Friday, 27 June 2025
Hard News Team

'ธัญวัจน์' อ้าง!! ต่างชาติกังขา ครม.เตะถ่วงร่างกม.สมรสเท่าเทียม จี้!! กรมองค์กรระหว่างประเทศ เผยการแถลงที่เจนีวา

14 มี.ค. 65 ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ สัดส่วนผู้มีความหลากหลายทางเพศ พรรคก้าวไกล ในฐานะผู้เสนอร่างพระราชบัญญัติประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ( ปพพ.1448 ) หรือที่เรียกกันว่า ร่างกฎหมาย #สมรสเท่าเทียม กล่าวว่า ตนได้มีโอกาสรายงานสถานการณ์ประเด็น #สมรสเท่าเทียม ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย (Foreign Correspondents’ Club of Thailand : FCCT) ซึ่งมีเครือข่ายภาคประชาชนความหลากหลายทางเพศ #YoungPrideClub #ภาคีสีรุ้งเพื่อสมรสเท่าเทียม #1448forAll ร่วมอภิปรายด้วย จึงขอขอบคุณภาคีเครือข่าย อาทิ  Phil Robertson และ FCCT ที่เปิดพื้นที่สื่อต่างประเทศประเด็นสมรสเท่าเทียม

"นี่เป็นประเด็นหนึ่งของความเสมอภาคที่ทั่วโลกเองก็จับตามอง น่าเสียดายที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทยได้เชิญกรมคุ้มครองสิทธิ์ให้มาเป็นผู้ร่วมอภิปรายในฐานะฝ่ายรัฐ แต่ทางกรมคุ้มครองสิทธิ์ไม่สามารถมาร่วมได้" 

ธัญวัจน์ กล่าวต่อไปว่า นักข่าวและกลุ่มคนผู้มีความหลากหลายทางเพศที่มาร่วมฟังการอภิปราย ต่างสะท้อนว่าไม่เข้าใจถึงขั้นตอนที่นำกฎหมายไปพิจารณา 60 วันก่อนรับหลักการวาระ 1 ว่าทำไมจึงต้องนำกฎหมายสมรสเท่าเทียมไปพิจารณาอีก เพราะเป็นเรื่องสิทธิมนุษยชนพื้นฐาน 

"มีคำถามถึงประเด็นดังกล่าวว่าจะตีเป็นเรื่องของการเมืองได้หรือไม่ เพราะกฎหมายสมรสเท่าเทียมถูกเสนอโดยฝ่ายค้าน แต่ก็มีทางออก 2 ทางคือ ฝ่ายรัฐบาลก็ต้องร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียมด้วยหลักการแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งพาณิชย์เพื่อประกบกับพรรคก้าวไกล เพราะร่างพระราชบัญญัติคู่ชีวิตไม่สามารถประกบกับสมรสเท่าเทียมได้ เพราะเป็นคนละเรื่อง และแยกพิจารณาสมรสเท่าเทียมกับคู่ชีวิตคนละวาระกันไป และอีกทางหนึ่งคือผลักคู่ชีวิตให้เป็นกฎหมายสำหรับทุกเพศเช่นเดียวกัน ซึ่งอาจจะนิยามความสัมพันธ์แบบ "เพื่อน" หรือแบบอื่นๆ ที่ไม่ใช่การสมรส เพราะอย่างไรก็ตามคณะรัฐมนตรีไม่มีความจำเป็นต้องผ่านกฎหมายใดกฎหมายหนึ่งเท่านั้น"

ครม.เห็นชอบรายละเอียดงบประมาณปี 66 กว่า 3.18 ล้านล้านบาท ไทม์ไลน์ส่งสภาร่างพรบ.งบประมาณ พ.ค. พร้อม เห็นชอบไทยเข้าเป็นสมาชิก FATF เพิ่มบทบาทการป้องกันปราบปรามการฟอกเงิน เสริมภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถือการค้าการลงทุน

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2565 ว่า ครม.เห็นชอบรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 จำนวน 3,185,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ พ.ศ.2565 จำนวน 85,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.74 และเห็นชอบแนวทางการปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ซึ่งหน่วยงานรับงบประมาณจะต้องดำเนินการตามขั้นตอนจัดทำงบประมาณ กล่าวคือ เดือนมีนาคม 2565 เป็นขั้นตอนการพิจารณาปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณ เดือนเมษายน 2565 เปิดรับฟังความคิดเห็น รับทราบผลการรับฟังความคิดเห็น จัดพิมพ์ร่างพระราชบัญญัติงประมาณฯ พ.ศ.2566 และเอกสารประกอบ เดือนพฤษภาคม 2565 เสนอร่างพระราชบัญญัติงประมาณฯ พ.ศ.2566 ให้ ครม.พิจารณาก่อนส่งสภาผู้แทนราษฎกรต่อไป

สำหรับโครงสร้างงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ที่ครม.อนุมัติ มีรายละเอียดดังนี้ 

1.รายจ่ายประจำ จำนวน 2,396,942.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ พ.ศ.2565 จำนวน 23,932.7 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.01  

2.รายจ่ายลงทุน จำนวน 695,077.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 จำนวน 83,144 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.59 

3.รายจ่ายชำระคืนต้นเงินกู้ จำนวน 100,000 ล้านบาท เท่ากับปีงบประมาณ พ.ศ.2565

“บิ๊กตู่” ยันให้เกียรติ ส.ส.ทุกพรรค ไม่สนข้อเสนอพรรคเล็กขอโควต้า รมต.1 เก้าอี้

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธนากร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตอบคำถามสื่อมวลชนแทนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ที่ได้มอบหมาย โดยเมื่อถามถึงความชัดเจนหลังจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)ส่งสัญญาณเรื่องการยุบสภา หลังเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปก นายธนกร กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ชี้แจงว่า เป็นความเห็นส่วนตัวของพล.อ.ประวิตร ซึ่งได้มีการชี้แจงไปแล้ว สำหรับเรื่องการยุบสภานายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้ตัดสินในสถานการณ์ที่เหมาะสม

เมื่อถามว่าการที่พล.อ.ประวิตรเข้ามาดูแลพรรคการเมืองขนาดเล็กเอง ทำให้นายกฯ สบายใจขึ้นหรือไม่ นายธนกร กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงว่า เป็นเรื่องดีอยู่แล้ว นายกรัฐมนตรีให้เกียรติกับ ส.ส.ทุกคน ที่ได้รับเลือกมาจากประชาชนไม่ว่าจะเป็นพรรคใหญ่หรือพรรคเล็ก

'โบว์ ณัฏฐา' ชี้ ในการทำงาน จำเป็นต้องมี Flexibility หรือความยืดหยุ่น เช่นเดียวกับทักษะการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ

จากกรณีที่นิสิตจากม.ดัง ได้ไปฝึกงานกับโรงแรมแห่งหนึ่ง ก่อนถูกส่งตัวกลับ เพราะก้าวร้าวใส่ผู้บริหาร อีกทั้งทางคณะต้นสังกัดของนิสิตดังกล่าว ดูจะไม่ช่วยอะไรนัก จนอาจทำให้จบไม่ทันเพื่อน และเสียเวลาไปฟรีๆ 1 ปีนั้น ได้ทำให้เกิดการแชร์และถกกันถึงดรามานี้ โดยมีชาวเน็ตแห่มาให้ความเห็นและทำให้เกิดข้อถกเถียง เสียงแตกเป็น 2 ฝั่ง

กรณีดังกล่าว ‘คุณโบว์ - ณัฏฐา มหัทธนา’ ก็ได้ให้ความเห็นผ่านรายการ MEET THE STATES TIMES เดอะ ดีเบต ไว้อย่างน่าสนใจด้วยเช่นกันว่า..

จากการติดตามของโบว์ ในกรณีดังกล่าว ตัวนักศึกษาฝึกงานเองก็ไม่ได้ปฏิเสธว่าตัวเองไม่ผิดในกรณีนี้ แต่ตำหนิคณะที่ไม่ส่งไปฝึกงานในที่ใหม่ที่เขาหามาเลย เพื่อที่เขาจะได้ฝึกเสร็จทันในปีนี้ เหมือนกับคนอื่นๆ ไม่ต้องรอไปปีการศึกษาหน้า แต่ขณะเดียวกันทางคณะก็มีเหตุผลของไทม์ไลน์ และขั้นตอนการส่งเอกสาร ว่าทำไมถึงทำให้ในเทอมนี้ไม่ได้

แต่ว่าประเด็นที่กลายเป็นที่ถกเถียงพูดคุยกันในสังคม ก็คือคำถามว่า ‘ผิดหรือไม่’ ที่มีการใช้งานที่นอกเหนือ Job Description เราจะต้องยอมทำให้หรือ ถ้าเกิดทำงานนอกเวลาเราต้องยอมรึเปล่า 

ซึ่งตรงนี้เป็นประเด็นขยายไปไม่ได้เกี่ยวกับข้อเท็จจริงในเคสดังกล่าวแล้ว แต่เป็นประเด็นที่คนรู้สึกว่า เวลาไปทำงานเราต้องทำตาม Job Description หรือว่าเราต้องยืดหยุ่นไปทำงานนอกเหนือจากนั้น มันเป็นสิทธิของเราหรือไม่ถ้าเราจะปฏิเสธ อันนี้คือข้อถกเถียง 

ประชุมผบ.เหล่าทัพ พร้อมจัดเตรียมกำลังรองรับภารกิจการต่อต้านการก่อการร้ายและการก่อเหตุร้ายภายในประเทศ ผนึกกำลังทุกเหล่าทัพ เพื่อเตรียมความพร้อมในภาวะปกติ

เมื่อวันที่ 15 มี.ค.ที่กองบัญชาการกองทัพเรือ (บก.ทร.) จัดการประชุม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ครั้งที่ 3 ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคยิด-19  ของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) โดยมี พล.อ.เฉลิมพล  ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) เป็นประธาน พร้อมด้วย ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารอากาศ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วมประชุม

โดยกองบัญชาการกองทัพไทย ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า ได้จัดเตรียมกำลังเพื่อรองรับภารกิจการต่อต้านการก่อการร้ายและการก่อเหตุร้ายภายในประเทศ โดยผนึกกำลังร่วมกับกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมความพร้อมตั้งแต่ในภาวะปกติ โดยมีการป้องกัน รับมือ และลดผลกระทบจากภัยคุกคามทุกรูปแบบ 

กองทัพบก ได้รายงานผลการปฏิบัติการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน ฝุ่นละอองภาคเหนือ การช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยของกองทัพบก และผลการปฏิบัติภารกิจของกองกำลังป้องกันชายแดนให้ที่ประชุมได้รับทราบ

กองทัพเรือ ได้นำเสนอแนวคิดในการเสริมสร้างขีดความสามารถของกองทัพเรือที่ว่า “สองฝั่งมหาสมุทรและสามพื้นที่ปฏิบัติการ” หรือ “Two Oceans and Three Areas (OOAAA/Double O Triple A) เพื่อให้สามารถใช้กำลังทางเรือได้พร้อมกันทั้งสองฝั่งทะเล และสามพื้นที่ปฏิบัติการทัพเรือภาคอย่างสมดุล

กองทัพอากาศ ได้นำเสนอแนวทางการเชื่อมโยงและช่วยเหลือประชาชน (Quality Civic Actions) ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายหลัก 6 ด้านของผู้บัญชาการทหารอากาศ โดยศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพอากาศ ได้ระดมสรรพกำลังทั้งปวงเพื่อเตรียมพร้อมและตอบสนองภารกิจด้านบรรเทาสาธารณภัยทั้งในมิติของการป้องกัน การให้ความช่วยเหลือ การฟื้นฟู และการนำเทคโนโลยีทางทหารมาใช้ในการวางแผนป้องกันสาธารณภัยและช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันเหตุการณ์

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบถึงโครงการสร้างโรงงานผลิตกระสุนในศูนย์ฝึกอบรมตำรวจทั่วประเทศ จำนวน 12 แห่ง ในปีงบประมาณ พ.ศ.2565 และขยายเพิ่มแห่งที่ 13 ในปีงบประมาณ พ.ศ.2566 เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนกระสุนปืนสำหรับการปฏิบัติงานและการฝึกอบรมหลักสูตรต่าง ๆ รวมทั้งเพื่อเป็นการประหยัดงบประมาณรายจ่ายแผ่นดินในการจัดซื้อกระสุนปืน และสนับสนุนให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติสามารถพึ่งพาตนเองได้

“อนุทิน” ปัดวิจารณ์ ยุบสภาฯปลายปี  ชี้ เป็นอำนาจ”นายกฯ”ลั่น “ภท.”ร่วมวงดินเนอร์ 17 มี.ค. เชื่อ 30 เสียง “พรรคเล็ก-เศรษฐกิจไทย” ไม่ใช่ปัญหา 

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ถึงกรณีที่มีข่าวพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวกับพรรคร่วมขนาดเล็ก ว่าจะมีการยุบสภาฯช่วงปลายปีนี้ ว่า อ่านจากข่าวเหมือนกัน และเคยพูดมาแล้วว่าผู้ที่จะยุบสภาฯได้ คือ นายกฯต้องไปถามนายกฯ ส่วนเรื่องนี้พล.อ.ประวิตร ก็ไม่เคยพูดในที่ประชุมครม.ต่อหน้าพรรคร่วมรัฐบาล โดยพรรคภูมิใจไทยเตรียมการเลือกตั้งทุกวันมาตั้งนานแล้ว ตั้งแต่เลือกตั้งปี2562เสร็จ ต้องพร้อมตลอด  แต่ตอนนี้อยากให้สนใจการรักษาเสถียรภาพให้บ้านเมือง ให้กับประเทศไทย ไม่ใช่สนใจเฉพาะเสถียรภาพรัฐบาล 

ผู้สื่อข่าวถามว่าวันที่ 17 มี.ค. นี้พรรคภูมิใจไทย ได้รับเชิญไปร่วมงานเลี้ยงระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม กับพรรคร่วมขนาดเล็กหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ได้รับคำเชิญแล้ว โดย เสธฯทหารของนายกฯประสานมา เมื่อวันที่ 14 มี.ค.ระหว่างเปิดสนามบินเบตง ส่วนนายกฯก็แจ้งให้ไปรับประทานอาหารด้วยก็ต้องไปด้วย รวมทั้งนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ในฐานะเลขาธิการพรรค และคิดว่างานเลี้ยงดังกล่าวจะเชิญเฉพาะแกนนำของพรรคร่วมรัฐบาลไป เพื่อให้เกิดความร่วมมือ ไม่ให้เกิดความขัดแย้ง 

เมื่อถามว่าพรรคภูมิใจไทย คาดหวังอะไรกับการทานข้าวดังกล่าว นายอนุทิน หัวเราะก่อนกล่าวว่า ไม่มีอะไรหรอก คิดว่าเป็นการไปพูดคุยระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อหาวิธีแก้ไขสิ่งที่เป็นปัญหาของบ้านเมืองทุกวันนี้ให้ได้รับการแก้ไขโดยเร็ว รวมถึงสร้างความมั่นใจให้ประชาชน  ไม่ควรมากังวล เสียอารมณ์ ว่าพรรคร่วมรัฐบาลตีกันหรือไม่ ยืนยันว่ารัฐบาลยังสามารถบริหารประเทศได้แน่นอน เรื่องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ปัญหาในสภาฯไม่เกี่ยวข้องกับการบริหารราชการแผ่นดิน ถ้าทุกคนทุกกระทรวง บริหารราชการแผ่นดิน โดยสำนึกในหน้าที่ ซื่อสัตย์สุจริต อย่าไปกังวลว่าอะไรจะเกิดขึ้นในสภาฯ 

“บิ๊กป้อม” รับ แจงยุบสภาปลายปี เหตุ รัฐบาลว่างภารกิจ โยน “นายกฯ” ตัดสินใจ โว พรรคร่วมฯ หนุนรัฐบาล ย้ำ 17 มี.ค. เชิญทุกพรรค เว้น “เศรษฐกิจไทย” ยังไม่มีหัวหน้าพรรค โวยสื่อเสี้ยม “บิ๊กตู่” ชน “ธรรมนัส”

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 15 มี.ค.ที่ทำเนียบรัฐบาล ถึงการพูดคุยกับพรรคเล็กที่มูลนิธิป่ารอยต่อ 5 จังหวัดเมื่อวันที่ 14 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งได้หารือถึงการยุบสภาหลังการประชุมเอเปค ช่วงปลายปี 2565 ว่า "เรื่องการยุบสภา ผมพูดเอง ผมพูดว่า พอจบเอเปคแล้ว รัฐบาลก็ว่างแล้ว ถ้าจะยุบก็ยุบได้ตอนนั้น ส่วนจะยุบหรือไม่ยุบ ก็ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่ว่าผมจะต้องไปถามใครมา นี่เป็นความคิดของผมเอง"

เมื่อถามว่าจังหวะเวลานั้น ถือว่าเหมาะสมที่จะยุบสภาใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า "เออ ใครอยากที่จะให้ยุบ ก็ยุบได้" เมื่อถามย้ำว่าจะต้องดูเรื่องความได้เปรียบเสียเปรียบก่อนหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่ต้องดู ผู้สื่อข่าวถามว่าการจะประคับประคองพรรคร่วมรัฐบาลให้ไปได้ถึงเวลานั้นจะยากลำบากหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่ยากลำบาก ทุกคนโอเค และให้การสนับสนุนรัฐบาลกันหมด 

เมื่อถามว่าการพูดคุยกับพรรคเล็ก บรรยากาศเป็นอย่างไรบ้าง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า "ไม่มีอะไร เขาก็แล้วแต่ผมและในวันที่ 17 มี.ค.นี้ ทุกพรรคก็จะไปร่วมกันหมด เพราะเชิญทุกพรรคไปร่วมงาน ส่วนพรรคเศรษฐกิจไทย ยังไม่ได้เป็นพรรค ยังไม่มีหัวหน้าพรรค แต่งานเลี้ยงเขาเชิญหัวหน้าพรรค แต่เมื่อเขาตั้งพรรคเสร็จแล้ว ต่อไปก็จะเชิญ" 

'จุรินทร์' บอก ปชป. ส่งเลขาฯพรรคไปร่วม ดินเนอร์ค่ำ 17 มีค. ชี้ ยุบสภาขึ้นอยู่กับสถานการณ์ คาดล่วงหน้าไม่ได้ ในอดีต เป็นอุบัติเหตุทางการเมือง-เงื่อนไขอื่นๆ

เมื่อวันที่ 15 มีนาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ ถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีเชิญพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคเล็กที่สนับสนุนรัฐบาล รับประทานอาหารค่ำในวันที่ 17 มีนาคมนี้ ว่า ตนได้รับทราบแล้ว และถือเป็นเรื่องที่ดี และตนสนับสนุนมาตั้งแต่ต้น เพราะพรรคร่วมรัฐบาล หรือแม้แต่พรรคที่สนับสนุนรัฐบาลก็ตาม ที่มารวมกันเป็นรัฐบาลล้วนแต่มีความสำคัญทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเล็ก กลาง ใหญ่ 

อย่างไรก็ตามขนาดเป็นเรื่องของขนาด แต่ความสัมพันธ์ทุกพรรคมีความสำคัญที่มีผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาล หากเสถียรภาพรัฐบาลมั่นคงแข็งแรง ก็มีผลต่อการแก้ปัญหาให้กับประชาชนต่อไป แต่ถ้าเสถียรภาพรัฐบาลง่อนแง่น ทิศทางอะไรที่กำหนดออกไปก็ดูไร้น้ำหนัก หรืออาจจะขาดน้ำหนักไป แต่ถ้าเสถียรภาพรัฐบาลเข้มแข็งการแก้ปัญหาก็จะลุล่วงง่ายต่อประชาชน อย่างไรก็ตามในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ตนมอบ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เป็นตัวแทนพรรคไปร่วม ส่วนตนได้เรียนนายกรัฐมนตรีไปแล้วว่าติดภารกิจที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน เลี่ยงไม่ได้เนื่องจากได้นัดเกษตรกรจำนวนมากและมีกำหนดก่อนหน้านี้นานแล้ว

เลขาฯ UN เตือน ความขัดแย้งยูเครน-รัสเซีย เป็นไปได้ ที่จะลงเอยด้วย ‘สงครามนิวเคลียร์’

อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติ กล่าวเมื่อวันจันทร์ (14 มี.ค.) ว่าสงครามที่กำลังลุกลามบานปลายในยูเครน "ไม่ว่าจะโดยบังเอิญหรือตั้งใจ" จะคุกคามมนุษยชาติทั้งมวล และส่งเสียงแห่งความกังวลว่าความขัดแย้งดังกล่าวอาจลงเอยด้วยหายนะนิวเคลียร์

"แนวโน้มความขัดแย้งนิวเคลียร์ครั้งหนึ่งไม่เคยอยู่ในความคิด ตอนนี้มันกลับมาอยู่ในขอบเขตแห่งความเป็นไปได้" กูเตอร์เรสกล่าว

ความเห็นของกูเตอร์เรสเกี่ยวกับสงครามนิวเคลียร์ เป็นการพาดพิงถึงความเคลื่อนไหวของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน สั่งให้กองกำลังป้องปรามของรัสเซีย ในนั้นรวมถึงอาวุธทางยุทธศาสตร์ต่างๆ ทั้งอาวุธนิวเคลียร์และทั่วไปเตรียมความพร้อมเป็นพิเศษ เมื่อเดือนที่แล้ว สถานการณ์ที่เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติเรียกว่า "หนาวไปถึงกระดูก"

ทางฝ่ายตะวันตก ผู้สันทัดกรณีและนักการเมืองบางรายทั้งในยุโรปและสหรัฐฯ กำลังกดดันให้นาโต้ประกาศ "เขตห้ามบิน" เหนือยูเครน ความเคลื่อนไหวที่จะได้เห็นพันธมิตรแห่งนี้ประกาศสอยร่วงอากาศยานของรัสเซียหากบินเข้ามาในน่านฟ้ายูเครน ดึงบรรดามหาอำนาจนิวเคลียร์โลกเข้าสู่ความขัดแย้งระหว่างกันอย่างเปิดเผย

จนถึงตอนนี้บรรดาพวกผู้นำนาโต้ยังคงขัดขืนต่อเสียงเรียกร้องดังกล่าว ส่วนวอชิงตันเน้นย้ำว่าพวกเขาจะไม่สู้รบทางทหารกับรัสเซีย จนกว่าชาติสมาชิกนาโต้จะถูกโจมตี

นอกเหนือจากเค้าลางแห่งความขัดแย้งทางนิวเคลียร์ กูเตอร์เรสยังเตือนด้วยว่า "สงครามนี้จะไม่มีผู้ชนะ มีเพียงผู้แพ้" คนยากจนของโลกจะได้รับผลกระทบโดยเฉพาะจากราคาอาหารที่พุ่งสูง พร้อมเน้นว่าแค่เฉพาะยูเครนเพียงชาติเดียวได้ป้อนอุปทานข้าวสาลีให้โครงการอาหารโลกมากกว่าครึ่ง ขณะเดียวกัน เมื่อรวมทั้งรัสเซียและยูเครนแล้ว ทั้งสองชาติป้อนน้ำมันดอกทานตะวันแก่โลก คิดเป็นสัดส่วนเกินครึ่งของอุปทานน้ำมันดอกทานตะวันทั้งหมดทั่วโลก และป้อนข้าวสาลีสู่ตลาดโลก คิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 3

"สงครามนี้จะส่งผลกระทบเลยเถิดไปไกลนอกยูเครน เป็นมีดดาบที่แขวนไว้เหนือเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะในบรรดาประเทศกำลังพัฒนา" เขากล่าว

กูเตอร์เรสบอกว่า สหประชาชาติจะจัดสรรงบประมาณ 40 ล้านดอลลาร์ เพื่อมอบอาหาร ความช่วยเหลือและเงินสดแก่พลเมืองชาวยูเครนที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้ง และเผยว่าเขาได้ติดต่อทางอ้อมกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เป็นการส่วนตัว เพื่อหารือเกี่ยวกับการยุติความขัดแย้ง นอกจากนี้ ยังเผยด้วยว่าเขาได้ทาบทามไปยังประเทศที่ 3 หลายชาติ ในนั้นรวมถึงจีน เพื่อหารือเกี่ยวกับการเป็นคนกลางของการเจรจา

'หมอวรงค์' ชวนจับตาการเปลี่ยนแปลงในเมืองไทย อยู่แบบโกง ให้บางตระกูลร่ำรวย หรือปราบโกงเพื่อ 'แก้จน'

วันที่ 15 มีนาคม 2565 นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom ประเด็น ลมตะวันตก ว่า ก่อนหน้านี้ มีลมตะวันออกพัดมาสู่ไทยเรา สังคมไทยเพียงแค่พูดถึงนั่นคือ นโยบายปราบโกงของประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ที่สะเทือนไปทั้งภูมิภาค และสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงให้แก่ประเทศจีน จนกลายเป็นมหาอำนาจของโลก

ล่าสุดลมตะวันตกกำลังพัดมา นั่นคือ พรรค AAP ซึ่งได้รับการกล่าวขานว่าเป็นพรรคปราบโกงของอินเดีย เพิ่งชนะการเลือกตั้งที่ รัฐปัญจาบ เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งก่อนหน้านี้ พรรคปราบโกงของอินเดีย เคยชนะการเลือกตั้งที่เดลลี (Delhi) มาแล้ว ทั้งๆ ที่พรรค AAP เป็นพรรคการเมืองเล็ก


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top