดอร์เราะ”

- ฉากเข้าพระเข้านางของขุนวรวงศากับแม่หยัวฯ นักแสดงเกร็งมาก แต่ไม่ได้เกร็งเพราะเล่น Love Scene แต่เกร็งเพราะมีเจ้านายพระองค์หนึ่งเสด็จมาทรงเยี่ยมกองถ่าย แล้วประทับดูการถ่ายทำหน้ามอนิเตอร์พอดี

- ฉากแม่หยัวฯ อาละวาด ปาดคออีสร้อย นักแสดงต้องเล่น Long Take ครั้งเดียวตลอด Take ให้ผ่านตั้งแต่กริ้วหลวงจงรัก “หากมียาพิษเหตุใดเจ้าจึงไม่เป็นอะไร” ยาวไปจนถึงปาดคอเสร็จ “มันวางยาพิษพ่ออยู่หัว สมควรตายตามโทษานุโทษ”

- ก่อนหน้าฉากนั้นเป็นอันรู้กันว่าถ้าเป็นฉากเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินสิ้นต้องมีเรื่องอะไรสักอย่าง ทางสมเด็จพระไชยราชาต้องยาพิษก็เช่นกัน กว่าจะถ่ายได้ มีทั้งไฟดับ วิกพี่อ๊อฟหลุม มุมถ่ายใด ๆ ไม่ได้ ต้องถ่ายใหม่

- เลือดของอีสร้อยที่พุ่งจากคอตอนแม่หยัวปาดคอ ใช้ความช่วยเหลือทางนวัตกรรมของพี่อ้อย (อีปริก) ด้วยการบีบเลือดปลอมผ่านท่อที่แต่ง Effect พิเศษตรงคอของนักแสดงอีสร้อย

- ฉากขบวนเสร็จคลองสระบัวของขุนวรวงศาธิราช ในฉากกระบวนเรือ จะมีเพียงเสียงสองเสียงคือ เสียงเห่เรือ กับเสียงแม่หยัวกล่อมลูก

- บรีฟเสียงแม่หยัวกล่อมลูกคือไม่มีบท แต่ให้นักแสดง improvise ตามความรู้สึกเอาเลยว่าอารมณ์ตอนนั้นเป็นอย่างไร กังวลใจ ห่วงลูกห่วงผัวอย่างไรให้ปล่อยไปตามนั้น

- แต่ในภาพยนตร์จริงตัดเสียงกล่อมลูกของแม่หยัวออกเพราะ ‘ทรงพลังเกินไป’ ดูแม่หยัวเป็นนักร้องอาชีพเกิ้น

- ฉากสิ้นของเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินจะมีอะไรสักอย่าง แม่หยัวก็เช่นกัน ต้องถ่ายทั้งที่อยุธยาและสุรินทร์กว่าจะผ่าน จนรอบสุดท้ายที่จะถ่ายได้คือถ่ายที่อยุธยา ฝนก็ตกหนักมาก แม่หยัวและพระสุริโยทัยที่แต่งองค์พร้อมถ่าย ต้องไปกลับโรงแรมหลายรอบ เพราะพอจะออกไปถ่ายฝนก็ลง กลับก็หยุด ออกไปก็ตกใหม่แบบนี้ จนต้องบวงสรวงย่อย

- สุดท้ายแบบจริงๆ แล้ว มันต้องถ่ายแล้วแม่หยัวก็จูงมือพระสุริโยทัย แล้วลั่นว่า “ไปพี่ ไปตายกัน” แล้วก็ออกมาถ่ายพร้อมฝนที่เพิ่งหยุด

- จุดที่แม่หยัวต้องปืนล้ม ทีมงานก็เตรียมการให้ด้วยการขุดหลุมแล้วเอาเบาะรอง เอาใบไม้กลบ แต่นักแสดงเห็นแล้วก็รู้สึกว่า ไม่เป็นไร ให้มันจริงไปเลยดีกว่า ก็เลยบอกทีมงานว่า “เอาผ้าออกเถอะค่ะ เดี๋ยวใหม่นอนในหลุมเอง”

- ที่ว่ามันต้องถ่ายให้ได้แล้วจริง ๆ เพราะเสร็จฉากแม่หยัวสิ้น นักแสดงคนนึงต้องตามเสด็จเยือนจีน อีกคนต้องไปทัวร์คอนเสิร์ต

- ภาพเบื้องหลังนี้ที่เอามาลง จิ๊กศิลปินมา Scan เช่นเคย 555+

แฟนคลับหวั่นใจ!! ‘เจษ-วิว’ รักร้าว หลังฝ่ายหญิงโพสต์เศร้า ฝ่ายชายไม่กดไลก์

ก่อนหน้านี้คู่รักนางเอกสาว วิว วรรณรท และพระเอกหนุ่ม เจษ เจษฎ์พิพัฒ เคยถูกจับตาเรื่องความสัมพันธ์มาแล้วครั้งหนึ่ง จนล่าสุดก็ทำเอาถูกสงสัยอีกครั้ง เมื่อวิวออกมาลงคลิปวิดีโอนั่งเล่นท่ามกลางธรรมชาติ พร้อมใส่แคปชั่น ‘Life is too short to waste my time 🙂 Let’s fly~🕊️ (ชีวิตสั้นเกินกว่าจะเสียเวลา ไปบินกันเถอะ)’

การนี้มีแฟน ๆ ต่างเข้ามาคอมเมนต์ให้กำลังใจว่า ‘ขอให้พี่วิวมีความสุขในชีวิตของพี่เยอะๆนะคะ ร้อยยิ้มของพี่วิวอาจเป็นกำลังใจของใครหลายคน รวมทั้งตัวของพี่วิวเช่นกัน ไม่ว่าเจอเรื่องอะไรก็ตามหนูเชื่อว่าพี่ผ่านมันมาได้เสมอ มีครอบครัวของพี่วิว และแฟนคลับที่รักพี่วิวอย่างเช่นหนู รักและสนับสนุนพี่ตลอดไปนะคะพี่วิว ♥️🕊️’ ซึ่งวิวก็ได้เข้ามาส่งหัวใจรัว ๆ ให้

ขณะที่บางคนก็ถามว่า ‘แคปชันพาให้คิดว่าเลิกกับเจษ ไม่ใช่ใช่มั้ยครับ’, ‘ทำไมพี่เจตไม่เห็นกดไลก์คะ ใจไม่ดีเลย ยังรักกันดีอยู่ใช่มั้ยคะ รักทั้งคู่’ บ้างก็ว่า ‘นี้คิดว่าไม่ได้เลิก มันเป็นช่วงเจษโปรโมทละคร กับปราง’ ฯลฯ อย่างไรก็ตามต้องรอฟังจากปากของทั้งคู่

รู้จัก ‘Loopsie’ แอปพลิเคชันแต่งรูปน้องใหม่มาแรง!! สร้างรูปอนิเมะสไตล์ญี่ปุ่น ด้วย AI บอกเลยว่าคาวาอีสุดๆ

เมื่อวันที่ 17 ส.ค. 66 ตอนนี้ใครที่เข้าโซเชียลทุกแพลตฟอร์มก็ต่างเจอภาพ แอนิเมชันสไตล์ญี่ปุ่น ที่มีคนนำไปแชร์กันเป็นจำนวนมาก โดยสามารถสร้างภาพ AI ให้ประมวลผลภาพคน และสถานที่ต่าง ๆ ให้กลายเป็นภาพเสมือนในอนิเมะญี่ปุ่น ซึ่งถูกใจชาวโซเชียลอย่างมากมาย ที่สำคัญสามารถใช้ฟรีเป็นเวลา 3 วัน สำหรับแอปพลิเคชัน ‘Loopsie : Deforum AI Art’ มีฟิลเตอร์ เอฟเฟกต์ต่าง ๆ ให้เลือกมากมาย รวมถึงสามารถทำเป็นภาพวิดีโอเคลื่อนไหวได้อีกด้วย หากเลือกสมัครแพ็กเกจเป็น ‘Loopsie Pro’

ขั้นตอนการใช้งาน

วิธีใช้ก็ไม่ยาก เพียงแค่ ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน ‘Loopsie’ จาก App Store หรือ Play Store จากนั้น ถ่ายภาพหรือวิดีโอ รวมทั้งสามารถดึงรูปภาพที่เก็บไว้ในเครื่องมาเข้าแอปพลิเคชัน โดยสามารถเลือกฟิลเตอร์หรือเอฟเฟกต์ได้เลย จากนั้น ภาพถ่ายหรือวิดีโอจะถูกแปลงตามฟิลเตอร์ หรือเอฟเฟกต์ที่เราเลือกและสามารถบันทึกมาใช้งานได้เลย

ซึ่งก็มีทั้งฉากเฟรม เงินสด ผีเสื้อ หิมะ หรือ ฟ้าแลบ เป็นเอฟเฟกต์ให้ได้เล่นจำนวนมาก ส่วนเอฟเฟกต์ต่างๆ ก็มีทั้ง การขยับแบบ 3 มิติ แบบวินเทจ ทันสมัย และ สโลว์โมชัน

ทั้งนี้ แอปพลิเคชัน Loopsie เปิดให้เล่นฟรี 3 วัน ก่อนจะอัปเกรดและใช้เวอร์ชันโปรฯ แต่งภาพได้เต็มรูปแบบ ซึ่งจะต้องเสียเงิน ซึ่งก็มีคนโหลดแอพพลิเคชั่นไปใช้แล้วกว่า 5 ล้านครั้ง

ค่าบริการ Loopsie เบื้องต้น

- Loopsie Pro 249 บาทต่อสัปดาห์

- Loopsie Pro 359 บาทต่อเดือน

- Loopsie Pro 1,990 บาทตลอดชีพ

‘อุงเอิง’ ปล่อยโฮ ถูก ‘นุ่น นพลักษณ์’ หาว่าแย่ง ‘สไปรท์’ จนทัวร์ลง ฝ่ายชายยัน!! ไม่เป็นความจริง ตนเป็นคนทักหาก่อน ตอนที่โสดแล้ว

‘อุงเอิง’ ปล่อยโฮ สุดเสียใจ ทั้งที่เป็นเอฟซี ‘นุ่น นพลักษณ์’ แต่กลับถูกบิวตี้บล็อกเกอร์ชื่อดังเมนต์ไม่ดี อัดเอามาจากไหนว่าแย่ง ‘สไปรท์’ ให้ข้อคิด คนเมนต์ยังทักมาขอโทษแล้วมันจะจริงไหม

กลายเป็นประเด็นดรามาอยู่ไม่น้อย หลังจากที่ ‘สไปรท์ SPD’ หรือ ‘เนติเจน เนติรัตนไพบูลย์’ ยูทูบเบอร์ชื่อดัง ได้เผยสถานะว่ากำลังคุยๆ อยู่กับ ‘อุงเอิง สัณห์สิริ แสงดี’ ผู้ดูแลช่องในสังกัด SPD เวลาไล่ๆ กับที่ ‘แน็ก ชาลี ไตรรัตน์’ ประกาศคบ ‘เก๋ไก๋ สไลเดอร์’ หรือ ‘ณัฐธิชา นามวงษ์’ แฟนเก่าสไปรท์ โดยสไปรท์และอุงเอิงถูกชาวเน็ตถล่มแหลก ว่าแอบคบกันมาตั้งนานแล้ว ทำไมต้องมาเปิดตัวตอนที่แน็กประกาศคบเก๋ไก๋ อีกทั้งในไลฟ์ ยังมีบางมุมที่ทำให้ชาวเน็ตรุมถล่มอุงเอิงว่าจุ๊บแก้มสไปรท์โชว์

งานนี้เรื่องยังไม่จบ เพราะมีคนมาเติมเชื้อดรามา นั่นคือ ‘นุ่น นพลักษณ์ กุลธวัชชัย’ บิวตี้บล็อกเกอร์ชื่อดัง ที่ได้แชร์ข่าวดังกล่าวของสไปรท์ และอุงเอิง ก่อนเผยว่า “ทำไมผู้หญิงคนหนึ่งต้องมาเจอเรื่องแบบนี้” รวมทั้งได้เข้าไปเมนต์แฟนคลับรายหนึ่งที่เข้ามาแซะว่า แฟนใหม่ มาในนามที่ปรึกษาค่ะ ไปดูคลิปที่ถ่ายกับซานิ อ๋อเลย ด้วยข้อความว่า “เป็นวิธีแย่ง ผ. ชาวบ้านที่ได้ผล 99.99 เปอร์เซ็นต์” จนทำให้แฟนคลับสไปรท์และอุงเอิงไม่พอใจ

ต่อมาฝั่งนุ่น นพลักษณ์ ก็ได้ลบโพสต์ดังกล่าวทิ้งไป และทักไปขอโทษสไปรท์ด้วยตัวเอง ซึ่งเจ้าตัวก็ขอให้นุ่น นพลักษณ์ แก้ข่าวให้ด้วย

แต่ล่าสุด สไปรท์และอุงเอิง ไม่อาจอยู่เฉยได้ เพราะเรื่องดังกล่าวทำให้อุงเอิงโดนชาวเน็ตด่ายับเยินไม่มีชิ้นดี โดยทั้งคู่ได้ไลฟ์สดชี้แจงข้อเท็จจริง งานนี้มีคนเข้ามาดูไลฟ์กว่าแสนคน ระหว่างไลฟ์อุงเอิงถึงขั้นปล่อยโฮ เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น

อุงเอิง : ที่บอกว่าหอมแก้มกัน เราไม่ได้หอมแก้ม ดูไลฟ์จบไหม

สไปรท์ : ยกคอมเมนต์ นุ่น นพลักษณ์ ที่บอกว่าไม่อยากยอมรับว่าเป็นเพื่อน เพราะมันจะดูแย่ไปหน่อย แต่ก็ทำงานอยู่ช่องเดียวกันมา 6 ปี มันไม่จริง คนก็เชื่อกับข่าวเท็จ ผมก็ไม่รู้จะพูดยังไง เพราะพี่เขาก็ทักมาขอโทษแล้ว แต่ก็อยากให้ช่วยแก้ข่าวแหละ ไม่งั้นคนก็เข้าใจผิดกันตลอด

อุงเอิง : มีคนบอกว่าบีบน้ำตา ขอถามสักคำ ลองมาโดนแบบฉันไหม แล้วจะรู้ว่าหนักแค่ไหนที่เขาต้องรับมือกับเรื่องแบบนี้

สไปรท์ : สถานะตอนนี้คือคนคุยกัน แต่ข่าวในเพจทั้งหลายไปตีว่าเราคบกัน เปิดตัว ถ้าคนติดตาม เขาจะรู้อยู่แล้วว่ายังไง ผมก็บอกไปเป็นปีแล้วว่ามีคนคุยแล้ว แต่อาจไม่ชัดเจนนิดนึง คือไม่ได้เฉลยว่าเป็นใคร ไม่ได้บอกสื่อว่าเป็นอุงเอิงก็อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนเข้าใจผิดด้วยหรือเปล่า

อุงเอิง : ตอนนี้ดูจากสภาพ บอกอะไรไปก็ไม่น่ามีประโยชน์แล้ว ก็ไม่เป็นไร คนที่เปิดใจ เป็นกลาง พร้อมรับฟังข่าวที่เป็นเรื่องจริง ตอนนี้คนดูเป็นแสนคนแล้ว (หัวเราะ) สำนักข่าว ขอร้องค่ะ แก้ข่าวให้ด้วยนะคะ ที่บอกว่าเอิงจุ๊บ เปิดตัวสไปรท์ ช่วยบอกด้วยว่าไม่ได้จุ๊บเปิดตัวใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ได้หอมโดนอะไรเลยด้วยซ้ำ

สไปรท์ : มันเป็นมุม เป็นช็อตที่เราเล่นกัน เป็นปกติอยู่แล้ว คนติดตามก็จะเข้าใจ

อุงเอิง : (อ่านเมนต์) ผู้หญิงแสดงออกเยอะกว่าผู้ชาย

สไปรท์ : ตอนแรกว่าจะลงเป็นคลิปเลย เรื่องที่ทุกคนเข้าใจผิด

อุงเอิง : เหนื่อยจริงๆ รู้สึกเลยว่าโอ้มายก๊อด คนเป็นกำลังใจให้ก็ขอบคุณค่ะ ขอพูดนิดนึงว่าคนที่ว่าเขา เรื่องบุคลิกภาพ หรือการแสดงออก เป็นเรื่องที่แต่ละคนจะมีไม่เหมือนกัน เขาเป็นคนมีนิสัยร่าเริง ถ้าดูเอิงเล่นกับทั้งผู้หญิงและผู้ชายแบบนี้เหมือนกันหมด แต่ข่าวที่โดนตัดมาลง เขาก็เอามาลงแต่ตอนที่เอิงเล่นกับไปรท์ ถ้าติดตามจะรู้ว่าเอิงเป็นยังไง

สไปรท์ : มันจังหวะนั้นพอดี คนดูเยอะมาก ก็จะพูดทีเดียวแล้วกัน ตอนนี้มีเรื่องเข้าใจผิด เรื่องเอิงเป็นการแชร์ข่าวเท็จ และเข้าใจผิดตัวเอิงหลายประเด็นมาก อย่างเพจพี่นุ่นที่แชร์ออกไป คนกดไลก์ แชร์ไปเยอะมาก ซึ่งมันไม่จริงเลย พี่นุ่นก็ได้ทักมาขอโทษเราเรียบร้อยแล้ว เราไม่ได้ติดใจอะไร แต่ทำให้คนเข้าใจผิด มีคนมาว่าเอิงทุกช่องทาง ทำให้เสียหาย ได้รับผลกระทบ เราก็ขอให้เขาช่วยแก้ข่าวให้ถูกต้อง ผมไม่ได้ไปทักบอกพี่นุ่นนะ ว่าข่าวไม่จริง เขาทักมาเอง ก็โอเคแล้ว ที่เขารู้ว่าความจริงเป็นยังไง ไม่ใช่จะเอาเรื่องไม่จริงไปพิมพ์ยังไงก็ได้ ทำให้เอฟซี หรือฐานคนดูของเขาที่มีเป็นล้านเข้าใจผิดเอิง เอิงก็ติดตาม เป็นเอฟซีพี่เขาเหมือนกัน ไม่อยากให้เสพข่าวที่มันไม่จริง

อุงเอิง : (ร้องไห้)

สไปรท์ : ไม่เป็นไรๆ

อุงเอิง : ไม่คิดว่าคนจะเข้าใจผิดได้ขนาดนี้ กับพี่นุ่นที่เราติดตามและชอบมาก (ร้องไห้)

สไปรท์ : นั่นคือเรื่องที่ทุกคนเข้าใจเอิงผิด ถ้าคิดว่าจริงเหมือนที่เขาว่าก็หาหลักฐานมาแล้วกัน ไม่รู้จะพูดไง พิมพ์อะไรไปก็ไม่เชื่อ

อุงเอิง : ไปเอามาจากไหน ที่ว่าเขาแย่ง ว่าเขาต่างๆ นานา

สไปรท์ : ผมเป็นคนทักเอิงไปเอง ตอนนั้นผมโสดแล้ว เอิงจะแย่งได้ไง เอิงจะแย่งคนโสดเหรอ ทุกคนเข้าใจผิดแบบนี้มาปีสองปีแล้ว เอิงก็ออกมาบอกแล้วว่าไม่เป็นความจริง

อุงเอิง : (ปล่อยโฮ) ทำไมคนเราใจร้ายได้ขนาดนี้วะ ไม่รู้เลยว่าเขาไปทำอะไรให้เหรอ (ร้องไห้หนัก)

สไปรท์ : ยืนยันความจริงเหมือนเดิม ในฐานะเป็นซีอีโอ เป็นประธานบริษัท ไม่อยากให้เรื่องนี้เกิดขึ้น กระทบชื่อเสียง ภาพลักษณ์ จิตใจเด็กในสังกัด อะไรไม่จริง ก็ไม่ควรมาว่ากันนะครับ ซึ่งถ้ายังเกิดแบบนี้ต่อไป ก็ต้องทำการฟ้องเพื่อเป็นกรณีตัวอย่าง ใครคอมเมนต์ว่าอุงเอิง เวลาอุงเอิงโพสต์งาน ลูกค้าไม่อยากเห็นคอมเมนต์เสียๆ หายๆ ถ้าใครว่าไปแล้วก็ไปลบซะ เพราะมันไม่ได้เป็นความจริง

คนที่รู้ว่าตัวเองผิดยังทักมาขอโทษ แล้วมันจะจริงไหม คนกล่าวหาเราไปยังทักมาขอโทษ แล้วมันจะจริงไหม ผมไม่อยากให้เอิงเสียใจ อยากให้เขามีกำลังใจ กลับมาทำงานอีกครั้งนึง ถ้าเป็นแบบนี้ก็มีผลกระทบต่องานและจิตใจ และมีผลกระทบต่อบริษัทเหมือนกัน มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ที่จะว่ากันได้สนุกปาก เอิงก็มีทีมงานที่ดูแล ถ้าเอิงเป็นอย่างที่เขาว่าจริง หรือผมเป็นคนไม่ดีจริง ตามในข่าว โกหกจริง ก็คงไม่มีใครคบแล้ว จริงไหม ทุกวันนี้มีทีมงาน 50 คน มีบริษัท


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top