Thursday, 8 May 2025
THE STATES TIMES TEAM

'บิ๊กตู่' ห่วงตร. ถูกยิงหัวอาการสาหัส สั่งแพทย์ดูแลเต็มที่ – ประณามม็อบรุนแรง

นายกฯ เป็นห่วง จนท. ตำรวจถูกยิงอาการสาหัส จากปฏิบัติหน้าที่ควบคุมฝูงชน ที่แฟลตดินแดง ล่าสุดยังไม่รู้สึกตัว สั่งแพทย์ดูแลเต็มที่ ด้านโฆษกรัฐบาล ประณามม็อบใช้ความรุนแรง

7 ต.ค.64 - นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้รับรายงาน ส.ต.ต.เดชวิทย์ เล็ทเทนสัน ผบ.หมู่ กองร้อยที่ 5 กก.อารักขา 1 บก.อคฟ. ถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบชนิด และขนาดกระสุนปืนเข้าที่บริเวณศีรษะ จนหมวกกันน็อกทะลุ ได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะปฏิบัติหน้าที่บริเวณอพาร์ตเมนท์ ภายใน ซอยดินแดง 1 ประมาณ 23.15 น. วานนี้ ล่าสุด ผู้ป่วยได้รับการผ่าตัดนำสิ่งแปลกปลอมออกบางส่วนแล้ว หลังการผ่าตัดผู้ป่วยยังไม่รู้สึกตัว ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ ไม่สามารถหายใจด้วยตนเอง และยังต้องเฝ้าระวังอาการทางสมองรวมถึงการติดเชื้อจากทีมแพทย์อย่างใกล้ชิด ในหอผู้ป่วยวิกฤต โรงพยาบาลตำรวจ

 

ลำปาง - มทบ.32 ร่วมแบ่งปันน้ำใจ นำสิ่งของอุปโภค-บริโภค ใส่ตู้ปันสุข MC32 แจกจ่ายประชาชน

ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดต่ออันตรายไวรัสสายพันธุ์ใหม่โคโรน่า 2019 หรือ "COVID-19" ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อประชาชนชาวบ้านหลากหลายอาชีพที่ได้รับความลำบากต้องหยุดงานขาดรายได้ บางรายเดือดร้อนหนักขาดแคลนอาหาร มณฑลทหารบกที่ 32

โดย พลตรี อโณทัย ชัยมงคล ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 32 ได้มอบหมายให้ พันเอก กวิน ยาวิชัย รองเสนาธิการ มณฑลทหารบกที่ 32 และวิทยากรจิตอาสา 904 นำสิ่งของอุปโภค-บริโภค ช่วยเหลือประชาชน ช่วงวิกฤตโควิด-19 ในโครงการ"ตู้ปันสุข" ตามแนวคิด "หยิบแต่พอดี ใครมีก็แบ่งปัน" ณ จุดรอรถ บริเวณทางเข้าที่ 2 มณฑลทหารบกที่ 32 ตำบลพิชัย อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง

 

สมุทรปราการ - กำลังพลจิตอาสา โรงเรียนนายเรือ ร่วมกิจกรรมจิตอาสาพระราชทาน “เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ” พัฒนาวัดบางโฉลงนอก และคลองสำโรง

วันที่ 6 ต.ค.64 เวลา 10.30 น.พลเรือโท ชาติชาย ทองสะอาด ผู้บัญชาการโรงเรียนนายเรือ และนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของโรงเรียนนายเรือ และกำลังพลจิตอาสาโรงเรียนนายเรือ ร่วมกิจกรรมจิตอาสาพระราชทาน “เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ” ในกิจกรรมจิตอาสาป้องกันน้ำท่วม โดยมีพลเรือเอก สมประสงค์ นิลสมัย ผู้บัญชาการทหารเรือ ในฐานะ ผู้อำนวยการศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองทัพเรือ พร้อมด้วยนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของกองทัพเรือ และกำลังพลจิตอาสากองทัพเรือ ตลอดจนจิตอาสาจังหวัดสมุทรปราการ และประชาชน เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว ณ วัดบางโฉลงนอก อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ

ในการนี้โรงเรียนนายเรือ ได้จัดกำลังพลจิตอาสาจำนวน 30 นาย  พร้อมด้วยรถดับเพลิงเข้าร่วมกิจกรรม โดยได้ร่วมกันทำความสะอาดพื้นที่บริเวณภายในวัดบางโฉลงนอก และเก็บขยะ ผักตบชวาในคลองสำโรง เพื่อไม่ให้เข้าไปกีดขวางการทำงาน งของเรือผลักดันน้ำ ของหน่วยเฉพาะกิจเรือผลักดันน้ำกองทัพเรือ

 

กรุงเทพฯ - กองทัพเรือจัดกำลังพลจิตอาสา บูรณาการชุมชน วางกระสอบทราย 7,000 ถุงรับมืออุทกภัย

กองทัพเรือ โดยศูนย์ประสานงานและสนับสนุนโครงการจิตอาสาพระราชทานตามแนวพระราชดำริของกองทัพเรือ (ศปง.โครงการจิตอาสาฯ ทร.) จัดกำลังพลจิตอาสาจากฐานทัพเรือกรุงเทพ จำนวน 30 นาย ร่วมกับสำนักการระบายน้ำ และสำนักงานเขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร กองทัพบก ตำรวจ และประชาชนจิตอาสา ชุมชนต่าง ๆ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ได้แก่ กองทุนแม่ของแผ่นดินชุมชนตรอกตาแทน กองทุนแม่ของแผ่นดินชุมชนวัดใหม่พิเรนทร์ กองทุนแม่ของแผ่นดิน  ชุมชนหลังเสสะเวช ชุมชนลานมะขามบ้านหม้อเขตบางกอกใหญ่ และชุมชนหลังเสสะเวชเขตบางกอกน้อย ดำเนินการจัดเรียงกระสอบทราย บริเวณท่านิเวศน์วรดิฐ จำนวน 7,000 ถุง ณ อู่ทหารเรือธนบุรี กรมอู่ทหารเรือ ถนนอรุณอมรินทร์ แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ เพื่อเตรียมการป้องกันอุทกภัยในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ที่อาจได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ในครั้งนี้


ภาพ/ข่าว  นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี รายงาน

เพชรบูรณ์ - ประกอบพิธีอุ้มพระดำน้ำ ประจำปี 2564 รักษาแก่นแท้ของประเพณี พระคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดเพชรบูรณ์

6 ตุลาคม 2564 เวลา 09.39 น. ที่บริเวณท่าน้ำวัดโบสถ์ชนะมาร นายกฤษณ์ คงเมือง ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ พร้อมด้วยกรมการเมืองทั้ง 4 คือ เวียง วัง คลัง และนา ได้ร่วมอัญเชิญพระพุทธมหาธรรมราชา พระคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดเพชรบูรณ์ จากวัดไตรภูมิ แห่องค์พระล่องไปตามแม่น้ำป่าสัก ไปยังท่าน้ำวัดโบสถ์ชนะมาร เพื่อประกอบพิธีอุ้มพระดำน้ำ ประจำปี 2564 โดยในปีนี้จังหวัดเพชรบูรณ์กำหนดจัดงานเพื่อ รักษาแก่นแท้ของประเพณีเท่านั้น งดการจัดกิจกรรมที่รวมคนเป็นจำนวนมากเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 

โดยพิธีเริ่มจากนายกฤษณ์  คงเมือง ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์  ได้อัญเชิญพระพุทธมหาธรรมราชาขึ้นประดิษฐานบนเรือ จากวัดไตรภูมิมายังแม่น้ำป่าสัก และแห่องค์พระพุทธมหาธรรมราชาล่องไปตามสายน้ำ ถึงท่าน้ำวัดโบสถ์ชนะมาร เพื่อประกอบพิธี อุ้มพระดำน้ำ ที่ปฏิบัติสืบทอดมานาน และเชื่อกันว่าเป็นพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์อันจะนำความสุข ความสงบร่มเย็นมาสู่เมือง ส่งผลให้ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล พืชผลการเกษตรอุดมสมบูรณ์ และทำให้ชาวเพชรบูรณ์มีความเจริญรุ่งเรือง โดยผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ พร้อมด้วยกรมการเมืองทั้ง 4 คือ เวียง วัง คลัง และนา ได้ร่วมกันอุ้มพระดำน้ำจำนวน 6 ครั้ง ครั้งแรกและครั้งที่สองทำพิธีอุ้มในทิศใต้  ครั้งที่สามครั้งที่สี่ทำพิธีอุ้มในทิศเหนือ ครั้งที่ห้าทำพิธีอุ้มในทิศใต้ และครั้งที่หกทำพิธีอุ้มในทิศเหนือ  ซึ่งภายหลังจากเสร็จพิธี ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ และผู้ร่วมประกอบพิธี ได้แจกจ่ายเครื่องบวงสรวง กระยาสารท ข้าวต้มลูกโยน กล้วย ที่ผ่านพิธีอันเป็นมงคล ให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวที่มาร่วมพิธีนำกลับไปรับประทานเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง

ประเพณีอุ้มพระดำน้ำมีตำนานที่ถูกเล่าขานมานานเป็นประเพณีหนึ่งเดียวในโลกของจังหวัดเพชรบูรณ์ โดยมี ชาวบ้านกลุ่มหนึ่งได้ออกหาปลาในแม่น้ำป่าสัก แต่อยู่มาวันหนึ่งเกิดเหตุอัศจรรย์ขึ้น โดยกระแสน้ำในบริเวณวังมะขามแฟบ มีพรายน้ำผุดขึ้นมาทีละน้อยจนแลดูคล้ายน้ำเดือด จากนั้นกลายเป็นวังวนดูดเอาองค์พระพุทธรูปองค์หนึ่งลอยขึ้นมาเหนือน้ำ ทำให้ชาวประมงต้องลงไปอัญเชิญพระพุทธรูปขึ้นมาประดิษฐานไว้ที่วัดไตรภูมิ แต่ในปีถัดมาตรงกับวันแรม 15 ค่ำเดือน 10 วันประเพณีสารทไทย พระพุทธรูปดังกล่าวหายไป ชาวบ้านต่างพากันระงมหา สุดท้ายไปพบพระพุทธรูปกลางแม่น้ำป่าสัก บริเวณที่พบพระพุทธรูปองค์นี้ในครั้งแรกกำลังอยู่ในอาการดำผุดดำว่าย

 

ปทุมธานี - บิ๊กแจ็ส จับมือท้องถิ่นลอกคลองหนองเสือ เตรียมรับมือ ‘พายุไลออนร็อค’

เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2564 เวลา 08:30 น. ที่คลอง 10 บริเวณที่เขื่อนหน้าที่ว่าการอำเภอหนองเสือ ตำบลบึงบา อำเภอหนองเสือ จังหวัดปทุมธานี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี นายเสวก ประเสริญสุข , นายสิระพงษ์ สิริโพธินันท์ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี , ร.ต.อ. ดร.ตรีลุพธ์ ธูปกระจ่าง นายกเทศมนตรีนครรังสิต , นายวริศ เจริญกัลป์ นายกเทศมนตรีตำบลหนองเสือ ร่วมลงพื้นที่ติดตามตรวจการทำงานขุดลอกคลองโดยใช้เรือโป๊ะในการขุดลอกภายในคลอง 10 ซึ่งเป็นหนึ่งคลองจากการดำเนินการทั้งหมด14 คลองเพื่อเป็นการปรับทัศนียภาพเเละกำจัดวัชพืชบริเวณผิวน้ำ รวมไปถึงรองรับสถานการณ์ที่อาจจะเกิดปัญหาอุทกภัยในช่วงสองวันข้างหน้าหากมีผลกระทบจากน้ำฝนและเป็นช่วงน้ำทะเลหนุนสูง ประกอบกับปริมาณน้ำรวมไหลผ่านแม่น้ำเจ้าพระยาที่เพิ่มขึ้น อาจส่งผลทำให้ระดับน้ำเจ้าพระยาสูงขึ้นอีก 30 - 50 เซนติเมตร และรับพายุหมายเลข 17  ไลออนร็อค จะทำให้ฝนตกหนักในภาคเหนือและอีสานตอนบนในวันที่ 11-12 ต.ค.64 นี้

สืบเนื่องกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ มีประกาศแจ้งว่าได้ประเมินสถานการณ์น้ำแม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำป่าสัก พบว่า เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2564 ปริมาณน้ำหลากจากตอนบนของลุ่มน้ำเจ้าพระยาได้ไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาในอัตรา 2,775 - 2,800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2564 ปริมาณน้ำหลากสูงสุดจากเขื่อนปาสักชลสิทธิ์ได้ไหลผ่านเขื่อนพระรามหกสูงสุดในอัตรา 762 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที โดยคาดว่าในวันที่ 5 ตุลาคม 2564 ปริมาณน้ำหลากรวมกันผ่าน อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในเกณฑ์สูงสุดที่ 3,050 - 3,150 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งจะไหลออกสู่อ่าวไทย ในช่วงวันที่ 7-10 ตุลาคม 2564 ประกอบกับในช่วงเวลาดังกล่าว เกิดสภาวะน้ำทะเลหนุนสูง คาดว่าจะส่งผลให้ระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้นจากเดิม 30-50 เซนติเมตร บริเวณพื้นที่ลุ่มน้ำนอกแนวคันกั้นน้ำริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ทางกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดปทุมธานี จึงเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ดังกล่าว

โดยแจ้งเตือนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บริษัทห้างร้านที่ประกอบกิจการริมแม่น้ำเจ้าพระยา อาทิ งานก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง แพร้านอาหาร รวมทั้งประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา อำเภอเมืองปทุมธานี และอำเภอสามโคก ทราบถึงสถานการณ์น้ำปัจจุบัน และเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ ขอให้อำเภอเมืองปทุมธานี อำเภอสามโคก กำชับผู้อำนวยการท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ในพื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ติดตามสถานการณ์และตรวจสอบแนวคันกันน้ำให้มีความพร้อมรับสถานการณ์ดังกล่าว ตลอดจนประสานการปฏิบัติกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เตรียมความพร้อม กำลังพล วัสดุ อุปกรณ์เครื่องจักร และยานพาหนะ ให้พร้อมปฏิบัติงานให้ความช่วยเหลือประชาชน ตลอด 24 ชั่วโมง หากเกิดสาธารณภัยขึ้นในพื้นที่ให้รายงานสถานการณ์ และการให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้น ให้กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดทราบทันที ผ่านทางสายด่วน 1784

 

“ลุงตู่ - ลุงป้อม” ห่วงใยชาวแฟลตดินแดง มอบ "รมว.เฮ้ง" ส่ง ทปษ.รมว. แจกข้าวกล่องสู้โควิด-19

วันที่ 6 ตุลาคม 2564 เวลา 15.30 น. นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นางธิวัลรัตน์ อังกินันทน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่มอบข้าวกล่อง ครัวลุงตู่ ลุงป้อม ซึ่งได้ให้แม่ค้าในชุมชนได้ทำข้าวกล่องในมื้อเย็น เพื่อให้มีอาชีพ มีรายได้ จำนวน 1,500 กล่อง เพื่อนำไปแจกจ่ายให้แก่ชาวบ้านชุมชนดินแดงที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จำนวน 3 แห่ง ๆ ได้แก่

จุดแรกที่โครงการฟื้นฟูเมืองดินแดงระยะที่ 1 (ดินแดงแปลงจี) หลังมัสยิดมูฮายีรีน จำนวน 400 กล่อง โดยมี นายสมัย แสงชาติ ประธานคณะกรรมการชุมชนโครงการฟื้นฟูเมืองดินแดงระยะที่ 1 (ดินแดงแปลงจี) จุดที่สอง ที่บริเวณสนามอาคาร 8 ชั้น แยกประชาสงเคราะห์ ตรงข้ามโรงเรียนพิบูลประชาสรรค์ จำนวน 400 กล่อง โดยมี นางศิริเพ็ญ สาปณ ประธานชุมชนดินแดง 1 เป็นผู้รับมอบ และจุดที่สาม ที่บริเวณลานกีฬา 51 ซอยประชาสงเคราะห์ 11 ใกล้ตลาดเคหะชุมชนดินแดง 2 จำนวน 700 กล่อง โดยมี นายวิชาญ เขียวแก้ว ประธานคณะกรรมการเคหะชุมชนดินแดง 2 และชาวแฟลตดินแดงร่วมรับมอบ

นางธิวัลรัตน์ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน มีความห่วงใยพี่น้องผู้ใช้แรงงานและประชาชนทั่วไปที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 โดยเฉพาะผู้สูงอายุ เด็กเล็ก ผู้ป่วยติดเตียง และชาวแฟลตดินแดงที่ไม่มีรายได้เนื่องจากผลกระทบโควิด จึงได้สั่งการให้ท่านสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ให้แม่ค้าในชุมชนได้ทำข้าวกล่องในมื้อเย็น เพื่อให้มีอาชีพ มีรายได้ จำนวน 1,500 กล่อง ในวันนี้ท่าน รมว.แรงงาน จึงได้มอบหมายให้ลงพื้นที่มอบข้าวกล่องให้แก่ชาวบ้านชุมชนดินแดงที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในมื้อเย็น รวมทั้งสิ้น 3 แห่ง เริ่มตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย. จนถึงวันที่ 12 ต.ค.64 เป็นเวลา 27 วัน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากผลกระทบโควิด-19 ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในครอบครัว

 

ชลบุรี - นครแหลมฉบัง จัดประชุมประชุมปรึกษาหารือคณะผู้บริหาร เชิญ ‘ดร.คณิศ’ เลขา EEC แนะพัฒนาพื้นที่ เผยข่าวดี ท่าเรือเฟส 3 เตรียมยื่นนายกตู่ นำเข้า ครม.อีก 2 อาทิตย์

ที่ห้องประชุมเมืองท่า ชั้น 2 สำนักงานเทศบาลนครแหลมฉบัง ตำบลทุ่งสุขลา อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี นายบุญเลิศ น้อมศิลป์ อดีตนายกเทศมนตรีตำบลแหลมฉบัง ในฐานะประธานที่ปรึกษาคณะผู้บริหาร เทศบาลนครแหลมฉบัง เป็นประธานเปิดประชุมปรึกษาหารือคณะผู้บริหารและสมาชิกสภาเทศบาลนครแหลมฉบัง ครั้งที่ 2/2564 พร้อมด้วยนางจินดา  ถนอมรอด นายกเทศมนตรีนครแหลมฉบัง คณะผู้บริหาร สมาชิกสภาเทศบาล และหัวหน้าส่วนราชการ เข้าร่วมประชุม ในการยังได้เชิญ ดร.คณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC เข้าร่วมพบปะพูดคุยกับผู้เข้าร่วมประชุม นอกจากนี้ยังได้เชิญผู้แทนจากภาคเอกชน ประกอบด้วย ท่าเรือแหลมฉบัง บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จํากัด (มหาชน) การนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง และโรงกลั่นไทยออลย์ เข้าร่วมในการประชุมครั้งนี้ด้วย

นายบุญเลิศ น้อมศิลป์ ได้กล่าวขอบคุณ ดร.คณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ที่ช่วยในการผลักดันงบประมาณ จนกำเนิดโครงการก่อสร้างทางแยกจุดตัดทางหลวงหมายเลข 3 กับถนนเมืองใหม่เหนือและถนนนิคมแหลมฉบัง 4 จ.ชลบุรี ด้วยงบประมาณ 177 ล้านบาท ที่จะช่วยลดปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนสุขุมวิท ที่ต้องการมุ่งหน้าเข้าไปทำงานในพื้นที่ ท่าเรือแหลมฉบัง และบริษัทกว่า 200 บริษัท ภายในนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง โดยไม่ต้องมุ่งหน้าไปเลี้ยวยูเทรินกลับรถ ประดังกันที่บริเวณสี่แยกท่าเรือแหลมฉบัง บางครั้งรถติดยาวเหยียดหลายกิโลเมตร

ดร.คณิศ แสงสุพรรณ กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี ที่ได้มาร่วมประชุมในครั้งนี้ สำหรับโครงการภายใต้การผลักดันงบประมาณของ คณะกรรมการ EEC นั้น มีทั้ง ท่าเรือมาบตะพุด สนามบินอู่ตะเภา ซึ่งพัฒนาไปมากแล้ว แต่ท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 กลับกลายเป็นว่าพัฒนาช้าที่สุด ซึ่งเราเสียเวลาไป กว่า 3 ปี และเสียดายมาก แต่ล่าสุดได้มีการแก้ไขระเบียบสัญญาต่างๆ เป็นที่เรียบร้อย

ทางคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ได้เตรียมยืนเรื่องการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ให้กับ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อีก 2 อาทิตย์ เพื่อนำเข้าสู่ ครม.ต่อไป

โดยท่าเรือระยะที่ 3 มีอยู่ 3 เรื่องที่เป็นข่าวดีและเป็นเรื่องใหม่ ท่าเรือแห่งนี้ จะเป็นท่าเรือ ฟลูออติเมชั่น ซึ่งตอนนี้มีอยู่ 2 ที่ ในโลกเท่านั้น และเราจะเป็นที่ ๆ 3 ต่อจาก ท่าเรือ ประเทศเนเธอร์แลนด์ และข้อดีของการเป็นท่าเรือฟลูออติเมชั่น คือสามารถทำงานได้ 24 ชั่วโมง เพราะว่าไม่ต้องใช้คนงานเยอะ สอดคล้องกับการใช้ระบบ 5 จี เข้ามาช่วยปฏิบัติงาน เช่นการยกตู้คอนเทนเนอร์ขึ้นลง ผ่านทางลางรถไฟ ซึ่งหากปิดไฟมืดสนิทก็ยังคงสามารถปฏิบัติงานได้ เนื่องจากเป็นระบบ

ในขณะที่เรื่องที่ 2 คือ ระบบรถไฟ ซึ่งเราได้วางระบบไว้ โดยจะใช้การขนส่งทางรถไฟ เป็นส่วนใหญ่ หรือ 80 % และที่สำคัญจะสามารถช่วยลดปัญหาความคับคั่งของปัญหาจราจรในพื้นที่ได้ และเรื่องที่ 3 คือ คอร์เนต ทีริตี้ มาใส่ในท่าเรือแหลมฉบัง โดยเป็นการนำตู้คอนเทนเนอร์มาขนถ่ายผ่านระบบออโตเมติกในท่าเรือแหลมฉบัง ให้เยอะที่สุด เราหวังว่าตู้คอนเทนเนอร์ จาก 11 ล้านทีอียู ในปัจจุบัน จะเพิ่มอีก 7 ล้านทีอียู รวมเป็น 18 ล้านทีอียู ต่อปี และส่งผลให้ท่าเรือแหลมฉบัง ขึ้นเป็นอันดับที่ 15 ของโลก

ส่วนที่มีการสอบถามมาว่า ปัญหาการเดินทางไปยังสถานีรถไฟความเร็วสูง ในพื้นที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี และพื้นที่อื่น ๆ ถือมีความแออัดเป็นอย่างมาก เกรงว่าจะไปไม่ทัน และตกรถไฟได้

เรื่องนี้ทางคณะกรรมการ EEC ได้มีการวางแผนเพื่อรองรับพื้นที่สถานีรถไฟความเร็วสูงไว้แล้ว โดยจัดให้มีการลดการใช้รถยนต์เดินทางมายังสถานีรถไฟความเร็วสูง ซึ่งจะเปิดให้มีจุดรับส่งประชาชนขึ้นรถโดยสารสาธารณะ เดินทางไปสถานีรถไฟ ตามจุดต่าง ๆ ของพื้นที่

อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก EEC ได้สนับสนุนเงินลงทุนใน 3 จังหวัด พื้นที่ EEC ในโครงสร้างพื้นฐานไปแล้วกว่า 630,000 ล้านบาท ซึ่งคาดการณ์ไว้ว่าอีกใน 4 ปีข้างหน้า จะมีการลงทุนอีก 1.66 ล้านล้านบาท ในขณะที่ภาครัฐ ต้องการเพิ่มศักยภาพลงทุนให้เป็นจำนวน 2.2 ล้านล้านบาท เพื่อให้การพัฒนาพื้นที่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และชักชวนให้ภาคเอกชนมาลงทุนในพื้นที่ EEC เป้าหมายตั้งไว้ที่ ปีละประมาณ 5 แสนล้านบาท

 

ตำรวจเตือน! พ่อ - แม่ และผู้ปกครอง ปล่อยปละละเลยให้เด็กเล่นการพนัน อาจถูกดำเนินคดีด้วย

วันที่ 6 ต.ค. 2564 พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ตามที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้มีนโยบายให้มี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งเตือนและประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนรู้เท่าทันถึงอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดนั้น

ในปัจจุบัน พบว่ามีเด็กและเยาวชนตกเป็นเหยื่อของภัยทางอินเตอร์เน็ตมากขึ้น โดยเฉพาะการชักจูงและล่อลวงให้เข้าเล่นพนันออนไลน์ ทำให้สูญเสียทรัพย์สินไปกับการพนัน จนนำไปสู่การก่ออาชญากรรมประเภทอื่น เช่นกรณีเมื่อวันที่ 4 ต.ค. 2564 ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุ เด็กอายุเพียง 16 ปี ก่อเหตุบุกรุกเข้าไปภายในบ้าน และได้ใช้อาวุธมีดทำร้ายร่างกายเจ้าของบ้านและผู้พักอาศัยได้รับบาดเจ็บสาหัส ในพื้นที่รับผิดชอบของ สภ.โพธาราม จว.ราชบุรี โดยผู้กระทำผิดอ้างว่าจะเข้าไปลักเอาทรัพย์สินภายในบ้านไปจ่ายหนี้จากการเล่นพนันออนไลน์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้สืบสวนเพื่อจับกุมผู้จัดให้มีการเล่นพนันออนไลน์ดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงความร่วมมือ บิดา มารดา หรือผู้ปกครอง ให้ต้องสอดส่องดูแลเอาใจใส่บุตรหลานไม่ให้ประพฤติตนไม่เหมาะสม หรือไปยุ่งเกี่ยวกับการกระทำผิดกฎหมายทุกรูปแบบ และหากพบว่าบุคคลใดมีพฤติกรรมชักจูง ส่งเสริม หรือยินยอม ให้เด็กและเยาวชน ประพฤติตนไม่สมควร หรือน่าจะทำให้เด็กมีความประพฤติเสี่ยงต่อการกระทำผิด หรือเล่นการพนัน บุคคลดังกล่าวจะมีความผิดตาม มาตรา 26 ประกอบมาตรา 78 แห่ง พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

โลกพร้อมคว่ำบาตรโตโยต้า!! หลังฝืนค้าน 'รถยนต์ไฟฟ้า' อ้าง!! สร้างมลพิษยิ่งกว่าน้ำมัน - ตกงานกว่า 5 ล้านคน | Knowledge Times EP.25

???? รอบรู้แบบรู้ลึก ในรายการ ‘Knowledge Times’
???? โลกพร้อมคว่ำบาตรโตโยต้า!! หลังฝืนค้าน 'รถยนต์ไฟฟ้า' อ้าง!! สร้างมลพิษยิ่งกว่าน้ำมัน - ตกงานกว่า 5 ล้านคน

“โมเดลทางธุรกิจของอุตสาหกรรมรถยนต์กำลังจะพังลง” ประโยคนี้ ถูกกล่าวโดย “Akio Toyoda” ประธานบริษัท “TOYOTA” หลังได้รับทราบ นโยบายของรัฐบาลญี่ปุ่นที่สั่งห้ามขายรถยนต์ที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงตั้งแต่ปี 2035 เป็นต้นไป

Toyoda ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ เพราะเขามองว่าความเป็นจริง รถยนต์ไฟฟ้าล้วนสร้างมลพิษมากกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง และมองว่ารถยนต์ Hybrid ตอบโจทย์มากกว่าในตอนนี้ 

เขาได้พยายามพูดถึงข้อเสียต่าง ๆ จากการผลักดันให้เกิดรถยนต์ไฟฟ้า โดยมีวาทะเด็ดเรียกแขกคนทั่วโลกว่า "ศัตรูของเรา คือคาร์บอนไม่ใช่เครื่องยนต์ ฉะนั้นควรหันไปพัฒนาเครื่องยนต์ให้ลดการปล่อยคาร์บอนจะดีกว่าการที่จะยกเลิกผลิตเครื่องยนต์น้ำมัน ในขณะเดียวกัน ประเทศญี่ปุ่นจะขาดแคลนไฟฟ้าในช่วงหน้าร้อนทั้งประเทศหากรถทุกคันต้องใช้พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อน” 

นอกจากนี้ Toyoda ยังเผยอีกว่า หลังจากรัฐบาลญี่ปุ่นประกาศนโยบายมุ่งสู่การเป็น ประเทศปลอดคาร์บอน (Carbon Neutral) และรถพลังงานไฟฟ้า (EV) อาจจะกระทบการผลิตรถเครื่องยนต์สันดาปภายใน และแรงงานกว่า 5.5 ล้านคน

เพราะประเทศญี่ปุ่นผลิตรถยนต์ปีละ 10 ล้านคัน ในจำนวนนี้ 5 ล้านคัน เป็นการผลิตเพื่อส่งออก หากตามเป้าหมายภายในปี 2030 ที่อุตสาหกรรมยานยนต์ญี่ปุ่นมุ่งสู่รถพลังงานไฟฟ้า ซึ่งเราคาดการณ์ว่าจะผลิต EV ถึง 2 ล้านคัน (BEV และ FCEV) นั่นเท่ากับว่ารถเครื่องยนต์สันดาปภายใน 8 ล้านคัน จะหายไปเลย และส่งผลกระทบต่อการจ้างงานในระบบกว่า 5.5 ล้านคน 

ฉะนั้นการที่นักการเมืองบางคนบอกว่า เราจำเป็นต้องเปลี่ยนรถยนต์ทุกคันให้กลายเป็น EV เพราะตอนนี้อุตสาหกรรมการผลิตของเราล้าสมัยนั้น ในมุมของ Toyoda จึงมองว่าไม่ถูกต้องทั้งหมด และวันนี้โตโยต้า ยังมีหน้าที่ปกป้องการจ้างงาน และชีวิตของคนญี่ปุ่น จึงมองแนวทางใหม่ที่จะแก้ปัญหานี้แทน

ซึ่งใครหลายคนที่ได้ฟัง ต่างก็งงไปตาม ๆ กัน เนื่องจากเหตุผลนั้นค่อนข้างย้อนแย้ง เพราะว่าแม้โตโยต้า จะพัฒนาเครื่องยนต์ Hybrid ได้ดีแค่ไหน มันก็ยังคงปล่อยคาร์บอนอยู่ดี ซึ่งต่างจากรถยนต์ไฟฟ้าล้วน

อย่างไรก็ตาม แม้การยืนหยัดของโตโยต้าจะดุเดือดเพียงใด แต่ก็ไม่ได้ทำให้ค่ายผู้ผลิตรถยนต์รายอื่นๆ สั่นคลอนกับมุมมองนี้ และพร้อมเดินหน้าประกาศหยุดผลิตรถยนต์สันดาปในเวลาอันใกล้ หันไปมุ่งพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าแบบ 100% ไม่ว่าจะเป็น Mercedes-Benz หรือแม้แต่ Nissan

ความคิดอันสุดโต่งของประธานโตโยต้าครั้งล่าสุด ดูจะไปกระทบใจนักสิ่งแวดล้อม ที่ตอนนี้เริ่มออกมาเรียกร้องให้โลกคว่ำบาตรโตโยต้า เนื่องจากผู้ผลิตรถยนต์ยังคงใช้เงิน และอิทธิพลในการชะลอความก้าวหน้าของรถยนต์ไฟฟ้า

เพราะในขณะที่ผู้ผลิตรถยนต์รายอื่น ๆ เริ่มตระหนักว่าอนาคตของโลก คือ รถยนต์ไฟฟ้า แต่โตโยต้า กลับดันทุรังสู้ต่อในตลาด Hybrid และเซลล์เชื้อเพลิง ส่อเจตนาชะลอความก้าวหน้าของรถยนต์ไฟฟ้า แม้ Toyoda จะเคยบอกว่าเขาจะสนใจรถยนต์ไฟฟ้า แต่ต้องไม่ใช่เร็ว ๆ นี้

สำหรับการประกาศคว่ำบาตรโตโยต้า มีแกนนำอย่าง “Paul Scott” ผู้ก่อตั้งกลุ่มผู้สนับสนุน EV Plug In America และอีก 15 กลุ่ม ที่ลงนามสนับสนุนการจัดการประท้วงเพื่อประกาศคว่ำบาตรผู้ผลิตรถยนต์ ยังสถานที่ตั้งของโตโยต้าในเมือง Santa Monica โดย “Paul Scott” กล่าวว่า “นาฬิกาสภาพอากาศกำลังเดินไปข้างหน้า และเราต้องเริ่มโจมตีผู้ก่อมลพิษ แม้ว่าจะไม่ใช่โตยาต้าก็ตาม” 

ซึ่งเขามองว่านี่คือโอกาสที่ดีที่สุด สำหรับการเปลี่ยนแปลงควบคู่ไปกับกฎหมายของรัฐบาลกลาง นอกจากนั้นพวกเขายังได้เขียนจดหมายถึงประธานเจ้าหน้าที่บริหารของโตโยต้า มอเตอร์ อเมริกาเหนือ โดยในจดหมายสรุปใจความได้ว่า... 

“เราขอให้โตโยต้าหยุดพยายามขัดขวางนโยบายผลักดันรถยนต์ไฟฟ้า ตามวิสัยทัศน์ของประธานาธิบดี และแนะนำให้โตโยต้าหันมาสนับสนุน - ลงทุนด้านยานยนต์ไฟฟ้า 100% อย่างเต็มรูปแบบ รวมไปถึงเรื่องของสถานีชาร์จซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานด้วย

สุดท้ายแล้ว การคว่ำบาตรครั้งนี้จะส่งผลต่อโตโยต้ามากแค่ไหน ก็ยังบอกยาก ขนาดผู้ผลิตยานยนต์ในญี่ปุ่นนั้น ก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้ว่าจะดันเครื่องยนต์ Hybrid ให้ไปต่อหรือไม่อย่างไรในอนาคต

แต่ในส่วนของประเทศไทยที่อุตสาหกรรมยานยนต์ส่วนใหญ่ล้วนขับเคลื่อนด้วยแบรนด์รถยนต์จากญี่ปุ่น คงพอเห็นภาพอนาคตยานยนต์ไฟฟ้าที่อาจจะยังก้าวช้ากว่าเทรนด์โลกอย่างแน่นอน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top