Monday, 19 May 2025
THE STATES TIMES TEAM

ยะลา - นายอำเภอเบตงให้กำลังใจประชาชนเข้ารับวัคซีน โควิดเพื่อเสริมภูมิต้านทานหมู่ฉีดครบ 70% ตุลาคมนี้ พร้อมเปิดเมืองเบตงทันที

นายอำเภอเบตงให้กำลังใจประชาชนเข้ารับวัคซีน โควิด-19 เพื่อเสริมภูมิต้านทานหมู่เพื่อเบตงรวมใจสู้ไปด้วยกันและขอให้ทุกคนฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้ได้ 70% ภายในเดือนตุลาคมนี้ พร้อมเปิดเมืองเบตงทันที

เมื่อวันที่ 8 กรกรฎาคม 2564 ที่ โรงพยาบาลเบตง อำเภอเบตง จังหวัดยะลา นายเอก ยังอภัย ณสงขลา นายอำเภอเบตง พร้อมด้วยนางมุกดา ยังอภัย ณ สงขลา นายกกิ่งกาชาดอำเภอเบตง ร่วมมาให้กำลังใจประชาชนที่มารับการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า (AstraZenecaX)และวัคซีนซิโนแวค (Sinovac) เพื่อสร้างความมั่นใจ ด้านความปลอดภัยให้แก่ประชาชน ซึ่งภายหลังจากรับฉีดวัคซีนแล้วเจ้าหน้าที่จะให้มีการนั่งพักเพื่อดูอาการ 30 นาที ตามมาตรการสาธารณสุขที่กำหนดไว้ โดยประชาชนในวันนี้ที่มาลงทะเบียนฉีดจำนวน 11,00 รายยังไม่พบอาการข้างเคียงหรืออาการผิดปกติแต่อย่างใด

นายเอก ยังอภัย ณ สงขลา นายอำเภอเบตง ยังกล่าวอีกว่า จากความร่วมมือในมาตรการเฝ้าระวังป้องกันที่ผ่านมาถือว่าเป็นความร่วมมือของหน่วยงานทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน และภาคประชาสังคม ซึ่งได้มีการควบคุมดูแลพร้อมปฏิบัติตามมาตรการเฝ้าระวังกันอย่างจริงจัง จนทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ 3 ชุมชน และ 3 หมู่บ้าน เข้าสู่ภาวะปกติชาวบ้านกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ

ภายใต้เงื่อนไข ต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเคร่งครัด โดยที่ผ่านมาทุกภาคส่วนต่างให้ความร่วมมือที่จะปฏิบัติตามมาตรการเฝ้าระวังป้องกันของจังหวัด จนทำให้มีจำนวนผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์สอบสวนโรคลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเมื่อวานนี้ไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มเติม แต่ทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุขก็จะยังคงมีการติดตามกลุ่มคนผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อต่อไป โดยจะมีการวัดไข้ และสังเกตอาการต่อเนื่องไปอีก 14 วัน เป็นอย่างน้อย นับแต่วันนี้เป็นต้นไป ทั้งนี้เพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะไม่มีผู้ติดเชื้อ COVID-19 หลงเหลืออยู่นอกจากนี้นายอำเภอเบตงได้ขอความร่วมมือทุกภาคส่วนร่วมมือกันเพื่อ เบตงรวมพลัง ปฏิบัติตามมาตรการ D-M-H-T-T-A. อย่างเคร่งครัด

และร่วมฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้ได้ 70% ภายในเดือนตุลาคมนี้ จะสามารถเปิดเมืองเบตงให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหนึ่งได้ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่ซึ่งในการฉีดวัคซีนก็เพื่อตัวเราเอง เพื่อครอบครัว เพื่อชุมชนที่เราอยู่ และ เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ในการป้องกันโควิด-19 ซึ่งเป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้จะได้หมดไปจากพื้นที่จังหวัดยะลาของเราและขอเชิญชวนประชาชนในทุกกลุ่ม ลงทะเบียนรับการฉีดวัคซีนโควิด19 โดยสามารถลงทะเบียนได้ตามช่องทางที่สะดวก ทั้ง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล แจ้งกับ อสม.ในชุมชน และ แอพพลิเคชั่นไลน์ หมอพร้อม หรือ สแกน QR โค้ท ของจังหวัดยะลา 


ภาพ/ข่าว  ธานินทร์  โพธิทัพพะ / ปื๊ด เบตง

กระบี่ - กฟผ. มอบเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ สนับสนุนการปฏิบัติงานป้องการการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของจังหวัดกระบี่

วันที่ 8 กรกฎาคม 2564 คณะผู้บริหาร กฟผ. กระบี่ นำโดยนายธันยบูรณ์ สกลกิติวัฒน์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการโรงไฟฟ้าภาคใต้ เป็นตัวแทนหน่วยงาน มอบเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ ให้แก่จังหวัดกระบี่ เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานของบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ในการรับมือกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในพื้นที่จังหวัดกระบี่ซึ่งมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก เป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้บุคลากรทางการแพทย์

รวมทั้งประชาชนที่ได้รับผลกระทบที่ต้องเข้ารับการรักษา ประกอบด้วย ถุงมือ 1,500 ชิ้น , เสื้อกาวน์  1,000 ชุด , หน้ากาก N95  250 ชิ้น , ผ้าห่ม 30 ผืน , หน้ากาก Medical mask 10,000 ชิ้น , gift set 10 ชุด , หน้ากาก 3M 100 ชิ้น , ชุด PPE 100 ชุด , เจลแอลกอฮอล์ขนาด 5 ลิตร 6 แกลลอน และเจลแอลกอฮอล์ขนาด 450 มล. 30 ขวด โดยมีนายอนุวรรตน์ โหมดพริ้ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เป็นผู้รับมอบ ณ ศาลากลางจังหวัดกระบี่


ภาพ/ข่าว  มโนธรรม ใจหาญ จ.กระบี่ รายงาน

ขอนแก่น - พร้อมรับคนบ้านเดียวกันกลับภูมิลำเนาเข้ารักษาตัว เปิดโรงพยาบาลสนามแห่งที่ 2 ให้บริการตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านสาธารณสุขอย่างเข้มงวด

เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 8 ก.ค.2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามที่โรงพยาบาลสนามขอนแก่นแห่งที่ 2 (พุทธมณฑลอีสาน) ถนนเลี่ยงเมืองขอนแก่น-กาฬสินธุ์ บ.เต่านอ ต.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น ได้เปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 3 พ.ค. 2564 โดยมีนายสมศักดิ์ จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น พร้อมด้วย นายพงษ์ศักดิ์  ตั้งวานิชกพงษ์ นายก อบจ.ขอนแก่น นางพัฒนาวดี วิริยปิยะ ปลัด อบจ.ขอนแก่น และ นพ.สมชายโชติ ปิยวัชร์เวลา นายแพทย์สาธารณสุข จ.ขอนแก่น นายแพทย์วีระศักดิ์ อนุตรอังกูร ผอ.รพ.สิรินธร ลงพื้นที่ตรวจความพร้อมของโรงพยาบาลสนาม จ.ขอนแก่น 2 เพื่อรองรับผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่ จ.ขอนแก่น ตามแผนบริหารจัดการด้านสาธารณสุขตามที่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดขอนแก่นกำหนด

นายพงษ์ศักดิ์ ตั้งวานิชกพงษ์ นายก อบจ.ขอนแก่น กล่าวว่า เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อในจังหวัดขอนแก่นได้มีปริมาณเพิ่มสูงขึ้น คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดขอนแก่นจึงมีมติเปิดใช้โรงพยาบาลสนาม แห่งที่ 2 เพื่อรองรับผู้ป่วยในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น โดยโรงพยาบาลสนามแห่งนี้ อยู่ในความรับผิดชอบของ รพ.สิรินธร ที่ได้เริ่มรับผู้ป่วยที่มีภูมิลำเนา ในเขต จ.ขอนแก่น เข้ารับการรักษาและดูอาการ ตามแผนระบบการส่งต่อผู้ป่วยของกระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ 4 ก.ค. 2564 เป็นต้นมา ซึ่ง อบจ.ขอนแก่น ได้จัดเตรียมอาหาร 3 มื้อต่อวัน ให้กับผู้ป่วย การจัดสถานที่ตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านสาธารณสุขอย่างเข้มงวด เตรียมสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็น รวมไปถึงอำนวยความสะดวกให้กับผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์ในด้านต่าง ๆ 

โรงพยาบาลสนามแห่งที่ 2  ที่ พุทธมณฑลอีสาน แห่งนี้ มีเตียงรองรับผู้ป่วยรวมจำนวน 110 เตียง แยกเป็นชาย 32 เตียง หญิง 78 เตียง ขณะนี้มีผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาจำนวน 37 ราย ชาย 17 ราย หญิง 20 ราย คงเหลือจำนวนเตียงว่าง 61 เตียง ชาย 13 เตียง หญิง 58 เตียง โดยการดำเนินงานด้านการแพทย์นั้น รพ.สิรินธร ได้จัดกำลังบุคลากรทางการแพทย์มาปฎิบัติงานตลอดทั้ง 24 ชม. อบจ.ขอนแก่นได้จัดทีม รปภ. รักษาความปลอดภัย 24 ชม. และมอบหมายเจ้าหน้าที่สนับสนุนการดำเนินงานของทางจังหวัดและกระทรวงสาธารณสุขอย่างเข้มงวด ร่วมกันกับหน่วยงานต่างๆ ที่รับผิดชอบ อย่างไรก็ดี สำหรับชาวขอนแก่นที่ต้องการกลับบ้านเพื่อมารักษาตัว

จากสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นสามารถประสานงานมาได้ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด หมายเลขโทรศัพท์  082-2839170 หรือพูดคุยกับเจ้าหน้าที่โดยตรงผ่านระบบไลน์ ประสานโควิดขอนแก่น ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ประสานงานเพื่อสอบถามข้อมูลและจัดระบบการส่งต่อผู้ป่วยตามแนวทางที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด รวมไปถึงการประสานงานร่วมกับคนในครอบครัวเพื่อที่จะประสานการส่งต่อผู้ป่วยที่ถูกต้อง รัดกุม และลดการแพร่กระจายของเชื้อและให้คนบ้านเดียวกันได้กลับมารักษาอาการที่บ้านได้อย่างปลอดภัย

นรข.นครพนม สนธิกำลังหน่วยงานความมั่นคง ตรวจยึดไม้พะยูง 32 ท่อน เตรียมลงเรือส่งข้ามโขง

สโมสรนายทหารสัญญาบัตร หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง น.อ.เสริมศักดิ์ บุญทา หัวหน้ายุทธการและข่าว หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง เขตนครพนม น.ท.วรภัทร แสงสุวรรณ หน.สถานีเรือนครพนม น.ท.บุญเชิด กุลอำภา หน.สถานีเรือบ้านแพง ร่วมแถลงว่า

เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2564 พล.ร.ต.จรัสเกียรติ ไชยพันธุ์ ผบ.นรข. ได้รับแจ้งจากชาวบ้านผู้หวังดีในพื้นที่ ว่าจะมีการลักลอบไม้พะยูงนำออกนอกราชอาณาจักรบริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง บ้านพนอมเหนือ ม.5 ต.พนอม อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม จึงได้สั่งการให้ น.อ.ฤทธิ์ นาทวงศ์ ผบ.นรข.เขตนครพนมทราบ และให้ น.ท.วรภัทร แสงสุวรรณ หัวหน้าสถานีเรือนครพนม จัดชุดลาดตระเวนทางบก ร่วมบูรณาการกับชุดลาดตระเวน สน.เรือบ้านแพง เข้าทำการตรวจสอบพื้นที่ที่ได้รับแจ้ง

จนกระทั่งเวลาประมาณ 20.08 น. ชุด ลาดตระเวน สน.เรือนครพนม ได้ใช้กล้องส่องกลางคืน ตรวจพบชายฉกรรจ์ประมาณ 5 คน กำลังลำเลียงไม้พะยูงลงเรือ ที่จอดไว้บริเวณที่เกิดเหตุ จึงแจ้งชุดลาดตระเวน สน.เรือบ้านแพง พร้อมกับแสดงตนเข้าจับกุม เมื่อกลุ่มชายฉกรรจ์เห็นเจ้าหน้าที่ฯ แสดงตน จึงได้ทิ้งของกลางหลบหนีไปชุดลาดตระเวนได้วิ่งตามกลุ่มชายฉกรรจ์ไปเห็นผู้ต้องหากำลังจะติดเครื่องเรือเพื่อหลบหนี

ชุดลาดตระเวนสามารถควบคุมตัวได้ จำนวน 1 คน สอบถามเบื้องต้นทราบชื่อ คือ ท้าวเพ็ง อานุลัก อายุ 47 ปี เป็นชาว สปป.ลาว บ้านกะวะเหนือ เมืองหินบูน แขวงคำม่วน สปป.ลาว ตรวจพบไม้พะยูงอยู่บนเรือ จำนวน 11 ท่อน อยู่บนรถบรรทุกขนาดเล็ก ยี่ห้อ นิสสัน สีเทา ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จำนวน 21 ท่อน รวมทั้งสิ้น 32 ท่อน ปริมาตร 1.054 ลบ.เมตร มูลค่า 500,000 บาท จึงได้นำของกลางทั้งหมดมาตรวจสอบโดยละเอียดที่ สน.เรือนครพนม และทำบันทึกการตรวจยึด/จับกุม พร้อมทั้งนำผู้ต้องหาและของกลางทั้งหมดส่ง สภ.ท่าอุเทน เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป


ภาพ/ข่าว  สุเทพ หันจรัส ผสข.นครพนม

ตำรวจไซเบอร์ 1 แจ้งความดำเนินคดีกับพริตตี้สาวและแฟนหนุ่ม โปรโมทเว็บพนันออนไลน์

ตามนโยบายคุมเข้มพนันออนไลน์บอลยูโร 2021 และโคปาอาเมริกา 2021 หรือฟุตบอลชิงแชมป์ทวีปอเมริกาใต้  รวมถึงนโยบายให้มีการปราบปรามการโฆษณาเชิญชวนให้เล่นทายผลฟุตบอลและพนันออนไลน์ ของ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.กระทรวง DES และ พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี,  พล.ต.ต.รณชัย จินดามุข ผบก.สอท.1 ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการกองวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.1  

โดย พ.ต.อ.ปรีดา คงจัด ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.1 พ.ต.ท.จักร ถนัดอักษา รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครืองมื่อพิเศษ สอท.1, พ.ต.ท.ศุภรฐ โชติจำหงษ์ รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ , พ.ต.ท.ทวีศักดิ์ คัมภีระ รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ 1, พ.ต.ต.นันทพงษ์ ภูนพทอง สว.วิเคราะห์ข่าวฯ, พ.ต.ต.ชาตรี  เขียวงาม สว.วิเคราะห์ข่าวฯ, พ.ต.ต.เอกชัย  ปราบหงส์ สว.วิเคราะห์ข่าวฯ  ให้ทำการสืบสวนหาข่าวผู้กระทำความผิดในลักษณะชักชวนให้เล่นพนันออนไลน์ในสื่อสังคมออนไลน์

พบผู้บัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊กเพจ “สมใจอยาก Som Jai Yak” ได้โพสต์วิดีโอ มีลักษณะเป็นเว็บไซต์ชักชวนการเล่นพนันเอาทรัพย์สินกันผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ จากการสืบสวนเบื้องต้นทราบว่าผู้กระทำความผิดมี 2 ราย คือนายปัญญากร ชัยพนัส อายุ 24 ปี ที่อยู่ 56/1 หมู่ที่ 4 ต.โคกสลุง อ.พัฒนานิคม จว.ลพบุรี และน.ส. พงธนิตย์ วงษ์ไล่ติ๊ด อายุ 28 ปีที่อยู่ 145/109 หมู่ที่1 ต.ปากเกร็ด อ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรี

เมื่อวันที่ 8 ก.ค.64 เวลา ประมาณ 11.00 น. ได้มาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจกองวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.1 เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาในลักษณะ “โฆษณาหรือชักชวน โดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่น หรือเข้าพนันออนไลน์ โดยไม่ได้รับอนุญาต จากการให้ปากคำของผู้ต้องทราบว่าช่วงนี้ พริตตี้ตกงาน ช่วงโควิดรอบแรก เลยเริ่มทำสื่อออนไลน์รีวิวสินค้า รีวิวท่องเที่ยว ต่อมามีคนจ้างให้โฆษณาชักชวนให้เข้าเล่นเว็บพนัน โดยคลิปละไม่เกิน 30 วินาที โดยได้ค่าโฆษณาคลิปละ 3,000 บาท และได้นำส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลบางเขนดำเนินการตามกฎหมายต่อไป  

ฝากเตือนไปยังผู้ใช้ช่องทางโซเชียลมีเดียโฆษณาให้ประชาชนเข้าไปเล่นการพนัน ไม่ว่าจะเป็นพริตตี้ คอลัมนิสต์ หรืออินฟูลเรนเซอร์ หากพบว่าเข้าข่ายเชิญชวนให้เล่นการพนัน ถือว่ามีความผิดอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ตร.เตือน !! ซื้อสินค้าออนไลน์ ควรตรวจสอบให้ดี ก่อนโดนเพจปลอมส่งสินค้าไม่ได้คุณภาพมาแทน

เมื่อวันที่ 8 ก.ค.2564 พ.ต.อ.ศิริวัฒน์  ดีพอ รอง ผบก.ปอท. ในฐานะ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากกรณีที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทําความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) บุกทลายโกดังสินค้าแห่งหนึ่งย่านราษฎร์บูรณะโดยได้ตรวจยึดเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภท เตารีด พัดลม ไมโครเวฟ ที่ไม่มีคุณภาพกว่า 3,000 ชิ้น ซึ่งพบว่าใช้วิธีการแอบอ้างหลอกลวงผู้บริโภคผ่านสื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะเฟซบุ๊กเพราะเป็นสื่อสังคมออนไลน์ที่ได้รับความนิยม ประชาชนเข้าถึงง่ายและมีการใช้งานเป็นจำนวนมาก โดยจะใช้วิธีลงประกาศโฆษณาสินค้าแบรนด์ดังเป็นยี่ห้อที่มีคุณภาพและเป็นที่รู้จัก แต่นำมาจำหน่ายในราคาถูกกว่าท้องตลาดมาก ทำให้ประชาชนตัดสินใจซื้อโดยไม่ทันได้ตรวจสอบข้อมูลร้านค้า โดยหากต้องการซื้อสินค้าจะให้กรอกชื่อที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ จากนั้นจะจัดส่งสินค้าให้กับผู้สั่งซื้อแบบเรียกเก็บเงินปลายทาง ส่วนใหญ่ช่วงที่สินค้ามาส่ง จะเป็นช่วงเวลากลางวัน คนที่รับสินค้าอาจเป็นผู้สูงอายุ หรือ ญาติ เป็นผู้รับสินค้าแทน

แต่ปรากฎว่า เมื่อผู้สั่งสินค้า มาเปิดดูสินค้าภายหลัง จะพบว่าเป็นสินค้าที่ไม่ตรงตามที่โฆษณา หรือที่เรียกว่า “ไม่ตรงปก” ตั้งแต่ยี่ห้อก็ไม่ใช่ ส่วนใหญ่เป็นสินค้านำเข้าจากต่างประเทศที่ไม่มีคุณภาพ ไม่มีมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.)

เมื่อผู้สั่งซื้อไม่พอใจจะเรียกร้องหรือส่งคืนสินค้าที่ไม่ได้คุณภาพทำได้อย่างยากลำบาก ไม่สามารถติดต่อผู้ขายได้ หรือหากติดต่อได้ก็จะมีขั้นตอนมากทำให้เสียเวลา จนผู้สั่งซื้อท้อใจเลิกไปเอง

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีความห่วงใยพี่น้องประชาชน ในกรณีดังกล่าว จึงขอประชาสัมพันธ์ ให้ใช้วิจารณญาณในการสั่งซื้อสินค้าผ่านสื่อสังคมออนไลน์ โดยแนะนำให้ตรวจสอบข้อมูลร้านค้าก่อนสั่งซื้อสินค้า ดังนี้

1.หลีกเลี่ยงร้านค้าที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะชื่อร้านค้าในสื่อสังคมออนไลน์ที่ใช้พยัญชนะภาษาอังกฤษผสมคำในลักษณะอ่านเป็นคำไม่ได้ การติดต่อสอบถามจะผ่านการแชทเท่านั้นซึ่งจะใช้ระบบอัตโนมัติตอบ โดยมักจะตอบไม่ตรงคำถาม อีกทั้งจะมีการลบความคิดเห็นในแชทที่มีผลในเชิงลบกับร้านค้า ไม่มีหมายเลขโทรศัพท์ที่ใช้ติดต่อกับร้านค้า หรือหากมีก็ไม่สามารถติดต่อได้

2.ควรเลือกซื้อสินค้าจากเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน หรือร้านค้าออนไลน์ที่มีความน่าเชื่อถือ

3.ตรวจสอบความน่าเชื่อถือจาก ข้อมูลความคิดของลูกค้าที่เคยซื้อ(รีวิว แต่ต้องระวังรีวิวจัดตั้งสนับสนุนร้านค้า)

4.ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์หรือเพจจำหน่ายสินค้า หากมีการจัดโปรโมชั่น เช่น ลด แลก แจก แถมในราคาที่อาจเกินความเป็นจริง อาจสอบถามไปยัง call center หรือ แผนกบริการสัมพันธ์ของยี่ห้อ/เจ้าของผลิตภัณฑ์ว่ามีจริงหรือไม่อย่างไร

5.ตรวจสอบข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับร้านค้า เช่น ชื่อร้าน ชื่อผู้ขาย หมายเลขบัญชีร้านค้า ฯลฯ ทางเว็บไซต์ search engine หรือ เพจเฟซบุ๊กที่รวบรวมข้อมูลผู้ขายที่มีประวัติการโกงลูกค้า เพื่ออาจทราบถึงประวัติการโกงลูกค้า

6.เลือกซื้อสินค้าในเว็บไซต์หรือเพจขายสินค้าที่มีหมายเลขโทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้จริง สำหรับสอบถามรายละเอียดของสินค้า หรือ ขอความช่วยเหลือกรณีสินค้าที่ซื้อมีปัญหา

7.หากตกลงรับสินค้าและชำระเงินค่าสินค้าแล้ว พบภายหลังว่าสินค้าไม่เป็นไปตามโฆษณา  หรือมีลักษณะผู้ขายมีเจตนาหลอกลวงขายสินค้า สามารถนำหลักฐาน(ข้อมูลการโฆษณาของร้านค้า,หลักฐานการสั่งซื้อ,หลักฐานการชำระเงิน,สินค้าที่ได้รับ ฯลฯ)เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนที่สถานีตำรวจ หรือ บก.ปคบ.ได้

ทั้งนี้หากประชาชนพบเห็นสินค้าที่มีการขายผ่านช่องทางออนไลน์ในรูปแบบดังกล่าว หรือ มีการขายสินค้าในลักษณะหลอกลวงขายสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน ไม่เป็นไปตามโฆษณาสามารถแจ้งข้อมูล ได้ที่สายด่วน บก.ปคบ. โทร. 1135 หรือผ่านทางเว็บไซต์ บก.ปคบ. www.cppd.go.th

‘ดร.นฤมล’ รมช.แรงงาน เร่งอัพสกิลดิจิทัลให้ข้าราชการ รับนโยบายรัฐบาลดิจิทัล จัด 4 หลักสูตร 1,200 คน เริ่มกลางเดือน ก.ค. นี้

วันที่ 8 กรกฎาคม 2564 ศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า รัฐบาลภายใต้การนำของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีแนวทางการพัฒนาทักษะดิจิทัลของข้าราชการและบุคลากรภาครัฐเพื่อปรับเปลี่ยนการเป็นรัฐบาลดิจิทัล ให้ภาครัฐมีบุคลากรที่มีทักษะด้านดิจิทัลที่เหมาะสมและเป็นกลไกในการขับเคลื่อนสำคัญในการปรับเปลี่ยนภาครัฐเป็นรัฐบาลดิจิทัล รวมถึงปรับตัวให้เท่าทันกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี มีความพร้อมในการปฏิบัติงานโดยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้

ศาสตราจารย์ นฤมล กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) กระทรวงแรงงาน โดยสำนักพัฒนาผู้ฝึกและเทคโนโลยีการฝึก ได้จัดโครงการพัฒนาทักษะดิจิทัลสำหรับบุคลกรกรมพัฒนาฝีมือแรงงานปีงบประมาณ 2564 เพื่อพัฒนาบุคลกรฝึกรวมถึงเจ้าหน้าที่ของ กพร. ให้มีความรู้และทักษะที่จำเป็น สามารถทำงานในยุคดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยจัดฝึกอบรมให้แก่กลุ่มเป้าหมายจำนวน 1,200 คน ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ระหว่างเดือนกรกฎาคม – สิงหาคม 2564 ณ หน่วยงานของ กพร. ซึ่งหากผลการอบรมมีประสิทธิภาพสูงจะได้ขยายผลสู่ภาคแรงงานต่อไป

สำหรับหลักสูตรในโครงการดังกล่าว ประกอบด้วย 4 หลักสูตร ได้แก่ หลักสูตรการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานร่วมกันผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ระยะเวลาฝึกอบรม 18 ชั่วโมง จำนวน 3 รุ่น ๆ ละ 100 คน รวม 300 คน เริ่มอบรมรุ่นแรกวันที่ 19 กรกฎาคม 2564 หลักสูตรผู้จัดการฝึกอบรมผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ระยะเวลาฝึกอบรม 18 ชั่วโมง จำนวน 3 รุ่น ๆ ละ 100 คน รวม 300 คน เริ่มอบรมรุ่นแรกวันที่ 2 สิงหาคม 2564 หลักสูตรการประยุกต์ใช้สื่อสังคมออนไลน์เพื่อประชาสัมพันธ์และสื่อสารองค์กร ระยะเวลาฝึกอบรม 12 ชั่วโมง จำนวน 3 รุ่น ๆ ละ 100 คนรวม 300 คน เริ่มอบรมรุ่นแรกวันที่ 5 สิงหาคม 2564 และหลักสูตรการจัดการเว็บไซต์หน่วยงาน ระยะเวลาฝึกอบรม 12 ชั่วโมง จำนวน 3 รุ่น ๆ ละ 100 คน รวม 300 คน เริ่มอบรมรุ่นแรกวันที่ 16 สิงหาคม 2564

ด้านนายธวัช เบญจาทิกุล อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กล่าวว่า กพร. มีความมุ่งมั่นตั้งใจในการพัฒนาบุคลากรของกรม เพื่อรองรับรองนโยบายของรัฐบาลสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัล รวมถึงนโยบายของ รมช. แรงงาน ที่ได้เน้นย้ำเรื่องการพัฒนาทักษะดิจิทัล ซึ่งเป็นทักษะที่จำเป็นและมีความสำคัญต่อการทำงานทั้งปัจจุบันและอนาคต

นราธิวาส - ผบ.ฉก.นราธิวาส เยี่ยมให้กำลังใจ เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการจรยุทธ์ เน้นย้ำ เพิ่มมาตรการเฝ้าระวัง รักษาความปลอดภัยในพื้นที่

พลตรีไพศาล หนูสังข์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่15 / ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส  พร้อมด้วย พันโท กฤตณ์พัทธ์ กรกัน ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 30 ได้เดินทางลงพื้นที่ ไปตรวจเยี่ยม ให้กำลังใจ เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการจรยุทธ์ (ชป.จรยุทธ์) ของหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 30 ณ หมู่ที่ 5 บ้านโคกยาง ตำบลพร่อน อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส โดยได้ติดตามการปฏิบัติงานตามแผนปฏิบัติการเชิงรุก พร้อมทั้งเน้นย้ำการเกาะติดบุคคลเป้าหมาย รวมถึงกลุ่มเครือญาติ และต้องมีการปรับข้อมูลตลอดเวลาให้ทันสมัย , การควบคุมเส้นทาง ให้ประสานการปฏิบัติกับหน่วยข้างเคียงอย่างใกล้ชิด และเพิ่มความเข้มในการระวังป้องกันการก่อเหตุ ต่อจุดตรวจ รวมถึงเส้นทางสายหลักในพื้นที่รับผิดชอบ การเกาะติดเส้นทางเพื่อทำเส้นทางให้ปลอดภัย โดยเฉพาะห้วงกลางคืน และให้เพิ่มความเข้มการระวังป้องกันตนเอง เพื่อป้องกันการตอบโต้ของฝ่ายตรงข้าม จากกรณีการบังคับใช้กฎหมายต่อกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่

ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ได้เน้นย้ำการปฏิบัติในการ รปภ.พื้นที่ให้มีความปลอดภัย ปฎิบัติให้เป็นตามนโยบาย/สั่งการของ พลโทเกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 รวมถึงให้คำแนะนำเกี่ยวกับหลักการปฏิบัติทางยุทธวิธี เพื่อให้กำลังพลมีความเข้าใจและระมัดระวัง ต้องตื่นตัวอยู่เสมอ และไม่ประมาท ในการปฏิบัติเเต่ละภารกิจ และสามารถดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชน รวมทั้งควบคุมพื้นที่รับผิดชอบได้อย่างปลอดภัย ตลอดจน ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ยังได้มอบสิ่งอุปโภค-บริโภค และให้กับ เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการจรยุทธ์ เพื่อเสริมสร้างขวัญกำลังใจในการปฏิบัติงานต่อไป


ภาพ/ข่าว  แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส

ขอนแก่น - ม.ขอนแก่น หารือ ภาคเอกชน สกัดน้ำมันกัญชงและกัญชา เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์

เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2564 รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น พร้อมด้วย ศ.ดร.มนต์ชัย ดวงจินดา รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและบัณฑิตศึกษา ศ.พญ.ผิวพรรณ มาลีวงษ์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายวิจัยและบัณฑิตศึกษา ร่วมประชุมกับ นายจุลภาส (ทอม) เครือโสภณ นักธุรกิจ เพื่อหารือข้อตกลงความร่วมมือ ด้านวิจัย วิชาการ สกัดกัญชง เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ ณ ห้องประชุม กาลปพฤกษ์ 4 ชั้น 2 อาคารสิริคุณากร มหาวิทยาลัยขอนแก่น

รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า มหาวิทยาลัยขอนแก่นมีผู้เชี่ยวชาญ นักวิจัย โดยสถาบันวิจัยแคนนาบิสครบศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มีภารกิจหลักในการดำเนินโครงการวิจัยกัญชงกัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง และดำเนินงานวิจัยพืชกัญชง และกัญชาแบบบูรณาการครบศาสตร์ จากต้นน้ำ กลางน้ำ จนถึงปลายน้ำ

เริ่มตั้งแต่ทีมคณะเกษตรศาสตร์ ทำการศึกษาวิจัยด้านการปลูก ปรับปรุงพันธุ์ และพัฒนาสายพันธุ์ ทีมคณะวิทยาศาสตร์ดำเนินการศึกษาวิจัยสกัดน้ำมันกัญชงและกัญชา วิเคราะห์สารองค์ประกอบสำคัญ ทีมจากคณะเภสัชศาสตร์ดำเนินการวิจัยและพัฒนาเพื่อเตรียมรูปแบบ ขนาด ผลิตภัณฑ์ยา เพื่อส่งต่อให้ทีมคณะแพทยศาสตร์ นำไปวิจัยด้านคลินิกในผู้ป่วยเฉพาะโรค ยินดีที่จะร่วมหารือข้อตกลงเพื่อการนำสารสกัดกัญชงในผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ต่อไป

สำหรับพื้นที่ปลูกอยู่ในบริเวณ คณะเกษตรศาสตร์ ปลูกระบบปิดในตู้คอนเทนเนอร์ ได้คะแนนในการปลูกเป็นพื้นที่ที่เหมาะสม 100 คะแนนเต็มจากองค์การอาหารและยา สามารถผลิตในเชิงอุตสาหกรรม และสามารถรองรับนักวิจัย วิชาการ นักธุรกิจที่ต้องการสร้างข้อตกลงร่วม ที่อยู่ในกรอบของกฎหมาย เพื่อใช้ประโยชน์พัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อการรักษาหรือการใช้งานในชีวิตประจำวันอื่น ๆ ได้

การประชุมเป็นไปด้วยบรรยากาศเป็นกันเอง แลกเปลี่ยนความคิดเห็นการบริหารจัดการฟาร์มกัญชาของคุณทอมที่ประเทศสหรัฐอเมริกา และการบริหารจัดการฟาร์มกัญชงและกัญชาเพื่อการวิจัยการศึกษาของมหาวิทยาลัยขอนแก่น

สมุทรปราการ - เผยโฉมหน้า ฮีโร่นักบิน ฮ. ผู้อยู่เบื้องหลังสยบเพลิงโรงงานกิ่งแก้ว อดีตนักรบนาวิกโยธิน กองทัพเรือ

จากกรณีที่ บริษัท หมิงตี้เคมีคอล จำกัด ซึ่งเป็นโรงงานผลิตโฟมและเม็ดพลาสติก เกิดเพลิงไหม้ เมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 5 ก.ค.ที่ผ่านมา จนทำให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับผลกระทบ บาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ทำให้เราเห็นแล้วว่าประเทศไทยเรานั้น มีฮีโร่ที่อยู่เบื้องหลังการดับเพลิงที่กำลังลุกลามลงได้ และหนึ่งในนั้น คือ “ร้อยโท กิตตินันท์ กันทพนม” นศ.ระดับปริญญาโท รุ่นที่ 8 สถาบันการบินพลเรือน นักบินเฮลิคอปเตอร์ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ที่ได้ทำการบิน ฮ.KA-32 ในการโปรยโฟมดับไฟในครั้งนั้น

ล่าสุดเพจเฟซบุ๊ก “Avm Catc” ได้โพสต์ชื่นชมฮีโร่ผู้สยบเพลิง โดยระบุข้อความว่า “ขอชื่นชม ร้อยโทกิตตินันท์ กันทพนม นศ.ระดับปริญญาโท รุ่นที่ 8 สถาบันการบินพลเรือน นักบินเฮลิคอปเตอร์ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย ที่ทำการบิน ฮ.KA-32 โปรยโฟม จากกรณีที่ บริษัท หมิงตี้เคมีคอล จำกัด ซึ่งเป็นโรงงานผลิตโฟมและเม็ดพลาสติก เกิดเพลิงไหม้เมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 5 ก.ค. 64 จนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและได้รับผลกระทบเป็นจำนวนมาก ภารกิจนี้นับว่าสำคัญในระดับสูงสุด เพราะเป็นการช่วยเหลือชีวิตคน ซึ่งมีค่ามากกว่าสิ่งใดในโลกใบนี้ MMAVM CATCFamily

ท่านทราบไหมครับว่า ฮีโร่ ผู้นี้คือ อดีตนักรบนาวิกโยธิน แห่งกองทัพเรือ จากการจบการศึกษาจากโรงเรียนจ่าทหารเรือ รุ่นที่ 53 (นรจ.ทร.53) และเป็นนักเรียนจ่านาวิกโยธิน รุ่นที่ 55 (นรจ.นย.55) และได้ลาออกจากกองทัพเรือ หันเหชีวิตมาสมัครเป็น นักบินทหารบก และศึกษาต่อจนจบปริญญาโท รุ่นที่ 8 สถาบันการบินพลเรือน นักบินเฮลิคอปเตอร์ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย

ซึ่งการปฏิบัติภารกิจ ในการบิน ฮ.โปรยโฟมดับไฟในครั้งนี้ นับว่าเป็นภารกิจสำคัญในระดับสูงสุด เพราะเป็นการช่วยเหลือชีวิตคน ซึ่งมีค่ามากกว่าสิ่งใดในโลกใบนี้ ยังความภาคภูมิใจแด่ เพื่อนร่วมรุ่นนรจ.ทร.33 นรจ.นย.รุ่น 55 หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และกองทัพเรือ เป็นอย่างยิ่ง จึงขอเป็นแรงบันดาลใจ บนเส้นทางนักบินทหารบก ที่ไม่เคยลืมกำเนิดจากกองทัพเรือ แม้แต่สักครั้งเดียว ขอชื่นชมนักบินเฮลิคอปเตอร์ ผู้อยู่เบื้องหลังสยบเพลิงโรงงานกิ่งแก้ว ในครั้งนี้


ภาพ/ข่าว  สนง.โฆษกกองทัพเรือ  นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี รายงาน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top