ครบรอบ 22 ปี ภาพยนตร์ ‘สุริโยไท’ เข้าฉายครั้งแรก เผยเบื้องหลังกองถ่าย ที่หลายคนไม่เคยรู้มาก่อน

ล่วงเลยมาถึง 22 ปีแล้ว หลังจากภาพยนตร์ไทยที่ตราตรึงใจคนทั้งประเทศอย่าง ‘สุริโยไท’ เข้าฉายวันแรก (17 สิงหาคม 2544) โดยวาระนี้ ‘ปิติรัชต์ จูช่วย’ แห่ง ‘สำนักพิมพ์สยาม เรเนซองส์’ ถือโอกาสเล่าเกร็ดเรื่องเล่า ‘ภาพยนตร์แห่งสยามประเทศ’ จากบท ‘แม่หยัวศรีสุดาจันทร์’ หรือ ‘ท้าวศรีสุดาจันทร์’

ปิติรัชต์เปิดเผยทางเฟซบุ๊ก ‘Pitirach Joochoy’ ว่า ประชุมยาววันนี้เสร็จ ออกมาแล้วเห็น Notification Facebook เยอะ นึกว่าทัวร์ลงอะไรเรา อ๋อ Post ครบรอบสุริโยไท 555+

อ่ะ วันนี้ 22 ปี สุริโยไท เข้าฉายวันแรก

ขอเอาเกร็ดเรื่องเล่า ‘ภาพยนตร์แห่งสยามประเทศ’ จากบทแม่หยัวศรีสุดาจันทร์มาฝากกัน

- บทนี้เป็นหนึ่งในสองบทที่ไม่ได้แคสนักแสดง เลือกมาเลยว่าให้คนนี้แสดง อีกบทคือคุณต้นในบทพระสุริโยทัย

- ผู้เลือกนักแสดงสองบทนี้คือท่านเดียวกัน

- เดิมที่ชื่อ Project ในภาษาอังกฤษจะใช้ว่า ‘The Sun and The Moon’ ตามพระสุริโยทัยและท้าวศรีสุดาจันทร์

- ฉากตามพระยอดฟ้าไปทรงพระอักษร บรีฟคือให้แม่หยัวตบพระหัตถ์ แต่นักแสดงยังไม่เก็ตว่าตบมือสั่งมันยังไง ก็ออกมาเป็นปรบมือรัวจ้า จนโดนท่านผู้กำกับขำแล้วแซวว่า “เฮ้ย เอ็งเป็นมาทาดอร์เราะ”

- ฉากเข้าพระเข้านางของขุนวรวงศากับแม่หยัวฯ นักแสดงเกร็งมาก แต่ไม่ได้เกร็งเพราะเล่น Love Scene แต่เกร็งเพราะมีเจ้านายพระองค์หนึ่งเสด็จมาทรงเยี่ยมกองถ่าย แล้วประทับดูการถ่ายทำหน้ามอนิเตอร์พอดี

- ฉากแม่หยัวฯ อาละวาด ปาดคออีสร้อย นักแสดงต้องเล่น Long Take ครั้งเดียวตลอด Take ให้ผ่านตั้งแต่กริ้วหลวงจงรัก “หากมียาพิษเหตุใดเจ้าจึงไม่เป็นอะไร” ยาวไปจนถึงปาดคอเสร็จ “มันวางยาพิษพ่ออยู่หัว สมควรตายตามโทษานุโทษ”

- ก่อนหน้าฉากนั้นเป็นอันรู้กันว่าถ้าเป็นฉากเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินสิ้นต้องมีเรื่องอะไรสักอย่าง ทางสมเด็จพระไชยราชาต้องยาพิษก็เช่นกัน กว่าจะถ่ายได้ มีทั้งไฟดับ วิกพี่อ๊อฟหลุม มุมถ่ายใด ๆ ไม่ได้ ต้องถ่ายใหม่

- เลือดของอีสร้อยที่พุ่งจากคอตอนแม่หยัวปาดคอ ใช้ความช่วยเหลือทางนวัตกรรมของพี่อ้อย (อีปริก) ด้วยการบีบเลือดปลอมผ่านท่อที่แต่ง Effect พิเศษตรงคอของนักแสดงอีสร้อย

- ฉากขบวนเสร็จคลองสระบัวของขุนวรวงศาธิราช ในฉากกระบวนเรือ จะมีเพียงเสียงสองเสียงคือ เสียงเห่เรือ กับเสียงแม่หยัวกล่อมลูก

- บรีฟเสียงแม่หยัวกล่อมลูกคือไม่มีบท แต่ให้นักแสดง improvise ตามความรู้สึกเอาเลยว่าอารมณ์ตอนนั้นเป็นอย่างไร กังวลใจ ห่วงลูกห่วงผัวอย่างไรให้ปล่อยไปตามนั้น

- แต่ในภาพยนตร์จริงตัดเสียงกล่อมลูกของแม่หยัวออกเพราะ ‘ทรงพลังเกินไป’ ดูแม่หยัวเป็นนักร้องอาชีพเกิ้น

- ฉากสิ้นของเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินจะมีอะไรสักอย่าง แม่หยัวก็เช่นกัน ต้องถ่ายทั้งที่อยุธยาและสุรินทร์กว่าจะผ่าน จนรอบสุดท้ายที่จะถ่ายได้คือถ่ายที่อยุธยา ฝนก็ตกหนักมาก แม่หยัวและพระสุริโยทัยที่แต่งองค์พร้อมถ่าย ต้องไปกลับโรงแรมหลายรอบ เพราะพอจะออกไปถ่ายฝนก็ลง กลับก็หยุด ออกไปก็ตกใหม่แบบนี้ จนต้องบวงสรวงย่อย

- สุดท้ายแบบจริงๆ แล้ว มันต้องถ่ายแล้วแม่หยัวก็จูงมือพระสุริโยทัย แล้วลั่นว่า “ไปพี่ ไปตายกัน” แล้วก็ออกมาถ่ายพร้อมฝนที่เพิ่งหยุด

- จุดที่แม่หยัวต้องปืนล้ม ทีมงานก็เตรียมการให้ด้วยการขุดหลุมแล้วเอาเบาะรอง เอาใบไม้กลบ แต่นักแสดงเห็นแล้วก็รู้สึกว่า ไม่เป็นไร ให้มันจริงไปเลยดีกว่า ก็เลยบอกทีมงานว่า “เอาผ้าออกเถอะค่ะ เดี๋ยวใหม่นอนในหลุมเอง”

- ที่ว่ามันต้องถ่ายให้ได้แล้วจริง ๆ เพราะเสร็จฉากแม่หยัวสิ้น นักแสดงคนนึงต้องตามเสด็จเยือนจีน อีกคนต้องไปทัวร์คอนเสิร์ต

- ภาพเบื้องหลังนี้ที่เอามาลง จิ๊กศิลปินมา Scan เช่นเคย 555+

นอกจากนี้ ปิติรัชต์ยังเผยภาพชุด ซึ่งเป็นภาพกล้องฟิล์มของสหมงคลฟิล์มอีกชุดหนึ่ง พร้อมบรรยายว่า…

17 สิงหาคม 2566

22 ปี สุริโยไทเข้าฉายวันแรก

ลงภาพกล้องฟิล์มของสหมงคลฟิล์มอีกชุด

ชุดนี้จำไม่ได้แล้วว่าไป Save มาเพิ่มเติมหลากหลายที่จากที่ใดบ้าง ต้องขอขอบคุณ จขภ.ที่ช่วยกันลงภาพพร้อมเขียนความทรงจำของแต่ละท่านไว้

ชุดนี้เห็นขบวนเสด็จมหาเทวีจิรประภาแบบเต็ม ๆ เพิ่งอ่านเจอว่าเสลี่ยงมหาเทวีนั้นเป็นเสลี่ยงราชสำนักล้านนาของจริง ขนจากอุทยานหลวงไปยังกองถ่าย เพื่อเข้าฉากเป็นนัยถวายพระเกียรติบูรพกษัตริย์ล้านนา

แล้วก็จะเห็นอย่างที่เล่าเบื้องหลังไปก่อนหน้าว่า พี่อ้อย (อีปริก) อยู่ใน Position เป็นคนช่วยบีบเลือดปลอมออกจากคออีสร้อย ฉากแม่หยัวลงอาญา

ป.ล.ตอนชมภาพยนตร์เสร็จ มีใครเพิ่งรู้บ้างว่าบทพระมาตามหัยยิกาเจ้า นั่นคือ มี้-พิศมัย วิไลศักดิ์ ที่แต่ง effect แล้วแสดงเสียงพูดให้ช้าและดูโทรมป่วย 555+


ที่มา: https://www.facebook.com/pitirach.j/posts/10159220865127032?ref=embed_post