Monday, 23 June 2025
Hard News Team

เปิดแผนลดต้นทุนปุ๋ยเคมีช่วยเกษตรกร ลดค่าใช้จ่ายแล้ว 244 ล้านบาท

นางอัญชลี สุวจิตตานนท์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่า ผลการดำเนินการของศูนย์จัดการดินปุ๋ยชุมชน (ศดปช.) ที่ได้เข้าไปช่วยเหลือเกษตรกรในการลดต้นทุนการใช้ปุ๋ยเคมีในการทำการเกษตรสำหรับการปลูกพืชเศรษฐกิจสำคัญ ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยเกษตรกรจำนวน 108,036 ราย จาก 394 ศูนย์ ใน 63 จังหวัด พื้นที่ 1.3 ล้านไร่ ได้รับประโยชน์ ปริมาณการใช้ปุ๋ยลดลง 59,047.37 ตัน คิดเป็น 49% 

ทั้งนี้สามารถลดต้นทุนการใช้ปุ๋ยเคมีเฉลี่ยในพืชเศรษฐกิจต่าง ๆ ไม่น้อยกว่า 36.91% คิดเป็นมูลค่ามากถึง 244 ล้านบาท และเพิ่มผลผลิตได้จริง โดยผลผลิตของเกษตรกรที่ใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 10% ช่วยสร้างรายได้เพิ่มขึ้น และเกิดการจ้างงานในธุรกิจบริการดินและปุ๋ยเพื่อชุมชน ประมาณ 2,600 คน 

เตือน!! ตรวจโควิดด้วย ATK ไม่ระวัง หากสาร Sodium Azide กระเด็นเข้าตา เสี่ยงตาบอด

เตือนตรวจ ATK ไม่ระวังโดนสาร Sodium Azide เข้าที่ดวงตา อาจทำให้ตาบอดได้ เผลอกินเข้าไปอาจอันตรายรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต

วันที่ 7 เมษายน 2565 แฟนเพจ Anti-Fake News Center Thailand โพสต์ข้อความว่า ตามที่มีการเผยแพร่ข้อความในสื่อออนไลน์ต่างๆ เกี่ยวกับประเด็นตรวจ ATK ไม่ระวังเสี่ยงตาบอดหากโดนสาร Sodium Azide เข้าที่ดวงตา

ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลจริง

จากข้อความทางสื่อออนไลน์ที่กล่าวว่า ประเด็นการใช้ ATK ต้องใช้อย่างระวัง ใน ATK มันมีส่วนผสมของ Sodium Azide เข้าใจว่าอยู่ในหลอดยาที่หยอด Sodium Azide โดนตาตาบอดได้ โดนผิวก็อาจระคายเคือง บางคนก็รุนแรง ถ้ากินเข้าไปอาจจะอันตรายรุนแรงอาจถึงขั้นเสียชีวิต ควรใช้แต่พอดี

'ปิยบุตร' ค้านศาลประหารชีวิตทางการเมือง 'ปารีณา' ชี้ ไม่ควรสะใจ แต่ต้องทำให้เห็นพิษภัย รธน.60

7 เม.ย. 65 - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังศาลฎีกา พิพากษา น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง จากคดี รุกป่าราชบุรี โดยให้พ้นตำแหน่ง ส.ส.ตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค. 64 เพิกถอนสิทธิการเลือกตั้ง 10 ปี และไม่มีสิทธิ์รับสมัครเลือกตั้ง และดำรงตำแหน่งทางการเมืองตลอดชีวิตนั้น

มีความเห็นที่น่าสนใจ โดยนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ได้แสดงความคิดเห็นต่อเรื่องดังกล่าวในทวิตเตอร์ว่า รัฐธรรมนูญ 2560 กำหนดให้กรณีนักการเมืองละเมิดจริยธรรมอย่างร้ายแรงไปให้ศาลฎีกาตัดสินและมีโทษประหารชีวิตทางการเมือง เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง

1.) มาตรฐานจริยธรรมเป็นเรื่องจริยธรรม จรรยาบรรณ เป็นเรื่องภายในองค์กร ต้องให้แต่ละองค์กรกำหนดและชี้ขาดกันเอง หน่วยงานอื่นๆ เขาก็ทำกันเอง ลงโทษกันเอง

2.) มาตรฐานทางจริยธรรมไม่ใช่เรื่องเกณฑ์ทางกฎหมาย ไม่ใช่ถูกหรือผิดกฎหมาย แต่เป็นเรื่องความเหมาะสม จึงไม่ควรให้ศาลชี้ขาด ลงโทษ ศาลเกี่ยวข้องได้แบบรีวิวทบทวน เช่น ข้าราชการถูกลงโทษทางวินัย ก็อาจฟ้องศาลให้เพิกถอนคำสั่งลงโทษได้ เป็นการตรวจสอบว่าคำสั่งลงโทษชอบด้วย กม. หรือไม่

แต่กรณีนักการเมืองกลับนำมาตรฐานจริยธรรมที่ศาล รธน. และองค์กรอิสระออกมาปรับใช้ และยังให้ ปปช. มาชี้มูล ส่งให้ศาลฎีกาชี้ขาด

3.) โทษสูง การตัดสิทธิ์สมัครเลือกตั้งตลอดชีวิต ไม่ควรมี นี่คือการทำลายสิทธิขั้นพื้นฐานอย่างรุนแรง ประหารชีวิตทางการเมือง

“ประยุทธ์” หารือ ออท. เปรู ยืนยัน ไทย-เปรู เห็นพ้องขยายความร่วมมือด้านเศรษฐกิจหมุนเวียน ตลอดจนพร้อมเดินหน้าส่งเสริมการเจริญเติบโตที่ครอบคลุม และยั่งยืน สำหรับทุกคน 

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 7 เม.ย.ที่ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายเฟอร์นันโด ฆูลิโอ อันโตนิโอ กีโรส กัมโปส (H.E. Mr. Fernando Julio Antonio Quirós Campos) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเปรูประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในโอกาสพ้นจากหน้าที่

นายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณ เอกอัครราชทูตฯ ที่มีบทบาทอย่างแข็งขันในการส่งเสริมความสัมพันธ์ไทย-เปรูให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้นตลอดระยะเวลาเกือบ 5 ปีที่ดำรงตำแหน่ง และยินดีที่ทั้งสองประเทศมุ่งมั่นรักษาพลวัตสามารถกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกัน แม้จะมีความท้าทายจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันจัดกิจกรรมฉลองครบรอบ 55 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันในปี 2563 จนสำเร็จลุล่วง โดยนายกรัฐมนตรียังได้ฝากความปรารถนาดีไปยังนายโฮเซ เปโดร กัสติโย เตร์โรเนส ประธานาธิบดีเปรู พร้อมหวังว่าจะได้มีโอกาสต้อนรับประธานาธิบดีเปรูในการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคปลายปีนี้ที่กรุงเทพฯ

ด้านเอกอัครราชทูตฯ กล่าวขอบคุณรัฐบาลไทยที่ให้ความร่วมมือและสนับสนุนการทำงานในไทยเสมอมา และยืนยันว่าจะทำหน้าที่เสริมสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างกันต่อไป พร้อมเน้นย้ำว่าไทยมีศักยภาพและความพร้อมในหลายด้าน จึงเป็นโอกาสที่จะสามารถพัฒนาความร่วมมือระหว่างกันในทุกมิติ โดยเปรูพร้อมสนับสนุนไทยในการเป็นเจ้าภาพเอเปค 2022 อย่างเต็มที่ และหวังที่จะแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญที่ต่างฝ่ายต่างมีความเชี่ยวชาญ อาทิ การท่องเที่ยวเชิงอาหาร (gastronomic tourism) ซึ่งทั้งไทยและเปรู ถือเป็นผู้นำในด้านนี้ และการบริหารจัดการสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นต้น

โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือในประเด็นที่มีความสนใจร่วมกัน โดยด้านสาธารณสุข ทั้งสองฝ่ายต่างยินดีที่มีความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดในการรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 และสนับสนุนกันและกันในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยนายกรัฐมนตรีชื่นชมเปรูที่มีอัตราการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ให้กับประชาชนครบ 2 เข็มในระดับสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 ให้กับประชาชนกลุ่มเปราะบางของประเทศ ซึ่งไทยก็ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมความสมดุลระหว่างมาตรการทางสาธารณสุขกับการใช้ชีวิตของประชาชน 

โลกระทึก!! ศักราชใหม่แห่งยุคสงครามเย็นระดับเร็วเหนือเสียง เมื่อ 'สหรัฐฯ-อังกฤษ-ออสซี่' จับมือพัฒนาขีปนาวุธ Hypersonic

สมาชิกพันธมิตร 3 อ. หรือ AUKUS อันประกอบด้วย สหรัฐอเมริกา-อังกฤษ-ออสเตรเลีย ได้ร่วมแถลงอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 6 เมษายน 2565 ว่าจะจับมือกันพัฒนาขีปนาวุธ Hypersonic เพื่อติดตั้งในกองทัพเรือดำน้ำราชนาวีของออสเตรเลียภายในอีก 6 เดือนข้างหน้านี้

โดยผู้นำทั้ง 3 ประเทศได้อ้างว่าที่จำเป็นต้องเดินหน้ายกระดับแสนยานุภาพทางทหารของตนในย่านแปซิฟิก เนื่องจากกรณีรัสเซียบุกยูเครน ซึ่งได้เปิดตัวใช้ขีปนาวุธ Hypersonic โจมตียูเครนไปแล้วก่อนหน้านี้ ได้เปลี่ยนโฉมหน้าการใช้เทคโนโลยีด้านการทหารไปสู่อีกขั้นหนึ่ง

เมื่อเป็นเช่นนี้ พันธมิตร AUKUS ที่เป็นกลุ่มระดับมหาอำนาจของโลกคงยอมไม่ได้ จึงจำเป็นต้องมี Hypersonic กับเขาบ้าง เพื่อมาถ่วงดุลกัน

ข้ออ้างในการพัฒนาขีปนาวุธ Hypersonic ของสหรัฐฯ และ อังกฤษ นั้นพอเข้าใจได้ หากยกกรณีข้อพิพาทระหว่างรัสเซีย กับชาติพันธมิตรในตะวันตก

ว่าแต่...ออสเตรเลีย ประเทศในย่าน Down Under มาเกี่ยวอะไรกับเขาด้วย??

แม้ในแถลงการณ์ร่วมของพันธมิตร 3 อ. ไม่ได้กล่าวออกมาตรงๆ แต่ทุกคนก็น่าจะรู้ว่าการที่ออสเตรเลียจำเป็นต้องติดขีปนาวุธ Hypersonic ไว้ลาดตระเวนแถวน่านน้ำแปซิฟิก ที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับแถวทะเลบอลติกแม้แต่น้อยนั้น ก็เพื่อข่มแสนยานุภาพ

ของกองทัพจีนในน่านน้ำทะเลจีนใต้!!

เนื่องจากทางจีนเอง ก็เริ่มมีการทดสอบขีปนาวุธ Hypersonic ของตัวเองไปแล้วตั้งแต่ช่วงกลางปี 2021 ที่อ้างว่ามีความเร็วสูงถึง 5 มัค และตอนนี้ประกาศว่าได้พัฒนารุ่นที่ 2 เรียบร้อยแล้ว ซ้ำยังคุยข่มด้วยว่าใช้เทคโนโลยีล้ำหน้ากว่าใครใน 7 ย่านน้ำ แม้แต่กองทัพสหรัฐฯ อาจต้องใช้เวลาถึงปี 2025 ถึงจะตามได้ทัน

ทั้งนี้ฟากฝ่ายความมั่นคงสหรัฐฯ ได้เผยว่า จีนกำลังเพิ่มปริมาณหัวรบนิวเคลียร์ของตัวเองให้ได้ถึง 1,000 ลูกในระยะเวลาไม่เกิน 10 ปีบวกกับเทคโนโลยี Hypersonic เข้าไปด้วย ซึ่งจะทำให้จีนเป็นประเทศมหาอำนาจด้านการทหารเบอร์ 1 ในย่านเอเชีย แม้ปริมาณหัวรบนิวเคลียร์จะน้อยกว่าที่สหรัฐฯ มีถึง 3 เท่า แต่ก็ถือเป็นภัยคุกคามที่สหรัฐฯ จะยอมปล่อยให้ขยายอิทธิพลมากไปกว่านี้ไม่ได้

แต่ใช่ว่าสหรัฐฯ จะไม่รู้ว่า จีน หรือ แม้แต่รัสเซีย ว่ามีความก้าวหน้าในเทคโนโลยีขีปนาวุธระดับไหน ดังจะเห็นได้ว่าทันทีที่มีข่าวรัสเซียยิงขีปนาวุธ Hypersonic รุ่น Kinzhal Missile ใส่คลังแสงของกองทัพยูเครนปุ๊บ ทางรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐก็ออกมาให้สัมภาษณ์ออกสื่อทันทีว่า ทางสหรัฐฯ ก็มีการทดสอบขีปนาวุธ Hypersonic ไปเมื่อกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมาแล้ว ที่มีความเร็วมากกว่า 5 มัค

แถมยังเกทับอีกว่า ขีปนาวุธรัสเซียนั้น 'กระจอก' เป็นแค่จรวดพิสัยใกล้ ไหนเลยจะเทียบรุ่นกับของเราได้ สเปกแน่น จัดเต็ม ความแม่นยำสูง แค่เราทดสอบเงียบๆ แบบไม่อยากบอกใครเท่านั้นเอง

และอันที่จริงแล้ว ฟากออสเตรเลีย หนึ่งในสมาชิก 5 Eyes ก็มีโครงการพัฒนาเทคโนโลยี Hypersonic ร่วมกับสหรัฐอเมริกามาตั้งนานแล้ว ก่อนจะจับมือตั้งเป็นพันธมิตร AUKUS ร่วมกันเสียอีก โดยใช้ชื่อโครงการว่า SCIFIRE (the Southern Cross Integrated Flight Research Experiment) มีเป้าหมายในการพัฒนาเครื่องยนต์ หัวยิง และขีปนาวุธ Hypersonic ให้ได้ความเร็วตั้งแต่ 5-8 มัค

ซึ่งเรื่องนี้น่าจะมีความเป็นไปได้อย่างมาก ถึงขนาดที่ออสเตรเลียยอมหักหน้า ทิ้งสัญญาเรือดำน้ำของฝรั่งเศสจนเป็นเหตุให้เคืองใจกันอย่างแรงระหว่าง เอมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส กับ สก็อต มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียอยู่พักใหญ่

ดังนั้นแผนการยกระดับการครอบครองขีปนาวุธ Hypersonic จึงน่าจะอยู่ในแผนระหว่างสหรัฐฯ กับ ออสเตรเลีย อยู่ก่อนแล้ว แม้จะไม่มีกรณีสงครามรัสเซีย-ยูเครน ก็ตาม เพียงแต่ช่วงนี้ประเด็นรัสเซียกำลังร้อนๆ ออสเตรเลียก็เลยโบ้ยตามน้ำว่าเพราะรัสเซียเป็นเหตุ สังเกตได้ เท่านั้นเลยจริงๆ

‘ปารีณา’ จบชีวิตการเมือง ผิดจริยธรรมคดีรุกที่ป่า หลังศาลสั่ง พ้นส.ส. - ห้ามลงเลือกตั้งตลอดชีวิต

ศาลฎีกา สั่ง ปารีณาพ้นตำแหน่งส.ส. - เพิกถอนสิทธิรับสมัครเลือกตั้งตลอดไป พร้อมสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี ฐานฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง บุกรุกพื้นที่ป่าราชบุรี เจตนาไม่คืนที่ดินเขตปฏิรูป

เมื่อวันที่ 7 เมษายน ที่ศาลฎีกา สนามหลวง ศาลฎีกา นัดฟังคำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ คมจ.1/2564 ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ กรณีบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนในจังหวัดราชบุรี อันเป็นการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัวและส่วนรวม และขอให้ศาลฎีกามีคำสั่งให้ผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่งนับแต่วันหยุดปฏิบัติหน้าที่ และให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้คัดค้าน และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนดเวลาไม่เกิน 10 ปี

วันนี้ น.ส.ปารีณา ไม่ได้เดินทางมาศาล มีเพียงทนายความเดินทางมา

ศาลพิพากษาว่า ผู้คัดค้านฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรม มีคำสั่งให้ผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่งนับจากวันที่ 25 มี.ค. 64 ซึ่งเป็นวันที่ศาลฎีกา สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ และให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้คัดค้านตลอดไป และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนดเวลาไม่เกิน 10 ปี มีผลให้ผู้คัดค้านไม่มีสิทธิ์รับเลือกตั้งเป็น ส.ส. สว. ผู้บริหารท้องถิ่น และดำรงตำแหน่งทางการเมืองใดๆ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 235 วรรคสี่ และพรป.ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ. 2561 มาตรา 81, 87 และมาตรฐานจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ ขัอ 3 ข้อ 17 ประกอบข้อ 27 วรรคสอง

โฆษกรัฐบาล เผย ผ่อนมาตรการเข้าประเทศ ยอดผู้โดยสารข้าไทย เพิ่มกว่า 65.97% สะท้อนนทท.เชื่อมั่นนโยบายรัฐบาล 

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงความคืบหน้าการเดินทางเข้าราชอาณาจักร หลังศบค.ผ่อนคลายมาตรการ ให้ยกเลิกการตรวจ RT-PCR ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา ว่า ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บมจ. ท่าอากาศยานไทย (AOT) รายงานว่าจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศ เดินทางเข้าประเทศไทยเฉลี่ยวันละ 11,623 คน เพิ่มขึ้นจากเดือน มี.ค. ที่เฉลี่ยวันละ 7,003 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 65.97 ส่วนของเที่ยวบินขาเข้าระหว่างประเทศ มีจำนวนเฉลี่ยวันละ 141 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นจากเดือน มี.ค. ที่เฉลี่ยวันละ 137 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.92 คาดว่าจากนี้จะมีผู้โดยสารระหว่างประเทศ เดินทางเข้าประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น 

นายธนกร กล่าวว่า การปรับมาตรการเข้าประเทศในระยะถัดไป  ในเดือนพ.ค.นี้ ให้ลงทะเบียนผ่านระบบ Thailand Pass และยกเลิกการตรวจ RT-PCR ระยะเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมง ก่อนเดินทางเข้าราชอาณาจักร เมื่อเดินทางมาถึงและระหว่างพำนักให้มีการตรวจหาเชื้อ กรณี Test & Go และ Sandbox ให้ตรวจแบบ ATK ที่สนามบิน หรือสถานที่ที่ทางราชการกำหนด ในวันที่มาถึงและวันที่2 กรณี Sandbox อยู่ในพื้นที่ 5 วัน กรณี Quarantine กักตัว 5 วัน ให้ตรวจ RT-PCR วันที่4 – 5 และกรณีผู้ควบคุมยานพาหนะฯ ให้ตรวจ Self – ATK ในวันที่ 5 

“ชวน” เตือน กมธ.ตั้งคนนอกเป็นที่ปรึกษาระวังให้ดี มีเรื่องร้องเรียนพบพฤติกรรมไม่สุจริต เรียกรับผลประโยชน์

ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎรให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง (ฉบับที่….) พ.ศ…. ติดโควิดหลายคน มีการส่งสัญญาณว่าจะพิจารณาไม่ทันมาหรือไม่หรือมีกมธ.ชุดอื่นมีปัญหาหรือไม่ ว่า กมธ.ขอมาประจำเรื่องการขอขยายเวลา ซึ่งมีหลายคณะ แต่ส่วนใหญ่กมธ.ก็ไม่ได้ประชุมกัน มีเพียงบางคณะที่มีข้อกำหนดเวลาเร่งรัดอยู่ แต่ก็ต้องเตือนกันในส่วนของคนนอกเพราะตัวส.ส.เองไม่น่าเป็นห่วง โดยตนได้ทำจดหมายถึงนายอนันต์ ผลอำนวย ส.ส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ ประธานกมธ.กิจการสภา เรื่องพฤติกรรมของคนนอกที่กมธ.นำมาเป็นที่ปรึกษา มีการร้องเรียนมาเกี่ยวกับเรื่องผลประโยชน์จึงขอให้นายอนันต์แจ้งกมธ.ทุกคณะให้ระมัดระวังกรณีตั้งที่ปรึกษาหรือคนนอกให้มาทำงานด้วย และมีพฤติกรรมที่ไม่สุจริตทำให้ภาพของกมธ.นั้นเสียหาย ซึ่งตนยังไม่กล้าเอ่ยชื่อแต่มีคนรายงานมา เป็นการเรียกร้องรับผลประโยชน์โดยทั่วไป จึงให้แจ้งกมธ.นั้นติดตามดูด้วย 

‘หมอมนูญ’ เผยเคสน่าสนใจ ‘ผู้ป่วยติดโควิด’ ขณะเดียวกันยังเป็น ‘วัณโรคปอด’ ควบคู่ด้วย

หมอมนูญเผยเคสน่าสนใจผู้ป่วยติดโควิดพร้อมกับเป็นวัณโรค ตรวจพบผลเป็นบวกก่อนจะทราบภายหลังเป็นโรคอื่นด้วย

วันนี้ (7 เม.ย. 65) นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ หัวหน้าโรคระบบทางเดินหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ โพสต์ข้อความระบุว่า ผู้ป่วยโรคโควิด-19 บางคนติดเชื้อโรคทางเดินหายใจอีก 1 โรคในเวลาเดียวกัน

ผู้ป่วยชายอายุ 75 ปี ปกติแข็งแรงดี ไม่มีโรคประจำตัว ไม่มียาประจำ ได้รับวัคซีนแอสตร้าเซเนก้า 2 เข็มและเข็มกระตุ้นไฟเซอร์ 1 เข็ม

วันที่ 19 มีนาคม 2565 เริ่มมีไข้ต่ำๆ ไอ เสมหะสีขาว ไม่เบื่ออาหาร น้ำหนักไม่ลด ตรวจ ATK ที่บ้านวันที่ 20 มีนาคมให้ผลบวก ไปโรงพยาบาลใกล้บ้านตรวจ RT-PCR ยืนยันติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่นั่นให้ยาฟาวิพิราเวียร์กิน 10 วัน ยังไอต่อเนื่อง และมีเสมหะ โรงพยาบาลใกล้บ้านแนะนำให้หาแพทย์เฉพาะทางด้านระบบทางเดินหายใจ

'ไบเดน' เดินหน้าคว่ำบาตรรัสเซียรอบใหม่ พร้อมยึดทรัพย์ลูกสาวปูตินที่ถือครองในสหรัฐฯ

ไบเดนคว่ำบาตรรัสเซียรอบใหม่ ยึดทรัพย์ลูกสาวปูติน ชี้สงครามอาจลากยาว

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศการคว่ำบาตรรัสเซียรอบใหม่โดยมุ่งเน้นไปที่ภาคการเงิน ภายใต้การกระทำที่เขาระบุว่าจะเป็นการลงโทษระยะยาวต่อเศรษฐกิจของรัสเซีย หลังจากภาพของการสังหารพลเรือนยูเครนอย่างโหดเหี้ยมปรากฏขึ้น

ไบเดนกล่าวว่า รัสเซียล้มเหลวในสงครามครั้งแรก หลังจากที่กองกำลังของรัสเซียต้องถอนกลับจากกรุงเคียฟ อย่างไรก็ดี เขาเตือนว่าการต่อสู้ครั้งนี้ยังไม่จบ และสงครามอาจดำเนินการต่อไปอีกนาน แต่สหรัฐฯ จะยืนหยัดร่วมกับยูเครนในการต่อสู้เพื่ออิสรภาพ โดยเราจะยับยั้งความสามารถในการเติบโตของรัสเซียในอีกหลายปีข้างหน้า

สหรัฐฯ ได้ประกาศห้ามการทำธุรกรรมกับธนาคารซึ่งใหญ่ที่สุดสองแห่งของรัสเซีย คือธนาคาร Sberbank และ Alfa Bank ผ่านระบบการเงินของสหรัฐฯ และห้ามไม่ให้ชาวอเมริกันทำธุรกิจกับธนาคารทั้งสองแห่งนี้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top