Monday, 19 May 2025
THE STATES TIMES TEAM

กลุ่มบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ มอบทุนการศึกษาให้กับนักศึกษาจากสถาบันต่าง ๆ เพื่อการพัฒนาบุคลากร เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)

นายไมตรี ไตรติลานันท์ ผวจ.ฉะเชิงเทรา เป็นประธานในพิธีมอบทุนการศึกษา กลุ่มบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ เพื่อการพัฒนาบุคลากร เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ประจำปี 2564 มีผู้ให้เกียรติ ร่วมมอบทุนการศึกษาในครั้งนี้ประกอบด้วย คุณสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทพลังงานบริสุทธิ์ , คุณอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ , คุณชาญยุทธ ฉายาวัฒนะ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท อมิตา เทคโนโลยี ไทยแลนด์ จำกัด , คุณวุฒิเลิศ เจียรนิลกุลชัย กรรมการบริษัท อีเอ ไบโอ อินโนเวชั่น จำกัด , คุณกุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ประธานบริหารโครงการจัดตั้งจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม ฉะเชิงเทรา บลูเทค ซิตี้ , คุณสุรีย์ วศินพิตรพิบูล กรรมการ ผู้จัดการ บริษัท ดับเบิ้ลพี แลนด์ จำกัด , ว่าที่พันตรี วัชรพล ลักษณลม้าย ผอ.วิทยาลัยเทคนิคฉะเชิงเทรา และคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับ ณ ห้องพุทธโสธร 3 วิทยาลัยเทคนิคฉะเชิงเทรา จ.ฉะเชิงเทรา

สำหรับปีการศึกษา 2564 นี้ ได้มอบทุนการศึกษาให้กับนักศึกษาจากสถาบันต่างๆ จำนวน 20 ทุน แบ่งเป็นระดับปริญญาตรี 7 ทุน จาก 3 มหาวิทยาลัย และประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) 13 ทุน จาก 6 วิทยาลัย โดยทุนการศึกษานั้น ครอบคลุมถึงค่าธรรมเนียมการศึกษา ค่าใช้จ่ายรายเดือน ค่าเบี้ยเลี้ยงฝึกงาน และค่าประกันอุบัติเหตุและประกันชีวิตให้ด้วย

ทั้งนี้ พิธีมอบทุนการศึกษาในครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของ ข้อตกลงความร่วมมือจากการลงนาม MOU ในเขตพัฒนาพิเศษพื้นที่ภาคตะวันออก (EEC) ที่จะช่วยพัฒนาบุคลากร รองรับความต้องการในอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ ช่วยสร้างโอกาส ให้มีอาชีพรองรับรวมทั้งจะได้ช่วยสร้างคุณค่าคืนสู่สังคมต่อไป

นราธิวาส - ผู้ว่าฯนราธิวาส เยี่ยมให้กำลังใจพร้อมมอบเงินช่วยเหลือครอบครัวหญิงตั้งครรภ์ ที่เสียชีวิตจาก โควิด-19

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ในจังหวัดนราธิวาส (ระลอกเดือนเมษายน 2564)  ข้อมูล ณ วันที่ 6 กรกฎาคม 2564 มีผู้ติดเชื้อสะสม 2,612 ราย มีผู้เสียชีวิตราย 13 ราย โดยผู้เสียชีวิตรายล่าสุดเป็นหญิงตั้งครรภ์ 7 เดือนครึ่ง ที่เสียชีวิตพร้อมทารกในครรภ์ ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสมีความเสียใจต่อการเสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัส COVID - 19 โดยหญิงตั้งครรภ์ที่เสียชีวิต อายุ 33 ปี อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 134/3 หมู่ 7 ต.ศรีสาคร อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส

ในวันนี้ (6 ก.ค. 64) นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ได้ลงพื้นที่ไปยังที่ว่าการอำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส เพื่อเยี่ยมให้กำลังใจแพทย์และบุคลากรสาธารณสุขในพื้นที่ พร้อมทั้งรับฟังสถานการณ์ของโรค COVID-19 ในพื้นที่ และข้อมูลผู้เสียชีวิตรายล่าสุดจากการติดเชื้อไวรัส COVID-19 โดยมีปลัดจังหวัดนราธิวาส นายอำเภอศรีสาคร หัวหน้าส่วนราชการ ผอ.รพ.ศรีสาคร เข้าร่วม

นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า วันนี้เดินทางมาให้กำลังใจครอบครัวผู้เสียชีวิต รวมทั้งแพทย์และบุคลากรสาธารณสุขที่ได้ปฏิบัติงานอย่างเต็มที่ในการดูแลประชาชน โดยมารับฟังข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ขอให้มีการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ประชาชน รวมทั้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาแนวทางให้ความช่วยเหลือตามมาตรา 41 สำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากบริการสาธารณสุข  และจะมีการให้ความช่วยเหลือตามระเบียบของทางราชการต่อไป

สำหรับสถานการณ์ โรค COVID-19 ในพื้นที่อำเภอศรีสาคร มีผู้ติดเชื้อสะสม จำนวน 138 ราย ผู้สัมผัสเสี่ยงสูงกว่า 400 ราย และมีผู้เสียชีวิต 2 ราย ซึ่งกรณีของหญิงตั้งครรภ์ที่เสียชีวิต มีประวัติเชื่อมโยงคลัสเตอร์มัรกัสยะลา เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลศรีสาครเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 มีอาการปอดอักเสบ ได้ทำการ swab พบว่าติดเชื้อ COVID-19 และในวันที่ 5 กรกฎาคม 2564 นำส่งโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ หลังมีอาการทรุดลงจากภาวะปอดติดเชื้อ ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ และเสียชีวิตในวันที่ 6 กรกฎาคม 2564 ด้านเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ได้ดำเนินการค้นหาผู้สัมผัสเสี่ยงสูงในครอบครัวและในชุมชน พร้อมทั้งให้แยกกักตัวที่บ้านแล้ว

ต่อจากนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสพร้อมคณะได้เดินทางไปยังบ้านเลขที่ 134/3 หมู่ 7 ตำบลศรีสาคร อำเภอศรีสาคร เพื่อมอบเงินช่วยเหลือส่วนตัวจำนวนหนึ่งแก่ครอบครัวหญิงตั้งครรภ์ที่เสียชีวิต รวมทั้งมอบเงินสงเคราะห์ฯจากสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.นราธิวาส และเงินช่วยเหลือจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส นอกจากนี้ยังได้มอบสิ่งของอุปโภคมอบเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน พร้อมทั้งพูดคุยและให้กำลังใจแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตอีกด้วย


ภาพ/ข่าว  แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส

ระยอง - ผู้ว่าฯระยอง ชวนร่วมกิจกรรมสุดพิเศษ “ห่างกัน ไม่ห่างไกล - MUSIC DISTANCING” งานดนตรีรูปแบบใหม่เติมวัคซีนใจให้ชาวจังหวัดระยอง

นายชาญนะ เอี่ยมแสง ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง เชิญชวนคนไทยร่วมส่งพลังบวกให้คนดนตรีจังหวัดระยองในกิจกรรม“ห่างกัน ไม่ห่างไกล - MUSIC DISTANCING” งานดนตรีแบบ New Normal ผ่าน Facebook Fanpage : Rayong Space ของดี ระยอง ออนไลน์ และกลุ่ม Rayong Space ตั้งแต่เวลา 19.00 – 22.00 น.ในวันที่ 8 – วันที่ 10 กรกฎาคม 2564 และวันที่ 17 กรกฎาคม 2564

กิจกรรม “ห่างกัน ไม่ห่างไกล - MUSIC DISTANCING” นัดกันมาเติมวัคซีนใจให้กันที่หน้าจอมือถือ ส่งกำลังใจผ่าน live สด ที่เพจ facebook : RAYONG SPACE ของดีระยองออนไลน์ พื้นที่แห่งโอกาสของระยอง จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 8 – วันที่ 10 กรกฎาคม 2564 และวันที่ 17 กรกฎาคม  2564 รวม 4 วัน วันละ 3 ชุดการแสดง เริ่มตั้งแต่เวลา 19.00 - 22.00 น. ได้รับการสนุบสนุนงบประมาณจาก บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กงพัฒนา เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชัน ห้างทองศิริเยาวราช ทีมงาน Rayong Space Live โดยบ้านตะวันเอื้อเฟื้อสถานที่จัดพร้อมอำนวยความสะดวกตลอดระยะเวลาที่จัดกิจกรรม


ภาพ/ข่าว  วฐิต กลางนอก / ธีรวัฒน์ อินธิพันธ์ รายงาน

ประจวบคีรีขันธ์ – เศร้า !! กระทิงแก่งกระจานชนกันเองเสียชีวิต

วันที่ 7 ก.ค. นายพิชัย วัชรวงษ์ไพบูลย์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (สบอ.3) สาขาเพชรบุรี ได้รับรายงานจากนายอิทธิพล ไทยกมล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ขณะลาดตระเวนร่วมกับ นางสาวเนตรนภา งามเนตร นายญาณ อ้วนสิงห์ ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน และเจ้าหน้าที่ชุดลาดตระเวนหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ที่ 20 (ห้วยคมกฤต) มาถึงบริเวณโป่งพรม พิกัด 0552744 E 1409965 N ในเขตอุทยานฯ พบกระทิงโตเต็มวัยนอนได้รับบาดเจ็บอยู่ในโพรงไม้ สังเกตพบว่ากระทิงไม่สามารถพยุงตัวลุกขึ้นเดินไปหาอาหารกินเองได้ จึงเฝ้าอาการอยู่ห่างพร้อมประสานขอนายสัตวแพทย์ประจำสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยทราย มาทำการรักษาแต่ไปไม่ทันถึงกระทิงได้เสียชีวิตเสียก่อนด้วยความเสียดาย จึงทำการผ่าซากเพื่อหาสาเหตุ

เบื้องต้นพบว่าเป็นกระทิงเพศผู้ น้ำหนักประมาณ 1,500 กิโลกรัม มีขนาดปลายเขากว้าง 54 ซม. ความกว้างที่สุดของเขา 80 ซม. ความยาวของเขาวงนอก 43 ซม. เส้นรอบวงโคนเขา 31 ซม. มีความยาวของลำตัว 219 ซม. ความสูงจากปลายตีนถึงสะโพกหลัง 156 ซม. และความสูงปลายตีนขาหน้าถึงโหนก 172 ซม. ตรวจตามลำตัวไม่พบร่องรอยถูกกระสุนปืน มีแต่ร่องรอยการชนเล็กน้อยบริเวณหน้าผากและร่องรอยบนเขาคาดว่าเกิดจากการต่อสู้ชนกันเองกับกระทิงด้วยกันเนื่องจากอยู่ในช่วงฤดูผสมพันธุ์ จนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตต่อมา จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เก็บตัวอย่างชิ้นส่วนอวัยวะภายในและเลือดยังห้องแล็ป เพื่อตรวจหาสาเหตุการตายอีกครั้งก่อนทำการฝังกลบซากตามมาตรการต่อไป


ภาพ/ข่าว  นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวสยามโฟกัสไทม์ / 4เหล่าทัพ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

ชุมพร - กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงานสร้างบ้านปลาฟื้นฟูท้องทะเลไทย และมอบเครื่องกู้ชีพ กู้ภัยทางทะเล

วันที่ 7 กรกฎาคม 2564 เวลา 09.00 น  บริเวณ ท่าเทียบเรือเกาะพิทักษ์ อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร นายปกาสิต พรประสิทธ์นายอำเภอหลังสวนให้เกียรติมาเป็นประธาน การวางซั้งกอ สร้างบ้านปลาฟื้นฟูท้องทะเลไทย และมอบเครื่องกู้ชีพ กู้ภัยทางทะเลปากน้ำชุมพร พร้อมกับนายปรีชา สุวีรานุวัฒน์ประธานนายกประมงชาวประมงหลังสวน พ.ต.อ.วิษณุ สุระวดี ผกก.สภ.ปากน้ำหลังสวน นายอำพล ธานีครุฑ หรือ ผู้ใหญ่หรั่ง และพี่น้องประชาชนจำนวนมากเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้

นายปรีชา สุวีรานุวัฒน์ กล่าว่า ขอขอบคุณ กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน ที่ได้สนับสนุนกิจกรรมเพื่อสังคมการวางซั้งกอ สร้างบ้านปลาฟื้นฟูท้องทะเลไทย และมอบเครื่องกู้ชีพ กู้ภัยทางทะเลปากน้ำชุมพร ภายใต้โครงการการสร้างความเชื่อมั่น ความไว้วางใจ และเพิ่มการมีส่วนร่วม ของประชาชน เพื่อรับรองรับการพัฒนาโครงการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม ในกิจกรรมรักษาเครือข่าย โดยผ่านคณะทำงานไตรภาคี ในพื้นที่จังหวัดชุมพร ประจำปี 2564 ดูแลทั่วไทย ห่วงใยชุมชน สู่ความสุขที่ยังยืน


ภาพ/ข่าว  ธนากร โกศลเมธี รายงานศูนย์ข่าวสารจังหวัดชุมพร

กองบัญชาการตำรวจนครบาล ร่วมมือกับมูลนิธิบุณยะจินดา ในการช่วยเหลือคนงานเจ้าหน้าที่ตำรวจและครอบครัว ที่ต้องสนับสนุนการปฏิบัติตามมาตรการ Bubble and Seal

กองบัญชาการตำรวจนครบาลได้ร่วมมือกับมูลนิธิบุณยะจินดา ในการช่วยเหลือคนงานในแคมป์คนงาน เจ้าหน้าที่ตำรวจและครอบครัว ที่ต้องสนับสนุนการปฏิบัติตามมาตรการ Bubble and Seal ในพื้นที่ โดยการจัดหาอาหาร น้ำดื่ม สำหรับการดำรงชีวิตประจำวัน นำส่งสถานีตำรวจนครบาลในพื้นที่ เป็นสื่อกลางในการนำส่งแคมป์คนงาน รวมถึงแจกจ่ายให้กับข้าราชการตำรวจและครอบครัวใน สน.

ต่อมาเมื่อวันที่ 6 ก.ค.64 เวลา 16.00 น. พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น., พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร จตร.(สบ 8) ปฏิบัติราชการ บช.น. และ พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น./โฆษก บช.น. พร้อมด้วย นางพอฤทัย ณรงค์เดช ผู้แทนมูลนิธิบุณยะจินดา ได้ลงพื้นที่ สน.ตลาดพลู เพื่อนำสิ่งของอุปโภค บริโภคไปให้คนงานในแคมป์ และข้าราชการตำรวจสน.ตลาดพลู โดยทางมูลนิธิบุณยะจินดา ได้รวบรวมการสนับสนุนจากภาคเอกชน จัดทำอาหารกล่องมื้อเย็นจำนวน 1,000 กล่อง

นอกจากการลงพื้นที่ สน.ตลาดพลู แล้ว พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. ได้ส่งมอบเครื่องอุปโภค บริโภคไปยัง สน. ต่าง ๆ พร้อมกัน อีก 6 สน. ได้แก่ สน.พญาไท, สน.พหลโยธิน, สน.จรเข้น้อย, สน.วังทองหลาง,สน.ปทุมวัน และ สน.บางยี่ขัน เพื่อมอบให้กับข้าราชการตำรวจและคนงานในพื้นที่ รวมคนงานที่ได้รับการช่วยเหลือ จำนวน 2,256 คน และเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ จำนวน 800 นาย ซึ่งมีรายการสิ่งของแจกจ่าย ดังนี้

           - น้ำดื่ม 3,000 ขวด

           - ไข่ไก่ 25,500 ฟอง

           - ปลากระป๋อง 3,000 กระป๋อง

           - น้ำตาลทราย 500 กก.

           - สเปร์ยทากันยุง 1,440 ขวด

           - สบู่ 2,660 ก้อน

           - เจลแอลกอฮอล์ 2,460 ขวด

           - หน้ากากอนามัย 20,000 ชิ้น

           - รองเท้าแตะ 200 คู่

ทั้งนี้ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับคนงานและข้าราชการตำรวจทุกคน ในการฝ่าฟันวิกฤติโรคโควิด-19 ในครั้งนี้ไปด้วยกัน

กองบัญชาการตำรวจนครบาล รายงานกรณีเหตุ ‘เพลิงไหม้โกดังน้ำหอมภายในนิคมฯ ลาดกระบัง’

จากากกรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้ บริษัท ฟลอรอล แมนูแฟคเจอริ่ง กรุ๊ป ภายในนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง โซน 3 ถนนฉลองกรุง เขตลาดกระบัง เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2564 เวลาประมาณ 18.18 น.

พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. จึงได้สั่งการให้จัดตั้งศูนย์ ศปก.สน เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและดูและความสงบเรียบร้อยแก่พี่น้องประชาชน

กองบัญชาการตำรวจนครบาล ภายใต้การอำนวยการ พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. เป็นผู้ควบคุมสั่งการ กองบังคับการตำรวจนครบาล 3 นำโดย พล.ต.ต.อรรถวิทย์ สายสืบ ผบก.น.3, พ.ต.อ.อิทธิเชษฐ์ วงษ์หอมหวน ผกก.สน.ฉลองกรุง, พ.ต.ท.สุรสิทธิ์​ หวังดี​ รอง​ ผกก.สอบสวน​ สน.ฉลองกรุง​ นำทีมพนักงานสอบสวน​ รวม​ 5​ นาย​ ลงพื้นที่​ ตรวจสถานที่เกิดเหตุ​ ​

โดยได้ตั้ง ศปก.สน. ที่ห้องประชุมโรงงาน(2)ของ บริษัทฮอนด้า ซึ่งอยู่ตรงข้ามที่เกิดเหตุโดยมี พล.ต.ต.อรรถวิทย์ สายสืบ ผบก.น.3 เป็นผู้บริหารเหตุการณ์ ประกอบด้วย รอง ผบก.น.3, ผกก.สน.ฉลองกรุง และหัวหน้าสายงานทุกสายงานของ สน.ฉลองกรุง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น เจ้าหน้าที่นิคมอุตสาหกรรม

หัวหน้าชุดผจญเพลิงของ บริษัท ฮอนด้า และ ศปภ.กทม. เป็นเจ้าหน้าที่ เป็นต้น ร่วมกันวางแผน, สืบสวนสอบสวนที่เกิดเหตุ สรุปสถานการณ์ โดยมี พล.ต.อ. อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่า กทม., ผู้ว่าการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, ผอ.นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง และ ผอ.เขตลาดกระบัง พร้อมผู้เกี่ยวข้อง ร่วมรับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์

เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ฉลองกรุง จำนวน 20 นาย ได้เข้าร่วมกันรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกด้านการจราจรภายในพื้นที่และบริเวณใกล้เคียงพร้อมกับเจ้าหน้าที่ดับเพลิง/กู้ภัย/รถพยาบาล โดยอำนวยความสะดวกให้เดินทางมาถึงจุดเกิดเหตุให้เร็วที่สุดและประชาสัมพันธ์ให้ประชาชน ที่อยู่บริเวณที่เกิดเหตุและใกล้เคียงที่เกิดเหตุรับทราบ

ทั้งนี้ หลังจากเหตุเพลิงสงบ เจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานและพนักงานสอบสวน สน.ฉลองกรุง เข้าพื้นที่เกิดเหตุเพื่อตรวจสอบสาเหตุการเกิดเหตุเพลิงไหม้ในครั้งนี้ จากการตรวจสอบเบื้องต้นกลุ่มควันที่เกิดจากเพลิงไหม้ไม่ก่อให้เกิดมลภาวะที่เป็นพิษต่อพี่น้องประชาชนแต่อย่างใดและสามารถเข้าพักอาศัยได้เป็นปกติ ส่วนสาเหตุเพลิงไหม้ในครั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานกำลังดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงและจะรายงานผลให้ทราบต่อไป

ขอนแก่น - เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็น “โครงการปรับปรุงระบบไฟฟ้าเป็นเคเบิลใต้ดิน 1 จังหวัด 1 ถนน เพื่อเฉลิมพระเกียรติ” ระยะทาง 832 เมตร กฟภ. สนับสนุนงบกว่า 34 ล้านบาท แล้วเสร็จใน 300 วัน

ขอนแก่นได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 4 จังหวัดของไทย ได้โครงการนำสายสื่อสารลงดินเทิดพระเกียรติในหลวง ประจำปี 64 ถนนนิกรสำราญ ระยะทาง 832 เมตร กฟภ. สนับสนุนงบกว่า 34 ล้านบาท แล้วเสร็จใน 300 วัน

วันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 ณ บริเวณด้านหลังเจ้าปู่ครูเย็น (ภายในบริเวณศาลเจ้าปึงเถ่ากงม่าขอนแก่น) ได้เปิดเวทีสาธารณะรับฟังความคิดเห็นประชาชนที่มีต่อ “โครงการปรับปรุงระบบไฟฟ้าเป็นเคเบิลใต้ดิน 1 จังหวัด 1 ถนน เพื่อเฉลิมพระเกียรติ” โดยการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดขอนแก่น ร่วมกับ สำนักการช่างเทศบาลนครขอนแก่น และประชาชนในเขตเทศบาลนครขอนแก่น จำนวนประมาณ 120 คน ได้เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว

นายทูล หาวิชา ผู้จัดการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดขอนแก่น กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของโครงการว่า โครงการปรับปรุงระบบไฟฟ้าเป็นเคเบิลใต้ดิน 1 จังหวัด 1 ถนนเฉลิมพระเกียรตินั้นมีจุดเริ่มต้นมาจากกระทรวงมหาดไทยต้องการขับเคลื่อนโครงการ 1 จังหวัด 1 ถนนเพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคล พระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคดำเนินการสนับสนุนตามภารกิจของหน่วยงาน โดยจัดระเบียบสายสื่อสาร นำสายไฟฟ้าลงใต้ดิน รวมถึงเป็นการพัฒนาพื้นที่ให้มีความเป็นระเบียบเรียบร้อยสวยงาม

ซึ่งจังหวัดขอนแก่นได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 4 จังหวัดของประเทศไทย ที่ได้ดำเนินโครงการดังกล่าวนี้ และจังหวัดขอนแก่นได้คัดเลือกให้เส้นทางของถนนนิกรสำราญ (สี่แยกโรงเรียนสวนสนุก) ถึง ถนนโพธิสาร (ปากทางเข้าชุมชนโนนทัน) ระยะทางทั้งสิ้น 832 เมตร ด้วยเหตุผลเพราะเป็นเส้นทางที่ผ่านสถานที่สำคัญและสถานที่ท่องเที่ยว เช่น บึงแก่นนคร โฮงมูนมังเมืองขอนแก่น สำนักประชาสัมพันธ์เขต 1 ขอนแก่น ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อนุสาวรีย์พระนครศรีบริรักษ์ พ่อเมืองคนแรกของจังหวัดขอนแก่น รวมไปถึงเป็นเส้นทางที่มีการจัดกิจกรรมบ่อย

นายธีระศักดิ์ ฑีฆายุพันธุ์ นายกเทศมนตรีนครขอนแก่น เปิดเผยว่า สภาเมืองขอนแก่น มีมติเห็นชอบเป็นเอกฉันท์กับโครงการนี้ และขั้นตอนต่อไป คือ เทศบาลนครขอนแก่นจะได้ส่งมอบพื้นที่ให้กับการไฟฟ้าส่วนหน่วยงานภูมิภาคจังหวัดขอนแก่นเพื่อดำเนินการตามแผนงานก่อสร้าง โดยการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จะได้ทำการรื้อถอนระบบไฟฟ้า สายสื่อสาร และสายสัญญาณต่าง ๆ ที่ติดตั้งบนเสาไฟ ให้อยู่ในเคเบิลด้านในลงใต้ดิน ในส่วนของเทศบาลนครขอนแก่นจะเป็นผู้ดำเนินการเรื่องไฟฟ้าแสงสว่าง

โดยใช้งบประมาณของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคทั้งสิ้น 34,566,445 บาท เมื่อนำสายเคเบิลลงดินแล้ว ประโยชน์ที่จะได้รับก็คือการปรับปรุงทัศนียภาพให้สวยงาม รักษาสภาพสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงการพัฒนาระบบการจ่ายไฟฟ้าให้สามารถรองรับความต้องการพลังงานไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นภายในเทศบาลนครขอนแก่น โดยจะใช้ระยะเวลาดำเนินการก่อสร้างทั้งสิ้นจำนวน 300 วัน (เดือนกรกฎาคม 2564 – เดือนพฤษภาคม 2565) และผลกระทบที่คาดว่าจะได้รับในช่วงก่อสร้างคือ การจราจร เนื่องจากแนวท่อร้อยสายและบ่อพักจะอยู่บนผิวจราจรจึงจำเป็นต้อง มีการปิดการจราจรช่องทางในบางช่วง , เสียงรบกวนซึ่งจากการก่อสร้างซึ่งแต่จะไม่เกินระดับความดังของเสียงตามที่กฎหมายกำหนด และฝุ่นละออง ซึ่งเกิดขึ้นจากการก่อสร้างซึ่งจะได้มีการควบคุมอย่างใกล้ชิดในระหว่างก่อสร้าง

นราธิวาส – ที่ปรึกษาผู้แทนพิเศษของรัฐบาลพร้อมคณะลงพื้นที่ เยี่ยมเยือนให้กำลังใจชาวบ้านที่ทางจังหวัดนราธิวาสมีคำสั่งให้ปิดหมู่บ้านและอยู่ระหว่างรอดูอาการ 14 วันจากสถานณ์โควิค

นายธนาธิป พรหมชื่นทีปรึกษาผู้แทนพิเศษของรัฐบาล นายอนิรุทร บัวอ่อน นายอำเภอสุไหงปาดี จ.นราธิวาส นายเพียร มะโนภักดิ์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลสุไหงปาดีพร้อมด้วยทีมงาน สท.3 สหาย นราธิวาส ลงพื้นที่จุดคัดกรองหน้าโรงเรียนราชภักดี ม.7 บ้านปิเหล็ง เขตบ้านโคกสะตอ ต.สุไหงปาดี อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 8 พฎษภาคม 2564 เวลา 10.00 น.

เพื่อพบปะให้กำลังใจกับเจ้าหน้าที่พร้อมมอบปลาโอสด 150 กก. ไก่สด 50 ตัว ไข่ไก่ 1,500 ฟอง น้ำดื่มสะอาด 1,200  ขวด น้ำดีโด้ 50 แพ็ก และขนมกินเล่น 50 ถุง ให้กับครอบครัวชาวบ้านโคกสะตอที่ถูกปิดหมู่บ้าน ตามประกาศจังหวัดนราธิวาส ตั้งแต่วันที่ 23 มิถุนายน 2564  เนื่องจากตรวจพบเป็นพื้นที่มีการแพร่ระบาดของ COVID-19 โดยมีนายอันนูวา กาเซ็ง ผู้ใหญ่บ้าน เป็นผู้รับมอบพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ทหาร ฝ่ายปกครอง อสม.ชรบ.ในพื้นที่ 

สำหรับบ้านโคกสะตอ มีประชากร 50 ครัวเรือน จำนวน 437 คน ตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ครั้งแรกเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2564 จำนวน 10 คน จำนวนผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 10 คน ซึ่งขณะนี้ทาง รพ.สต.สุไหงปาดีได้ส่งตัวไปอยู่ที LQ. ปาดีค็อมแพ็คกักตัวเป็นเวลา 14 วันเพื่อดูอาการ      

หลังจากนั้นคณะได้เดินทางไปยังโรงพยาบาลสุไหงปาดี เพื่อมอบน้ำดืมสะอาดจำนวน 2,400 ขวด ให้กับแพทย์และทีมงานพยาบาลเพื่อไว้บริการสำหรับผู้มาฉีดวัคซีนป้องกัน Covid -19 ณ โรงพยาบาลสุไหงปาดี จ.นราธิวาส อีกด้วย


ภาพ/ข่าว  แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส

กรุงเทพฯ - “มูลนิธิมาดามแป้ง” เยียวยาครอบครัวอาสาดับเพลิงเสียชีวิต-เจ็บสาหัส พร้อมตั้งครัวช่วยผู้ประสบภัย โรงงานกิ่งแก้วระเบิด

“มูลนิธิมาดามแป้ง” ยื่นมือช่วยเหลือครอบครัวอาสาดับเพลิงที่เสียชีวิต และบาดเจ็บสาหัส พร้อมตั้งครัวมาดาม ส่งอาหารบรรเทาความเดือนร้อนผู้อพยพ และเจ้าหน้าที่ เหตุโรงงานระเบิด ซอยกิ่งแก้ว 21 ตั้งแต่วันแรกถึงปัจจุบัน

จากเหตุการณ์ระเบิดและเพลิงไหม้โรงงานผลิตโฟมและเม็ดพลาสติก ภายในซอยกิ่งแก้ว 21 ถ.กิ่งแก้ว ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ จนมีอาสาดับเพลิงเสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บสาหัสอีก 2 ราย อีกทั้ง พื้นที่โดยรอบยังถูกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ต้องอพยพประชาชนโดยรอบออกจากพื้นที่จำนวนมาก

“มูลนิธิมาดามแป้ง” โดย “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ซีอีโอ เมืองไทยประกันภัย ในฐานะประธานกรรมการมูลนิธิฯ ซึ่งเห็นถึงความยากลำบากและความเสียสละของคนทำงานอาสายามเกิดภัย จึงตั้งใจมอบเงินช่วยเหลือครอบครัวของ นายกรสิทธิ์ ลาวพันธ์ หรือ น้องพอส อาสาสมัครดับเพลิงวัย 19 ปี ซึ่งเสียชีวิตจากการทำหน้าที่ จำนวน 50,000 บาท อีกทั้งมอบเงินช่วยเหลืออาสาดับเพลิงที่บาดเจ็บสาหัส 2 รายที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล คือ นายกฤษณะ นุชสุวรรณ และ นายนันทปรีชา มีแสง คนละ 20,000 บาท รวม 40,000 บาท รวมเป็นเงินช่วยเหลือทั้งสิ้น 90,000 บาท

ด้าน "มาดามแป้ง" กล่าวว่า “ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งแก่ครอบครัวน้องพอส รวมถึงผู้ที่บาดเจ็บทุกท่าน บ่อยครั้งที่เราต้องสูญเสียผู้ที่มีหัวใจอาสาแบบนี้ไปอย่างน่าเสียใจ มูลนิธิฯ เล็ก ๆ ของเราขอเป็นกำลังใจให้กับครอบครัวน้องพอส เงินจำนวนนี้คงเทียบไม่ได้กับชีวิตที่สูญเสีย แต่ขอให้รู้ว่าน้องคือผู้เสียสละที่แท้จริง และขอส่งกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ อาสาสมัคร และคนในพื้นที่ให้ผ่านเหตุการณ์ไปโดยเร็ว ทุกอย่างมาจากความตั้งใจของเราทุกคน ที่อยากให้สถานการณ์นี้ผ่านไปได้โดยเร็ว”

นอกจากนี้ มูลนิธิมาดามแป้ง ยังตั้ง "ครัวมาดาม" ทันทีตั้งแต่วันแรกถึงปัจจุบัน เพื่อส่งมอบข้าวกล่องพร้อมสิ่งของที่จำเป็น บรรเทาความเดือดร้อนเร่งด่วนแก่ประชาชนในพื้นที่ ซึ่งอาศัยอยู่ที่ศูนย์อพยพทั้ง 5 แห่ง ได้แก่ วัดบางพลีใหญ่ใน, อบต.บางพลีใหญ่, รร.เตรียมปริญญานุสรณ์, รร.คลองบางกระบือ และวัดบางโฉลงใน กว่า 1,500 คน รวมทั้งเจ้าหน้าที่และอาสาสมัคร ณ ศูนย์บัญชาการกลาง ทั้งนี้ มูลนิธิมาดามแป้งยังมีแผนสนับสนุนความช่วยเหลือด้านอื่น ๆ ตามสถานการณ์ และความต้องการของประชาชนในพื้นที่เกิดเหตุต่อไป เพื่อส่งต่อน้ำใจคนไทยไม่ทิ้งกัน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top