Wednesday, 18 June 2025
Hard News Team

ตำรวจภูธรภาค 2 ร่วมเฉลิมพระเกียรติฯ พิธีปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์ พระราชทาน วันวิสาขบูชา “ผบช.ภ.2” กำชับ 8 จังหวัด อำนวยความสะดวก ดูแลการจราจร

(10 พ.ค. 68)  พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 เปิดเผยว่า ตำรวจภูธรภาค 2 ทั้ง 8 จังหวัด ได้เตรียมกำลังพร้อมสนับสนุนภารกิจในการอำนวยความสะดวก และดูแลความสงบเรียบร้อยในพิธีปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์พระราชทาน “พระศรีมหาโพธิทศมราชบพิตร” เนื่องในวันวิสาขบูชา  ซึ่งตรงกับวันที่ 11 พฤษภาคม 2568 ในพื้นที่จังหวัดในความรับผิดชอบ ได้แก่ จันทบุรี, ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี, ตราด, นครนายก, ปราจีนบุรี, ระยอง และสระแก้ว 

“พิธีจะมีขึ้นพร้อมกันทั่วประเทศ ในวันอาทิตย์ที่ 11 พฤษภาคม 2568 เวลา 09.29 น. โดยมีประชาชนทุกภาคส่วนเข้าร่วมเพื่อความเป็นสิริมงคล เนื่องในวันวิสาขบูชา จึงกำชับให้ทุกสถานีตำรวจดูแลพื้นที่จัดพิธีอย่างใกล้ชิด อำนวยความสะดวกด้านจราจร ร่วมในกิจกรรมอันเป็นมงคลนี้” ผบช.ภ.2 กล่าว

สำหรับพื้นที่ 8 จังหวัดของตำรวจภูธรภาค 2  กำหนดสถานที่ปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์พระราชทาน “พระศรีมหาโพธิทศมราชบพิตร” ดังนี้
จังหวัดนครนายก - วัดพรหมมหาจุฬามณี อ.เมืองนครนายก
จังหวัดจันทบุรี -  วัดบ้านอ่าง อ.มะขาม
จังหวัดฉะเชิงเทรา - วัดโสธรวรารามวรวิหาร อ.เมืองฉะเชิงเทรา
จังหวัดชลบุรี – วัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร  อ.บางละมุง
จังหวัดตราด – วัดบางปรือ อ.เมืองตราด
จังหวัดปราจีนบุรี - วัดใหม่กรงทอง อ.ศรีมหาโพธิ
จังหวัดระยอง – โครงการอ่างเก็บน้ำดอกกราย อ.ปลวกแดง
จังหวัดสระแก้ว – วัดเขาป่าแก้ว อ.วังน้ำเย็น

‘นายกสภาทนายความ’ ประณาม!! คนส่งกระสุนปืนขู่ทนาย ทำคดีสำคัญที่ขอนแก่น แอบอ้างเป็นคนในเครื่องแบบ โทรข่มขู่ จี้!! ตำรวจเร่งจับตัวมาลงโทษตามกฎหมาย

(11 พ.ค. 68) นายวิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ ได้รับแจ้งจากนายพิเชฐ คูหาทอง กรรมการบริหารสภาทนายความภาค 4 และว่าที่พันตรี ณรงค์ ดาหาร ประธานสภาทนายความจังหวัดมุกดาหาร ว่า เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2568 ได้มีบุคคลทำการส่งกระสุนปืน ทางไปรษณีย์ จำนวน 1 นัด ไปให้นายธนบูรณ์ กุมภิโร ทนายความที่มีสำนักงานอยู่ในจังหวัดมุกดาหาร

จากการสอบถามเบื้องต้นได้ความว่าน่าจะเป็นการคุกคาม มีสาเหตุมาจากการที่นายธนบูรณ์ กุมภิโร ได้เข้าไปเป็นทนายความในคดีสำคัญที่ศาลแห่งหนึ่งที่อยู่ใน จ.ขอนแก่น ซึ่งเคยมีบุคคลแอบอ้างว่าเป็นคนในเครื่องแบบ ได้โทรศัพท์มาถึงทนายคนดังกล่าวในลักษณะเป็นการบอกให้ระวังตัว

จึงถือได้ว่าพฤติกรรมดังกล่าวเป็นการข่มขู่ทนายความในการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย ซึ่งไม่สมควรเกิดขึ้นกับวิชาชีพของทนายความในการที่เข้าไปอำนวยความยุติธรรมให้แก่ประชาชน

นายวิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ ได้กล่าวประณามการข่มขู่ คุกคาม ผู้ประกอบวิชาชีพทนายความ และขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตลอดจนเจ้าหน้าที่อื่นที่เกี่ยวข้องเร่งรัดในการสืบสวนสอบสวนเอาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว

‘ผู้ส่งออก’ เหนื่อยหนัก!! ตลาดสหรัฐ ออร์เดอร์วูบ!! คู่แข่งเวียดนาม เร่ง!! โครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยี

(11 พ.ค. 68) หลัง ประธานาธิบดี สหรัฐอเมริกา ประกาศมาตรการด้านภาษีนำเข้า กับนานาประเทศ ที่จะส่งสินค้าไปขายยังสหรัฐอเมริกา การส่งออกสินค้าไทยไปสหรัฐก็ปั่นป่วน ปัจจุบันออร์เดอร์ส่งออกเริ่มลดลง เพราะคู่ค้าชะลอการนำเข้า หลังก่อนหน้านี้ เร่งตุนสต๊อกสินค้า ก่อนปรับขึ้นภาษี

ในไตรมาสแรกปี 2568 ไทยส่งออกไปสหรัฐโต 25% ล่าสุดคำสั่งซื้อเริ่มแผ่วลง สาเหตุหลักเพราะผู้นำเข้าสหรัฐได้เร่งสั่งซื้อสินค้าไปตุนสต๊อกก่อนมาตรการภาษีตอบโต้ใหม่ของ “ทรัมป์” ที่ชะลอไป 90 วันจะเริ่มใช้ โดยสินค้ากระทบหนัก ได้แก่ ข้าว ถุงมือยาง ทูน่ากระป๋อง อาหารสัตว์เลี้ยง และเครื่องนุ่งห่ม

การส่งออกข้าวหอมมะลิขยายตัวสูงแต่เริ่มลดลง เพราะลูกค้าเร่งตุนไว้ก่อน ขณะผู้ส่งออกไทยกังวลเรื่องเครดิตการค้า ด้านถุงมือยางแม้โตขึ้นเล็กน้อยแต่ยังเสียเปรียบมาเลเซียที่ถูกเก็บภาษีต่ำกว่า ส่วนทูน่าและอาหารสัตว์เลี้ยงแม้ยอดส่งออกยังสูงจากการนำเข้าล่วงหน้า แต่เริ่มชะลอคำสั่งซื้อแล้ว เพราะลูกค้ารอสัญญาณชัดเจนจากผลเจรจาภาษี

แม้ยอดส่งออกเครื่องนุ่งห่มโต 23% จากออร์เดอร์ปลายปีที่แล้ว แต่คาดว่าคำสั่งซื้อใหม่จะชะลอลงหากอัตราภาษีตอบโต้ไทยสูงกว่าเวียดนามหรืออินโดนีเซีย ซึ่งมีโอกาสที่คู่ค้าจะเปลี่ยนไปนำเข้าจากประเทศที่เสียภาษีน้อยกว่า

สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย” (สรท.) มองว่าสถานการณ์นี้ไทยต้องเร่งเจรจาการค้ากับสหรัฐ พร้อมเร่งหาตลาดใหม่รองรับ เพื่อไม่ให้การส่งออกไทยสะดุดครึ่งปีหลัง หากถูกเก็บภาษีสูงถึง 36% อาจทำให้การส่งออกทั้งปีติดลบถึง 2%

หลังจากคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ต่อปี จาก 2.00% เป็น 1.75% ต่อปี เมื่อวันที่ 30 เม.ย. 68 เพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ นโยบายการเงิน และการค้าโลก โดยขณะนี้ธนาคารของรัฐ ธนาคารของรัฐ 5 แห่ง ประกาศลดดอกเบี้ยเงินกู้ลง 0.15% ต่อปี รับมติกนง. ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายมีผล 13-14 พ.ค. 68 นี้

เวียดนาม กำลังวางแผนเตรียมออกแพ็คเกจเงินกู้ครั้งใหญ่มูลค่า "500 ล้านล้านดอง" (ราว 6.6 แสนล้านบาท) กับธนาคาร 21 แห่ง เพื่อจัดหาเงินทุนสำหรับโครงการพัฒนา "โครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยี" เพื่อมุ่งกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งถือเป็นความเคลื่อนไหวทางการเงินครั้งใหญ่ที่ไม่ได้พบบ่อยนักในประเทศนี้

ธนาคารพาณิชย์ที่ใหญ่ที่สุด 4 แห่งในเวียดนาม ได้แก่ Vietcombank, VietinBank, BIDV และ Agribank ได้ให้คำมั่นว่าจะให้สินเชื่อมูลค่า 60 ล้านล้านดอง (ราว 7.6 หมื่นล้านบาท) สำหรับโครงการขยายโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยี ส่วนธนาคารอื่นอีก 12 แห่งให้คำมั่นว่าจะให้สินเชื่อรายละ 20 ล้านล้านดอง (ราว 2.5 หมื่นล้านบาท) และอีก 5 แห่งให้คำมั่นว่าจะให้สินเชื่อรายละ 4 ล้านล้านดอง (ราว 5 พันล้านบาท)

ติดเชื้อ“โควิด” พุ่งสูง 8 พันรายภายในหนึ่งสัปดาห์ ใกล้ช่วงเปิดเทอมอาจมีการระบาดขยายวงกว้าง ภาวะปัจจุบันระบาดหนักกว่าไข้หวัดใหญ่ 2 เท่า รัฐบาลเตือนประชาชนเฝ้าระวังเข้ม หากพบว่าเติดเชื้อให้แยกกักตัว อย่างน้อย 5 วันหลังติดเชื้อ

ในช่วงเปลี่ยนผ่านผู้ว่าแบงค์ชาติ ผู้ที่จะคานอำนาจรัฐ เพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเงินการคลังของประเทศไทย กับนโยบายภาครัฐ ที่ยังกู้วิกฤติเศรษฐกิจไทยไม่ได้ผล และยังหาแนวทางรับมือนโยบายการขึ้นภาษีของสหรัฐที่เป็นรูปธรรมไม่ได้ ประเทศเพื่อนบ้านเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยี ไม่ใช่ ‘คาสิโน’

ถึงแม้ กนง.มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% แต่ถ่ายโอนไปยังผู้ประกอบการ เพียงร้อยละ 0.15% ตามประกาศของธนาคารรัฐ ทั้ง 5 แห่ง ซึ่งเป็นเช่นนี้มาตลอดในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 

ผู้ประกอบการ คงต้องรักษานโยบายงดการลงทุนเพื่อคงเงินสด รักษาสภาพคล่องไว้ก่อน เพราะสถานการณ์ยังคงมีความเสี่ยงจากทุกๆ ด้าน การระบาดเชื้อโควิดก็กำลังกลับมาอีกระลอก... อย่างน้อย..ประครองให้จำนวนผู้ประกอบการไม่ปิดตัวลงไปมากกว่านี้ ไม่งั้น อัตราแรงงานที่ว่างงาน คงพุ่งขึ้นไม่หยุด เศรษฐกิจไทยคงกู่ไม่กลับไปอีกนาน

‘นิพนธ์ บุญญามณี’ ชี้!! ความสำคัญ การกระจายอำนาจ ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เน้น!! ใกล้ชิดประชาชน เข้าใจพื้นที่ เข้าใจปัญหา ตอบสนองความต้องการได้ตรงจุด

(11 พ.ค. 68) นายนิพนธ์ บุญญามณี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา และอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางมาใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลเมืองเขารูปช้าง ณ โรงเรียนวัดเกาะถ้ำ ตำบลเขารูปช้าง อำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา

จากนั้น นายนิพนธ์ให้สัมภาษณ์ว่า การเลือกตั้งครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาชุมชน เพราะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็น อบต. หรือเทศบาล ล้วนเป็นหน่วยงานที่ใกล้ชิดประชาชน เข้าใจพื้นที่ เข้าใจปัญหา และสามารถตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนได้อย่างตรงจุด

นายนิพนธ์ กล่าวว่า ยิ่งรัฐบาลกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นมากเท่าไร ก็ยิ่งเปิดโอกาสให้เกิดการทำงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ท้องถิ่นสามารถมีเครื่องมือในการแก้ไขปัญหาได้รวดเร็วและเหมาะสมกับบริบทของพื้นที่ ซึ่งนี่คือหัวใจของการพัฒนาที่ประชาชนเป็นศูนย์กลางอย่างแท้จริง 

นายนิพนธ์ได้เชิญชวนพี่น้องประชาชนออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งท้องถิ่น โดยเน้นย้ำว่า การเลือกตั้งคือการแสดงออกซึ่งอำนาจอธิปไตยของประชาชน ทุกคะแนนเสียงคือการมีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางและอนาคตที่เรามีสิทธิ์ตัดสินใจได้ด้วยตนเอง

บุฟเฟ่ต์ปากกา ที่ M&G

นำปากกายี่ห้อ M&G ด้ามที่หมึกหมด แสดงคู่กับบัตรนำมาเปลี่ยนปากการุ่นไหนก็ได้ในตู้โดม สามารถเปลี่ยนได้ 1 ด้าม ต่อวัน 

เฉพาะ M&G Shop ที่ร่วมรายการทุกสาขาเท่านั้น

‘ประสูติ – ตรัสรู้ – ปรินิพพาน’ ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้เวียนมาบรรจบอีกคำรบหนึ่งแล้ว ควรที่พุทธบริษัททั้งหลาย จักได้ระลึกถึง

(11 พ.ค. 68) สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงถึงพร้อมด้วย พระปัญญาคุณ คือความรู้รอบในสรรพสิ่ง ทรงค้นพบความจริงสี่ประการ ที่เรียกว่าอริยสัจ เป็นพลวเหตุให้ทรงถึงพร้อมด้วยพระบริสุทธิคุณ และพระมหากรุณาคุณ บริบูรณ์ครบเป็นพระสัมมาสัมพุทธะ เป็นบรมครูของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย การที่เราผู้เป็นปัจฉิมาชนตาชน ซึ่งแม้เกิดภายหลังพุทธปรินิพพาน แต่ยังมีบุญวาสนาได้พบพระพุทธศาสนาอยู่ จึงไม่พึงปล่อยโอกาสวิเศษแห่งชีวิตในชาตินี้ ให้ล่วงลับไปโดยไร้สาระ ขอจงตั้งตนเป็นสาวก ผู้มีกุศลฉันทะที่จะคอยสดับตรับฟังพระธรรม ตั้งปณิธานในหน้าที่ ที่จะอบรมพัฒนาตนให้เจริญขึ้นตามลำดับ ด้วยปัญญาอันถูกต้องถ่องแท้ และด้วยความเข้าใจเบื้องต้นว่า "ปัญญา" คือสภาพธรรมที่รู้ตามความเป็นจริง แต่สิ่งใดคือความจริง และการเข้าถึงความจริงนั้น มีกระบวนวิธีกระทำในใจให้แยบคายอย่างไร ผู้ปรารถนาความงอกงามในพระสัทธรรม จึงจำเป็นต้องเจริญศรัทธาปสาทะในพระปัญญาตรัสรู้อย่าได้เสื่อมคลาย แล้วหมั่นขวนขวายศึกษาปฏิบัติธรรมด้วยความอดทน อย่าได้หลงทะนงตน เผลอคิดเอง พูดเอง และเข้าใจไปเองโดยด่วนสรุป โดยขาดการศึกษาพระพุทธานุศาสนี อันมีมาในพระไตรปิฎก ซึ่งดำรงอยู่เป็นหลักพระศาสนาสืบมาถึงปัจจุบัน ให้ถูกต้องถ่องแท้ ตามหลักสูตรและวิธีวิทยาอันชอบ เพื่อจักได้เป็นชาวพุทธผู้ไม่เดินหลงทาง ไม่เป็นมิจฉาทิฐิ อันนับเป็นภยันตรายร้ายแรงทั้งในชาติปัจจุบันและในสัมปรายภพ

ดิถีวิสาขบูชาปีนี้ จึงขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชน ตั้งปณิธานให้แน่วแน่ ในอันที่จะพัฒนาตนเองตามหลักไตรสิกขา ให้มีศีลเป็นที่รัก ให้มีสมาธิตั้งมั่น และให้มีปัญญาแจ่มแจ้ง จงเป็นผู้เห็นชอบ คิดชอบ และปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เพื่อเปิดโอกาสให้สันติสุขอันประเสริฐ มาสถิตมั่นในตนและในสังคม สมด้วยพระพุทธภาษิตที่ว่า "ปญฺญาชีวีชีวิตมาหุ เสฏฺฐํ" ความว่า "ปราชญ์กล่าวชีวิตของผู้เป็นอยู่ด้วยปัญญาว่า ประเสริฐสุด" ด้วยประการฉะนี้

จิรํ ติฏฺฐตุ สทฺธมฺโม ธมฺเม โหนฺตุ สคารวา. ขอพระสัทธรรมจงดํารงคงมั่นอยู่ตลอดกาลนาน และขอสาธุชนทั้งหลาย จงมีความเคารพในพระธรรมนั้น เทอญ."

นายกฯ อิ๊งค์ เตรียมบินไป!! ‘ฮานอย’ ประชุมร่วม ‘ไทย – เวียดนาม’ แถลงการณ์ร่วม ยกระดับ!! ความสัมพันธ์สู่หุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์

(11 พ.ค. 68) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีกำหนดเดินทางเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ที่กรุงฮานอยอย่างเป็นทางการ ครั้งแรกในวันพุธและพฤหัสบดี ที่ 15–16 พฤษภาคม 2568 เพื่อยกระดับความสัมพันธ์ไทย–เวียดนามสู่ระดับ “หุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์แบบรอบด้าน” (Comprehensive Strategic Partnership) ซึ่งเป็นระดับความสัมพันธ์สูงสุดที่เวียดนามมีต่อประเทศคู่เจรจา โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีจะร่วมการประชุม(JCR) ไทย–เวียดนาม ครั้งที่ 4 กับนายฝ่าม มิงห์ จิ๋งห์ (H.E. Mr. Pham Minh Chinh) นายกรัฐมนตรีเวียดนาม และ คณะเพื่อตอกย้ำบทบาทสำคัญของไทยในภูมิภาคและความไว้วางใจเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างสองประเทศ
ในการเยือนครั้งนี้ ไทย–เวียดนามจะลงนามเอกสารสำคัญ ประกอบด้วยแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยการยกระดับความสัมพันธ์ไทย–เวียดนามสู่หุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์แบบรอบด้าน ซึ่งแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันของทั้งสองประเทศในการเพิ่มพูนความร่วมมือใน 3 เสาหลัก คือ 
1.การเป็นหุ้นส่วนเพื่อสันติภาพที่ยั่งยืน 
1.1 ด้านการเมือง การป้องกันประเทศ และความมั่นคง อาทิ อาชญากรรมข้ามชาติ และยาเสพติด 
1.2 ความร่วมมือในระดับภูมิภาคและนานาชาติ เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือในเรื่องสันติภาพ ความมั่นคงระหว่างประเทศ รวมถึงการตอบสนองต่อความท้าทายของโลก

2.การเป็นหุ้นส่วนเพื่อการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน 
2.1 ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ ผ่านการส่งเสริมความเชื่อมโยงด้านเศรษฐกิจ เพิ่มพูนความร่วมมือด้านแรงงาน การจ้างงาน และสวัสดิการสังคม 
2.2 การเชื่อมโยงเศรษฐกิจฐานราก SMEs การเติบโตสีเขียว โดยส่งเสริมความร่วมมือด้านการค้า การลงทุน การผลิตและห่วงโซ่อุปทานอย่างยั่งยืน รวมถึงสนับสนุนการเข้าถึงตลาดของผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นซึ่งกันและกัน และส่งเสริมความเชื่อมโยงเศรษฐกิจสีเขียว เศรษฐกิจดิจิทัล และการเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัล 

3.การเป็นหุ้นส่วนเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน 
3.1 ความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ผ่านการเชื่อมโยงสตาร์ทอัพ การทำธุรกรรมข้ามพรมแดน รวมถึงแลกเปลี่ยนความรู้ด้าน AI ดิจิทัล และความมั่นคงทางไซเบอร์ 
3.2 ส่งเสริมความเข้าใจและความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างประชาชน ผ่านการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม การศึกษา การท่องเที่ยว และการเปิดเที่ยวบินตรงระหว่างจังหวัดของทั้งสองประเทศ

นอกจากนี้ ยังมีบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงพาณิชย์ของไทย กับกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม ว่าด้วยความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการค้า (ฉบับปรับปรุง) เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้า อำนวยความสะดวกทางการค้า การขจัดอุปสรรคที่มิใช่ภาษี การเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทาน ตลอดจนส่งเสริมการค้าสินค้าเกษตรและอาหาร การค้าชายแดน และการลงทุนร่วมระหว่างภาคเอกชนของทั้งสองประเทศความตกลงฉบับนี้จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนเป้าหมายการเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันให้ถึง 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างยั่งยืนและสมดุล

สำหรับบันทึกความเข้าใจฉบับปรับปรุงยังครอบคลุมความร่วมมือด้านดิจิทัลและเทคโนโลยี การพัฒนาผู้ประกอบการ SMEs และการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านเศรษฐกิจสีเขียว พร้อมส่งเสริมการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint Committee on Trade: JTC) และจัดตั้งคณะทำงานร่วมในระดับเจ้าหน้าที่ เพื่อผลักดันโครงการความร่วมมือเชิงรูปธรรม และการแลกเปลี่ยนข้อมูลและข้อกังวลทางการค้าอย่างสม่ำเสมอ

ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจและการเมืองโลก ขณะนี้ไทยและเวียดนามมีเป้าหมายที่จะกระชับความสัมพันธ์ มุ่งสู่ความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์รอบด้าน เพื่อบรรลุเป้าหมายทางเศรษฐกิจและการค้า รวมไปถึงการผนึกกำลังอาเซียน เพื่อร่วมกันเผชิญหน้ากับการค้าโลกที่อาจจะชะลอตัวจากมาตรการภาษีนำเข้าระดับสูงของสหรัฐฯ ด้วย

ด้วยความที่ตัวคุณพีระพันธุ์และสมาชิกพรรคท่านอื่นๆสร้างผลงานที่โดดเด่น จับต้องได้ผลเป็นที่ประจักษ์ชัด สังคมส่วนใหญ่เล็งเห็นประโยชน์นั้นจึงพากันออกมาแก้ต่าง

(11 พ.ค. 68) แต่ด้วยความที่ตัวคุณพีระพันธุ์และสมาชิกพรรคท่านอื่นๆสร้างผลงานที่โดดเด่น จับต้องได้ผลเป็นที่ประจักษ์ชัด สังคมส่วนใหญ่เล็งเห็นประโยชน์นั้นจึงพากันออกมาแก้ต่าง หักล้างวาทกรรมโจมตีให้ร้ายเซาะกร่อนของเหล่าอินฟลูเฉพาะกิจได้อย่างกระจ่างทุกประเด็น …

ความถดถอยด้านผู้สนับสนุนของกลุ่มโจมตีคุณพีระพันธุ์จึงปรากฏขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่กลุ่มผู้สนับสนุน รทสช. ขยายวงกว้างขึ้น มีคนรู้จักพีระพันธุ์มากขึ้น ภาคประชาชนมีความกล้าที่จะแสดงตัวเปิดหน้าออกมาปกป้องพีระพันธุ์กันหลากหลายทุกสาขาอาชีพ แม้กลุ่มที่เชียร์พรรคส้มพรรคแดงยังเอ่ยปากชื่นชมผลงานของพีระพันธุ์ ที่ต่างก็ได้รับผลประโยชน์ด้านการลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานกันถ้วนหน้า …

อินฟลูเอนเซอร์ต่างชาติ ลากลำโพงเปิดลั่นกลาง MRT คนในขบวนตะโกนด่า ชาวเน็ตเสียงแตก ดราม่าเกิน หรือ ไร้มารยาท

(11 พ.ค. 68) กลายเป็นประเด็นร้อนภายในสื่อสังคมออนไลน์ หลังจากที่อินฟลูเอนเซอร์ชื่อ shayanparstv ได้อัดคลิปตัวเองลากลำโพงเปิดเพลงภายในขบวนรถไฟ MRT ขณะที่แล่นไปสถานีคลองเตย

ซึ่งในขณะที่อินฟลูรายดังกล่าวกำลังเปิดเพลง ก็ถูกคนไทยตะโกนบอก “เห้ย” ทำเอาอินฟลูเอนเซอร์คนดังกล่าวหยุด ซึ่งทางอินฟลูเอนเซอร์คนดังกล่าวพร้อมอัพโหลดคลิปดังกล่าวพร้อมเขียนข้อความระบุว่า “เขาตะโกนเหมือนผมทำชีวิตเขาพังแบบนั้น” คลิปดังกล่าวกลายเป็นกระแสในสื่อสังคมออนไลน์เป็นอย่างมาก

โดยมีชาวเน็ตไทยบางส่วนบอกว่าคนไทยดราม่าเยอะ อย่างไรก็ตามทางชาวเน็ตอีกส่วนก็โต้ว่าเสียมารยาท และชื่นชมคนที่กล้าตะโกน

ทั้งนี้จากการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่าอินฟลูเอนเซอร์คนดังกล่าวยังอัดคลิปพฤติกรรมดังกล่าวภายใน MRT อีกรอบ และภายในสถานีรถไฟสยามของ BTS ด้วย

ความเชื่อของแต่ละคนแตกต่าง เคารพในความต่าง แต่อย่าถึงขั้น!! เป็นช่องทางให้ มาหลอกเราได้

(11 พ.ค. 68) สังคมไทย มีความเชื่อที่ผสมจนงง มีทั้งการแก้กรรมกับหมอดู ทำบุญด้วยการให้โดยไม่สนว่าผู้รับอาจจะไม่ได้อยากรับ วัดที่มีรูปบูชาสายพราหมณ์-ฮินดู และเสริมดวงด้วยสารพัดมู

แล้วเมื่อไหร่กันที่คนไทยจะพยายาม เรียนรู้ พัฒนาตัวเอง และขยันทำมาหากิน เพื่อให้ได้มา

แล้วเมื่อไหร่กันที่สังคมไทยจะให้ค่า กับความพยายาม การเรียนรู้ด้วยตนเอง การพัฒนาทักษะใหม่ๆ และการทุ่มเททำมาหากินโดยสุจริต

ถ้าแก้กรรม แล้วไม่ต้องใช้กรรมที่ก่อไว้ แถมจะทำพิธียังไง กับใครก็ได้ แม้แต่หมอดู งั้นคนเราจะกลัวบาป รักษาบุญ ตอบแทนคุณ และยอมรับโทษในสิ่งที่ตนได้ทำผิดไป ทำไมคะ 

ถ้าให้โดยที่ผู้รับไม่อยากได้ ไม่ได้เรียกว่าให้ค่ะ นั่นเรียกว่าทิ้ง

ถ้าวัดที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นแหล่งรวมแห่งธรรมในศาสนาพุทธ ความเชื่อที่เกินกว่าหลักของเหตุและผล เป็นสิ่งที่อาจไม่ตรงไม่กับหลักปรัชญาทางศาสนาพุทธ แต่ถ้าจะทำสถานที่ให้เป็นแหล่งรวมสิ่งที่เชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์ ไม่สนความต่างด้านความเชื่อ จะศาสนาใด ลัทธิใด ก็ได้ เปลี่ยนวัดเป็นสถานที่รวมรูปบูชาไปเลยก็ดีค่ะ จะได้ไม่ผิดวัตถุประสงค์ของพุทธสถาน

แต่ถ้าวัดเป็นแค่คำเรียกสถานที่แห่งหนึ่ง จะรวมกี่ศาสนาเข้าไว้ด้วยกันก็คงไม่ผิดค่ะ

ถ้าสารพัดสิ่ง/เครื่องประดับสายมูทั้งหลาย มีพลังดลบันดาลให้เกิดได้ดังหวังจริง นั่งเฉยๆ คุณต้องได้สิ่งที่คุณหวังมาค่ะ แต่ถ้าคุณยังต้องลงมือทำงาน ออกไปหางาน หาเงิน มาใช้ ... คุณลองทำความดีด้วยการช่วยเหลือคนอื่น รู้บุญคุณคน ไม่ดูถูกคนอื่น ตั้งใจทำในสิ่งที่คุณทำอย่างดีที่สุด และอดทนกับอุปสรรค/ศัตรู/มารผจญทั้งหลาย แล้วถอดเครื่องประดับนั้นใส่กล่องวางในลื้นชักหรือตู้ลงกลอนไปค่ะ ... ผลที่คุณได้รับอาจจะไม่ต่างกัน

ที่เขียนมาทั้งหมดนี้ไม่ใช่เป็นคนไม่เชื่อเรื่องกรรม ไม่ดูดวง ไม่ไหว้เทพหรือรูปบูชาที่เราเคารพ หรือไม่ไปวัดนะคะ 
แต่เราเชื่อว่ากรรม ยังไงก็ต้องใช้ การแก้กรรมมีทางเดียว คือ การใช้กรรม และเมื่อต้องรับกรรม ก็ไม่พยาบาทให้เป็นกรรมต่อกันไป ... เมื่อใช้จบ ก็จบกัน ไม่จำเป็นต้องพยายามผูกคนที่หมดกรรมกับเราแล้ว เพราะวันนึงก็ต่างคนต่างไปอยู่ดี

เราดูดวงให้ตัวเอง ไม่ใช่เพื่อให้ดวงดี และเคยให้หมอดูดูดวงให้ เพราะความอยากรู้ว่าเค้าจะรู้เหมือนที่เรารู้มากน้อยแค่ไหน และอยากตัดสินใจบางอย่างโดยไม่ bias เพราะถ้าดูดวงตัวเอง มันก็อาจจะแปลเข้าข้างตัวเอง 

จากประสบการณ์ ก็ต้องบอกว่าซินแสเอย หมอดูด้วยญาณหลับตาเห็นอดีต/อนาคต หมอดูตอกไข่ หมอดูไพ่ หมอดูร่างทรง หมอดูลัคนา ดูมาหมดแล้วค่ะ หลายคนที่เราเคยเลือกใช้บริการ สิ่งที่บอกมาก็มีความตรงอยู่ ... แต่บางคนจบด้วยชวนทำพิธีแก้กรรมบ้าง ผ่อนหนักเป็นเบาบ้าง ทันทีที่เดินจากตรงนั้น เดินสวดสัพเพสัตตา จบๆ กันไปตรงนั้นเลย

เรื่องเข้าวัด ไหว้เทพเจ้าจีน ไหวัพระพรหม ไหว้ศาลหลักเมือง ไหว้หมดค่ะ ไหว้เพราะความระลึกถึงคุณพระพุทธ/พระธรรม ไหว้เพราะความดีที่ท่านเคยทำ ไหว้เพราะคุณที่ปกป้องคุ้มครองแผ่นดินที่อาศัยให้ปลอดภัย ไม่ได้ตั้งใจไปเพื่อบนบาน แต่ไม่ถึงกับต้องไปให้ได้ เพื่อไปไหว้ ถ้ามีโอกาสได้ไป ก็กราบไหว้ตามประเพณี 

.... น่าจะมีครั้งเดียว ที่พยายามไปไหว้ถึงสถานที่ ไม่ว่าจะดึกดื่นขนาดไหน นั่นคือ ตอนจะเอนทรานซ์ เพราะเลือกมหาวิทยาลัยเดียว 4 คณะที่ไม่เหมือนกันเลย และที่ขาดไม่ใช่ความรู้ ไม่ใช่ความพยายาม แต่คือที่พึ่งทางจิตใจ 

ความเชื่อของแต่ละคนแตกต่าง เคารพในความต่างค่ะ แต่อย่าถึงขนาดให้มันเป็นช่องทางให้อุบายต่างๆ มาหลอกเอาสติปัญญาของเราไป

... ชีวิตคนเรามันสั้น จงใช้เวลามหัศจรรย์ที่เรามีอยู่ โดยไม่สร้างทุกข์จนเกินไปให้กับตน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top