Tuesday, 6 May 2025
THE STATES TIMES TEAM

ปทุมธานี - ‘บิ๊กแจ๊ส’ ห่วงใยผู้ต้องขังในเรือนจำ ส่ง ‘เลขาบาย’ มอบยาวัดคีรีวงศ์เสริมภูมิกันโควิด-19 ก่อนฤดูหนาว

เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2564 เวลา 11:30 น. พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี ได้มอบหมายให้ นายสิระพงษ์ สิริโพธินันท์ รองนายก อบจ.ปทุมธานี และ นางรุจศลักษณ์ ธูปกระจ่าง ตั้งวงษ์เลิศ (น้องบาย)  เลขานุการนายก อบจ.ปทุมธานี มอบยาสมุนไพรเสริมภูมิคุ้มกันวัดคีรีวงศ์ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่เรือนจำจังหวัดปทุมธานี ตำบลบางกระบือ อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี และ ทัณฑสถานบำบัดพิเศษหญิง ธัญบุรี ตำบลคลองห้า อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี

โดยเรือนจำจังหวัดปทุมธานีมียอดผู้ต้องขังชาย จำนวน 1,321 คน และผู้ต้องขังหญิง จำนวน 98 คน รวมจำนวน 1,419 คน ส่วนทัณฑสถานบำบัดพิเศษหญิง ธัญบุรี (คลองห้า) มียอดผู้ต้องขังหญิง จำนวน 692 คน ทางด้าน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี ได้ห่วงใยผู้ต้องขังในเรือนจำ ที่พึ่งจะกลับมาสู่สภาวะปกติและจังหวัดปทุมธานีได้เปิดจังหวัด เพื่อไม่ให้เกิดการระบาดซ้ำได้อีก ในขณะที่กำลังจะเข้าสู่ฤดูหนาวอากาศเปลี่ยนแปลงมักจะป่วยเป็นไข้หวัดจึงต้องมีการรักษามาตรการในการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดอย่างเคร่งครัดในเรือนจำ ได้มอบยาสมุนไพรเสริมภูมคุ้มกันจากวัดคีรีวงศ์ จ.ชุมพร ให้เรือนจำจังหวัดปทุมธานี (สามโคก) และ ทัณฑสถานบำบัดพิเศษหญิง ธัญบุรี (คลองห้า)

นางรุจศลักษณ์ ธูปกระจ่าง ตั้งวงษ์เลิศ เลขานุการนายก อบจ ปทุมธานี กล่าวว่า เนื่องจาก พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี ได้มอบหมายให้นำยาสมุนไพรเสริมภูมิคุ้มกัน จากวัดคีรีวงศ์ จ.ชุมพร มอบให้กับเรือนจำจังหวัดปทุมธานี (สามโคก) จำนวน 1,500 ซอง ซองละ 28 แคปซูล และ ทัณฑสถานบำบัดพิเศษหญิง ธัญบุรี (คลองห้า) จำนวน 1,500 ซอง เพื่อที่จะนำไปแจกจ่ายให้กับผู้ต้องขังที่อยู่ภายในเรือนจำ เพราะว่าใกล้จะถึงฤดูหนาว ท่านนายก อบจ. เป็นห่วงต้องการให้ทุกคนรักษาสุขภาพให้แข็งแรง

 

กาฬสินธุ์ - เริ่มหนาว! ฝึกเข้มกู้ชีพกู้ภัยรับมืออุบัติเหตุ ในช่วงฤดูหนาวและเทศกาลปีใหม่ 2565 ที่จะถึงนี้

สภาพอากาศที่จังหวัดกาฬสินธุ์เริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว สำนักงานสาธารณสุข จ.กาฬสินธุ์ ร่วมกับโรงพยาบาลกาฬสินธุ์ จัดอบรมพัฒนาศักยภาพนักปฏิบัติการแพทย์ขั้นพื้นฐาน EMR 40 ชั่วโมง เพื่อพัฒนาศักยภาพบุคคลกร กู้ชีพ กู้ภัย ให้มีมาตรฐานในการปฏิบัติหน้าที่อย่างถูกต้อง โดยเฉพาะเป็นการเตรียมความพร้อมช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุในช่วงฤดูหนาวและเทศกาลปีใหม่ 2565 ที่จะถึงนี้

ที่หอประชุมธรรมาภิบาล เทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ ดร.สม นาสอ้าน รองนายแพทย์สาธารณสุข จ.กาฬสินธุ์ เป็นประธานเปิดอบรมพัฒนาศักยภาพนักปฏิบัติการแพทย์ขั้นพื้นฐาน EMR 40 ชั่วโมง เพื่อพัฒนาศักยภาพบุคคลกร ทั้งภาครัฐ เอกชน ในระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉิน หรือทีมกู้ชีพ กู้ภัย ประจำโรงพยาบาลอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตลอดจนสมาคมและมูลนิธิ โดยมีนายจารุวัฒน์  บุญเพิ่ม นายกเทศมนตรีเมืองกาฬสินธุ์ นายแพทย์จารุพล ตวงศิริทรัพย์ แพทย์เวชศาสตร์ฉุกเฉิน โรงพยาบาลกาฬสินธุ์ แพทย์หญิงฐิตาภรณ์ นาสอ้าน นายแพทย์ชำนาญการโรงพยาบาลกมลาไสย ตัวแทนบริษัท เซนต์เมด จำกัด ( มหาชน )  ทีมวิทยากร โรงพยาบาลกาฬสินธุ์ เจ้าหน้าที่กลุ่มงานควบคุมโรคไม่ติดต่อสุขภาพจิตและยาเสพติดร่วมงาน ทั้งนี้มีบุคลากรกู้ชีพ กู้ภัย จากเทศบาลตำบล องค์การบริหารส่วนตำบล และเอกชน จำนวน 55 คน เข้ารับการอบรม

ดร.สม นาสอ้าน  รองนายแพทย์สาธารณสุข จ.กาฬสินธุ์ กล่าวอีกว่าบุคลากรในระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉิน หรือทีมกู้ชีพ กู้ภัย ถือเป็นบุคลากรที่มีความสำคัญในการช่วยเหลือชีวิตผู้ประสบสาธารณภัย เช่น อุบัติเหตุ อุบัติภัยต่าง ๆ เป็นหน่วยเคลื่อนที่เร็ว ที่ต้องมีความพร้อมทั้งศักยภาพทางกาย ทางจิตใจ ทักษะความรู้ และอุปกรณ์ในการช่วยเหลือ เพื่อการปฐมพยาบาลเบื้องต้น และนำส่งสถานพยาบาลอย่างถูกวิธี ผู้ประสบเหตุได้รับความปลอดภัยสูงสุด ดังนั้น เพื่อพัฒนาศักยภาพบุคลากรกลุ่มดังกล่าว สำนักงานสาธารณสุข จ.กาฬสินธุ์ จึงได้ร่วมกับโรงพยาบาลกาฬสินธุ์ จัดอบรมพัฒนาศักยภาพนักปฏิบัติการแพทย์ขั้นพื้นฐาน EMR 40 ชั่วโมง เพื่อพัฒนาศักยภาพบุคคลกร ในระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉิน ให้มีมาตรฐานในการปฏิบัติการฉุกเฉิน หรือช่วยเหลือชีวิตผู้ประสบภัยอย่างถูกต้อง

นราธิวาส - พิธีถวายผ้าไตรกฐินพระราชทาน สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ วัดตันติการาม อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส

ที่ วัดตันติการาม หมู่ที่ 3 ตำบลตันหยงลิมอ อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส พลตรี ไพศาล หนูสังข์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 เป็นประธานในพิธีถวายผ้าไตรกฐินพระราชทาน สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้ขอรับพระราชทานผ่านราชเลขานุการในพระองค์ เพื่อนำมาทอดถวายแด่พระสงฆ์ที่จำพรรษาครบถ้วนไตรมาส ณ วัดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อเป็นการทำนุบำรุง สืบสานวัฒนธรรมขนบธรรมเนียมประเพณีในพระพุทธศาสนา

โดยมี พระเทพศีลวิสุทธิ์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 18 เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พร้อมด้วย พลตรี เฉลิมพร ขำเขียว ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 / ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ, พันเอก ยุทธนา สายประเสริฐ ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 151 / หัวหน้าคณะทำงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ คณะที่ 3, เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ หัวหน้าส่วนราชการ ตลอดจนพุทธศาสนิกชนในพื้นที่เข้าร่วมพิธี ซึ่งปัจจัยที่รวบรวมได้จากบริวารกฐินผู้มีจิตศรัทธาในครั้งนี้ มียอดรวมทั้งสิ้น 1,059,411 บาท ในการนี้ วัดตันติการาม จะนำไปทำนุบำรุง บูรปฏิสังขรณ์ศาสนสถานที่ชำรุดเสียหายภายในวัด เพื่อเป็นศูนย์รวมจิตใจแก่พุทธศาสนิกชนในพื้นที่ โดยพิธีจัดขึ้นภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเคร่งครัด

 

"มูลนิธิออทิสติกไทย" จัดพิธีมอบสื่อการเรียนรู้สำหรับเด็กออทิสติกและเด็กพิเศษ โดยการสนับสนุน "กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ"

วันที่ 9 พฤศจิกายน 2564 ณ มูลนิธิออทิสติกไทย แขวงบางพรม เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร เวลา 11.00 น. "นางสาวสราญภัทร อนุมัติราชกิจ" อธิบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ เป็นประธานมอบสื่อบ้านเรียนส่งเสริมทักษะชีวิตเด็กออทิสติกและเด็กพิเศษ ช่วงอายุ 3 -12 ปี ในเครือข่ายศูนย์ทักษะชีวิตบุคคลออทิสติกในชุมชน

โดย "อาจารย์ชูศักดิ์ จันทยานนท์" ประธานมูลนิธิออทิสติกไทย ได้กล่าวรายงานซึ่งในโครงการนี้ ได้รับงบประมาณสนับสนุนจาก "กองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ"เพื่อให้ผู้ปกครองสามารถจัดกิจกรรมฝึกลูกที่บ้านเองได้ในรูปแบบการสอนผ่าน YouTube พร้อมคู่มือในการฝึก และชุดสื่อส่งเสริมพัฒนาการ

อาทิ กิจกรรมส่งเสริมพัฒนาการสร้างกล้ามเนื้อมัดเล็ก กิจกรรมส่งเสริมทักษะทางวิชาการ กิจกรรมการปรับพฤติกรรมด้วยศิลปะบำบัด และกิจกรรมส่งเสริมพัฒนาทักษะชีวิต ซึ่งเป็นการสร้างสรรค์กิจกรรมง่ายๆที่จะทำในบ้านให้กับเด็กออทิสติกและเด็กที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษ 77 จังหวัด จำนวน 1,000 ครอบครัว โดยมอบผ่านชมรมผู้ปกครองบุคคลออทิสติก และศูนย์การศึกษาพิเศษประจำจังหวัดทั่วประเทศ

 

‘มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์’ ลงพื้นที่มอบถุงยังชีพ จำนวน 200 ถุง และสุขภัณฑ์เคลื่อนที่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2564 เวลา 13.00 น.ที่ผ่านมา มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ นำทีมโดยคุณกุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา (ประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์มูลนิธิฯ) พร้อมด้วยทีมงาน ลงพื้นที่ตำบลบางชะนี อำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

ร่วมกับคุณเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ โฆษกที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน โดยมอบถุงยังชีพ จำนวน 200 ถุง และสุขภัณฑ์เคลื่อนที่ จำนวน 20 อัน โดยมีชาวบ้าน อำเภอบางบาล ตำบลบางชะนี เป็นผู้รับมอบ เพื่อส่งต่อกำลังใจ และช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยให้ผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปให้ได้

โฆษก ตร.เตือนภัย!! มิจฉาชีพ ปลอม LINE “หน่วยงานตำรวจ” หลอกโอนเงิน

8 พ.ย.64 พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจํานงค์ โฆษก ตร. เผยว่า จากกรณีมีประชาชนหลายรายแจ้งว่าได้รับการติดต่อทางโทรศัพท์จากบุคคลไม่ทราบชื่อซึ่งได้แอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานอยู่ที่สถานีตำรวจภูธรพนัสนิคม บุคคลดังกล่าวได้แจ้งต่อผู้ได้รับการติดต่อว่า จะให้ความดูแลและช่วยเหลืออำนวยความสะดวก เรื่องการชำระเงินค่าปรับตามใบสั่งและเรื่องคดีต่าง ๆ ได้ แต่ประชาชนผู้ได้รับการติดต่อจะต้องเข้าร่วมกลุ่มไลน์ Line Accout ชื่อ สภ.ภูธรพนัสนิคม หลอกลวงให้โอนเงินชำระค่าปรับ หลังจากได้รับเงินแล้ว ก็ไม่สามารถติดต่อได้ นั้น

โฆษก ตร. ขอแจ้งเตือนไปยังพี่น้องประชาชนว่า ไลน์ดังกล่าวนั้นไม่ใช่ของทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือสถานีตำรวจที่ถูกกล่าวอ้างแต่อย่างใด ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้หลงเชื่อกรอกข้อมูลกับไลน์ปลอมดังกล่าว เพราะว่าอาจจะถูกขบวนการปลอมไลน์ขโมยข้อมูลเพื่อนำไปใช้ในทางที่เสียหายได้ และขอเตือนไปยังผู้ที่ร่วมขบวนการหลอกลวงทำไลน์ปลอมของสถานีตำรวจว่า การกระทำดังกล่าวนั้นเป็นความผิดตามกฎหมาย มีโทษหนักถึงขั้นจำคุก ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341 ผู้ใดโดยทุจริต หลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริง ซึ่งควรบอกให้แจ้ง และโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม หรือทำให้ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม ทำ ถอน หรือทำลายเอกสารสิทธิ ผู้นั้นกระทำความผิดฐานฉ้อโกง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ มาตรา 343 ถ้าการกระทำความผิดตามมาตรา 341 ได้กระทำด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชน หรือด้วยการปกปิดความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชน ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

ระยอง - กระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่เกาะเสม็ด จังหวัดระยอง พื้นที่ท่องเที่ยวนำร่อง กระตุ้นสถานประกอบการปฏิบัติตามมาตรการ COVID Free Setting

นายสาธิต ปิตุเตช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นำเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่ขับเคลื่อนนโยบายเปิดประเทศด้วยมาตรการปลอดภัยสำหรับองค์กร (COVID Free Setting) ด้านการท่องเที่ยวและกิจการที่เกี่ยวข้อง ที่เกาะเสม็ด ม.4 ต.เพ อ.เมืองระยอง จ.ระยอง เพื่อกระตุ้นแหล่งท่องเที่ยวนำร่อง เข้มมาตรการ COVID Free Setting โดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่มีแนวโน้มดีขึ้น และรัฐบาลได้มีนโยบายเปิดประเทศตั้งแต่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยเฉพาะธุรกิจด้านการท่องเที่ยวที่สร้างรายได้หลักให้กับประเทศ 

กระทรวงสาธารณสุขได้เน้น 4 หลักสำคัญ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์โควิด-19 ได้ และประชาชนสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติแบบวิถีใหม่ ได้แก่

1) การฉีดวัคนให้ครอบคลุมได้ตามเป้าหมาย

2) การป้องกันตนเองขั้นสูงสุดตลอดเวลา

3) กิจการกิจกรรมเข้มมาตรการ COVID Free Setting และ

4) การตรวจหาเชื้อเมื่อมีความเสี่ยงด้วย ATK

โดยการลงพื้นที่เกาะเสม็ด จังหวัดระยอง ในครั้งนี้ เนื่องจากเป็นพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวที่มีความพร้อม สามารถดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยวให้เข้ามาในพื้นที่ จึงต้องเน้นย้ำให้สถานประกอบการบนเกาะเสม็ดที่ได้รับคำแนะนำจากกรมอนามัย จำนวน 92 แห่ง ปฏิบัติตามมาตรการ COVID Free Setting อย่างเคร่งครัด 3 ด้าน ได้แก่ 1) COVID Free Environment สิ่งแวดล้อมปลอดภัย 2) COVID Free Personnel พนักงานปลอดภัย และ 3) COVID Free Customer ผู้ใช้บริการปลอดภัย

"ทั้งนี้ สถานประกอบการที่ยังไม่ได้ประเมินตามมาตรการ COVID Free Setting สามารถประเมินตนเองได้ผ่านช่องทางเว็บไซต์ stopcovid.anamai.moph.go.th โดยทุกสถานประกอบการที่ประเมินผ่าน สามารถพิมพ์ใบรับรองผล เพื่อติดไว้หน้าร้าน แสดงให้เห็นอย่างชัดเจน ได้แก่

1) ใบรับรอง Thai Stop COVID Plus (TSC+) ซึ่งสถานประกอบการทุกแห่งในทุกจังหวัดต้องประเมินตนเองตามมาตรการ TSC+

2) ใบรับรอง COVID Free Setting (CES หรือ TSC2+)

เฉพาะจังหวัดในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด หรือพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยวรองรับการเปิดประเทศ หรือจังหวัดที่จะนำเอามาตรการไปปรับใช้ โดยให้สถานประกอบการเลือกประเมิน COVID Free Setting ซึ่งต้องผ่านการประเมิน TSC+ ก่อน เพื่อสามารถประเมิน COVID Free Setting ต่อไป และ 3) สติ๊กเกอร์ COVID Free Setting ประเมินโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐที่กำหนด ตามที่มีการแจ้งความประสงค์จากสถานประกอบการ

สำหรับช่องทางภาคประชาชนเพื่อประเมินสถานประกอบการ สามารถดำเนินการใน 3 ช่องทาง ได้แก่ ช่องทางที่ 1 สแกน QR Code ใน E-Certificate ของสถานประกอบการที่ไปใช้บริการ ช่องทางที่ 2 ประเมินผ่านทางเว็บไชต์ Thai Stop COVID Plus ของกรมอนามัย และ ช่องทางที่ 3 ประเมินผ่านทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ ผู้พิทักษ์อนามัย COVID Watch"

 

ถกดราม่า!! ‘ทุบสกาลา’ ฝ่ายหนึ่งอยากอนุรักษ์ อีกฝ่ายหวังจะทุบเพื่อพัฒนา | NEWS GEN TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช EP.27

ถกดราม่า!! ‘ทุบสกาลา’

เมื่อฝ่ายหนึ่งอยากอนุรักษ์ แต่ไม่เห็นคิดจะอุดหนุนหรือใช้บริการ เพื่อให้ธุรกิจนั้นอยู่รอด!!

ส่วนอีกฝ่าย หากหวังจะทุบเพื่อพัฒนา ควรคงคุณค่าเดิมใดเข้าไปผสมผสานกับสิ่งใหม่จะได้หรือไม่?

นี่คืออีกเรื่องชวนคิดกับอีกหลายๆ สถาปัตยกรรมเก่าแก่หรือแม้แต่ธุรกิจดั้งเดิม ที่อาจต้องถึงวัน ‘ดับสลาย’ เพราะไม่สามารถต้านต่อกระแสธารการพัฒนาและปรับตัวไปต่อไม่ทันต่อสังคมโลกยุคใหม่

NEWS GEN TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช

โดย อ.ต้อม - กิตติธัช ชัยประสิทธิ์ นักวิชาการอิสระและอาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรม ศิลปะและการออกแบบ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง

เมื่อ ‘เวทมนตร์คาถา’ เป็นพิธีกรรมสำคัญในราชสำนักสมัยอยุธยา!! | MEET THE STATES TIMES EP.36

 ???? เมื่อ ‘เวทมนตร์คาถา’ เสริมบุญญาภินิหาร เป็นพิธีกรรมสำคัญในราชสำนักสมัยอยุธยา!!
???? ศาสตร์ลับ!! แห่งความเชื่อในสมัยอยุธยา ที่นิยมทั้งราษฎร ไปจนถึงราชสำนัก

???? ในรายการ MEET THE STATES TIMES ข่าวคุยเพลิน

???? ดำเนินรายการโดย หยก THE STATES TIMES

Metaverse โลกเสมือนจริง! ที่พร้อมกลืนกินชีวิตมนุษย์! | Knowledge Times EP.34

????Knowledge Times BizView
????Metaverse โลกเสมือนจริง! ที่พร้อมกลืนกินชีวิตมนุษย์!

เมื่อไม่นานมานี้ Facebook ได้ออกมาประกาศรีแบรนด์ บริษัทใหม่ภายใต้ชื่อ ‘Meta’ ชื่อใหม่ที่แฝงความหมายสุดลึกล้ำ ที่มีความหมายว่า ‘เหนือไปกว่า, ไกลไปกว่า’ แต่นอกจากการเปลี่ยนชื่อที่บอกถึงการก้าวไปอีกขั้นแล้ว นี่ยังสะท้อนให้เห็นถึงก้าวสำคัญของ ‘Facebook’ ด้วยการก้าวเข้าสู่แนวทางใหม่อย่าง ‘Metaverse’ 

ซึ่งการเข้ามาเขย่าโลกของ Metaverse จะทำให้โลกที่เป็นอยู่เหนือขึ้นไปอีกขั้น ด้วยการทำให้โลกในอนาคตไปได้ไกลกว่าหน้าจอ ทลายข้อจำกัดของระยะทาง และทำให้ผู้ใช้บริการเชื่อมต่อถึงกันได้ง่ายยิ่งขึ้น

ฟังดูแล้ว Metaverse เป็นเหมือนโลกใหม่ ที่สะท้อนให้เห็นถึงความก้าวหน้าและยังสะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่เรียกได้ว่านี่อาจกลายเป็นอีกหนึ่ง ‘จุดเปลี่ยน อารยธรรมมนุษย์’ ก็ว่าได้

หากทวนเข็มนาฬิกาย้อนกลับไป จะเห็นได้ว่าการเปลี่ยนผ่านทางด้านนวัตกรรมของโลกแต่ละครั้ง ในแต่ละรอบใช้ระยะเวลาราว ๆ 30-60 ปี ยกตัวอย่าง การที่มนุษย์รู้จักการใช้ประโยชน์จากไฟฟ้า ซึ่งเป็นหนึ่งในผลผลิตจากยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม ตั้งแต่สมัยเทสลา และเอดิสัน เมื่อยุคปี 1900 หรือเมื่อ 120 ปีที่แล้ว ก็นับว่าเป็นจุดเปลี่ยนและจุดเริ่มต้นครั้งสำคัญครั้งหนึ่ง

เมื่อเวลาผ่านไปการเปลี่ยนผ่านของนวัตกรรมก็ได้กลับมาอีกครั้ง โดยในรอบนี้คือการเริ่มเข้าสู่ยุคเซมิคอนดักเตอร์ ในสมัย Fairchild Semiconductor ช่วงปี 1960 ซึ่งบริษัทนี้เอง ที่ได้ต่อยอดให้เกิดนวัตกรรมใหม่ ๆ เช่น บริษัท Intel, HP, Apple, Microsoft ในเวลาต่อมา

และการเปลี่ยนผ่านครั้งล่าสุดนั่นก็คือ การเข้ามาของอินเทอร์เน็ต ในช่วงปี 1990 และนี่ก็กลายเป็นอีกหนึ่งจุดเริ่มต้นที่ทำให้มีนวัตกรรมมากมาย เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในชีวิตผู้คน ทั้งโซเชียลมีเดีย อีคอมเมิร์ซ หรือแม้แต่ระบบบล็อกเชนที่เป็นพื้นฐานของคริปโทเคอร์เรนซีในปัจจุบัน และทำให้มีบริษัทที่เกิดขึ้นมาในยุคนี้ก็คือ Amazon, Tesla และ Facebook

และเมื่อย้อนกลับไปเมื่อ 17 ปีก่อน Facebook ในวันนั้นได้เติบโตขึ้นและได้กวาดคนกว่าครึ่งโลกเข้าไปใช้งานแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของตัวเองได้สำเร็จ 

จนกระทั่งวันนี้ Facebook ได้ประกาศก้าวสู่การเปลี่ยนผ่านครั้งใหม่ ภายใต้ชื่อ ‘Meta’ ที่จะพลิกโลกด้วย Metaverse และ Artificial Intelligence หรือปัญญาประดิษฐ์ ที่จะเชื่อมโลกแห่งความเป็นจริงกับโลกสมมุติ ผ่านคอมพิวเตอร์ได้อย่างกลมกลืน 

ลองคิดดูว่า นวัตกรรมที่เราเห็นในปัจจุบันที่โลกคอมพิวเตอร์เข้ามามีบทบาทในโลกความเป็นจริง เช่น รถขับเคลื่อนอัตโนมัติ ที่คอมพิวเตอร์ประเมินสภาพแวดล้อมทุกอย่างด้วยตัวเอง โดยที่ไม่ต้องมีมนุษย์เข้าไปเกี่ยวข้อง

แต่ในทางกลับกันมนุษย์เองก็สามารถเข้าไปมีบทบาทในโลกเสมือนจริง ที่คอมพิวเตอร์สร้างเอาไว้ได้เช่นกัน ผ่าน Virtual Reality เหมือนอย่างที่เราเคยเห็นกันในหนังไซไฟ ที่คนสวมแว่นตาและเข้าไปอยู่ในโลกเสมือน

แต่หนังก็อาจจะอธิบาย ได้เพียงแค่ส่วนเดียวเท่านั้น เพราะอันที่จริงแล้ว Metaverse เป็นระบบนิเวศ หรือ Ecosystem ที่ถูกสร้างขึ้นในทุกรายละเอียด ตั้งแต่ สังคม การใช้ชีวิต การปกครอง และระบบการเงินรูปแบบใหม่ที่จะสร้างเศรษฐกิจใหม่ในโลกใบนั้น

โดยในโลก Metaverse นั้น จะเป็นการผสมผสานความเป็นจริงและโลกเสมือนเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน จนบางครั้งอาจทำให้เราหลงลืมไปได้เลยว่า เรากำลังมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งไหนกันแน่..

แน่นอนว่าการเข้ามาของสิ่งใหม่ โดยเฉพาะสิ่งที่ทำหน้าที่ ‘เสมือนมนุษย์’ นั้น ในช่วงแรกย่อมทำให้เกิดความรู้สึกแปลก แต่เมื่อนานวันไปสิ่งเหล่านี้จะแทรกซึมและทำให้มนุษย์ชอบได้ไม่ยาก

นั่นเพราะ Metaverse จะช่วยลดแรงเสียดทานในสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกจริงของมนุษย์ สิ่งต่าง ๆ ที่เป็นปัญหา หรือเป็นไปไม่ได้ ก็สามารถ ‘เป็นไปได้’ ราวกับมนุษย์นั้นเป็นพระเจ้าในโลกเสมือนใบนี้

แล้วถ้าหากคิดว่าโลกเสมือนจริงแห่งนี้ยังอยู่ไกลตัว....ขอบอกเลยว่าโลกเสมือนแห่งนี้อยู่ใกล้ตัวเรามากกว่าที่คิด และเราอาจก้าวขาข้างหนึ่งเข้าไปแล้วก็ได้... 

ไม่ว่าเป็นการเพลิดเพลินในเล่นโซเชียลมีเดีย เล่นเกมจนลืมเวลา หรือแม้แต่ใครที่หลงใหลในคริปโทเคอร์เรนซี และสินทรัพย์ดิจิทัล หรือ NFT เพราะเราวาดฝันว่าจะได้เป็นเศรษฐี และเจ้าของทรัพย์สินในโลกนั้น

สิ่งเหล่านี้ยิ่งสะท้อนให้เห็นว่าโลกเสมือนจริงแห่งนี้อยู่ใกล้ตัวเรา แถมเรายังใช้ชีวิตและสัมผัสอยู่ในโลกเสมือนเหล่านี้มากขึ้นเรื่อย ๆ จากการที่ทุกคนกำลังมีตัวตนทางสังคม มีสิ่งแวดล้อม มีทรัพย์สิน ในโลกที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นมา และนั่นหมายความว่าเราได้ย่างก้าวเข้าสู่ Metaverse เป็นที่เรียบร้อยแล้ว..

แต่สิ่งที่น่ากลัวไปกว่านั้นคือการที่มนุษย์อาจหลงใหลในโลกเสมือนแห่งนี้ จนถอนตัวไม่ขึ้น หรืออาจถึงขั้นที่ไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำว่าตนเองได้ตกหลุมพรางโลกเสมือนแห่งนี้เข้าให้แล้ว

นอกจากนั้น คนที่ลองเข้าไปแล้วมีความสุข ก็เริ่มชักชวนคนรอบข้างให้เข้าไปตาม หากใครไม่เข้าร่วมก็จะกลายเป็นคนตกยุค ถ้าไม่มีสิ่งนั้นมาครอบครอง คุณก็จะเหมือนไดโนเสาร์ เต่าล้านปี....

ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเข้ามามีบทบาทกับชีวิตมนุษย์ ที่สามารถให้ทั้ง ‘คุณ’ และ ‘โทษ’ ในเวลาเดียวกัน และกลายเป็นหนึ่งโจทย์ใหม่ของมนุษย์ที่ผ่านการใช้ชีวิตในโลกเดิมหรือโลกความเป็นจริง ที่อาจจะเกิดการต่อต้านโลกใบใหม่ 

แต่สุดท้าย ก็ต้องทำใจยอมรับว่า มนุษย์ในยุคใหม่ หรือ เจเนอเรชันถัดไป จะตบเท้าก้าวสู่ Metaverse มากขึ้นเรื่อย ๆ และกลายเป็นเรื่องปกติที่ทุกคนคุ้นเคย เหมือนเช่นอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์มือถือ ที่เมื่อหลายสิบปีก่อน คงไม่มีใครคิดว่าจะกลายเป็นสมาร์ตโฟน ที่สามารถย่อโลกทั้งใบไว้ในมือเดียวได้เช่นทุกวันนี้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top