Friday, 9 May 2025
Hard News Team

สมาคมธนาคารไทย ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อฟื้นฟู 6 เดือน 1 แสนล.

นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ ธนาคารต่าง ๆ กำลังเร่งพิจารณาคำขออนุมัติสินเชื่อที่สามารถเข้าร่วมโครงการสินเชื่อฟื้นฟูผู้ประกอบการธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ คาดว่าภายใน 2 สัปดาห์นี้จะเห็นยอดตัวเลขสินเชื่อฟื้นฟูเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะเป็นไปตามเป้า 1 แสนล้านบาท ใน 6 เดือนแรก

“แม้ระยะเวลาที่เปิดให้ความช่วยเหลือกับผู้ประกอบการไม่นานนัก เพียงแค่ 3 สัปดาห์ ธนาคารได้อนุมัติสินเชื่อฟื้นฟูไปแล้ว 15,000 ล้านบาท ให้กับผู้ประกอบการ SMEs 5 พันกว่าราย ซึ่งจำนวนนี้เป็นการช่วยเหลือเอสเอ็มอีรายเล็กที่มีวงเงินสินเชื่อเดิมกับธนาคาร ทั้งรายเล็ก กลาง และใหญ่ ครอบคลุมทุกธุรกิจทั่วประเทศ”

ทั้งนี้ สมาคมธนาคารไทย ยังได้ร่วมมือกับคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) โดยขอให้สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย รวบรวมรายชื่อข้อมูลของผู้ประกอบการที่สนใจขอสินเชื่อฟื้นฟูเพื่อเสริมสภาพคล่องและหาแนวทางข้อสรุปในการช่วยเหลือแต่ละราย ซึ่งสมาคมธนาคารไทยจะได้ส่งต่อให้กับธนาคารสมาชิกต่อไป

นอกจากมาตรการสินเชื่อฟื้นฟูแล้ว ยังมีอีกมาตรการที่ผู้ประกอบการธุรกิจให้ความสนใจอย่างมาก คือ โครงการพักทรัพย์พักหนี้ ที่เปิดโอกาสให้ผู้ปรกอบธุรกิจสามารถหยุดการดำเนินกิจการชั่วคราว เพื่อรอเศรษฐกิจฟื้นตัวโดยไม่สูญเสียกิจการไป แต่เนื่องจากการให้ความช่วยเหลือนี้เป็นเรื่องใหม่ มีรายละเอียดเงื่อนไขเฉพาะธนาคาร มีกระบวนการค่อนข้างซับซ้อน ต้องอาศัยความเข้าใจและความเห็นชอบของลูกหนี้และเจ้าหนี้ อีกทั้งยังมีเรื่องสำคัญเกี่ยวกับภาษี ค่าธรรมเนียมในการโอนทรัพย์เพื่อพักชำระหนี้ ซึ่งต้องอาศัยระเบียบวิธีการปฏิบัติต่าง ๆ

'จีน' ฉีด 2 วัคซีนหลัก ให้ปชช. ยันใช้ทั้ง Sinopharm - Sinovac

รองศาสตราจารย์ ดร.อักษรศรี พานิชสาส์น อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊ก ไขข้อข้องใจว่าประเทศจีนฉีดวัคซีนอะไรกันแน่ โดยระบุว่า ทางการจีนใช้วัคซีน 2 ยี่ห้อหลัก นั่นคือ Sinopharm และ Sinovac ฉีดให้ปวงชนชาวจีน ซึ่งจะเลือกยี่ห้อไม่ได้ และตอนนี้จีนระดมฉีดไปแล้ว 497.27 ล้านโดส !!

“คุณหมอชื่อดัง ศาสตราจารย์จง หนานซาน ท่านได้รับการฉีดวัคซีนยี่ห้อ Sinovac นะคะ แล้วผลการพิจารณารับรอง Sinovac ของ WHO ก็ coming soon”

สำหรับ Sinopharm อีกยี่ห้อดังของจีนก็แว่วมาว่า กำลังยื่นเอกสารขอขึ้นทะเบียนกับ อย.ไทยแล้ว มีคนไทยถามหา Sinopharm กันเยอะ

สื่อจีน มีบทบาทสำคัญในการสร้างความมั่นใจให้คนจีนเข้ารับการฉีดวัคซีน จนทำสถิติมากที่สุดในโลกด้วยนะคะ ‘สังคมไร้ดราม่าพาชาติวิ่งฉิว’

ถ้าสนใจเบื้องหลังวัคซีนแดนมังกร ไขคำตอบคนจีนฉีด Sinopharm หรือ Sinovac กันแน่ !! อ่านบทสัมภาษณ์ดร.อักษรศรี พานิชสาส์น โดยไทยรัฐออนไลน์ ได้ที่นี่ค่ะ

https://www.thairath.co.th/scoop/theissue/2092617

 

ที่มา : https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=10223327903319301&id=1037140385


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

'ทิพานัน' ยัน 'บิ๊กตู่' กู้มาแก้ปัญหาตรงจุด ครอบคลุมทุกมิติ ย้อนแสบทีมเศรษฐกิจเพื่อไทย ไม่ละอายแก่ใจ สมัย 'ยิ่งลักษณ์' ไร้วิกฤตใด ๆ ยังสร้างหนี้ล้น ทั้ง 'จำนำข้าว-เอื้ออาทร' เสียหายเกินล้านล้านบาท ทิ้งภาระให้ลูกหลานตามใช้หนี้อีก 12 ปี

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตจอมทอง-ธนบุรี อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณี น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวหาพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี บริหารประเทศ 7 ปี ดีแต่กู้ หากไม่เปลี่ยนผู้นำประเทศลงเหวว่า...

การแสดงความเห็นของ น.ส.ตรีชฎา สะท้อนมาตรฐานของทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยที่ค่อนข้างตกต่ำ ด้วยเป็นการวิจารณ์โดยไม่มีฐานข้อมูลรองรับที่ถูกต้องนั่งเทียนด้วยอคติ ด้วยในความเป็นจริงในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกประสบปัญหาเศรษฐกิจ แต่ประเทศไทยกลับยังรักษาอันดับความน่าเชื่อถือไว้ได้

โดยจากการจัดอันดับเครดิตขององค์กรชั้นนำระดับโลก ทั้ง S&P Moody's และ Fitch ได้มีเกณฑ์ในการพิจารณาจากเงินสำรองระหว่างประเทศที่อยู่ในระดับสูง รวมถึงเสถียรภาพทางการคลังและวินัยทางการคลัง

ส่วนเหตุผลที่ต้องกู้เงินนั้น ก็เพื่อใช้เป็นงบประมาณค่าใช้จ่ายสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข มาตรการช่วยเหลือเยียวยาต่าง ๆ จากผลกระทบโควิด-19 และฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ครอบคลุมทุกกลุ่ม โดยเฉพาะโครงการคนละครึ่ง, เราชนะ, ม.33เรารักกัน, บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ, เกษตรกร เป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนฐานราก ผู้มีรายได้น้อยและผู้ประกอบการรายย่อย

มาตรการพักหนี้ที่ออกมาช่วยเหลือลูกหนี้ธุรกิจรายย่อย เพิ่มช่องทางให้ประชาชนที่ไม่มีสินทรัพย์และรายได้ที่มั่นคงต้องการเข้าถึงเงินกู้ ลดการกู้หนี้นอกระบบ และแก้ปัญหาภาระดอกเบี้ยจากการผิดนัดชำระ การจ่ายสิทธิประโยชน์กรณีว่างงาน

นอกจากนี้ ยังลดค่าน้ำ-ค่าไฟด้วย รวมทั้งยังใช้จ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ขับเคลื่อนการส่งออก การท่องเที่ยว และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ไปพร้อมๆกัน ซึ่งจะเห็นได้ว่าใช้จ่ายเงินกู้นั้นตรงจุดและครอบคลุมปัญหาในทุกมิติ ไม่ได้ไร้ทิศทางอย่างที่ น.ส.ตรีชฎา พยายามบิดเบือนให้ร้าย

น.ส.ทิพานัน กล่าวอีกว่า เมื่อต้องเผชิญการแพร่ระบาดในระลอกที่ 3 รัฐบาลจำเป็นต้องกู้เพิ่มเติมอีก 7 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าเพดานที่ภาคเอกชนเรียกร้องให้กู้ถึง 1 ล้านล้านบาท โดยนำมาใช้แก้ปัญหาการระบาดระลอกใหม่ให้กับสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ช่วยเหลือเยียวยาและชดเชยให้กับประชาชน และผู้ประกอบการ รวมทั้งฟื้นฟูเศรษฐกิจ

แต่สิ่งที่ น.ส.ตรีชฎา หลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงก็คือ ความแตกต่างกันระหว่างการกู้เพื่อแก้วิกฤตกับการกู้เพื่อโครงการทุจริต ภาระหนี้ที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทิ้งเอาไว้จากการขาดทุนโครงการจำนำข้าวที่ทำให้รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ต้องมีภาระชดใช้หนี้ให้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมากว่า 7 แสนล้านบาท และยังต้องตั้งบประมาณชดใช้ไปอีก 12 ปี รวมแล้วกว่า 1 ล้านล้านบาท ไม่รวมกับภาระหนี้จากโครงการบ้านเอื้ออาทรกว่า 2 หมื่นล้านบาท ไม่รวมหนี้เน่าและความเสียหายจากโครงการที่สร้างแล้วขายไม่ได้หลายหมื่นยูนิต รวมถึงภาระค่าบำรุงรักษาซ่อมแซมซึ่งก็กลายมาเป็นภาระของรัฐบาลนี้ทั้งสิ้น ทั้งที่เป็นการบริหารในสถานการณ์ที่ปกติ ไม่ได้เผชิญกับสถานการณ์วิกฤตไวรัสโควิด-19 หรือวิกฤตใด ๆ

“ไม่รู้ว่า น.ส.ตรีชฎากล้ายกเอาการบริหารในยุคของน.ส.ยิ่งลักษณ์ มาบลัฟ พล.อ.ประยุทธ์ได้อย่างไร โดยไม่ละอายแก่ใจ เพราะ น.ส.ยิ่งลักษณ์บริหารประเทศในสถานการณ์ปกติ ไม่มีวิกฤตใด ๆ แต่กลับสร้างหนี้ไว้มากมายตกเป็นภาระคนไทยทั้งชาติตามใช้หนี้เกือบ 20 ปี ซึ่งที่ผ่านมาทุกคนรู้ดีโดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยว่านโยบายต่าง ๆ นั้น อยู่ภายใต้สโลแกน ทักษิณคิด ยิ่งลักษณ์ทำ ดังนั้นที่ น.ส.ตรีชฎาแนะนำให้เอาวิธีคิดของนายทักษิณมาเป็นแนวทางให้รัฐบาลปฏิบัตินั้น เมื่อดูตัวอย่างผลงานสร้างหนี้ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์แล้ว ก็คงไม่มีใครเดินตาม เพราะไม่น่าจะเป็นผลดีต่อประเทศชาติ” น.ส.ทิพานัน กล่าว


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

งานนี้ CP ไม่เกี่ยว! ปัดเอี่ยวรัฐบาล ซื้อ 'ซิโนแวค' เล็งเอาผิด หากพบคนบิดเบือนข้อมูล

CP ออกแถลงการณ์แจงไม่เกี่ยวข้องกรณีรัฐบาลสั่งซื้อวัคซีน 'ซิโนแวค' ชี้เป็นการซื้อแบบรัฐต่อรัฐ ยืนยันไม่ได้ถือหุ้น 15% ขู่เอาผิดคนบิดเบือนข้อมูล

เครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP) ออกแถลงการณ์ชี้แจงเมื่อวันที่ 25 พ.ค. 2564 ระบุว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสั่งซื้อวัคซีน Sinovac ของรัฐบาล ทั้งทางตรงและทางอ้อม

เนื่องจากปัจจุบันปรากฏข่าวสารสับสนเกี่ยวกับวัคซีนซิโนแวค (Sinovac) ทางโลกออนไลน์ โดยระบุว่า

1.) ซีพีถือหุ้นซิโนแวค 15% และ

2.) ซีพีอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการซื้อวัคซีนซิโนแวคของรัฐบาลนั้น เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ขอแจ้งให้ทราบว่า ข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด โดยมีข้อเท็จจริง ดังนี้

1.) การจัดซื้อวัคซีนซิโนแวค เป็นแบบรัฐบาล ต่อรัฐบาล (G2G) เท่านั้น ไม่มีความเกี่ยวข้องกับซีพี ทั้งทางตรง และทางอ้อม

2.) เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้น บริษัทซิโนแวค 15% ตามที่เป็นข่าว โดย

ข้อเท็จจริง ผู้ลงทุน คือ Sino Biopharmaceutical ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์ของจีน จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง โดยเครือเจริญโภคภัณฑ์เป็นเพียงผู้ถือหุ้นรายย่อยในบริษัท Sino Biopharmaceutical นี้ เท่านั้น

ข้อเท็จจริง ผู้ขายหุ้น คือ Sinovac Life Sciences เป็นบริษัทลูกของบริษัท ซิโนแวค ต้องการระดมทุน เพื่อต้องการขยายกำลังการผลิตวัคซีนซิโนแวค

ข้อเท็จจริง Sino Biopharmaceutical เข้าไปถือหุ้นใน Sinovac Life Sciences จำนวน 515 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 15.03% ถือเป็นการดำเนินธุรกิจของบริษัทดังกล่าวเอง โดยเครือเจริญโภคภัณฑ์ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่ได้มีหุ้นใด ๆ และไม่ได้มีสิทธิการเป็นเจ้าของ ในบริษัท Sinovac Life Sciences ใด ๆ ทั้งสิ้น

ทั้งนี้ เครือเจริญโภคภัณฑ์ เป็นเพียงผู้ถือหุ้นรายย่อยใน Sino Biopharmaceutical ที่เข้าไปลงทุนผ่านทางตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ไม่มีสิทธิในการบริหารและแทรกแซงการตัดสินใจใด ๆ ใน Sinovac

และเครือเจริญโภคภัณฑ์ขอยืนยันว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งทางตรงและทางอ้อม กับการสั่งซื้อวัคซีน Sinovac ของรัฐบาล เข้ามาในประเทศไทยอย่างที่เกิดการบิดเบือนในสื่อออนไลน์แต่อย่างใด ทั้งนี้ หากพบว่า ยังมีการเจตนานำข้อมูลไปบิดเบือน และ สร้างความเสียหาย ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด เครือเจริญโภคภัณฑ์มีความจำเป็นต้องดำเนินการทางกฎหมายต่อไป


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ 'ดีพร้อม' (DIPROM) กระทรวงอุตสาหกรรม เพิ่มโอกาสทางการตลาด กระตุ้นธุรกิจการค้าและการลงทุนในอุตสาหกรรมอาหารให้เติบโต ผ่านการจัดแสดงสินค้าออนไลน์รูปแบบเสมือนจริง THAIFEX-ANUGA ASIA 2021 “The Hybrid Edition”

นายณัฐพล รังสิตพล อธิบดี กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า จากสถาการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมหลายสาขา แต่อุตสาหกรรมอาหารยังได้รับประโยชน์จากสถานการณ์ดังกล่าว โดยรายงานของสถาบันอาหาร ภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรม ปี 2563 อุตสาหกรรมอาหารของไทยในช่วง 11 เดือน อยู่ที่ 981,430 ล้านบาท หดตัวลดลงจากปี 2562 ร้อยละ 7.39 แต่แนวโน้มในปี 2564 นี้ มีการคาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมอาหารจะขยายตัวเพิ่มมากขึ้นร้อยละ 12 และจะมีมูลค่าราว 1.08 -1.10 ล้านล้านบาท เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีความต้องการเลือกสินค้าอาหาร หรือวัตถุดิบ เพื่อมาประกอบอาหารเองเพิ่มมากขึ้น

“ดีพร้อม เล็งเห็นถึงโอกาส และความสำคัญของการขับเคลื่อนของภาคอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มให้สามารถเดินหน้าต่อได้ ภายใต้สถานการณ์ของการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ จึงเร่งออกมาตรการและแนวทางการสนับสนุนและช่วยเหลือผู้ประกอบการไทยให้กลับมาขยายตัวเพิ่มขึ้นโดยเร็วในหลายรูปแบบ หนึ่งในนั้นคือการขยายช่องทาง

"ขณะเดียวกันเพื่อเพิ่มโอกาสทางการตลาดให้แก่ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอาหารอย่างต่อเนื่อง จึงได้จัดกิจกรรมผ่านเวทีการแสดงสินค้านานาชาติรูปแบบออนไลน์เสมือนจริงในงานแสดงสินค้าอาหาร 2564 หรือ THAIFEX-ANUGA ASIA 2021 “The Hybrid Edition” ซึ่งการจัดงานเกิดจากการ่วมกันระหว่างกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศร่วมกับหอการค้าไทย"

การจัดงานในครั้งนี้ เกิดขึ้นภายใต้แนวคิด Driving the next normal ขับเคลื่อนอุตสาหกรรม "สู่วิถีใหม่” เพื่อส่งเสริมให้อุตสาหกรรมอาหารเติบโตได้อย่างต่อเนื่องภายในปี 2564

ทั้งนี้ ภายในงานจะมีการแสดงคูหาเสมือนจริงผ่านรูปแบบ 3 มิติ โดยผู้ชมงานจากต่างประเทศสามารถเข้าไปเลือกสินค้าในชั้นวางสินค้า ชมคลิปวิดีโอ เปิดแคตตาล็อกสินค้า ฝากข้อความนัดเวลาเจรจาการค้าล่วงหน้า หรือเจรจาการค้าได้ทันที โดยจะเปิดโอกาสให้กับผู้ประกอบการไทยที่เข้าร่วมแสดงสินค้างาน ได้โอกาสใหม่ ๆ ในการเข้าถึงตลาดในภูมิภาคเอเชียและทั่วโลกอีกด้วย

นอกจากนี้ทาง ดีพร้อม ยังได้สนับสนุนผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอาหารที่มีศักยภาพและความพร้อมเข้าร่วมงานในครั้งนี้ จำนวน 20 ราย อาทิ บริษัท อุตสาหกรรมเครื่องหอมไทย-จีน, บริษัท ทิกเกิ้ล ไทม์ จำกัด, บริษัท โคโคเน่ น้ำมันมะพร้าว จำกัด, บริษัท ใบชาโชคจำเริญ จำกัด, บริษัท แคปหมึก ฟู้ดแอนด์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด, บริษัท ด.เด็กกินผัก จำกัด, บริษัท พีอันต้า จำกัด, บริษัท ชาโลม เฮลท์ จำกัด, บริษัท จตุพล ชาไทย (ดอยแม่สลอง) ฯลฯ โดยนำผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเครื่องหอมไทย ผลิตภัณฑ์สินค้าเกษตรแปรรูป อาหารแปรรูป เข้าร่วมในงานครั้งนี้

คาดว่าการสนับสนุนในครั้งนี้จะช่วยสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยได้พบปะผู้ซื้อชาวต่างชาติที่เข้ามาร่วมงานกว่า 1,230 ราย นายณัฐพล กล่าวเสริม

ผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนเข้างานแสดงสินค้าอาหาร 2564 พร้อมชมนิทรรศการเสมือนจริง ภายในงาน THAIFEX-Virtual Trade Show ระหว่างวันที่ 25-29 พฤษภาคม 2564 และงาน THAILEX-ANUGA “The Hybrid Event” ได้ในระหว่างวันที่ 29 กันยายน-3 ตุลาคม 2564 ผ่านทาง www.dipromvirtual.com


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

ก้าวไกล ซัด 'ดีอี' ดีแต่ฟ้องคนปล่อยเฟกนิวส์

นางสาวสุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา โฆษกพรรคก้าวไกลกล่าวถึงนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ที่กำลังไล่ฟ้องประชาชนอย่างบ้าคลั่ง ประหนึ่งเป็นงานรักงานหลักที่รอคอยมานาน ท่านเร่งดำเนินคดีกับประชาชน รวมถึงไปถึงสื่อมวลชน ทั้ง ๆ ที่หน้าที่ของท่านคือ การให้ความรู้ความเข้าใจในข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง

สิ่งที่เกิดขึ้นคือ มีการดำเนินคดีกับประชาชนหลายราย เช่น ดำเนินคดีผู้ที่โพสต์ว่า “พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่วัดสังฆทาน จำนวน 300 ราย ดำเนินคดีผู้ที่โพสต์ว่า “ศบค. ประกาศเคอร์ฟิว เวลา 23.00-04.00 น. พื้นที่สีแดง 18 จังหวัด” ดำเนินคดีผู้ที่โพสต์ว่า “เคอร์ฟิวทั่วประเทศ ห้ามออกจากบ้าน ตั้งแต่ 4 ทุ่ม-ตี 4 เริ่มวันที่ 23 เม.ย.64 นี้” เป็นต้น

นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นที่กำลังจะถูกดำเนินคดี ซึ่งหากย้อนดูดี ๆ หน่วยงานรัฐก็เคยแจ้งข้อมูลที่คาดเคลื่อนเช่นกัน

อย่างกรณีล่าสุดเมื่อวันที่ 12 พ.ค. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขบอกว่า “วอล์คอินฉีดซีนได้ โดยจนท.จะฉีดให้สำหรับผู้มีรายชื่อเท่านั้น”

16 พ.ค. ผู้ว่ากทม. บอกว่า “วัคซีนไม่พอ วอล์คอินไม่ได้ ต้องรอเดือนมิถุนายน”

18 พ.ค. ตอนเช้า อนุทินบอก “วอล์คอินได้ถ้าวัคซีนพอ ตกบ่าย นายกฯบอก “ให้ระงับการฉีดวัคซีน”

นี่คือตัวอย่างการให้ข้อมูลที่คาดเคลื่อนของรัฐ ซึ่งก็คล้ายกับประชาชนหลายรายที่กำลังจะถูกดำเนินคดี ถ้าหากจะฟ้องประชาชนที่โพสต์ข้อความให้เกิดความสับสน ก็เห็นควรว่าจะต้องฟ้องหน่วยงานรัฐด้วย เพราะเจ้าหน้ารัฐก็ทำให้ประชาชนเกิดความสับสนเช่นกัน อยากให้ใช้มาตรฐานเดียวกันด้วย

นอกจากนี้ นางสาวสุทธวรรณ ยังตั้งคำถามต่อนายชัยวุฒิว่า มีความสามารถพื้นฐานเกี่ยวกับเรื่องราวของเทคโนโลยีบ้างไหม มีความสามารถเหมาะสมกับตำแหน่งรัฐมนตรีหรือไม่ อยากให้แสดงเป็นที่ประจักษ์บ้าง ดูอย่างประเทศอื่น เช่น ออเดรย์ ถัง รัฐมนตรีดิจิทัลของไต้หวัน เขาเน้นส่งเสริมให้คนใช้เสรีภาพบนโลกออนไลน์ ช่วยกันพัฒนาและคิดค้นนวัตกรรมเพื่อสังคม มีการร่วมมือกับกลุ่มนักพัฒนาซอฟท์แวร์และระบบไอทีเพื่อสังคม พัฒนาแอปพลิเคชันบอกพิกัดร้านที่มีสต็อกหน้ากากอนามัยพร้อมแจกจ่าย แสดงความโปร่งใสและเป็นธรรมของรัฐในการกระจายอุปกรณ์ป้องกันโรค

นาวสาวสุทธวรรณ กล่าวต่ออีกว่า "อยากจะเรียนถามกับรัฐมนตรีกระทรวงดีอีว่า ภารกิจหลักที่ท่านตั้งใจเข้ามาทำคืออะไรกันแน่ ในสถานการณ์โควิดเช่นนี้ ท่านทำอะไรที่เป็นประโยชน์บ้าง เห็นมีแต่การขู่ฟ้องประชาชนและสื่อมวลชนเป็นหลัก ไล่ฟ้องแบบมอญซ่อนผ้าโยนนู่นยัดคดีนี่เพื่อเอาใจนายไปวัน ๆ เท่านั้นหรือ ทั้งพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จนไปถึงมาตรา112 ท่านทำได้เท่านี้จริง ๆ หรือ?

"หากท่านและทีมงานมีเวลาว่างมากพอ โปรดช่วยกันระดมสมองมาปรับปรุงแอปพลิเคชันหมอพร้อมหรือพัฒนาแอปฯ ใหม่ ๆ ที่เป็นประโยชน์ เพื่อให้ประชาชนใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและสะดวกสบายจะดีกว่า" นางสาวสุทธวรรณ กล่าวทิ้งท้าย


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

อินเตอร์ลิ้งค์ พบนักลงทุน ประจำไตรมาส 1 ปี 2564 เดินหน้าสร้าง New-S curve ใหม่ ๆ มั่นใจแนวโน้มรายได้ในปีนี้จะนิวไฮแน่นอน

ILINK พบนักลงทุน Opp Day Q1/64 (25 พ.ค. 64) นำโดย คุณสมบัติ อนันตรัมพร ประธานกรรมการ พร้อมด้วย คุณวริษา อนันตรัมพร ผู้จัดการทั่วไป บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) โดยสาระสำคัญ “สำหรับผลการดำเนินงาน มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 21% โดยเป็นผลมาจากกระแส Digital และลุยสร้าง New-S curve ใหม่ ๆ มั่นใจได้ว่าแนวโน้มรายได้ในปีนี้จะนิวไฮตามเป้าอย่างแน่นอน” ทั้งนี้ เป็นการ Live จาก อาคาร สนง.ใหญ่ รัชดา


 

ไต้หวันเร่งนำเข้าวัคซีนเพิ่มหลังเกิดระบาดใหม่ 28 พ.ค. พร้อมฉีด

แม้ไต้หวันถือเป็นอีกประเทศที่ถูกยกให้เป็นผู้ที่รับมือไวรัสโควิดได้ดีอย่างมากประเทศหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม การระบาดของโควิดระลอกใหม่ ทำให้ประชาชนเริ่มวิตก

ถึงกระนั้นทางรัฐบาลไต้หวัน ก็ได้เร่งประกาศใช้มาตรการป้องกันการระบาดของโควิด-19 ที่เข้มงวดที่สุดนับตั้งแต่เคยเกิดการระบาดในไต้หวัน โดยได้สั่งปิดโรงภาพยนตร์ สถานบันเทิงในไต้หวัน จนถึง 28 พฤษภาคม รวมทั้งสั่งห้ามประชาชนรวมกลุ่มกันเกิน 5 คนในที่ร่ม และกลางแจ้ง ห้ามรวมกลุ่มกันเกิน 10 คน ซึ่งจากมาตรการคุมเข้มป้องกันโควิด-19

ทว่าปัญหาหนึ่งที่ยังต้องน่ากังวลต่อไป คือ เรื่องวัคซีนที่ไม่เพียง เนื่องจากความสำเร็จที่สามารถป้องกันการระบาดของโควิดที่ผ่านมาของไต้หวันนั้น มีส่วนทำให้รัฐบาลไต้หวันเพิ่งได้รับวัคซีนต้านโควิด-19 ซึ่งเป็นของ AstraZeneca มาสต๊อกสำรองไว้เพียงแค่ 300,000 โดส และขณะนี้กำลังจะหมดลงแล้ว ขณะที่เพิ่งฉีดให้แก่ประชาชนได้เพียงประมาณ 1% เท่านั้น ของจำนวนประชากรในไต้หวัน 23 ล้านคน

อย่าวไรก็ตาม เมื่อวัคซีน คือทางรอดที่ดีที่สุดทางรัฐบาลไต้หวัน จึงเร่งจัดการปัญหานี้ โดยเฟซบุ๊ก หนีห่าวไต้หวัน ฉันมาแล้ว Taiwantopics.com ได้โพสต์ข้อความอัปเดตเกี่ยวกับสถานการณ์วัคซีนในไต้หวันว่า...

ข่าวดี!! วัคซีน AstraZeneca ที่มาถึงเมื่อสัปดาห์ก่อนราว 4 แสนกว่าโดส จะเริ่มแจกจ่ายให้แต่ละเขต ในวันที่ 27 พ.ค.นี้

ข่าวล่าสุดเมื่อชั่วโมงที่แล้ว มีข่าวออกมาว่า วัคซีน AstraZeneca ที่มาถึงเมื่อสัปดาห์ก่อน จะแจกจ่ายให่แก่แพทย์พยายาลและผู้ทำงานด่านหน้าก่อน โดยเริ่มแจกจ่ายแต่ละพื้นที่ในวันที่ 27 เดือน 5 นี้ และคาดว่า 28 นี้ (พฤหัส) จะได้เริ่มฉีดกัน

ส่วนหลายคนถามมาว่าบุคคลทั่วไปได้ฉีดเมื่อไหร่ อันนี้ต้องรอรัฐบาลประกาศอีกทีว่ามีโควต้าเปิดให้ลงทะเบียนเมื่อไร

วัคซีนที่ไต้หวันผลิตเองเดิมคาดไว้ว่าปลายเดือนกรกฎาคมนี้จะสามารถออกมาได้ใช้กัน รอตามข่าวอีกที ถ้าสำเร็จจะมีวัคซีนอีกเยอะเลย

ก็เป็นอีกเรื่องเบาใจของประชาชนในไต้หวัน ที่รัฐบาลเร่งจัดหาวัคซีนมาให้แบบทันใจ ส่วนจะครอบคลุมประชากรทั้งหมดแค่ไหน คงต้องตามต่อเป็นระยะ ๆ

 

ที่มา: https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=434835221333312&id=100044205139631

https://www.thairath.co.th/news/foreign/2094502

https://www.google.com.tw/amp/s/www.cna.com.tw/amp/news/firstnews/202105255003.aspx


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

‘ยุโรป’ ทยอยคลายล็อกดาวน์ หลายประเทศเริ่มรับนักท่องเที่ยว

25 พฤษภาคม 2564 สำนักข่าวซินหัว รายงาน ยุโรปกำลังกลับคืนสู่สภาวะปกติอย่างระมัดระวังและเสถียร โดยหลายประเทศยุโรปทยอยยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์สำหรับป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ล่วงหน้า ก่อนจะถึงฤดูกาลท่องเที่ยว ที่หลายฝ่ายเฝ้ารออย่างใจจดจ่อ

หลายประเทศอนุญาตให้โรงภาพยนตร์และพิพิธภัณฑ์กลับมาเปิดให้บริการได้ นอกจากนี้บาร์ คาเฟ่ และร้านอาหารหลายแห่งล้วนกลับมาให้บริการพื้นที่กลางแจ้งได้อีกครั้งเมื่อสัปดาห์ก่อน ทำให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้มากขึ้น

เนื่องจากแผนฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 มีความคืบหน้า สมาชิกสหภาพยุโรป (EU) ทั้ง 27 ประเทศ จึงหวังว่าภายในสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ จะสามารถออกใบรับรองการฉีดวัคซีนแบบดิจิทัลให้แก่นักเดินทางได้ ซึ่งจะทำให้ประชาชนสามารถเดินทางได้อย่างอิสระในช่วงวันหยุดฤดูร้อน ขณะเดียวกันก็หวังว่าการเปิดพรมแดนต้อนรับนักท่องเที่ยวและการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่จะเกิดขึ้นตามมานั้น จะช่วยบรรเทาภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้

แม้การคาดการณ์ข้างต้นจะเป็นไปในทิศทางที่ดี แต่หลายประเทศยังคงระมัดระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ในหลายพื้นที่ทั่วโลกยังคงไม่คลี่คลาย

กลับสู่ปกติแบบค่อยเป็นค่อยไป

เมื่อวันพุธ (19 พ.ค.) ฝรั่งเศสดำเนินขั้นตอนสำคัญเพื่อกลับคืนสู่ภาวะปกติ ได้แก่การอนุญาตให้ประชาชนพบปะสังสรรค์กันที่คาเฟ่หรือร้านอาหาร ซึ่งปัจจุบันกลับมาเปิดให้บริการโซนพื้นที่กลางแจ้งได้แล้ว

ซึ่งแม้สภาพอากาศจะไม่แจ่มใส แต่ท้องถนนในกรุงปารีสก็เต็มไปด้วยผู้คนที่ออกมาใช้ชีวิตกลางแจ้ง พร้อมกับความตื่นเต้นด้วยหวังว่าสถานการณ์กำลังกลับสู่ภาวะปกติแล้ว

มาตีเยอ ครูโรงเรียนอนุบาล ซึ่งเป็นลูกค้าของร้านเลต็อง บราสเซอรี (L’Etang brasserie) ในลีเลอ-อาด็อง (L’Isle-Adam) ทางตอนเหนือของกรุงปารีส กล่าวว่า แม้จะรู้สึกหนาวเมื่อต้องนั่งท่ามกลางฝนตกปรอย ๆ บริเวณส่วนกลางแจ้งของร้าน แต่เขาก็เพลิดเพลินกับการนั่งดื่มเครื่องดื่มนอกร้านอย่างมาก เพราะสำหรับเขานี่คือสัญญาณที่ชี้ชัดว่าสถานการณ์กำลังกลับสู่ปกติ

“หลายเดือนก่อนมันหนักหนามาก ผมเลยคิดว่าจะดื่มฉลองให้กับวันสำคัญนี้สักหน่อย แม้จะดื่มเพียงลำพังก็ตาม” มาตีเยอกล่าวพร้อมยิ้มกว้าง

โปแลนด์ก็กำลังกลับสู่ภาวะปกติเช่นกัน หลังรัฐบาลยกเลิกข้อจำกัดเพื่อป้องกันโรคโควิด-19 ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนพฤษภาคม โดยนับตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค. เป็นต้นมา ร้านอาหารและบาร์ได้รับอนุญาตให้เปิดบริการส่วนกลางแจ้งได้ หลังต้องให้บริการสั่งกลับบ้านหรือจัดส่งเพียงอย่างเดียวมานานถึง 1 ปี เนื่องจากมาตรการล็อกดาวน์

วันที่มีการยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ถือเป็นวันสำคัญสำหรับ ลูคาส โมล เจ้าของบาร์และร้านอาหารแห่งหนึ่งใกล้ย่านใจกลางเมืองของกรุงวอร์ซอ โดยร้านของเขามียอดขายรายวันสูงสุดในรอบกว่า 1 ปี “การยกเลิกข้อจำกัดทำให้ทุกคนมีกำลังใจ คุณจะมองเห็นความสุขจากการได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระบนใบหน้าของผู้คน” เขากล่าว

ทั้งนี้ โปแลนด์จะทยอยยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ต่อไป โดยจะอนุญาตให้นั่งทานอาหารในร้านได้ตั้งแต่วันที่ 29 พ.ค. เป็นต้นไป แต่กำหนดว่าร้านอาหารจะให้บริการได้ไม่เกินร้อยละ 50 ของความสามารถในการรองรับ

เตือนประชาชนอย่าประมาท

แม้จะสัมผัสได้ถึงความสุขของผู้คนทั่วทุกหนแห่ง แต่ปรีติ ชุกละ (Preeti Shukla) แพทย์เวชปฏิบัติทั่วไปในมณฑลแลงคาเชอร์ของสหราชอาณาจักร และประธานที่ประชุมแพทย์เวชปฏิบัติทั่วไป ของสมาคมแพทย์ระหว่างประเทศสหราชอาณาจักร เตือนให้ประชาชนไม่ประมาทและระมัดระวังตนเองต่อไป ด้วยการปฏิบัติตามกฎระเบียบ สวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างทางสังคม หมั่นล้างมือให้สะอาด และตรวจโรคโควิด-19 เป็นประจำ โดยเฉพาะในยามที่พบเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ เพราะหากผู้คนนิ่งนอนใจ สถานการณ์อาจย่ำแย่ลงจนต้องล็อกดาวน์อีกรอบได้

ด้านรัฐบาลเยอรมนียังคงเฝ้าระวังเกี่ยวกับฤดูกาลท่องเที่ยวช่วงหน้าร้อน แม้ยอดผู้ป่วยโรคโควิด-19 รายวันจะมีจำนวนลดลง

โดยชเตฟเฟน ไซแบร์ต (Steffen Seibert) โฆษกรัฐบาลเยอรมนี กล่าวว่าประชาชนจะยังไม่สามารถใช้ชีวิตในฤดูร้อนอย่างผ่อนคลายได้เหมือนกับปีก่อน เพราะเป้าหมายของรัฐบาลยังคงเป็นการลดจำนวนผู้ป่วยโรคโควิด-19 ลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเชื่อว่าจะทำได้สำเร็จในอนาคต พร้อมระบุว่าการสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างทางสังคม ตรวจโรคโควิด-19 และใช้แอปพลิเคชันเฝ้าระวัง ยังเป็นสิ่งสำคัญในการต่อสู้กับการแพร่ระบาด

เนื่องจากแผนฉีดวัคซีนมีความคืบหน้า รัฐบาลลัตเวียจึงอนุญาตให้พนักงานที่ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว กลับมาทำงานที่ออฟฟิศได้ตามปกติ โดยกำหนดจำนวนไม่เกิน 20 คน ทว่ายังมีการบังคับใช้ข้อกำหนดทางระบาดวิทยาที่เข้มงวดหากต้องทำงานร่วมกับผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน รวมถึงต้องสวมหน้ากากและเว้นระยะห่างทางสังคม หากต้องอยู่ร่วมกับผู้ที่ไม่ทราบแน่ชัดว่าได้รับวัคซีนแล้วหรือไม่

รุ่งอรุณแห่งการฟื้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยว

สหราชอาณาจักรผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์เพิ่มเติมทั่วประเทศเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (17 พ.ค.) แม้จะมีข้อกังวลเกี่ยวกับเชื้อไวรัสชนิดกลายพันธุ์ โดยเฉพาะสายพันธุ์ที่พบเป็นครั้งแรกในอินเดีย โดยผับ บาร์ และร้านอาหารได้รับอนุญาตให้เปิดบริการนั่งทานในร้านได้ ขณะที่สถานประกอบกิจการด้านความบันเทิงในร่ม เช่น โรงภาพยนตร์ พิพิธภัณฑ์ และพื้นที่เด็กเล่น กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งแล้ว

ขณะเดียวกัน สถานประกอบกิจการที่ยังเหลืออยู่ทั้งหมด ซึ่งรวมถึง โรงแรม โฮสเทล และสถานที่ให้บริการที่พักพร้อมอาหารเช้า (B&B) กลับมาเปิดให้บริการแล้วตั้งแต่วันที่ 17 พ.ค. และหลังจากคำสั่งห้ามเดินทางระหว่างประเทศถูกยกเลิกไป ประชาชนสามารถเดินทางไปยังกลุ่มประเทศสีเขียว (green-list countries) หรือกลุ่มประเทศที่มีความปลอดภัยจากโควิด-19 ในระดับสูงสุด ได้โดยไม่ต้องกักตัวหลังลงจากเครื่อง

ด้านออสเตรียได้ผ่อนปรนมาตรการเข้าประเทศ เมื่อวันพุธ (19 พ.ค.) โดยอนุญาตให้ประชาชนจากกลุ่มประเทศและภูมิภาคที่มีความเสี่ยงต่ำเดินทางเข้าออสเตรียได้ โดยต้องแสดงผลตรวจโรคโควิด-19 ที่เป็นลบ ใบรับรองการฉีดวัคซีน หรือเอกสารที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ เพื่อไม่ต้องเข้ารับการกักตัว

ด้านลัตเวียได้ละเว้นการตรวจโรคและการกักตัวตามมาตรการปกติ สำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ซึ่งเป็นข้อบังคับสำหรับผู้ที่เดินทางมาจากประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป เขตเศรษฐกิจยุโรป สวิตเซอร์แลนด์ และสหราชอาณาจักร

ขณะที่สนามบินฟาโรทางตอนใต้ของโปรตุเกส รองรับผู้โดยสารจากสหราชอาณาจักรมากกว่า 5,000 คน เมื่อวันที่ 17 พ.ค. เพียงวันเดียว หลังจากโปรตุเกสผ่อนปรนข้อจำกัดการเดินทางและกฎระเบียบด้านสุขอนามัยสำหรับนักท่องเที่ยวจากสหราชอาณาจักร

ด้านสายการบินทีเอพี (TAP) สัญชาติโปรตุเกส เผยว่ายอดจำหน่ายตั๋วเที่ยวบินจากสหราชอาณาจักรเพิ่มขึ้นร้อยละ 131 เมื่อไม่นานนี้ ส่วนจำนวนเรือสำราญเข้าเทียบท่าเรือลิสบอนก็ฟื้นตัวขึ้นในวันเดียวกัน โดยผู้โดยสารจำเป็นต้องแสดงผลตรวจโรคโควิด-19 ที่เป็นลบก่อนเข้าเมือง

ส่วนเยอรมนียังคงบังคับใช้ข้อบังคับด้านการกักตัวกับผู้โดยสารที่มาจากพื้นที่แพร่ระบาดสูง แต่สามารถลดจำนวนวันลงจาก 10 เหลือ 5 วันได้ หากมีผลตรวจโรคโควิด-19 เป็นลบ แต่ผู้ที่มาจากพื้นที่ที่ไวรัสชนิดกลายพันธุ์ระบาด ยังต้องกักตัวเป็นเวลา 14 วัน

 

ที่มา : https://www.naewna.com/inter/575411


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

'ธัญวัจน์’ ตั้งคำถาม เงินกู้ 7 แสนลบ. จะเยียวยาถึงคนกลางคืนหรือไม่?

ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ในสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ขณะนี้มียอดผู้ติดเชื้อสูงเป็นรายวัน แม้ที่ผ่านมาจะมีการควบคุมมาตรการต่าง ๆ ในสถานประกอบการ แต่จากต้นเดือนเมษายนจนปลายพฤษภาคมการแพร่ระบาดขณะนี้ มีความเป็นไปได้สูงที่จะส่งผลในสถานประกอบการที่ยังต้องมีการรักษาระยะห่าง และจำกัดจำนวนลูกค้าในการเข้าใช้บริการ ทั้งนี้มีความเป็นไปได้ว่ากิจการธุรกิจกลางคืน ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดเพราะไม่ว่าระลอกไหน ก็ถูกปิดก่อนและเปิดหลังเสมอ

แต่ในขณะเดียวกันประชาชนเข้าใจและพร้อมให้ความร่วมมือกับมาตรการต่าง ๆ อย่างเต็มที่

ตนจึงอยากเรียกร้องอยากให้รัฐบาลได้เข้าใจธุรกิจบันเทิงยามค่ำคืน ที่มี นักร้อง นักดนตรี นักเต้น นางโชว์ ที่พวกเขาไม่ได้ร่ำรวยไม่มีมีเงินเก็บและต้องเลี้ยงครอบครัวไม่ต่างกับอาชีพอื่น ๆ

หวังว่า พ.ร.ก. เงินกู้ 7 แสนล้านครั้งนี้คงไม่ลืมกลุ่มคนเหล่านี้ ที่เขาไม่ได้อยู่ในระบบการจ้างงานทั่วไป รับเงินเป็นรายวัน รายสัปดาห์ และที่สำคัญกระทบยาวนานที่สุดกว่างานประเภทอื่น การเยียวยาเป็นทางหนึ่งที่จะช่วยบรรเทาสถานการณ์ ซึ่งรัฐต้องคำนึงถึงระยะเวลาในการกระทบเป็นสำคัญ เพราะคนเราต้องกินต้องใช้ทุกวัน รวมถึงข้อเสนอในการสร้างงานชุมชน เพราะ “งาน” ในขณะนี้คือสิ่งที่สำคัญที่สุด รัฐควรมองการสร้างงานในชุมชนเพราะนี่คือหนึ่งวิธีสำคัญที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจและผ่านวิกฤติไปได้ ด้วยแนวคิด Healthy Ecosystem Vital Economy Social Well - Being ระบบนิเวศที่ดีต่อสุขภาพเศรษฐกิจที่สำคัญต่อความผาสุกทางสังคม ซึ่งแน่นอนแนวคิดดังกล่าวคือการสร้างงานในชุมชน ที่อาจเกี่ยวข้องกับ ผู้คน สังคม และวัฒนธรรม เป็นสำคัญในขณะนี้

ด้วยเหตุผลสำคัญคือ มนุษย์ทุกคนมีศักยภาพและไม่สามารถตีค่าวัดเป็นเงินได้ ไม่ว่าจะเป็นทุนทางปัญญา ทุนทางเครือข่ายสังคม หรือแม้แต่อารมณ์ก็เป็นทุน หากรัฐมองประชาชนเป็น “ทุนมนุษย์” ก็จะสร้างความยั่งยืนให้กับประชาชนและเศรษฐกิจได้ ขณะนี้ประชาชนต้องการงาน การจ่ายเงินให้กับคน ต้องคิดว่าคือการลงทุนไม่เช่นนั้นประเทศไทยก้าวไม่พ้นวิกฤติแน่นอน


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top