เมื่อวันที่ 23 มี.ค.65 น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง ความคืบหน้าการแก้ปัญหาหนี้ภาคประชาชนตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ที่กำหนดให้ปี 2565 เป็นปีแห่งการแก้หนี้ภาคครัวเรือน ว่า รัฐบาลดำเนินการมาระยะหนึ่งปรากฏผลอย่างเป็นรูปธรรม จากนี้จะเร่งสร้างการรับรู้ต่อสาธารณะให้มากขึ้นอีก เพื่อประชาชนที่มีปัญหาหนี้สินจะได้ใช้ประโยชน์จากมาตรกการช่วยเหลือของรัฐบาลอย่างเต็มที่ คณะกรรมการติดตามการดำเนินนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ได้มีการประชุมเมื่อวันที่ 24 ม.ค.ที่ผ่านมา และรายงานความคืบหน้าให้คณะรัฐมนตรีรับทราบ เมื่อ 22 มี.ค. ได้แก่
1.การแก้ไขปัญหาหนี้กองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ซึ่ง กยศ.ได้ให้เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาไปแล้ว 6.15 ล้านราย วงเงินรวม 6.75 แสนล้านบาท พร้อมออกมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้สินช่วยผู้กู้ยืม เช่น ลดเบี้ยปรับร้อยละ 100 กรณีปิดบัญชีคราวเดียว 58,286 ราย และลดเบี้ยปรับร้อยละ 80 กรณีชำระหนี้ทันงวด 325,231 ราย นอกจากนี้ กระทรวงยุติธรรมได้บูรณาการแก้ไขปัญหาหนี้สิน กยศ.อย่างเป็นระบบทั้งก่อนศาลมีคำพิพากษาและหลังจากศาลมีคำพิพากษาเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้
2.กำหนดให้การไกล่เกลี่ย และการปรับโครงสร้างหนี้เป็นวาระของประเทศ ซึ่งเน้นสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ (SFls) และวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) โดยสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (สทบ.) ได้จัดโครงการพักชำระหนี้ของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองตามความสมัครใจ ซึ่งมีกองทุนเข้าร่วม 413 กองทุน สมาชิกรวม 32,055 ราย รวมวงเงินกู้ที่พักชำระหนี้จำนวน 901 ล้านบาท
นอกจากนี้กระทรวงการคลังร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทยและธนาคารพาณิชย์ ดำเนินโครงการหมอหนี้เพื่อประชาชน ซึ่งเป็นการพัฒนาเว็บไซต์ แชตบอท และไลน์ เพื่อให้คำปรึกษาเกี่ยวกับแนวทางปรับธุรกิจและมาตรการต่างๆ ให้กับลูกหนี้เป็นรายกรณีด้วย
3.การแก้ปัญหาหนี้เช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ กระทรวงยุติธรรมได้จัดมหกรรมไกล่เกลี่ยช่วยเหลือลูกหนี้ ปรับโครงสร้างหนี้ และพักชำระหนี้ ประมาณ 5,000 คัน ซึ่งกระทรวงการคลังอยู่ระหว่างหารือร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อกำหนดแนวทางกำกับดูแลสินเชื่อและธุรกรรมที่มีลักษณะคล้ายสินเชื่อ
4.การแก้ไขปัญหาหนี้สินข้าราชการ โดยเฉพาะข้าราชการครู และข้าราชการตำรวจ ในส่วนกระทรวงศึกษาธิการได้ดำเนินการ เช่น ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สวัสดิการตัดเงินเดือนให้เป็นสวัสดิการที่แท้จริง โดยสหกรณ์ออมทรัพย์ครูไม่น้อยกว่า 10 แห่ง ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงเหลือไม่เกินร้อยละ 5 และขยายผลการแก้ไขหนี้ครูผ่านสหกรณ์ต้นแบบ สำหรับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ข้าราชการตำรวจได้รับการแก้ไขปัญหาหนี้สินแล้วหลายพันราย