Tuesday, 24 June 2025
Hard News Team

งานงอก!! 'ไทยเวียตเจ็ท' กลุ่มคนรักสถาบันฯ ไม่ตลกด้วย 'ดร.อานนท์-ดร.เสรี-หมอวรงค์' ปลุกบอยคอต

ผศ. ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ ระบุว่า...

“บอยคอตต์ อย่าไปใช้บริการสายการบินแกวแกว สามกีบ โลว์คอสต์ และโลว์คลาสต่ำตมสุดๆ

เมื่อวานนี้ April fools day มันเล่นมุกถ่อยๆ แซะสถาบัน จัดโปรโมชันบนเส้นทางบินที่ยังไม่ได้เปิด และลดราคาเหลือ 1010 สายการบินนี้ขอให้มันเจ๊ง ให้มันพินาศ อย่าให้มันตั้งอยู่ต่อไปบนแผ่นดินไทยได้”

ขณะเดียวกัน ดร.เสรี วงษ์มณฑา ประธานกรรมการในคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านการสื่อสารมวลชน เทคโนโลยีสารสนเทศ ในรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา และนักวิชาการด้านสื่อสารมวลชนและการตลาด โพสต์เฟซบุ๊กว่า...

“เป็นสายการบินต่างชาติ มาหากินในประเทศไทย แต่มีพฤติกรรมแซะ ส่อเสียดสถาบันที่ประชาชนคนไทยเทิดทูนและจงรักภักดีเช่นนี้แล้ว เราคนไทยควรสนับสนุนไหมคะ

ขออภัยที่ไม่ได้นำเสนอภาพ Poster ที่ต่ำตมรสนิยมของเขาได้ เอาเป็นว่า ถ้าหากเราเป็นคนไทยที่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ไม่ควรขึ้นเครื่องบินสายนี้

ถ้าหากมีกฎหมายใดเอาผิดได้ เราก็อยากให้กฎหมายจัดการกับสายการบินสายนี้ อย่าให้มาหากินในเมืองไทย แต่ถ้าคนไทยเราไม่ใช้บริการเขา สายการบินนี้คงต้องม้วนเสื่อกลับประเทศ

หยุดสนับสนุน หยุดใช้บริการสายการบินที่ต่ำทรามสายนี้นะคะ”

ด้าน “หมอวรงค์” นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ก็โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom เช่นกัน ว่า...

“ถ้าผมมีอำนาจ ผมจะตั้งกรรมการสอบสวนสายการบิน สัญชาติเวียดนาม ที่มาทำธุรกิจในประเทศไทย แต่มาโพสต์โปรโมตในสิ่งที่ไม่เหมาะสม

ถ้าไม่ยึดมั่น การปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จะให้หยุดกิจการในประเทศ”

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 2 เม.ย.65 ทาฃสายการบินไทยเวียตเจ็ท ก็ได้ชี้แจงว่า ตามที่มีการเผยแพร่ไวรัลโพสต์ทางช่องทางทวิตเตอร์จากสายการบินในวันที่ 1 เม.ย. 65 ซึ่งเป็นวันเอพริลฟูลส์เดย์ (April fool's day) เกี่ยวกับเส้นทางบินจากจังหวัดในประเทศไทย ไปยังเมืองหนึ่งในทวีปยุโรป ทำให้เกิดการตีความในหลายด้าน จนเป็นกระแสสังคม สายการบินขอชี้แจง ดังนี้...

โพสต์ดังกล่าว ถูกเผยแพร่ทางทวิตเตอร์ของสายการบิน โดยมีเจตนาร่วมสนุกในวันเอพริลฟูลส์เดย์ และสร้างความประหลาดใจให้แก่ผู้พบเห็น โดยปรากฏว่า เส้นทางบินที่เผยแพร่นั้นไม่มีความเป็นไปได้ และได้ระบุข้อความเฉลยว่า เป็นโพสต์เกี่ยวกับวันดังกล่าวไว้ในรูปภาพ

อย่างไรก็ดี ได้เกิดการตีความอย่างแพร่หลาย และมีการนำไปพาดพิง ไม่ตรงตามเจตนารมณ์ เกินกว่าที่จะคาดการณ์ได้

สายการบินกราบขออภัยต่อประเด็นที่เกิดขึ้น และได้ระงับการเผยแพร่โพสต์ดังกล่าว สายการบินขอน้อมรับข้อคิดเห็นทั้งทางตรงและทางอ้อม เพื่อปรับปรุงแก้ไขในโอกาสต่อไป
 

Shopee ประกาศ!! คิดค่าธรรมเนียมการขายของจากผู้ขายทั่วไป สะท้อน!! ถึงเวลาแพลตฟอร์มใหญ่ ได้เวลาโกยเงินกลับ

ธราดล ทนงาน (ดล) เจ้าของเพจ 'ด.ดล Blog' ได้โพสต์ถึงความเคลื่อนไหวสำคัญในวงการค้าขายออนไลน์ที่อาจกระทบต่อผู้ค้าขาย ระบุว่า...

1% ของเราไม่เท่ากัน กับการคิดค่าธรรมเนียมการขายของ Shopee ที่สั่นสะเทือนวงการ E-commerce ไทยอีกครั้ง

ต้องเรียกได้ว่าเป็นประกาศครั้งใหม่อีกครั้งในรอบไม่กี่เดือน ที่สั่นสะเทือนวงการค้าขายออนไลน์บนแพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่อย่าง Shopee สำหรับการประกาศเก็บค่าธรรมเนียมการขาย 1% สำหรับที่ไม่ใช่กลุ่มใน Shopee Mall (ผู้ขายทั่วไป)

ต้องบอกว่าการประกาศเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในครั้งนี้ถือว่ามีความน่าสนใจนะครับ เพราะปกติ Shopee จะไม่เก็บค่าธรรมเนียมในการขายมาก่อน การปรับรอบก่อนหน้านี้ เป็นเรื่องของค่าธรรมเนียมการชำระเงินทีผู้ขายต้องมีการจ่ายอยู่แล้ว 3%

แม้ตัวเลขเฉลี่ยมันจะเป็นตัวเลขเพียงเล็กน้อยที่ราวๆ 1% เพียงเท่านั้น แต่การปรับครั้งนี้ ถือว่าส่งผลกระทบต่อพ่อค้าแม่ค้าที่ขายอยู่ในแพลตฟอร์มพอสมควรเลยทีเดียว

ต้องเข้าใจก่อนว่า Shopee นั้นกลุ่มลูกค้า ค่อนข้างที่จะแตกต่างจาก Lazada อย่างชัดเจน ใครเข้ามา Shopee แน่นอนว่าต้องการสินค้าถูกที่สุดเป็นส่วนใหญ่ เพราะระบบได้ออกแบบแพลตฟอร์มมาให้เป็นแบบนี้

ทั้งเรื่อง User Experience ที่มีการเปรียบเทียบราคาอยู่ตลอดเวลา แม้กระทั่งตอนลูกค้าตัดสินใจที่จะจ่ายเงิน ยังมีสินค้ามาให้เปรียบเทียบอยู่เสมอ ทำให้เป็นแพลตฟอร์มที่มีโอกาสสูงที่ใครถูกกว่า ก็มักจะมีโอกาสขายได้มากกว่า

เอาจริงๆ ตรงนี้ค่อนข้างต่างจาก Lazada ที่จะไม่ค่อยเห็นการเปรียบเทียบราคาในทุกๆ ขั้นตอนของการซื้อแบบ Shopee ทำให้ผมมองว่า ลูกค้าส่วนใหญ่ของ Shopee มักจะเน้นที่ของถูกที่สุดเป็นหลัก

เมื่อแบรนด์ยักษ์ใหญ่เริ่มหนีไปสร้างช่องทางการขายของตนเอง

ถ้าใครสังเกต เราจะเห็นได้ว่าช่วงนี้แบรนด์หลายแบรนด์ยักษ์ใหญ่ เริ่มโปรโมตช่องทางการขายของแพลตฟอร์มตัวเองหรือเว็บไซต์ของตัวเอง แทนที่จะพึ่งพา marketplace เป็นช่องทางหลักเหมือนเมื่อก่อน

ซึ่งเมื่อเราได้เห็นเทรนด์ที่ชัดเจน เรื่องการเก็บค่าธรรมเนียมต่างๆ เพิ่มขึ้น มันก็เป็นสัญญาณชัดเจนว่า ในอนาคต อะไรก็เกิดขึ้นได้ อาจจะขึ้นไปถึง 5% 10% ก็ได้ใครจะไปรู้ ซึ่งคล้ายกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับแพลตฟอร์ม E-commerce ของจีน
 

'ชูวิทย์' ถาม 'ธนาธร' “มันคุ้มหรือ? กับความหวังดีต่อบ้านเมือง" หลังถูกเล่นงานยกครัว ภายใต้ 'วงจรอุบาทว์การเมืองไทย'

นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ความว่า ไม่รู้ว่าคุ้มไหม? เรื่องที่ดินของคุณแม่ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่เป็นปัญหาเมื่อลูกมาเล่นการเมือง ทำให้ถูกขุดคุ้ย จนถูกหาว่าครอบครัวโกงบ้านโกงเมือง

ผมเข้าใจดีว่า คุณสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ ถูกกล่าวหา ทั้งๆ ที่ซื้อที่ดินมาอย่างถูกกฎหมาย และสุจริตใจ แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องทำใจเมื่อเข้าสู่วงจรการเมือง และไม่ได้อยู่ฝั่งเดียวกับรัฐบาล ย่อมเป็นที่ถูกจับจ้อง ไม่ว่าเรื่องใด

คุณธนาธรเข้าสู่การเมือง แรกเริ่มด้วยจิตใจที่ต้องการเห็นบ้านเมืองมีการเปลี่ยนแปลง แต่กลับต้องแลกด้วยการที่ทั้งน้อง ทั้งแม่ ถูกเล่นงาน รวมทั้งตัวคุณธนาธรเอง ที่ต้องถูกห้ามเล่นการเมือง
 

'ไทยเวียตเจ็ท' ลงโทษ พนง.เล่นมุกบิน 'น่าน-มิวนิก' พร้อมทำเรื่องขอพระราชทานอภัยโทษแล้ว

CEO ไทยเวียตเจ็ทเผยกับ ศชอ.ได้ลงโทษพนักงาน 2 รายที่เกี่ยวข้องกรณีเล่นมุกบิน 'น่าน-มิวนิก' โดยปลดออกจากตำแหน่งและตัดเงินเดือน พร้อมทำเรื่องขอพระราชทานอภัยโทษไปยังสำนักพระราชวัง

นายนพดล พรหมภาสิต ประธานศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิด bully ทางสังคมออนไลน์ หรือ ศชอ. ได้เผยว่า ได้รับการติดต่อ (โทร) มาจากกัปตันวรเนติ หล้าพระบาง CEO ของ Thai Vietjet Air 

กัปตัน บอกว่า ฝ่ายบริหารขอยอมรับผิดในสิ่งที่เกิดขึ้น (ดูแลพนักงานไม่ดี) ได้ทำการลงโทษพนักงานที่เกี่ยวข้อง 2 ท่าน โดยปลดออกจากตำแหน่งและตัดเงินเดือนแล้ว ทั้งนี้ บริษัทฯ ไม่มีนโยบายที่จะทำการตลาดที่เกี่ยวข้องกับ เชื้อชาติ ศาสนา การเมือง และสถาบันฯ

 

สวนนงนุชพัทยา ต้อนรับคณะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ และเอกอัครราชทูต จากประเทศภูฎาน ชมสวนสวยบนพื้นที่ กว่า 1,700 ไร่ พร้อมปลูกต้นโปร่งฟ้า ที่เขาบันไดกฤษ

(2 เมษายน 2565) นายกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา ต้อนรับคณะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ  H.E. Lyonpo Dr. Tandi Dorji, Foreign Minister of Bhutan (ดร.ทันดี ดอร์จิ) และ His Excellency Mr. Kinzang Dorji, Ambassador of Bhutan to Thailand (นายคินซัง ดอร์จิ เอกอัครราชทูตภูฏาน ประจำประเทศไทย) พร้อมคณะเดินทางเข้าเยี่ยมชมสวนนงนุชพัทยา

 

ทั้งนี้ ท่าน H.E. Lyonpo Dr. Tandi Dorji, Foreign Minister of Bhutan ( ดร.ทันดี ดอร์จิ ) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศภูฎาน  ได้ร่วมปลูกต้นโปร่งฟ้า ซึ่งเป็นต้นไม้ที่ให้สรรพคุณทางยาสมุนไพร มีประโยชน์ทั้งส่วนใบ และราก บน “สวนรุกขชาติ” เขาบันไดกฤษ ที่ทางสวนนงนุช พัทยา ดำเนินการขออนุญาตเช่าพื้นที่จากกรมป่าไม้ จำนวน 43 ไร่  ซึ่งค่าใช้จ่ายและค่าดำเนินการต่าง ๆ สวนนงนุชพัทยาเป็นคนดูแลทั้งหมด จัดเป็นโครงการปลูกป่าเพื่ออนุรักษ์พันธุ์ไม้ และปลูกไม้ยืนต้นชนิดต่าง ๆ ที่มีมูลค่าและหายาก โดยมีคณะฑูตและหน่วยงานภาครัฐ, บุคคลทั่วไป มาปลูกต้นไม้คนละหนึ่งต้น เพื่อเป็นการอนุรักษ์ให้เป็นพื้นป่าต่อไป

'ลุงตู่' ยก 'คลองโอ่งอ่าง' ต้นแบบคุณภาพชีวิต สร้างรายได้ให้คนพื้นที่ พร้อมหนุน!! ปรับภูมิทัศน์ทั่วกรุง ช่วยต่อยอดเศรษฐกิจ

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้ให้ความสำคัญการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมมาเพื่อชุมชนเมืองมาโดยตลอด ได้อนุมัติงบประมาณเพื่อการพัฒนาปรับภูมิทัศน์ พลิกฟื้นชีวิตของประชาชนริมคลอง จนประสบความสำเร็จตามลำดับ อาทิ โครงการปรับปรุงภูมิทัศน์คลองโอ่งอ่าง เป็นส่วนหนึ่งของแผนขยายการดำเนินการปรับภูมิทัศน์คลองรอบเกาะรัตนโกสินทร์ และคลองอื่นๆ ทั่วกรุงเทพมหานคร ที่รัฐบาลสนับสนุนงบประมาณให้กรุงเทพมหานครปรับปรุงให้สวยงาม ยกระดับคุณภาพชีวิต พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว ต่อยอดมูลค่าทางเศรษฐกิจ สร้างรายได้ให้คนในพื้นที่ 

รวมทั้งโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์คลองลาดพร้าว การบำบัดน้ำเสียในคลองเปรมประชากร ตั้งแต่กรุงเทพฯ-พระนครศรีอยุธยา รวมถึงการพัฒนาคู คลองชั้นในของกรุงเทพมหานคร โดยนายกรัฐมนตรียังริเริ่มให้พัฒนาระบบการเดินเรือในคลองผดุงกรุงเกษมเพื่อเชื่อมต่อกับระบบขนส่งสาธารณะหลัก เช่น รถโดยสารประจำทาง รถไฟฟ้าและเรือด่วนเจ้าพระยา ทำให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองแรกในภูมิภาคอาเซียนที่เพิ่มทางเลือกการเดินทางด้วยบริการเรือขนส่งสาธารณะ ตามนโยบาย “ล้อ ราง เรือ” ช่วยลดมลพิษทางเสียงและปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5  จนได้รับรางวัล 2020 Asian Townscape Awards จากโครงการตั้งถิ่นฐานมนุษย์แห่งสหประชาชาติ (United Nations Human Settlements Programme: UN-HABITAT) ยืนยันความสำเร็จของโครงการพัฒนาคูคลองของรัฐบาลที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก
 

กาลครั้งหนึ่ง ‘สาทร’ เคยขึ้นกับจังหวัด ‘พระประแดงบุรีศรีนครเขื่อนขันธ์’

กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว...
"สาทร" เคยขึ้นกับจังหวัด “พระประแดงบุรีศรีนครเขื่อนขันธ์"

จากมุมนี้ เห็นได้ว่าบางกระเจ้าที่พระประแดงไม่ไกลจากสาทรสักเท่าไร
มีการโอนสาทรขึ้นกับจังหวัดพระนคร ในปี พ.ศ. 2458

โอนพระโขนง ช่องนนทรี และโพงพางของจังหวัดพระประแดง มาขึ้นกับจังหวัดพระนคร ในปี พ.ศ. 2470


ที่มา : https://www.facebook.com/photo?fbid=529839138499749&set=a.242244413925891

672 ปี สถาปนา ‘กรุงศรีอยุธยา’ เป็นราชธานี นับเป็นศูนย์กลางประเทศสยามยาวนานถึง 417 ปี

จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นอดีตราชธานีของไทยมีหลักฐานของการเป็นเมือง ในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่ประมาณพุทธศตวรรษที่ 16 - 18 โดยมีร่องรอยของที่ตั้งเมือง โบราณสถาน โบราณวัตถุ และเรื่องราวเหตุการณ์ในลักษณะตำนานพงศาวดาร ไปจนถึงหลักศิลาจารึก ซึ่งถือว่าเป็นหลักฐานร่วมสมัยที่ใกล้เคียงเหตุการณ์มากที่สุด ซึ่งเมืองอโยธยาหรืออโยธยาศรีรามเทพนคร หรือเมืองพระราม มีที่ตั้งอยู่บริเวณด้านตะวันออกของเกาะเมืองอยุธยา มีบ้านเมืองที่มีความเจริญทางการเมือง การปกครอง และมีวัฒนธรรมที่รุ่งเรืองแห่งหนึ่ง มีการใช้กฎหมาย ในการปกครองบ้านเมือง 3 ฉบับ คือ พระอัยการลักษณะเบ็ดเสร็จ พระอัยการลักษณะทาส พระอัยการลักษณะกู้หนี้ 

สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) ทรงสถาปนากรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี เมื่อพ.ศ. 1893 กรุงศรีอยุธยาเป็นศูนย์กลางของประเทศสยามสืบต่อยาวนานถึง 417 ปี มีพระมหากษัตริย์ปกครอง 33 พระองค์ จาก 5 ราชวงศ์ คือ ราชวงศ์อู่ทอง ราชวงศ์สุพรรณภูมิ ราชวงศ์สุโขทัย ราชวงศ์ปราสาททอง ราชวงศ์บ้านพลูหลวง 

กรุงศรีอยุธยาสูญเสียเอกราชให้แก่พม่า 2 ครั้ง ครั้งแรกใน พ.ศ. 2112 สมเด็จพระนเรศวร มหาราช ทรงกู้เอกราชคืนมาได้ใน พ.ศ.2127 และเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 พ.ศ. 2310 สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงกอบกู้เอกราชได้ในปลายปีเดียวกัน แล้วทรงสถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานีแห่งใหม่ กวาดต้อนผู้คนจากกรุงศรีอยุธยาไปยังกรุงธนบุรีเพื่อสร้างบ้านเมืองแห่งใหม่ให้มั่นคง แต่กรุงศรีอยุธยาก็ไม่ได้กลายเป็นเมืองร้างยังมีคนที่รักถิ่นฐานบ้านเดิมอาศัยอยู่ และมีราษฎรที่หลบหนีไปอยู่ตามป่ากลับเข้ามาอาศัยอยู่รอบ ๆ เมือง รวมกันเข้าเป็นเมืองจนทางการยกเป็นเมืองจัตวาเรียกว่า "เมืองกรุงเก่า"

พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬา โลกมหาราช ทรงยกเมืองกรุงเก่าขึ้นเป็นหัวเมืองจัตวาเช่นเดียวกับสมัยกรุงธนบุรี หลังจากนั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้จัดการปฏิรูปการปกครองทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคโดยการปกครองส่วนภูมิภาคนั้น โปรดให้จัดการปกครองแบบเทศาภิบาลขึ้นโดยให้รวมเมืองที่ใกล้เคียงกัน 3 - 4 เมือง ขึ้นเป็นมณฑล มีข้าหลวงเทศาภิบาลเป็นผู้ปกครอง โดยในปี พ.ศ. 2438 ทรงโปรด ให้จัดตั้งมณฑลกรุงเก่าขึ้น ประกอบด้วยหัวเมืองต่าง ๆ คือ กรุงเก่าหรืออยุธยา อ่างทอง สระบุรี ลพบุรี พรหมบุรี อินทร์บุรี และสิงห์บุรี ต่อมาโปรดให้รวมเมืองอินทร์ และเมืองพรหมเข้ากับเมืองสิงห์บุรี ตั้งที่ว่าการมณฑลที่อยุธยา 

และต่อมาในปี พ.ศ. 2469 เปลี่ยนชื่อจากมณฑลกรุงเก่าเป็นมณฑลอยุธยา ซึ่งจากการจัดตั้งมณฑลอยุธยามีผลให้อยุธยามีความสำคัญทางการบริหาร การปกครองมากขึ้นการสร้างสิ่งสาธารณูปโภคหลายอย่างมีผลต่อการพัฒนาเมืองอยุธยาในเวลาต่อมา จนเมื่อยกเลิกการปกครองระบบเทศาภิบาล ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 อยุธยาจึงเปลี่ยนฐานะเป็นจังหวัดพระนครศรีอยุธยาจนถึงปัจจุบัน

'จีน' โต้ข้อครหา 'เลี่ยงคว่ำบาตรรัสเซีย' พร้อมเตือน "นี่เป็นเรื่องที่ชาวยุโรปต้องแก้ไขเอง"

รัฐบาลจีนออกมาชี้แจงวันนี้ (2 เม.ย.) ว่าไม่ได้พยายามที่จะ “หลบเลี่ยง” มาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย หลังเจ้าหน้าที่สหภาพยุโรป (อียู) เตือนว่าความพยายามใดๆ ก็ตามที่จะช่วยเหลือมอสโกในสงครามยูเครนอาจกระทบสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ

เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศจีนให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมทางไกลระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงอียูกับคณะผู้นำจีนเมื่อวานนี้ (1 เม.ย.) ว่า “เราไม่ได้จงใจทำอะไรเพื่อหลบเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรที่ชาวอเมริกันและชาวยุโรปใช้กับรัสเซีย”

จนถึงขณะนี้ ปักกิ่งยังคงยืนกรานที่จะไม่ “ประณาม” ปฏิบัติการรุกรานยูเครนของรัสเซีย ขณะที่สหรัฐฯ เกรงว่าจีนอาจสนับสนุนมอสโกในด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ หรือช่วยค้ำจุนเศรษฐกิจรัสเซียให้สามารถฝ่าฟันบทลงโทษของตะวันตกไปได้

“เราขอคัดค้านการคว่ำบาตร เพราะผลของมาตรการเหล่านี้เสี่ยงที่จะส่งผลเสียลุกลามไปยังทั่วโลก” หวัง ลู่ถง (Wang Lutong) ผู้อำนวยการสำนักงานกิจการยุโรปของกระทรวงการต่างประเทศจีน ระบุในงานแถลงข่าว

2 เมษายน รณรงค์วันตระหนักรู้ออทิสติกโลก ประจำปี 2565  

วันที่ 2 เมษายน 2565 เวลา 09.00 น. ห้องประชุม มูลนิธิออทิสติกไทยกรุงเทพมหานคร  " นายชูศักดิ์ จันทยานนท์ " นายกสมาคมผู้ปกครองบุคคลออทิซึม (ไทย) และคณะกรรมการจัดงานกล่าวขอบพระคุณ "นายธนสุนทร สว่างสาลี" รองปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ / "นางณฐอร อินทร์ดีศรี" ผู้เชี่ยวชาญด้านการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ / คณะกรรมการสมาคมผู้ปกครองบุคคลออทิซึม (ไทย) / ผู้บริหารกลุ่มทรู / เครือเจริญโภคภัณฑ์และองค์กรธุรกิจเอกชน / ผู้แทนชมรมผู้ปกครองบุคคลออทิสติกประจำจังหวัด / หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้มีเกียรติที่เข้าร่วมงานทุกท่าน ที่กรุณาให้เกียรติ ร่วมงานวันรณรงค์วันจะหนักรู้ออทิสติกโลก ประจำปี 2565 ซึ่งนับเป็นปีที่ 18 ที่องค์การสหประชาชาติและประชาคมอาร์ทิสติกทั่วโลก ร่วมจัดงาน WORLD AUTISM AWARENEESS DAY (WAAD) 

ในวันนี้ ซึ่งสมาคมผู้ปกครองบุคคลออทิซึม (ไทย) ได้รับการสนับสนุนงบประมาณ จากกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญคือ 

1.) เพื่อร่วมรณรงค์วันสมัครรู้ วันออทิสติกโลก ซึ่งองค์การสหประชาชาติเชิญชวนประเทศสมาชิกทั่วโลกร่วมจัดกิจกรรมพร้อมกัน ในวันที่ 2 เมษายน ของทุกปี โดยในปี 2020 องค์การสหประชาชาติปีนี้กำหนด หัวข้อประเด็นรณรงค์ว่า "Inclusion in the Workplace Challenges and Opportunity in a Post-Pandemic World" หรือ "การเป็นส่วนร่วมของหน่วยงาน ความท้าทายและโอกาสในโลกหลังการแพร่ระบาด" ซึ่งองค์การสหประชาชาติมุ่งหมายให้ประเทศสมาชิกถึงการส่งเสริมให้บุคคลออทิสติกและคนพิการมีโอกาสในการทำงานในหน่วยงาน โดยถือเป็นส่วนร่วมของหน่วยงานแล้วว่าจะมีการประชุมประสาทในช่วงการแพร่ระบาด โดยขอให้รัฐสมาชิก ใช้โอกาสนี้สร้างโลกที่เปิดกว้างและเข้าถึงได้มากขึ้นสนับสนุนการมีส่วนร่วมของคนทุกคนรวมถึงบุคคลออทิสติก และคนพิการด้วย และขอเชิญชวนให้ประเทศสมาชิกใช้วิกฤตให้เป็นโอกาสโดยร่วมสร้างเศรษฐกิจโลกขึ้นมาใหม่จินตนาการถึงบรรยากาศหรือสถานที่ทำงานใหม่ที่สร้างความหลากหลายยอมรับความเท่าเทียมกันทบทวนระบบการศึกษาและการฝึกอบรมของเราใหม่เพื่อให้แน่ใจว่าบุคคลออทิสติกจะได้รับโอกาสที่หลากหลายและตระหนักถึงศักยภาพของตนเอง 

2.) เพื่อให้ผู้แทนชมรมผู้ปกครองบุคคลออทิสติกระดับจังหวัด บุคลากรในพื้นที่ที่ปฏิบัติงานด้านการพัฒนาสังคม การศึกษา สาธารณสุข ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์การจัดความช่วยเหลือบุคคลออทิสติกในระดับชุมชนและนำประสบการณ์การเรียนรู้ร่วมกันในการส่งเสริมศักยภาพบุคคลออทิสติกและครอบครัวสู่การปฏิบัติ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top