Wednesday, 7 May 2025
THE STATES TIMES TEAM

สกัดแก๊งยา!! ตำรวจภูธรภาค 5 จับกุมผู้ต้องหา 4 คน “พร้อมยาบ้า 1 แสนเม็ด และไอซ์ 2 กิโลกรัม” ในท้องที่ สภ.ช้างเผือก และสภ.แม่แตง จังหวัดเชียงใหม่

ตามนโยบายของรัฐบาลในการปราบปรามการแพร่ระบาดของยาเสพติด ซึ่งเป็นภัยคุกคามและอาชญากรรมต่างๆ ที่ได้สร้างผลกระทบต่อประชาชน และสร้างความเสียหายให้แก่สังคม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข ผบ.ตร., พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.รอย  อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร./หน.ศอปส.ตร. ได้มอบนโยบายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เร่งรัดติดตามจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดอย่างจริงจัง นั้น

วันที่ 8 ต.ค.64 เวลา 10.30 น. ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.พฤทธิพงษ์ ประยูรศิริ รอง ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี รอง ผบช.ภ.5 ,พล.ต.ต.กฤตธาพล ยี่สาคร รอง ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม แถลงผลการจับกุมยาเสพติดรายสำคัญ ดังนี้

จับกุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมด 4 คน

1. นายกรรณธวุฒิ  เรืองทิพย์  อายุ 30 ปี ที่อยู่ 249/1 ม.4 ต.สะลวง อ.แม่ริม  จ.เชียงใหม่ 

2. นายยุชัย  จะมี  อายุ 30 ปี ที่อยู่ 224 ม.8 ต.ห้วยชมภู อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย 

3. นายจะลอ  จะคือ  อายุ 33 ปี ที่อยู่ 298 ม.8 ต.ห้วยชมภู อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย 

4. นายพิทักศรีรุ้ง  จะแป อายุ 33 ปี ที่อยู่ 296 ม.8 ต.ห้วยชมภู อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย

พร้อมด้วยของกลาง

1. ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน รวมประมาณ 100,000 เม็ด

2. ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) น้ำหนักประมาณ 2 กิโลกรัม 

3. รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นยาริส สีขาว ทะเบียน งจ 2940 เชียงใหม่(พบซุกซ่อนอยู่ในช่องเก็บของด้านหลังรถยนต์เก๋งคันดังกล่าว)

4. รถยนต์กระบะหัวเดี่ยว ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นเรโว่ สีขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน

6. รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 110 ไอ สีส้มดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน

โดยกล่าวหาว่า มีความผิดฐาน “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์และยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย”

พฤติการณ์ ด้วยวันที่ (6 ต.ค. 64) เวลาประมาณ 05.00 น. จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทราบว่า  นายกรรณธวุฒิ (โก๋) เรืองทิพย์ มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด(ยาบ้า) และ เวลาประมาณ 08.00 น. นายกรรณธวุฒิ (โก๋) ได้นัดหมายติดต่อรับยาเสพติด (ยาบ้าและไอซ์) จำนวนมาก จากกลุ่มขบวนการค้ายาเสพติด นัดกันบริเวณพื้นที่ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่  จึงได้เดินทางไปบ้านพักของ นายกรรณธวุฒิ (โก๋) เมื่อไปถึงบริเวณใกล้บ้านพัก เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม วางกำลังโดยรอบบ้านพักของ นายกรรณธวุฒิ (โก๋) ต่อมา ได้มีรถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นยาริส  สีขาวออกจากบ้านพัก เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ขับรถยนต์ สะกดรอยติดตามไปจนถึงบริเวณริมถนนหมายเลข 3038 ก่อนถึงสนามกีฬากลางเทศบาลเมืองแกนพัฒนา ม.7 ต.อินทขิล อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ และรถยนต์ได้เลี้ยวเข้าไปในซอยถนนดินแดงฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แบ่งกำลังออกเป็น 2 ชุด จากนั้นไม่นาน รถคันดังกล่าวได้ ออกมาจากซอยเลี้ยวซ้ายมุ่งหน้าสนามกีฬากลางเทศบาลเมืองแกนพัฒนา ม.7 ต.อินทขิล อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ชุดที่ 1 จึงได้ติดตาม ไปอย่างใกล้ชิด จากนั้นได้มีชายวัยรุ่นจำนวน 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ สีส้ม ออกมาจากบริเวณซอยถนนดินแดง เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดที่ 2 จึงได้ติดตามรถจักรยานยนต์ไปและได้แสดงตัวขอทำการตรวจค้นตัว

บก.สส.สตม. รวบสมุน ‘เครือข่ายเจ๊เพชร’ ลักลอบขนแรงงานเมียนมาเถื่อนเมืองกาญฯ เข้าประเทศชี้จุดจ่ายหัวคิว

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. สั่งการให้ พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.กฤษฎา กาญจนอลงกรณ์ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.สถิตย์ พรมอุทัย รอง ผบก.สส.สตม. และ พ.ต.อ.อาภากร โกมลสุทธิ รอง ผบก.สส.สตม. แถลงข่าวจับกุมขบวนการนำพาแรงงานต่างด้าว ดังนี้

กก.2 บก.สส.สตม. ไล่ล่ารถยนต์สีดำต้องสงสัย ขนคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง จากจังหวัดกาญจนบุรี เข้ามายังกรุงเทพมหานคร ตามสั่งการ พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. ให้มีการเฝ้าระวังป้องกันไม่ให้มีการลักลอบเข้าไทยโดยไม่ผ่านการคัดกรองโรคโควิด-19 ยังคงเป็นภารกิจสำคัญที่ สตม. ดำรงความเข้มงวดด้วยมาตรการเฝ้าตรวจพื้นที่ตลอด 24 ชม. จับกุมผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายรวมถึงผู้นำพาทั้งชาวไทยและต่างด้าว พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.สถิตย์ พรมอุทัย รอง ผบก.สส.สตม. และ พ.ต.อ.อาภากร โกมลสุทธิ รอง ผบก.สส.สตม. จึงสั่งการให้ กก.2 บก.สส.สตม.สืบสวนจับกุมแรงงานต่างด้าวและขบวการนำพาโดยเร่งด่วน

พ.ต.อ.ปฏิญญา จีรชนาสิน ผกก.2 บก.สส.สตม. สั่งการให้ จนท.สืบสวนหาข่าวขยายผลขบวนการขนคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง สืบเนื่องจากวันที่ 12 ก.พ. 64 ได้มีการจับกุมคดีนำพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรผิดกฎหมาย โดยผู้ถูกจับกุมในครั้งนั้นคือนางราตรีหรือเจ๊เพชร จากการขยายผลพบว่ากลุ่มลักลอบขนคนต่างด้าวเข้าเมืองในฝั่งเมียนมา โดยมีนายอองโจเป็นผู้คอยประสานสั่งการและเป็นผู้อยู่เบื้องหลังติดต่อคนสัญชาติไทย ที่อยู่ในประเทศไทยให้ทำหน้าที่ขนคนต่างด้าวที่เดินทางหลบหนีเข้าเมือง โดยให้คนไทยมารับตัวผู้หลบหนีตามจุดนัดหมายในจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อส่งคนต่างด้าวหลบหนีไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ในจังหวัดกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยคิดค่าหัวคนละ 15,000 – 20,000 บาท กก.2 บก.สส.สตม. ได้สืบสวนและเฝ้าติดตามพฤติการณ์มาโดยตลอด

จนกระทั่ง วันที่ 26 ก.ย. 64 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน กก.2 บก.สส.สตม. ได้ทำการสืบสวนจนพิสูจน์ทราบแน่ชัด มีคนไทยที่เคยติดต่อทำงานให้กับนายอองโจว เครือข่ายเจ๊เพชร คือนายแสวง จากการเฝ้าติดตามจึงทำให้เจ้าหน้าที่ทราบว่าจะมีการลับลอบขนคนต่างด้าวในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี โดยใช้รถยนต์กระบะสีดำ จุดสังเกตด้านหลังรถติดสติ๊กเกอร์ตราตำรวจนครบาล โดยจะขับเลี่ยงเส้นทางที่มีการตั้งจุดตรวจจุดสกัดของเจ้าหน้าที่ กระทั่งเวลาประมาณ 12.00 น. บริเวณถนนทางหลวงชนบท นนทบุรี 3046 พบรถยนต์ต้องสงสัยคันดังกล่าว วิ่งด้วยความเร็วประมาณ 110 - 120 กม./ชม. วิ่งเข้าตัวเมืองกรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงขับรถออกติดตามไปจนถึงบริเวณใต้สะพานลอยพระราม 8 ฝั่งปิ่นเกล้า เมื่อได้โอกาสเจ้าหน้าที่จึงได้ขับรถยนต์เข้าสกัดรถต้องสงสัยคันดังกล่าว

รวบแก๊งบัตรขาว ชาวโรมาเนีย - มาเลเซีย!! พบบัตรเครดิตปลอมและบัตรเอทีเอ็มปลอม คาดผู้เสียหายอื้อ

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปัจจุบัน พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาด ซึ่ง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. โดย พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์  ผบช.สตม. ระดมกวาดล้างคนต่างด้าว ที่ลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย ขบวนการขนคนต่างด้าวเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ตลอดจนการขนแรงงานต่างด้าวเข้า – ออกพื้นที่จังหวัดที่มีคำสั่งห้ามเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าว เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค  โควิด-19 และรวมถึงการที่คนต่างชาติเข้ามาใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. สั่งการให้ พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.กฤษฎา กาญจนอลงกรณ์ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ  นุชนารถ ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.สถิตย์ พรมอุทัย รอง ผบก.สส.สตม.,พ.ต.อ.ณภัทรพงศ สุภาพร ผกก.ปอพ.บก.สส.สตม.,พ.ต.อ.แดนไพร แก้วเวหล ผกก.กก.4 บก.สส.สตม.,พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม.,ว่าที่ พ.ต.ต.สิทธิมณ  สร้อยภู่ระย้า สว.กก.4 บก.สส.สตม.,ร.ต.อ.ภูริศ คำหมื่น รอง สว.กก.1.บก.สส.สตม และเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.สตม. แถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาดังนี้

1. MR.IACOB CORNE อายุ 39 ปี สัญชาติโรมาเนีย

ข้อหา “ร่วมกันปลอมบัตรอิเล็กทรอนิกส์และมีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งบัตรบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอม”

2. MR.GIM TECK WE  อายุ  33 ปี สัญชาติมาเลเซีย

ข้อหา “หลบหนีเข้าเมืองและร่วมกันปลอมบัตรอิเล็กทรอนิกส์และมีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งบัตรบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอม”

สืบเนื่องจาก กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนและได้รับการประสานงานจากฝ่ายจัดการเหตุการณ์ธุรกิจ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ว่าได้มีผู้เสียหายถูกคนร้ายทำการถอนเงินออกจากบัญชี โดยที่บัตรถอนเงินยังคงอยู่กับผู้เสียหาย จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงได้ทำการสืบสวนจนทราบว่าคนร้ายในขบวนการนี้เป็นคนต่างชาติ จำนวน 2 ราย โดยจะใช้วิธีการคือทำการติดตั้งเครื่องสกริมมิ่งบัตรถอนเงินในช่องเสียบบัตรตู้ถอนเงินและจากนั้นจะทำการคัดลอกข้อมูลบัตรถอนเงินของผู้เสียหายไปใส่ในบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอม แล้วจากนั้นจะนำบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอมไปถอนเงินตามจุดต่าง ๆ เช่นในเขต สาทร อำเภอหัวหิน เป็นต้น

โดยทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้สืบทราบว่าคนร้ายคือ MR.IACOB สัญชาติโรมาเนีย และ MR.GIM สัญชาติมาเลเซีย โดยคนร้ายทั้งสอง ได้ทำการหลบหนีและย้ายไปกระทำความผิดในพื้นที่อำเภอหัวหิน ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้ทราบว่า MR.GIM ได้พักอาศัยอยู่โรงแรมบริเวณริมชายหาดอำเภอหัวหิน จึงได้ดักซุ่มรอจนกระทั่ง MR.GIM ปรากฏตัวตัวจึงได้แสดงตัวขอทำการตรวจค้นผลการตรวจค้นพบ บัตรอิเล็กทรอนิกส์สีขาว จำนวน 209 ใบ บัตรอิเล็กทรอนิกส์สีขาวที่มีการลงข้อมูลแล้ว จำนวน 2 ใบ สมุดบัญชีธนาคารจำนวน 6 เล่ม พร้อมเครื่องลงข้อมูลในบัตรอิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 1 เครื่อง

 

สืบสวน ตม.1จับหนุ่มผิวสีหลบหนีเข้าเมือง เผยพฤติกรรมสุดแสบ! ลักลอบค้ายาเสพติดให้ชาวต่างชาติ ตม. รู้ทันดักรวบได้พร้อมของกลาง

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้

สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. สั่งการให้ พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.กฤษฎา กาญจนอลงกรณ์ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ปิติ นิธินนทเศรษฐ์ ผบก.ตม.1, พ.ต.อ.ยศเอก รักษาสุวรรณ รอง ผบก.ตม.1, และ พ.ต.อ.กีรติศักดิ์ ก้องเกียรติศิริ ผกก.สส.บก.ตม.1 พร้อมชุดปฏิบัติการสืบสวนฯ ร่วมแถลงข่าวการจับกุมคนร้าย ดังนี้ 

สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.ตม.1 ได้ทราบข้อมูลจากสายลับว่าในพื้นที่กรุงเทพมหานครชั้นใน ซึ่งเป็นย่านที่มีคนต่างชาติพักอาศัยและประกอบธุรกิจอยู่เป็นจำนวนมาก มีชาวต่างชาติผิวสีชื่อนายจอร์จ มีพฤติกรรมลักลอบจำหน่ายยาเสพติดให้กับคนต่างชาติด้วยกัน โดยใช้ช่องทางการติดต่อผ่านแอพลิเคชั่น WhatsApp ซึ่งเป็นที่นิยมในกลุ่มชาวต่างชาติที่มาจากทวีปยุโรป อเมริกา และแอฟริกา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้วางแผนโดยให้สายลับติดต่อนัดหมายเพื่อจะทำการซื้อขายและส่งมอบยาเสพติด โดยได้ตกลงส่งมอบยาเสพติดกันในช่วงหัวค่ำของวันที่ 5 ตุลาคม 2564 ที่บริเวณห้องน้ำชาย ของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งริมถนนสีลม ย่านบางรัก จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้นำกำลังแฝงตัวอยู่ตามจุดต่าง ๆ รอบบริเวณห้างสรรพสินค้า รวมถึงสถานีรถไฟฟ้าที่เชื่อว่าชาวต่างชาติรายนี้จะใช้เดินทางมายังจุดนัดพบ

จนกระทั่งเวลาประมาณ 21.00 น. มีชาวต่างชาติผิวสี ลักษณะท่าทางมีพิรุธน่าสงสัย ลักษณะรูปพรรณตรงตามที่สายลับได้ให้ข้อมูลไว้ เดินลงบันไดสถานีรถไฟฟ้าศาลาแดง มุ่งหน้ามาทางห้างสรรพสินค้าที่นัดหมาย และเดินเข้าไปที่ห้องน้ำของห้างสรรพสินค้าดังกล่าว เมื่อเป้าหมายเดินเข้าไปในห้องน้ำ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงติดตามเข้าไปแสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองขอตรวจค้นตัวและตรวจสอบเอกสารประจำตัว แต่เมื่อคนร้ายเห็นเจ้าหน้าที่ชุดจับ ก็ได้พยายามทิ้งยาเสพติดให้ลงท่อระบายน้ำของห้องน้ำ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสามารถตามเก็บรวบรวมไว้ได้จำนวน 3 ห่อ

มีลักษณะเป็นยาเสพติดบรรจุในถุงซิปล็อคขนาดเล็ก และพันด้วยเทปพันสายไฟจนแน่นเป็นก้อนกลม แล้วห่อด้วยเศษถุงพลาสติกอีกชั้นหนึ่ง ภายในประกอบด้วยยาไอซ์น้ำหนักประมาณ 2 กรัมเศษ และโคเคอีนอีกประมาณ 1.8 กรัม จากการสอบถามคำให้การในชั้นจับกุม ผู้ถูกจับรับว่าซื้อยาเสพติดดังกล่าวมาจากหญิงไทยในย่านรามคำแหง โดยนำมาจำหน่ายต่อเพื่อหวังกำไรจากส่วนต่างราคา เนื่องจากมีกลุ่มลูกค้าที่ไว้วางใจเป็นชาวต่างชาติในย่านธุรกิจ (CBD) ของกรุงเทพมหานคร ซึ่งเลือกที่จะทำการติดต่อซื้อขายยาเสพติดกับชาวต่างชาติด้วยกัน โดยยอมให้ราคาสูงกว่าราคาตลาด นอกจากนี้จากการตรวจสอบเอกสารประจำตัวพบหนังสือเดินทางของผู้ถูกจับ

 

สมุทรปราการ - กองทัพเรือ ลำเลียงเรือผลักดันน้ำลงจุดประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ เสริมกำลังเร่งระบายน้ำออกสู่ทะเล

เมื่อวันที่ 7 ต.ค.64 เวลา 10.00 น. พลเรือโท ปกครอง มนธาตุผลิน เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารเรือ ในฐานะหัวหน้าฝ่ายกิจการพลเรือน ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองทัพเรือ พร้อมคณะ ให้การต้อนรับ พลตำรวจเอก อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพมหานคร ในการเดินทางมาตรวจเยี่ยมการติดตั้งเรือผลักดันน้ำ ของกองทัพเรือ พร้อมรับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์น้ำ บริเวณคลองลัดโพธิ์ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ 

กองทัพเรือ โดยศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองทัพเรือ สั่งการให้กรมอู่ทหารเรือ จัดชุดเฉพาะกิจผลักดันน้ำ อู่ทหารเรือพระจุลจอมเกล้า สนับสนุนเรือผลักดันน้ำ จำนวน 12 ลำ พร้อมกำลังพล อุปกรณ์ และยุทโธปกรณ์ เพื่อปฏิบัติภารกิจผลักดันน้ำคลองลัดโพธิ์ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ  จากแนวโน้มสถาการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา จะมีปริมาณจากน้ำเหนือที่ไหลมาสูงขึ้น กอรปกับผลกระทบจากพายุที่จะเข้ามา กรุงเทพฯ ได้ร้องขอรับการสนับสนุนเรือผลักดันน้ำ จากกองทัพเรือ เพื่อเร่งระบายน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาลงสู่อ่าวไทยนั้น ฝ่ายกิจการพลเรือน ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองทัพเรือ กรมอู่ทหารเรือ และกรุงเทพมหานคร ได้ร่วมพิจารณาแล้ว กำหนดจุดวางเรือผลักดันน้ำ ที่จะสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในการเร่งระบายน้ำสูงสุด คือบริเวณคลองลัดโพธิ์ จะสามารถระบายน้ำได้ 100,000 ลบ.ม./เครื่อง/วัน  ซึ่งถ้าเดินเครื่องเต็มที่ในช่วงน้ำลงจะสามารถเร่งระบายน้ำได้ 1,200,000 ลบ.ม./วัน

โดยในช่วงเช้า เวลา 10.00 น. พลเรือตรี สุทธิศักดิ์ บุตรนาค รองผู้อำนวยการอู่ทหารเรือพระจุลจอมเกล้า กรมอู่ทหารเรือ ในฐานะ หัวหน้าชุดเฉพาะกิจผลักดันน้ำ อู่ทหารเรือพระจุลจอมเกล้า เป็นประธานในพิธีปล่อยขบวนลำเลียงเรือผลักดันน้ำ จำนวน 12 ลำ จากอู่ทหารเรือพระจุลจอมเกล้า กรมอู่ทหารเรือ อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ  มาปฏิบัติภารกิจผลักดันน้ำที่คลองลัดโพธิ์

คลองลัดโพธิ์ เป็นชื่อคลองเดิม บริเวณตำบลทรงคนอง อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ เดิมมีลักษณะตื้นเขิน ต่อมาได้จัดสร้างเป็นโครงการตามแนวพระราชดำริ เป็นการบริหารจัดการน้ำเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพมหานคร โดยยึดหลักการ "เบี่ยงน้ำ" ภายใต้การดูแลของหน่วยงานหลัก 3 หน่วยงานคือ กรมชลประทานกรุงเทพมหานคร และคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ มีหลักการคือ จากสภาพของแม่น้ำเจ้าพระยาเดิมที่มีลักษณะไหลวนคดเคี้ยวบริเวณรอบพื้นที่บริเวณบางกะเจ้านั้นมีความยาวถึง 18 กิโลเมตร นั้นทำให้การระบายน้ำที่ท่วมพื้นที่ชั้นในของกรุงเทพมหานครเป็นไปได้ช้า ไม่ทันเวลาน้ำทะเลหนุน พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร จึงมีพระราชดำริให้พัฒนาใช้คลองลัดโพธิ์ ซึ่งเดิมมีความตื้นเขินมีความยาวราว 600 เมตร ให้ใช้ระบายน้ำที่หลากและน้ำที่ท่วมทางสองฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยาลงสู่ทะเลทันทีในช่วงก่อนที่น้ำทะเลหนุน และปิดคลองลัดโพธิ์เมื่อน้ำทะเลหนุน เพื่อหน่วงน้ำทะเลไม่ให้ขึ้นลัดเลาะไปตามแนวแม่น้ำเจ้าพระยาที่คดโค้งถึง 18 กิโลเมตรก่อนซึ่งใช้เวลามากจนถึงเวลาน้ำลง ทำให้ไม่สามารถขึ้นไปท่วมตัวเมืองได้

คลองลัดโพธิ์ เป็นคลองที่พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีกระแสพระราชดำรัสถึง เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2549 ว่าเป็นสถานที่ตัวอย่างของการบริหารจัดการน้ำ ที่ต้องการความรู้เรื่องเกี่ยวกับเวลาน้ำขึ้นน้ำลง หากบริหารจัดการให้ถูกต้องจะสามารถแก้ปัญหาน้ำท่วมได้ พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินทางชลมารคไปทรงเปิดประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ และทรงเปิดสะพานภูมิพล 1 ภูมิพล 2 เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ILINK ติดอันดับ “หุ้นยั่งยืน” ต่อเนื่อง 3 ปี!! พร้อมลุ้น Investor Relations Awards บนเวที “SET Awards 2021”

“วริษา อนันตรัมพร” ผู้จัดการทั่วไป บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ILINK ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสายสัญญาณที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน และผู้นำเข้าและค้าส่งอุปกรณ์เครือข่ายส่งสัญญาณ เปิดเผยว่า

“ILINK ได้รับคัดเลือกให้อยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืน หรือ Thailand Sustainability Investment (THSI) ประจำปี 2564 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่บริษัทฯ จะเติบโต ต่อเนื่อง และยั่งยืน พร้อมขับเคลื่อนและนำแนวคิดต่อยอดที่คำนึงถึง มิติเศรษฐกิจ มิติสังคม และมิติสิ่งแวดล้อม เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการดำเนินธุรกิจ และมีการเตรียมรับมือกับความเสี่ยงใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นตลอดเวลา พร้อมสร้างโอกาสทางธุรกิจเพื่อรับกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกในอนาคต นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญต่อการดำเนินกิจกรรมนักลงทุนสัมพันธ์ ซึ่งมีการเปิดเผยข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วน มีคุณภาพ โปร่งใส และทันต่อเหตุการณ์ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ถือหุ้น และนักลงทุนต่อไป”

จันทบุรี - จุรินทร์ "ประกาศ 17 มาตรการ" ดูแลผลไม้ปี 65 ล่วงหน้า ปลื้ม!! ส่งออกในช่วง 8 เดือนแรกปีนี้ นำรายได้เข้าประเทศถึง 169,000 ล้าน

วันที่ 7 ตุลาคม 2564 เวลา 15.00 น. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และคณะกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตร ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี ประชุมเตรียมการดูแลผลไม้ปี 2565 โดยเป็นการกำหนดมาตรการเพื่อบริหารจัดการผลไม้ล่วงหน้าทั้งระบบ โดยมีนายยุคล ชนะวัฒน์ปัญญา อดีต สส.จังหวัดจันทบุรี นายอิทธิพล จังสิริมงคล นายชรัตน์ เนรัญชร นายชาติชาย วรพิพัฒน์ ตัวแทนเกษตรกรผู้ประกอบการและผู้รับซื้อ ผู้ส่งออก ผู้บริการขนส่ง ทูตพาณิชย์ในต่างประเทศ และพาณิชย์จังหวัดที่มีสินค้าผลไม้ ร่วมรับฟังนโยบาย พร้อมผู้บริหารระดับสูง 2 กระทรวง ณ โครงการศูนย์บริหารจัดการ มหานครผลไม้ ตำบลวังโตนด อำเภอนายายอาม จังหวัดจันทบุรี โดยเป็นการสัญจรลงพื้นที่ตามภารกิจอ"จุรินทร์ออนทัวร์ ภาคตะวันออก"

การประชุมหารือได้สรุปผลของการแก้ไขปัญหาปี 2564 และที่ผ่านมาและได้เตรียมการแก้ไขปรับปรุงเพิ่มเติม รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้เปิดเวทีรับฟังปัญหาของเกษตรกรและผู้เกี่ยวข้องจากนั้นแถลงสรุปมาตรการ โดยนายจุรินทร์ กล่าวว่า วันนี้ตนมาประชุมร่วมกับตัวแทนเกษตรกร ตัวแทน SMEs แปรรูปผลไม้ ล้ง ผู้ประกอบการ ส่วนราชการจังหวัดและกระทรวงพาณิชย์ รวมทั้งหน่วยงานราชการทั้งหมด ในจังหวัดจันทบุรี ระยองและตราด เพื่อกำหนดแนวทางในการเตรียมการมาตรการรองรับผลไม้ ปี2565 ที่จะออกไตรมาสแรกและไตรมาสสองของปีหน้า ซึ่งจะมีการกำหนดมาตรการล่วงหน้าก่อน 6 เดือน โดยมาตรการผลไม้เชิงรุกมี 17 มาตราดังนี้

1.มาตรการเร่งรัดตรวจและรับรอง GAP ซึ่งมีเป้าหมายในปี 2565 ไม่ต่ำกว่า 120,000 แปลง

2.มาตรการช่วยผู้ประกอบการหรือเกษตรกรหรือล้งกระจายผลผลิตผลไม้ออกนอกแหล่งผลิต กิโลกรัมละ 3 บาท ปริมาณ 80,000 ตัน

3.มาตรการเสริมสภาพคล่องให้ผู้ส่งออกโดยจะช่วยเหลือดอกเบี้ยร้อยละ 3 และช่วยผู้ส่งออกที่ส่งออกผลไม้อีกกิโลกรัมละ 5 บาท ปริมาณ 60,000 ตัน

4. กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสนับสนุนให้มีการใช้พระราชบัญญัติเกษตรพันธสัญญา การทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าด้านผลไม้ โดยจะสนับสนุนให้มีการทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เพื่อเกษตรกรได้ทราบว่าขายผลไม้ได้เท่าไหร่ มีคนซื้อที่มีหลักประกัน เซ็นสัญญาตามกฏหมายชัดเจนไม่ต่ำกว่า 30,000 ตัน

5.มาตรการส่งเสริมการบริโภคผลไม้ในประเทศ ประสานงานกับสายการบินต่าง ๆ เปิดโอกาสให้โหลดผลไม้ขึ้นเครื่องบินในประเทศไทยฟรี 25 กิโลกรัม ตั้งแต่เดือนเมษายนปี 2565 เป็นต้นไป

6.มาตรการช่วยสนับสนุนกล่อง พร้อมค่าจัดส่งผลไม้ที่ขายตรงจากเกษตรกรหรือกลุ่มเกษตรกร สหกรณ์ไปยังผู้บริโภคโดยตรงโดยสนับสนุนกล่องมากขึ้นกว่าปี 2564 ที่สนับสนุน 200,000 กล่อง ปี 2565 จะสนับสนุนถึง 300,000 กล่อง

7.ในช่วงที่ผลไม้ออกเยอะ กระทรวงพาณิชย์จะสนับสนุนให้มีรถเร่ รถโมบาย ไปรับซื้อผลไม้และนำออกจำหน่ายสู่ผู้บริโภคโดยตรง โดยปี 2557 จะสนับสนุนที่15,000 ตัน

8.ประสานงานกับห้างท้องถิ่นและปั๊มน้ำมันต่างๆ เปิดพื้นที่ระบายผลไม้ให้กับเกษตรกรโดยเพิ่มปริมาณจากปี 2564 ที่ช่วย 1,500 ตัน ปี 2565 จะเพิ่มเป็น 5,000 ตัน

9.จะทำเซลล์โปรโมชั่นในการส่งเสริมการขายผลไม้ในต่างประเทศซึ่งใช้ชื่อโครงการ Thai Fruits Golden Months ดำเนินการในตลาดจีนซึ่งเป็นตลาดใหญ่ 12 เมือง เช่นเดียวกับปี 2564 ซึ่งเป็นมาตรการที่ได้ผลดีมาก

10.จะจัดการเจรจาจับคู่ซื้อขายผลไม้ทางธุรกิจในระบบออนไลน์หรือที่เรียกว่า OBM มุ่งเน้นตลาดใหม่ เช่น อินเดียและรัสเซียเป็นต้น

11.จะส่งเสริมการขายผลไม้ในต่างประเทศในรูปแบบ THAIFEX – Anuga Asia

จัดงานส่งเสริมการบริโภคผลไม้ระดับนานาชาติ ช่วงเดือนพฤษภาคม 65 ที่ อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี

12.เร่งจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ผลไม้ไทยไปในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกเป็น 5 ภาษา เพื่อประชาสัมพันธ์ผลไม้ไทย

13.จะจัดให้มีการอบรมให้ความรู้เกษตรกรกลุ่มเกษตรกรในเรื่องของการค้าออนไลน์เพื่อขายตรงให้กับผู้บริโภคและจะเพิ่มเติมหลักสูตรการส่งออกเบื้องต้นให้ด้วย ตั้งเป้าอบรมเกษตรกรให้ได้อย่างน้อย 1,000 ราย

14.มาตรการขอความร่วมมือจากผู้ว่าราชการจังหวัดที่เกี่ยวข้องในการเคลื่อนย้ายแรงงาน เพื่อให้สามารถดำเนินการเก็บผลไม้และส่งเสริมการขายผลไม้ได้ต่อไป

15.ในบางช่วงที่ขาดแคลนแรงงาน ให้ กอ.รมน.ส่งกำลังพลเข้ามาช่วยเก็บเกี่ยวและขนย้ายผลไม้

16.กระทรวงพาณิชย์จะสั่งการให้ทีมเซลล์แมนจังหวัดและทีมเซลล์แมนประเทศประสานงานกันช่วยระบายผลไม้ของเกษตรกรทั้งตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศต่อไป ให้มีความเข้มข้นขึ้น

17.กระทรวงพาณิชย์และจังหวัดจะบังคับใช้กฎหมายโดยเคร่งครัด เพื่อให้เกษตรกรสามารถขายผลไม้ที่มีคุณภาพ และได้ราคาดีไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบ โดยบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ กฎหมายว่าด้วยการแข่งขันทางการค้าและกฎหมายชั่งตวงวัดโดยเคร่งครัดต่อไป

“เฉลิมชัย” เร่งขับเคลื่อนยุทธศาสตร์เทคโนโลยีเกษตร เปิดตัวแผนปฏิบัติการเกษตรอัจฉริยะ ปี 2565 – 2566 สั่งทุกหน่วยงานเดินหน้าเต็มสูบ!!

ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังมอบนโยบายและเปิดตัวแผนปฏิบัติการเกษตรอัจฉริยะ ปี พ.ศ. 2565 – 2566 ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผ่านระบบการประชุมทางไกล (zoom meeting) จากห้องประชุมกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่า จากนโยบาย Thailand 4.0 และยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีของรัฐบาล ได้กำหนดให้มีแผนแม่บทด้านการเกษตรและแผนย่อยเกษตรอัจฉริยะ ภายใต้ยุทธศาสตร์ด้านการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ มีนโยบายการขับเคลื่อนงานด้านเกษตรอัจฉริยะ ที่มุ่งหวังยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรให้ดีขึ้น ด้วยการนำเทคโนโลยีมาสนับสนุนกระบวนการผลิตสินค้าเกษตร ปรับรูปแบบการเกษตรในปัจจุบันให้มุ่งสู่เกษตร 4.0

โดยการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้พัฒนาสู่การเกษตรอัจฉริยะแห่งอนาคต มีเป้าหมายสำคัญที่มุ่งเน้นให้เกิดการทำเกษตรแบบทำน้อยได้มาก ใช้ทรัพยากรในการผลิตให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด มีการลดต้นทุน ลดการสูญเสีย เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตให้มากขึ้น ลดความเหนื่อยยากของการใช้แรงงานในภาคการเกษตร มีการนำเอาเครื่องมือจักรกลและเครื่องมือทันสมัย โดยเฉพาะการนำเกษตรดิจิทัลมาใช้ในกระบวนการผลิต เพื่อเพิ่มผลิตภาพการผลิตและการแข่งขันของภาคการเกษตรไทยในตลาดโลก

สำหรับแผนปฏิบัติการเกษตรอัจฉริยะที่จัดทำขึ้นนี้ จะเป็นแผนปฏิบัติการที่ช่วยกำหนดทิศทางการเกษตรอัจฉริยะและเป็นการวางรากฐานการเกษตรอัจฉริยะของประเทศอย่างเป็นระบบ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานอื่น ๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และเกษตรกร สามารถนำกรอบข้อเสนอโครงการที่จัดทำไว้ ภายใต้แผนปฏิบัติการเกษตรอัจฉริยะฉบับนี้ไปปรับใช้เป็นข้อเสนอโครงการในหน่วยงาน เพื่อขับเคลื่อนการเกษตรอัจฉริยะของประเทศ

นอกจากนี้ ยังเร่งพัฒนาบุคลากรในหน่วยงาน ทั้งส่วนกลางและภูมิภาคให้มีความพร้อมทั้งด้านวิจัยและพัฒนาเกษตรอัจฉริยะ รวมถึงการส่งเสริมให้เจ้าหน้าที่รัฐและเกษตรกร สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง และช่วยเป็นครูผู้ฝึกหรือเทรนเนอร์ ให้แก่เกษตรกร

โดยมุ่งเน้นทั้ง Smart Farmer และ Young Smart Farmer ตลอดจนผู้นำเกษตรกรของ ศพก. และแปลงใหญ่ ทั้งนี้ มุ่งหวังให้เกิดการพัฒนาแปลงใหญ่เกษตรอัจฉริยะให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมในทุก ๆ จังหวัดของประเทศ และให้เข้าถึงทุกอำเภอภายใน 3 ปี เพื่อให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม ตามเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติด้านการเกษตรต่อไป

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายเทคโนโลยีเกษตร 4.0 กล่าวว่า ภายใต้นโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน) ได้ให้ความสำคัญในการขับเคลื่อนภาคการเกษตรของประเทศไทย ด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จึงแต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายเทคโนโลยีเกษตร 4.0 ขึ้น มีองค์ประกอบอนุกรรมการ 4 ด้าน ประกอบด้วย

1) คณะอนุกรรมการขับเคลื่อน Big Data และ Gov Tech

2) คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนเกษตรอัจฉริยะ

3) คณะอนุกรรมการขับเคลื่อน E-commerce และ

4) คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนธุรกิจเกษตร เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกร โดยอาศัยเทคโนโลยี นวัตกรรม และการตลาด เข้ามาช่วยขับเคลื่อนดำเนินการมุ่งสู่เกษตร 4.0

สำหรับแผนปฏิบัติการเกษตรอัจฉริยะปี 2565 - 2566 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จัดทำโดยคณะอนุกรรมการเกษตรอัจฉริยะ ซึ่งมี ดร.วราภรณ์ พรหมพจน์ เป็นประธานประกอบด้วย 6 ยุทธสาสตร์ 18 แผนงาน 63 โครงการ จะเป็นคานงัดและเป็นจุดเปลี่ยนสําคัญในการปฎิรูปภาคการเกษตรตามนโยบายเทคโนโลยีเกษตร 4.0 ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน

 

กระบี่ - “อนุทิน” อนุมัติวัคซีน sinovac - AstraZeneca จำนวน 500,000 โดส พร้อมส่งมอบพื้นที่เป้าหมาย เพื่อเปิดเมืองพื้นฟูเศรษฐกิจ - การท่องเที่ยว พร้อมให้กำลังใจข้าราชการและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในสถานการณ์โควิด-19

วันนี้ (7 ตุลาคม 2564) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ลงพื้นที่จังหวัดกระบี่ ตรวจเยี่ยมการดำเนินการป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ( COVID -19) พื้นที่จังหวัดกระบี่  โดยมี  นายพุฒิพงศ์  ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวต้อนรับ เข้าร่วมประชุม รับและส่งมอบวัคซีนจาก ผู้บริหารจากทั้ง 2 กระทรวง โดยมี องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ หน่วยงานภาครัฐ และเอกชนที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมพนมเบญจา (ชั้น) 5 ศาลากลางจังหวัดกระบี่

จากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด 2019 ที่เกิดขึ้นทั่วโลกนับตั้งแต่ เดือนมกราคม 2563 ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจต่าง ๆ ชะลอตัวไปจนถึงหยุดชะงัก ร้านอาหาร ห้างร้าน โรงแรม และกิจกรรมการท่องเที่ยวต้องหยุดให้บริการ ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว รัฐบาลได้ประกาศ "เปิดประเทศ" ไว้เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2564 เดินหน้าแผนระยะที่ 1 โดยทำการทดลองเปิดพื้นที่นำร่องในรูปแบบ Sandbox ซึ่งจังหวัดกระบี่ เริ่มเปิดเกาะพีพี เกาะไหง หาดไร่เล  ก่อนแผนระยะที่ 3 เป็นการผ่อนผัน ในเรื่องของระยะเวลาในการทำกิจกรรมในสถานที่ต่าง ๆ เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2564 และแผนระยะที่ 3 การเปิดจังหวัด เปิดประเทศ ในเดือนพฤศจิกายน 2564

จังหวัดกระบี่ เป็นพื้นที่ท่องเที่ยว พื้นที่นำร่องระยะแรกที่พร้อมจะเปิดจังหวัด  จึงกำหนดเป็นนโยบายให้ประชาชนได้รับวัคซีนอย่างน้อย ร้อยละ 70 หรือประมาณ 352,653 คน จากประชากรทั้งหมดประมาณ 504,00 คน ผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มหนึ่งแล้วทุกคนจะได้รับวัคซีนเข็มสองภายใน เดือนตุลาคมนี้ คิดเป็นร้อยละ ๓๘ กระทรวงสาธารณสุขยังคงเร่งให้วัคซีนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อให้ครบตามเป้าหมายโดยเร็วที่สุด เพื่อเปิดเมือง  พื้นฟูเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยว พร้อมส่งมอบวัคซีน จำนวน 500,000 โดส

  

กระทรวงสาธารณสุขมีความพยายามอย่างยิ่งที่จะให้การเปิดประเทศครั้งนี้ ไม่ก่อให้เกิดการระบาดระลอกใหม่ ซึ่งให้ความสำคัญกับทั้งสุขภาพประชาชนควบคู่ กับเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยว การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด 19 จึงเป็น "วาระแห่งชาติ"ที่ประชาชนในแผ่นดินไทยจะต้องได้รับวัคซีนอย่างน้อย 70% หากประชาชน มีความประสงค์จะเข้ารับวัคซีนมากกว่านั้น กระทรวงสาธารณสุขก็ได้เตรียมวัคซีน สำหรับปี 2564 ไว้ถึง 125 ล้านโดส วัคซีนทางเลือก 27 ล้านโดส รวมถึง การได้รับบริจาคจากประเทศต่าง ๆ มาเป็นระยะ 

 

ประชาธิปัตย์ขาขึ้น!! ‘เกษม มาลัยศรี’ อดีต ส.ส.-ส.ว.ร้อยเอ็ด ซบปชป. ยก ‘จุรินทร์’ เหมาะเป็นนายกฯ ชี้เกษตรกรอีสานชอบนโยบายประกันรายได้เกษตรกรของพรรคประชาธิปัตย์

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยนายนิพนธ์ บุญญามญี รมช.มหาดไทย นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตร นายปริญญาพานิชภักดิ์ 3 รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มอบบัตรสมาชิกพรรคให้กับ นายเกษม มาลัยศรี อดีต ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคชาติพัฒนา และอดีตส.ว. ปี 2543 หลังสมัครเป็นสมาชิกพรรค และมีผลวันนี้โดยนายจุรินทร์ ได้สวมเสื้อแจ็คเก็ตตราสัญลักษณ์พรรคประชาธิปัตย์ ให้นายเกษม พร้อมกล่าวขอบคุณที่ให้เกียรติมาร่วมงานกับพรรค

ด้านนายเกษม กล่าวว่า เหตุผลที่ตัดสินใจมาร่วมงานกับพรรคประชาธิปัตย์ เพราะนายจุรินทร์ หัวหน้าพรรค พูดจริง ทำจริง ทำมากกว่าพูด ช่วยแก้ปัญหาเกษตรกรได้ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคอีสาน จึงอยากสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ประชาธิปัตย์มาแก้ไขปัญหาประเทศชาติบ้านเมือง ซึ่งที่ผ่านมาเกษตกรทั่วประเทศมีรายได้ จากนโยบายประกันรายได้ถ้วนหน้า

 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top