Saturday, 14 June 2025
Hard News Team

'ดร.นิว' ซัด 'ปิยบุตร' ชอบปั้นวาทกรรมใส่ร้ายสถาบันฯ แถม ‘อำมหิต’ ชอบหลอกใช้คนรุ่นใหม่ไปติดคุก

‘ดร.นิว’ ซัด ‘ปิยบุตร’ หมกมุ่นอยู่กับการประดิษฐ์วาทกรรมใส่ร้ายป้ายสีสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยการโกหกบิดเบือน หลอกใช้คนรุ่นใหม่ติดคุกติดตะรางแทนตัวเองอย่างอำมหิต

ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ ‘ดร.นิว’ นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัว Suphanat Aphinyan ว่า ทำไม "ปิยบุตร แสงกนกกุล" หมกมุ่นอยู่กับการประดิษฐ์วาทกรรมใส่ร้ายป้ายสีสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยการโกหกบิดเบือน มโนขึ้นมาเองคนเดียวแบบมั่ว ๆ เพ้อเจ้อเหลวไหลไม่ต่างจากคนป่วยทางจิต

'กก.บห.พลังประชารัฐ' เซ็นลาออกแล้ว 9 ราย เปิดทางรื้อโครงสร้างพรรคอีกรอบ

‘ธรรมนัส’ มีหนาว! กก.บห.พรรค พปชร.เซ็นลาออกแล้ว 9 คนจากทั้งหมด 22 ราย บางส่วนยังรอสัญญาณจาก "ประวิตร" ว่าจะเอาอย่างไร

รายงานข่าวจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แจ้งว่า ขณะนี้มีคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้เซ็นใบลาออกจากตำแหน่งเรียบร้อยแล้ว 9 ราย จากทั้งหมด 22 ราย เพื่อให้เดินหน้าปรับโครงสร้างพรรค ประกอบด้วย 

1.) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม 
2.) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม 
3.) นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกฯ 
4.) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม 
5.) นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน 
6.) นายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม 
7.) นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.การคลัง 
8.) นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ ส.ส.ชลบุรี 
และ 9.) นายรงค์ บุญสวยขวัญ ส.ส.นครศรีธรรมราช

โฆษกรัฐบาล เผย ทุกฝ่ายขานรับเปิดประเทศ  1 พ.ย. นี้ สธ. เตรียมรองรับ 5 ด้าน /กต. เปิดตัว Thailand Pass ขณะที่ “นายก”สั่งเข้มฝ่ายมั่นคงปราบการกระทำผิดทุกรูปแบบ ขอประชาชนเน้นชีวิต "วิถีใหม่" ธุรกิจยึดหลัก COVID Free Setting สร้างความมั่นใจคนไทย-นทท.

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประกาศเดินหน้าเปิดประเทศแบบปลอดภัย (Smart Entry)โดยทยอยเปิดรับผู้ที่เดินทางมาจากประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำว่า ได้รับวัคซีนโควิด-19 ครบตามข้อกำหนดแบบไม่กักตัวหรือจำกัดพื้นที่ เริ่ม 1 พฤศจิกายน นี้ ช่วยทำให้เศรษฐกิจและการท่องเที่ยวไทยกลับมาคึกคัก โดยหอการค้าไทยคาดว่าจะมีเม็ดเงินกว่า 30,000 ล้านบาท หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจจากการเปิดรับนักท่องเที่ยว สนับสนุนให้ GDP ไทยปีนี้ เติบโต 1-1.5%  ด้วย

ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกับสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัลสร้างแพลตฟอร์มใหม่ชื่อ Thailand Pass เพื่อขอรับเอกสารรับรองการเดินทางเข้าประเทศแบบอิเล็กทรอนิกส์ (Thailand Pass QR code) เริ่ม 1 พฤศจิกายน นี้  ตั้งแต่เวลา 09.00 น. เป็นต้นไป โดยสามารถลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ tp.consular.go.th ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวก ลดขั้นตอนการอนุมัติที่ไม่จำเป็น ทำให้นักท่องเที่ยว/นักธุรกิจ ที่จะเดินทางมาเที่ยวหรือประกอบธุรกิจในไทยได้รับความสะดวกมากขึ้น
นายธนกร กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข โดยคณะกรรมการจัดทำแผนรองรับนโยบาย “เปิดประเทศใน 120 วัน” เตรียมแผนรองรับการเปิดประเทศ 1 พ.ย. นี้ ครอบคลุม 5 ด้าน ได้แก่ 

1.การเฝ้าระวังป้องกันควบคุมโรค ตั้งแต่ขั้นตอนลงทะเบียนก่อนเดินทาง ขั้นตอนการตรวจสอบที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ และการเดินทางจากท่าอากาศยานจนถึงโรงแรมในลักษณะปิด (Sealed Route) การตรวจหาการติดเชื้อในประเทศ เพื่อมั่นใจว่าผู้เดินทางเข้าประเทศผ่านกระบวนการและไม่มีการติดเชื้อ อีกทั้งมีความปลอดภัยเมื่อท่องเที่ยวในประเทศไทย  

2.การตรวจทางห้องปฏิบัติการ สำหรับตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในผู้เดินทางเข้าในประเทศอย่างรวดเร็วแม่นยำ และการตรวจสายพันธุ์กลายพันธุ์ 

3.มาตรการ COVID Free Setting ในสถานประกอบการพื้นที่เปิดรับนักท่องเที่ยว ประเมินตนเองผ่าน Thai Stop COVID Plus มีใบรับรองและ QR Code ที่ให้ประชาชนสแกนเพื่อตรวจสอบและประเมินร้องเรียนได้ มีการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมตรวจประเมินทุก 2 สัปดาห์ 

4.การแพทย์และสาธารณสุข โดยปรับรูปแบบการรักษาพยาบาลที่สอดคล้องกับสถานการณ์ ให้สถานพยาบาลประเมินตนเอง พร้อมเข้าสู่การแพทย์วิถีใหม่ ป้องกันการติดเชื้อในสถานพยาบาล 

5.เวชภัณฑ์และการส่งกำลังบำรุง ขณะนี้มียาฟาวิพิราเวียร์ 26.2 ล้านเม็ด ยาเรมเดซิเวียร์ 74,284 ขวด และเวชภัณฑ์ต่าง ๆ ภาพรวมคงคลังประมาณ 3-6 เดือน และจัดหายาและเวชภัณฑ์เพิ่มเติมต่อเนื่อง ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยังกำชับให้หน่วยความมั่นคง ทหาร ตำรวจ ลาดตระเวร เฝ้าระวังพื้นที่ตามแนวชายแดนแบบเข้มงวดสูงสุด เพื่อป้องกันการกระทำผิดกฎหมายทุกรูปแบบ รวมทั้งจับกุมแรงงานข้ามชาติที่เดินทางเข้ามาอย่างผิดกฎหมายด้วย ขณะเดียวกัน ก็เร่งกระจายและฉีดวัคซีนโควิด-19  ให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายตามเกณท์ทุกจังหวัดเพื่อให้ภูมิคุ้มกันหมู่ภายในพื้นที่

โฆษกรัฐบาลเผย “นายก” มุ่งมั่นยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนผ่าน “โครงการบ้านล้านหลัง” ธอส. มีผู้ลงทะเบียนแล้ว 60,752 ราย วงเงินยื่น 72,902 ล้านบาท ย้ำเชิญชวนผู้มีรายได้น้อยลงทะเบียนขอสินเชื่อเพื่อโอกาสมีบ้านเป็นของตนเอง  

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และรัฐบาล มีความมุ่งมั่นที่ต้องการดูแลประชาชนผู้มีรายได้น้อยให้ได้มีที่อยู่อาศัยที่มั่นคง ราคาไม่แพง โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบสถาบันการเงิน ผู้ที่เริ่มต้นทำงานเพื่อสร้างครอบครัว และผู้สูงอายุ ซึ่งที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 ก.ย.64 มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ดำเนินการโครงการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยแห่งรัฐ หรือ โครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 2 โดยปรับเพิ่มกรอบวงเงินโครงการอีกจำนวน 20,000 ล้านบาท และปรับปรุงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการ เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองในระดับราคาที่เหมาะสมกับศักยภาพของประชาชนอย่างต่อเนื่อง ในอัตราดอกเบี้ยสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันมากยิ่งขึ้น

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงความคืบหน้าของผลการดำเนินงานโครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 2 ล่าสุด ณ วันที่ 24 ตุลาคม 2564 ได้มีผู้ลงทะเบียนกับ ธอส. แล้วจำนวน 60,752 ราย วงเงินยื่นกู้ 72,902 ล้านบาท และได้ยื่นกู้สะสมจำนวน 2,479 ราย ซึ่ง ธอส. ได้มีการอนุมัติสินเชื่อไปแล้ว 1,845 ราย คิดเป็นมูลค่า 1,509 ล้านบาท โดย ธอส. กำลังเร่งพิจารณาตามขั้นตอนเพื่อการอนุมัติสินเชื่อให้กับประชาชนผู้ที่ม่ีคุณสมบัติครบตามเงื่อนไขของโครงการฯ ซึ่งรัฐบาลโดยกระทรวงการคลังได้กำกับให้ ธอส. พิจารณาการอนุมัติสินเชื่อด้วยความละเอียดรอบคอบ เหมาะสม โดยคำนึงถึงการให้สินเชื่อแก่ผู้กู้ที่ยังไม่มีที่อยู่อาศัยมาก่อนเป็นลำดับแรก เพื่อสร้างโอกาสและสนับสนุนประชาชนกลุ่มผู้มีรายได้น้อยที่ไม่มีที่อยู่อาศัยได้มีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยได้อย่างทั่วถึง  จึงขอเชิญชวนประชาชนผู้มีรายได้น้อยที่ต้องการขอสินเชื่อ ได้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ เพื่อโอกาสในการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองตั้งแต่บัดนี้ เพื่อให้สามารถทำนิติกรรมได้ภายในวันที่ 30 ธ.ค.66 หรือก่อนเต็มกรอบวงเงินของโครงการ 

“โครงการบ้านล้านหลังระยะที่ 2 เป็นการดำเนินการสานต่อความสำเร็จของโครงการบ้านล้านหลังระยะแรก ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ซึ่งเป็นการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลโดยท่านนายกรัฐมนตรีที่มีความมุ่งมั่นช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้มีรายได้น้อย ให้ประชาชนได้มีบ้านเป็นของตนเอง ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม ที่มุ่งเน้นสร้างความเป็นธรรมและลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ เชื่อมั่นว่าโครงการดังกล่าว จะเป็นอีกหนึ่งช่องทางสำคัญที่ทำให้ประชาชนกลุ่มผู้มีรายได้น้อย สามารถเข้าถึงสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย เพื่อให้สามารถมีบ้านเป็นของตนเอง และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้อย่างแท้จริง” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าว 

สำหรับรายละเอียดสินเชื่อโครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 2 ที่สำคัญ อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4 ปีแรก 1.99% ต่อปี ให้กู้ซื้อที่อยู่อาศัยราคาซื้อ-ขายไม่เกิน 1,200,000 บาท ทั้งบ้านใหม่ บ้านมือสอง และทรัพย์ NPA ของ ธอส. เงินงวดคงที่นานถึง 84 งวดแรก ฟรีค่าธรรมเนียม 4 ประเภท คือ 1. ค่าธรรมเนียมการยื่นกู้ (0.1% ของวงเงินกู้) 2. ค่าประเมินราคาหลักประกัน (1,900-2,300 บาท) 3. ค่าจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม (1,000 บาท ต่อราย) และ 4. ค่าจดทะเบียนนิติกรรมจำนอง (1% ของวงเงินจำนอง) ระยะเวลาผ่อนไม่น้อยกว่า 7 ปี และผ่อนสูงสุดไม่เกิน 40 ปี อายุผู้กู้รวมกับระยะเวลาที่ขอกู้ต้องไม่เกิน 70 ปี ยกเว้น ข้าราชการตุลาการ อัยการ หรืออื่น ๆ ที่มีอายุเกษียณมากกว่า 60 ปี อายุผู้กู้เมื่อรวมกับระยะเวลาที่ขอกู้ต้องไม่เกิน 75 ปี 

เปิดจองแล้ว! มอเตอร์ไซค์เหาะ ‘XTURISMO’ จากหนังไรเดอร์! สู่คันจริง สนนราคา 77 ล้านเยน

บริษัท A.L.I.Technologies ของญี่ปุ่นเปิดตัวมอเตอร์ไซค์เหาะ XTURISMO แบบเดียวกับหนังคาเมนไรเดอร์ภาคล่าสุดนำมาจำหน่ายจริง

ลักษณะของรถจะมีใบพัดขนาดใหญ่ 2 อันตรงกลางใช้บินขึ้นฟ้า ด้านหน้าและหลังมีใบพัดเสริมรวมกัน 4 อันช่วยในการเคลื่อนที่อย่างมั่นคง วิธีบังคับคล้ายมอเตอร์ไซค์ปกติ มีการสาธิตด้วยเทคโนโลยี VR สวมแว่นลองขับ

ความยาวตัวรถจะอยู่ที่ 3.7 เมตร กว้าง 2.4 เมตร น้ำหนัก 300 กิโลกรัม ทำความเร็วสูงสุด 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง บินได้นานประมาณ 40 นาที ใช้พลังงานน้ำมันและไฟฟ้า โดยตั้งเป้าจะพัฒนาให้เป็นไฟฟ้าทั้งหมดในปี 2025

'ส.ศิวรักษ์’ ระบุพระเกี้ยวเป็นสัญลักษณ์ของรัชกาลที่ 5 เมื่อจุฬาฯ สร้างขึ้นถวายรัชกาลที่ 5 การเชิญชูพระเกียรติก็พึงจะทำ แต่เมื่อการแบกเสลี่ยงนั้นหนัก และนิสิตเขาไม่พอใจ ก็ควรที่จะเปลี่ยนได้

ถ้าแบกแล้วหนัก ก็เปลี่ยนวิธีการซะ!! 

'ส.ศิวรักษ์’ ระบุพระเกี้ยวนั้นเป็นสัญลักษณ์ของรัชกาลที่ 5 เมื่อจุฬาฯ สร้างขึ้นถวายรัชกาลที่ 5 การเชิญชูพระเกียรติก็พึงจะทำ แต่เมื่อการแบกเสลี่ยงนั้นหนัก และนิสิตเขาไม่พอใจ ก็ควรที่จะเปลี่ยนได้

เพจ Sulak Sivaraksa ของ นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ หรือ ส.ศิวรักษ์ โพสต์ความเห็นต่อกรณียกเลิกขบวนอัญเชิญพระเกี้ยว ว่า เรื่องที่เกิดขึ้นในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย น่าเสียดายที่ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ เท่าที่ผมทราบ มติที่ประชุมขององค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (อบจ.) เป็นเอกฉันท์ เห็นว่า การอัญเชิญพระเกี้ยวนั้นคนที่ถูกเกณฑ์ให้ไปแบกหาม ไม่มีใครเขาพอใจ เพราะฉะนั้น การจะทำอะไรต่างๆ ก็ควรให้นิสิตพอใจ 

บอร์ด สมอ. เคาะแผนทำมาตรฐานปี 65 เห็นชอบมาตรฐานระบบเตือนภัย ป้องกันการโจรกรรม

บอร์ด สมอ. เคาะแผนจัดทำมาตรฐาน ปี’65 โฟกัส S-curve / New S-curve พร้อมเห็นชอบมาตรฐานระบบเตือนภัย เตรียมล้อมคอกป้องกันการโจรกรรม

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน โดยการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านคุณภาพของภาคอุตสาหกรรม เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันสูงขึ้น โดยมีแผนแม่บทการกำหนดมาตรฐานระยะ 5 ปี (พ.ศ.2565-2569) เป็นกลไกสำคัญเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งตนได้สั่งการให้สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) จัดทำมาตรฐานให้สอดคล้องกับความต้องการและความคาดหวังของทุกภาคส่วน ทั้งภาคอุตสาหกรรม ภาครัฐ และประชาชน ซึ่งเป็นไปตามนโยบายรัฐบาล เพื่อนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ตลอดจนเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับภาคอุตสาหกรรม และคุ้มครองผู้บริโภคให้ปลอดภัยจากการใช้สินค้า

นายจุลพงษ์ ทวีศรี รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (กมอ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมบอร์ด สมอ. เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมาว่า บอร์ดได้มีมติเห็นชอบรายชื่อเพื่อจัดทำมาตรฐานในปีงบประมาณ 2565 จำนวน 596 เรื่อง โดยมีแผนตามที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณจำนวน 240 เรื่อง ครอบคลุมมาตรฐานกลุ่ม S-curve / New S-curve กลุ่มอุตสาหกรรมอื่น ๆ มาตรฐานตามนโยบาย และมาตรฐานเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการ นอกจากนี้ ยังเห็นชอบมาตรฐานระบบเตือนภัย และมาตรฐานสินค้าอื่น ๆ รวม 58 มาตรฐาน รวมทั้งให้ สมอ. ควบคุมคาร์บอนไดออกไซด์ทางการแพทย์ เป็นสินค้าควบคุมอีกด้วย

'จุรินทร์' เรียกถก ส่งออกถุงมือยางมือสอง พรุ่งนี้ ย้ำ!! หากเรื่องไม่ซับซ้อน พร้อมสรุปโดยเร็ว

'จุรินทร์' เรียกประชุมคณะกรรมการตรวจสอบ ส่งออกถุงมือยางมือสอง พรุ่งนี้ ที่ทำเนียบรัฐบาล ย้ำถ้าเรื่องไม่ซับซ้อนจะรีบสรุปโดยเร็ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2564 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีที่สื่อต่างประเทศนำเสนอเรื่องการส่งออกถุงมือยางใช้แล้วไปยังสหรัฐอเมริกา ว่า นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ตนเป็นประธานตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายกระทรวงร่วมกัน และมีอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศเป็นเลขานุการ ซึ่งตนจะได้นัดประชุมในวันพรุ่งนี้ เวลา 13.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อนับหนึ่งถึงที่มาของข้อเท็จจริง พร้อมทั้งที่มาที่ไปว่าเป็นอย่างไร และจะต้องดำเนินการต่อไปอย่างไร ทั้งนี้ไม่ได้มีกรอบเวลาในการดำเนินการ แต่ตนจะเร่งดำเนินการ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาไม่นาน ทั้งนี้จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมเป็นกรรมการหาข้อเท็จจริงดังกล่าวด้วย

ต่างชาติคิดหนัก หากหวังเกิดใหม่ใน 'ฟินแลนด์' เหตุรัฐโบกมือเรียก แต่คนถิ่นโบกมือไล่

ถ้าพูดถึงฟินแลนด์ คงหนีไม่พ้นการเป็นเมืองในฝันของใครหลายคน ที่ติดอันดับเมืองที่มีค่าดัชนีความสุขสูงติดอันดับท็อปของโลก มีคุณภาพชีวิตสูง เปี่ยมล้นด้วยสิทธิเสรีภาพและความเสมอภาคของประชาชน มีสิ่งแวดล้อมที่ดีเยี่ยม แต่มีอัตราการคอร์รัปชัน อาชญากรรมต่ำ

ทว่า ถึงแม้จะมีสุดยอดโปรไฟล์ที่ใคร ๆ ก็อิจฉา แต่ในประเทศฟินแลนด์ ก็ยังมีปัญหาเรื้อรังมานานที่กำลังเข้าขั้นวิกฤติ ก็คือ ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน

ในความเป็นจริงแล้ว ตอนนี้หลายประเทศในยุโรป ล้วนประสบปัญหาการขาดแคลนแรงงานหรือหาคนทำงานระดับทั่วไปได้ยาก เพียงแต่ประเทศฟินแลนด์ดูจะเจอปัญหาหนักกว่าใคร ๆ ในย่านนี้ อันเนื่องมาจากประเทศฟินแลนด์ เป็นอีกหนึ่งประเทศที่กำลังเดินหน้าเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ที่เราเรียกว่ายุค Grey Generation 

โดยสัดส่วนผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไปในฟินแลนด์มีสูงถึง 39.2 คนต่อประชากรวัยทำงาน 100 คน ซึ่งถือเป็นสัดส่วนที่สูงเป็นอันดับ 2 ของโลก เป็นรองเพียงญี่ปุ่นเท่านั้น และคาดว่าสัดส่วนประชากรวัยเกษียณของฟินแลนด์จะพุ่งไปถึง 47.5% ภายในปี 2030 นี้ 

แต่ปัญหาของฟินแลนด์ที่ดูจะหนักกว่าของญี่ปุ่นนั้น ก็เพราะฟินแลนด์เป็นประเทศที่มีประชากรเบาบางมาก เพียง 5.5 ล้านคนเท่านั้น หากเทียบกับญี่ปุ่นที่มีประชากรถึง 125 ล้านคน 

ดังนั้น สิ่งที่รัฐบาลฟินแลนด์จะต้องทำเพื่อแก้ปัญหาด้านแรงงาน คือ ต้องสนับสนุนให้คนวัยหนุ่ม-สาว จากประเทศอื่นย้ายเข้าไปตั้งถิ่นฐาน ทำงานในฟินแลนด์ให้มากขึ้น อย่างน้อย 20,000 -  30,000 คนต่อปี เพื่อเติมเต็มความต้องการด้านแรงงานในประเทศ 

ซึ่งดูเหมือนจะเป็นปัญหาที่แก้ไม่ยาก เพราะระดับประเทศแดนสวรรค์อย่างฟินแลนด์ประกาศขอรับคนต่างชาติย้ายถิ่นถาวร รับรองว่าจะต้องมีคนนับล้านจากทั่วโลกอยากเข้าไปตั้งรกรากทำงานในฟินแลนด์อย่างแน่นอน

แต่อุปสรรคใหญ่ของรัฐบาลฟินแลนด์คือ ยังมีกลุ่มนักการเมืองสายขวาจัดในฟินแลนด์ที่ต่อต้านการรับชาวต่างชาติเข้าเมือง โดยอ้างเหตุผลว่า ชาวต่างชาติมักมาสร้างปัญหา เป็นภาระภาษีของประชาชนมากกว่าจะมองในแง่การแก้ปัญหาแรงงานเพียงอย่างเดียว 

ส่วนชาวฟินแลนด์จำนวนไม่น้อย ก็ไม่ค่อยไว้ใจในการจ้างแรงงานต่างชาติมากนัก!!

นายอาห์เมด หนุ่มใหญ่วัย 42 ปีจากอังกฤษ ผู้มีประสบการณ์ด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ดิจิทัลเคยตัดสินใจย้ายถิ่นฐานไปหางานที่ฟินแลนด์ เล่าประสบการณ์ว่า ชาวต่างชาติหางานในกรุงเฮลซิงกิยากมาก ใบสมัครที่มาจากชาวต่างชาติมักถูกคัดทิ้งเป็นชุดแรก ๆ เสมอ แม้แต่ตัวเขาที่เคยผ่านงานด้านดิจิทัลมาก่อน การติดต่อธุรกิจกับบริษัทฟินแลนด์ยังมีอุปสรรคด้านวัฒนธรรมอยู่มาก ชาวฟินแลนด์บางคนยังไม่ยอมรับ แม้แต่จะจับมือทำความรู้จักกับชาวต่างชาติ

เรื่องปัญหาการสื่อสารก็เป็นเรื่องปวดใจไม่น้อย เมื่อชาวฟินแลนด์ไม่เปิดใจ เขาก็จะพูดภาษาฟินแลนด์ใส่หน้าคุณ โดยไม่สนใจว่าคุณจะฟังรู้เรื่องหรือไม่ และกำแพงภาษามักเป็นเรื่องยากที่จะข้ามผ่านหากคุณไม่ได้เกิด หรือเติบโตในฟินแลนด์

“ผบ.ทสส.” พร้อม “ผบ.ทอ.” ร่วมทำการบินสังเกตการณ์ในตำแหน่งที่นั่งหลังของเครื่องบินขับไล่ GRIPEN 39 C/D เพื่อรับทราบสมรรถนะและขีดความสามารถในการปฏิบัติการทางอากาศโดยใช้เครือข่ายเป็นศูนย์กลาง ณ กองบิน 7อ

พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) พร้อมด้วย พล.อ.อ.นภาเดช  ธูปะเตมีย์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) ตรวจเยี่ยมกองบิน 7 จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมี นาวาอากาศเอก พุทธพงศ์  ผลชีวิน ผู้บังคับการกองบิน 7 ให้การต้อนรับ 

โดยได้รับชมสาธิตการปฏิบัติการทางอากาศโดยใช้เครือข่ายเป็นศูนย์กลาง หรือ Network Centric Operation (NCO)  ซึ่งกองทัพอากาศได้ปฏิบัติภารกิจร่วมกับกองทัพเรือ เพื่อพัฒนาต่อยอดไปสู่การปฏิบัติการในรูปแบบ Multi Domain Operation (MDO) บนพื้นฐานการเชื่อมโยงข้อมูลทางยุทธวิธีของกองทัพไทย (National Link)


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top