Friday, 14 February 2025
Hard News Team

‘แรมโบ้’ กางปีกป้อง ซัด ‘โอ๊ค’ ไล่ ‘บิ๊กตู่’ หวังให้พ่อกับอากลับมาเป็นนายกฯ หรือ โวลั่นสถานการณ์แบบนี้ยิ่งไม่ควรลาออก

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทาง เฟซบุ๊ก วิพากษ์วิจารณ์การแก้ปัญหาโควิด-19 ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ว่าพาประเทศฝ่าโควิด เหมือนตาบอดคลำทาง ไม่เห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ ชี้ต้องให้ลาออก ให้คนมีความสามารถมาบริหาร ว่าแม้นายพานทองแท้ จะมองว่าการแก้ไขปัญหาโควิดของนายกฯ และรัฐบาล เหมือนตาบอดคลำทาง แต่ที่ผ่านมา 2 ครั้ง นายกฯ และรัฐบาลสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้มาแล้ว และครั้งนี้ตนเองมั่นใจว่านายกฯ จะสามารถทำให้สถานการณ์คลี่คลายลงได้ อย่าได้มาใช้นิสัยเดิม ๆ มาซ้ำเติมทำร้ายจิตใจคนที่ทุ่มเททำงานแก้ปัญหา

เรื่องการแถลงข่าวของนายกฯ หากนายพานทองแท้ตั้งใจฟังก็จะเห็นว่าได้ทำอะไรไปบ้างแล้ว และจะทำอะไรต่อไปในอนาคต โดยเฉพาะเรื่องของการบริหารจัดการวัคซีนที่กำลังทยอยเข้ามาฉีดให้กับประชาชน อีกทั้งนายกฯ ได้มีการติดต่อผ่านกระทรวงการต่างประเทศก็มีแนวโน้มว่ามีแนวทางในการจัดหาวัคซีนมากขึ้นอย่างแน่นอน และในเดือนมิถุนายนนี้เราก็จะมีวัคซีนจำนวนมาก เพราะสามารถผลิตได้ในประเทศ สามารถที่จะคำนวณฉีดให้กับประชาชนได้โดยภายในปีนี้จะสามารถฉีดให้กับประชาชนให้เร็วที่สุดอย่างน้อยร้อยละ 60

นายเสกสกล กล่าวว่า คนทำงานอย่างพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ควรต้องลาออก เพราะต้องแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนและพัฒนาประเทศ ซึ่งเชื่อว่าหากเป็นคนอื่นน่าจะทำไม่ได้เท่ากับพล.อ.ประยุทธ์ เพราะคงจะไม่เห็นความสำคัญของประชาชน ประเทศชาติ จะเห็นแต่ประโยชน์ส่วนตัวและครอบครัวของตัวเองเท่านั้น เหมือนผู้นำบางตระกูลก่อนหน้านี้ นายพานทองแท้ คงจำได้แน่นอน ขอให้นายพานทองแท้ เปิดใจรับฟังคนอื่นบ้าง ไม่ใช่จะว่ากล่าวตำหนิเพียงอย่างเดียว การบริหารจัดการสถานการณ์โควิด ต้องยอมรับว่าไม่ใช่เรื่องที่ง่ายแต่ทั้งนายกฯ รัฐบาล บุคลากรทางการแพทย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พยายามทำอย่างดีที่สุด ทั้งนี้นายพานทองแท้ จะไม่ให้กำลังใจนายกฯ แต่ก็ขอให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ และคนทำงาน ให้กำลังใจคนไทยในการช่วยกันฝ่าฟันสถานการณ์ครั้งนี้ไปให้ได้

"นายพานทองแท้ ไล่นายกฯ ให้ออกจากตำแหน่ง ขอถามกลับว่าคงอยากให้คุณพ่อหรือคุณอา กลับมาเป็นนายกฯ อีกใช่ไหม ช่วยถามหัวใจคนไทยส่วนใหญ่หน่อยว่า รับได้หรือเปล่า ก่อนจะไล่ใคร ช่วยย้อนกลับมามองตัวเองก่อน อย่าเอาอคติความแค้นส่วนตัวมาจ้องทำลายคนอื่น เพราะสิ่งที่เสียหายในอดีตมากมายมหาศาล นายกฯ คนนี้เข้ามาเพื่อแก้ปัญหา ยังไม่ได้ทำให้ประเทศชาติประชาชนเสียหายอะไร แต่ในภาวะวิกฤติทั่วโลกกำลังเผชิญปัญหากับโควิด ประเทศเราก็ย่อมส่งผลกระทบความเดือดร้อนบ้าง แต่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่เหมือนการทุจริตคอร์รัปชัน โกงบ้านโกงเมืองแต่อย่างใด" นายเสกสกล กล่าว


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

‘รองโฆษก ปชป.’ แนะรัฐบาล เร่งหามาตรการช่วยแบ่งเบาภาระช่วงใกล้เปิดเทอมฯ ให้เป็น ‘ผู้ปกครองและเด็กชนะ’ ฝ่าวิกฤติโควิด

นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราชและรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้ขยายเวลาการใช้เงินตามโครงการ เราชนะ ไปจนถึง 30 มิ.ย.นี้ และมีการพิจารณาในการดำเนินการโครงการคนละครึ่งเฟส 3 ว่า ตนขอขอบคุณรัฐบาลแทนประชาชนที่เข้าใจถึงสถานการณ์ความยากลำบากในช่วงของการระบาดระลอกใหม่ เพราะเชื้อไวรัสโควิด-19 ชนิดนี้ สามารถแพร่เชื้อได้ง่ายและอันตรายต่อผู้ติดเชื้อมากขึ้น ซึ่งจากยอดติดเชื้อที่ยังคงอยู่ในระดับหลักพัน และคาดว่าจะยังคงสถานการณ์แบบนี้อีกหลายวัน ทำให้ประชาชนเกิดความรู้สึกชักหน้าไม่ถึงหลัง พะว้าพะวังเป็นอย่างมาก

ดังนั้น การขยายระเวลาใช้สิทธิตามโครงการดังกล่าว ถือว่ารัฐบาลได้นำเสียงของประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนมาร่วมพิจารณา ซึ่งมติ ครม.ที่เกิดขึ้นจะเป็นการแบ่งเบาภาระประชาชนได้เป็นอย่างดี มีข้อพิสูจน์แล้วว่า ประชาชนต่างมีความกล้าในการจับจ่ายซื้อของมากขึ้น เพราะรัฐบาลได้สนับสนุนเงินทั้งประชาชนผู้ใช้สิทธิ์และร้านค้าผู้เข้าร่วมโครงการ ทำให้ภาพรวมสามารถประคับประคองสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศไทยเอาไว้ได้

นายชัยชนะ กล่าวต่อว่า อีกประเด็นที่มีความกังวลในช่วงนี้คือความวิตกกังวลของผู้ปกครองที่จะต้องมีค่าใช้จ่ายให้กับลูกหลานในวัยเรียน ถึงแม้กระทรวงศึกษาธิการจะพยายามให้มีการเปิดเรียนในวันที่ 17 พ.ค.นี้ ก็ไม่มีใครรู้ว่า สถานการณ์การระบาดของโควิด จะเบาบางลงวันไหน ดังนั้นหากรัฐบาลมีแนวคิดที่จะช่วยเหลือผู้ปกครองให้ผ่านพ้นช่วงเวลายากลำบากเพื่อสร้างอนาคตของชาติแล้ว จะต้องนำแนวคิดที่เคยมีผู้เสนอ เช่น การลดค่าเทอม 40 % การสนับสนุนค่าใช้จ่ายหรือการใช้เครือข่ายอินเตอร์เน็ตเพื่อการศึกษาค้นคว้าฟรี หากจะต้องมีการเรียนผ่านระบบออนไลน์ เป็นต้น หรือการขยายสิทธิ์ของโครงการเยียวยาของรัฐบาล ให้ครอบคลุมหรือระบุวัตถุประสงค์ว่า จะต้องใช้จ่ายให้กับบุตรหลานในการเรียนเท่านั้น เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระผู้ปกครอง และสร้างความสบายใจให้กับเด็กในช่วงเวลาใกล้เปิดเทอมที่จะถึงนี้

“ผมเข้าใจว่า ขณะนี้ค่าใช้จ่ายในการเล่าเรียนส่วนใหญ่ นอกจากค่าชุดนักเรียน หนังสือ และอุปกรณ์การเรียนพื้นฐานแล้ว ก็มาจากการที่โรงเรียนเก็บเป็นเงินบำรุงหรือเงินอุดหนุนการศึกษา เพื่อดำเนินการจัดการเรียนการสอนเพิ่มเติมตามแต่ละโรงเรียน ซึ่งถือว่า เป็นภาระของผู้ปกครองที่จำเป็นจะต้องใช้จ่าย เพื่ออนาคตของบุตรหลาน ดังนั้น แนวคิดของพรรคประชาธิปัตย์ที่มีมาโดยตลอดคือการสนับสนุนเด็ก ๆ ให้มีอนาคตสดใส โดยพยายามแก้ไขปัญหาระหว่างทางให้มีน้อยที่สุด

ในสถานการณ์ท่ามกลางการระบาดของโควิดขณะนี้ ผมจึงอยากให้รัฐบาล หามาตรการในการช่วยเหลือเด็กนักเรียนและผู้ปกครองอย่างรวดเร็วที่สุด โดยรัฐบาลจะต้องประสานงานในกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาความร่วมมือ จนมาออกเป็นมาตรการเร่งด่วน เพื่อให้ผู้ปกครองสามารถผ่านพ้นสถานการณ์ที่ยากลำบาก และทำให้เป็น ‘ผู้ปกครองและเด็กชนะ’ ได้ในที่สุด ” นายชัยชนะกล่าว


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

นายกรัฐมนตรี ร่วมบำเพ็ญกุศลองค์พระหลักเมือง กรุงรัตนโกสินทร์ครบรอบ 239 ปี เพื่อความเป็นสิริมงคลของประเทศ

นายกรัฐมนตรี ร่วมบำเพ็ญกุศลองค์พระหลักเมือง กรุงรัตนโกสินทร์ครบรอบ 239 ปี เพื่อความเป็นสิริมงคลของประเทศ

เมื่อเวลา 07.45 น.วันที่ 21 เม.ย. 2564 ก่อนจะเดินทางเข้าทำเนียบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นผู้แทนประชาชน ทำหน้าที่ประธานพิธีบำเพ็ญกุศลทางศาสนาพุทธและจัดพิธีบวงสรวงสังเวยตามพิธีพราหมณ์อย่างเรียบง่าย ในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนาองค์พระหลักเมือง ครบรอบ 239 ปี และ 21 เม.ย. คือวันตั้งกรุงรัตนโกสินทร์ครบ 239 ปี

โดยนิมนต์พระสงฆ์ ประกอบพิธีทางศาสนา เพื่อความเป็นศิริมงคลของประชาชนชาวไทยทุกคนและประเทศชาติ


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดเศรษฐกิจไทยปี 2564 โตลดลงที่ 1.8% หลังเกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่

จากผลกระทบของการแพร่ระบาดโควิดระลอกใหม่ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองเศรษฐกิจไทยปี 2564 มีแนวโน้มเติบโตลดลงที่ 1.8% จากคาดการณ์เดิมที่ 2.6% โดยมองว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่มีความรุนแรงกว่าในระลอกก่อนหน้านี้ ในขณะที่แม้ว่าจะไม่ได้มีมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดที่เข้มงวด แต่ความกังวลต่อสถานการณ์จะทำให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้คน รวมถึงความเชื่อมั่นที่ลดลงมีผลต่อการบริโภคครัวเรือนให้มีทิศทางต่ำกว่าที่ประเมิน

อย่างไรก็ตาม ประมาณการเศรษฐกิจใหม่ได้รวมปัจจัยบวกจากแนวโน้มการส่งออกที่จะเติบโตดีกว่าที่เคยประเมินไว้จากอานิสงส์ของภาวะเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวดีกว่าคาด นอกจากนี้ยังได้รวมถึงปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเข้าไปแล้ว โดยมีโครงการที่ยังดำเนินอยู่ เช่น โครงการเราชนะ และโครงการเรารักกัน ขณะที่มีมุมมองว่า ภาครัฐจะมีมาตรการต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศภายใต้วงเงินกู้ 1 ล้านล้าน ซึ่งยังมีวงเงินคงเหลืออยู่ราว 2.4 แสนล้านบาท ประกอบกับยังมีเงินจากงบกลาง ภายใต้ พรบ.งบประมาณปี 2564 ที่สามารถนำมาใช้ได้อีกราว 1.3 แสนล้านบาท

ทั้งนี้ ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน ยังมีความกังวลถึงการแพร่ระบาดระลอกใหม่ที่อาจส่งผลให้นักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาท่องเที่ยวในไทยมีแนวโน้มที่จะต่ำกว่าคาดการณ์เดิมที่ 2 ล้านคน

ตัวแปรสำคัญคือการเร่งฉีดวัคซีน ซึ่งหากการฉีดวัคซีนมีความล่าช้า ก็มีความเป็นไปได้ที่การแพร่ระบาดจะยืดเยื้อหรืออาจเกิดการแพร่ระบาดอีกระลอก ซึ่งจะมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างมาก และทำให้ความหวังของการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวให้ทยอยกลับมาเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยอาจต้องล่าช้าออกไป

ทั้งนี้ ในกรณีที่การแพร่ระบาดยืดเยื้อหรือมีการระบาดที่รุนแรงอีกรอบไตรมาส 3/2564 ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2564 มีแนวโน้มที่จะไม่เติบโตจากปีก่อนหน้า

นอกจากนี้ การควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดรวมถึงการเร่งปูพรมกระจายวัคซีนเป็นภารกิจเร่งด่วน เนื่องจากระบบสาธารณสุขไทยมีขีดจำกัดในการรองรับผู้ติดเชื้อ หากจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันยังอยู่ในระดับสูงมากกว่าพันคนอย่างต่อเนื่องเป็นเดือน ๆ อาจเกิดภาวะระบบสาธารณสุขล่ม และส่งผลทำให้เศรษฐกิจไทยอาจต้องเผชิญกับต้นทุนแฝง (Hidden cost) ที่อาจประเมินค่าไม่ได้ ซึ่งในปัจจุบันก็เริ่มเห็นหลายโรงพยาบาลเผชิญกับปัญหาเตียงผู้ป่วยเต็ม และขาดแคลนอุปกรณ์ทางการแพทย์อย่างเครื่องช่วยหายใจ

ขณะที่ต้นทุนต่อการดำเนินชีวิตของผู้คนจะเพิ่มขึ้น โดยผู้ป่วยธรรมดาก็ไม่สามารถเข้าถึงระบบสาธารณสุขได้เป็นปกติเหมือนเมื่อก่อน ซึ่งจะส่งผลกระทบทางอ้อมต่อประสิทธิภาพของแรงงานให้ลดลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้น ความเสียหายที่เกิดขึ้นอาจจะมีมากกว่าการบริโภคที่ลดลงและรายได้จากการท่องเที่ยวที่หายไป


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

.

รัฐบาลเดินหน้าลุยต่อภูเก็ตโมเดล เปิดรับนักท่องเที่ยวกระเป๋าหนัก ด้าน ‘สุพัฒนพงษ์’ เผยมีเงินเพียงพอ เยียวยาตามมาตรการรัฐ ไม่ต้องกู้เพิ่ม เตรียมกดรับสิทธิ์ แพ็คเกจกระตุ้นเศรษฐกิจ พ.ค.นี้

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เรียกทีมเศรษฐกิจหารือบนตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เพื่อหามาตรการเยียวยาช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดโควิด 19 รอบที่ 3 เพิ่มเติม ซึ่งจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด รวมถึง แผนการเปิดประเทศภูเก็ตโมเดล ว่า ที่ประชุมได้หารือ ถึงการเปิดรับนักท่องเที่ยวที่ จ.ภูเก็ต ซึ่งจะดำเนินการตามแผนเดิม คือ วันที่ 1 กรกฎาคม 2564 เนื่องจากความต้องการท่องเที่ยวยังไม่ลดลง โดยจะเน้นการท่องเที่ยวจากประเทศระยะไกล และเชื่อว่าการแพร่ระบาดโควิด 19 ไทยระลอกนี้ไม่ส่งผลต่อนักท่องเที่ยว เพราะจากมาตรการของรัฐบาล รวมถึงการดูแลสุขภาพของประชาชนจะทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลงเรื่อย ๆ ซึ่งระบบสาธารณสุขของไทยได้เตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว

นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า รัฐบาลยืนยันเดินหน้าโครงการช่วยเหลือประชาชนในแพ็คเกจเดิม อาทิ โครงการเราชนะ คนละครึ่ง ม.33 เรารักกัน หรือแม้แต่ มาตรการใหม่ที่จะเพิ่มขึ้นมา คือเราผูกพัน ที่จะช่วยเหลือข้าราชการ อีกทั้งเตรียมมาตรการดึงเงินฝากที่มีอยู่ 5-6 แสนล้านบาท ออกมาใช้จ่าย ซึ่งกระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการพิจารณา และคาดว่าปลายเดือนพฤษภาคมจะดำเนินการเรียบร้อย และประกาศใช้ในเดือนมิถุนายนนี้

พร้อมยืนยันรัฐบาลได้มีการจัดสรรคงบประมาณไว้ช่วยเหลืออย่างเพียงพอ ไม่จำเป็นต้องกู้เพิ่ม เพราะงบประมาณที่กู้ยังเพียงพอ และยังเดินหน้าดึงดูดนักลงทุน แต่ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดโดยช่วงครึ่งปีหลังจะเห็นผล ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผน

ผู้สื่อข่าวถามว่าการระบาดในระลอกนี้จะส่งผลกระทบต่อจีดีพีของประเทศหรือไม่ นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า ขอประเมินสถานการณ์ในช่วงเดือนนี้ก่อน ถ้าหากสถานการณ์สามารถควบคุมได้ในสิ้นเดือนนี้ ก็หาทางขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไป ทั้งนี้ส่วนตัวเชื่อว่า หลังมีมาตรการยกระดับควบคุมการแพร่ระบาดใน 14 วันนี้ สถานการณ์จะดีขึ้น ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับความร่วมมือจากทุกคน

พร้อมยอมรับว่า ที่ผ่านมาเราเตรียมการควบคุมไว้ แต่บังเอิญเกิดความประมาทเสียเอง ซึ่งหากถ้าควบคุมสถานการณ์ได้ การฉีดวัควีนในเดือน พฤษภาคมและมิถุนายน ก็จะเป็นไปตามแผน และน่าจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น โดยที่เราทำตัวเราเอง จนเกิดเหตุการณ์ขึ้นจากคนกลุ่มหนึ่ง ที่ไม่ใช่เฉพาะคลับทองหล่อเท่านั้น แต่ยังมีภาพที่เกิดขึ้น พื้นที่ จ.ภูเก็ต ที่เห็นภาพนักท่องเที่ยวไม่สวมหน้ากากอนามัย เดินท่องเที่ยวชายหาด ซึ่งส่วนตัวเสียดายที่ไม่มีการป้องกันดูแลตัวเองตามนโยบายของรัฐบาล เพราะ จ.ภูเก็ตคือตัวแทนประเทศไทยในการเปิดประเทศ โดยยืนยันนายกรัฐมนตรีแก้ปัญหาอย่างเต็มที่ ที่จะเร่งรัดหาวัคซีนอย่างเต็มที่ โดยที่ทุกคนจะได้ฉีดวัคซีนอย่างครอบคลุม


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

.

เดินหลง...ในดงโซเชียล By รัตนา & โกสินทร์

วันนี้กรุงเทพมหานคร ฝนตกอากาศขมุกขมัว แต่ต้องเดินตลาดหาข้าวหาปลาให้พี่โกสินทร์ ที่ต้อง Work From Home

ก่อนออกจากบ้าน รู้สึกตัวรุม ๆ เหมือนจะมีไข้ ว่าแล้วขอทาน “สารสกัดฟ้าทลายโจร” (ก่อนซื้อตรวจข้างขวด ต้องมี สารแอนโดรกราโฟไลด์ ไม่ต่ำกว่า 6 %) ที่กรมการแพทย์แผนไทยพึ่งออกประกาศความคืบหน้า ในการใช้สมุนไพรฟ้าทลายโจร รักษาผู้ป่วยโควิด-19 ว่าให้ผลดีในผู้ป่วยถึง 280 ราย จาก 9 โรงพยาบาลของรัฐ ที่มีอาการป่วยไม่รุนแรง จนหายขาดเป็นปกติ

ฟังแล้วดีงามสะพานพุทธ ที่สมุนไพรพื้นบ้านของเราเยี่ยมยอดเช่นนี้ ราคาไม่แพงไม่ต้องนำเข้าเสียเงินทองให้ฝรั่ง...ว่าไหม?

แต่การทาน “ฟ้าทลายโจร” ต้องทานให้เป็นเพราะหมอเค้าห้ามกินก่อนป่วยหรือเพื่อป้องกันโรค ถ้าไม่ป่วยมีอาการ “คล้ายเป็นหวัด ไข้ ไอ เจ็บคอ ปวดหัวปวดเมื่อยตามตัว” อย่ารีบทาน แต่ถ้ามีอาการก็ทานได้เลย

บ้านไหนมีปลูกก็เด็ดกินใบสดวันละ 2-3 ใบ ส่วนถ้าทานแล้ว 2-3 วันไม่ดีขึ้นรีบไปหาหมอนะจ๊ะ

เขมือบฟ้าทะลายโจรปุ๊บ ก็ขอทากันแดด สวมหน้ากากปั๊ป แต่มือมันคันยับ ๆ เลยคว้าหมับมือถือมาไถดู Tiktok พลาง แม่จ้าว!! เจอคลิป HAPPYDAY HAPPYLIFE นั่งเฮลิคอปเตอร์ตำรวจ ประกอบเพลง How Do I Live ของสาวสวยหิ้วกระเป๋า Jacquemus ปี 2019 เบอร์แพง ที่แชร์กันกระแทกตาให้ได้ริษยา

จริง ๆ งานนี้ไม่รู้ว่า She อยากอวดหลัว หรือโยนหลัวให้ตก ฮ. เพราะชาวเน็ตสามัคคีกันขุด จนรู้ยศคนพานั่ง ฮ. เป็นถึงนายตำรวจยศพันโท ร้อนหูไหม้ถึง สตช. จนโฆษกตร. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต. ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ต้องออกมาแจงว่า คลิปดังกล่าวถ่ายโดย ภรรยา พ.ต.ท. อรรถพล ยี่เกาะ สว.กก.สส.ภ.จว.อุดรธานี หน้าห้องของอดีตรอง ผบช.ภ. 4 โดยเป็นสตอรี่ของวันที่ 28 กันยายน 2562 ขณะที่ พ.ต.ท. อรรถพล ไปราชการกับผู้บังคับบัญชา และได้พกภรรยานั่ง ฮ. ไปด้วย

จ๊ะ... เคลียร์!!

เคลียร์เรียบจริง ๆ เพราะล่าสุดต้นสังกัดได้มีคำสั่งย้าย พร้อมตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยหลัวคุณเธอว์เรียบร้อยซะงั้น และที่แน่ ๆ ตอนนี้ คุณนายตำรวจคนสวยคงร้องท่อนฮุก “How do I live without you?” สามเวลาหลังอาหารแน่นวล

ปิด Tiktok แล้วเดินถึงบล็อกตลาดสดแถวบ้าน ระหว่างทางเดินปะฉะดะกับแม่ค้าพอหอมปากหอมคอ จะต่อราคาอะไร แม่ค้าต่างโต้ “อย่านะคะ อย่านะคะ” (ดีดกระดิ่ง ติ้งๆๆ) ชวนรมย์เสีย กับวลีฮิตตลาดสด ของแม่ค้าออนไลน์สวยศัลย์ “พิมรี่พาย” ที่ล่าสุดขายไปด่าไปตามสไตล์ รอบนี้ไม่รู้ยอดขายตกหรือรับเงินผ่านแอฟเป๋าตังไม่ได้ถึงพาลอวดดีด่าผ่าน live ว่า...

“ไม่ต้องสาระแนสอนชาวบ้านว่าทำโน้นนี่นั้น

เค้าทำกันอยู่แล้ววินัยเค้าดีกว่าคนใหญ่คนโต

ที่ทำให้ติดโรคอยู่ตอนนี้ด้วย เออฟาดนะ กุชอบมาก คนใหญ่คนโตขอร้องเลยอย่าสำส่อน ชาวบ้านจะได้ไม่ซวย 55555555 นัมเบอร์วันนะน้องนะ”

ฟังแล้วระคายหูปกติก็หยาบเกินเบอร์ รอบนี้ไม่รู้ฉีดโบท็อกเกินโดสมาหรือเปล่า ด่าหมอ ศบค. “สาระแน” ไม่พอยังบอกว่าชาวบ้านเค้ามีวินัย

จ้าแม่!!!! วัน ๆ คงเอาแต่ไลฟ์สด เลยไม่ออกมาดูเดือนดูตะวันสินะ เพราะที่ระบาดรอบนี้ มันมาจากวัยรุ่นวัยแรดไร้วินัยไปเที่ยวสถานบันเทิง แล้วพกโควิดนั่งรถด่วนแพร่ระบาดไปทั่วประเทศ หลายเคสเอาเชื้อไปแพร่ให้คนที่บ้านตายเสียด้วยซ้ำ เธอว์มุดอยู่ในไลฟ์เหรอถึงไม่ทราบ...

เสียรมย์ เสียหู เดินผ่านแผงขายหมูซะหน่อย แต่เห็นหมู ก็นึกถึงหน้าแกนนำสามนิ้วที่อดอาหาร แต่เรื่องนี้ขอผ่าน เพราะมันเป็น “สิทธิเสรีภาพของเค้า” น้องเพนกวินจะขอถอนทนาย ไม่ยอมรับกระบวนยุติธรรม มันเป็นสิทธิของน้อง ตัวเจ๊ไม่ก้าวก่าย

แต่ประท้วงศาลด้วยการอดอาหารเพื่อขอประกัน มันเหมือนเรียกร้องขอสิทธิพิเศษเลยว่าไหม?

พูดถึงสิทธิพิเศษ เฟซบุ๊ก ก็ขึ้นเตือนทันที ขอแสดงความยินดีกับ น้องอแมนด้า ด้วยนะจ๊ะ ที่ได้สิทธิพิเศษในการฉีดวัคซีนชิโนแวค พร้อมผู้ติดตาม 5 คน ก่อนเดินทางไปประกวดนางงามจักรวาล ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา

ว่าแต่ก่อนหน้านี้ ที่ออกมาด่ารัฐบาลสารพัดอย่างเรื่องความเท่าเทียม แต่สุดท้ายวันนี้ได้ยิ้มแป้นแล้น เพราะกระทรวงสาธารณะสุขให้ฉีดวัคซีนก่อนลุงชวน หลีกภัยอีกซะนั้น แบบนี้เธอจะไปแก้ข่าวหรือบีบน้ำตาน้ำตาบนเวทีโลกแบบ ฮัน เลย์ๆ มั่งไหมเนี่ย

รัตนา งงงวย ลืมต่อราคาแม่ค้าซื้อสตอเบอรี่ถุงใหญ่ กลับบ้านไปฝากพี่โกสินทร์ด้วยอาการเพลียแดด...


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

อินเดียดำดิ่งกลับสู่วิกฤติ Covid-19 ระบาดรุนแรงอีกครั้ง ตัวเลขล่าสุดของผู้ติดเชื้อทะลุ 2.7 แสนรายภายในวันเดียว ทำให้อินเดียมีผู้ติดเชื้อรายวันมากกว่า 2 แสนรายติดต่อกันเป็นวันที่ 5 แล้ว นับเป็นสถิติการติดเชื้อ Covid-19 ที่น่ากลัวที่สุดในโลกแล้วในขณะนี้

ล่าสุดรัฐบาลอินเดียประกาศล็อคดาวน์กรุงนิว เดลี เมืองหลวงของอินเดียนาน 1 สัปดาห์เต็ม เริ่มตั้งแต่คืนนี้ จันทร์ที่ 19 เมษายน ไปจนถึงวันที่ 26 เมษายนนี้ โดยมีคำสั่งให้ชาวนิว เดลี งดออกจากบ้านตั้งแต่ช่วงเวลา 4 ทุ่มถึงตี 5 บริษัทเอกชนทุกแห่งปิด และทำงานเฉพาะที่บ้านเท่านั้น งดอิเว้นท์ กิจกรรมทุกประเภทในช่วงนี้ การแข่งขันกีฬาสามารถทำได้แต่ไม่ให้มีคนดู วัด โบสถ์ สุเหร่า เปิดได้ แต่ห้ามบุคคลภายนอกเข้า

สิ่งที่ยังอนุญาตคือ ธนาคาร งานด้านสาธารณสุข โรงพยาบาล ยังคงต้องเปิดตลอด ซุปเปอร์มาร์เกต ร้านอาหารเปิดได้ แต่เฉพาะซื้อกลับได้ งานรับส่งอาหาร และพัสดุยังสามารถทำได้ตามปกติ

แต่ก็นับเป็นการปิดเมืองโดยสมบูรณ์แบบอีกครั้งหลังจากที่รัฐบาลอินเดียเคยพยายามล็อคดาวน์มาแล้วหลายครั้ง แต่ไม่สามารถทำได้นานเพราะผลกระทบกับชาวอินเดีย ผู้ใช้แรงงาน รับค่าจ้างรายวันมีจำนวนมากมายมหาศาล ที่จำเป็นต้องเดินเท้าหลายร้อย หลายพันกิโลเพื่อกลับภูมิลำเนา

Arvind Kejriwal หัวหน้าคณะรัฐบาลอินเดียยอมรับว่า ระบบสาธารณสุขของอินเดียมาถึงจุดขีดสุดแล้ว การระบาดรอบนี้หนักมาก ถ้าเราไม่ตัดสินใจล็อคดาวน์จำกัดการแพร่ระบาด อาจจะเลวร้ายหนักกว่านี้ แม้การล็อคดาวน์แค่เพียงสัปดาห์เดียวจะหยุดการแพร่ระบาดไม่ได้ แต่ช่วยให้การระบาดช้าลงสักหน่อยก็ยังดี

ตอนนี้ชาวอินเดียกำลังตื่นตระหนกกับคลื่นการระบาดระลอกใหม่ ที่มีข่าวลือแพร่สะพัดว่าทั้งเตียง ทั้งยา และถังอ็อกซิเจนสำหรับผู้ป่วย ICU หมดแล้ว

แต่ข่าวลือนั้น ไม่ได้ไกลเกินจริงมากนัก เพราะโรงพยาบาลหลายแห่งขาดแคลนเตียงจริง ๆ จนต้องให้คนไข้ 2 คน แชร์เตียงร่วมกัน ส่วนอ็อกซิเจนก็เหลือน้อยเต็มทีแล้ว

การระบาดระลอกใหม่ เป็นผลพวงจากงานเทศกาลกุมภเมลา พิธีจุ่มศีลล้างบาปในแม่น้ำคงคงที่จัดขึ้นทุก ๆ 12 ปี และมีผู้มาร่วมชุมนุมอย่างหนาแน่นเกินล้านคน ที่กลายเป็น Super Spreader ล่าสุดของอินเดีย

แม้อินเดียจะเป็นประเทศศูนย์กลางที่ผลิตวัคซีน Covid-19 และได้ฉีดวัคซีนในประเทศแล้วถึง 122 ล้านเข็ม แต่การระบาดที่รุนแรงจนเกิดการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสสายพันธุ์อินเดีย ที่แพร่ระบาดง่ายกว่าเดิม แถมทนต่อภูมิคุ้มกันในร่างกายคนยิ่งกว่าเดิมอีกด้วย

Covid is no joke. กลายเป็นเชื้อโรคฆ่ายาก เดนตายไปซะแล้ว

 

ที่มา: หรรสาระ By Jeans Aroonrat https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=284522323172993&id=104132041212023

แหล่งข้อมูล:

https://www.straitstimes.com/asia/south-asia/new-delhi-to-impose-week-long-lockdown-as-cases-soar-chief-minister

https://www.straitstimes.com/asia/south-asia/two-to-a-bed-in-delhi-hospital-as-indias-covid-crisis-spirals

https://www.ndtv.com/delhi-news/delhi-announces-6-day-lockdown-see-whats-open-whats-not-2416895

https://www.france24.com/en/asia-pacific/20210419-calls-for-more-oxygen-hospital-beds-as-india-s-covid-19-crisis-deepens

https://www.bbc.com/news/world-asia-india-56798255

https://www.bbc.com/news/world-asia-india-56507988


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

ร่วมโลกกันไม่ได้!! คนไทยในสหรัฐฯ ถูกกระทำไม่เลิก หลังกลุ่มคนเถื่อนมะกันทำร้ายแมวคนไทยตาย ซ้ำกระทืบเจ้าของ ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจนิ่งเฉย สังเวย ‘แอนตี้เอเชีย’ อย่างเจ็บปวด

เรื่องของการเหยียดและรังเกียจคนเอเชียและคนไทยในสหรัฐอเมริกา ยังเป็นปมปัญหาใหญ่ที่เริ่มลุกลามต่อชีวิตคนหัวดำที่นั่นอย่างต่อเนื่อง

ล่าสุดจากเฟซบุ๊ก Nampeung Schaeffer ได้มีการอัปเดตอีกเหตุการณ์ที่คนไทยในสหรัฐฯ ถูกกระทำ จนชาวเน็ตต่างออกทรงแค้นแทนว่า…

อัพเดท : ขอขอบคุณรุ้งเจ้าของเรื่องและเจ้าทุกข์ที่อนุญาตให้นำเรื่องมาลงนะคะ สำหรับท่านใดที่อยากจะเห็นภาพเหตุการณ์ สามารถตามฮัชแท็กด้านล่างสุดของโพสต์ไปได้เลยนะคะ

กำลังตามข่าวเคสของคุณผู้หญิงคนหนึ่งในห้องกฎหมาย คือ น่าเศร้ามาก และน่าโกรธมาก เรื่องคือ คุณผู้หญิงคนไทยคนนี้ เขาพาน้องหมาชิบะ กับน้องแมวสองตัว และนกแก้วไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะแถวบ้าน แถบ Brooklyn, NY อยู่ ๆ ก็มีเด็กอายุสิบกว่าขวบชาวผิวสีน้ำตาลที่มาจากแถบอเมริกาใต้มาวิ่งมาลากและกระชากสายจูงแมวเขาไป และโยนแมวขึ้นฟ้า แมวตกลงมาที่พื้น แล้วโดนเด็กเปรตลากไปอีกประมาณ 3-4 ก้าว

พอแมวตั้งตัวได้ตกใจวิ่งหนี และมาชักดิ้นชักงอและตาย ผู้หญิงที่เป็นเจ้าของแมวเลยถามเด็กว่าทำอะไรลงไป (คิดว่าเขาคงจะตะคอกไม่ก็ใช้เสียงดังใส่เด็กด้วยละ นาทีนั้นนี่เนอะ เป็นเราก็คงสติหลุด) และจากนั้นเขาก็ไปบอกแม่ว่า "ลูกคุณมารังแกแมวฉัน" แต่คำตอบที่ได้จากแม่เด็ก คือ "ก็นี่ละเพราะแกพาแมวมาเดินเล่น อิบิช!”

จากนั้นคนในครอบครัว ก็พากันมารุมเถียงผู้หญิง (ไทย) คนนั้น และผู้ชายในกลุ่มอีกคนก็เดินมาตบนกที่ไหล่ของสามีเขา จนบินตกไปอยู่กลางถนน แล้วพวกนั้นก็หัวเราะใส่ทั้งครอบครัว ยิ่งไปกว่านั้นผู้ชายในครอบครัวนั้นก็ไปรังแกหมาเขา ดึงหางหมาเขาจนยกลอย คุณผู้หญิงเขาเลยสวนกลับ เถียงกันไปเถียงกันมา เลยกลายเป็นครอบครัวนั้นพากันรุมกระทืบผู้หญิงคนไทยคนนั้น ทั้งตบ ทั้งนั่งทับเขา แถมจะเอามือจกตาเขา เด็กเล็กก็มีโวยวายชูนิ้วกลางใส่ โวกเวกทั้งครอบครัว

ส่วนสามีของผู้หญิงคนไทยเจ้าของแมว ก็ได้เข้าไปห้ามคนพวกนั้นก็ถูกต่อยเข้าหน้าจนจมูกหัก เลือดสาด จนมีชายผิวสีที่เห็นเหตุการณ์สองคนเข้ามาช่วยห้าม พร้อมทั้งถามฝั่งนั้นว่าต้องรุมทำเขากันขนาดนี้เชียวหรือ แต่ครอบครัวพวกนั้นกลับบอกว่าโดนผู้หญิงเขาทำร้ายลูกพวกมันก่อน และขึ้นรถหนีออกไปจากเหตุการณ์ ชาวประชาแถวนั้นที่เห็นเหตุการณ์ก็รู้ว่ามันไม่จริง และยังมีคนที่จะไปเป็นพยานให้คุณเขาด้วย

แต่ที่พีค คือ พอไปแจ้งตำรวจ ว่าโดนทำร้ายร่างกาย แถมแมวก็โดนฆ่าตาย ตำรวจก็อิดออดบอกหลักฐานไม่พอ แถมขู่ต่าง ๆ นานา ว่าผู้หญิงคนไทยคนนั้นเป็นฝ่ายรังแกเด็กก่อนให้ยอมรับ และหาว่าเพราะเขาเอาแมวออกไปเดินเล่นเอง เป็นความผิดเขาเองอีกที่เอาสัตว์เลี้ยงตัวเองไปเดินเล่น! เผลอ ๆ ตัวเขาเองจะติดคุกถ้ายังตามเอาเรื่อง สองอาทิตย์กว่าแล้วคดีไม่ขยับ เปลี่ยนนักสืบไปสามคนก็ไม่ได้เรื่อง แต่พอมีสำนักข่าวติดต่อผู้หญิงเจ้าของแมวไป เพื่อขอข้อมูลจะเอามาทำข่าว ตำรวจกลับรีบบอกผู้เสียหายว่า อย่า! อย่าเพิ่งให้ข้อมูล ขอให้นักสืบเขาทำงานก่อน เรานี่ถึงกับอุทานในใจเบา ๆ ว่าเห้! สองอาทิตย์ที่ผ่านมามรุงทำอะไรกันอยู่ พอนักข่าวจะลงนี่เกิดให้ความสำคัญมาทันที

โอ้ย!! อ่านจบเมื่อคืนนี้จิตตกเลย นึกภาพใครมาทำหมาเราแบบนี้ ถึงแม้ว่าตามกฏหมายที่นี่จะกำหนดว่า สัตว์เลี้ยงมีค่าแค่เท่ากับทรัพย์สินก็เถอะ ใครก็ไม่รู้อยู่ ๆ พุ่งเข้ามาใส่ แค่มาดึงหางหมาเรา เรานี่คงตบมันให้หัวคลอนไปละ เอาเรื่องแน่ละยิ่งมารุมทำร้ายร่างกายด้วย

ไม่รู้เรื่องนี้จะจบยังไง แต่อยากให้เรื่องนี้ได้ออกข่าวที่นี่มาก ครอบครัวที่ทำกับผู้หญิงคนนี้นี่เข้าข่ายอันตรายต่อสังคมคนรอบข้างทีเดียว ครั้งนี้ทำได้ครั้งหน้ามันจะทำอีกไหม โดยเฉพาะเด็กเปรตนั่นวันนี้ฆ่าแมวได้หน้าตาเฉย วันหน้าโตขึ้นมาจะเป็นแบบไหน

ปล. น้องแมวที่เสียชีวิตเขามีเพจเขานะ เข้าไปแสดงความเสียใจ หรือไปดูภาพเก่า ๆ ความน่ารักน่าเอ็นดูของน้องแมวได้

Ponzucoolcat

IG : https://instagram.com/ponzucoolcat?igshid=8ifquaddc6x6

มีคลิปสารคดีสั้นที่เคยมาถ่ายทำเกี่ยวกับน้องแมวและนกแก้วเพื่อนรักด้วย https://youtu.be/JssUogfgirE

#justiceforponzu

 

ที่มา: https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=10165258341600602&id=833860601


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

เว็บไซต์ The Isaan Record แถลงไม่ใช่องค์กรล้มเจ้าและจะดำเนินการฟ้องร้องผู้กล่าวหา

จากกรณีที่มีเว็บไซต์ข่าวบางแห่งได้กล่าวหาว่า เว็บไซต์ The Isaan Record ผลิตเนื้อหาล้มเจ้านั้น กองบรรณาธิการฯ ขอยืนยันว่า ไม่เป็นความจริงตามที่กล่าวหา แต่ The Isaan Record เป็นองค์กรที่ผลิตข่าวเชิงลึก และ สารคดีเชิงข่าว ในรูปแบบวิดีโอและรูปแบบต่าง ๆ เพื่อเป็นกระบอกเสียงให้คนอีสานที่เป็นประชากรที่มีจำนวนมากที่สุดในประเทศไทยและมีพื้นที่ที่มากที่สุด โดยมีสโลแกนว่า “สื่ออีสาน เพื่อคนอีสาน”

ที่ผ่านมานำเสนอเรี่องราวเกี่ยวกับวัฒนธรรมอีสาน สิทธิมนุษยชนและคนชายขอบ โดยมีผลงานเป็นซีรีส์เรื่องยาว อาทิ ซีรีส์ชุด “ลมหายใจหน้าฮ้านหมอลำ” ซีรีส์ชุด “ความหวานและอำนาจ” ซีรีส์ชุด “ความรัก เงินตราและหน้าที่ : เมียฝรั่งในอีสาน” ซีรีส์ชุด “พลังคนรุ่นใหม่แห่งที่ราบสูง” ซีรีส์ชุด “LGBTIQ+ อีสาน” เป็นต้น โดยนำเสนอทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้รับสารได้เข้าใจคนอีสานมากขึ้น

ทั้งนี้มีบรรณาธิการภาษาไทย หทัยรัตน์ พหลทัพ ซึ่งปฏิบัติหน้าที่มาตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปี 2562 โดยเคยเป็นผู้ช่วยบรรณาธิการและผู้สื่อข่าวอาวุโสองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (Thai PBS) แต่ได้ลาออกตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2561 เป็นต้นมา จึงไม่มีความเกี่ยวข้องกับ Thai PBS

อีกทั้ง Mr.David Streckfuss ไม่ได้เป็นผู้ก่อตั้ง เว็บไซ์ The Isaan Record แต่เป็นผู้ดูแลต่อจาก Lizzie Presser และ Glenn Baker ชาวอเมริกัน 2 คนที่ทำงานในโครงการ Princeton in Asia (PIA) ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นผู้ก่อต้ังมาตั้งแต่ปี 2554

การกล่าวหาเว็บไซ์ The Isaan Record ไม่ว่าทางวาจาหรือการนำเข้าด้วยเครื่องมือทางอิเล็คทรอนิคส์ ทางกองบรรณาธิการจะปรึกษาทีมทนายและดำเนินการฟ้องร้องต่อไป

กองบรรณาธิการ The Isaan Record

วันที่ 20 เมษายน 2564

 

ที่มา: https://theisaanrecord.co/statement-of-the-isaan-recordth/


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

หากย้อนหลังกลับไปเมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2014 เป็นช่วงปีแรก ๆ ที่ท่านประธาน สี จิ้นผิง เพิ่งก้าวขึ้นมารับตำแหน่งผู้นำจีนได้ไม่นาน และได้ไปเยือนมองโกเลียอย่างเป็นทางการ

การเยือนมองโกเลียคราวนั้น สี จิ้นผิง ได้กล่าวสุนทรพจน์กลางสภาผู้แทนมองโกเลีย ซึ่งถือเป็นไฮไลท์สำคัญของการมาเยือนครั้งนั้น และมักมีการหยิบยกขึ้นมาอ้างอิง และตีความจนถึงปัจจุบัน ถึงนโยบายของจีนต่อประเทศเล็กๆ หลังเทือกเขาอย่างมองโกเลียว่าจะมีความสัมพันธ์เช่นใด ในยุคของสี จิ้นผิง

ในคำพูดของสี จิ้นผิง ได้กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างจีน - มองโกเลีย ที่ยาวนานนับร้อย ๆ ปี และสำหรับจีนแล้ว มิตรประเทศเพื่อนบ้านอันมีค่ายิ่งกว่า "ทองคำ" ที่พร้อมจะจับมือร่วมกันด้วยความจริงใจ เพื่อบรรลุถึงสันติภาพ และเสถียรภาพในภูมิภาคนี้

นอกจากนี้ สี จิ้นผิง ยังย้ำในเรื่องของการไว้ใจซึ่งกันและกัน และการเคารพในความต่าง ลดความขัดแย้ง และหาจุดสมดุลของความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ดินแดน ซึ่งจะเป็นการยกระดับความสัมพันธ์ระหว่าง จีน-มองโกเลียไปสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ที่จะกลายเป็นชัยชนะร่วมกันของทั้งจีน และ มองโกเลียนับจากนี้

หลังจากวันนั้นผ่านมานาน 8 ปีที่มองโกเลียได้เปลี่ยนผ่านผู้นำประเทศไปแล้ว 1 คน แต่ท่านประธาน สี จิ้นผิง ยังดำรงตำแหน่งอยู่ และจะเป็นเช่นนี้ไปอีกนานเมื่อมาการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญจีนมอบสิทธิ์ให้ผู้นำจีนสามารถอยู่ในตำแหน่งได้ตลอดชีพ

นิตยสาร Time ได้สัมภาษณ์ นายซักเคีย แอลแบค ดอร์จ อดีตประธานาธิบดีมองโกเลียในสมัยที่สี จิ้นผิง มาเยือนมองโกเลียในฐานะผู้นำจีนเป็นครั้งแรก และได้พูดคุยอย่างสนิทสนมกันถึงเรื่องแผนพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมร่วมกันระหว่าง 2 ชาติ ที่นายซักเคีย เคยมองว่าน่าจะเป็นนิมิตรหมายอันดีสำหรับการพัฒนาประเทศมองโกเลีย

แต่มาถึงวันนี้ นายซักเคีย แอลแบคดอร์จ กลับมองไม่เห็นท่าทีที่แสดงถึงความเป็นมิตร และเคารพในสิทธิ์ และความต่างของชนชาติมองโกเลีย อย่างที่สี จิ้นผิง ได้กล่าวในวันนั้น เมื่อจีนได้รุกคืบอย่างแข็งกร้าว เพื่อผสานกลืนวัฒนธรรมในดินแดนมองโกเลีย ที่เป็นส่วนหนึ่งในเขตปกครองตนเองของจีน ด้วยการบังคับให้ใช้ภาษาจีนเป็นภาษากลางในการเรียนการสอนในมองโกเลียในทุกแห่ง ลดชั่วโมงการเรียนภาษามองโกเลีย และสนับสนุนให้ครอบครัวชาวจีนฮั่น ส่งบุตรหลานเรียนในโรงเรียน 2 ภาษาในเขตมองโกเลียมากขึ้น

และเริ่มตั้งแต่เดือนกันยายน 2020 เป็นต้นมา ทางการจีนจะบังคับให้วิชาหลัก วรรณคดี ประวัติศาสตร์ สังคมและการปกครอง ต้องเรียนเป็นภาษาจีนทั้งหมด ซึ่งนโยบายนี้ถูกใช้ในเขตปกครองตนเองในซินเจียง และ ธิเบต เพื่อให้ภาษาจีนเป็นส่วนหนึ่งในการส่งผ่านค่านิยม และการดำเนินชีวิตแบบจีนสู่ชนกลุ่มน้อย ซึ่งทางจีนมองว่าเป็นการสนับสนุนให้เกิดโอกาสทางการศึกษา และตลาดแรงงานอย่างเท่าเทียมกัน เมื่อไม่มีเรื่องภาษามาเป็นอุปสรรค

แต่สำหรับชาวมองโกเลียมองว่า นี่คือการกลืนกินรากเหง้าด้านภาษา และวัฒนธรรมของชาวมองโกเลีย และหากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปก็มีความเสี่ยงที่ภาษามองโกเลียจะสูญพันธุ์ไม่เกินรุ่นลูก รุ่นหลานของพวกเขา

ด้วยเหตุนี้ จึงเกิดการประท้วงครั้งใหญ่ของชาวมองโกเลียใน ซึ่งผู้ปกครอง และนักเรียนเชื้อสายมองโกเลียกว่า 3 แสนคนประท้วงไม่ยอมไปลงทะเบียนเรียนในหลักสูตรภาคบังคับใหม่ จนทางการจีนต้องออกหมายจับแกนนำผู้ประท้วง และกลุ่มผู้ปกครองในข้อหาละเมิดกฎหมาย ที่ขัดขวางเด็กไม่ให้เข้าสู่ระบบการศึกษาภาคบังคับของรัฐ จนกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตจนถึงวันนี้

และนอกจากเขตมองโกเลียใน ที่เป็นส่วนหนึ่งของจีน ยังมีคำสั่งตรงจากรัฐบาลจีนถึงสถานฑูตจีนประจำกรุงอูลานบาตอร์ ให้ย้ำการใช้นโยบายภาษาจีนในโรงเรียนมองโกเลีย เพื่อขัดขวางแนวความคิดเรื่องการแยกดินแดนในเขตมองโกเลียใน และการรวมตัวกันระหว่างชาวมองโกเลียฝ่ายเหนือและใต้

อดีตประธานาธิบดีมองโกเลีย จึงได้ออกมาวิพากษ์ วิจารณ์นโยบายกลืนวัฒนธรรมของจีนอย่างเปิดเผยในวันนี้ แต่ก็ต้องยอมรับว่าประเทศมองโกเลียไม่สามารถปิดกั้นอิทธิพลจากจีนได้

เนื่องจากภูมิประเทศที่ถูกปิดล้อมด้วยชาติมหาอำนาจใหญ่ถึง 2 ชาติ จีน และ รัสเซีย ที่ล้วนแต่มีอิทธิพลทั้งในด้านความมั่นคง และ การเมืองของมองโกเลีย ส่วนด้านเศรษฐกิจนั้น จีนก็เป็นประเทศคู่ค้าที่สำคัญที่สุดของมองโกเลีย ดูจากตัวเลขการส่งออกสินค้าจากมองโกเลียกว่า 90% ไปสู่ตลาดของจีนเพียงที่เดียวเท่านั้น

แม้ผู้นำปัจจุบันของมองโกเลียอย่าง นายคัลต์มา บัตทุลกา จะพยายามสานสัมพันธ์กับรัสเซียมากขึ้น แต่ก็ไม่อาจลดการพึ่งพาทางเศรษฐกิจกับจีนไปได้ โดยเฉพาะในช่วงวิกฤติ Covid-19 ที่รัฐบาลมองโกเลียก็ได้รับความช่วยเหลือ และวัคซีนบริจาคของจีนเป็นจำนวนมาก ยังไม่นับแผนการลงทุนร่วมกันในระยะยาวอีกหลายโครงการ

ดังนั้น มองโกเลียจึงอยู่ในสถานะที่ถูกบีบอยู่ระหว่างประเทศมหาอำนาจ ที่แผ่อิทธิพลเข้าสู่ดินแดนนี้อย่างเข้มข้น แม้ว่าชาวมองโกเลียส่วนใหญ่จะยอมรับในคุณค่าของสังคมอุดมเสรีภาพ และประชาธิปไตยตามแบบแผนตะวันตก แต่ประเทศมองโกเลียในตอนนี้ยังไม่พร้อมที่จะ "เลือกข้าง" และเปราะบางเกินกว่าที่จะเป็นสนามรบของสงครามตัวแทนระหว่างฟากเสรีนิยม และ สังคมนิยม ซึ่งสุดท้ายฝ่ายที่จะได้รับความเสียหายมากที่สุด ก็คือชาวมองโกเลียด้วยกันเอง

การต่อสู้เพื่อรักษาสมดุลระหว่างขั้วอำนาจจากต่างประเทศ และปกป้องอัตลักษณ์ วัฒนธรรมของชาวมองโกเลียให้ได้ จึงกลายเป็นโจทย์สำคัญผู้นำมองโกเลีย ที่ต้องหาจุดร่วม และจุดต่างที่ลงตัว ร่วมกับผู้นำอย่าง สี จิ้นผิง ผู้ซึ่งเมื่อตัดสินใจเดินหน้าสิ่งใด จะต้องทำให้สุดทาง

และเชื่อว่าท่านประธานสี จิ้นผิง ไม่ได้ลืมคำพูดของตนที่เคยพูดไว้กลางสภาในมองโกเลียเมื่อ 8 ปีก่อน เพียงแต่คำพูดนั้น อาจไม่ได้หมายถึงจีน แต่หมายถึงมองโกเลียต่างหากนั่นเอง

 

อ้างอิง:

https://time.com/5953518/mongolia-china-russia-problems/

https://thediplomat.com/2020/09/chinas-crackdown-on-mongolian-culture/

https://www.bbc.com/news/world-asia-china-53981100


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top