Tuesday, 8 July 2025
Hard News Team

‘สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ’ นักบริหารมืออาชีพ ตัวจริงข้างรัฐบาลลุงตู่

นับตั้งแต่การก่อตั้งพรรคพลังประชารัฐเมื่อปลายปี 2561 จนถึงวันนี้ ตัวละครในพรรคพลังประชารัฐเปลี่ยนโฉมหน้าไปหลายคำรบ ตั้งแต่ผู้บริหารพรรคยันไปจนถึง ส.ส. เหตุเพราะตลอดช่วงเวลา 5 ปีที่ผ่านมา พรรคพลังประชารัฐ ต้องเผชิญกับปัญหาภายในพรรคมาอย่างต่อเนื่อง 

แน่นอนว่า หนึ่งในภาพใหญ่ที่คอการเมืองคงจำได้ดี นั่นคือ กลุ่ม ‘4 กุมาร’ ภายใต้การนำของ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ และ กลุ่ม อดีต กปปส. ที่ต้องคำพิพากษา จนต้องตัดสินใจหันหลัง ออกจากพรรคไป ทั้งที่เป็นกลุ่มที่ตั้งพรรคมากับมือ แต่สัมพันธภาพของ 4 กุมาร และ ‘สุริยะ’ ก็ไม่ได้ขัดแย้งกันแต่อย่างใด ทุกอย่างยังคงเหนียวแน่น เป็นการออกกันไปเองของ 4 กุมาร และตอนนี้ก็มีพรรคสร้างอนาคตไทย เป็นเรื่องเป็นราวแล้ว

อย่างไรก็ตามความสัมพันธ์ของเหล่าคีย์แมนหลักอย่าง ‘นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ’ รมว.อุตสาหกรรม, นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม และ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ดูจะไม่ได้กระเทือนอย่างที่ใครคาดคิด เพียงแต่ดุลอำนาจจากกลุ่มสามมิตรที่เสียไป อาจจะสั่นคลอนไปบ้าง สังเกตได้จากกรณี นายอนุชา นาคาศัย ถูก ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า กระชากเก้าอี้ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ไปแบบต่อหน้าต่อตา 

ขณะเดียวกันความขัดแย้งระหว่างสามมิตรกับธรรมนัส ที่ยังคงดูจะยังคุกรุ่นต่อเนื่อง จนถึงขั้นมีข่าวลือหนาหูว่าสามมิตร จะหวนกลับไปซบรังเก่า ‘พรรคเพื่อไทย’ พลันให้แกนหลักอย่าง ‘สุริยะ’ ต้องรีบออกมาสยบข่าวลือว่า ‘กลุ่มสามมิตรจะยังอยู่กับ พปชร. ต่อไป ไม่ย้ายซบเพื่อไทยแน่นอน’

แต่ถึงกระนั้น ภายหลังก๊วน ส.ส. กลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส ถูกขับออกจากพรรคเมื่อ 19 ม.ค. 65 ที่ผ่านมา กูรูการเมืองต่างก็วิเคราะห์กันว่า ‘กลุ่มสามมิตร’ จะกลับมาพาวเวอร์ฟูล ในพลังประชารัฐอีกครั้ง หากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยืนยันที่จะนำรัฐนาวาแห่งนี้แล่นไปถึงฝั่ง (อยู่ครบเทอม) เพราะ ส.ส.ที่อยู่ในกลุ่มนี้ราว 30 คน ล้วนเป็นฐานเสียงสำคัญที่จะช่วยประคองขาเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ไม่ให้หักก่อนเวลาอันควร

เรื่องนี้ไม่ใช่แค่การมโน เพราะหากตรวจแนวรบของสามมิตร โดยมี ‘สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ’ ค้ำยันเป็นคีย์แมนหลักแล้ว ก็ค่อนข้างมั่นใจได้ว่า โอกาสที่สถานการณ์ความขัดแย้งภายในพรรคพลังประชารัฐจะหมดสิ้น รวมไปถึงการทำงานกับพรรคร่วมรัฐบาลต่างๆ น่าจะเดินหน้าไปด้วยกันได้ดี

เหตุที่กล่าวเช่นนี้ นั่นเพราะ ในยุทธจักรการเมืองไทย ‘สุริยะ’ ถือเป็น ‘นักการเมืองที่ไม่ค่อยมีภาพความขัดแย้ง’ และที่สำคัญสามารถทำงานได้กับทุกฝ่ายทุกก๊วน 

รัสเซีย-เบลารุส ซ้อมรบกระสุนจริง เร้าพลเมืองสหรัฐฯ ออกจากยูเครนด่วน

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ เมื่อวันพฤหัสบดี (10 ก.พ.) เร่งเร้าพลเมืองอเมริกาให้เดินทางออกจากยูเครนในทันที ในขณะที่การซ้อมรบกระสุนจริงของรัสเซียและการระดมกำลังทหารตามแนวชายแดน โหมกระพือความกังวลว่ามอสโกจะยกพลรุกรานยูเครน

ความตึงเครียดระหว่างวอชิงตันกับมอสโกพุ่งแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่สงครามเย็น ด้วยสหรัฐฯ ประมาณการว่า มีทหารรัสเซียราว 130,000 นาย ระดมกำลังกันอยู่ตามแนวชายแดนติดกับยูเครน

"พลเมืองอเมริกันควรเดินทางออกมาเดี๋ยวนี้เลย" ไบเดนกล่าวในการสัมภาษณ์ที่บันทึกเทปไว้ล่วงหน้ากับสำนักข่าวเอ็นบีซีนิวส์ "เรากำลังรับมือกับหนึ่งในกองทัพใหญ่ที่สุดในโลก มันเป็นสถานการณ์ที่ต่างออกไปอย่างมากและสิ่งต่างๆ อาจเข้าสู่ความบ้าคลั่งอย่างรวดเร็ว"

ไบเดน เน้นย้ำว่า ไม่มีกรณีแวดล้อมใดที่เขาจะส่งทหารเข้าไปยังยูเครน แม้กระทั่งในภารกิจช่วยหลือพลเมืองอเมริกันในกรณีที่รัสเซียเปิดฉากรุกราน "มันจะเป็นสงครามโลก เมื่ออเมริกาและรัสเซียเริ่มยิงเข้าใส่กัน เราจะอยู่ในโลกที่ต่างออกไปโดยสิ้นเชิง" เขากล่าว

คำพูดของไบเดนถูกเผยแพร่ออกมาหลายชั่วโมง หลังจากรัสเซียเคลื่อนรถถังข้ามชายแดนเข้าสู่เบลารุส เพื่อซ้อมรบกระสุนจริง ที่เรียกเสียงเตือนจากนาโต้ และกระตุ้นให้ตะวันตกต้องเร่งมือในความพยายามหลีกเลี่ยงเกิดสงครามในทวีปยุโรป

นาโต้ระบุว่า ความเคลื่อนไหวประจำการขีปนาวุธ ยานเกราะหนัก และกองทหารติดปืนกลของรัสเซีย ตอกย้ำถึง "ช่วงเวลาอันตราย" สำหรับทวีปยุโรป ราว 3 ทศวรรษหลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียต

พวกผู้นำตะวันตกพยายามติดต่อไปมากับมอสโก ในความพยายามรักษาช่องทางการสื่อสารระหว่างสองฝ่ายเอาไว้ เปิดโอกาสให้รัสเซียระบายความคับข้องใจเกี่ยวกับการแผนขยายอิทธิพลของนาโต้เข้าสู่ยุโรปตะวันตกและบรรดาประเทศอดีตสหภาพโซเวียต

อย่างไรก็ตาม พวกเขาพยามหาทางแสดงออกถึงความแน่วแน่ในการเผชิญกับสิ่งที่พวกเขาเรียกว่าท่าทีของรัสเซียที่ซ้ำเติมสถานการณ์ความตึงเครียดที่หนักหน่วงอยู่ก่อนแล้ว "รัสเซียไม่ควรประเมินเราต่ำเกินไป ทั้งในแง่ความเป็นหนึ่งเดียวกันและความมุ่งมั่นของเราในฐานะพันธมิตรอียูและในฐานะพันธมิตรนาโต้" โอลาฟ์ โชลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนีระบุ

เพนตากอนเผยในวันพฤหัสบดี (10 ก.พ.) ว่า ในความพยายามลดโอกาสของการคำนวณพลาดระหว่างการซ้อมรบของรัสเซียกับเบลารุส บรรดาผู้บัญชาการด้านกลาโหมของสหรัฐฯ และเบลารุสได้พูดคุยทางโทรศัพท์กัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่พบเห็นบ่อยครั้งนัก

รัสเซียยังได้ส่งเรือรบ 6 ลำ ล่องผ่านช่องแคบบอสพอรัส สำหรับซ้อมรบทางนาวีในทะเลดำ และทะเลอาซอฟที่อยู่ติดกัน

‘RJ44’ พันธุ์ข้าวขาวพื้นนุ่มจาก ‘โกมล จึงรุ่งเรืองกิจ’ ชนะเลิศประกวดข้าวพันธุ์ใหม่เพื่อการพาณิชย์

‘นายโกมล จึงรุ่งเรืองกิจ’ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท รวมใจพัฒนาความรู้ จำกัด ภายใต้มูลนิธิรวมใจพัฒนา และประธานกรรมการ บริษัท ซัมมิทฟุตแวร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่าย รองเท้ายี่ห้อ 'แอโร่ซอฟ' ซึ่งถือเป็นอีกผู้ใหญ่ใจดีของสังคมไทย และเป็นบุคคลที่มักเข้ามาช่วยเหลือเรื่องใหญ่ๆ ในสังคมไทยแบบไม่ออกหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยก่อนหน้านี้ได้บริจาคเงิน จำนวน 100 ล้านบาท พร้อมด้วยอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็น ประกอบด้วย อุปกรณ์ป้องกันใบหน้าและตา (Face Shield) จำนวน 3,000 ชิ้น และเครื่องช่วยหายใจไฮโฟลว์ (Airvo 2) จำนวน 10 ชิ้น ให้กับมูลนิธิโรงพยาบาลศิริราช เพื่อสนับสนุนการดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด-19 และจัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์ใช้ในการรักษา

ขณะเดียวกัน ยังได้ดำเนินงานด้านงานวิจัยและปรับปรุงพันธุ์ข้าว เพื่อแก้ปัญหา พร้อมยกระดับวงการข้าวไทยครบวงจร โดยมุ่งเน้นการปรับปรุงสายพันธุ์ข้าวที่ให้ผลผลิตสูง คุณภาพดี เป็นที่ยอมรับของเกษตรกร โรงสีข้าว และสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย สู่ความยั่งยืนด้านข้าวของประเทศไทย

โดยในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2565 ภายใต้การจัดงานประกวดข้าวพันธุ์ใหม่เพื่อการพาณิชย์ ครั้งที่ 1 (2564) ที่จัดโดยสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย สมาคมผู้รวบรวมและจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ข้าว กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

‘เอ้ สุชัชวีร์’ หอบหลักฐานยื่น ป.ป.ช. ขอให้ตรวจสอบทรัพย์สินตัวเองและภรรยา 

เอ้ สุชัชวีร์’ หอบหลักฐานยื่น ป.ป.ช. ขอให้ตรวจสอบทรัพย์สินตัวเองและภรรยา เชื่อถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง 

นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ในนามพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวกรณีถูกร้องเรียนมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติ โดยระบุว่า

ชีวิตเปิดเผย โปร่งใส 

คณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ ของสภาผู้แทนราษฎร ออกมาให้ข่าวว่ามีผู้ร้องเรียนว่า ผมมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติ ผมจึงจำเป็นต้องแสวงหาความจริงจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งเป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญ ที่ดูแลเรื่องดังกล่าวนี้ เพื่อเป็นการรักษาเกียรติยศและชื่อเสียงของผม ของครอบครัวผม และวงศ์ตระกูลของผม 

วันนี้ผมมายื่นหนังสือถึงคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อขอให้กรุณาตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของผม ว่าร่ำรวยผิดปกติหรือไม่ และตรวจสอบว่าผมมีพฤติกรรมทุจริตประพฤติมิชอบในขณะที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังหรือไม่ เนื่องจากมีการนำเสนอข้อมูลหลายครั้ง ทั้งทางสื่อออนไลน์และนอกสื่อออนไลน์ ชี้นำสังคมว่ามีข้อมูลมากมายทำให้สงสัยได้ว่าผมอาจมีพฤติกรรมทุจริตและประพฤติมิชอบและยังอาจร่ำรวยผิดปกติ 

ผมหวังว่าทาง คณะกรรมการ ป.ป.ช. จะได้ตรวจสอบว่า ผมร่ำรวยผิดปกติหรือไม่โดยด่วน เพื่อให้สังคมได้ทราบข้อเท็จจริงและไม่ถูกนำเรื่องนี้ไปใช้เป็นประเด็นการเมือง 

ผมต้องขอขอบคุณพี่น้องและเพื่อนๆ ที่รักทั้งหลายที่เป็นห่วงผม ทั้งส่งข้อความและโทรศัพท์มาให้กำลังใจ ว่าเพิ่งเข้าสู่วงการการเมืองก็ถูกรังแกเสียแล้ว ก็อยากจะขอกำลังใจ และอยากจะบอกว่า เมื่อผมตัดสินใจเข้ามารับใช้พี่น้องประชาชนก็เตรียมใจไว้อยู่แล้วครับ และหวังจะได้เห็นการเมืองแบบใหม่ ก็ไม่ทราบว่าจะเป็นการหวังลมๆ แล้งๆ หรือเปล่า 

'ศรีสุวรรณ' จี้ ผู้ว่าฯ อยุธยา ปลดนายกอบต.บ้านซุ้ง หลังปปช. ชี้มูลความผิดฐานทุจริตนานแล้ว

'ศรีสุวรรณ' ทวงถามผู้ว่าฯ อยุธยาทำไมไม่ปลดนายก อบต.บ้านซุ้ง ทั้งๆ ป.ป.ช. ชี้มูลผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่มานานแล้ว เตือนหากประวิงเวลาอีกต้องร้อง รมว.มหาดไทย เพื่อสอบเอาผิดผู้ว่าฯต่อไป

11 ก.พ. 65 - นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางมายื่นคำร้องต่อผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อทวงถามการใช้อำนาจสั่งให้นายก อบต.บ้านซุ้ง อ.นครพลวง พ้นจากหน้าที่ หลังจากที่ ป.ป.ช. ได้ชี้มูลความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่มานานแล้ว แต่จังหวัดกลับประวิงเวลาอย่างมีพิรุธ กลายเป็นที่ครหาของประชาชนนั้น

ทั้งนี้สืบเนื่องจาก ผู้มีสิทธิเลือกตั้งใน ต.บ้านซุ้ง อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา ได้ร้องเรียนต่อ ป.ป.ช.ว่านายกองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านซุ้ง ได้กระทำการทุจริตเงินโครงการคนดีศรีบ้านซุ้งต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด 2556 เป็นเหตุให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ทำการไต่สวนและสอบสวน และได้ทำการชี้มูลความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ พร้อมได้สรุปสำนวนการสอบสวนคดีดังกล่าวให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นครหลวง นายอำเภอนครหลวง และหรือจังหวัดพระนครศรีอยุธยาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดต่อไป

คลัง เปิดมาตรการรัฐ 10 วัน กระตุ้นใช้จ่าย 2.3 หมื่นล้าน

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้มาตรการรักษาระดับการบริโภคภายในประเทศ ปี 2565 ประกอบด้วย โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 4 โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ระยะที่ 2 และโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 รวม 10 วัน ตั้งแต่ 1 - 10 ก.พ. 2565 มีผู้ใช้สิทธิทุกโครงการรวม 34.42 ล้านราย และมียอดใช้จ่ายรวมทั้งหมด 23,032.55 ล้านบาท โดยสรุปผลการใช้จ่ายได้ คือ

1. โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 4 มีผู้ใช้สิทธิจำนวน 11.32 ล้านราย มียอดการใช้จ่ายรวม 2,248.45 ล้านบาท

2. โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ระยะที่ 2 มีผู้ใช้สิทธิจำนวน 8.7 แสนราย มียอดการใช้จ่ายรวม 171.80 ล้านบาท 

3. โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 มีผู้ใช้สิทธิจำนวน 22.23 ล้านราย มียอดการใช้จ่ายรวม 20,612.3 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่าย 10,433.8 ล้านบาท และรัฐร่วมจ่าย 10,178.5 ล้านบาท และมียอดใช้จ่ายสะสมแบ่งตามประเภทตามร้านค้า ได้แก่ ร้านอาหารและเครื่องดื่ม 7,742.1 ล้านบาท ร้านธงฟ้า 3,967.5 ล้านบาท ร้าน OTOP 978.6 ล้านบาท ร้านค้าทั่วไป 7,535.8 ล้านบาท ร้านบริการ 357.7 ล้านบาท และกิจการขนส่งสาธารณะ 30.6 ล้านบาท 

'หัวหน้าพรรครวมไทยยูไนเต็ด' แนะ สิ่งที่เราต้องทำ คือ 'พลิกโฉมประเทศไทย'

นายวรนัยน์ วาณิชกะ หัวหน้าพรรครวมไทยยูไนเต็ด โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวเรื่อง "นี่คือ พลิกโฉมประเทศไทย" มีเนื้อหาดังนี้…

อนาคตของชาติไม่ควรแขวนอยู่กับนโยบายกะปริดกะปรอย ยุทธศาสตร์เลื่อนลอย การบริหารบนผลประโยชน์ธุรกิจการเมือง การเมืองแบบเก่าที่ไม่เข้าใจความต้องการของโลกสมัยใหม่

ความใหม่ คือสิ่งที่ประชาชนต้องการ ไม่ใช่เหล้าเก่าในขวดใหม่ ย้อมขายเพื่อหวังกระแสและคะแนนเสียง ความใหม่ต้องขับเคลื่อนด้วยวิสัยทัศน์ แรงบันดาลใจ และอุดมการณ์อันแข็งแกร่งของนักการเมืองรุ่นใหม่ เพื่อที่จะมาเป็นรัฐบาลที่พลิกโฉมประเทศไทย ไม่ใช่แค่เปลี่ยนแปลงหรือปฏิรูป แต่ต้อง “พลิกโฉม”

แต่ความเป็นจริงคือ นักการเมืองรุ่นใหม่และรุ่นเก่า (ที่ต้องการทางเลือกใหม่) ต้องจับมือกัน รุ่นใหม่ต้องการรุ่นเก่าเพราะการสู้รบกับ เสือ สิง กระทิง แรด ในสภาและแต่ละหน่วยงาน ต้องอาศัยชั้นเชิงและความช่ำชองที่มาจากประสบการณ์ รุ่นเก่าต้องการรุ่นใหม่ มิฉะนั้นก็จะตกอยู่ในวังวนของความเหมือนเดิม

รุ่นใหม่คือตัวยิง รุ่นเก่าคือตัวส่งลูก รวมกันเราพลิกโฉม หากแยกกันการเมืองอุปถัมภ์คงเอาไปรับประทานอย่างแน่นอน

นี่คือ 5 นโยบายที่ไม่ใหม่ เพราะประเทศอื่นทำมาหมดแล้ว บางนโยบายพรรคอื่นได้พูดถึงบ้างแล้ว และเป็นนโยบายฉบับย่อ เพราะรายละเอียดมีอีกเยอะ

แต่สิ่งที่ใหม่คือ เหตุผลและจุดประสงค์ของนโยบาย เพราะถ้าเหตุผลคลุมเครือ จุดประสงค์บิดเบี้ยว ผลลัพธ์ก็เข้าแต่กระเป๋าการเมืองเก่า และเมื่อทำสำเร็จแล้ว ความใหม่คือโฉมหน้าประเทศไทย

>> คาสิโนเสรี ไม่ใช่เพราะบ้าการพนัน แต่มันคือยุทธศาสตร์ในการพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ ไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ในพื้นที่ของธุรกิจการเมือง แต่ทำในพื้นที่ยากจนที่สุด อยู่ท้ายแถวของความเหลื่อมล้ำ แต่ก่อนทำจะต้องมีประชามติ คนในพื้นที่ต้องเห็นด้วย ซึ่งการทำอุตสาหกรรมคาสิโนนั้น มีจุดประสงค์เพื่อต่อยอดในธุรกิจอื่น ยกระดับคุณภาพชีวิต ยกระดับคมนาคม ภาษีรายได้เอาไปลงกับการศึกษาและสิ่งแวดล้อม ตัวอย่างมีอยู่แล้ว Indian Reservations เคยเป็นพื้นที่ยากจนที่สุดในอเมริกา แต่ในพื้นที่ที่ได้ทำคาสิโนถูกกฎหมาย ผลต่อยอดมหาศาลและทั่วถึง นี่คือการกระจายศูนย์กลางทางเศรษฐกิจเข้าไปในแต่ละภูมิภาค และพัฒนาทั้งประเทศ ไม่ใช่กระจุกอยู่แต่ในกรุงเทพ รถในกรุงเทพก็จะติดน้อยลงโดยปริยาย เพราะประชากรระบายออกไปหาโอกาสทางเศรษฐกิจที่ดีกว่า นี่คือการกระจายอำนาจทางเศรษฐกิจที่กระจุก นี่คือการพลิกโฉมประเทศไทย

'รมว.เฮ้ง' ชวนแรงงานนอกระบบฝึกอาชีพเสริม พร้อมรับเครื่องมือทำกิน แก้ปัญหาความยากจน ตามนโยบายลุงตู่

กระทรวงแรงงาน จัดกิจกรรม เพิ่มอาชีพ เพิ่มรายได้ แก่ผู้ต้องการประกอบอาชีพอิสระและประชาชนทั่วไป จำนวน 2 พันคน แนะผู้สนใจติดต่อสำนักงานจัดหางานจังหวัดใกล้บ้าน 

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า กระทรวงแรงงาน โดยกรมการจัดหางาน มีกิจกรรมอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับการประกอบอาชีพอิสระ แก่ผู้ที่มีเวลาว่าง ผู้ว่างงาน หรือผู้ที่ต้องการหารายได้เสริม ผ่านกิจกรรมเพิ่มอาชีพ เพิ่มรายได้ ที่มีการจัดขึ้นทุกจังหวัดทั่วประเทศ โดยในปีงบประมาณ 2565 มีเป้าหมายทั้งปี 100 รุ่น รวมทั้งสิ้น 2,000 คน เพื่อเพิ่มโอกาสมีอาชีพ มีรายได้ มีงานทำในช่วงสถานการณ์โควิด -19  ซึ่งเมื่อจบหลักสูตรจะได้รับวัสดุอุปกรณ์ เพื่อใช้ในการประกอบอาชีพหลักหรืออาชีพเสริมหรือต่อยอดพัฒนารูปแบบของสินค้าและผลิตภัณฑ์ต่อไป

โดยอาชีพที่ได้รับความสนใจจากผู้อบรมได้แก่ การทำขนมไทย การทำน้ำยาล้างจาน น้ำยาซักผ้า น้ำยาปรับผ้านุ่ม การทำหมูสวรรค์ การทำจักสานตะกร้าพลาสติก การทำเบเกอรี่ การทำปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพ การทำปาท่องโก๋ เค้กหน้านิ่ม และชิฟฟ่อน ซึ่งผลการดำเนินการปีงบประมาณ 2564 ที่ผ่านมามีผู้ฝึกอบรม จำนวน 2,408 คน สร้างรายได้ 10,113,640 บาท

“พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายก รัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน ห่วงใยแรงงานไทยที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 แรงงานนอกระบบ ผู้ว่างงาน  และผู้ที่ต้องการหารายได้เสริมเพื่อนำไปใช้จ่ายในครัวเรือน ได้กำชับกระทรวงแรงงานดูแลแรงงานทั้งในระบบ และนอกระบบเท่าเทียม ทั่วถึง ให้มีทางเลือก มีโอกาสและช่องทางทำกิน  โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าว

ด้านนายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า กรมการจัดหางานมีภารกิจในการส่งเสริมและให้บริการแนะนำการประกอบอาชีพอิสระ รวมถึงการจัดสาธิตและฝึกปฏิบัติอาชีพอิสระ โดยมีการจัดวิทยากรให้ความรู้ด้านการประกอบการ อาทิ การบริหารจัดการ การทำบัญชีเบื้องต้น การตลาด การคิดต้นทุนการผลิต กำไรขาดทุน เป็นต้น

โซเชียลวิจารณ์เมนูฮิต ‘หมึกช็อต’ นักวิจัยเตือน เสี่ยงเจอพยาธิตัวกลม

โซเชียลวิจารณ์เมนูฮิต ‘หมึกช็อต’ รสชาติอร่อย แต่อาจเป็นการทรมานสัตว์ ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญเตือนเสี่ยงพยาธิตัวกลม ปวดท้องภายใน 1-2 ชั่วโมงหลังกิน

โซเชียลวิจารณ์เมนู ‘หมึกช็อต’ นำหมึกเป็นๆ ไปจุ่มน้ำจิ้มซีฟูี๊ดในแก้วช็อต หรือแก้วเล็กๆ แต่บางร้านปรับใช้เป็นแก้วขนาดใหญ่ หลังจากจุ่มไปหมึกจะดูดน้ำจิ้มเข้าไป จากนั้นก็หยิบหมึกมากิน หลายคนที่ได้ลองบอกว่า รสชาติดี เนื้อหมึกมีรสหวานเข้ากันได้ดีกับน้ำจิ้มซีฟู้ด แต่อีกด้านก็มองว่า น่าสงสาร เพราะการกินแบบนี้เป็นการทรมานสัตว์

ลูกค้าที่เข้ามากินเมนูหมึกช็อต บอกว่า รสชาติอร่อย มึกสด หวานดี แต่น่าจะลองกินเพียงครั้งเดียว เพราะสงสาร

ขณะที่เจ้าของร้าน บอกว่า ปกติที่ร้านขายซาซิมิ เพิ่งนำเมนูหมึกช็อตมาขายในช่วงที่มีกระแสเกิดขึ้น เพื่อเป็นตัวเลือกของลูกค้า และลูกค้าอยากกินเมนูดังกล่าวที่ร้าน

‘จีน-รัสเซีย’ พันธมิตรสุดแข็ง ที่พร้อมแกว่งทุกเมื่อ หากความเสี่ยง กระทบผลประโยชน์ของประเทศ

ภายใต้สถานการณ์วิกฤติของรัสเซีย จากประเด็นยูเครนในช่วงที่ผ่านมา น่าจะทำให้รัสเซียเริ่มเหลียวมองหาพันธมิตรที่แข็งแกร่งเพื่อพึ่งพิง ซึ่งก็คงใช่ใครอื่นนอกจากจีน 

ที่กล่าวเช่นนี้ เพราะไม่ว่ารัสเซียจะเจอปัญหาการเมืองกับชาติพันธมิตรในยุโรปหนักแค่ไหน หรือแม้จะเจอเหตุการณ์ประท้วงเพื่อล้มรัฐบาลคาซักสถานที่รัสเซียหนุนหลังอยู่เมื่อตอนต้นปี รวมถึงวิกฤติการลุกคืบของพันธมิตร NATO ในยูเครน ทางการจีนก็มักออกมาประกาศจุดยืนสนับสนุนฝ่ายรัสเซียอย่างแข็งขันเสมอมา

แถมความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นก็ยิ่งถูกตอกย้ำขึ้นไปอีก ภายหลังการพบกันอีกครั้งระหว่าง ‘สี จิ้นผิง’ และ ‘วลาดิมีร์ ปูติน’ ในช่วงพิธีเปิดโอลิมปิกฤดูหนาวที่ปักกิ่ง ที่ทางรัฐบาลรัสเซียออกมารายงานว่า เป็นการพบกันที่อบอุ่น และมีความก้าวหน้ามากขึ้น โดยเฉพาะความร่วมมือด้านพลังงาน ซึ่ง Rosneft บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของรัสเซียตกลงที่จะจัดโควตาส่งน้ำมันให้จีนเพิ่มอีกในอีก 10 ปีข้างหน้าด้วย

นอกจากนี้ ปูติน ยังได้กล่าวอีกว่า ความร่วมมือระหว่างรัสเซีย และจีนจะช่วยให้ทั้ง 2 ชาติมีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่มั่นคง และสามารถต่อสู้ รับมือกับความเสี่ยง และท้าทายจากชาติอื่นๆ พร้อมย้ำอีกว่า...

“มิตรภาพระหว่างจีน และ รัสเซีย ไม่มีข้อจำกัด”

อย่างไรก็ตามกรณีข้อพิพาทล่าสุดระหว่าง ‘รัสเซีย-ยูเครน’ ที่มีชาติพันธมิตรเข้ามาขู่ฟ่อๆ จะล่อรัสเซียหากแหยมยูเครนนั้น ดูจะทำให้รัสเซียต้องคิดหนักกับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นตามหลังมากกว่าทุกๆ ครั้งที่ผ่านมา เหตุเพราะสหรัฐอเมริกาขู่งัดมาตรการคว่ำบาตรขั้นสูงสุด หากรัสเซียยกทัพบุกดินแดนยูเครนจริง ขณะที่สหภาพยุโรปก็พร้อมที่จะบอยคอตรัสเซียหนักยิ่งกว่าตอนผนวกดินแดนไครเมียในปี 2014 

ประเด็น คือ หากสถานการณ์ลุกลามไปสุดถึงขั้นนั้นจริงๆ จีนจะกระโดดลงมาร่วมเรียงเคียงไหล่กับรัสเซียหรือไม่?

นักวิเคราะห์หลายคนต่างวิเคราะห์ถึงท่าทีของจีนไว้อย่างน่าสนใจว่า แม้จีนจะแสดงออกชัดเจนถึงการสนับสนุนรัสเซียในด้านเสถียรภาพและความมั่นคงทางภูมิศาสตร์การเมืองในภูมิภาค รวมถึงการพึ่งพาด้านเศรษฐกิจซึ่งกันและกัน แต่หากมองในมุมด้านผลประโยชน์ทางการค้าที่เป็นจุดแข็งสำคัญของจีน เชื่อว่าจีนอาจยังไม่พร้อมที่จะยอมเสี่ยงถึงขนาดนั้นเพื่อรัสเซีย

ยิ่งไปกว่านั้น หากพิจารณาในแง่การตลาด จีนถือเป็นตลาดส่งออกเบอร์ 1 ของรัสเซียเลยทีเดียว คิดเป็นมูลค่าสูงถึง 16% ของยอดรวมตลาดต่างประเทศของรัสเซีย แต่ในทางกลับกัน ตลาดรัสเซียกลับมีสัดส่วนมูลค่าการส่งออกให้กับจีนเพียง 2% เท่านั้น ซึ่งน้อยมากเมื่อเทียบกับตลาดของจีนในสหรัฐอเมริกา และ สหภาพยุโรป

อเล็กซ์ คาพริ นักวิจัยของสถาบัน Hinrich Foundation กล่าวว่า รัฐบาลปักกิ่งควรที่จะระมัดระวังอย่างยิ่งในการแสดงจุดยืนเรื่องข้อพิพาทระหว่าง NATO และ รัสเซีย แม้จะเป็นพันธมิตรทางเศรษฐกิจ และพลังงานร่วมกันมานาน แต่ผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรจากชาติมหาอำนาจจะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อผลประโยชน์ด้านการค้าของจีนอย่างแน่นอน

อีกทั้งคำขู่ของนายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ที่ออกโรงเตือนรัฐบาลปักกิ่งว่า หากจีนคิดแทรกแซงเรื่องการบุกยูเครนของรัสเซียจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงในปัญหาความมั่นคง และสะเทือนถึงเศรษฐกิจในระดับโลก ซึ่งจีนเองก็จะเจ็บหนักด้วย

แน่นอนว่านี่เป็นสิ่งที่จีนต้องคิดให้หนัก เพราะตอนนี้ปัญหาเรื่องเศรษฐกิจในประเทศของจีนเองก็ยังไม่ค่อยสู้ดี จากปัญหาความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ และ Covid-19 ที่ดึงให้เศรษฐกิจโดยรวมของจีนที่คาดว่าน่าจะเติบโต กลับชะลอตัวเหลือเพียง 4.8% ในปีนี้ เมื่อเทียบกับที่ได้ 8% ในปี 2020 

ขณะเดียวกัน ในเมื่อเศรษฐกิจรัสเซียต้องพึ่งจีน มากกว่าที่จีนจะพึ่งรัสเซียนั้น การที่พี่สีกระโดดลงมาล่มหัวจมท้ายกับปูติน เพื่อมาแบกรับความเสี่ยงในการถูกคว่ำบาตรขั้นสุดจากสหรัฐอเมริกา และยุโรป จึงเป็นเรื่องลำบากใจของรัฐบาลปักกิ่งไม่น้อย ที่จะต้องยอมแลกผลประโยชน์ทางการค้า เพื่อรักษาพันธมิตรกับรัสเซีย เพราะเท่าที่ผ่านมา นอกจากข้อตกลงร่วมกันทางเศรษฐกิจ จีนก็แทบจะไม่เข้าไปวุ่นวายกับข้อพิพาทเรื่องดินแดนของรัสเซีย นับตั้งแต่สงครามในจอร์เจียตอนปี 2008 รวมถึงการผนวกดินแดนไครเมียในปี 2014 สักเท่าไร

เห็นภาพแบบนี้แล้ว ก็เลยอดคิดไม่ได้ว่า ปูติน จะยังมั่นใจกับคำกล่าวสุดมั่นที่ว่า “มิตรภาพระหว่างรัสเซีย-จีน ไม่มีข้อจำกัด” ได้อยู่หรือไม่ เพราะนาทีนี้ไม่สามารถเดาใจ สี จิ้นผิง ผู้นำจีน ได้เลยจริงๆ ว่าจะยังพร้อมคิดเช่นเดียวกันแค่ไหน...


เรื่อง: ยีนส์ อรุณรัตน์

อ้างอิง: CNN / New Yorker / BBC


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top