Tuesday, 1 July 2025
Hard News Team

‘บิ๊กป๊อก’ แจง หนังสือขอหนุนวัคซีน ฉีดพนักงานไทยเบฟ พร้อมครอบครัว เป็นการสื่อสารคลาดเคลื่อน ย้ำ เจตนาเพื่อดูแลประชาชน

เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่หนังสือปลัดกระทรวงมหาดไทย ลงนามสนับสนุนการฉีดวัคซีนบริษัท ไทยเบฟ เพื่อฉีดให้กับพนักงานและครอบครัว แต่ได้ยกเลิกในภายหลังว่า เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้ออกหนังสือแก้ไขแล้วยืนยันว่าเป็นการสื่อสารที่คลาดเคลื่อน อย่างไรก็ตามการดำเนินการจะต้องเป็นไปตามนโยบายของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. โดยสรุปคือ มีช่องทางที่จะให้สนับสนุนให้กับบุคคลและกลุ่มบุคคลรวมไปถึงองค์กรได้ แต่ต้องเข้าสู่ช่องทางหมอพร้อม การกระจายวัคซีนเป็นของ ศบค. จะกระจายไปในพื้นที่ใดหรือจำนวนเท่าไหร่ เมื่อกระจายไปแล้วผู้ที่จะดำเนินการต่อคือ คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด

พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ถือเป็นการสื่อสารที่คลาดเคลื่อนและไม่มีเจตนาเอื้อประโยชน์ให้ใคร ทุกคนรู้ดีว่าการทำงานของข้าราชการ พรรคการเมือง และรัฐบาล หรือของใครก็แล้วแต่ ต้องตอบสนองต่อประชาชนส่วนใหญ่ ใครที่คิดจะไปตอบสนองต่อกลุ่มใคร สังคมก็จะไม่ยอม เป็นการสื่อสารคลาดเคลื่อนแต่ก็ได้แก้ไขแล้ว

เมื่อถามว่า ต่อไปจะระวังเพิ่มขึ้นหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ก็เป็นธรรมดาแต่เจตนาของศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงมหาดไทย (ศบค. มท.) ไม่ได้มีเจตนาที่จะไปเอื้อใคร พูดง่ายๆ คือเจตนาที่จะดูแลประชาชนเป็นหลัก ใครก็ต้องทำอย่างงั้นสังคมจึงจะยอมรับได้ ไม่มีทางเป็นอย่างอื่นได้


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

เกาหลีเหนือแล้งหนัก อาหารราคาพุ่งทะลุเพดาน ผู้นำคิมเตือนประชาชน เตรียมรับมือสภาวะอดอยาก

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานสถานการณ์น่าเป็นห่วงของเกาหลีเหนือ ที่อาจเจอวิกฤติขาดแคลนอาหารอย่างหนักที่สุดในรอบ 10 ปี ซึ่ง คิม จอง-อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ได้ออกมายอมรับในที่ประชุมคณะรัฐบาลถึงสภาวะข้าวยากหมากแพงครั้งใหญ่ และให้ชาวเกาหลีเหนือเตรียมตัวเผชิญหน้ากับปัญหาการขาดแคลนอาหารครั้งรุนแรง

ซึ่งตอนนี้มีรายงานข่าวว่า ผลผลิตอาหารหลักอย่าง ข้าว ข้าวโพด มันฝรั่ง ราคาพุ่งสูงขึ้นหลายเท่าตัว สินค้าอุปโภค บริโภคอื่นๆ ก็เริ่มหายากและราคาถีบตัวสูงขึ้นมาก เช่น ชา 1 ถุงเล็ก ราคาพุ่งถึง 70 ดอลลาร์ กาแฟ 1 กระป๋อง 100 ดอลลาร์ หรือแม้แต่กล้วยหอมเพียง 1 กิโลกรัม ก็ขายถึง 45 ดอลลาร์และกลายเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย

ล่าสุด องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติประเมินว่า ในตอนนี้ เกาหลีเหนือมีสต็อคอาหารคงเหลือในประเทศแค่ราวๆ 860,000 ตัน ที่ใช้เลี้ยงประชากรได้แค่เพียง 2 เดือนเท่านั้น

และเคยมีข่าวอ้างอิงจาก Radio Free Asia ด้วยว่ามีคำสั่งให้ชาวนาเกาหลีเหนือต้องรวบรวมน้ำปัสสาวะจำนวนกว่า 2 ลิตรให้ทางการทุกวันเพื่อเอาไปทำปุ๋ย

อย่างไรก็ดี ผู้สื่อข่าวต่างประเทศยอมรับว่า การจะได้ข้อมูลที่ชัดเจนจริงๆ จากประเทศหลังม่านโสมแห่งนี้ทำได้ยาก จึงไม่อาจประเมินสถานการณ์ได้ว่าจริงๆ แล้ว วิกฤติการขาดแคลนอาหารของเกาหลีเหนือในตอนนี้รุนแรงถึงขนาดไหน

แต่เชื่อได้ว่าผลผลิตด้านการเกษตรในเกาหลีเหนือมีปัญหาจริงๆ และน่าจะเริ่มรุนแรงมาตั้งแต่ช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2021 โดยดูจากราคาข้าวโพดในตลาดเกาหลีเหนือ ที่พุ่งสูงขึ้นถึง 3,137 วอนต่อ 1 กิโลกรัม (ประมาณ 87 บาท) จากเดิมที่เคยขายในท้องตลาดอยู่ที่ไม่เกินกิโลกรัมละ 1,500 วอน (42 บาท) ซึ่งถ้าเทียบกับราคาข้าวโพดในบ้านเรา ขายอยู่ที่ประมาณกิโลกรัมละ 10-15 บาท

เหตุผลที่อ้างอิงถึงราคาข้าวโพดในท้องตลาดมาเป็นตัวชี้วัดถึงภาวะขาดแคลนอาหาร เนื่องจากชาวเกาหลีเหนือนิยมบริโภคข้าวโพดน้อยกว่าข้าวสาร แต่ที่จำเป็นต้องกิน เพราะข้าวโพดมีราคาถูกกว่าข้าวสารมาก จึงเป็นตัวเลือกในการบริโภคช่วงที่มีภาวะขาดแคลน แต่ถ้าถึงขนาดข้าวโพดยังแพงขนาดนี้ ราคาข้าวสารยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย

ปัญหาการขาดแคลนอาหารในเกาหลีเหนือปีนี้ เกิดจากหลายสาเหตุ และอันดับแรกก็คือมาตรการคว่ำบาตรจากสหรัฐอเมริกา และนานาชาติในกรณีครอบครอง และทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ ที่ทำให้เศรษฐกิจการค้าของเกาหลีเหนือฝืดเคืองอย่างหนัก

กระหน่ำซ้ำเติมด้วยปัญหาการระบาดของ COVID-19 ที่ทำให้เกาหลีเหนือจำเป็นต้องปิดชายแดน ระงับการติดต่อค้าขายกับจีนอย่างยาวนานตั้งแต่เริ่มมีการแพร่ระบาดใหม่ๆ ในปี 2020 ซึ่งจีนแทบจะเป็นเส้นเลือดเศรษฐกิจหลักเส้นเดียวที่ยังเลี้ยงประเทศเกาหลีเหนือได้จนถึงวันนี้

จากข้อมูลจากกรมศุลกากรจีน ก็พบว่าสินค้าจีนที่เคยส่งออกไปเกาหลีเหนือปีละกว่า 3 พันล้านเหรียญ ลดลงเหลือไม่ถึง 500 ล้านเหรียญในปีที่ผ่านมา จึงพอจะคาดเดาได้ถึงความขาดแคลนของสินค้าอุปโภค บริโภคได้ในขณะนี้

และยิ่งในช่วงปี 2020 คาบสมุทรเกาหลีประสบปัญหาอุทกภัย และวาตภัยครั้งใหญ่ เจอไต้ฝุ่นหลายลูก ทำให้เกิดน้ำท่วมที่อยู่อาศัย และไร่นาของชาวเกาหลีเหนือเป็นจำนวนมาก พืชผลการเกษตรได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติในช่วงฤดูเก็บเกี่ยวที่สำคัญของเกาหลีเหนือที่ปกติมีพื้นที่ลุ่มให้เพาะปลูกได้น้อยอยู่แล้ว ยิ่งเหลือผลผลิตเลี้ยงปากท้องน้อยลงไปอีก

จากสถานการณ์ที่ดูท่าจะย่ำแย่แน่แล้วในวันนี้ เราจึงได้เห็นผู้นำ คิม จอง-อึน ปรากฏกายในที่ประชุมรัฐบาลด้วยน้ำหนักตัวที่ลดลงกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งอาจจะมาจากปัญหาสุขภาพ ที่เคยมีข่าวลือว่าเขาเพิ่งเข้ารับการผ่าตัดใหญ่ หรืออาจมาจากวิกฤติปัจจุบันที่แม้แต่ครัวของบ้านตระกูลคิมก็ยังขาดแคลน ที่ทำให้ผู้นำอย่างคิม จอง-อึน จำต้องประกาศเตือนเพื่อนร่วมชาติ ต้องเข้าสู่วิถีแห่งความยากลำบาก หรือ The Arduous March โค้ดสัญญาณที่บอกให้ชาวเกาหลีเหนือรู้ว่า ความอดอยากกำลังจะมาเยือนอีกครั้ง

 

อ้างอิง : https://edition.cnn.com/2021/06/18/asia/north-korea-united-states-intl-hnk/index.html

https://www.bbc.com/news/57524614

https://www.livemint.com/news/world/kim-jong-admits-north-korea-running-out-of-food-as-packet-of-coffee-costs-100-11624008989683.html


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘อนุชา’ ชม ‘โกมล’ เหตุเปิดพื้นที่พีอาร์ให้ผู้ประกอบการย่อย ชี้ เป็นตัวอย่างที่ดี เข้ากับนโยบายรัฐ ‘ต้องการให้คนไทยมีความสุข-ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง’

เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณ นายโกมล จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานกรรมการ บริษัท ซัมมิทฟุตแวร์ จำกัด ผู้ผลิตรองเท้า แอโร่ซอฟ เจ้าของลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลยูโร 2020 ที่ส่งเสริมสนับสนุนช่วยเหลือพื้นที่ประชาสัมพันธ์ให้กับผู้ประกอบการกิจการรายย่อย, สถานสงเคราะห์ หรือมูลนิธิต่างๆ

นายอนุชา กล่าวว่า โดยเปิดโอกาสให้ส่งคลิปโฆษณากิจการความยาวไม่เกิน 15 วินาที ซึ่งจะต้องเป็นกิจการที่ไม่ผิดกฎหมาย หรือผิดศีลธรรม เพื่อทำการคัดเลือกนำมาออกอากาศฟรีโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ในช่วงที่มีถ่ายทอดฟุตบอลยูโร 2020 ทางสถานีโทรทัศน์ ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ สำหรับผู้ประกอบการรายย่อยที่สนใจ สามารถส่งคลิปมาได้ที่ เพจเฟสบุ๊ค สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย หรือ โทรสอบถามได้ที่ โทร. 061-028-4009

นายอนุชา กล่าวว่า เป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการกิจการรายย่อย ทำให้กิจการที่ได้คัดเลือกออกอากาศเป็นที่รู้จักมากขึ้น ส่งผลให้มียอดขายเพิ่มมากขึ้นด้วย ถือเป็นแนวคิดและเป็นตัวอย่างที่ดีในการช่วยเหลือคนไทยด้วยกัน ในช่วงที่ประสบปัญหาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 แสดงให้เห็นถึงความมีน้ำใจว่าคนไทยจะไม่ทิ้งกัน สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้คนไทยมีความสุข เดินหน้าไปด้วยกัน ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

"แสนยากรณ์" ชี้ ปชป. มาทรงไม่ชัดเจนอีกแล้ว ไม่กล้าตั้งเงื่อนไขกับ พปชร.-ส.ว. แก้ไข ม.272 ยกเลิกอำนาจส.ว.เลือกนายกฯ ยกอดีต ถ้าเป็นหัวหน้าพรรค ปชป. คนก่อน คงชัดเจนไปแล้ว ไม่หลบหลังโฆษกพรรคแบบนี้

นานแสนยากรณ์ สิงห์วีรธรรม โฆษกพรรคกล้า กล่าวถึงกรณีโฆษกพรรคประชาธิปัตย์บอกว่าเป็นการตัดสินในของสมาชิกรัฐสภา หลังจากหัวหน้าพรรคกล้า ท้าพรรคประชาธิปัตย์คว่ำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคพลังประชารัฐ หากพรรคพลังประชารัฐไม่ลงมติยกเลิกอำนาจ ส.ว.เลือกนายกรัฐมนตรี ว่า ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ออกมาทรงนี้ การแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย ยกเลิกอำนาจ ส.ว.เลือกนายกรัฐมนตรี คงเป็นแค่ฝันไป ไม่มีวันเกิดขึ้นจริง เพราะไม่มีทางที่พรรคพลังประชารัฐและ ส.ว.จะลงมติให้ จึงเป็นเหตุที่หัวหน้าพรรคกล้าออกมาท้าให้พรรคประชาปัตย์แสดงความชัดเจน หากพรรคพลังประชารัฐและ ส.ว. ไม่ลงมติรับหลักการยกเลิกอำนาจ ส.ว.เลือกนายกรัฐมนตรี ก็จะไม่สนับสนุนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่พรรคพลังประชารัฐเสนอเช่นกัน 

"ถ้าเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนก่อน คงมีท่าทีชัดเจนไปแล้ว ไม่แอบอยู่หลังโฆษกพรรคแบบนี้ แม้จะเสนอแก้ไขยกเลิกอำนาจ ส.ว. แต่ถ้าไม่กล้าตั้งเงื่อนไขทางการเมืองกับพรรคพลังประชารัฐ สุดท้ายก็แค่ละครตบตาฉากหนึ่งเท่านั้น ไม่มีอะไรคืบหน้า เสียดายเวลาผ่านมาเกือบ 2 ปี แต่ไม่ได้อะไรเลย" โฆษกพรรคกล้า กล่าว 

โฆษกพรรคกล้า กล่าวย้ำว่า ความขัดแย้งและการบริหารราชการแผ่นดินที่ไม่ราบรื่น ตลอดครึ่งเทอมของรัฐบาลชุดนี้ เพราะความไม่เป็นประชาธิปไตยของรัฐธรรมนูญ ดังนั้น ต้องกลับไปกลัดกระดุมเม็ดแรกให้ถูกต้อง แก้ไขบทเฉพาะกาลมาตรา 272 ยกเลิกอำนาจ ส.ว. เลือกนายกรัฐมนตรี แต่จะเป็นจริงได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับพรรคการเมืองที่มี ส.ส.ในสภาฯ จึงอยากฝากสื่อมวลชน สอบถามความชัดเจนกับพรรคการเมือง โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทย จะกล้าตั้งเงื่อนไขกับพรรคพลังประชารัฐและ ส.ว. ตามที่หัวหน้าพรรคกล้าเคยเสนอไว้หรือไม่

กระทรวงรับลูกนายกฯ ตั้ง ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประจำกระทรวงฯ แจงข้อมูล-ดำเนินคดีคนบิดเบือน แพร่ข้อมูลเท็จ

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หลังจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม สั่งการทุกส่วนราชการจัดตั้งศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ข่าวบิดเบือนประจำกระทรวง เพื่อชี้แจงข่าวที่บิดเบือนไปจากข้อเท็จจริง เนื่องจากที่ผ่านมามีข้อมูลข่าวสารที่เผยแพร่หลายช่องทาง ที่สร้างความเข้าใจคลาดเคลื่อนให้ประชาชน โดยเฉพาะช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 พบผู้ที่เจตนาไม่หวังดี เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารอันเป็นเท็จหรือที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงผ่านสื่อออนไลน์จำนวนมาก ทำให้ประชาชนสับสนและเข้าใจผิด 

นายกฯ จึงให้ส่วนราชการช่วยกันตรวจสอบข่าวปลอมที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานตนเอง สกัดกั้นข่าวปลอม เร่งชี้แจงให้ข้อมูลที่ถูกต้องให้ประชาชนรับทราบอย่างรวดเร็ว และให้แต่ละหน่วยงานราชการดำเนินการทางกฎหมายกับบุคคลที่จงใจเผยแพร่ข่าวบิดเบือนหรือข้อมูลเท็จสร้างความตื่นตระหนกแก่สังคมอย่างเด็ดขาด ไม่ต้องรอให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมดำเนินการฝ่ายเดียว

นายอนุชา กล่าวว่า ขณะนี้มีหลายกระทรวงดำเนินการตั้งศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมฯแล้ว อาทิ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงกลาโหม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นต้น แต่บางกระทรวงมีภารกิจงานที่ทำหน้าที่ในการติดตามตรวจสอบและชี้แจงรวมทั้งทำหน้าที่ประสานศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมแห่งชาติ เช่น กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงคมนาคม กระทรวงพลังงาน กระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ ด้านกรมประชาสัมพันธ์ มีการชี้แจงผ่านเว็ปไซต์ เฟซบุ๊ก “ข่าวจริงประเทศไทย” 

พท.ติงคำสั่ง มท.เอื้อเอกชน จี้เร่งหาวัคซีนให้กำนัน ผญบ. อสม.ด่านหน้าก่อน

​นายไชยา พรหมา ส.ส.หนองบัวลำภู และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงหนังสือคำสั่งกระทรวงมหาดไทยที่มีถึงผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ เพื่อจัดหาวัคซีนให้กับพนักงานของบริษัทเอกชนรายหนึ่งทั่วประเทศเกือบ 7 หมื่นคนที่กำลังเป็นข่าวอยู่ในขณะนี้ว่า เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชน ทั้งๆ ที่ประชาชนทั่วประเทศโดยเฉพาะในต่างจังหวัด ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนอีกเป็นจำนวนมาก ตนเห็นว่าบริษัทเอกชนรายนั้นมีขีดความสามารถในการจัดหาวัคซีนทางเลือกให้กับพนักงานของตนเองได้อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องมาเบียดบังวัคซีนในส่วนที่จัดไว้เพื่อบริการประชาชนเลย ถ้าหากกระทรวงมหาดไทยมีความปรารถนาดีจะสนับสนุนงบประมาณในการจัดหาวัคซีนเพิ่ม ก็น่าจะจัดหาวัคซีนสำหรับกำนันผู้ใหญ่บ้าน อาสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ที่เป็นด่านหน้าในพื้นที่ เพราะขณะนี้ก็ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนเลย ดังนั้นการที่กาะทรวงมหาดไทยมีหนังสือถึงผู้ว่าฯ และผู้ว่าฯ กทม.ให้การสนับสนุนวัคซีนให้กับเอกชนรายใหญ่นั้น จึงไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องและจะถูกมองว่าเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชนรายเดียว 

ศบค.มท.สั่งการผู้ว่าฯ ทุกจว.วางระบบการบริหารฉีดวัคซีนให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ครอบคลุม ทั่วถึง พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนเผชิญเหตุกรณีเกิดคลัสเตอร์ใหม่ เพื่อควบคุมการระบาดของโรคอย่างมีประสิทธิภาพ

ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงมหาดไทย (ศบค.มท.) เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากสำนักงานเลขาธิการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อขอรับการสนับสนุนวัคซีนสำหรับฉีดให้กับบุคลากรในสังกัดจากหลายองค์กร ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน อาทิ ส่วนราชการหลายหน่วยงาน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมตลาดสดไทย สมาคมการค้าตลาดกลางค้าส่งสินค้าเกษตรไทย บริษัทและสถานประกอบการขนาดใหญ่ ซึ่ง ศบค.มท.ได้แจ้งข้อมูลการขอรับการสนับสนุนวัคซีนข้างต้นให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้เป็นข้อมูลประกอบการวางแผน เพื่อให้การบริหารจัดการการฉีดวัคซีนเป็นไปด้วยความเรียบร้อย นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทยในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับการสั่งการ และประสานกับผู้ว่าฯ และผู้ว่าฯ กทม. ได้เน้นย้ำไปยังผู้ว่าฯ ในฐานะประธานกรรมการโรคติดต่อจังหวัด หารือคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด เพื่อวางระบบการบริหารการฉีดวัคซีนให้เป็น มาตรฐานเดียวกัน ครอบคลุม ทั่วถึง ไม่เลือกปฏิบัติ เป็นไปตามมติ ศบค. และแนวทางที่คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติกำหนด

โดยให้ความสำคัญกับกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่

1.บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้าที่ยังไม่ได้รับวัคซีน

2.เจ้าหน้าที่อื่นด่านหน้า และกลุ่มอาชีพเสี่ยงติดเชื้อ รวมทั้งผู้มีอาชีพ/กิจการที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีพของประชาชน เช่น สาธารณูปโภค อาหาร ยา

3.ผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปและผู้ที่มีโรคประจำตัว และ

4.ประชาชนทั่วไป พร้อมสร้างการรับรู้แก่องค์กรภาครัฐและภาคเอกชน โรงงาน สถานประกอบการ องค์กรต่างๆ ในพื้นที่ ในกรณีองค์กรภาครัฐและภาคเอกชนที่ประสงค์จะขอรับวัคซีนให้กับบุคลากร สามารถแจ้งความประสงค์ไปยังคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด

ในกรณีองค์กรขนาดใหญ่ที่มีบุคลากรอยู่ในหลายจังหวัด หรือองค์กรระหว่างประเทศ/หน่วยงานต่างชาติ ที่ติดต่อผ่านกระทรวงการต่างประเทศ สามารถแจ้งหนังสือไปยังอธิบดีกรมควบคุมโรค เพื่อขอรับวัคซีนไปฉีดให้บุคลากรในสังกัด โดยหาสถานพยาบาลรองรับการฉีดเอง และสำหรับผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม กระทรวงแรงงานโดยสำนักงานประกันสังคม เป็นหน่วยงานที่รับการจัดสรรวัคซีนเพื่อบริหารจัดการและจัดแผนการฉีดวัคซีนได้โดยตรง และรวบรวมข้อมูลจากสถานประกอบการเพื่อกำหนดสถานที่ให้บริการฉีดวัคซีน ทั้งในสถานพยาบาลตามสิทธิ และเชิงรุกนอกสถานพยาบาล เพื่อเพิ่มการเข้าถึงและให้ผู้ประกันตนได้รับการฉีดวัคซีนโดยเร็ว ทั้งนี้ ให้สำนักงานประกันสังคมจังหวัด รวมทั้งหน่วยงานระดับจังหวัด สังกัดกระทรวงแรงงาน ประสานการดำเนินงานร่วมกับคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเพื่อบูรณาการการทำงานร่วมกัน ซึ่งการบริหารจัดการฉีดวัคซีนต้องเป็นไปตามเป้าหมายและความสำคัญเร่งด่วนที่ ศบค. กำหนดโดยเคร่งครัด 

นอกจากนี้ได้สั่งการให้ผู้ว่าฯ ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาคราชการ ภาคเอกชน บริษัท สถานประกอบการ แคมป์คนงาน ที่มีบุคลากรจำนวนมาก และอาจมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด-19 จัดทำข้อมูลสถานที่ จำนวนบุคลากร และแผนเผชิญเหตุ เพื่อเตรียมการกรณีเกิดการติดเชื้อโควิด-19 เป็นกลุ่มก้อน (คลัสเตอร์) เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสถานประกอบการใช้ปฏิบัติในการควบคุมโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นไปตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข โดยหลีกเลี่ยงการเคลื่อนย้ายแรงงานไม่ให้เกิดการแพร่กระจายของโรคโควิด-19 ไปยังพื้นที่อื่นๆ พร้อมมอบหมายนายอำเภอดำเนินการแนวทางดังกล่าวในระดับอำเภอด้วย 

“บิ๊กตู่” เปิดทำเนียบรัฐบาล ถกเอกชน รับฟังปัญหา-หามาตรการช่วย

นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลามโหม จะเปิดทำเนียบรัฐบาล หารือร่วมกับผู้บริหารจากองค์กรภาคเอกชนหลายแห่ง ทั้งสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย และสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เพื่อรับฟังปัญหา และสถานการณ์ปัจจุบันในการประกอบธุรกิจที่กำลังได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19

“ก่อนหน้านี้นายกรัฐมนตรีได้ขอให้ผู้ประกอบการรายใหญ่ช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยในการปรับระยะเวลาการชำระเงินให้เร็วขึ้น เพื่อช่วยเหลือสภาพคล่องให้เอสเอ็มอีที่เป็นคู่ค้า ซึ่งที่ผ่านมาก็ช่วยได้ในระดับหนึ่ง แต่ปัจจุบันวิกฤติโควิดยาวนานขึ้น จึงต้องมีมาตรการในการช่วยเหลือเพิ่มเติม ซึ่งจะเป็นมาตรการที่ออกมาจาก ทั้งฝั่งของภาครัฐและมาตรการที่ภาครัฐจะสนับสนุนให้ผู้ประกอบการรายใหญ่ช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้สามารถผ่านพ้นวิกฤติโควิดไปได้ โดยมาตรการที่จะขอความร่วมมือจากภาคเอกชนจะออกมาได้โดยเร็ว”

สำหรับแนวทางการช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบกับโควิดที่จะออกมาต่อจากนี้ มีทั้งมาตรการของรัฐซึ่งกำลังดูอยู่ระหว่างการจัดทำมาตรการช่วยเหลือการจ้างงาน (โค-เพย์เม้นต์) ส่วนมาตรการที่ภาครัฐจะขอให้เอกชนโดยเฉพาะเอกชนรายใหญ่ช่วยเหลือรายเล็กเช่น การช่วยซื้อสินค้าจากเอสเอ็มอีที่อยู่ในซัพพลายเชนการผลิตสินค้ามากขึ้น การช่วยเหลือเรื่องของช่องทางการจัดจำหน่าย รวมทั้งการให้รายใหญ่ที่ทำธุรกิจกับเอสเอ็มอีช่วยเจรจากับธนาคารพาณิชย์ในการปล่อยสินเชื่อซึ่งมีบางธุรกิจได้ช่วยเหลือกันในลักษณะนี้แล้ว

ขณะที่มาตรการการช่วยเหลือการจ้างงานที่ภาครัฐจะช่วยออกค่าจ้างแรงงานบางส่วนนั้น ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างหารือกับภาคเอกชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดทำรายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อให้สามารถช่วยเหลือได้อย่างถูกต้องเหมาะสมในกลุ่มธุรกิจที่ควรได้รับการช่วยเหลือเนื่องจากได้รับผลกระทบจากโควิดให้สามารถเดินหน้าธุรกิจไปได้

“พรรคกล้า กทม.” เรียกร้องผู้ประกอบการเปิดเผยรายชื่อผู้ติดเชื้อจริง ป้องกันการระบาดวงกว้าง ขอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าเยียวยาธุรกิจ หากได้รับผลกระทบหลังพบผู้ติดเชื้อ

นายเอกชัย ผ่องจิตร์ เลขานุการ กลุ่ม กทม.พรรคกล้า กล่าวถึงสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ในพื้นที่ว่า แม้จะมีการฉีดวัคซีนต่อเนื่อง แต่ตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่ทั่วประเทศยังคงมากกว่า 3,600 คน ต่อวัน โดยเฉพาะกรุงเทพมหานครสูงกว่าถึง 1,200 คน (ข้อมูลวันที่ 19 มิ.ย. 64) ซึ่งจากการลงพื้นที่ ทราบจากประชาชนว่าบางโรงงานหรือบางบริษัทปกปิดข้อมูลลูกจ้างติดเชื้อ เพราะหวั่นกระทบธุรกิจ ประกอบกับถ้าลูกจ้างเป็นผู้แจ้งข้อมูลผู้ติดเชื้อ ก็เกรงกลัวว่าจะถูกเลิกจ้างทำให้ตกงาน จึงไม่มีใครกล้าแจ้งกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาจัดการดูแล อาจเป็นสาเหตุทำให้ผู้ติดเชื้อขยายวงกว้าง เกิดเป็นคลัสเตอร์ใหม่ต่างๆ ไม่จบสิ้น

“ผมจึงขอวอนไปยังบริษัทและโรงงาน ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ ที่มีผู้ติดเชื้อได้ โปรดให้ข้อมูลแจ้งกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเข้าดำเนินการรับตัวผู้ติดเชื้อมารักษาก่อนที่จะขยายวงกว้างในโรงงานหรือบริษัทของท่าน ทำให้ต้องปิดตัวลงและเสียหายไปมากกว่าเดิม” นายเอกชัย กล่าว

เลขานุการ กลุ่ม กทม.พรรคกล้า กล่าวว่า เข้าใจว่าผู้ประกอบการหลายคนไม่กล้าแจ้งข้อมูลผู้ติดเชื้อ เพราะกลัวธุรกิจหยุดชะงัก ดังนั้น หากจะให้มาตรการป้องกันการระบาดมีประสิทธิภาพ ได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการ จึงขอเรียกร้องทั้ง กระทรวงแรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้โปรดเยียวยาธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ หากลูกจ้างพนักงานที่ติดเชื้อโควิด ต้องกักตัว เพื่อรักษากิจการต่อไป

รมว.มท. แจง หนังสือขอหนุนวัคซีน เอกชนดัง สื่อสารคลาดเคลื่อน ย้ำ เจตนาเพื่อดูแลประชาชน

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อนุพงษ์​ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่หนังสือปลัดกระทรวงมหาดไทย ลงนามสนับสนุนการวัคซีนบริษัทเอกชนชื่อดัง เพื่อฉีดให้กับพนักงานและครอบครัว แต่ได้ยกเลิกในภายหลัง ว่า เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน​ นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัด​กระทรวง​มหาดไทย ได้ออกหนังสือแก้ไขแล้วยืนยันว่าเป็นการสื่อสารที่คลาดเคลื่อน อย่างไรก็ตามการดำเนินการจะต้องเป็นไปตามนโยบายของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. โดยสรุปคือ มีช่องทางที่จะให้สนับสนุนให้กับบุคคลและกลุ่มบุคคลรวมไปถึงองค์กรได้ แต่ต้องเข้าสู่ช่องทางหมอพร้อม การกระจายวัคซีนเป็นของ ศบค. จะกระจายไปในพื้นที่ใดหรือจำนวนเท่าไหร่ เมื่อกระจายไปแล้วผู้ที่จะดำเนินการต่อคือ คณะกรรมการ​โรคติดต่อ​จังหวัด

พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ถือเป็นการสื่อสารที่คลาดเคลื่อนและไม่มีเจตนา​เอื้อประโยชน์ให้ใคร ทุกคนรู้ดีว่าการทำงานของข้าราชการ พรรคการเมือง และรัฐบาล หรือของใครก็แล้วแต่ ต้องตอบสนองต่อประชาชนส่วนใหญ่ ใครที่คิดจะไปตอบสนองต่อกลุ่มใคร สังคมก็จะไม่ยอม เป็นการสื่อสารคลาดเคลื่อนแต่ก็ได้แก้ไขแ​ล้​ว 

เมื่อถามว่า ต่อไปจะระวังเพิ่มขึ้นหรือไม่ พล.อ.อนุ​พงษ์​ กล่าวว่า ก็เป็นธรรมดาแต่เจตนาของศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019. กระทรวงมหาดไทย (ศบค. มท.)​ ไม่ได้มีเจตนา​ที่จะไปเอื้อใคร พูดง่ายๆ คือเจตนา​ที่จะดูแลประชาชน เป็นหลัก ใครก็ต้องทำอย่างงั้นสังคมจึงจะยอมรับได้ ไม่มีทางเป็นอย่างอื่นได้ 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top