Friday, 9 May 2025
Hard News Team

กนง.มีมติเอกฉันท์ คงดอกเบี้ยนโยบาย 0.50% สนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง พร้อมลดเป้าจีดีพี ปี 64 เหลือ 3%

นายทิตนันทิ์ มัลลิกะมาส เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) แถลงผลการประชุม กนง. ว่า กนง. มีมติเป็นเอกฉันท์ ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.50% ต่อปี เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง โดยประเมินว่า เศรษฐกิจไทยโดยรวมยังขยายตัวได้ต่อเนื่อง แต่เผชิญกับความเสี่ยงในระยะข้างหน้า จึงยังต้องการแรงสนับสนุนจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่อยู่ในระดับต่ำอย่างต่อเนื่อง จึงเห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในการประชุมครั้งนี้ และรักษาขีดความสามารถในการดำเนินนโยบายการเงินที่มีจำกัดเพื่อใช้ในจังหวะที่เหมาะสมและเกิดประสิทธิผลสูงสุด

ทั้งนี้ ยังประเมินว่า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัว 3% ในปี 2564 และ 4.7% ในปี 2565 โดยขยายตัวต่ำกว่าประมาณการเดิมบ้างจากการปรับลดจำนวนนักท่องเที่ยว จากเดิมคาดว่าจะมี 5.5 ล้านคน เหลือเพียง 3 ล้านคน และผลกระทบของการระบาดระลอกใหม่ของไวรัสโควิด-19 แต่ได้รับแรงสนับสนุนจากการส่งออกสินค้าที่ฟื้นตัวเร็วตามการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ออกมาเพิ่มเติม 

อย่างไรก็ดี การฟื้นตัวของแต่ละภาคเศรษฐกิจยังมีความแตกต่างกัน โดยมีความเสี่ยงสำคัญจากประสิทธิผลและการกระจายวัคซีนป้องกันโควิด การกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมถึงความต่อเนื่องของแรงสนับสนุนจากภาครัฐ ด้านระบบการเงินมีเสถียรภาพ แต่ยังมีความเปราะบางในบางจุดจากผลกระทบของการระบาดระลอกใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มครัวเรือนที่มีรายได้น้อยและธุรกิจเอสเอ็มอี

“นภาพร” เผย ฝ่ายค้านหารือ พ.ร.บ.ประชามติ 1 เม.ย. 64 ยัน เดินหน้าตามวิถีประชาธิปไตย ซัด รบ.ไม่เห็นความสำคัญปชช.เลย

เมื่อวันที่ 24 มี.ค. ที่รัฐสภา นางสาวนภาพร เพ็ชร์จินดา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย กล่าวถึงประเด็นที่มีสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) บางส่วน มีเเนวโน้มว่าจะคว่ำ พ.ร.บ ประชามติ ว่าหลังจากที่ตนได้เห็นข่าวเเล้วมีความรู้สึกว่า ส.ว.เเละส.ส. ฝ่ายรัฐบาลไม่ต้องการให้ฝ่ายค้านกระทำการในลักษณะใด ๆ เลย โดยก่อนหน้านี้มีข่าวว่าจะมีการยื่นหนังสือให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความอีกครั้งหนึ่ง ตนเห็นว่าถ้ายังอยากให้ประเทศเดินหน้าต่อไป เเต่ท่านไม่ทำประชามติหรือทำอะไรเลย ประเทศจะเดินต่อไปได้ยาก

 

นางสาวนภาพร กล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ในขณะที่มีผู้ชุมนุมออกมาเคลื่อนไหวในช่วงเเรกนั้น ส.ว. เห็นม็อบมีท่าทีจะจุดติด จึงเห็นด้วยให้มีการเเก้ไขรัฐธรรมนูญ เเต่พอเมื่อ ส.ว. เห็นว่าม็อบเริ่มจุดไม่ติดเเล้ว ผู้ชุมนุมบางส่วนถูกจำคุกเเละไม่ได้รับการประกันตัว ท่านกลับทำตัวเช่นนี้หรือ ส่วนประเด็นการทำประชามติ หากจะอ้างว่าเปลืองงบประมาณในการจัดทำประชามติคงไม่ถูกต้องเสียทีเดียว หากมองย้อนกลับว่าเรามีการประชุมศึกษาการเเก้ไขรัฐธรรมนูญไปตั้งกี่ครั้งเเล้ว ใช้งบประมาณไปเท่าไร เเต่สุดท้ายท่านทั้งหลายก็คว่ำ ท่านเสียดายเงินที่จะทำประชามติในอนาคต เเต่ท่านไม่เสียดายเงินตรงนี้บ้างหรือ หาก ส.ว. พูดเช่นนี้ดูเหมือนจะเป็นการเข้าข้างตัวเองเกินไปหรือไม่”

 

นางสาวนภาพร กล่าวต่อว่า ในส่วนทางพรรคตนก็ยังคงเดินหน้าต่อ เพราะเป็นวิถีทางเเห่งประชาธิปไตยที่ฝ่ายเราเห็นว่าควรจะต้องทำให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ ไม่ใช่ให้บุคคลไม่กี่คนที่ใครเลือกมาก็ไม่รู้มาทำการตัดสินใจให้เกิดสิ่งที่ไม่ควรจะเกิด ซึ่งตนคิดว่าหากเป็นไปในลักษณะนี้ การเเก้ไขรัฐธรรมนูญอาจไม่เกิดขึ้นด้วยซ้ำไป ซึ่งตอนนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีการออกมาเย้ยประชาชนอย่างที่เป็นข่าว ตนจึงอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ จำการกระทำดังกล่าวไว้ให้ดี หากวันหนึ่งภาคประชาชนมีการรวมตัวขึ้นมาจากทุกกลุ่มสีเสื้อ เพราะในตอนนี้เริ่มมีการพูดคุยของหลายๆ ฝ่ายเเล้ว

 

เมื่อถามว่าทางออกในเรื่องนี้จะเป็นเช่นไร นางสาวนภาพร กล่าวว่า ฝ่ายค้านได้ประเมินสถานการณ์อยู่ว่าอาจจะเเก้รัฐธรรมนูญเป็นรายมาตราเเทน เเต่ก็มีบางท่านที่เห็นว่าหากทำในลักษณะนั้นก็อาจเข้าทางของฝ่ายเผด็จการได้ ซึ่งฝ่ายค้านก็จะมีการปรึกษาหารือทั้งเรื่องรัฐธรรมนูญเเละประชามติในวันที่ 1 เม.ย. 2564 อีกครั้งหนึ่ง

‘บิ๊กตู่’ เตรียมนำ 4 รัฐมนตรีใหม่เข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ 27 มี.ค. นี้ พร้อมเล็งประเมินผลงานรัฐมนตรีทั้งคณะทุก 3 เดือน ลั่นถ้าผลงานไม่ดี มีสิทธิโดนเด้ง

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวว่า ภายหลังโปรดเกล้าฯ รัฐมนตรีใหม่แล้ววานนี้ เบื้องต้นรับทราบว่าจะมีการเข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ฯปฏิญาณตนในวันเสาร์ที่ 27 มี.ค.นี้ ซึ่งภายหลังเข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ฯแล้วจะเรียกรัฐมนตรีใหม่มาหารือพูดคุยถึงการทำงานก่อนที่จะเริ่มปฏิบัติหน้าที่

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการสลับตำแหน่งระหว่าง รมช.คมนาคมกับ รมช.พาณิชย์ ว่า เพื่อให้ทั้ง 2 กระทรวงขับเคลื่อนงานให้ดีและรวดเร็วขึ้น เพราะมีหลายอย่างที่ต้องทำ ยืนยันไม่ผิดหลักการใดๆ ทั้งสิ้น เพราะหากสลับปรับใครไป หากทำงานไม่ดี ก็จะถูกปรับออก ซึ่งงานของทั้ง 2 กระทรวง เป็นการสร้างโอกาสและให้ทุกคนเข้าถึงสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานโดยเร็วที่สุด มีรายได้ทางเศรษฐกิจและการขนส่งสินค้า ซึ่งวันนี้ต้องเร่งหารายได้มากยิ่งขึ้น โดยขณะนี้มีการเปิดตลาดการค้าต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง

ส่วนกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) นั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ถือว่ามีความสำคัญและเป็นกลไกหนึ่งที่ต้องทำให้เกิดความทั่วถึง ลดความเหลื่อมล้ำและเป็นธรรม เพราะขณะนี้สังคมมีปัญหาอุปสรรค เพราะมีความไม่เข้าใจซึ่งกันและกัน มีข้อมูลที่ไม่ตรงกัน ซึ่งต้องสร้างความเข้าใจเรื่องของประชาธิปไตยที่ไม่ละเมิดสิทธิผู้อื่น เพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวายและทำผิดกฎหมาย การให้เกียรติซึ่งกันและกันเป็นสิ่งสำคัญ

ส่วนที่มีการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องวุฒิการศึกษาของรัฐมนตรีใหม่บางคนไม่ตรงกับกระทรวงที่ต้องบริหารงานนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐมนตรีก็ต้องปฏิบัติตามนโยบาย ซึ่งรัฐบาลจะเป็นผู้กำหนดนโยบายในภาพรวมและจะให้แนวทางแต่ละกระทรวงไปปฏิบัติตามกรอบยุทธศาสตร์ชาติและกรอบการปฏิรูปการศึกษา

พร้อมยืนยันว่าทั้งหมดต้องถูกควบคุมการบริหารโดยนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล และต้องผ่านกลไกของ ครม. ทั้งนี้จะมีการติดตามการทำงานและประเมินผลงานของรัฐมนตรีทั้งหมดทุก 3 เดือน และจะมีการพิจารณาปรับอยู่เสมอและเชื่อว่าทุกอย่างจะดีขึ้น

ป.ป.ส. ย้ำการขายทอดตลาด “แมว” ดำเนินการตามข้อกฎหมาย

นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (เลขาธิการ ป.ป.ส.) กล่าวถึงกรณี  ที่กระแสสังคมมีข้อห่วงใยถึงการขายทอดตลาดทรัพย์สินจากคดียาเสพติด ซึ่งในกรณีนี้ ได้แก่ แมวสายพันธุ์ต่างประเทศ จำนวน 6 ตัว ที่เกิดจากการเข้าตรวจค้นบ้านพักของผู้ต้องหาเครือข่ายยาเสพติด “กุ๊ก ระยอง” ตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม 2564 ที่ผ่านมา และเลขาธิการ ป.ป.ส. ได้มีคำสั่งให้ยึดไว้ชั่วคราวเพื่อตรวจสอบในเวลาต่อมานั้น 

 

ขอยืนยันว่าสำนักงาน ป.ป.ส. ได้ดำเนินการตาม พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 ในเรื่องของการเก็บรักษาและการขายทอดตลาดทรัพย์สิน ซึ่งทรัพย์สินในที่นี้เป็นทรัพย์สินที่ไม่เหมาะสมที่จะเก็บรักษาหรือหากเก็บรักษาไว้จะเป็นภาระแก่ทางราชการซึ่งรวมถึงสิ่งมีชีวิต ประเภทสัตว์เลี้ยง และสัตว์ในภาคการเกษตร

 

นายวิชัย เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า “สำหรับกรณีที่มีคำสั่งยึดและขายทอดตลาดแมวดังกล่าวนั้น ต้องนำเรียนว่า ขณะเข้าดำเนินการตรวจค้นและจับกุมผู้ต้องหา ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ ได้หลบหนีระหว่างการเข้าจับกุม เจ้าหน้าที่ จึงได้ยึดอายัดทรัพย์สิน ได้แก่ บ้าน รถยนต์ รวมถึงแมวสายพันธุ์ต่างประเทศทั้ง 6 ตัวไว้ชั่วคราว สำหรับแมวนั้น ถือเป็นทรัพย์สินประเภทสิ่งมีชีวิตที่ไม่เหมาะสมในการเก็บรักษาไว้ หรือหากเก็บรักษาไว้จะเป็นภาระแก่ทางราชการ หรือถ้าหน่วงช้าจะเสี่ยงต่อความเสียหาย ตามกฎหมายสามารถพิจารณานำมาขายทอดตลาดได้”

 

“ขอให้เข้าใจว่า สำนักงาน ป.ป.ส. ได้เปิดให้ญาติ หรือผู้เกี่ยวข้องสามารถเข้ามาชี้แจงแสดงหลักฐานว่าเงินที่นำมาใช้ซื้อแมว เป็นเงินที่มาจากการค้ายาเสพติดหรือไม่ หากหลักฐานชัดเจนว่าไม่ได้เป็นเงินที่มาจากการค้ายาเสพติด ก็จะมีคำสั่งยกเลิกการยึด แต่ถ้าชี้แจงไม่ได้ก็จะมีคำสั่งยึด/อายัดไว้ชั่วคราว แต่ยังเปิดโอกาสให้ญาติหรือผู้เกี่ยวข้องสามารถนำเงินมาประกันราคาแมวไว้ก่อน และนำแมวไปดูแลเอง จนกว่าคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินจะวินิจฉัย ซึ่งหากผู้เกี่ยวข้องไม่นำเงินมาประกัน สำนักงาน ป.ป.ส. ก็ต้องยึดไว้ตามกฎหมาย และต้องดำเนินการขายทอดตลาดต่อไป 

 

ตามกระบวนการทางกฎหมายทรัพย์สินที่ถูกยึดไว้ชั่วคราว เป็นการยึดไว้เพื่อตรวจสอบการได้มาว่าเกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดหรือไม่ ซึ่งระหว่างตรวจสอบ กฎหมายได้กำหนดให้สำนักงาน ป.ป.ส. สามารถนำทรัพย์สินบางประเภทมาขายทอดตลาดได้ แต่ไม่สามารถนำทรัพย์สินดังกล่าวไปมอบให้ หรือยกให้กับหน่วยงานใด หรือองค์กรใดองค์หนึ่งได้ เนื่องจากทรัพย์สินดังกล่าวยังไม่ได้เป็นกรรมสิทธิ์ของสำนักงาน ป.ป.ส.”   

 

โดยแมวทั้ง 6 ตัว สำนักงาน ป.ป.ส. ได้ประสานให้ปศุสัตว์จังหวัดเข้ามาตรวจสุขภาพแมวเป็นระยะๆ จนกว่า

จะดำเนินการขายทอดตลาด และให้แมวอยู่ในความดูแลของบุคคลที่มีความสามารถ และมีประสบการณ์ หรือบุคคลที่ญาติหรือผู้ใกล้ชิดของผู้ต้องหาไว้วางใจในการดูแลรักษา อย่างไรก็ตาม หลังจากยึดอายัดแมวทั้ง 6 ตัวไว้ ก็ไม่ปรากฏว่ามีญาติหรือผู้เกี่ยวข้องมาชี้แจงแสดงหลักฐานว่าเงินที่ใช้ซื้อแมวมาจากการค้ายาเสพติดหรือไม่

 

ดังนั้น สำนักงาน ป.ป.ส. จึงดำเนินการตามกระบวนการขายทอดตลาดทรัพย์สิน ซึ่งหลังจากมีประกาศขายทอดตลาด จะมีการจัดทำการประเมินราคา กำหนดราคาขาย และดำเนินการขายซึ่งคาดว่ากระบวนการทั้งหมดจะแล้วเสร็จภายในวันที่ 24 เมษายน 2564  ซึ่งทุกกระบวนการจะคำนึงถึงสุขภาพและสวัสดิภาพของสัตว์เป็นสำคัญ ควบคู่กับไปกับการดำเนินการตามกฎหมาย

ศบค.แถลง ไทยพบผู้ติดเชื้อ 69 ราย สมุทรสาครพบผู้ป่วยเหลือหลักเดียว พร้อมเปิดเดินรถโดยสารเข้าออกจังหวัด คลัสเตอร์ศูนย์กักบางเขนคุมอยู่ ติงโรงงานขนมบางขุนเทียนหละหลวม ทั้งพบต่างด้าวหนีเข้าประเทศผิดกฎหมาย ต้องระดมตรวจจนท.

ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์ประจำวัน ว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 69 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 61 ราย ในจำนวนนี้มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ  44 ราย ในจำนวนนี้มาจาก กทม. 30 ราย ตาก 2 ราย นครปฐม 1 ราย นนทบุรี 1 ราย ปทุมธานี 2 ราย สมุทรปราการ 1 ราย สมุทรสาคร 6 ราย และหนองบัวลำภู 1 ราย มาจากการค้นหาเชิงรุกในชุมชน  17 ราย นอกจากนี้ เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 8 ราย ทำให้มีผู้ติดเชื้อสะสม 28,346 ราย หายป่วยสะสม 26,873 ราย อยู่ระหว่างรักษา 1,381 ราย ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม ยอดผู้เสียชีวิตสะสมคงที่ 92 ราย ขณะที่สถานการณ์โลก มีผู้ติดเชื้อสะสม 124,790,051 ราย เสียชีวิตสะสม 2,745,386 ราย   

 

พญ.อภิสมัย กล่าวว่า สำหรับตัวเลขผู้ติดเชื้อใน จ.สมุทรสาครวันนี้มีเพียง 9 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 6 ราย ค้นหาเชิงรุก 3 คน โดยในที่ประชุม ศบค.ชุดเล็ก ทาง จ.สมุทรสาครรายงานว่า วันนี้จะเป็นวันแรกที่เปิดให้มีการเดินรถโดยสาร เนื่องจากผู้ติดเชื้อเหลือเพียงตัวเลขหลักเดียว โดยจะมีการทำความสะอาดสถานีขนส่ง ตรวจวัดอุณหภูมิ ก่อนหน้านี้ จ.สมุทรสาครจะไม่เปิดให้มีการเดินข้ามพื้นที่เข้าไปพัก แต่ตอนนี้สามารถเข้าพักได้แล้ว อย่างไรก็ตาม การกระจายผู้ติดเชื้อเหลือใน จ.สมุทรสาคร วงเล็กลง กระจุกอยู่ตรงส่วนกลางใน อ.เมือง เฉพาะบางตำบล และพบผู้ติดเชื้อ 1-2% ระบบสาธารณสุขสามารถควบคุมป้องกันได้ 

 

นอกจากนี้ กรณีที่มีการพบผู้ติดเชื้อในโรงงานขนมที่บางขุนเทียน โดยเมื่อวันที่ 23 มี.ค. 2564 พบผู้ติดเชื้อจำนวน 17 ราย เป็นคนไทยและเมียนมา ผู้ติดเชื้อรายแรกที่พบเนื่องจากเดินทางไปเพื่อขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าว เมื่อตรวจพบจึงไปค้นหาเชิงรุกในโรงงานดังกล่าว จากการสอบสวนพบว่า โรงงานขนมแห่งนี้มีพื้นที่หน้าร้าน พื้นที่ภายในโรงงานมีการวางมาตรการป้องกันโควิด-19 ที่หละหลวม ส่วนที่พักคนงาน เป็นอาคารพาณิชย์พัก 70 คน ไม่มีมาตรการป้องกันเลย เมื่อมีผู้ติดเชื้อจึงแพร่ไปยังคนอื่นได้ง่าย หลังจากนี้จึงอยากให้โรงงานต่างๆ ช่วยกันทบทวนมาตรการของตัวเอง อย่างไรก็ดี ขณะนี้ กทม.ได้เข้าไปดำเนินการทำความสะอาดในโรงงานดังกล่าวแล้ว และยืนยันว่าสามารถรับประทานขนมได้

 

พญ.อภิสมัย กล่าวว่า กรณีที่หลายคนตกใจตัวเลขผู้ติดเชื้อในศูนย์กักสวนพลูและบางเขน ที่ตัวเลขเมื่อวันที่ 23 มี.ค. 2564 พุ่งไปถึง 300 กว่ารายนั้น ทางนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุขระบุว่าอย่าดูตัวเลขที่สูง แต่ให้ดูมาตรการป้องกันและจำกัดไม่ให้แพร่กระจายไปยังชุมชน ซึ่งสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและกระทรวงสาธารณสุขได้เข้าไปกำหนดมาตรการอย่างเข้มข้นแล้ว และวันนี้ตัวเลขเป็นศูนย์แล้ว 

 

นอกจากนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ได้รายงานมายัง ศบค.ชุดเล็กว่า พื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์มีจุดผ่านแดนช่องทางธรรมชาติถึง 8 อำเภอ โดยวันที่ 3 มี.ค. 2564 มีผู้ข้ามแดนผิดกฎหมายจำนวน 33 คน และได้ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ตั้งแต่ถูกจับกุม แต่ไม่พบผู้ติดเชื้อ กระทั่งมีการตรวจหาเชื้อครั้งที่ 2 พบผู้ติดเชื้อ 4 คน ทำให้ต้องระดมกำลังตรวจเจ้าพนักงานที่ใกล้ชิดผู้ติดเชื้อ 70 กว่าคน และเข้าสู่มาตรการกักตัว อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ข้ามแดนผิดกฎหมายจะจัดสถานที่กักตัวให้ที่กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดน เพื่อให้อยู่ห่างจากชุมชน มีรั้วลวดหนาม แต่เมื่อเขากระทำผิด หลังจากการกักตัวแล้วจะต้องส่งตัวฟ้องตามกฎหมายและผลักดันกลับประเทศ

 

พญ.อภิสมัย กล่าวว่า สำหรับแผนการกระจายวัคซีนซิโนแวค 8 แสนโดสที่จะได้มาในเดือน เม.ย.นั้น จะมีการกระจายไปใน 22 จังหวัด โดยแบ่งเป็น 3 ส่วน ส่วนแรกเพื่อการควบคุมการแพร่ระบาดใน 6 จังหวัด ได้แก่ สมุทรสาคร กทม. อ.แม่สอด จ.ตาก ปทุมธานี สมุทรปราการ และนนทบุรี ส่วนที่สอง เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจในจังหวัดท่องเที่ยว 8 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี ระยอง เชียงใหม่ ขอนแก่น กระบี่ พังงา เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี และภูเก็ต  และส่วนที่สาม เพื่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจจังหวัดชายแดน 8 จังหวัด ได้แก่ สงขลา สระแก้ว เชียงราย มุกดาหาร นราธิวาส ระนอง หนองคาย และจันทบุรี 

 

พญ.อภิสมัย ตอบข้อซักถามถึงกรณีที่ประชาชน เกิดความสงสัยว่าขณะนี้หลายพื้นที่มีการกระจายวัคซีนไปแล้ว บางคนฉีดเข็มแรก บางคนฉีดครบสองโดส หากเป็นเช่นนี้แสดงว่าเราไม่ต้องป้องกัน ไม่ต้องระมัดระวังตัวเองเหมือนที่ผ่านมาได้หรือไม่ ผ่อนคลายมาตรการทำให้ใช้ชีวิตตามปกติเหมือนก่อนจะมี โควิด-19 ได้หรือไม่ ว่า สิ่งที่สำคัญในการรายงานข่าวทุกๆวัน คือการรายงานถึงต่างประเทศที่ได้ฉีดวัคซีนกันเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทั่วโลกฉีดวัคซีนไปแล้วเกิน 300ล้านโดส รวมทั้งบางประเทศซึ่งมีหลายประเทศที่ฉีดครบสองโดสแล้วแต่เราก็ยังเห็นการรายงานตลอดเวลาว่ายอดผู้ติดเชื้อกลับไม่ได้ดูลดลงสักเท่าไหร่ 

 

โดยเราสามารถดูตัวอย่างจากทางกรมควบคุมโรคที่นำเสนอเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ เราพบว่าหลายประเทศมีจุดอ่อน คือ มีการกำหนดมาตรการผ่อนคลายที่เร็วเกินไป ส่วนหนึ่งจะเห็นว่าไม่ได้มีการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศ เช่นสหรัฐอเมริกา จึงเกิดการติดเชื้อมากยิ่งขึ้นแล้วจึงเริ่มกำหนดมาตรการ และอีกหลายพื้นที่ยังไม่ได้มีการกำหนดการยกเว้นการเดินทางระหว่างประเทศ เช่น รัสเซีย ซึ่งเราจะเห็นว่ายังให้คนที่เดินทางมาจากยุโรปเดินทางเข้าออกรัสเซียซึ่งก็จะทำให้เกิดการแพร่ระบาดที่ควบคุมได้ยาก และสิ่งที่สำคัญบางประเทศประชาชนไม่เข้าถึงระบบบริการสาธารณสุข หรือแม้แต่บางแห่งระบบบริการสาธารณสุขที่มีอยู่นั้นอาจจะไม่มีการเตรียมความพร้อมที่จะรองรับระบบการระบาดที่แพร่ไปทั่วโลกเช่นนี้ 

 

ซึ่งถ้าดูแล้วระบบสาธารณสุขของประเทศไทยรวมถึงส่วนที่สำคัญที่เราได้เน้นย้ำกันมาโดยตลอดคือ บ้านเรามี อสม. ที่เดินพูดคุยได้ถึงบ้าน กรมควบคุมโรค ที่เดินทางกันอย่างเหน็ดเหนื่อย หากเราเรียนรู้จากประเทศเพื่อนบ้านหรือประเทศต่าง ๆ ที่มีการฉีดวัคซีนกันแล้วก็อาจจะตอบคำถามนี้ได้ด้วยตัวท่านเอง ว่า การฉีดวัคซีนครบแล้วเราควรดำเนินชีวิตแบบเว้นระยะห่าง สวม หน้ากาก เว้นระยะห่าง ล้างมือ ไม่พูดคุยกันในสถานที่แออัดเกิน 5 นาที พยายามไม่ไปสัมผัส กับผู้ที่มีความเสี่ยงสูงเสี่ยงต่ำ ที่ยังต้องเน้นย้ำกันอยู่เสมอ และอาจจะเป็นนายจ้าง สถานประกอบการ แพทย์ บุคลากรสาธารณสุข หมอฟัน เภสัชกร มีการรายงานชัดเจนว่าการที่บุคลากรเหล่านี้ให้ความสำคัญเมื่อมีคนมาทำฟันก็เตือนกันว่าอย่าลืมสวมหน้ากาก ซึ่งจะได้ทำให้ประชาชนเกิดความตระหนักและได้รับการย้ำเตือนบ่อยๆจะได้ไม่เผลอลืม และทำให้ประเทศไทยได้นำตัวอย่างจากต่างประเทศมาเรียนรู้ จะได้ไม่ซ้ำรอย

 

ผู้สื่อข่าวถามว่า ช่วยอธิบายเหตุผลที่ ศบค. ตัดสินใจขยายระยะเวลาประกาศใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉินออกไปอีกสองเดือน พญ.อภิสมัย กล่าวว่า คำถามดังกล่าว ศบค. ต้องขออนุญาตถามกลับไปด้วยว่าหลายครั้งที่ได้ย้ำไปเสมอว่า เราต้องการเห็นการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจที่เป็นไปได้อย่างรวดเร็ว ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่การแถลงข่าวเพื่อรายงานข้อมูลทุกวันนี้เป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ เป็นข้อมูลที่เกิดจากการร่วมแรงร่วมใจกัน ศบค. ชุดเล็กได้จากการร่วมแรงของทุกฝ่าย ประชุมกันทุกวันไม่มีวันหยุด ร่วมกันระหว่างทุกกระทรวงไม่มีเว้น และมีพื้นที่ที่มีความเสี่ยง ก็รีบประชุมเพื่อให้มีการรายงานอย่างต่อเนื่อง เมื่อสถานการณ์ที่เกิดตัวเลข มีคลัสเตอร์ มีกลุ่มก้อน มีการแพร่ระบาด มีสะเก็ดไฟจาก ตลาดที่สองไปตลาดที่สาม จังหวัดที่หนึ่งไปจังหวัดที่สอง สาม อย่างนี้ทำให้ ศบค. ก็มีความหนักใจ 

 

แต่อย่างไรก็ตามทุกอย่างอยู่บนพื้นฐานของความเป็นห่วงทั้งประชาชน ที่มีโอกาสเสี่ยงเป็นผู้สัมผัสหรือเป็นผู้ติดเชื้อ แต่มีความเป็นห่วงบุคลากรที่ทำงานอยู่ด่านหน้าด้วย ดังนั้น พ.ร.ก. ฉุกเฉิน มีประโยชน์เพียงอย่างเดียวคือช่วยให้สถานการณ์นั้นพื้นที่สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เช่น ช่วงที่จังหวัดสมุทรสาคร ที่จะต้องลงพื้นที่ตรวจโรงงาน ตรวจชุมชน หากไม่มีการบังคับใช้มาตรการ คนที่อยู่ในโรงงานหรือสถานประกอบการก็อาจจะไม่ได้เกิดความร่วมมือกันขนาดนี้ ต้องเรียนว่า ศบค. ไม่ได้ออกมาตรการที่มาจากศบค.เอง แต่เกิดจากการนำเสนอโดยบุคลากรผู้ที่ทำงานในพื้นที่แต่ละจังหวัดเสนอมาว่าขอให้ยังคงมาตรการ ขอให้ยังมีพ.ร.ก. ฉุกเฉิน เพื่อให้เขาสามารถประสานงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

 

ยอมรับว่าทุกครั้งที่มีการนำเสนอให้ออกมาตรการ ศบค. มีความหนักใจเพราะหลายคนก็เห็นว่าเราเป็นหน่วยงานที่บริหารความขัดแย้ง เช่นเมื่อครั้งที่พิจารณาว่าโรงเรียนจะเปิดได้หรือไม่ ก็มีความเห็นทั้งสองฝ่าย สงกรานต์จะจัดได้หรือไม่ ก็ยังมีความเห็นไม่ตรงกัน ดังนั้น อย่างที่เรียนว่าการทำงานเพื่อที่จะเลือกทิศทางที่ดีที่สุด และปลอดภัยที่สุดสำหรับประชาชน การควบคุมโรคยังอยู่ในมาตรฐานที่ควบคุมได้ ขณะเดียวกันภาคเศรษฐกิจ และสังคม การดำเนินชีวิตของประชาชนยังต้องทำได้ จึงต้องขอกำลังใจให้ศบค. ด้วยเช่นกัน

 

ท้ายนี้จึงขอฝากว่า สิ่งที่ทุกคนทำได้ดีมาอย่างต่อเนื่องก็ยังขอความร่วมมือต่อไป อย่าเพิ่งเหนื่อยล้า เพราะไวรัสยังไม่หยุดพักกับเรา ขอความร่วมมืออดทนอีกสักนิดเพราะสถานการณ์กำลังดีขึ้น

‘ชวน’ ไม่เข้าใจ ‘วิษณุ’ บอกเปิดสภาสมัยวิสามัญ ถกร่างพ.ร.บ.ประชามติ เร็วเกินไป ทั้งที่หารือกันแล้วเห็นสอดคล้อง 7 - 8 เม.ย. เหมาะสม ยันกฎหมายนี้เป็นเรื่องด่วนของรัฐบาล ถ้าเปลี่ยนใจไม่เร่งพิจารณาก็เป็นสิทธิ์ของรัฐบาล สภาไม่เกี่ยว

เมื่อวันที่ 24 มี.ค.เวลา 13.00 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา กล่าวถึงกรณีที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุถึงการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ ในวันที่ 7-8 เม.ย. เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.ออกเสียงประชามติ เร็วเกินไป ว่า เรื่องนี้อยู่ที่คณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.การออกเสียงประชามติ พ.ศ. ... จะต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จ ซึ่งเมื่อวันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา ตนได้พูดคุยกับนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ส.ว. ในฐานะประธานกมธ.ฯ ทราบว่าจะมีการประชุมในวันที่ 1 เม.ย. ก็จะเสร็จ

แต่ถ้ารอให้เสร็จแล้วทำเรื่องกราบบังคมทูลเพื่อเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญอาจจะไม่ทันในวันที่ 7-8 เม.ย. เพราะต้องมีระยะเวลาในการทำเรื่องทูลเกล้าฯ ซึ่งทางคณะกมธ.ฯให้การรับรองแล้วว่าพิจารณาเสร็จทัน อย่างไรก็ตามกฎหมายดังกล่าวเป็นกฎหมายด่วนของรัฐบาล ไม่ใช่สภาฯเป็นผู้เสนอ

ซึ่งได้พูดคุยกับประธานกมธ.ฯ ผู้นำฝ่ายค้าน และนายวิษณุ กันเบื้องต้นแล้วว่าจังหวะเวลาเปิดประชุมสมัยวิสามัญ มีความเห็นสอดคล้องกันว่าวันที่ 7 - 8 เม.ย. เหมาะสม เพราะหลังจากนี้จะเป็นวันหยุดยาวของสมาชิกรัฐสภา

“ผมไม่เข้าใจว่าเร็วเกินไปหมายถึงอะไร ถ้าไม่เร็วก็ต้องไปพิจารณาในสมัยสามัญเดือนพฤษภาคมเลย ถ้าไม่ใช่เรื่องด่วนก็พิจารณาแบบนั้นได้ แต่ในกรณีนี้ถือเป็นเรื่องด่วนที่รัฐบาลเป็นผู้เสนอ” นายชวน กล่าว

เมื่อถามว่ามีบางฝ่ายเป็นห่วงร่างกฎหมายดังกล่าวอาจจะขัดรัฐธรรมนูญ นายชวน กล่าวว่า ไม่ขอวิจารณ์เรื่องนี้ เพราะเราทำหน้าที่ต่อฝ่ายที่เสนอกฎหมายมาให้ได้รับการพิจารณาตามวาระที่สภาดำเนินการ เพื่อไม่ให้กฎหมายค้างพิจารณา แต่การเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญที่ผ่านมาก็เปิดมาเพื่อพิจารณาเรื่องนี้ให้จบ แต่บังเอิญเกิดปัญหาขึ้นมาก็ต้องมาพิจารณาอีกรอบ

เมื่อถามอีกว่าถ้ามีคนไปร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญจะทำให้กระบวนการพิจารณาสะดุดหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า คนละเรื่องกัน การไปร้องศาลก็แล้วแต่สมาชิกหรือใครก็ตามที่จะไปร้อง แต่สภาฯมีหน้าที่กำหนดระยะเวลาโดยหารือกับทุกฝ่าย เพราะสภากำหนดเองไม่ได้ ถ้าเกิดรัฐบาลหรือฝ่ายอื่นไม่พร้อม หรือไม่ประสงค์จะเปิดประชุมก็เป็นสิทธิ์ เพราะผู้เสนอเปิดประชุมวิสามัญคือฝ่ายบริหาร ไม่ใช่ฝ่ายนิติบัญญัติ

ดังนั้น จึงอยู่ที่รัฐบาลว่าต้องการให้กฎหมายฉบับนี้เป็นอย่างไร หากรัฐบาลเปลี่ยนใจไม่เร่งเสนอกฎหมายก็เป็นสิทธิ์ของรัฐบาล เราไม่มีปัญหาอะไร สภามีหน้าที่ดูแลนัดวันประชุมและกำหนดวาระให้ เพื่อให้เสร็จภารกิจเท่านั้น ทั้งนี้ทางรัฐบาลได้แจ้งมายังสภาให้ยืนยันว่าติดปัญหาอย่างไร ซึ่งตนตอบไปแล้วว่าเป็นเรื่องของรัฐบาล เพราะเป็นกฎหมายของรัฐบาลที่เป็นเรื่องด่วน

“บิ๊กป้อม” เร่ง! ปรับปรุงกฎหมายปราบค้ามนุษย์ แก้ปม ล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็ก-ค้าแรงงาน

วันที่ 24 มีนาคม 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ต่อเนื่องด้วยเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการประสานและกำกับติดตามการดำเนินงาน โดยมี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และนายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ร่วมด้วย

 

โดย พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ที่ประชุมได้รับทราบการดำเนินงานที่สำคัญ ในการเร่งทบทวนแก้ไขและปรับปรุงกฎหมาย ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551  ที่ให้น้ำหนักความสำคัญกับการลดอุปสงค์การล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็ก การบังคับใช้แรงงานหรือการบริการและการค้ามนุษย์ทุกรูปแบบมากขึ้น  รวมทั้งการกำหนดให้มีแนวทางการยึดหรืออายัดทรัพย์สินของผู้กระทำผิด เข้ากองทุนเพื่อป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ 

 

เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการแก้ปัญหาที่ยั่งยืน  พร้อมรับทราบความร่วมมือการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์กับออสเตรเลีย รวมทั้งความคืบหน้าผลการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ของประเทศไทย ปี 63 ( Progress Report ) เพื่อประกอบการพิจารณาจัดระดับประเทศในรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์

 

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า การค้ามนุษย์เป็นความเสียหายทางสังคมและเศรษฐกิจของประเทศ จึงถือเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลและความมุ่งมั่นร่วมกัน ที่ต้องร่วมมือกันทุกฝ่าย ร่วมขับเคลื่อนเพิ่มประสิทธิภาพการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ที่มุ่งความยั่งยืน  จึงต้องพิจารณาให้รอบด้านและครอบคลุมในทุกมิติ  โดยเฉพาะการป้องกันการล่อลวงการละเมิดทางเพศต่อกลุ่มเปราะบาง เด็กและสตรีในสื่อออนไลน์ 

 

รวมทั้งการเยียวยาผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์มากขึ้น  ขอให้เร่งปรับปรุงกฎหมายที่ยังไม่เสร็จสิ้น โดยเฉพาะมอบหมายให้ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ติดตามการลักลอบผู้โยกย้ายถิ่น และมอบสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) ติดตามนำเงินที่ได้จากการยึดอายัดทรัพย์ไปเยียวยาผู้เสียหายให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว

 

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ยังกำชับ การบริหารจัดการกองทุนเพื่อป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ โดยคณะกรรมการบริหารกองทุน ต้องให้โปร่งใสและเป็นไปตามวัตถุประสงค์  ขณะเดียวกันต้องให้ความสำคัญกับความสมบูรณ์ของการจัดทำรายงานความคืบหน้าผลการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ของประเทศไทย ปี 63 และให้ความสำคัญกับความร่วมมือระหว่างประเทศควบคู่กันไป 

 

โดยเฉพาะความร่วมมือไทย-สหรัฐอเมริกา และ ไทย - ออสเตรเลีย  ทั้งนี้ ขอให้พิจารณาปรับแผนปฏิบัติการ ปี 64 รองรับสถานการณ์โควิด-19 และสถานการณ์ทางสังคม เพื่อมิให้เป็นอุปสรรคการปฏิบัติงาน พร้อมย้ำกับทุกส่วนราชการ เอาผิดเด็ดขาดกับเจ้าหน้าที่รัฐที่เข้าไปเกี่ยวข้อง  

"วิษณุ" ชี้! อดใจรอดูท่าทีรัฐบาล อย่าเพิ่งวิจารณ์ไร้ความจริงใจ ยัน! มีเจตจำนงค์แก้รธน.แต่ไม่เคยบอกรื้อทั้งฉบับ

เมื่อวันที่ 24 มีนาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี  กล่าวถึงแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. ... จะเป็นอย่างไรต่อไป ว่า เป็นคนละเรื่องอย่ามาถามปนกัน ขณะนี้ร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติอยู่ในการพิจารณาของรัฐสภา แต่ติดอยู่ในมาตรา 9 ถึงอย่างไรก็ต้องดำเนินการต่อไป แต่จะเดินอย่างไรก็แล้วแต่ ขึ้นอยู่คณะกรรมการกฤษฎีกา และ กมธ. ซึ่งกำลังทำงานกันอยู่ หากทำเสร็จก็แจ้งให้ประธานรัฐสภาทราบเพื่อนัดเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ ส่วนจะเป็นวันใดก็แล้วแต่ 

 

โดยอยากให้ทางรัฐสภาช่วยยืนยันมาอีกครั้ง เพราะก่อนหน้านี้รัฐสภาได้ทำหนังสือต้องการเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญในวันที่ 7-8 เมษายน 2564 ซึ่งตนคิดว่าเร็วไปเพราะขณะที่มีหนังสือมา ยังไม่มีการแก้ไขร่างกฎหมายดังกล่าว แต่ก็ไม่เป็นไรเพราะกำลังให้เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ประสานไปที่รัฐสภาอยู่ โดยในการประชุมครม. เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2564 คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบร่างพ.ร.ฎ.เปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญไปแล้ว แต่ยังไม่ได้ใส่วันที่ ก็ดำเนินไปไม่มีปัญหา  ส่วนจะติดอะไรหรือไม่  ตนไม่ทราบเพราะยังไม่เห็นว่าเขาแก้มาตราที่ต่อเนื่องจากมาตรา 9 อย่างไร ซึ่งก็ถามกันขึ้นมาว่า หากถลำลึกลงไปในทางที่เกิดปัญหายุ่งยากในการบังคับใช้  

 

นายวิษณุ กล่าวว่า เช่นข้อความเกิดขัดแย้งกันและเกิดเป็นภาระของรัฐบาล ใครขออะไรมาก็ต้องทำประชามติทุกครั้งจะทำอย่างไร โดยตนก็ได้เสนอความเห็นไป ความเป็นจริงใครๆ ก็ทราบว่าเป็นกระบวนการธรรมดา กรณีเมื่อออกกฎหมายมาแล้ว มีความบกพร่องในการบังคับใช้ก็แก้เท่านั้นไม่มีปัญหา ส่วนจะแก้ช้าหรือเร็วก็แล้วแต่ดำเนินการ ในอดีตก็เคยมี กรณีออกกฎหมายมาแล้ว อีก 7 วัน ก็แก้กฎหมายฉบับนั้นเลยก็มีหลายฉบับ และไม่เป็นเรื่องใหญ่โตเช่นเมื่อปี พ.ศ.2517 ได้ออกรัฐธรรมนูญมาลงพระปรมาภิไธย ประกาศใช้แล้ว อีก 7 วันก็มาขอแก้เรื่องการสรรหาส.ว. เป็นต้น

 

นายวิษณุ กล่าวว่า ส่วนแนวทางการการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ขณะนี้ยังไม่มีใครเริ่มต้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวง ระบุในที่ประชุมครม.เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2564 ขอให้พรรคร่วมรัฐบาลไปหารือกันก่อน ได้ความว่าอย่างไรก็กลับมาคุยกับรัฐบาลอีกครั้ง  อย่างไรก็ตาม รัฐบาลก็คือพรรคร่วมรัฐบาล เพราะพรรคร่วมรัฐบาลอาจจะเห็นไม่ตรงกันก็ให้คุยกันเสียก่อน นับหนึ่งตรงนั้นแล้วค่อยมาสองที่รัฐบาล แล้วค่อยมาคิดกันต่อไปว่ารัฐบาลจะมาเกี่ยวข้องขนาดไหนอย่างไรเพราะขณะนี้ยังไม่ทราบเลยว่าจะแก้อย่างไร 

 

ผู้สื่อข่าวถามกระแสข่าวหากร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติผ่านวาระ 3 และ ประกาศใช้แล้ว รัฐบาลจะเสนอแก้ไขมาตรา 9 จะถูกมองว่าเป็นเกมการเมืองหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า  ก็ได้บอกไปแล้ว หากเกิดการบังคับใช้กฎหมาย หรือมีความผิดพลาดก็สามารถแก้ไขได้ 

 

 "บางครั้งผิดพลาดแล้วถวายขึ้นไป ก็ไม่ทรงลงพระปรมาภิไธย ที่เรียกว่าวีโต้กลับมาด้วยซ้ำไปในสมัยรัฐบาลนายอานันท์  ปันยารชุน  เป็นนายกฯ ก็ได้ถวายและรับมาแก้ไข พ.ร.บ.เครื่องหมายครุฑพ่าห์มาแล้ว" นายวิษณุ กล่าว

 

 เมื่อถามย้ำว่าการที่รัฐบาลขอแก้ไขในมาตราที่แพ้โหวตในวาระ 2 จะถูกวิจารณ์มากหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า คงไม่ได้บอกว่าอยู่ดีๆ เพราะว่าแพ้โหวตแล้วมารับทำอะไรใหม่ แต่ต้องพบความผิดพลาดคลาดเคลื่อนอื่นๆอีกหลายข้อ ขณะนี้ประเด็นว่าร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่ก็มีปัญหา เมื่อถามว่าปัญหาส่วนไหน นายวิษณุ กล่าวว่า ยังไม่บอกเพราะยังแก้ไขไม่ถึง โดยได้บอกไปที่คณะกรรมการกฤษฎีกาว่าแก้สิ่งเหล่านี้เสียอย่าให้เกิดปัญหา 

 

เมื่อถามว่าจะแก้ที่มาตรา 9 เป็นหลักหรือไม่ นายวิษณุ บอกว่าไม่ใช่เพราะมาตรา 9 ผ่านไปแล้วเป็นมาตราอื่นแทน เพียงแต่มาตรา 9 เป็นต้นเหตุให้แก้มาตรา 10-13 เกือบจะไม่ต้องกลับไปแก้มาตรา 9 ด้วยซ้ำ 

 

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้สังคมตั้งข้อสังเกตว่ารัฐบาลไม่มีความจริงใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้งที่เป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล  นายวิษณุ กล่าวว่า "ไม่เป็นไร ก็วิจารณ์ไป คอยดูต่อไปอย่าเพิ่งวิจารณ์" เมื่อถามว่าเจตจำนงของรัฐบาลยังเดินหน้าต่อไปใช่หรือไม่ นายิษณุ กล่าวว่า "เจตจำนงในการแก้ไขไม่ได้แปลว่าเป็นเจตจำนงแก้ไขทั้งฉบับ"   เมื่อถามว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเกิดขึ้นในรัฐบาลชุดนี้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ก็คอยดูต่อไป

นายกฯ นำประชุมดิจิทัลฯ นัดแรกปี 64 พร้อมแต่งตั้งคณะที่ปรึกษารับรัฐมนตรีใหม่ และทบทวนยกเลิกขอรับเงินสนับสนุนเยียวยาโควิด 19 ‘ยอมรับ’การบริหารราชการแผ่นดินไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากจนเกินไป 

วันที่ 24 มี.ค. 2564 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ครั้งที่ 1 /2564 โดยกล่าวก่อนการประชุมว่านายกรัฐมนตรี กล่าวระหว่างการประชุมว่าจากการประชุมครั้งที่ผ่านมา ตนให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาประเทศและการแก้ปัญหาความยากจน โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมาเสริมเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และสร้างความเข้มแข็ง ในการแก้ปัญหาต่างๆของประเทศ โครงสร้างดิจิทัลพื้นฐานเป็นส่วนสำคัญ 

 

ซึ่งวันนี้เดินหน้า ไปสู่ 5G ที่ผ่านมารัฐบาลวางโครงการอินเตอร์เน็ตประชารัฐทั่วประเทศ บางพื้นที่ต้องปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพราะบางพื้นที่ใช้ไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ และวันนี้ได้ออกกฎหมายกิจการอวกาศ  เป็นเรื่องของการใช้ดาวเทียมให้มีประสิทธิภาพ จะทำให้การพัฒนาเศรษฐกิจด้านนี้และเตรียมความพร้อมปัญญาประดิษฐ์หุ่นยนต์ 

 

เพื่อสนับสนุนนโยบายเทคโนโลยีนวัตกรรมมาใช้ในการดำเนินงานทุกภาคส่วน นำมาสู่การเป็นดิจิทัลไทยแลนด์และดิจิทัลอาเซียนเต็มรูปแบบตามเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติ พร้อมกันนี้ ย้ำขอให้ทุกส่วนราชการร่วมกันผลักดันให้เกิดความเชื่อมโยงระหว่างหน่วยงานภาครัฐ รวมถึงการใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่ วันนี้รัฐบาลออกหลายมาตรการจำเป็นต้องมีข้อมูลขนาดใหญ่ที่ทันสมัย ครอบคลุมทุกมิติ แก้ปัญหาได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย ให้เกิดการพัฒนาประเทศในทุกมิติทั้ง เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม ความมั่นคง สุขภาพและการศึกษา มุ่งหวังให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีต่อไป ซึ่งการบริหารราชการแผ่นดินไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากจนเกินไป 

 

สำหรับการประชุมวันนี้ จะมีการพิจารณาร่างแนวทางการจัดทำยุทธศาสตร์ ข้อมูลประเทศไทย และแผนปฎิบัติการด้านโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยี ดิจิทัล ระยะที่ 1 ปี2564-2570 และร่างแผนปฎิบัติการด้านการสื่อสารแห่งชาติ สนับสนุนกิจการป้องกันบรรเทาสาธารณภัย รวมถึงทบทวนหลักการเพื่อขอยกเลิกการเปิดรับข้อเสนอโครงการช่วยเหลือเยียวยาฟื้นฟูโควิด 19  วงเงิน 400 ล้านบาท และแต่งตั้งที่ปรึกษาในคณะกรรมการเพิ่มเติม ขณะเดียวกัน ต้องจับตาดูรัฐมนตรีใหม่ นายชัยวุฒิ  ธนาคมานุสรณ์  ว่าที่ รมว. ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ที่มีดีกรีจบวิศวะ จุฬาลงกรณ์ จะมาผลักดันนโยบายด้านดิจิทัลอย่างไร

เปิดม่าน!! งานแสดงรถยนต์ Motor Show ครั้งที่ 42 ค่ายรถชั้นนำพาเหรดยานยนต์รุ่นใหม่แบบจัดเต็ม ด้าน ‘มาสด้า’ ปาดหน้า!! จัดหนักอัดยาแรงกระตุ้นกำลังซื้อ ‘ฟรีดอกเบี้ย - ฟรีประกัน - ฟรีค่าแรง – ฟรีน้ำมัน’

นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร พร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับสูงจากมาสด้า เซลส์ ประเทศไทย เผย ปีนี้มาสด้าได้นำรถยนต์รุ่นใหม่ที่ตอบสนองการใช้งานและความต้องการลูกค้าได้อย่างลงตัว อาทิ ALL-NEW MAZDA BT-50 ปิกอัพใหม่สไตล์เอสยูวีที่ผนวกคุณสมบัติที่ดีที่สุดของรถปิกอัพรวมเป็นหนึ่งเดียว กับราคาเริ่มต้น 553,000 บาท เป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้นกับดอกเบี้ย 1.99% ฟรีประกันชั้นหนึ่ง และฟรีค่าแรงเช็กระยะ 5 ปี 100,000 กม. พร้อมเปิดแพ็คเกจพิเศษให้ลูกค้าเพื่อเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้นดอกเบี้ยต่ำสุด 0% ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance ขยายการรับประกันคุณภาพเป็น 5 ปี หรือ 150,000 กม. ฟรีค่าแรงเช็กระยะ 5 ปี หรือ 100,000 กม. ฟรีบัตรเติมน้ำมันมูลค่าสูงสุด 10,000 บาท

โดย มาสด้า2 2021 COLLECTION ราคาเริ่มต้น 546,000 บาท มาพร้อมโปรโมชั่นสุดพิเศษ ดอกเบี้ย 0% ฟรีประกันภัยชั้น 1 Mazda Premium Insurance 1 ปี รวมทั้งรุ่นพิเศษ 100th Anniversary Edition และมาสด้า3 ที่มาพร้อมเงื่อนไขสุดพิเศษดอกเบี้ย 0% พ่วงฟรีประกันภัยชั้น 1 Mazda Premium Insurance ฟรีบัตรเติมน้ำมัน 10,000 บาท ขณะที่รุ่นพิเศษ 100th Anniversary Edition ดอกเบี้ย 0% ฟรีประกันภัยชั้น 1 Mazda Premium Insurance ขยายการรับประกันคุณภาพเป็น 5 ปี หรือ 150,000 กม. ฟรีค่าแรงเช็กระยะ 5 ปี หรือ 100,000 กม.

ด้าน มาสด้า CX-30 ผู้พิชิตรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมปีล่าสุดจากสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย และติด Top 3 World Car of the Year 2020 มาพร้อมดอกเบี้ย 0.99% ฟรีประกันภัยชั้น 1 Mazda Premium Insurance 1 ปี ฟรีบัตรเติมน้ำมัน 5,000 บาท และรุ่นพิเศษ 100th Anniversary Edition ดอกเบี้ย 0% ฟรีประกันภัยชั้น 1 Mazda Premium Insurance 1 ปี และมาสด้า CX-3 2021 Collection ครอสโอเวอร์เอสยูวีราคาเริ่มต้น 769,000 บาท มาพร้อมดอกเบี้ย 0.99% ฟรีประกันภัยชั้น 1 Mazda Premium Insurance 1 ปี

มาสด้า CX-5 เอสยูวีสายหรูที่มีให้เลือกถึง 3 เครื่องยนต์ ก็มาพร้อมดอกเบี้ย 0% ฟรีประกันภัยชั้น 1 Mazda Premium Insurance 1 ปี และมาสด้า CX-8 พรีเมียม 3-Row Crossover SUV ซึ่งมีให้เลือกทั้งแบบ 6 ที่นั่ง และ 7 ที่นั่ง ดอกเบี้ย 0% ฟรีประกันภัยชั้น 1 Mazda Premium Insurance 1 ปี

งานนี้ลูกค้าที่สนใจในมาสด้าอยู่แล้ว คงเป็นโอกาสที่ดีกับออพชั่นที่จัดเต็มในงานครั้งนี้ ซึ่งใครสนใจสามารถเข้าชมยนตรกรรมสกายแอคทีฟทุกรุ่นได้ที่บูธมาสด้า ในงานมอเตอร์โชว์ ณ อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3 เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 24 มีนาคม – 4 เมษายน 2564


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top