Saturday, 14 June 2025
Hard News Team

รฟท. เปิดเวทีซาวเสียงชวนนักลงทุนร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงทั้งส่วนหลัก-ต่อขยาย รวม 6 เส้นทาง

นายจเร รุ่งฐานีย รองผู้ว่าการกลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กล่าวภายหลังเป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนารับฟังความคิดเห็นจากภาคเอกชน (Market Sounding) ครั้งที่ 1 โครงการศึกษา ทบทวน และวิเคราะห์ความเหมาะสมของโครงการ จัดทำเอกสารประกวดราคาและการดำเนินงาน ตามพระราชบัญญัติการร่วมลงทุน ระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 ของโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) เพื่อนำเสนอความเป็นมาและวัตถุประสงค์ ขอบเขตการศึกษาภาพรวมของโครงการ ตลอดจนแนวทางการลงทุนและความเป็นไปได้ในการร่วมลงทุนของภาคเอกชน และรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน เพื่อนำไปประกอบการศึกษาและจัดทำโครงการ ให้มีความเหมาะสม ครบถ้วน และมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ รฟท. ได้ดำเนินการศึกษาเพื่อจัดแผนการเดินรถเบื้องต้นที่ตอบสนองความต้องการในการเดินทาง ครอบคลุมการเดินรถไฟทุกประเภท ที่จำเป็นจะต้องใช้ทางวิ่งร่วมกัน โดยพิจารณาการจัดช่วงการเดินรถ (Time Slot) เพื่อไม่เกิดความซ้ำซ้อน โดยแบ่งรูปแบบการเดินรถไปตามลักษณะการดำเนินโครงการเป็น 3 ระยะ ได้แก่ 

ระยะที่ 1 โครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-รังสิต และช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน โดยรูปแบบการเดินรถของโครงการจะมีช่วงที่ให้บริการขนานกับเส้นทางการเดินรถของ รฟท. ในส่วนของรถธรรมดาและรถชานเมืองบริเวณช่วงสถานีดังกล่าว

ระยะที่ 2 โครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ส่วนต่อขยาย ช่วงรังสิต-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต, ช่วงตลิ่งชัน-ศิริราช, ช่วงตลิ่งชัน-ศาลายา, ช่วงบางซื่อ-หัวหมาก และช่วงบางซื่อ-หัวลำโพง โดยในระยะการเปิดส่วนต่อขยายช่วงต่าง ๆ อาจมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการเดินรถชานเมืองในพื้นที่กรุงเทพฯ ของ รฟท. บางส่วนในช่วงสถานีที่ให้บริการซ้ำซ้อนกับสถานีของโครงการ หรืออาจจะจอดให้บริการที่สถานีเชื่อมต่อหลักเท่านั้น

ระยะที่ 3 โครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ส่วนต่อขยาย เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จ การเดินรถจะเป็นการให้บริการระบบรถไฟชานเมืองในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลเต็มรูปแบบ โดยมีสถานีศูนย์กลางร่วมกับ รฟท. ที่สถานีกลางบางซื่อ ซึ่งโครงการจะมาช่วงต่อการให้บริการรถชานเมืองจากการรถไฟฯ ทั้งหมด

ทั้งนี้โครงการได้ดำเนินการศึกษา ทบทวน วิเคราะห์ด้านเศรษฐกิจและการเงิน โดยผลการวิเคราะห์แสดงสัดส่วนการลงทุนที่เหมาะสมระหว่างรัฐและเอกชน ดังนี้... 

1.) ช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน สัดส่วนการลงทุนรัฐ 100% 
2.) ช่วงบางซื่อ-รังสิต สัดส่วนการลงทุนรัฐ 100% 
3.) ช่วงบางซื่อ-พญาไท-หัวหมาก สัดส่วนการลงทุนรัฐ คิดเป็น 90.36% และสัดส่วนการลงทุนเอกชนคิดเป็น 9.64%
4.) ช่วงรังสิต-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต สัดส่วนการลงทุนรัฐ คิดเป็น 90.36% และสัดส่วนการลงทุนเอกชนคิดเป็น 9.64% 
5.) ช่วงตลิ่งชัน-ศาลายา สัดส่วนการลงทุนรัฐ คิดเป็น 90.36% และสัดส่วนการลงทุนเอกชนคิดเป็น 9.64% 
และ 6.) ช่วงตลิ่งชัน-ศิริราช สัดส่วนการลงทุนรัฐ คิดเป็น 90.36% และสัดส่วนการลงทุนเอกชนคิดเป็น 9.64%

อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาระยะเวลาร่วมลงทุนที่ 50 ปี โครงการฯ มีผลตอบแทนทางการเงินในภาพรวมทั้ง 6 โครงการ ดังนี้ ผลตอบแทนโครงการ -0.54% FIRR (%) คิดเป็นมูลค่า -159,154.49 NPV (ล้านบาท) คิดเป็น 0.44 B/C Ratio สำหรับรูปแบบการลงทุนที่แบ่งสัดส่วนการลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนดังที่กล่าวไปข้างต้น มีผลตอบแทนทางการเงิน ดังนี้ ผลตอบแทนโครงการ 8.62 IRR (%) คิดเป็นมูลค่า 9,670.51 NPV (ล้านบาท) คิดเป็น 1.08 B/C Ratio

‘ทะลุฟ้า’ ยื่นหนังสือ กมธ.กฎหมาย เรียกร้องยกเลิกม.112

กลุ่มทะลุฟ้าพร้อมคณะรณรงค์เพื่อรธน.ฉบับประชาชน ยื่นหนังสือต่อ กมธ.กฎหมายที่รัฐสภา จี้ยกเลิกมาตรา 112 จัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ทาตัวสีแดงคลานไปประตูสภา

เมื่อวันที่ 27 ต.ค. 64 กลุ่มคณะรณรงค์เพื่อรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน และ กลุ่มทะลุฟ้า ได้เข้ายื่นหนังสือต่อ คณะกรรมาธิการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้มีการตรวจสอบการบังคับใช้กฎหมายมาตรา 112 และนำไปสู่การยกเลิกกฎหมายดังกล่าว โดยมีนายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานกรรมาธิการฯ และนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะโฆษกกรรมาธิการฯ เป็นตัวแทนรับหนังสือ

โซเชียลประณาม หนุ่มโพสต์คลิปประจานสาวคู่เดต หลังฝ่ายหญิงนับเหรียญช่วยแชร์ค่าอาหาร

จากกรณีที่สื่อมวลชนอังกฤษรายงานข่าวเมื่อ 25 ต.ค. 64 ที่ผ่านมาถึงชายคนหนึ่งที่ได้โพสต์วิดีโอประจานสาวคู่เดต กรณีที่เธอใช้เงินเหรียญช่วยแชร์ค่าอาหาร 

แต่ดูเหมือนกระแสจะตีกลับ โดยเขาได้ถูกผู้คนในสังคมออนไลน์ประณามว่าไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษเลยแม้แต่น้อย

รายงานจาก เดอะซัน เผยว่า นายแดนนี ดูอาร์เต โพสต์คลิปบน TikTok ว่าเขาเจอผู้หญิงคนหนึ่งบนสื่อออนไลน์ พวกเขานัดพบออกเดตกันครั้งแรกที่สนามซ้อมกอล์ฟ จากนั้นตามด้วยการนัดเดตครั้งที่ 2 ณ ร้านอาหารแห่งหนึ่งในอีกไม่กี่วันต่อมา

เมื่อรับประทานอาหารค่ำแล้วเสร็จ ฝ่ายผู้หญิงควักกระเป๋าสตางค์ออกมาและใช้เงินเหรียญจ่ายในส่วนของเธอ

แดนนี หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและบันทึกภาพเอาไว้ พร้อมทำหน้าแบบไม่ไหวจะทน และดูถูกเธอ ก่อนต่อมาจะโพสต์มันลงบนสื่อสังคมออนไลน์ 

“จุรินทร์” มอบ สตช. สอบปมถุงมือยางส่งออก พบผิดดำเนินคดีทันที

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบการส่งออกถุงมือยางไปนอกราชอาณาจักร ว่า ที่ประชุมได้รับทราบรายงานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ถึงการดำเนินคดีที่เกี่ยวข้องกับถุงมือยางทางการแพทย์แล้ว 15 คดี ในจำนวนนี้มีคดีที่เกี่ยวข้องกับบริษัท แพดดี้ เดอะ รูม อยู่ด้วย ซึ่งล่าสุดทางอัยการได้สั่งฟ้องแล้ว ส่วนกรณีที่เกี่ยวข้องกับถุงมือยางทางการแพทย์ ยี่ห้อสกายเมด ซึ่งปรากฏชื่ออยู่ในข่าวของ ซีเอ็นเอ็นนั้น ที่ประชุมได้มอบหมายให้ สตช.รับไปสืบสวนสอบสวนให้เสร็จภายใน 1 เดือน และหากพบว่ากระทำความผิดก็ให้ดำเนินคดีทันที  

ทั้งนี้ที่ประชุมยังได้กำชับให้กระทรวงมหาดไทย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กรมโรงงานอุตสาหกรรม กรมศุลกากร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บังคับใช้กฎหมายโดยเคร่งครัด พร้อมทั้งให้ความร่วมมือหรือบังคับใช้กฎหมายกับกรณีที่ปรากฏอยู่ในข่าวของซีเอ็นเอ็นเช่นกัน ที่ประชุมยังได้สอบถามกระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงพาณิชย์ ถึงผลกระทบเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและการค้าการลงทุนหรือไม่ ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศ ยืนยันว่า ไม่มีผลกระทบใด ๆ เกิดขึ้น ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ ก็ยืนยันด้วยว่า จะไม่กระทบถึงการค้าและการส่งออกระหว่างไทย-สหรัฐฯ เพราะตัวเลขการส่งออกถุงมือยางของไทยไปสหรัฐฯ ในช่วงเดือนม.ค.-ก.ย.64 ขยายตัวถึง 111.3% คิดเป็นมูลค่า 36,457 ล้านบาท 

“ผบ.กร.” ติดตามผลการปฏิบัติงานที่สำคัญ รับทราบ ปัญหา อุปสรรค ข้อขัดข้อง และข้อเสนอแนะ ของหน่วยขึ้นตรง ให้ผลการปฏิบัติงาน เป็นไปตามนโยบาย เห็นผลภายใน 100 วัน

พล.ร.อ.สุวิน แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ  เข้ารับฟังการบรรยายสรุปผลการปฏิบัติงานที่สำคัญ รวมทั้งรับทราบถึงปัญหา  อุปสรรค  ข้อขัดข้องและข้อเสนอแนะ ของหน่วยขึ้นตรง ณ ห้องประชุม บก.กร.2 โดยให้หน่วยต่างๆ บรรยายสรุปสรุป 2 วัน คือ วันที่ 27 ต.ค.64 ประกอบด้วย กองเรือตรวจอ่าว , กองเรือยามฝั่ง , กองเรือดำน้ำ และกองเรือยกพลขึ้นบกและยุทธบริการ และ วันที่ 3 พ.ย.64 ประกอบด้วย กองเรือฟริเกตที่ 1 , กองเรือฟริเกตที่ 2 , กองเรือบรรทุกเฮลิคอปตอร์ และกองการบินทหารเรือ เพื่อเป็นการติดตาม รวมทั้งช่วยเร่งรัดในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่ต้องการการตัดสินใจอย่างเร่งด่วน ซึ่งจะส่งผลให้แผนงานของกองเรือยุทธการที่ตั้งไว้ ให้เห็นผลภายใน 100 วัน นับจากวันแถลงนโยบายผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ โดยมีหัวข้อ 

1. ดำเนินการฝึกองค์บุคคลและยุทธวิธีกองเรือ ควบคู่ไปกับการเตรียมการฝึกเพื่อรองรับแนวทาง การใช้กำลังของกองทัพเรือ หรือการฝึกอื่นๆ ที่จะเกี่ยวข้อง เช่น การช่วยเหลือและกู้ภัยเรือดำน้ำ Harbor Control/ Harbor Defence

2. ดำเนินการและเร่งรัดการจัดซื้อจัดจ้าง จนได้ตัวผู้ขายหรือผู้รับจ้าง

3. จัดสวัสดิการให้กับกำลังพลของกองเรือยุทธการ ในการดำเนินการซ่อม/ปรับปรุงบ้านพักของกองเรือยุทธการให้ได้ในเบื้องต้น 50 หลัง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนตามลำดับความจำเป็น และดำเนินการต่อเนื่องให้ครอบคลุมบ้านพักของกองเรือยุทธการที่ต้องซ่อม/ปรับปรุงทั้งหมดต่อไป รวมทั้งการจัดรถรับ-ส่งกำลังพล

4. ตรวจสอบ รวบรวม และวิเคราะห์ข้อมูลความต้องการซ่อมบำรุงเรือและอากาศยาน รวมทั้งยุทโธปกรณ์อื่นๆ พร้อมจัดลำดับความสำคัญเร่งด่วน โดยรายการที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณในปี 65 แล้ว ได้รับการเร่งรัดให้ดำเนินการตามแผนการซ่อมบำรุง และรายการที่ไม่ได้รับงบประมาณ แต่มีความสำคัญ และส่งผลกระทบต่อความพร้อมของกำลังรบ ได้รับการเสนอขอรับงบประมาณนอกแผนเพิ่มเติม

5. จัดทำความต้องการโครงการเสริมสร้างกำลังรบ ให้สอดคล้องกับความต้องการตามยุทธศาสตร์และแผนแม่บทการพัฒนากองทัพเรือ ด้านการเสริมสร้างกำลังรบ รวมทั้งสถานภาพและความต้องการความพร้อมของเรือและอากาศยานของกองเรือยุทธการ 

 

เครือข่ายบุหรี่ไฟฟ้าเผย 100 ผู้เชี่ยวชาญการแพทย์ระดับโลกร่วมลงชื่อ กระตุ้น WHO เปลี่ยนจุดยืนเรื่องบุหรี่ไฟฟ้า

ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขระดับโลกกว่า 100 รายร่วมกันลงชื่อในจดหมายที่ส่งไปยัง WHO เพื่อเรียกร้องให้แก้ไขจุดยืนเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า ชี้ไทยยังคงปฏิเสธทางเลือกของผู้สูบบุหรี่ด้วยอคติและการไม่ยอมรับหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ใหม่ ๆ พร้อมเรียกร้องไทยสร้างความโปร่งใสในการพิจารณานโยบายเกี่ยวกับยาสูบและบุหรี่ไฟฟ้า

เครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า “กลุ่มลาขาดควันยาสูบ” นำโดยนายอาสา ศาลิคุปต และนายมาริษ กรัณยวัฒน์ สองแอดมินเพจ “บุหรี่ไฟฟ้าคืออะไร” ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 100,000 คน เปิดเผยว่า “ผู้เชี่ยวชาญอิสระที่ทำงานด้านการวิจัยและพัฒนานโยบายเกี่ยวกับยาสูบกว่า 100 คน กำลังมีความกังวลเกี่ยวกับจุดยืนขององค์การอนามัยโลกหรือ WHO ที่ยังคงมองข้ามศักยภาพของบุหรี่ไฟฟ้าในการช่วยให้ผู้สูบบุหรี่ลดอันตรายจากการสูบบุหรี่ จึงได้ร่วมกันลงชื่อเพื่อเรียกร้องให้ WHO สนับสนุนและรวมเอาหลักการลดอันตราย (Harm Reduction) เข้าไปไว้ในกรอบอนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมยาสูบด้วย”

ในจดหมายที่ 100 ผู้เชี่ยวชาญร่วมกันลงชื่อ เผยว่ามีหลักฐานเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องว่าบุหรี่ไฟฟ้าอาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้สูบบุหรี่ลดหรือเลิกการสูบบุหรี่ได้ อีกทั้งยังเป็นการช่วยสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน SDG 3.4 ที่มุ่งลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคไม่ติดต่อของประชากรโลก นอกจากนี้ ในจดหมายยังได้ ระบุข้อเรียกร้อง 6 ประการ ได้แก่ 1) ให้ WHO และประเทศสมาชิกสนับสนุนแนวทางการลดอันตราย 2) การพิจารณานโยบายของ WHO ต้องมีความครอบคลุมเหมาะสม ทั้งกับผู้สูบบุหรี่ ผู้ไม่สูบบุหรี่ และการป้องกันเยาวชนจากความเสี่ยงในการใช้บุหรี่ไฟฟ้า 3) การจะแบนบุหรี่ไฟฟ้าต้องพิจารณาถึงผลกระทบที่จะตามมาอย่างไม่ตั้งใจด้วย 4) ใช้มาตรา 5.3 ของ FCTC อย่างเหมาะสม 5) การประชุม FCTC ควรเปิดกว้างรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่ายเพื่อสร้างความโปร่งใส และ 6) ริเริ่มการทบทวนอย่างเป็นอิสระต่อแนวทางของ WHO และ FCTC

นายอาสากล่าวว่า “การแบนบุหรี่ไฟฟ้าตลอด 7 ปีที่ผ่านมาของประเทศไทย เป็นตัวอย่างของความล้มเหลวในการควบคุมยาสูบ การปฏิเสธนวัตกรรม และการลิดรอนสิทธิเสรีภาพของผู้บริโภค จนทำให้ผู้สูบบุหรี่ยังคงได้รับอันตรายจากควันบุหรี่ต่อไป พอมีใครเสนอให้พิจารณาหาทางควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าใหม่ กลุ่มรณรงค์ต่อต้านบุหรี่ในประเทศไทยมักจะอ้าง WHO โดยไม่พิจารณาว่าหน่วยงานสาธารณสุขชั้นนำของโลก เช่น สาธารณสุขอังกฤษ สาธารณสุขนิวแลนด์ ยูเอสเอฟดีเอ ต่างก็มีจุดยืนที่ส่งเสริมการลดอันตรายและการใช้บุหรี่ไฟฟ้าทดแทนการสูบบุหรี่เพื่อลดอันตรายให้กับผู้ที่จะสูบบุหรี่ต่อไป ในขณะที่ป้องกันการเข้าถึงของเด็กเยาวชนควบคู่กัน”

จดหมายฉบับดังกล่าวทำขึ้นก่อนการจัดการประชุมภาคีสมาชิกกรอบอนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมยาสูบ ครั้งที่ 9 (FCTC COP9) ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและรัฐบาลของหลายๆ ประเทศเข้าร่วมการประชุมออนไลน์ระหว่างวันที่ 8-13 พฤศจิกายน และอาจจะมีการพิจารณามาตรการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์ยาสูบลดความเสี่ยงในการประชุมครั้งนี้

‘จีน’ เล็งยกระดับเชื่อมสัมพันธ์อาเซียนยิ่งกว่าเก่า ฝ่าดงกรณีพิพาททะเลจีนใต้ที่ยังคลุมเครือ

สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า จีนต้องการ ‘ยกระดับความสัมพันธ์’ กับประเทศอาเซียน โดยเรียกร้องให้มีการประชุมสุดยอดนัดพิเศษในเดือนหน้า ซึ่งประธานาธิบดีสีจิ้นผิงจะเข้าร่วมประชุมด้วยตัวเอง ในขณะที่จีนพยายามขยับขยายเข้ามายังภูมิภาคอาเซียนที่สหรัฐกำลังแย่งชิงอิทธิพลอยู่เช่นกัน นายกรัฐมนตรีหลี่เค่อเฉียง ของจีนประกาศข้อเสนอดังกล่าวในการประชุมสุดยอดอาเซียน-จีนที่บรูไน 

การยกระดับความสัมพันธ์ ซึ่งเรียกอย่างเป็นทางการว่า ‘ข้อตกลงเชิงกลยุทธ์ที่ครอบคลุม’ ดูเหมือนจะกว้างขวางครอบคลุมกว่าความสัมพันธ์ในปัจจุบันของจีนกับอาเซียน และยังประกาศก่อนที่จะมีการประชุมทางไกลระหว่างประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ และอาเซียนไม่กี่ชั่วโมง

โดยประธานาธิบดี ลีเซียนลุง ของสิงคโปร์สนับสนุนแผนของจีนที่จะยกระดับความสัมพันธ์กับอาเซียน เนื่องจากทั้งสองฝ่ายได้จัดตั้งรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับความร่วมมือระหว่างกันไว้แล้ว

ขณะที่นายกรัฐมนตรี ประยุทธ์ จันทร์โอชา ของไทย แสดงความคิดเห็นด้วยความระมัดระวังกับข้อเสนอนี้ โดยกล่าวว่า “การรักษาสันติภาพที่ยั่งยืนท่ามกลางพลวัตของสถานการณ์ที่ซับซ้อนในระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อมุ่งไปสู่การเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุม”

“ประวิตร” ถก กก. กกท.เร่งแก้ พ.ร.บ."ควบคุมการใช้สารต้องห้าม" หวั่น กระทบมหกรรมกีฬา  สั่งเร่ง บรรจุ"มวยไทย"ทันโอลิมปิกสมัยหน้า

การเมือง / ทำเนียบ / 27 ต.ค.

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย(กกท.)ครั้งที่ 9/2564 โดยมีนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เข้าร่วม

โดยที่ประชุมรับทราบมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 21 ก.ย.ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา การกีฬาแห่งประเทศไทย และคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย ร่วมกันพิจารณาปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ.ควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬา พ.ศ.2555 ให้สอดคล้องกับประมวลกฎการต่อต้านการใช้สารต้องห้ามโลก และรับทราบรายงาน ผลการประเมินการบริหารจัดการ อย่างมีมาตรฐาน ของสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทยตามเงื่อนไข สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ประจำปี64 ซึ่งในภาพรวมสมาคมส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส covid-19 ที่มีความรุนแรงในทุกพื้นที่ ประกอบกับมาตรการการควบคุม และป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 จากภาครัฐ ส่งผลให้การดำเนินกิจกรรมต่างที่กำหนดไว้ในแผนของแต่ละสมาคม ไม่สามารถดำเนินกิจกรรมได้เต็มที่  

นอกจากนั้นที่ประชุมรับทราบแนวทางการขับเคลื่อนกีฬามวยไทยสู่โอลิมปิก เพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนการดำเนินงานให้บรรลุเป้าหมาย ในการบรรจุกีฬามวยไทย ให้มีการแข่งขันในโอลิมปิกเกมส์ สมัยหน้า

'เสกสกล' เห็นด้วยกับ 'จอม' เปลี่ยนชื่อพรรคเพื่อไทยเป็น 'พรรคพวกชินวัตร' ชี้!! ในอดีต ส.ส. เป็นยิ่งกว่าทาสเรือนเบี้ย

'เสกสกล อัตถาวงศ์' เห็นด้วย 'จอม เพชรประดับ' เปลี่ยนชื่อพรรคเพื่อไทยเป็น 'พรรคพวกชินวัตร' แฉตระกูลชินวัตรครอบงำตลอดมาไม่มีวันเปลี่ยนแปลง จะยังคงใช้เป็นเครื่องมือเพื่ออำนาจและผลประโยชน์ของครอบครัวตนเอง ส.ส. ยิ่งกว่าทาสเรือนเบี้ย

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี เห็นด้วยกรณีนายจอม เพชรประดับ สื่อมวลชนอิสระ ที่ลี้ภัยหนีคดีความมั่นคงในประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่าพรรคเพื่อไทยควรเปลี่ยนเป็น พรรคพวกชินวัตร และตั้งคำถามว่าพรรคการเมืองนี้จะใช้ความชอบธรรมตรงไหนไปกล่าวหาตรวจสอบคนอื่น และระบุว่านายทักษิณ ชินวัตร ไม่เคยเปลี่ยน ยังคงใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือทางการเมือง เพื่ออำนาจและพวกพ้องตัวเองอยู่เหมือนเดิม

โดยนายเสกสกล กล่าวว่าเรื่องที่นายจอม ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กนั้นเป็นเรื่องจริงทุกประการ ซึ่งตนก็เคยอยู่พรรคการเมืองนี้มาก่อน จึงทราบดีถึงพฤติกรรมของพรรค รวมถึงนายทักษิณว่าเป็นอย่างไร จึงไม่แปลกใจที่จะมีคนออกมาแฉพรรคต่อเนื่อง แม้กระทั่ง ส.ส.ในพรรคตนเอง เพราะทนพฤติกรรมไม่ได้

นายเสกสกล กล่าวต่อว่าพรรคเพื่อไทยยังไม่หลุดพ้นจากนายทักษิณ เพราะที่ผ่านมากลุ่มแคร์ มักจะเชิญนายทักษิณร่วมคลับเฮาส์ ให้นายทักษิณวิดีโอคอลคุยสมาชิกพรรค หรือการเปลี่ยนโลโก้ใหม่ มีตัวหนังสือคล้ายลายมือนายทักษิณ ดังนั้นจึงอยากขอเตือนพรรคเพื่อไทย หากยังเล่นการเมืองแบบเก่า ชูนายทักษิณเช่นนี้จะไม่เหลือ ส.ส. ที่มีคุณภาพไว้ทำงานให้พรรคอีกต่อไป

‘หนึ่ง จักรวาล’ โพสต์ขอโทษ ‘จับก้น-พุง’ ลูกสาว รับปาก!! จะระมัดระวังให้มากขึ้น

‘หนึ่ง จักรวาล เสาธงยุติธรรม’ นักร้อง-นักดนตรีชื่อดัง โพสต์ข้อความขอโทษ หลังโดนชาวเน็ตวิจารณ์เดือดปมคลิปจับก้น-จับพุงลูกสาวที่ถูกมองว่าไม่สมควร เจ้าตัวขอโทษ รับปากจะระมัดระวังการแสดงออกความรักต่อลูกให้มากขึ้น

จากกรณีดราม่าเดือด หลังจากที่ ‘หนึ่ง จักรวาล เสาธงยุติธรรม’ นักร้อง-นักดนตรีชื่อดัง โพสต์คลิปหยอกล้อลูกสาวลงอินสตาแกรมส่วนตัว เป็นคลิปแกล้งบีบก้นและจับพุงลูก พร้อมหอมแก้มลูกด้วยความมันเขี้ยว งานนี้เจอชาวเน็ตเข้าไปคอมเมนต์แรงว่าไม่เหมาะสม จะอ้วก น้องโตเป็นสาวแล้ว คุณพ่อไม่ควรแตะต้องเนื้อตัวน้องแบบนั้น และไม่ควรลงในสื่อ ขณะที่มีคนเห็นต่างมองว่าเป็นการหยอกล้อกับลูก เป็นความผูกพันในครอบครัว คนคิดแบบนั้นมีแต่คนจิตอกุศลเท่านั้น


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top