Saturday, 10 May 2025
Hard News Team

‘พรรคกล้า กทม.’ ร้องผู้ว่า กทม. จ่ายเงินลูกจ้างโครงการ หลังค้างจ่ายค่าจ้าง 3 เดือน ขอเร่งบรรเทาความเดือดร้อน แก้ระเบียบหรือสำรองจ่ายไปก่อน

นายเอกชัย ผ่องจิตร์ เลขานุการกลุ่มกรุงเทพมหานคร พรรคกล้า เรียกร้องถึงผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จ่ายค่าตอบแทนลูกจ้างโครงการของ กทม. เนื่องจากไม่ได้ค่าตอบแทนการทำงานเป็นเวลาเกือบ 3 เดือน ตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงปัจจุบันได้รับผลกระทบสถานการณ์โควิดระบาด และยังต้องปฏิบัติหน้าอยู่

นายเอกชัย กล่าวว่า "ลูกจ้างกลุ่มนี้มีการแต่งตั้งภายใต้คำสั่ง การแต่งตั้งบุคคลภายนอกที่ช่วยปฏิบัติราชการเกี่ยวกับกิจกรรมส่งเสริมกีฬา ศูนย์เยาวชน ดนตรี ห้องสมุดประชาชน สภาเยาวชนเขตต่าง ๆ รวมถึงกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับกิจการพัฒนาเด็ก เยาวชน และประชาชนตามโครงการหรือกิจกรรมที่ช่วยปฏิบัติราชการ อื่น ๆ ตามคำสั่ง"

โดยยึดระเบียบกรุงเทพมหานครว่าด้วยอัตราค่าตอบแทนค่ารางวัล ค่าเบี้ยเลี้ยง ฯลฯ พ.ศ.2539 แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 2 พ.ศ. 2557 อัตราค่าจ้างคิดเป็น 360 บาทต่อวัน ระยะเวลาการจ้างงานสัญญาปีต่อปี ทำงานทุกวันคือ 7 วันต่อสัปดาห์ ไม่เว้นวันหยุด พร้อมถูกหักเงินเข้าประกันสังคมด้วย โดยจ่ายค่าจ้างเป็นรายเดือนมาตลอด จนกระทั่งมีการร่างระเบียบขึ้นใหม่เพื่อปรับอัตราค่าจ้างขึ้นเป็น 480 บาท แต่สำนักงานเขตหลายแห่งไม่สามารถทำเรื่องเบิกค่าตอบแทนดังกล่าวได้ เพราะระเบียบไม่ได้ระบุค่าตอบแทนให้ทางสำนักงานเขตเป็นผู้จ่าย แต่ระบุให้สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว กรุงเทพมหานคร เป็นผู้จัดการเท่านั้น ให้ทำเรื่องเบิกจ่ายทำได้แต่เพียงหน่วยงานเดียว

แต่ต่อมา สำนักวัฒนธรรมฯ ได้ยกเลิกระเบียบเดิม โดยไม่ทราบสาเหตุ จึงทำให้สำนักงานเขตหลายแห่ง ไม่สามารถอ้างถึงระเบียบการจ่ายใด ๆ ได้เลย ทำให้ลูกจ้างไม่ได้รับอัตราค่าตอบแทนตั้งแต่เดือนมกราคมเป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน แต่ก็ยังต้องปฏิบัติหน้าที่อยู่เช่นเดิม ได้เงินเยียวยาตามโครงการของรัฐบาลที่ออกมาช่วยเหลือประชาชนในช่วงโควิด-19 เพียงเท่านั้น

นายเอกชัย ฝากถึงผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ขอให้แก้ไขปัญหานี้ให้กับลูกจ้างโครงการฯ ที่ได้รับความเดือดร้อนหลายพันคน ขอเสนอให้ลูกจ้างโครงการได้รับเงินเดือนตามอัตราที่จ้างไม่ว่าจะเป็นระเบียบเดิมหรือระเบียบใหม่โดยเร็วที่สุด หรือจะเป็นการเบิกเงินสำรองจ่าย หรือเงินอื่น ๆ ที่พึงกระทำได้ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้ทีมงานในระดับผู้ปฏิบัติงาน ได้มีพลังในการทำหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมายเพื่อชาวกรุงเทพฯ ด้วย


สนับสนุนข่าวโดย : รับข้อเสนอพิเศษมอเตอร์โชว์ ในงาน Mazda Motor Show สัมผัสปิกอัพใหม่ All-New Mazda BT-50 และยนตรกรรมสกายแอคทีฟจากมาสด้า ดอกเบี้ยต่ำสุด 0%* รับประกันคุณภาพรถสูงสุด 5 ปี* และบัตรเติมน้ำมัน 10,000 บ.* 24 มี.ค. 64 - 4 เม.ย. 64 ที่บูธและโชว์รูมทั่วประเทศ

สาธารณสุขแถลงผลสอบเบื้องตัน ยืนยัน!! ชายเสียชีวิตด้วยโรคหลอดเลือดในท้องโป่งพองแตก ไม่เกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 แต่เกิดจากโรคประจำตัวเส้นเลือดโป่งพอง

นพ.โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยถึงกรณีการเสียชีวิต ของผู้ป่วยเส้นเลือดในท้องโป่งพองแตก ภายหลังจากเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 โดยค่อนข้างมั่นใจว่า ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับวัคซีนโควิด-19 แต่น่าจะเป็นเหตุร่วมหรือเหตุบังเอิญ

“มีผู้ได้รับผลข้างเคียงรุนแรง 2 รายที่แพ้วัคซีนโควิด-19 ในลักษณะลมพิษขึ้น ส่วนอีก 1 ราย กำลังนำเข้าพิจารณาในคณะกรรมการพิจารณาอาการข้างเคียงหลังรับวัคซีน คือกรณีมีผู้ป่วยเส้นเลือดในท้องโป่งพองแตกและเสียชีวิตหลังรับวัคซีน แต่คาดว่าไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับวัคซีน เนื่องจากว่าผู้ป่วยรายนี้ป่วยโรคเส้นเลือดโป่งพองในท้องอยู่ระหว่างรับการรักษา ซึ่งโรคนี้มีโอกาสที่เส้นเลือดจะแตกได้ตลอดเวลา ซึ่งเกิดขึ้นหลังรับวัคซีนดังนั้นตามหลักแล้วเมื่อมีอะไรที่เกิดขึ้นระหว่างการรับวัคซีนก็ต้องนำเข้าคณะกรรมการเพื่อสอบสวนต่อไป”

ด้าน รศ.(พิเศษ) นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ ผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ กล่าวว่า มีข้อมูลจากการสอบสวนโรค เบื้องต้นเป็นผู้ป่วยชายมีโรคประจำตัวอยู่เดิมเป็นโรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพอง ซึ่งได้มีการผ่าตัดในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ปลายเดือนมกราคมหลังจากผ่าตัด 40 วัน กลับบ้านไปพักฟื้นที่บ้าน 1 สัปดาห์อาการปกติ

โดยผู้ป่วยรายนี้มีโรคประจำตัว แต่เห็นว่าตัวเองมีความเสี่ยงจึงเข้ารับการฉีดวัคซีนเมื่อต้นเดือนมีนาคม หลังจากนั้นอาการปกติ มีการส่งข้อมูลเข้าระบบตามปกติ ข้อมูลรายงานวันที่ 1-3 มีนาคมอาการปกติ โดยวันที่ 7 มี.ค. ทางผู้ติดตามไม่สามารถติดต่อได้ ปรากฏว่าวันถัดไปวันที่ 8 - 9 ของการฉีดวัคซีน มีอาการแน่นหน้าอก วิงเวียนศีรษะ เป็นลมจึงเข้าแอดมิดที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง หลังจากนั้นคนไข้มีอาการทรุดลงและวันที่ 13 มีนาคม ก็เสียชีวิต

แพทย์สรุปว่าผู้ป่วยรายนี้ น่าจะเสียชีวิตเสียชีวิตจากหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพอง มีอาการแตกหรือรั่วซึมเป็นโรคเก่าของผู้ป่วย แต่รายนี้บังเอิญไปฉีดวัคซีนโควิดไปเมื่อ 10 วันที่แล้ว ซึ่งเบื้องต้นทางทีมแพทย์คณะผู้เชี่ยวชาญสรุปไม่น่าจะเกี่ยวข้องกัน และวัคซีนไม่ได้เป็นสาเหตุให้ผู้ป่วยเสียชีวิต

.

ที่มา: https://www.posttoday.com/social/general/648909


สนับสนุนข่าวโดย : รับข้อเสนอพิเศษมอเตอร์โชว์ ในงาน Mazda Motor Show สัมผัสปิกอัพใหม่ All-New Mazda BT-50 และยนตรกรรมสกายแอคทีฟจากมาสด้า ดอกเบี้ยต่ำสุด 0%* รับประกันคุณภาพรถสูงสุด 5 ปี* และบัตรเติมน้ำมัน 10,000 บ.* 24 มี.ค. 64 - 4 เม.ย. 64 ที่บูธและโชว์รูมทั่วประเทศ

“วิรัช” แจง ปรับวิปรัฐบาล เพื่อความเหมาะสม ชี้! อดีต รมต.กปปส. “ณัฏฐพล –พุทธิพงษ์”ก็ลาออกด้วย

เมื่อวันที่ 26 มี.ค.นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงการปรับเปลี่ยนตำแหน่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร(ปสส.) ว่า สาเหตุที่พรรคพปชร.มีการปรับเปลี่ยน เนื่องจากบุคคลที่ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สามัญประจำสภาผู้แทนราษฎร ต้องทำหน้าที่ใน กมธ. จึงไม่มีเวลามาร่วมประชุมกับวิปรัฐบาล อาทิ นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. ที่เป็นประธาน กมธ.การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน  นายสุชาติ อุสาหะ  ส.ส.เพชรบุรี ประธานกมธ.ศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม  นายสมศักดิ์ พันธ์เกษม ส.ส.นครราชสีมา ประธาน กมธ.การเงิน การคลัง สถาบันการเงินและตลาดการเงิน  

ขณะที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ก็จะขอลาออกจากวิปรัฐบาล เนื่องจากมีภารกิจงานอื่นใน กมธ.ค่อนข้างมาก จึงจะสลับให้นายศิริพงษ์ รัสมี ส.ส.กทม. กลับเข้ามาเป็นวิปรัฐบาลอีกครั้ง ทั้งนี้ยังมีพรรคประชาธิปัตย์ที่ต้องการขอเปลี่ยนตัววิปด้วยเช่นเดียวกัน  ขณะที่นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอีเอส)ที่ลาออกจากวิปรัฐบาลเช่นกัน

นอกจากนี้ในสัดส่วนของครม. ก็มีผู้ลาออก ได้แก่ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ อดีตรมว.ศึกษาธิการ  นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีตรมว.ดีอีเอส ดังนั้นจะมีประกาศปรับปรุงองค์ประกอบในคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.)ออกมาใหม่อีก1 ฉบับ

“ไม่อยากให้มองตรงนี้เป็นเรื่องของความขัดแย้ง ที่ผ่านมาวิปรัฐบาล มีการประสานงานร่วมกันด้วยดีทุกพรรค และที่ต้องปรับเปลี่ยนตัวบุคคล เพราะตลอดเวลากว่า 1 ปี ทุกคนมีภารกิจ มีงานเพิ่มมากขึ้น ทำให้ไม่มีเวลามาทำงานตรงนี้ได้ จึงได้สลับปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสม” นายวิรัช กล่าว 

“นฤมล” เยือนชลบุรี ยกระดับศักยภาพคนพิการ สร้างอาชีพที่มั่นคง

วันที่ 26 มีนาคม 2564 ศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวิฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย หม่อมหลวงปุณฑริก สมิติ ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน นางสาวอำพันธ์ ธุววิทย์ รองปลัดกระทรวงแรงงาน และคณะ เยี่ยมชมการดำเนินงานของมูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ ประกอบด้วย สายด่วนคนพิการ 1479 ศูนย์พัฒนาธุรกิจเพื่อสังคม โรงเรียนพิเศษคุณพ่อเรย์ ศูนย์แฟลชโฮม สาขาโรงเรียนเด็กพิเศษคุณพ่อเรย์ ห้องพักและศูนย์ประชุมพระมหาไถ่ และวิทยาลัยเทคโนโลยีพระมหาไถ่ พัทยา ให้กำลังใจแก่นักเรียน นักศึกษา บุคลากรของมูลนิธิฯ รวมถึงเปิดศูนย์คอลเซ็นเตอร์ไทวัสดุ ณ มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ จังหวัดชลบุรี

ศาสตราจารย์ นฤมล กล่าวว่า มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการเป็นองค์กรชั้นนำด้านคนพิการระดับสากล มีประสบการณ์ในการจัดการศึกษาสำหรับคนพิการสู่การมีงานทำที่มีคุณค่า มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ในด้านการจัดการศึกษา การฝึกอาชีพ บริการจัดหางาน รณรงค์ด้านการเข้าถึงสิทธิและสวัสดิการของคนพิการ นอกจากนี้ยังมีการให้บริการสายด่วนคนพิการประชารัฐ การผลิตรายการโทรทัศน์ กิจกรรมด้านสื่อและการประชาสัมพันธ์ สะท้อนให้เห็นถึงการเปิดโอกาสให้คนพิการได้มีบทบาทและมีส่วนร่วมในสังคมมากยิ่งขึ้น ทำให้เกิดการยอมรับในศักยภาพของคนพิการ อันเกิดจากความร่วมมือของภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคมที่ร่วมผลักดันและขับเคลื่อนการทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่อง

รมช.แรงงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า การเปิดศูนย์คอลเซ็นเตอร์ไทวัสดุเพื่อคนพิการวันนี้ เป็นอีกช่องทางหนึ่งในการสนับสนุนการส่งเสริมการมีงานทำของคนพิการ ยกระดับการทำงาน รวมถึงเป็นการประสานความร่วมมือในการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการสู่การมีงานทำที่มีคุณค่าของคนพิการอย่างยั่งยืน ซึ่งกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน พร้อมร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการฝึกทักษะอาชีพให้คนพิการ เพื่อนำไปสู่การยอมรับของสังคม และมีความปลอดภัยในการดำเนินชีวิตอย่างยั่งยืน ด้วยการพัฒนาหลักสูตรให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน และเหมาะสมต่อกลุ่มเป้าหมายครอบคลุมทุกกลุ่ม เพื่อให้มีทักษะ สามารถนำไปประกอบอาชีพ ให้มีงานทำ มีรายได้ที่ยั่งยืนต่อไป

“กลุ่มคนพิการเป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญและมีศักยภาพเพียงพอต่อการเพิ่มขีดความสามารถในการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ ขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้คนพิการได้มีโอกาสเข้าถึงทุกอาชีพ เพื่อสะท้อนศักยภาพของคนพิการให้เกิดการยอมรับในสังคมเทียบเท่ากับคนปกติ” รมช.แรงงาน กล่าวทิ้งท้าย

“อนุชา” ชี้! รมต.พปชร.มี “ความรู้-ความสามารถ” มั่นใจเป็นคนเก่ง-คนดี ทำงานได้

เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2564 นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงรัฐมนตรีใหม่ของพรรคพลังประชารัฐ 2 คน ได้แก่ นางสาวตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ และนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ว่า รัฐมนตรีทั้งคู่เป็นคนที่มีความเหมาะสม มีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ในฐานะส.ส.หลายสมัย มั่นใจว่ารัฐมนตรีทั้ง 2 ของพรรค จะเป็นผู้บริหารงานในกระทรวงได้เป็นอย่างดี

“ผมเคยทำงานร่วมกับคุณนางสาวตรีนุช ในขณะที่เป็น ส.ส.พรรคไทยรักไทย 2 สมัย ส่วนคุณชัยวุฒิ ได้ร่วมงานกันตอนพรรคพลังประชารัฐ ตั้งแต่เริ่มต้น จึงเห็นศักยภาพของทั้ง 2 ท่านว่าเป็นคนเก่ง เป็นคนดี มีความรู้ความสามารถ” นายอนุชา กล่าว

"วิษณุ" เผย​ กฤษฎีกาปรับปรุงร่าง พ.ร.บ.ประชามติเสร็จแล้ว

วันที่ 26 มีนาคม 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล​ นายวิษณุ​ เครืองาม​ รองนายกรัฐมนตรี​ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา​ 2019​ หรือ ศบศ.​ พล.อ. ประยุทธ์จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและรมว. กลาโหมได้เรียกนายวิษณุ​ เครืองาม​ รองนายกรัฐมนตรีขึ้นไปหารือที่ตึกภักดีบดินทร์​ เกี่ยวกับรัฐมนตรีที่รับตำแหน่งใหม่ว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรหลังจากนี้

จากนั้นนายวิษณุให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการพิจารณาปรับปรุงเนื้อหาร่าง​ พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติของคณะกรรมการกฤษฎีกา​ ว่า สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ปรับปรุงเนื้อหาร่างเสร็จสิ้นแล้ว เมื่อเวลา 13.30 น เมื่อวันที่ 25 มีนาคมและคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาร่าง​ พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติจะคุยกันในวันที่​ 1​ เมษายน ดังนั้น​ วันที่​ 1​ หรือ​ 2​ เมษายน​ น่าจะคุยกันเรียบร้อย​ และน่าจะประชุมสภาสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าวได้ตามกรอบเวลาที่เขาวางไว้

เมื่อถามถึงกรณีมีการร้องสมาชิกรัฐสภาจำนวน​ 208​ คนที่ลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ​ 3 สุ่มเสี่ยงกระทำผิดกฎหมายหรือไม่​ นายวิษณุ​ กล่าวว่า​ ไม่ทราบเขาไปร้องกันแล้ว​ แต่ไม่ต้องกลัวเพื่อนเยอะ ถ้าถามว่าสุ่มเสี่ยงหรือไม่ส่วนตัวมองว่าไม่

รองโฆษก ทบ. เผยสั่งต้นสังกัดสอบ “ร้อยโท” คอมเมนต์หนุน “แอมมี่ เดอะบอตทอมบลูส์” ชี้ถ้าทำจริงโทษผิดระเบียบปฏิบัติ-วินัยทหาร ย้ำ! ขรก.ต้องยึด 3 สถาบันหลักของชาติ

เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2564 พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีที่มีนายทหารยศร้อยโท สังกัดสำนักงานพระธรรมนูญทหารบกเข้าไปแสดงความคิดเห็นคอมเมนต์ในเฟซบุ๊กสนับสนุนการกระทำของนายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือแอมมี่ เดอะบอตทอมบลูส์ ที่ทำลายพระบรมฉายาลักษณ์นั้นว่า ขณะนี้ทางกรมกำลังพลทหารบกได้สั่งให้หน่วยต้นสังกัดดำเนินการตรวจสอบรายละเอียดข้อเท็จจริง เพื่อรายงานให้กรมกำลังพลฯรับทราบก่อนว่านายทหารคนดังกล่าวได้กระทำแบบนั้นจริงหรือไม่ เพราะการโพสต์ข้อความลงในโซเชียลมีเดียอาจโดนแฮก หรือเป็นความตั้งใจ เนื่องจากในโซเชียลมีเดียมีทั้งของจริงและไม่จริง 

 

ซึ่งต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และต้องรอดำเนินการตามขั้นตอนกระบวนการ เมื่อหน่วยต้นสังกัดตรวจสอบเสร็จแล้วจะรายงานผลให้กรมกำลังพลฯ รับทราบต่อไป อย่างไรก็ตาม ตามขั้นตอนหากพบว่าเจ้าตัวได้กระทำจริง ถือมีความผิดในระเบียบปฏิบัติเรื่องการใช้โซเชียลมีเดีย หรือสื่อสังคมออนไลน์ที่จะต้องไม่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการเมือง และไม่ยุ่งเกี่ยวการเมือง รวมทั้งเป็นการกระทำผิดวินัยทหาร โดยจะมีจากโทษเบาไปหาหนัก เพราะคนที่เป็นข้าราชการต้องมีจิตวิญญาณเป็นข้าราชการที่ดี และหากเป็นทหารต้องยึดสถาบันหลักของชาติ ทั้งชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์เป็นที่ตั้ง 

เพื่อไทยปลุก ปชช.ช่วยกันเอา ส.ว.-พรรคร่วม รบ.ออกไป เชื่อทำ “ประยุทธ์” ไร้เสาค้ำยัน อยู่ต่อไม่ได้ 

วันที่ 26 มีนาคม 2564 ที่ Think Lab พรรคเพื่อไทย (พท.) มีการจัดเสวนา "วิกฤตเศรษฐกิจ หลังรัฐธรรมนูญถูกคว่ำ ประเทศไทยจะไปต่ออย่างไร ?” โดยมีนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรค พท.และอดีต รมว.พลังงาน นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา อดีตรองนายกฯ และอดีต ส.ส.ร.ปี 40 และนายวิโรจน์ อาลี นักวิชาการอิสระ ร่วมเสวนา 

นายพิชัย กล่าวว่า ประชาชนจำนวนมากรู้สึกผิดหวัง หมดหวังเมื่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญถูกคว่ำในสภา เศรษฐกิจไทยจะย่ำแย่และทรุดหนักลงไปอีกเรื่อยๆ เมื่อมีการคว่ำการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วย 3 ปัญหา คือ

1.) ประเทศไทยติดกับดักกับผู้นำที่ขาดความรู้ความสามารถ ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นแล้วตลอด 6 ปีกว่า และยังคงแสดงความล้มเหลวในการบริหารอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะทางด้านเศรษฐกิจ ล่าสุดยังมีงบประมาณที่มีการกู้เงินมากกว่าการลงทุน อีกทั้งยังจัดงบประมาณปี 65 น้อยลงกว่างบประมาณปี 64 ถึง 5.66% ทั้งที่ประเทศต้องการการลงทุนเพื่อการพัฒนา เพราะกลัวถูกด่าว่ากู้มากไป นอกจากนี้เศรษฐกิจปีนี้จะขยายตัวได้ต่ำมากไม่มีทางถึง 4% ตามที่ทีมเศรษฐกิจรัฐบาลโม้ไว้ ล่าสุดแบงค์ชาติคาดว่าจะเหลือประมาณ 3% หรือต่ำกว่าซึ่งเชื่อว่าจะต่ำกว่ามาก สภาวะเงินทุนไหลออกจะมีมากขึ้น ทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงอีก 

2.) การหาคนที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาช่วยงานจะทำได้ยากหรือทำไม่ได้เลย บุคลากรที่บริหารเศรษฐกิจปัจจุบัน ขาดความรู้ความสามารถ ขาดความเข้าใจทางเศรษฐกิจ ได้แต่ขายฝันไม่ต่างจากทีมของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกฯ 

3.) ประเทศไทยหมดความน่าเชื่อถือ ไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นได้ มีการกระทำที่สวนกับประชาคมโลก ทั้งการนัดพบกับตัวแทนของเผด็จการทหารพม่าที่เป็นที่น่ารังเกียจของชาวโลก ที่เข่นฆ่าประชาชนอย่างอุกอาจโดยไม่สนใจการต่อต้านของนานาชาติ ปล่อยให้มีการจัดส่งอาหารให้กับเผด็จการทหารพม่า หากมีการแซงก์ชั่นจากนานาชาติเพื่อทำโทษเผด็จการทหารพม่า รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์อาจจะโดนไปด้วย 

นอกจากนี้การปราบผู้ชุมนุมอย่างรุนแรงและมีสื่อมวลชนได้รับบาดเจ็บ กระทั่งสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ (FCCT) ต้องออกแถลงการณ์ประท้วงการกระทำดังกล่าว ซึ่งเป็นข่าวไปทั่วโลกแล้ว ทำให้ภาพลักษณ์ไทยไม่ต่างจากพม่าเลย ซึ่งจะส่งผลกระทบถึงการค้าการลงทุนในอนาคต ซึ่งไทยมีปัญหาอยู่แล้วจะยิ่งมีปัญหามากขึ้น จึงอยากเรียกร้องให้ทุกภาคส่วนร่วมกันกดดันให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เร็วที่สุด นำประเทศไทยให้กลับมาเป็นที่ยอมรับของประชาคมโลกได้อีกครั้ง เศรษฐกิจไทยจะฟื้นกลับมาได้อย่างแท้จริง

นายพงศ์เทพ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญมีผลในเรื่องของการเมือง เศรษฐกิจและสังคม ถ้าการเมืองมีปัญหา รัฐบาลไม่เข้มแข็ง ถามว่าเศรษฐกิจจะดีได้อย่างไร ดังนั้นรัฐธรรมนูญทำให้เกิดผลดีหรือผลกระทบได้ รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่าสืบทอดอำนาจ เสาที่พยุงอำนาจ พล.อ.ประยุทธ์คือ ส.ว. 250 คนที่ คสช.เลือกมา และองค์กรอิสระที่ทำให้รัฐบาลอยู่หรือไปได้ ซึ่งที่มาก็มาจาก ส.ว.ที่ตัวเองคัดสรรมาเอง ส่วนพรรคการเมืองที่ร่วมรัฐบาลอย่างพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และพรรคภูมิใจไทย (ภท.) หากไม่ร่วม พล.อ.ประยุทธ์ก็อยู่ไม่ได้ เพราะในสภาฯ เวลาอภิปราย ต้องมีเสียงครึ่งหนึ่งเพื่อสร้างความมั่นใจว่าจะไม่ถูกโหวตไม่ไว้วางใจ หรือเวลารัฐบาลเสนอกฎหมายการเงิน 

หากพรรคร่วมไม่ช่วยยกมือ กฎหมายก็ผ่านไม่ได้ หากคนรู้สึกว่า พล.อ.ประยุทธ์อยู่ต่อแล้วประเทศไปไม่ได้ ต้องทำให้เสาค้ำยันหลุดออกไป ทั้ง ส.ว.และพรรคร่วมรัฐบาล ตนมีวิธีง่าย ๆ ให้เสาค้ำยันหลุดออกไป เช่น เวลาที่กฎหมายหรือพระราชบัญญัติผ่านรัฐสภา ให้ ส.ส.เข้าชื่อกันเสนอว่ากฎหมายหรือ พรบ.นั้น ๆ ตราขึ้นมิชอบ หรือมีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ เพราะ ส.ว.194 คนมาจากกระบวนการสรรหามิชอบ ตนอยากรู้ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินอย่างไรถึงสถานะ ส.ว. 

นายพงศ์เทพ กล่าวต่อว่า ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลที่เป็นเสาค้ำยัน ประชาชนต้องช่วยกันบอกหัวหน้า กรรมการบริหารพรรค และ ส.ส.ทั้งของพรรค ปชป.และ ภท.ว่าอย่าค้ำยัน พลงอ.ประยุทธ์ เพราะประชาชนทนไม่ไหวแล้ว หากช่วยกันพูดเยอะๆ ทั้งสองพรรคก็คงทนค้ำยันไม่ไหว ก็อาจได้เห็นการเปลี่ยนแปลง ส่วนรัฐธรรมนูญที่เสนอให้แก้ไขนั้น การยกร่างแก้ไขทั้งฉบับทำให้องค์กรอิสระหวั่นไหว ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญก็ตงิด ๆ เพราะกลัวว่าอาจไม่ได้อยู่ครบวาระ ส่วนโอกาสจะผลักดันให้มี ส.ส.ร.เข้ามาร่างรัฐธรรมนูญก็ยากเย็นแสนเข็ญ 

ตอนนี้จึงยังไม่เห็นอนาคต ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยิ่งอยู่ ประเทศยิ่งแย่ ประชาชนยิ่งลำบาก ตนไม่เชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์จะมีความสามารถทำอะไรดี ๆ หรือตั้งใจทำเพื่อส่วนรวมได้ ทำแต่เพื่ออยู่ในอำนาจต่อ หากประชาชนคิดว่า พล.อ.ประยุทธ์อยู่ต่อไปแล้วพวกท่านลำบาก ก็ต้องแสดงออกเพื่อให้เสาหยุดค้ำยัน หากมีการเลือกตั้งครั้งต่อไป ประชาชนต้องบอกให้ชัดว่าพรรคไหนที่ คสช. ตั้งมาอย่าไปเลือก พรรคไหนไปร่วมค้ำยัน คสช.ก็ไม่เลือก ส่วนพรรคไหนที่ตั้งมาเพื่อสนับสนุนการสืบทอดอำนาจก็ไม่เลือก ต่อให้มี 250 ส.ว.อยู่ พล.อ.ประยุทธ์ก็กลับมาไม่ได้

นายวิโรจน์ กล่าวว่า ตนมีโอกาสได้พูดคุยกับชาวต่างชาติในงานสถานทูตต่าง ๆ ได้สอบถามเขาว่ามองเราอย่างไร ญี่ปุ่นบอกว่าวันนี้เขามองการลงทุนกับเวียดนาม ทั้งที่บริษัทต่าง ๆ ส่วนใหญ่ในประเทศเราทำกับญี่ปุ่น ทูตเกาหลีก็พูดเช่นเดียวกันว่ามองการลงทุนในเวียดนามเป็นหลัก วันนี้เวียดนามได้การลงทุนจากเกาหลีใต้มากกว่าไทยถึง 3 เท่า หลังการรัฐประหาร รัฐบาลไม่ได้พยายามหาตลาดใหม่เพื่อให้สินค้าไทยไปสู่ตลาดโลก ไม่มีการพัฒนาแรงงานให้มีศักยภาพ เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของโลก ไม่ได้ส่งเสริมธุรกิจใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นจากการการใช้โซเชียลมีเดีย 

กฎหมายต่าง ๆ ที่สร้างความกังวลใจต่อผู้ลงทุน หรือผู้ผลิตแอพพลิเคชั่นว่าจะถูกล้วง การไม่ปรับปรุงหรือพัฒนานี้ตนคิดว่าจะทำให้เราตายจากข้างใน นอกจากนี้รัฐเราไม่มีทักษะ ยุทธศาสตร์ชาติที่มีไม่ได้ช่วยบอกว่าเราจะไปข้างหน้าได้อย่างไร เราต้องกลับมานั่งดูว่าประเทศเราต้องการอะไร แล้วพบว่ากุญแจสำคัญคือรัฐธรรมนูญ เพราะนโยบายต่าง ๆ ที่จะมาขับเคลื่อนเศรษฐกิจต้องมาจากกลุ่มคนที่มีความเข้าใจใกล้ชิดกับประชาชน แล้วรับเอาความต้องการของประชาชนไปขับเคลื่อน แต่วันนี้ประเทศเรากลับขับเคลื่อนโดยระบบรัฐราชการ ความต้องการของประชาชนอยู่ตรงไหนไม่มี 

นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า เราต้องกลับมาดูว่ารัฐยังให้ความสำคัญกับความมั่นคงมากกว่าความมั่งคั่งอยู่หรือไม่ วันนี้ทั่วโลกเน้นความมั่งคั่งกันหมดแล้ว ต้องถามคนไทยว่าคุณต้องการโตด้วยยุทธศาสตร์อะไร ต้องการพัฒนาไหม ตัวที่จะปลดล็อกทุกอย่างได้คือ รัฐธรรมนูญ เรื่องความมั่นคงควรเป็นลำดับท้ายๆ ถ้าแก้รัฐธรรมนูญไม่ได้ ภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่อยู่แล้วจะแย่ไปอีก การจะค้ำยัน พล.อ.ประยุทธ์ให้อยู่ในอำนาจต่อไปจะทำให้เขาไม่สนใจความต้องการของประชาชน 

พล.อ.ประยุทธ์ไม่เข้าใจเลยว่าประชาชนต้องการอะไร จะแข่งขันกับต่างชาติได้อย่างไร การเปลี่ยนแปลงตอนนี้จะรวดเร็วมหาศาลมาก คนยุคใหม่มีองค์ความรู้เยอะมาก อย่าบล็อกเขาไว้ แต่ต้องปล่อยให้เขาได้คิด ได้เติบโต ประเทศจึงจะไปได้ แต่ถ้าคิดเพียงจะค้ำยันอำนาจให้ พล.อ.ประยุทธ์ ประเทศจะไปต่อไม่ได้ สิ่งแรกที่รัฐบาลควรทำในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจคืออยู่นิ่ง ๆ เพราะวันนี้ภาคธุรกิจเขาพร้อมแล้ว แต่เขาติดขัดที่คุณ 

ทางหลวงชนบท สรุปการประชุมการศึกษาความเหมาะสม EIA เชื่อมเกาะลันตา ต.เกาะกลาง - ต.เกาะลันตาน้อย จ.กระบี่ เลือกเป็นแบบสะพานคานขึง เน้นความทนทานเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน

กรมทางหลวงชนบท (ทช.) สรุปผลการประชุมและปัจฉิมนิเทศ โครงการศึกษาความเหมาะสมผลกระทบสิ่งแวดล้อม ในขั้นรายละเอียด (EIA) สะพานเชื่อมเกาะลันตา ตําบลเกาะกลาง - ตําบลเกาะลันตาน้อย อําเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ เพื่อนําไปประกอบแผนการดําเนินงานก่อสร้างในอนาคตให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่มากที่สุด

นายปฐม เฉลยวาเรศ อธิบดีกรมทางหลวงชนบท เปิดเผยว่า ทช.ได้เล็งเห็นความจําเป็นของการก่อสร้างเส้นทางเชื่อมระหว่างบ้านหัวหิน ตําบลเกาะกลาง กับเกาะลันตาน้อย ตําบลเกาะลันตาน้อย อําเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการพัฒนาพื้นที่ กระจายความเจริญ สู่ชุมชน อํานวยความสะดวกด้านพาณิชยกรรม การท่องเที่ยว และยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชนบนเกาะลันตา ตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม (นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ) ในการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในการเดินทาง รวมถึงแก้ไขปัญหาความยากลําบากในการเดินทางของประชาชน

เนื่องจากปัจจุบันการเดินทางไปเกาะลันตาจะต้องผ่านทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4206 สู่บ้านหัวหิน ซึ่งเป็นจุดลงแพขนานยนต์ ท่าเรือบ้านหัวหินไปยัง ท่าเรือบ้านคลองหมาก ซึ่งท่าเรือดังกล่าวเชื่อมระหว่างเกาะกลางไปยังเกาะลันตาน้อย หลังจากนั้นจะมีสะพานสิริลันตาเชื่อมเกาะลันตาน้อย - เกาะลันตาใหญ่ จึงจะถึงตัวเมือง ย่านชุมชน/การค้า และตรงต่อไปยังหาดต่าง ๆ จนไปสุดถนนที่ท้ายเกาะบริเวณที่ทําการอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา ซึ่งการใช้แพขนานยนต์ แม้จะเป็นระยะทางสั้นเพียง 1.53 กิโลเมตร แต่เนื่องจากแพขนานยนต์บรรทุกรถได้น้อย มีจํานวนจํากัดและให้บริการในช่วงเวลา 06.00 - 22.00 น. เท่านั้น ส่งผลให้การเดินทางเป็นไปอย่างล่าช้าในช่วงเวลาเร่งด่วน

อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การดําเนินโครงการดังกล่าวสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่และมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด ทช.จึงได้จัดประชุมการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยได้เชิญกลุ่มเป้าหมาย อาทิ ประชาชน หน่วยงานภาครัฐ และเอกชนที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เป็นต้น โดยแบ่งเป็น การประชุมปฐมนิเทศโครงการ, การประชุมกลุ่มย่อยครั้งที่ 1 (2 กลุ่ม) และการประชุมใหญ่ครั้งที่ 2 (รวมทั้งหมด 3 ครั้ง) เพื่อสรุปแนวทางเลือกที่เหมาะสม ผู้เข้าร่วมประชุมได้ร่วมกันคัดเลือกเส้นทางพื้นที่ศึกษาจุดเริ่มต้นจากทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4206 ไปบรรจบกับจุดสิ้นสุดทางหลวงชนบทสาย กบ.5035 ความยาวสะพานรวมเชิงลาดประมาณ 2,240 เมตร

รูปแบบโครงการ สรุปได้ว่าเป็นแบบสะพานคานขึง (Extradosed Bridge) ซึ่งเป็นรูปแบบสะพานที่มีความยาวช่วงสะพานมากกว่าสะพานทั่วไปทําให้เกิดความสะดวกสบายในการสัญจรทางน้ำ มีขั้นตอนในการก่อสร้างซึ่งรบกวนระบบนิเวศน้อยที่สุด

ต่อมา ทช.ได้จัดการประชุมหารือมาตรการและประชุมปัจฉิมนิเทศ เพื่อนําเสนอแนวสายทาง รูปแบบโครงการ พร้อมผลการศึกษาด้านสิ่งแวดล้อม มาตรการป้องกันแก้ไขลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมถึงสรุปผลการศึกษาให้ผู้ที่เกี่ยวข้องได้รับทราบ โดยในส่วนของโครงสร้างที่อยู่ในทะเลนั้น จะมีมาตรการป้องกัน การสั่นไหวเนื่องจากปัจจัยต่าง ๆ ป้องกันการกัดเซาะ ป้องกันการเกิดสนิม ซึ่งสายเคเบิลสะพานที่เป็นเหล็กได้ถูกออกแบบให้สามารถป้องกันการเกิดสนิม โดยลักษณะการป้องกันสนิมที่สายเคเบิ้ล ประกอบด้วย

การป้องกันด้วยท่อพลาสติกหุ้มอยู่ภายนอก ป้องกันไอน้ำทะเล และแสง UV, ภายในท่อพลาสติกดังกล่าว มีการอัดน้ำปูน-ทราย หุ้มสายเคเบิ้ลไว้อีกชั้นหนึ่ง ทําให้ไม่มีช่องว่างให้อากาศชื้นที่มีความเค็มของไอทะเลเข้าไปอยู่ภายในท่อพลาสติกได้, การป้องกันสนิมที่ตัวสายเคเบิ้ล โดยมีสารเคลือบป้องกันสนิมโดยตรงตามมาตรฐานสากล ตลอดจนมีระบบตรวจสอบสภาพการเกิดสนิมและใช้ระบบไฟฟ้าสถิตเหนี่ยวการเกิดสนิม ไม่ให้เกิดที่สายเคเบิ้ล แต่ให้มาเกิดที่บ่อดักสนิมด้วยกระแสไฟฟ้าสถิตแทน การป้องกันสนิมด้วยวิธีนี้เรียกว่า ระบบแคโทดิก เป็นการใช้ไฟฟ้ากระแสตรงจากแหล่งกําเนิดภายนอกเพื่อยับยั้งการเกิดสนิมของโลหะ

สําหรับขั้นตอนกระบวนการหลังจากการประชุมปัจฉิมนิเทศนั้น ทช.จะส่งรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม EIA ไปยัง สํานักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) โดยคาดว่าจะใช้ระยะเวลาประมาณ 7 เดือน จากนั้นจะเข้าสู่คณะกรรมการ สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ คาดว่าจะใช้เวลาพิจารณาประมาณ 2 เดือน ทั้งนี้ ขั้นตอนสุดท้ายจะเข้าสู่คณะรัฐมนตรี เพื่อขอความเห็นชอบและเสนอของบประมาณในปี 2565 คาดว่าจะใช้งบประมาณในการก่อสร้าง 1,600 ล้านบาท


สนับสนุนข่าวโดย : รับข้อเสนอพิเศษมอเตอร์โชว์ ในงาน Mazda Motor Show สัมผัสปิกอัพใหม่ All-New Mazda BT-50 และยนตรกรรมสกายแอคทีฟจากมาสด้า ดอกเบี้ยต่ำสุด 0%* รับประกันคุณภาพรถสูงสุด 5 ปี* และบัตรเติมน้ำมัน 10,000 บ.* 24 มี.ค. 64 - 4 เม.ย. 64 ที่บูธและโชว์รูมทั่วประเทศ

บิ๊กป้อมปลื้ม! มาตรการแก้ PM2.5 ฝุ่นลดจากปี 63  เห็นชอบ :โครงการทางพิเศษฉลองรัช-นครนายก-สระบุรี  :โครงการทางหลวงแนวใหม่ จ.ปทุมธานี  มุ่งขยายโครงข่าย  ส่งเสริมการพัฒนาศก. ท้องถิ่น/ประเทศ 

เมื่อ 26 มีนาคม 2564   พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษกประจำรอง นรม. เปิดเผยว่า วันนี้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. ได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ(กก.วล.) ครั้งที่ 2/2564  โดยมี นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทส. ,คุณหญิง กัลยา โสภณพนิช รมช.ศธ. ,และ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.กค. เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล

ที่ประชุม ได้รับทราบผลการดำเนินงาน ตามแผนปฏิบัติการภายใต้ยุทธศาสตร์การจัดการซากผลิตภัณฑ์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เชิงบูรณาการปีงป.62-63  ซึ่งในปี 63 มีปริมาณซากผลิตภัณฑ์ถึง 428,113 ตัน ทั้งนี้ได้มีหลายหน่วยงานดำเนินการแก้ปัญหาซากผลิตภัณฑ์ดังกล่าวแล้ว จำนวน 2 โครงการ และอยู่ระหว่างดำเนินการอีก 11 โครงการ  พร้อมรับทราบความก้าวหน้าการระงับใช้รถ ที่มีมลพิษเกินมาตรฐานตาม พ.ร.บ. การจราจรทางบก พ.ศ. 2522  ซึ่ง สตช. อยู่ระหว่างดำเนินการออกกฎกระทรวง ข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง รวมถึงรับทราบการจัดสรรเงินอุดหนุนจากกองทุนสิ่งแวดล้อม สนับสนุนโครงการจำนวน 69 โครงการเพื่อการบริหารจัดการ ไฟป่าและหมอกควัน ซึ่งทำให้จุดความร้อนสูง (HOT SPOT) ในปี64 ลดลงจากปี63 อย่างน่าพอใจ

ที่ประชุม ได้มีการพิจารณาเห็นชอบ รายงาน EIA โครงการทางพิเศษสายฉลองรัช-นครนายก-สระบุรี ของการทางพิเศษฯ เพื่อเพิ่มโครงข่ายถนนและช่วยส่งเสริมการพัฒนาพื้นที่ ตามเส้นทางพาดผ่าน ด้านตะวันออกของถนนพหลโยธิน และเห็นชอบโครงการทางหลวงแนวใหม่หมายเลข 9 ด้านตะวันตก-จุดตัดทางหลวงหมายเลข 347-จุดตัดทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 ด้านตะวันออก-ทางหลวงหมายเลข 352 ของกรมทางหลวง  เพื่อลดปัญหาการจราจรคับคั่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเทศกาล  รวมถึง ยกระดับการแก้ปัญหาฝุ่นละออง  เนื่องจากยังตรวจพบจุดความร้อน เป็นจำนวนมากในพื้นที่ภาคเหนือ และ ได้มีการปรับปรุงมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้ง จากที่ดินจัดสรรให้เป็นไปตามหลักมาตรฐานสากล และให้เป็นที่ยอมรับของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยกำหนดมาตรฐานให้ครอบคลุมที่ดินจัดสรร ทุกประเภท ตามกฎหมายว่าด้วย การจัดสรรที่ดิน

พล.อ.ประวิตร ได้กำชับให้ ทส.และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการตามโครงการ/แผนงาน ที่ผ่านความเห็นชอบแล้ว เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม ภายใต้กรอบรายงาน EIA โดยเร็ว ซึ่งต้องคำนึงถึงวัตถุประสงค์ และประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับสูงสุด  สำหรับการแก้ปัญหาฝุ่นละออง ขอให้ขับเคลื่อน และยกระดับการดำเนินงาน อย่างต่อเนื่อง ต่อไป  ควบคู่กับการ รณรงค์สร้างการรับรู้ ความเข้าใจ ให้กับประชาชน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top