Wednesday, 14 May 2025
Hard News Team

‘จีน’ คุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ได้อย่างไร?

เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ซึ่งเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดโควิด -19 ผ่านไปเพียง 1 ปี ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตปกติ ไม่ต้องสวมหน้ากากออกตอนนอกบ้าน

‘จีน’ คุมการแพร่ระบาดได้อย่างไร?

รศ.ดร.อักษรศรี พานิชสาส์น อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และที่ปรึกษาประจำคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ วุฒิสภา ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับประเทศจีน มีคำตอบสั้น ๆ เพียงแค่ ‘3 ไม่’ เท่านั้น คือ

รัฐบาลจีน ‘ไม่’ สร้างความสับสนให้กับประชาชน

สื่อจีน ‘ไม่’ นำเสนอข่าวที่ทำให้เกิดวิกฤติศรัทธา

คนจีนเขา ‘ไม่’ แตกแยกกันเอง

ลูกจ้างธุรกิจอีเว้นท์ เฮ!! รมว.เฮ้ง รับลูก นายกฯ สั่งการ สปส.พิจารณาข้อ กม.แล้ว  เข้าเงื่อนไขเยียวยาว่างงานเหตุสุดวิสัยโควิด-19 ได้

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึง กรณีที่ผู้ประกอบการธุรกิจอีเว้นท์และที่เกี่ยวข้อง จะเข้ายื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีและตนในฐานะ รมว.แรงงาน เพื่อให้ภาครัฐมีมาตรการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประกอบการจากผลกระทบโควิด-19 จนทำให้กิจการต้องปิดไปโดยปริยาย เพราะไม่สามารถแบกรับภาระค่าใช้จ่ายต่อไปได้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้รับทราบแล้วและสั่งการให้สำนักงานประกันสังคมไปพิจารณาข้อกฎหมาย โดยประเด็นดังกล่าวเข้าเงื่อนไขกฎกระทรวง การได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัยโควิด-19 สามารถจ่ายเยียวยาว่างงานเหตุสุดวิสัยโควิด-19 ได้ร้อยละ 50 ของค่าจ้าง ไม่เกิน 90 วัน 

เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2564 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงกรณีที่ผู้ประกอบการธุรกิจอีเว้นท์และที่เกี่ยวข้อง เตรียมยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รวมถึงยื่นหนังสือถึงตนในสัปดาห์หน้านั้นด้วย เพื่อขอให้ภาครัฐมีมาตรการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประกอบการในธุรกิจอีเว้นท์และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง สืบเนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่เริ่มระบาดในประเทศไทยระลอกแรกตั้งแต่ช่วงต้นปี 2563 เรื่อยมา จนถึงการระบาดอย่างรุนแรงในระลอก 3 นับตั้งแต่ต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน โดยให้เหตุผลว่า บางประเภทกิจการภาครัฐมิได้สั่งให้ปิด แต่ส่วนใหญ่ก็ต้องปิดกิจการไปโดยปริยาย เพราะไม่สามารถแบกรับภาระค่าใช้จ่ายต่อไปได้ และยังมองไม่เห็นว่าสถานการณ์จะกลับมาเป็นปกติเมื่อใด นายสุชาติ กล่าวว่า ผมได้นำเรียนท่านนายกรัฐมนตรีทราบแล้ว และท่านได้สั่งการให้สำนักงานประกันสังคมไปพิจารณาข้อระเบียบกฎหมายว่าเข้าเงื่อนไงดังกล่าวหรือไม่อย่างไร ซึ่งจากการพิจารณาแนวทางการจ่ายประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัยตามกฎกระทรวง การได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัยอันเกิดจากการระบาดของโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ พ.ศ.2563 (เพิ่มเติม) พบว่า มีเงื่อนไข ดังนี้ 1) ทางราชการมีคำสั่งให้ปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว โดยสั่งให้ปิด หรือห้าม หรืองดใช้สถานที่ เช่น สถานที่จัดนิทรรศการ ศูนย์การแสดงสินค้า ศูนย์ประชุม สถานที่ให้บริการห้องประชุม ห้องจัดเลี้ยง สถานที่จัดเลี้ยง รวมถึงสถานที่อื่นใดที่มีลักษณะเดียวกัน ทำให้นายจ้างไม่สามารถประกอบกิจการในสถานที่ดังกล่าวได้ เช่น ประเภทกิจการที่มีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย การจัดประชุม การจัดสัมมนา การจัดเลี้ยงทั้งในและนอกสถานที่ หรือกิจกรรมอื่นในลักษณะเดียวกันที่กระทำในสถานที่นั้นๆ 2) ระยะเวลาการได้รับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานเนื่องจากเหตุสุดวิสัย ให้พิจารณาจากการปิด หรือห้าม หรืองดใช้สถานที่โดยให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร หรือจังหวัด หรือคำสั่งของทางราชการที่มีอำนาจตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ เพื่อป้องกันการระบาดของโรคติดต่ออันตรายกำหนด ในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้าง คราวละไม่เกิน 90 วัน และ 3) ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงจากหนังสือรับรองการขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัยที่นายจ้างรับรอง ในประเด็นที่นายจ้างไม่ได้ประกอบกิจการไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนเป็นการชั่วคราวตามคำสั่ง/ประกาศของทางราชการ ตามข้อ 1) โดยลูกจ้างไม่ได้ทำงานและไม่ได้รับค่าจ้างในระหว่างนั้น 

นายสุชาติ กล่าวต่อว่า จากการพิจารณาข้อกฎหมายประเด็นดังกล่าวของสำนักงานประกันสังคมปรากฎว่าเข้าเงื่อนไขกฎกระทรวง การได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัยโควิด-19 สามารถจ่ายเยียวยาว่างงานเหตุสุดวิสัยโควิด-19 ได้ร้อยละ 50 ของค่าจ้าง ไม่เกิน 90 วัน ทั้งนี้ ผู้ประกันตนต้องดำเนินการยื่นขอรับประโยชน์ทดแทนโดยกรอกแบบขอรับประโยชน์ทดแทน พร้อมเบอร์โทรศัพท์ที่ติดต่อได้และแนบสำเนาสมุดบัญชีเงินฝากประเภทออมทรัพย์ แล้วนำส่งให้นายจ้างรวบรวมแบบฯ เพื่อบันทึกข้อมูลลูกจ้างและหนังสือรับรองการหยุดงานกรณีราชการสั่งปิด/กรณีกักตัว เมื่อนายจ้างบันทึกข้อมูลลูกจ้างเสร็จสิ้นให้นำส่งแบบฯ และหนังสือรับรองในระบบ e- Service ส่งมายังสำนักงานประกันสังคมเขตพื้นที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ทั้ง 12 แห่ง/จังหวัด/สาขา/ที่ท่านสะดวก หรือผ่านโทรศัพท์สายด่วนประกันสังคม 1506 ตลอด 24 ชั่วโมง

'Molnupiravir' ยาเม็ดแห่งความหวังของผู้ป่วยโควิด พบผลหยุดแพร่กระจายเชื้อระยะเริ่มต้นได้ภายใน 24 ชั่วโมง .

นับวัน Covid-19 ยิ่งพิสูจน์ให้โลกเห็นถึงความแข็งแกร่งของสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น แต่สามารถกัดกร่อนสังคมมนุษย์ได้จริง ทั้งในด้านชีวิต และสุขภาพ ไปจนถึงระบบเศรษฐกิจ

แม้จนถึงตอนนี้ โลกของเราจะเริ่มมีวัคซีนป้องกัน Covid-19 ออกมาแล้วหลายตัว และกำลังจะมีเพิ่มอีกในเร็ว ๆ นี้ แต่วัคซีนก็ยังคงขาดแคลนอย่างมากในหลายประเทศ และประชากรส่วนใหญ่ยังฉีดวัคซีนไม่ทันกับอัตราการแพร่ระบาด

ฉะนั้นสิ่งที่พอทำได้ สำหรับคนที่ยังไม่ติด Covid-19 จึงเป็นการตั้งการ์ด ป้องกันตัวเอง งดเดินทางออกจากบ้านหากไม่จำเป็น ระหว่างรอเพื่อฉีดวัคซีน

อย่างไรก็ตาม วัคซีนนั้นมีไว้เพื่อป้องกัน และสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายไม่เจ็บหนักเมื่อติดเชื้อ นั่นจึงหมายความว่า วัคซีนอาจไม่ใช่ความหวังของผู้ป่วย Covid-19 ที่มีอยู่หลายสิบล้านคนทั่วโลกในขณะนี้

การคิดค้นหายาที่มีสรรพคุณต้าน Covid-19 ในร่างกายไม่ให้ลุกลามจนถึงขีดอันตราย จึงเป็นอีกหนึ่งกุญแจสำคัญที่จะช่วยกู้วิกฤติ Covid-19 นี้ได้ โดยเฉพาะในประเทศที่เกิดการระบาดระลอกใหม่อย่างรุนแรง และกำลังรอการมาถึงของวัคซีน อย่างประเทศไทย

เดิมยาต้านไวรัส Covid-19 ที่เป็นที่รู้จักแพร่หลาย หากตัด Hydroxychloroquine หรือยาแก้โรคมาลาเรีย ที่เคยเป็นกระแสอยู่ช่วงหนึ่งออกไป ก็จะมี...

1.) Remdesivir ที่พัฒนาโดยบริษัท Gilead ที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาให้ใช้รักษาผู้ป่วย Covid-19 ที่มีอาการไม่รุนแรงได้ตั้งแต่อายุ 12 ปีขึ้นไป แต่ข้อเสียของ Remdesivir คือ ราคาสูงมาก อยู่ที่หลอดละ 390 ดอลลาร์ และขายยกชุด 6 หลอดเพื่อใช้ต่อเนื่องกัน 6 วัน คิดเป็นเงิน 2,340 ดอลลาร์ต่อชุด หรือประมาณ 72,500 บาท

2.) Favipiravir หรือ Avigan พัฒนาโดยบริษัท Toyama Chemical ซึ่งเป็นบริษัทเครือเดียวกับ Fujifilm เป็นยาที่ใช้รักษาอาการไข้หวัดใหญ่ ก็ยาอีกชนิดที่นิยมใช้รักษาผู้ป่วย Covid-19 และราคาต่อเม็ดอยู่ในระดับที่จับต้องได้ คิดเป็นราคาเม็ดละ 125 บาท

แต่ผู้ป่วย 1 คน อาจต้องใช้ยาตั้งแต่ 40-70 เม็ด คิดเป็นค่าใช้จ่ายตั้งแต่ 5,000 - 8,750 บาทต่อคน แต่หากสามารถผลิตได้เองในประเทศ จะทำให้ราคายาถูกลงกว่าเดิมครึ่งหนึ่งทีเดียว แต่ข้อเสียของ Favipiravir นั้นคือต้องทานยาต่อเนื่องกันเป็นเวลานานมาก และยังไม่มีงานวิจัยที่ชัดเจนและมากพอที่จะสรุปถึงผลลัพธ์ของ Favipiravir ได้

แต่ต่อมา ก็มีการพูดถึงยาต้าน Covid-19 ตัวล่าสุด ที่กำลังพูดถึงอย่างมากอยู่ในขณะนี้ ว่ามีความสามารถในการต้านเชื้อไวรัส Covid-19 ในร่างกายได้ภายในเวลาแค่ 24 ชั่วโมงเท่านั้น และอาจเป็นความหวังครั้งสำคัญของผู้ป่วย Covid-19 ในขณะนี้

ยาที่ว่านี้คือ Molnupiravir !!

Molnupiravir พัฒนาโดยบริษัท Merck จากเยอรมันเมื่อราว ๆ ปี 2000 เพื่อใช้ต้านเชื้อไวรัสที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจโดยเฉพาะ และเคยใช้ได้ผลดีกับผู้ป่วยโรค SARS และ MERS ที่เกิดจากเชื้อไวรัสโคโรน่าเช่นเดียวกัน

ทั้งนี้ได้มีการทดสอบกับผู้ป่วยกลุ่มเล็กโดย Georgia State University พบว่า สามารถยับยั้งการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส Covid-19 ได้ในระยะเวลาอันรวดเร็วภายใน 24 ชั่วโมง

ที่สำคัญยิ่งกว่า คือ เป็นยารับประทาน จึงสามารถใช้ได้ง่าย เหมาะสำหรับผู้ติดเชื้อในระยะเริ่มต้น ช่วยลดระยะเวลารักษา และการกักตัว ที่มักมีผลด้านจิตใจของผู้ป่วย จึงสามารถป้องกันการเกิดการระบาดเป็นกลุ่มก้อนใหม่ ๆ ได้อย่างทันท่วงทีได้

ถึงแม้ว่ายา Molnupiravir ยังไม่มีงานวิจัยรองรับว่าจะสามารถช่วยรักษาในกลุ่มผู้ป่วยในระยะวิกฤติได้ผลหรือไม่ แต่การทดลองกับกลุ่มผู้ป่วยไม่มีอาการและกักตัวที่บ้าน ยังดำเนินอยู่ถึงเฟส 3 เรียบร้อยแล้ว และเป็นยาที่ได้รับความสนใจอย่างมากในอินเดีย ที่ตอนนี้มีผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มสูงขึ้นมากถึง 4 แสนคนต่อวัน จึงทำให้มีการผลักดันให้ Molnupiravir ได้รับการรับรองให้ใช้ได้ในกรณีฉุกเฉินที่อินเดีย

และหาก Molnupiravir สามารถต้าน Covid-19 ในร่างกายได้อย่างรวดเร็วจริง ก็จะเป็นความหวังของหน่วยงานสาธารณสุขทั่วโลก ที่ยังพบปัญหาการระบาดระลอกใหม่ ด้วยเชื้อ Covid-19 สายพันธุ์ใหม่ ๆ ที่มาจากการเริ่มเปิดเมือง ผู้คนต้องเดินทาง เพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้า แต่หากมียาที่สามารถกินป้องกันได้ รักษาในระยะเริ่มแรกได้ทันทีโดยไม่ต้องกักตัวนาน ก็นับเป็นข่าวดีมาก

แต่เสียเพียงอย่างเดียว คือ ตัวยา Molnupiravir ต่อเม็ดก็ยังมีราคาสูงอยู่พอสมควร โดยข้อมูลของสื่ออินเดีย ชี้ว่ายา Molnupiravir กำลังเป็นที่ต้องการอย่างมากในท้องตลาด แม้จะยังไม่มีผลทดลองขั้นสุดท้าย หรือการอนุมัติอย่างเป็นทางการจากรัฐบาลอินเดียก็ตาม จะซื้อขายกันอยู่ที่ 3,000 รูปีต่อเม็ด หรือประมาณเม็ดละ 1,270 บาท

จากข้อมูลยารักษา Covid-19 ที่มีอัพเดทอย่างต่อเนื่อง ก็จะเห็นได้ว่า ยาแต่ละชนิด ต่างมีข้อดี และข้อเสีย และราคายังจัดว่าค่อนข้างสูง แต่ไม่ได้รับประกันผลได้อย่าง 100% นำไปสู่วลีที่ว่า ‘กันไว้ดีกว่าแก้’ เพราะสุดท้ายแล้วการลงทุนกับการป้องกัน มักคุ้มค่ากว่าการรักษาเยียวยาเสมอ

ดังนั้น ในสถานการณ์เช่นนี้ การฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันตัวเอง ควรเป็นทางเลือกอันดับแรกของการแก้ปัญหาการระบาดของ Covid-19 ที่มีราคาถูกกว่ามากเมื่อเทียบกับค่ายา และค่ารักษาพยาบาลอย่างแน่นอน


อ้างอิง:

https://health.economictimes.indiatimes.com/news/pharma/antiviral-drug-molnupiravir-blocks-covid-19-virus-within-24-hours-study/79583150

https://economictimes.indiatimes.com/industry/healthcare/biotech/pharmaceuticals/natco-seeks-emergency-approval-to-launch-molnupiravir-for-covid-19-in-india/articleshow/82256562.cms?from=mdr

https://www.empr.com/home/news/molnupiravir-merck-ridgeback-oral-antiviral-investigational-covid-19-treatment/

https://en.wikipedia.org/wiki/Molnupiravir

https://en.wikipedia.org/wiki/Favipiravir

https://en.wikipedia.org/wiki/Remdesivir

ทำไมคนอ้วนมีความเสี่ยงสูง อาจป่วยหนักและเสียชีวิต เมื่อติดไวรัสโควิด

โรคอ้วนส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ ไขมันภายในช่องท้องดันกล้ามเนื้อกระบังลมขึ้นไปในทรวงอกมากขึ้น ทำให้กล้ามเนื้อกระบังลมทำงานได้ไม่เต็มที่ ส่วนไขมันที่ทรวงอกทำให้กล้ามเนื้อต้องออกแรงมากขึ้น แรงต้านมากขึ้นทำให้อากาศเข้าปอดน้อยลง หลอดลมอาจปิด ถุงลมของปอดส่วนล่างอาจแฟบ ทำให้การแลกเปลี่ยนของก๊าซออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์ลดลง


ที่มา : เพจ หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC

มาคาเลียส แหล่งรวมอี-เวาเชอร์ ที่พัก ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว ชี้กลุ่มผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยอยู่ในภาวะ “หยุดชะงัก” จากโควิด-19 ระลอก 3 คนหยุดเที่ยว แต่พบคนยังซื้อเวาเชอร์สะสม จับมือพันธมิตรจัดแคมเปญจองก่อนพักทีหลัง ยืดอายุวอเชอร์ที่พักถึงต้นปี 65

นางสาวณีรนุช ไตรจักร์วนิช ประธานกรรมการบริหาร บริษัท มาคาเลียส ประเทศไทย จำกัด (Makalius) กล่าวว่า “การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอก 3 ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ถือเป็นการแพร่ระบาดครั้งที่รุนแรงที่สุดในประเทศไทย ส่งผลกระทบต่อหลายธุรกิจในวงกว้าง รวมถึงภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั้ง โรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว ซึ่งในตอนนี้อยู่ในภาวะ “หยุดชะงัก” (Tourism Halt) นักท่องเที่ยวไม่กล้าเดินทางไปท่องเที่ยว อีกทั้งบางจังหวัดถูกประกาศเป็นพื้นที่สีแดงที่มีการควบคุมสูงสุด แต่ในทางกลับกันก็มีสัญญาณที่ดีว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจะกลับคึกคักอีกครั้งหากภาครัฐบาลสามารถควบคุมสถานการณ์โควิด-19 ได้ โดยดูจากพฤติกรรมการสั่งซื้อเวาเชอร์ที่พักของนักท่องเที่ยวผ่านเว็บไซต์มาคาเลียสยังคงมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง 

โดยเฉพาะช่วงการจัดแคมเปญทราเวลแฟร์ออนไลน์ “Food Fruit For Fun @ Eastern Thailand” ที่ได้ร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภาคตะวันออก และนิตยสารแม่บ้าน จำหน่ายแพคเกจท่องเที่ยวที่ครอบคลุมบริการ ที่พัก สถานที่ท่องเที่ยว หรือสถานที่ทำกิจกรรม และร้านอาหาร ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากกลุ่มนักท่องเที่ยว โดยในระยะเวลาเพียง 1 เดือน สามารถจำหน่ายเวาเชอร์ได้กว่า 2,738 ใบ หรือมีมูลค่ากว่า 5 ล้านบาท

แต่ทั้งนี้บริษัทฯ ได้เล็งเห็นถึงปัญหาดังกล่าวจึงได้ร่วมหารือกับพันธมิตรผู้ประกอบการทั้ง โรงแรม ที่พัก สถานที่ท่องเที่ยว ที่เปิดให้บริการผ่านทางมาคาเลียส กว่า 200 ราย เตรียมจัดแผนกระตุ้นการท่องเที่ยว โดยเริ่มจากการปรับยืดอายุการใช้งานของเวาเชอร์ไปปลายไตรมาสแรกปี 2565 ให้สอดคล้องกับสถานการณ์วิกฤตที่จะค่อย ๆ คลี่คลายลง รวมถึงการให้ข้อเสนอพิเศษสำหรับลูกค้าที่ต้องการท่องเที่ยวในช่วงระยะเวลาอันใกล้นี้ สามารถเปลี่ยนแปลงโรงแรมที่พัก ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว ได้ตามความเหมาะสม อันมีผลปรับใช้งานได้ทันที

พร้อมทั้งจัดแคมเปญ Buy Now Stay Later จองก่อนเข้าพักทีหลัง ขนโรงแรมที่พักทั่วไทยจัดโปรโมชั่นพิเศษ ราคาเริ่มต้น 400 บาทต่อคนต่อคืน และเลือกเข้าพักได้ถึงวันที่ 31 มีนาคมปี 2565 ซึ่งปัจจุบันมีโรงแรม รีสอร์ท เข้าร่วมแคมเปญดังกล่าวแล้วกว่า 18 แห่ง ได้แก่ M Pattaya Hotel, Talay Tara Resort, Chaolao Tosang Beach Hotel, Peggy's Cove Resort, Sonia Residence Pattaya, Twin Palm Resort, Oakwood Hotel & Residence Sriracha, At Rice Resort, Hotel Kuretakeso Sriracha, The Beach Village Resort, Oriental Beach Pearl Resort, Baron Beach Hotel Pattaya, Mike Hotel Pattaya, Pattaya Discovery Beach, Kocchira Rest & Bake, Chom View Hotel & Residences, VAYNA Boutique Koh Chang และ Wora Wana Huahin Hotel ซึ่งผู้ประกอบการสามารถเข้าร่วมแคมเปญดังกล่าวได้ตลอดเวลา

นอกจากนี้ ยังได้ขอความร่วมมือกับผู้ประกอบการให้มีความเข้มงวดด้านมาตรการความปลอดภัยด้านสุขอนามัย รวมถึงได้ออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ ด้วยการดึงจุดแข็งการเป็นออนไลน์ทราเวลแพลตฟอร์ม มาช่วยทำการตลาดสร้างความแข็งแกร่งและความน่าเชื่อถือ เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือการท่องเที่ยวที่จะกลับมาคึกคักอีกครั้ง 

ทางด้าน นายคมพัฒน์ ป่านแก้ว กรรมการผู้จัดการ โรงแรม At Rice resort จังหวัดนครนายก กล่าวว่า “เนื่องจากจังหวัดนครนายกไม่ได้เป็นพื้นที่ควบคุมเขตสีแดง จึงทำให้ทางโรงแรมยังเปิดให้เข้าพักได้ตามปกติ รวมถึงการเปิดให้บริการห้องจัดเลี้ยง ซึ่งก็มีคู่รักมาใช้บริการห้องจัดงานแต่งงานอยู่พอสมควร โดยทางโรงแรมจะให้ความสำคัญด้านสุขอนามัยเป็นหลัก ด้วยคอนเซ็ปต์ Wedding New Normal คือ การจำกัดจำนวนผู้เข้างาน แขกที่จะร่วมงานไม่เกิน 50 ท่าน ก่อนเข้าโรงแรมทุกท่านต้องสวมใส่หน้ากากอนามัย และตรวจอุณหภูมิก่อนเข้างาน และงดการรับประทานอาหารเลี้ยงสังสรรค์ แต่ทางโรงแรมจะให้บริการเป็นอาหารชุดแบบ Take away สำหรับนำกลับไปรับประทานที่บ้านแทน

คมพัฒน์ ป่านแก้ว กรรมการผู้จัดการ โรงแรม At Rice resort จังหวัดนครนายก

นางสาวทัศนีย์ มณีเนตร รองผู้จัดการทั่วไป โรงแรม M Pattaya จังหวัดชลบุรี กล่าวว่า “ทางโรงแรมได้มีการปรับนโยบายเรื่องห้องพัก เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในปัจจุบัน ซึ่งขณะนี้โรงแรมปิดให้บริการและจะกลับมาเปิดให้บริการในเดือนมิถุนายน เฉพาะวันศุกร์ เสาร์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ รวมถึง ร้านอาหาร ฟิตเนส สระว่ายน้ำ โดยทั้งนี้จะเปิดให้บริการเต็มรูปแบบขึ้นอยู่กับมาตรการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว แต่จะเข้มงวดด้านสุขอนามัยเพิ่มมากขึ้น ทั้งการตรวจวัดอุณหภูมิ รวมถึงการเพิ่มเจ้าหน้าที่ค่อยดูแลทำความสะอาดตลอดเวลา 

ทัศนีย์ มณีเนตร รองผู้จัดการทั่วไป โรงแรม M Pattaya จังหวัดชลบุรี

ส่วนทาง นางสาวโซเนีย ราจีช พูนจาบี กรรมการผู้จัดการ โรงแรม Sonia Residence Pattaya จังหวัดชลบุรี กล่าวว่า “ทางโรงแรมได้ออกมาตรการต่าง ๆ เพื่อรองรับและป้องกันความปลอดภัยด้านสุขอนามัยแก่ลูกค้าที่มาใช้บริการอย่างเคร่งครัด อาทิ การเสิร์ฟอาหารเช้าที่ห้องพัก การขยายเวลาการเข้าพักได้ยาวนาน พร้อมทั้งได้จัดทำโปรโมชั่นพิเศษจองห้องพักพร้อมดินเนอร์สุดพิเศษ รวมถึงการจัด Food Delivery จัดส่งเมนูพิเศษโดยเชฟชื่อดังของโรงแรมถึงหน้าบ้าน”

โซเนีย ราจีช พูนจาบี กรรมการผู้จัดการ โรงแรม Sonia Residence Pattaya จังหวัดชลบุรี

นางสาวณีรนุช กล่าวต่อว่า “สำหรับแผนการช่วยเหลือการท่องเที่ยวดังกล่าว ทางบริษัทฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือดูแล กลุ่มลูกค้า นักท่องเที่ยว และกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอก 3 นี้ ให้สามารถผ่านพ้นวิกฤตดังกล่าวไปได้ด้วยดี”

ผศ.ดร.วรัชญ์ โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กเกี่ยวกับกรณี 'วราวิทย์ ฉิมมณี' ผู้ประกาศข่าว สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ได้น้อมรับความผิดพลาดในการรายงานข่าวว่า...

ผศ.ดร.วรัชญ์ ครุจิต รองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา คณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และที่ปรึกษาด้านการสื่อสาร ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กเกี่ยวกับกรณี 'วราวิทย์ ฉิมมณี' ผู้ประกาศข่าว สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ได้น้อมรับความผิดพลาด รายงานข่าวประสิทธิภาพวัคซีนกับสายพันธุ์แอฟริกาใต้ แจงแปลผิด 'การติดเชื้อแบบมีอาการ' กลายเป็น 'ป้องกันการป่วยหนัก' แถมยอมรับนำตัวเลขที่ใช้จริง กับตัวเลขอนุมานปนกันในตาราง ประกาศขอพักหน้าจอ 2 สัปดาห์ แสดงความรับผิดชอบว่า...

คุณวราวิทย์ออกมาขอโทษข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น และชี้แจงข้อมูลที่ถูกต้อง รวมทั้งรับผิดชอบตัวเองด้วยการพักงานหน้าจอ 14 วัน

ผมก็ขอชื่นชม ที่คุณวราวิทย์มีความกล้าหาญทางจริยธรรมในการยอมขอโทษและยอมรับความผิด และผมขอรับคำขอโทษนั้น เพราะผมก็เป็นหนึ่งในผู้ได้รับผลกระทบ ที่ต้องออกมาแก้ไขข้อมูลเช่นกัน (ซึ่งก็ใช้เวลาค้นหาข้อเท็จจริงและเขียนอยู่หลายชั่วโมงเหมือนกัน) และขอให้กำลังใจคุณวราวิทย์ในการทำหน้าที่ต่อไปนะครับ

อย่างไรก็ตาม ผมขอแสดงความคิดเห็น 2 ข้อดังนี้ครับ...

1.) คุณวราวิทย์ ชี้แจงแค่คำที่แปลผิด (จากป้องกันป่วยหนัก เป็น ป้องกันติดเชื้อมีอาการ) แต่ยังไม่ได้ชี้แจงข้อมูลที่สำคัญที่สุด นั่นคือ ตัวเลขของการป้องกันการป่วยหนัก ซึ่งสำหรับแอสตราเซเนกา คือ 100% เพราะไม่มีผู้ป่วยหนักหรือเสียชีวิตจากโควิดสายพันธุ์แอฟริกาใต้ หลังฉีดวัคซีนของแอสตราเซเนกาเลย ดังนั้นหากคุณวราวิทย์ มีเจตนาที่จะรณรงค์ให้ประชาชนชาวไทยเข้ารับการฉีดวัคซีนกันให้มากที่สุดจริง ก็ต้องพูดเรื่องนี้ และเน้นความสำคัญตรงนี้ด้วย

2.) การขออภัยครั้งนี้ ก็ยังเหมือนครั้งก่อน ๆ ก็คือไม่ได้บอกว่า แล้วต่อไปจะมีมาตรการอย่างไรในการป้องกันไม่ให้เกิดความผิดพลาดซ้ำอีก ซึ่งก็คงเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดความผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำอีกจริง ๆ (เพราะไม่มีมาตรการ) ข่าวนี้คุณวราวิทย์หามาเอง รายงานเองใช่ไหม แล้วมีรีไรเตอร์ มีบก. หรือมีใครช่วยตรวจสอบ ทักท้วง ผ่านตาดูให้อีกรอบหรือหลายรอบไหม หรือว่าหามาแล้วก็ออกได้เลย

ระบบการทำข่าวของไทยพีบีเอสคืออะไร ครั้งนี้เป็นอุบัติเหตุ หรือว่าจริง ๆ แล้วไม่มีใครกรองเนื้อหา ผู้ประกาศคนไหนเขียนอะไรได้ก็ออกเลย? แล้วแบบนี้ประชาชนจะมั่นใจกับคุณภาพของเนื้อหาได้อย่างไรว่าถูกต้อง? อันนี้ไม่ใช่แค่คุณวราวิทย์ที่จะต้องชี้แจง แต่หัวหน้าฝ่ายข่าว บรรณาธิการข่าว ควรจะต้องชี้แจงด้วย เพราะถึงแม้สกู๊ปนี้คุณวราวิทย์จะทำคนเดียว บรรณาธิการข่าว ก็ต้องรับผิดชอบด้วย ว่าให้ทำคนเดียวได้อย่างไรโดยไม่มีการตรวจสอบ ไม่สามารถ "ลอยตัว" เหนือปัญหาที่เกิดขึ้นในกรณีนี้ได้

อันที่จริง คุณวราวิทย์ไม่จำเป็นต้องหยุดปฏิบัติงานก็ได้ แต่สิ่งที่ผมอยากเห็นมากกว่า คือผลจากเรื่องนี้ จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง "ระบบ" ในการทำข่าวของไทยพีบีเอสได้อย่างไรบ้างมากกว่า ซึ่งอย่างที่บอกว่า ถ้ามันไม่มีระบบที่ดีกว่านี้ ก็ stick to what you do best นั่นคือสารคดี และรายการเด็ก ดีกว่าครับ อาจจะมีประโยชน์มากกว่า เพราะไทยพีบีเอส เป็นสมบัติของสาธารณะที่ประชาชนมีสิทธิที่จะตั้งคำถามถึงประโยชน์ที่ตนเองจะได้รับจากไทยพีบีเอส

ปล.ขอใช้โอกาสนี้ ขอบคุณและให้กำลังใจบุคลากรของไทยพีบีเอส ที่ตั้งใจและทุ่มเททำงานอย่างดีนะครับ ผมไม่ได้เป็นปรปักษ์หรือจงใจจะจับผิดไทยพีบีเอส แต่ผมทำอย่างนี้กับทุก ๆ สื่อที่ผมเห็นว่าไม่เหมาะสม ในฐานะอาจารย์ด้านสื่อสาร บางคนอาจจะไม่พอใจผม ก็คงห้ามไม่ได้ แต่ยิ่งเป็นไทยพีบีเอสผมยิ่งต้องพูด เพราะไทยพีบีเอสยังมีคุณค่าและทำประโยชน์ได้อีกมาก แต่ยังทำไม่ได้เท่าที่มีศักยภาพ... ส่วนเพราะสาเหตุใด ผมว่าคนในองค์กรน่าจะรู้ดีที่สุดครับ

คลิปคุณวราวิทย์ชี้แจง

.

.


ที่มา:

https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=4571065682909035&id=100000169455098

https://mgronline.com/onlinesection/detail/9640000044827

ศ.ดร.กนก ห่วง โควิด-19 ไม่จบ อาจเลื่อนเปิดเทอมอีก แนะ ศธ.วางนโยบายรับสถานการณ์วิกฤต ไม่ใช่บริหารแบบปกติ ตั้ง War Room ติดตามการจัดการเรียนการสอน เน้นปลอดภัยมีประสิทธิภาพ ชี้ ช้าหนึ่งวัน คือความเสียโอกาสของนักเรียน

ศ.ดร.กนก วงษ์ตระหง่าน รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ กระทรวงศึกษาธิการประกาศเลื่อนเปิดเทอมไปเป็นวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ.2564 แล้ว แต่คงไม่มีใครยืนยัน ได้ว่าสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 จะดีขึ้นหลังวันที่ 1 มิถุนายน ถ้าเป็นเช่นนั้นแสดงว่ากระทรวงศึกษาธิการอาจจะต้องเลื่อนเปิดเทอมไปอีกหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ยังไม่มีใครตอบได้ ทั้งความผันผวนของสถานการณ์ และผลกระทบต่อการเรียนการสอน ประเด็นที่สำคัญที่กระทรวงศึกษาธิการต้องตระหนักคือ กระทรวงต้องบริหารจัดการแบบวิกฤต (Crisis Management) ไม่ใช่บริหารราชการแบบปกติ การบริหารจัดการแบบวิกฤตต้องยึดหลักสำคัญ 3 ประการ คือ

1.) การจัดลำดับความสำคัญ (Priority) กระทรวงต้องแยกงานประจำที่ ต้องทำออกไป และคิดงานที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการจัดการเรียนการสอน ที่นักเรียนไม่สามารถเข้าชั้นเรียนตามปกติได้ เช่น การเรียนออนไลน์ การเรียนผ่านโทรทัศน์ การเรียนที่บ้าน การให้ครูออกไปสอนนักเรียนในชุมชน เป็นต้น

2.) การโฟกัสในงาน (Focus) กระทรวงจะต้องทุ่มเททรัพยากร และบุคลากรที่มีไปยังโรงเรียน เพื่อให้ครูสามารถจัดการเรียนการสอนในสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ได้ ข้าราชการในส่วนกลางต้องตั้งห้องปฏิบัติการ (War Room) เพื่อช่วยโรงเรียนและครูให้สามารถจัดการเรียน การสอนได้อย่างปลอดภัย และกำกับติดตามการปฏิบัติงานของครูทุกวัน

3.) ความเร็ว (Speed) กระทรวงจะต้องยกเว้นกฎระเบียบและงานประจำที่ทำให้ครูปฏิบัติงานไม่ได้ออกไปก่อน

“ความล่าช้า 1 วันของการแก้ปัญหาคือการเสียโอกาสการเรียนรู้ของนักเรียนอีก 1 วัน ผมขอฝากความห่วงใยและความปรารถนาดีไปยังครูทุกคนที่กำลังทำหน้าที่การสอนเพื่อการเรียนรู้ของนักเรียนในยามวิกฤติเช่นนี้ ขอให้กำลังใจครูและฝากความหวังและอนาคตของนักเรียนไว้กับครู รวมทั้งขอให้ครูทุกคนปลอดภัย” ศ.ดร.กนก กล่าว

อินเตอร์ลิ้งค์ นำทีมกลุ่มผู้บริหารไอทีภาครัฐ-เอกชน ร่วมสัมมนา CCTV Total Solution for Outdoor ผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ Update Solution การติดตั้งงานกล้องวงจรปิด (CCTV) ใหม่

เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2564 คุณสมบัติ อนันตรัมพร ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่ม บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) จัดสัมมนา CCTV Total Solution for Outdoor ให้กับลูกค้ากลุ่มผู้บริหารไอที จากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนในช่วง Work From Home โดยได้รับการตอบรับอย่างดีจากทั่วประเทศกว่า 460 คน พร้อมทานอาหารออนไลน์ร่วมกันผ่านระบบ Fully Online Seminar และนำทีมวิทยากรชั้นนำมา Update Solution การติดตั้งงานกล้องวงจรปิด (CCTV) บนถนนสาธารณะ เพื่อตอบทุกโจทย์ของความต้องการ ถ่ายทอดสดจากสำนักงานใหญ่ อินเตอร์ลิ้งค์ กรุงเทพฯ

กรณ์ ไลฟ์สร้างความเชื่อมั่น ชวนคนลงทะเบียน "ฉีดวัคซีน" สร้างภูมิคุ้มกันให้ประเทศ ฟื้นคืนชีพเศรษฐกิจไทย

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า ไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊ก ‘กรณ์ จาติกวณิช - Korn Chatikavanij’ เชิญชวนประชาชนมาลงทะเบียนฉีดวัคซีนผ่านแอปพลิเคชั่น “หมอพร้อม” เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้ประเทศ โดยระบุว่า การฉัดวัคซีน เป็นทางออกของประเทศ เนื่องจากขณะนี้ ตัวเลขผู้ติดเชื้อที่ไม่ได้ลดลง ส่งผลต่อการใช้ชีวิตความเป็นอยู่ของทุกคน เกิดเป็นความเสียหายทางเศรษฐกิจที่เลวร้ายลงเรื่อย ๆ เราต้องยอมรับว่า โควิดนี้จะอยู่กับเราไปอีกนาน การฉีดวัคซีนนั้น ไม่ใช่แค่เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้ตัวเองอย่างเดียว แต่เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับคนที่เรารักด้วย ถ้าเราฉีดกันมาก ๆ ก็จะเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับประเทศ เพื่อให้ร้านค้าสามารถเปิดได้ เพื่อให้ธุรกิจเล็ก ๆ ไม่ตาย ทุกคนออกไปใช้ชีวิตกันแบบเดิมได้ เราจะหลุดพ้นออกจากสภาพนี้ได้ ก็ต่อเมื่อได้รับวัคซีน เพราะฉะนั้นการลงทะเบียนเพื่อรับวัคซีนเป็นเรื่องสำคัญกันมาก

“ในต่างประเทศที่ได้ฉีดวัคซีนกันไปเยอะแล้ว ทุกอย่างกลับมาสู่ความเป็นปกติ ยกตัวอย่างที่ประเทศอังกฤษ ก็ฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกา อย่างน้อย 1 โดส ไปกว่าครึ่งของประชากร และหนึ่งในสี่ที่ได้รับ 2 โดส หรือ 25% ซึ่งความจริงโดสแรกก็จะได้รับการคุ้มครองสูงถึง 90% แล้ว โดสสองเพียงแค่ต่ออายุการคุ้มครองวัคซีนไปเท่านั้น ซึ่งขณะนี้คนอังกฤษก็สามารถออกมาใช้ชีวิตกันตามปกติ การทำมาค้าขายก็เริ่มดีขึ้น เช่นเดียวกับอเมริกาที่ฉีดเข็มแรกให้กับประชากร 1 ใน 3 ของประเทศ หรือ 34% สถานการณ์โดยรวมก็เริ่มดีขึ้น และคาดว่าจีดีพีของประเทศจะโตถึง 10% ได้” นายกรณ์ กล่าว

นายกรณ์ กล่าวว่า สำหรับประเทศไทยวัคซีนล็อตแรก คือแอสตราเซเนกา ก็ได้รับการตรวจสอบแล้วว่ามีมาตรฐานคุณภาพที่ดี และจะเริ่มฉีดให้กับประชาชนวันที่ 7 มิถุนายนนี้ จึงอยากเชิญชวนทุกคน ใครที่ยังไม่อยู่ในเกณฑ์ที่จะลงทะเบียนได้ก็ช่วยกันชี้แจงญาติผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัวที่เข้าเกณฑ์ ให้สบายใจที่จะเข้ารับการฉีดวัคซีน อย่างไรก็ตามตั้งแต่เปิดให้ลงทะเบียนผ่านหมอพร้อม จากสำรวจพบว่ามีประชาชนมาลงทะเบียนยังไม่ถึง 2 ล้านคน จากผู้มีสิทธิประมาณ 12 ล้านคน ไม่รวมผู้มีโรคประจำตัว 7 ชนิด อีกหลายล้านคน ทั้งนี้

หัวหน้าพรรคกล้า กล่าวว่า โดยส่วนตัวเชื่อว่า เหตุผลที่ประชาชนยังไม่กระตือรือร้นมีเหตุผลหลักคือ

1.) กลัวผลข้างเคียงเนื่องจากมีข่าวออกมามาก ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องมาทบทวนว่า อย่างน้อยการฉีดวัคซีนก็ปลอดภัยกว่าการติดเชื้อที่มีผลทั้งระยะสั้นและระยะยาว ทุกวัคซีนที่ใช้ในการฉีดก็ล้วนได้รับความไว้วางใจจากผู้นำทั่วโลกในหลายประเทศจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เราคลายความกังวลได้ถึงอันตรายจากผลข้างเคียง โดยผู้นำที่ได้ฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกาได้แก่ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เยอรมัน ฝรั่งเศส เกาหลีใต้ ไต้หวัน ส่วนผู้นำที่ฉีดวัคซีน ซีโนแวค ได้แก่ นายกรัฐมนตรีไทย อินโดนิเซีย ฮ่องกง ชิลี ตุรกี

2.) การตัดสินใจว่าจะฉีดวัคซีนยี่ห้ออะไรดี ซึ่งแต่ละยี่ห้อก็มีหลักวิทยาศาสตร์ที่ต่างกัน แต่มีเป้าหมายเดียวกันคือลดโอกาสในการติดเชื้อ และลดการแพร่ระบาด ส่วนผู้ที่ติดแล้วเป้าหมายเดียวกันคืออาการไม่หนักจนกระทั่งต้องเข้าไอซียู อย่างไรก็ตามยอมรับว่าสิ่งที่เป็นปัญหาอีกอย่างเวลานี้คือการขึ้นทะเบียนที่ค่อนข้างยากสำหรับผู้สูงอายุ และจากการสำรวจพบว่าคนในชนบทบางคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีการลงทะเบียน เรื่องของการสื่อสารจึงเป็นเรื่องสำคัญ และไม่ควรจะพึ่งพาเฉพาะรัฐเท่านั้น ทุกคนสามารถช่วยกันสื่อสารบอกต่อกันได้

นายกรณ์ ยังได้ถอดประสบการณ์ สองจังหวัดที่ประสบความสำเร็จจากการขึ้นทะเบียนและเข้ารับการฉีดวัคซีนคือจังหวัดลำปาง และภูเก็ต โดยเฉพาะที่ จ.ลำปาง ที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดคือ นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร หรือ “ผู้ว่าหมูป่า” รณรงค์ให้ประชาชนมาขึ้นทะเบียนได้แล้วกว่า 220,000 คน เทียบกับจังหวัดอื่นส่วนใหญ่ที่มีการขึ้นทะเบียนเพียงหลักพันคน ลำปางมีประชากร 730,000 คน ซึ่งมีอายุในเกณฑ์ที่ขึ้นทะเบียนได้ (เกิน 60ปี) 170,000 คน ดังนั้นโดยตัวเลขหมายถึง มีผู้มีโรคประจำตัวอีกราว ๆ 50,000 คน

“ทำไมลำปางทำได้ ในขณะที่จังหวัดอื่นทำไม่ได้ แม้แต่กรุงเทพที่มีประชากรมากกว่าลำปางถึง 8 เท่า การเข้าถึงข้อมูล รวมถึงตัวเลขสัดส่วนผู้ใช้อินเตอร์เน็ตสูงกว่ามาก แต่กลับมีผู้ขึ้นทะเบียนมากกว่าลำปางเพียงเท่าเดียว ผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์ทำอย่างไร นี่คือสิ่งที่รัฐบาลต้องรีบศึกษา เพื่อแนะแนวให้กับทุกจังหวัดได้เรียนรู้และปฏิบัติตาม เพราะการฉีดวัคซีนโดยเร็วคือทางออกของประเทศ และเป็นความหวังของประชาชนที่เดือดร้อนหนักหนาสาหัสจากผลกระทบโควิดระลอกที่ 3 นี้ ส่วนที่ จ.ภูเก็ตก็จัดลำดับขั้นตอนการฉีดวัคซีนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถ้าสองจังหวัดทำได้ ทุก ๆ จังหวัดก็ต้องทำให้ได้ครับ” นายกรณ์ กล่าว

นายกรณ์ กล่าวว่า เหลือเวลาอีกเพียง 3 สัปดาห์ ก่อนวัคซีนจะมาถึง ตนยังเชื่อว่าทำได้ แต่ดูจากสถานการณ์วันนี้แล้ว ต้องเร่งอีกมาก เนื่องจากมีคนเดือดร้อนกันมาก ถ้าเรายังลังเลและรอให้คนอื่นฉีดก่อน ก็จะไม่ทำให้เราเข้าสู่เป็นปกติในการดำรงชีวิตได้ จึงอยากให้การฉีดวัคซีนเป็นหน้าที่ในฐานะประชากรที่ดีคนหนึ่ง เรื่องการทะเลาะกันในเรื่องวัคซีน มันผ่านไปแล้ว มันเป็นเพียงข้อบกพร่องในอดีต อยากให้ทำหน้าที่ในปัจจุบันให้ดี และมองไปอนาคต หน้าที่ของรัฐเวลานี้คือ รณรงค์ให้คนมาฉีดวัคซีน ส่วนหน้าที่ของประชาชน คือเตรียมความพร้อมในการไปรับวัคซีน ที่สำคัญคือสร้างความเชื่อมั่นจากการสื่อสารที่ชัดเจนต่อเนื่อง เราจะผ่านสถานการณ์นี้ไปด้วยกัน


ที่มา : https://fb.watch/5pO-rZArBf/

คุก​ 2​ ปี​ ตัด​สิทธิ​ 10​ ปี!! 'เทพไท'​ คอตก!! ศาลอุทธรณ์​ ยัน!! จำคุก 2 ปี คดีทุจริตเลือกตั้งนายก อบจ. พร้อมเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี

วันนี้ (11 พ.ค.) ที่ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นวันที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 นัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดีอาญา กรณีการทุจริตเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่มี นายพิชัย บุณยเกียรติ ในฐานะผู้เสียหายโดยตรงเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายมาโนช เสนพงศ์ เป็นจำเลยที่ 1 และนายเทพไท เสนพงศ์ เป็นจำเลยที่ 2 ศาลอุทธรณ์อ่านคำพิพากษาชี้ชะตา

ในเวลานัดหมายฟังคำพิพากษา 09.30 น. ฝ่ายโจทก์ และจำเลยทั้ง 2 ได้เดินทางมายังศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ในห้องพิจารณาบัลลังก์ 7 ศาลอุทธรณ์ภาค 8 ได้ออกนั่งบัลลังก์ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 และได้ถ่ายทอดผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์มายังบัลลังก์ 7 ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่คู่ความรอฟังคำพิพากษา ปรากฏว่าศาลได้พิจารณาพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้จำคุกจำเลยทั้ง 2 เป็นเวลา 2 ปี เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี ทำให้ นายเทพไท เสนพงศ์ และนายมาโนช เสนพงศ์ จำเลยทั้ง 2 ถูกคุมตัวเข้าห้องควบคุมทันที

นายสุวิทย์ ศิริวุฒิ ทนายโจทก์เปิดเผยว่า คดีนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 8 ได้พิพากษายืน หมายความว่าจำเลยทั้ง 2 จำคุก 2 ปี เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี สำหรับขั้นตอนต่อไปนั้น คดีนี้เป็นคดีที่ต้องห้ามฎีกา จำเลยทั้ง 2 ต้องยื่นขออนุญาตฎีกา โดยการยื่นฎีกานั้นมี 2 ประเด็นที่ต้องเกิดในภายหน้า คือ กรณีถ้าศาลอนุญาตนั้นถือว่าจบ ไปรอฟังคำพิพากษาศาลฎีกา ถ้าศาลไม่อนุญาต คือต้องปฏิบัติตามคำพิพากษา คือเข้าไปจำคุก 2 ปี

“แต่วันนี้ปัญหาที่จะเกิดกับจำเลยทั้ง 2 คือการยื่นขอประกันตัวต่อศาลนครศรีธรรมราช ซึ่งศาลนครศรีธรรมราช อาจจะมีคำสั่งให้ศาลฎีกาสั่งก็เป็นไปได้ เพราะฉะนั้นผู้ที่ติดตามคดีนี้ต้องดูเหตุการณ์เป็นลำดับขั้นตอนต่อไป”

สำหรับคดีนี้มีจุดเริ่มต้นจากการทุจริตเลือกตั้ง ด้วยการจัดเลี้ยงที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง เมื่อปี 2556 ก่อนที่จะถูกคณะกรรมการการเลือกตั้งให้ใบแดงในปี 2557 หลังจากนั้น กกต. เข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวนเมื่อราว 7 ปีก่อน แต่ภายหลังคดีล่าช้าในกระบวนการชั้นพนักงานสอบสวนจนถึงชั้นอัยการ นายพิชัย ในฐานะผู้เสียหายโดยตรงจึงยื่นฟ้องคดีด้วยตัวเอง จนมีกระบวนการพิจารณามาถึงศาลอุทธรณ์ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรอว่าจะมีการอนุญาตให้ฎีกาคดีหรือไม่


ที่มา: https://mgronline.com/south/detail/9640000045101


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top