Saturday, 17 May 2025
THE STATES TIMES TEAM

นครนายก – “อนุทิน” ลงพื้นที่มอบวัคซีนและอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับอสม. พร้อมเยี่ยมเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานหน้างานเพื่อเป็นขวัญกำลังในในพื้นที่โรงพยาบาล และโรงพยาบาลสนาม

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่มอบวัคซีนและอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับอสม.ในพื้นที่จังหวัดนครนายก พร้อมเยี่ยมเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานหน้างานเพื่อเป็นขวัญกำลังในในพื้นที่โรงพยาบาลและโรงพยาบาลสนาม ที่ห้องโถง โรงพยาบาลนครนายก นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมคณะผู้ติดตามได้เดินทางไปมอบวัคซีน ให้กับอสม.ในพื้นที่จังหวัดนครนายก และตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานหน้างานในจุดตรวจต่าง ๆ ภายในโรงพยาบาลนครนายก

โดยมีนายอำพล อังคภากรณ์กุล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายกรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายก นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครนายก พร้อมทีมงานคณะแพทย์ ส.ส. นายกอบจ.นายกเทศมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ จากนั้นได้เดินทางไปตรวจพื้นที่โรงพยาบาลสนาม วังยาวริเวอร์ไซค์ ตำบลสาริกา อำเภอเมืองนครนายก เพื่อเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายได้ร่วมพลังในการให้บริการประชาชนอย่างดีที่สุด สำหรับจังหวัดนครนายกซึ่งเป็นพื้นที่สีแดงเข้ม มีอำเภอที่มีผู้ป่วยสูงสุดได้แก่อำเภอองครักษ์ 1,235 ราย รองลงมาอำเภอบ้านนา 926 ราย อำเภอเมืองนครนายก 874 ราย และอำเภอปากพลี 105 รายนอกนั้นเป็นผู้ติดเชื้อที่มีภูมิลำเนาอยู่ต่างจังหวัด 428 ราย จำนวนผู้ป่วยทั้งสิ้น 3,568 ราย รักษาหายกลับบ้านได้แล้ว1,483 รายยังรักษาอยู่ 2,047 ราย เสียชีวิต 38 รายมีสถานกักกันของทางราชการ 6 แห่ง โรงพยาบาลสนาม 11 แห่ง 4 อำเภอ จัดตั้งศูนย์พักคอย จำนวน 35 แห่ง


ภาพ/ข่าว  สมบัติ เนินใหม่ / รัชชานนท์ เนินใหม่ / ผู้สื่อข่าวจังหวัดนครนายก

กรุงเทพฯ - สภากาชาดไทยผนึกกำลัง - รัฐ - เอกชน ให้ความช่วยเหลือผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่บ้าน (Home Isolation)

จากสถานการณ์โควิด-19 ในปัจจุบัน โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานครมีผู้ติดเชื้อรายใหม่จำนวนมาก ทำให้การบริการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลไม่เพียงพอต่อการดูแล สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) จึงได้เปิดระบบดูแลผู้ป่วยโควิดกลุ่มสีเขียวที่บ้าน (Home Isolation: HI) แต่เนื่องจากมีผู้ลงทะเบียนเป็นจำนวนมาก ทำให้พบว่ายังคงมีบางส่วนที่ลงทะเบียนแล้วแต่ยังไม่ได้รับการติดต่อกลับจากเจ้าหน้าที่ ซึ่งผู้ป่วยบางส่วนที่รอการติดต่อเป็นระยะเวลานาน กลายเป็นผู้ป่วยสีเหลืองและสีแดง และบางส่วนก็เสียชีวิตแล้ว

สภากาชาดไทย โดยสำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ เล็งเห็นความสำคัญในส่วนนี้ จึงประสานความร่วมมือกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด19 (ศบค.) กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข สำนักอนามัย ศูนย์เอราวัณ แพทยสภา กรุงเทพมหานคร และทีมอาสาสมัครภาคเอกชน ผนึกกำลังร่วมดูแลผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่บ้าน (Home Isolation) หลังลงทะเบียนในระบบ Home Isolation ในกรุงเทพมหานคร นนทบุรี สมุทรปราการ และปทุมธานี และได้ขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยบริการ Home Isolation กับ สปสช.

ทั้งนี้ สปสช. สภากาชาดไทย ร่วมกับทีมงานจิตอาสา เช่น Let’s be heroes หมอริทช่วยโควิด Thai CoCare HICV และอาสาสมัครของสภากาชาดไทยเอง ได้รับผู้ป่วยมาอยู่ในการดูแลในเบื้องต้น จำนวน 3,163 ราย ซึ่งผู้ป่วยจำนวนดังกล่าว ได้ลงทะเบียนในระบบ Home Isolation แล้ว โดยมีสถานีกาชาดที่ 11 วิเศษนิยม กรุงเทพฯ เป็นผู้ประสานงานหลักกับ สปสช. ในการให้ความช่วยเหลือผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่บ้าน ซึ่งหลังจากผู้ป่วยผ่านการติดต่อประสานงาน ประเมินและคัดกรองอาการแล้ว ผู้ป่วยจะได้รับการประเมินอาการทางโทรศัพท์วันละ 2 ครั้ง (Telemedicine) อาหาร 3 มื้อ ปรอทวัดไข้แบบดิจิตอล เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว ยา Favipiravir ยาฟ้าทะลายโจร และยาพื้นฐานอื่น ๆ โดยด่วน

ตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคม – 5 สิงหาคม 2564 สำนักงานบรรเทาทุกข์ฯ สภากาชาดไทย ได้ให้ความช่วยเหลือผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่บ้าน (Home Isolation) ตามการประเมินและคัดกรองอาการของผู้ป่วยดังนี้

1. ลงทะเบียนผู้ป่วยและรับเข้าระบบรักษาพยาบาล จำนวน 3,163 ราย

2. ประเมินอาการทางโทรศัพท์วันละ 2 ครั้ง (Telemedicine) โดยทีมแพทย์ พยาบาลอาสาสมัคร จาก Let’s be heroes หมอริทช่วยโควิด Thai CoCare HICV และอาสาสมัครของสภากาชาดไทย จำนวน 2,778 ราย

3. ส่งชุดอาหารพร้อมรับประทาน จำนวน 1,600 ราย ถึงบ้านผู้ติดเชื้อโควิด-19 เบื้องต้นก่อนที่จะได้รับอาหารกล่อง

4. ส่งอาหารกล่อง 3 มื้อ  จำนวน 1,383 ราย ถึงบ้านผู้ติดเชื้อโควิด-19 ตลอดระยะเวลา Home Isolation

5. ส่งปรอทวัดไข้แบบดิจิตอล  จำนวน 1,012 ราย ถึงบ้านผู้ติดเชื้อโควิด-19

6. ส่งเครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว  จำนวน 868 ราย ถึงบ้านผู้ติดเชื้อโควิด-19

7. ส่งยา Favipiravir และยาอื่น ๆ จำนวน 1,400 ราย ถึงบ้านผู้ติดเชื้อโควิด-19

โดยมีอาสาสมัครจากหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอกสภากาชาดไทย ได้ให้การสนับสนุนงานด้าน Telemedicine โทรศัพท์คัดกรองข้อมูลผู้ป่วย และจัดส่งอาหาร ยา เวชภัณฑ์ต่างๆ เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการติอต่อ ดูแล และรักษาพยาบาลได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น

ปทุมธานี – ยอดทะลุ ‘บิ๊กแจ๊ส’ ปิดบัญชีรับบริจาคสร้างเตาเผาศพ หลังได้เงินกว่า 6 ล้านถวายหลวงพ่อชำนาญ

เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2564 เวลา 10:30 น. ที่วัดชินวรารามวรวิหาร ตำบลบางขะแยง อำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ได้มอบเงินรับบริจาคสร้างเตาศพ จำนวน 3,000,000 บาท โดยมีประชาชนและชมรมต่าง ๆ เข้าร่วมถวายเงินและบริจาคเพิ่มเติมเข้ามาโดยมอบให้กับ พระมงคลวโรปการ (หลวงพ่อชำนาญ) ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เจ้าอาวาสวัดชินวรารามวรวิหาร เพื่อนำไปสร้างเตาศพไร้มลพิษ จำนวน 6 เตา ปัจจุบันวัดชินวรารามวรวิหาร ได้ดำเนินการสร้างเตาเผาศพเสร็จแล้วจำนวน 2 เตา ซึ่งมีเตาเผาเดิมที่ทางวัดใช้อยู่จำนวน 2 เตาเป็นเตาหลัก1 เตาสำรองอีก 1 เตา  และกำลังก่อสร้างอีกจำนวน 4 เตา หากสร้างเสร็จทางวัดจะมีเตาเผาศพจำนวน 9 เตา เพื่อรองรับจำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคระบาดโควิด-19

ในส่วนของทาง อบจ.ปทุมธานีได้เปิดบัญชีให้ประชาชนร่วมบริจาคเงิน ได้กว่า 6,000,000 บาท และได้นำมามอบให้กับทางวัดเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2564 จำนวน 2,000,000 บาท โดยวันนี้ได้นำมอบเงินเพิ่มอีกจำนวน 3,000,000 บาท เมื่อครบจำนวนที่ทางวัดต้องการทาง อบจ.จึงได้ปิดบัญชีแล้ว หากประชาชนมีความประสงค์จะร่วมบริจาคค่าน้ำมันเผาศพ สามารถร่วมสมทบบุญที่ ชื่อบัญชี พระมงคลวโรปการ ธนาคารกรุงเทพ เลขที่บัญชี 9123002777

ด้าน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี กล่าวว่า ที่ได้ทำโครงการนี้ขึ้นมา เนื่องจาก หลวงพ่อชำนาญ เจ้าอาวาสวัดชินฯ ได้มีการเผาศพให้กับผู้ที่เสียชีวิตจากโควิดฟรี เมื่อมีผู้เสียชีวิตจากโควิดเกิดขึ้น ทางกู้ภัยจะมาเอาโลงศพที่วัดชินฯ เพื่อที่จะเอาไปใส่ศพมา เมื่อมาถึงวัดก็จะรีบเผาเลย ตั้งแต่วันที่ 21 มิถุนายน 2564 จนถึงวันนี้ทางวัดชินฯได้เผาศพไปแล้วจำนวน 131 ศพ ดังนั้นโครงการที่เกิดขึ้นมา กว่า 10 วันนี้ ได้มีผู้บริจาคเงินมาร่วมสมทบทุนสร้างเตาเผาศพเป็นเงินว่า 3,000,000 บาท วันนี้ อบจ.ได้เปิดบัญชีแล้ว เป็นการหมดภารกิจในส่วนนี้ไป จึงได้นำเงินทั้งหมดมาถวายท่าน เพื่อเป็นค่าเตาเผาศพจำนวน 3,000,000 บาท ซึ่งเราได้รับเงินที่บริจาคมาทั้งหมดเกือบ จำนวน 6,000,000 บาท ต้องขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ช่วยกันบริจาคเงินทำบุญในครั้งนี้ ซึ่งเงินที่เหลือจะเป็นยอดของกองทุนน้ำมันและค่าใช้จ่ายในการเผาศพต่อไป


ภาพ/ข่าว ประภาพรรณ ขาวขำ/รายงาน

“Words Upon a Time กาลคำหนึ่งนานมาแล้ว” โปรเจ็คต์เด็ด!! จากนักศึกษาฝึกงานในช่วงโควิด-19

จากแนวคิดของผู้บริหารรุ่นใหม่ที่เชื่อว่าการให้โอกาสคนเป็นสิ่งสำคัญ และการเปิดพื้นที่แสดงความสามารถนั้นจะทำให้องค์ความรู้นั้นถูกพัฒนาได้อย่างเต็มที่โดยเฉพาะทักษะภาษาอังกฤษ จึงเป็นที่มาของโปรเจ็คต์เล็ก ๆ ของนักศึกษาฝึกงานที่ นายนพพล สุนทรกระจ่าง กรรมการผู้จัดการใหญ่ ENGNOW มอบโอกาสในการแสดงความสามารถอย่างเต็มที่

น.ส.ธาราทร วรรณลา หรือ “น้ำ” นักศึกษาชั้นชั้นปีที่ 3 เอกภาษาอิตาลี คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เล่าว่า “ในช่วงโควิด-19 (COVID-19) ถือเป็นช่วงที่ยากลำบากของทุกคน นักศึกษาเองก็ต้องเรียนและทำงานกลุ่มผ่านระบบออนไลน์ พอมาถึงช่วงปิดเทอมถือเป็นช่วงที่มีเวลาว่างมาก จึงได้สมัครเข้ามาเป็นนักศึกษาฝึกงานที่ ENGNOW สถาบันสอนภาษาอังกฤษออนไลน์ จากการแนะนำของเพื่อนๆ เพื่อหาประสบการณ์ ซึ่งการมาฝึกงานที่นี่ นอกจากจะเรียนรู้ระบบการทำงานของคนรุ่นใหม่แล้ว  พี่ๆ จะมอบหมายงานให้ทำทั้งแบบงานเดี่ยวและงานกลุ่ม และคอยให้คำปรึกษาระหว่างการทำงานอย่างใกล้ชิด โดยงานเดี่ยวนั้นแต่ละคนจะได้รับมอบหมายหน้าที่แตกต่างกันไป เช่น ทำสื่อการเรียนการสอน เรามีเวลาทำกันประมาณ 2 สัปดาห์ โดยสิ่งที่ทำนั้นถูกนำไปใช้งานจริงกับผู้เรียนของ ENGNOW”

นอกจากนี้ยังมีโปรเจ็คต์สุดเซอร์ไพรส์ที่นักศึกษาฝึกงานได้ทำร่วมกัน คือ หนังสือ Words Upon a Time กาลคำหนึ่งนานมาแล้ว “จากโจทย์ของพี่เอฟ - นพพล สุนทรกระจ่าง กรรมการผู้จัดการใหญ่ ที่ให้คิดโปรเจ็คต์หนังสือภาษาอังกฤษอะไรขึ้นมาก็ได้ 1 เล่ม พวกเราจึงแบ่งหน้าที่กันโดยน้ำค่อนข้างมีเวลามากกว่าเพื่อน ๆ จึงอาสาเป็นบรรณาธิการของหนังสือเล่มนี้ ช่วงแรกเราจะประชุมเพื่อตกลงถึงแนวทางของหนังสือและสรุปกันว่าจะทำเป็นหนังสือเกี่ยวกับเรื่องราวที่มาของคำศัพท์ หรือสำนวนภาษาอังกฤษต่าง ๆ ที่เราอาจจะเคยใช้หรือเคยได้ยิน แต่ยังไม่ทราบที่มาว่าทำไมถึงมาเป็นคำศัพท์นั้น ยิ่งไปกว่านั้นหนังสือเล่มนี้จะได้รับการตีพิมพ์และจัดจำหน่ายจริงด้วย ทำให้พวกเราตื่นเต้นและตั้งใจทำมาก”

น.ส.ธาราทร ยังเล่าเล่าต่อว่า “ความโชคดีในการทำโปรเจ็คต์หนังสือนี้ เริ่มจากทีมงานที่บังเอิญเป็นทีมที่พอดีกันมาก คือมีคนที่มีความสามารถในด้านที่ต่างกัน มีเพื่อนที่วาดรูปเก่ง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการทำภาพประกอบหนังสือเล่มนี้ มีเพื่อนที่ถนัดการเขียนทำให้การทำหนังสือของไหลลื่น ทุกคนต่างทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างเต็มที่ภายใต้การทำงานเพียง 1 เดือนในสถานการณ์โควิด-19 แน่นอนว่าย่อมมีอุปสรรคในการทำงานอยู่บ้างแต่ก็เป็นเรื่องเล็กน้อยเช่นการสื่อสาร หรือการช่วยกันดูพรูฟก่อนพิมพ์จริง แต่พี่ ๆ ที่ ENGNOW ก็เปิดโอกาสให้ได้เรียนรู้ในการทำงานอย่างเต็มที่ ทำให้หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่มาจากความต้องการของพวกเราจริง ๆ พวกเราทุกคนภูมิใจในหนังสือเล่มนี้มากค่ะ” 

ด้านงานกราฟฟิกของหนังสือเล่มนี้ดูแลโดย น.ส.ภัทรนันท์ ชาติวัฒนานนท์ หรือ “พลอย” นักศึกษาชั้นปีที่ 3 เอกภาษาอังกฤษ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งเล่าว่า “ตอนที่เริ่มวางแผนงานกันในเรื่องบทบาทหน้าที่ มีเพื่อนในทีมเคยเห็นผลงานการวาดภาพแนว Illustrator ของพลอยมาบ้างจึงเสนอทีมจากการลองวาดตัวอย่างให้ดู ซึ่งผ่านตั้งแต่แรกเลย ก็เริ่มลงมือทำทันที ดีใจที่ความสามารถของเราได้เป็นส่วนหนึ่งในหนังสือเล่มนี้ ซึ่งเชื่อว่าคนอ่านจะได้รับทั้งความรู้และความสนุกจากหนังสือเล่มนี้แน่นอน”  

สำหรับหนังสือ “Words Upon a Time กาลคำหนึ่งนานมาแล้ว” วางจำหน่ายวันที่ 1 กันยายน 2564 เป็นต้นไปที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วไป ราคา 345 บาท สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับหนังสือ หรือสนใจสมัครเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เฟซบุ๊ค Engnow.in.th เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์  และ www.engnow.in.th


ข้อมูลเพิ่มเติม

ENGNOW สถาบันสอนภาษาอังกฤษออนไลน์ ดำเนินการด้านธุรกิจต่อเนื่องสู่ปีที่ 4 ปี โดยเริ่มจากการเปิดให้เรียนฟรี 100% ทางเว็บไซต์ www.engnow.in.th และต่อมามีการปรับรูปแบบคอร์สเรียนเพิ่มเติมเพื่อตอบสนองความต้องการด้านการเรียนภาษาของกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย อาทิ นักเรียน นักศึกษา คนวัยทำงาน ให้มีคอร์สเรียนที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อฝ่ายประชาสัมพันธ์

จิตต์สิริ กลิ่นบุญนาค  โทร. 081 441 1510, 087 366 3915

“มาสด้า” เติมฝันให้ลูกค้าใหม่ ปันสุขให้ลูกค้าเก่า ขับฟรี 90 วัน ดอกเบี้ย 0% ตรวจเช็กฟรี รับส่วนลดค่าแรง 50%

วันที่ 6 สิงหาคม 2564 มาสด้าสานฝันลูกค้าที่ต้องการออกรถใหม่ในเดือนสิงหาคมกับโครงการ “มาสด้า ปันสุข” ช่วงเวลาเติมฝัน ปันความสุข เพื่อส่งมอบความสุขให้กับลูกค้าที่สนใจรถยนต์มาสด้า รวมทั้งมอบสิทธิพิเศษมากมายสำหรับลูกค้าปัจจุบัน ด้วยข้อเสนอสุดพิเศษดอกเบี้ยต่ำสุด 0%1 ฟรีประกันภัยชั้น 1 Mazda Premium Insurance1 ขับฟรี 90 วัน2 และฟรี Fast Wireless Charging Power Bank Eloop EW353 โดยจัดกิจกรรมขึ้นในระหว่างวันที่ 7 – 15 สิงหาคม 2564 ที่โชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ รวมถึงมอบสิทธิพิเศษเพื่อช่วยดูแลรถยนต์ของลูกค้าและช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในช่วงนี้ เมื่อนำรถเข้ารับบริการรับข้อเสนอสุดพิเศษ อาทิ ผ่อนชำระสบายๆ 0% นานสูงสุด 10 เดือน1 สำหรับสินค้าและบริการหลังการขายในศูนย์บริการฯ ตรวจสภาพรถฟรี 20 รายการ1 ฟรีบริการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อภายในรถยนต์1 และส่วนลดค่าแรง 50%4 ในระหว่างวันที่ 7 – 31 สิงหาคม 2564

นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า จากการระบาดของโควิด-19 ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นในช่วงเดือนกรกฎาคมจนถึงปัจจุบันนี้ ได้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อวิถีการดำเนินชีวิตของประชาชน รวมถึงสภาพเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมรถยนต์ จึงทำให้ยอดขายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่อย่างไรก็ตามรถยนต์มาสด้าก็ยังคงได้รับความสนใจจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง สามารถทำยอดขายรวมได้ 2,112 คัน โดยรุ่นที่ขายได้มากสุดยังคงเป็นรถยนต์นั่งมาสด้า2 จำนวน 1,147 คัน ตามมาด้วย CX-30 จำนวน 356 คัน CX-3 จำนวน 282 คัน มาสด้า3 จำนวน 131 คัน ปิกอัพ บีที-50 จำนวน 80 คัน CX-5 จำนวน 65 คัน และ CX-8 จำนวน 51 คัน ตามลำดับ ซึ่งมาสด้าขอขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่ยังคงให้การสนับสนุนมาสด้าเป็นอย่างดี แม้ว่าจะอยู่ท่ามกลางสถานการณ์ความยากลำบากก็ตาม

ด้วยเหตุนี้ มาสด้าจึงถือโอกาสนี้เพื่อขอบคุณลูกค้าที่ให้ความเชื่อมั่นในแบรนด์มาสด้ามาโดยตลอด ด้วยการส่งมอบแคมเปญตลอดเดือนสิงหาคมนี้ กับ “มาสด้า ปันสุข” ช่วงเวลาเติมฝัน ปันความสุข เพื่อช่วยดูแลและแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของทั้งลูกค้าใหม่ที่สนใจรถยนต์มาสด้า รวมทั้งลูกค้าในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าที่ต้องการซื้อรถใหม่เพื่อนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน ประกอบอาชีพ หรือลูกค้าปัจจุบันที่ต้องการนำรถเข้ามารับการดูแลบำรุงรักษาที่ศูนย์บริการมาสด้า เพื่อให้ได้รับการบริการที่ต่อเนื่องและสามารถนำรถกลับไปใช้ได้อย่างปลอดภัย

พิเศษสำหรับลูกค้าใหม่ ลูกค้าที่สนใจเป็นเจ้าของรถยนต์มาสด้าสามารถพบกับกิจกรรม “มาสด้า ปันสุข” ได้ที่โชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ ในระหว่างวันที่ 7 – 15 สิงหาคม 2564 เพียงแวะเข้ามาชมรถ รับฟรีทันที Mazda Alcohol Sanitizer Spray พร้อมรับข้อเสนอดอกเบี้ยต่ำสุด 0%1, ฟรีประกันภัยชั้น 1 Mazda Premium Insurance1 ขับฟรี 90 วัน (เฉพาะมาสด้า2 ทุกรุ่น)2 และพิเศษยิ่งไปกว่านั้น ลูกค้า 1,000 ท่านแรกที่จองซื้อรถตั้งแต่ 3,000 บาท ขึ้นไป และออกรถภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2654 รับฟรี Fast Wireless Charging Power Bank Eloop EW35 จากมาสด้า มูลค่า 690 บาท

พิเศษสำหรับลูกค้าปัจจุบัน มาสด้าขอมอบการดูแลที่ดียิ่งขึ้นให้กับลูกค้าที่ต้องการนำรถเข้ามารับการดูแลที่ศูนย์บริการ รับข้อเสนอ ผ่อนชำระสบายๆ 0% นานสูงสุด 10 เดือน1 สำหรับสินค้าและบริการหลังการขาย, บริการตรวจเช็กสภาพรถฟรี 20 รายการ1 ทั้งระบบช่วงล่าง เครื่องยนต์ และระบบความปลอดภัย, ฟรีบริการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อภายในรถยนต์1 ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อที่ไม่ก่อให้เกิดการเสียหายต่อชิ้นส่วนอุปกรณ์ทั้งภายนอกและภายในตัวรถ และส่วนลดค่าแรง 50%4 สำหรับการเข้ารับบริการระหว่างวันจันทร์ – ศุกร์ เมื่อทำการนัดหมายเพื่อเข้ารับบริการล่วงหน้า โดยเริ่มระหว่างวันที่ 7 – 31 สิงหาคม 2564 ณ ศูนย์บริการมาตรฐานมาสด้าทั่วประเทศ

สำหรับลูกค้าที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการมาสด้าทั่วประเทศ หรือมาสด้าสปีดไลน์ 02 030 5666 หรือศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์มาสด้า www.mazda.co.th

หมายเหตุ:

1เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด และโปรดตรวจสอบประเภทของสินค้าและบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ ณ จุดบริการก่อนทำรายการทุกครั้ง

2 เฉพาะมาสด้า2 ทุกรุ่น สำหรับผู้เช่าซื้อที่ผ่านการอนุมัติตามเงื่อนไขของ บมจ.ธนาคารทิสโก้ และ ทีเอ็มบีธนชาต เท่านั้น

3 จองรถ 3,000 บาท และออกรถภายในวันที่ 31 ส.ค. 64 รับ Fast Wireless Charging Power Bank Eloop EW35 คละสี มูลค่า 690 บาท สินค้ามีจำนวน 1,000 ชิ้น เฉพาะโชว์รูมที่ร่วมรายการ

4 เมื่อทำการนัดหมายเพื่อเข้ารับบริการล่วงหน้า ในระหว่างวันจันทร์-ศุกร์ เฉพาะช่วงเวลาที่กำหนด ตามเงื่อนไขของศูนย์บริการที่ร่วมรายการ


โปรดติดตามความเคลื่อนไหวและกิจกรรมของมาสด้าผ่านทางโซเชียลมีเดีย

เว็บไซต์ www.mazda.co.th และ MazdaThailandOfficial Facebook/YouTube/Instagram/LINE

ข่าวประชาสัมพันธ์จากมาสด้า          

รายละเอียดเพิ่มเติม: อุทัย เรืองศักดิ์ ผู้จัดการอาวุโส ส่วนงานประชาสัมพันธ์ ฝ่ายการตลาด

บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด (สำนักงานใหญ่) 689 อาคารภิรัช ทาวเวอร์ แอ๊ดเอ็มควอเทียร์ ชั้น 15 – 16 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110

โทรศัพท์ 0-2030-5420 โทรศัพท์มือถือ 089-007-0095 อีเมล์ [email protected]

"หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์" เสด็จบำเพ็ญกุศลไถ่ชีวิต "กระบือเผือก" วัดแก้วฟ้า จ.นนทบุรี

วันที่ 6 สิงหาคม 2564 "หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์" พระราชปนัดดาในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว(รัชกาลที่ 4) เสด็จบำเพ็ญกุศลไถ่ชีวิต "กระบือเผือก" ณ วัดแก้วฟ้า อ.บางกรวย จ.นนทบุรี

ในการนี้ "หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์" ทรงมีดำริร่วมกับ "พระโสภณรัตนาภรณ์" (ไพศาล กิตฺติภทฺโท) เจ้าอาวาสวัดแก้วฟ้า จ.นนทบุรี ในเรื่อง "ควายไทย" ซึ่งได้เลือนลางหายสาบสูญไปจากสังคมไทย ทั้งในด้านการศึกษา ด้านวิถีชีวิตของคนไทยในอดีต ที่ใช้ "ควาย" ในการเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีประโยชน์และยังช่วยในการดำรงชีวิตประจำวัน จึงมีความเห็นพร้องกันที่จะจัดตั้ง "ศูนย์อนุรักษ์กระบือไทย" ในอุปถัมภ์หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์ ณ วัดแก้วฟ้า อ.บางกรวย จ.นนทบุรี โดยทรงกรุณาประทานทุนทรัพย์ส่วนพระองค์ ตั้งต้นบริจาคทุนทรัพย์ และมีผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคสมทบทุนการจัดตั้งโครงการนี้ ทางกรรมการผู้ดำเนินงานจึงได้ซื้อ "กระบือเผือก" จำนวน 3 ตัว เป็น "ปฐมฤกษ์"

ท้ายนี้ "นายยุทธพงษ์ เอี้ยงอ้าย" เลขานุการในองค์หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์ ได้กล่าวประชาสัมพันธ์ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชน พุทธศาสนิกชน และผู้มีจิตอันเป็นกุศลทุกท่าน สามารถร่วมบริจาคสมทบทุนโครงการนี้ได้ตามเจตนา และสามารถติดต่อบริจาคได้ที่ "วัดแก้วฟ้า" อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรีและขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านมา ณ โอกาสนี้

นครนายก - เติมกำลังใจคนทำงาน รัฐมนตรีฯ ‘นิพนธ์’ เยี่ยมเจ้าหน้าที่ด้านคัดกรองโควิดจ.นครนายก พร้อมขอบคุณทุกฝ่ายทำงานด้วยความทุ่มเทและเสียสละ

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 6 สิงหาคม 2564 นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ลงพื้นที่ออกตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจ แก่เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัดนครนายก บริเวณด่านตรวจคัดกรองการเดินทางข้ามจังหวัดบนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 305 (รังสิต - นครนายก) บริเวณจุดตรวจหลักหน้าที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลทรายมูล ตำบลทรายมูล อำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก

โดยมีนายอำพล อังคภากรณ์กุล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายก  เจ้าหน้าฝ่ายปกครอง  เจ้าหน้าที่ตำรวจ  และผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องร่วมให้การต้อนรับและรายงานสถานการณ์ ในการนี้มอบชุด PPE – หน้ากากอนามัย น้ำดื่ม และของใช้จำเป็นสนับสนุนการปฏิบัติงานเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจฯ เพื่อใช้ในการปฏิบัติหน้าที่อีกด้วย

จากนั้นเดินทางไปตรวจเยี่ยมจุดตรวจประจำบ้านปากพลีบนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 33 (ถนนสุวรรณศร) บริเวณป้อมตำรวจบ้านดงข่า ต.เกาะหวาย อ.ปากพลี จ.นครนายก โดยมีการบูรณาการทำงานหลายหน่วยงาน ประกอบด้วย ตำรวจ ทหาร ปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และ อปพร. ปฏิบัติหน้าที่ประจำด่านตลอด 24 ชั่วโมง โดยทุกจุดตรวจได้เน้นย้ำถึงมาตรการเดินทางเข้าพื้นที่ตามประกาศคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัด เพื่อลดการเคลื่อนย้าย และเพื่อความปลอดภัยโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เดินทางจากพื้นที่เสี่ยง โดยปฏิบัติตามมาตรการป้องกันยึดหลัก D-M-H-T-T-A ของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด

นายนิพนธ์ กล่าวเน้นย้ำและให้กำลังใจ เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ซึ่งเป็นผู้เสียสละและขอขอบคุณทุกท่านช่วยกันปฏิบัติหน้าที่ ความทุ่มเท  อย่างเต็มกำลังความสามารถ ซึ่งรัฐบาลโดยการนำของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีฯ มีความห่วงใยในสถานการณ์โควิด-19 ที่กำลังระบาดในขณะนี้ ซึ่งการลงพื้นที่นี้ต้องการ มาให้กำลังใจ พร้อมทั้งสอบถามปัญหาและอุปสรรคในการปฏิบัติงาน ตลอดจนให้คำแนะนำและกำชับให้มีการตรวจดำเนินการตรวจคัดกรองอย่างเข้มงวด ควบคู่การสร้างความรู้ความเข้าใจให้ประชาชน ซึ่งประชาชนผู้เดินทางได้ให้ความร่วมมือในการคัดกรองเป็นอย่างดี  โดยทางจังหวัดได้ตั้งด่านหลัก 2 จุด และด่านรองทุกอำเภอ เพื่อตรวจคัดกรองคนเข้าออกอย่างเคร่งครัด อีกทั้งได้มอบหมายให้นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น บูรณาการกับทุกภาคส่วนเพื่อจัดตั้งจุดตรวจคัดกรองการเดินทางในเส้นทางรองในตำบล หมู่บ้าน และชุมชน ให้ประสานสอดคล้องกับการจัดตั้งจุดตรวจ ด่านตรวจในเส้นทางคมนาคมที่เป็นเส้นทางหลัก เพื่อความปลอดภัยและเป็นการระงับยับยั้งไม่ให้เชื้อเกิดการแพร่ระบาดในพื้นที่จังหวัดนครนายก

 

เพชรบูรณ์ - นพค.16 นำกำลังพลผลิตน้ำดื่มสะอาด ออกแจกจ่ายพี่น้องประชาชนส่วนราชการ ที่เข้ามารับการฉีดวัคซีน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นาวาอากาศเอก กรเอก ศรีสมบุญ ผู้บังคับหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 16 สำนักงานพัฒนาภาค 1 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา  ซึ่ง หน่วย ได้จัดกำลังพลผลิตน้ำดื่มสะอาด 1,500 ขวด และ ออกแจกจ่าย ให้การสนับสนุน แก่บุคลากรทางการแพทย์ ส่วนราชการ  รวมทั้งพี่น้องประชาชน ที่เข้ามารับการฉีดวัคซีน ในเขตพื้นที่ อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ อย่างต่อเนื่องตลอดมา ซึ่ง เป็นไปตามข้อห่วงใย ของผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารพัฒนาที่ให้ทหารเป็นที่พึ่งของพี่น้องประชาชน ในสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ครั้งนี้  


ภาพ/ข่าว  ราเมธ บงแก้ว / มนสิชา  คล้ายแก้ว

สุรินทร์ - มทบ.25 จัดกิจกรรมวันคล้ายวันพระราชทานกำเนิด โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ครบรอบปีที่ 134

วันที่ 5 สิงหาคม 2564 ที่หน้าสโมสรนายทหารค่ายวีรวัฒน์โยธิน อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ พลตรีสาธิต  เกิดโภค ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 25 เป็นประธานอันเชิญพระบรมรูป พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 5 ขึ้นประดิษฐาน ณ แท่นประดิษฐาน ก่อนนำข้าราชการทหารจาก มณฑลทหารบกที่ 25,กองกำลังสุรนารี,กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดสุรินทร์,กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดศรีสะเกษ,หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 53 หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 54 สำนักงานพัฒนาภาค 5 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา,โรงพยาบาลค่ายวีรวัฒน์โยธิน,กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 23 และหน่วยฝึกนักศึกษาวิชาทหาร มณฑลทหารบกที่ 25 ร่วมวางพานพุ่ม ถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พร้อมร่วมกล่าวคำปฏิญาน ประกาศ เป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมรับใช้ชาติ ประชาชน และสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์อย่างเต็มที่ 

โดยในช่วงเช้า พลตรีสาธิต เกิดโภค ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 25 พร้อมด้วย พลตรีอดุลย์ บุญธรรมเจริญ ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี ได้นำข้าราชการทหาร ศิษย์เก่าโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ร่วมทำบุญตักบาตร และทำบุญเลี้ยงพระ เนื่องในวันคล้ายวันพระราชทานกำเนิดโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ปีที่ 134 ต่อมา เวลา 10.00 น. พลตรีสาธิต เกิดโภค ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 25 นำข้าราชการทหารและศิษย์เก่าโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ร่วมมอบอุปกรณ์พัฒนา ให้กับโรงเรียนโสตศึกษา ตำบลเชื่อเพลิง อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ โดยมี นายวิจิตร พิมพกรรณ ผู้อำนวยการโรงเรียน และคณะครู ให้การต้อนรับ


ภาพ/ข่าว  ปุรุศักดิ์ แสนกล้า 

'ผกก.แม่สอด' สุดทน!! ชี้มือโพสต์ขบวนการ Fake News หยุดทำร้ายชาวแม่สอดได้แล้ว

เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2564 พ.ต.อ.ภูเบศ แสงอร่าม ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรแม่สอด จังหวัดตาก พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนและชุดปราบปรามอาชญากรรม และชุดสายตรวจปฎิบัติการพิเศษ สภ.แม่สอด จ.ตาก ได้ร่วมกันแถลงข่าว ถึงการสืบสวน สอบสวนติดตาม หาข่าวและข้อเท็จจริง ขบวนการสร้างข่าวปลอม หรือเฟกนิวส์ Fake News ภายหลังหลังจากที่มีกลุ่มขบวนการ สร้างเพจบล็อก และโพสต์ข่าวปลอม เป็นเฟกนิวส์ มีข้อความเพื่อพุ่งเป้าทำลายชื่อเสียง ของเจ้าหน้าที่และสร้างความสับสนให้สังคมแม่สอด

โดยได้โพสต์ตามสังคมออนไลน์ ทั้งในพื้นที่และทั่วประเทศ จนสร้างความเสียหาย ระหว่างหน่วยงานไปทั่ว ไม่ว่าจะเป็น การปล่อยข่าวว่าเจ้าหน้าที่มีส่วนรู้เห็นหรือเรียกรับเงิน เรื่องขบวนการลักลอบขนแรงงาน ฯลฯ รวมทั้งการทำเพจปลอมกล่าวหาให้ร้ายระหว่างหน่วยภาครัฐ แล้วนำไปลง จนสร้างความสับสนให้กับพี่ประชาชนในพื้นที่ไปแล้วนั้น จึงขอชี้แจงให้ประชาชนทุกท่านทราบข้อเท็จจริงและอย่าหลงเชื่อหรือส่งต่อแชร์ข้อมูลบิดเบือนใด ๆ เพราะเป็นความผิดตามกฎหมายอาญา และความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

พันตำรวจเอกภูเบศ แสงอร่าม ผกก.แม่สอด เปิดเผยอีกว่า สุดจะทนกับพฤติกรรมของกลุ่มผู้สูญเสียผลประโยชน์ชายแดนที่กำลังดิ้นเพราะการจับกุมของเจ้าหน้าที่สร้างความเสียหาย จนไปว่าจ้างทำบล็อกเฟกนิวส์ขึ้นมาโจมตี เจ้าหน้าที่หน่วยต่าง ๆ​ ไม่ว่าเป็น ตำรวจ ปกครอง ทหาร บุคลากรทางการแพทย์ ทำให้ได้รับความเสียหาย และเกิดความเข้าใจผิดกับพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ เรื่องนี้ยืนยันว่าตนเองยอมไม่ได้ จำเป็นต้องจัดการให้เด็ดขาด เพราะคนพวกนี้กำลังทำร้ายชาวแม่สอดและชาวจังหวัดตากอย่างไม่ละอายใจ ปล่อยไว้มีแต่จะทำลายสังคม

ผู้กำกับการ สภ.แม่สอด กล่าวย้ำอีกว่า จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีมีการเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนในสื่อออนไลน์ ตามที่เจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงที่ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ประจำจุดตรวจบ้านห้วยหินฝน หมู่ที่ 6 ต.แม่ปะ อ.แม่สอด จ.ตาก ได้ร่วมกันตรวจสอบพบคนไทยที่ลักลอบเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งในห้วงระหว่างเดือน มกราคม -  31 กรกฎาคม 2564 ได้มีการตรวจพบเป็นจำนวนมากถึง 498 ราย (ชาย 161 คน หญิง 337 คน) และมีการตรวจพบว่าเป็นผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 จำนวนร่วม 30 คน ผู้ถูกจับกุมส่วนใหญ่จะเป็นคนไทย

ส่วนคนต่างด้าวที่ลักลอบเข้ามาจะหลบเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่นในการหลบหนีเข้าเมือง เนื่องจาก ไม่สามารถเดินทางผ่านจุดตรวจ บ้านห้วยหินฝนนี้ได้เพราะถ้าเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบก็จะถูกจับกุมดำเนินคดี จากการซักถามปากคำผู้ถูกจับกุมพบว่า มีการจ่ายเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายให้กับผู้นำพาลักลอบเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร รายละประมาณ 6,000 - 12,000 บาท ซึ่งสอดคล้องกับพยานหลักฐานที่เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบพบจากโทรศัพท์ของผู้ถูกจับกุม มีข้อมูลการสนทนาทางไลน์​ และสลิปการโอนเงินให้กับกลุ่มผู้นำพา

หากคิดจำนวนผู้ลักลอบที่ถูกจับกุมแล้ว ที่ผ่านมามีเงินที่กลุ่มขบวนการนี้ได้ไปเป็นจำนวนหลายล้านบาท ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผู้บังคับบัญชาให้ความสนใจ และทาง พล.ต.ต.ปริญญา วิศิษฐฎากุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตาก จึงได้สั่งการให้ ผกก.สภ.แม่สอด ทำการสืบสวนขยายผลถึงกลุ่มขบวนการผู้กระทำความผิดดังกล่าว

ภายหลังที่ สภ.แม่สอด ได้มีการสืบสวนขยายผลกลุ่มขบวนการลักลอบนำพาคนเข้าเมืองโดยผิดกฏหมาย และกวดขันจับกุมผู้กระทำความผิดอย่างเข้มงวด ซึ่งที่ผ่านมาได้ร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่จับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด อาวุธสงคราม และความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ อย่างต่อเนื่อง

ต่อมาประมาณเดือน มิ.ย. 2564 ได้ตรวจพบว่ามีการจัดทำสื่อภาพซึ่งนำรูปเหตุการณ์ที่ไม่ได้เกิดขึ้นในพื้นที่ อ.แม่สอด จว.ตาก มาประกอบข้อความบิดเบือนข้อเท็จจริง เผยแพร่ในสื่อออนไลน์เพื่อลดความน่าเชื่อถือของเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคง และในเดือนกรกฎาคม 2564 ได้มีการนำสื่อภาพซึ่งมีรูปของนายตำรวจระดับสูง ของจังหหวัดตาก และข้าราชการตำรวจ มาประกอบข้อความบิดเบือนข้อเท็จจริง ออกมาเผยแพร่ในสื่อออนไลน์เป็นครั้งที่ 2 ขณะนี้ทราบตัวและแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ทำการเผยแพร่ส่งต่อแชร์ข้อมูลดังกล่าวแล้ว และอยู่ระหว่างสืบสวนว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มขบวนการลักลอบนำพาคนเข้าเมืองโดยผิดกฏหมายดังกล่าวหรือไม่


ภาพ/ข่าว วรภา พันลุตัน จ.ตาก


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top