Friday, 24 May 2024
Hard News Team

“แรมโบ้” ยัน 1 นายกฯห่วงใยประชาชนตลอดเวลา ทุกลมหายใจเข้าออก วอน ทุกคนปฏิบัติตัวเข้ม ป้องโควิด-19

เมื่อวันที่ 12 เมษายน พ.ศ.2564 นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลวันสงกรานต์ ซึ่งเป็นวันหยุดยาว ประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนา นายกฯได้อวยพรให้พี่น้องประชาชน ให้พักผ่อนกับครอบครัวอย่างมีความสุขและด้วยความระมัดระวัง เพื่อดูแลทั้งตัวเราเองและคนที่เรารัก สวัสดีปีใหม่ไทยทุกคนล่วงหน้า ถือเป็นคำอวยพร และ ของขวัญปีใหม่ไทย ในเทศกาลวันสงกรานต์ที่นายกฯมอบให้คนไทยทุกคนจากใจจริง

นายเสกสกล กล่าวว่า เป็นการแสดงให้เห็นว่านายกฯ มีความห่วงใยประชาชนทุกกลุ่ม และอยากให้กลับบ้าน และท่องเที่ยวด้วยความปลอดภัย โดยเฉพาะจากการระบาดเชื้อโควิด-19 รวมถึงในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งถือว่าเป็นวันผู้สูงอายุ วันครอบครัวด้วยนั้น นายกฯยังอยากให้พี่น้องประชาชนได้ไปพบกับครอบครัว อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวของไทยด้วย ประชาชนจะต้องให้ความร่วมมือกับรัฐบาลในการรักษามาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัดด้วย เพื่อไม่ให้มีการแพร่เชื้อเพิ่มเติม และยังจะทำให้พี่น้องประชาชน ได้กลับบ้านและท่องเที่ยว ห่างไกลโควิด และมีความสุขในช่วงเทศกาลสงกรานต์อีกด้วย

นายเสกสกล กล่าวว่า "นายกฯห่วงใยประชาชนตลอดเวลา ทุกลมหายใจเข้าออกของนายกฯ คือ ความอยู่ดีกินดีและความสุขกายสุขใจ ความปลอดภัยในชีวิตของพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งแผ่นดิน ขอให้เชื่อมั่นว่า นายกฯและรัฐบาลจะทำงานให้ดีที่สุด ทุกปัญหาต้องได้รับการแก้ไขเยียวยาให้ทั่วถึงจะไม่ทอดทิ้งหรือหนีปัญหาเด็ดขาด รัฐบาลต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนและความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนทุกคนด้วยโดยเฉพาะการร่วมมือในการปฏิบัติตนเองและครอบครัวไม่ให้ติดเชื้อไวรัสโควิดที่กำลังแพร่กระจายอยู่ในขณะนี้โดยฟังคำชี้แจงทีมเแพทย์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัว เพื่อให้คนไทยทุกคนก้าวข้ามผ่านวิกฤตโควิดไปให้ได้"

เทพไท เปรียบ แก้ รธน.รายมาตรา เหมือนซ่อมรถแบบ “ปะผุ” ต้องซื้อใหม่ทั้งคัน วางสเปก 6 ข้อ

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง การเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ แบบรายมาตรา ของพรรคพลังประชารัฐว่า เป็นการเสนอการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยความจำใจ เพื่อต้องการจะอธิบายกับสังคมว่า รัฐบาลชุดนี้ได้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตามนโยบายเร่งด่วน ที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภาแล้ว การเสนอแก้ไขเป็นรายมาตรา ซึ่งถ้าจะเปรียบรัฐธรรมนูญ ปี 2560 เหมือนกับรถยนต์คันหนึ่ง การแก้เป็นรายมาตรา ก็เปรียบเสมือนการซ่อมสี “ปะผุ” ซึ่งรถยนต์คันนี้มีสภาพแชสซีคต เสียศูนย์ ไม่สามารถใช้งานต่อไปได้ จึงจำเป็นต้องซื้อรถยนต์คันใหม่ ซึ่งเปรียบเสมือนการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ

ส่วนตัวสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ(สสร.) เพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา จะไม่ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนทั้งประเทศ ตนในฐานะที่เป็นผู้ริเริ่มการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาและแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญเห็นว่า รัฐธรรมนูญในฝันของตนนั้น อยากให้มีลักษณะดังนี้คือ 

1.) เป็นการปกครองระบอบประชาธิปไตย มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ซึ่งเป็นรูปแบบการปกครองที่ดีที่สุด และเหมาะสมกับสภาพของประเทศไทยมากที่สุด

2.) เป็นระบบรัฐสภา มีสภาคู่ เช่นเดียวกับรูปแบบการปกครองของประเทศอังกฤษ ที่เป็นต้นแบบของการปกครองแบบรัฐสภา ที่มีสถาบันพระมหากษัตริย์เหมือนกับประเทศไทย

3.) ส.ส.มาจากระบบเขตเลือกตั้งทั้งหมด ไม่จำเป็นต้องมี ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ซึ่งรูปแบบของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เป็นรูปแบบลูกผสม ที่ใช้แบบอังกฤษผสมกับแบบเยอรมันและฝรั่งเศส ขัดกับการปกครองรูปแบบรัฐสภาที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข

4.) สมาชิกวุฒิสภา จะมาจากการแต่งตั้ง หรือเลือกตั้งก็ได้ ต้องขึ้นอยู่กับบทบาทและหน้าที่ ถ้ามาจากการเลือกตั้งของประชาชน จะมีหน้าที่แต่งตั้ง ถอดถอน ตรวจสอบองค์กรอิสระได้ ถ้ามาจากการแต่งตั้งก็ควรมีหน้าที่เพียงการกลั่นกรองกฎหมายเท่านั้น

5.) คณะรัฐมนตรีต้องมาจาก ส.ส.เท่านั้น เพราะถือว่าเป็นบุคคลที่ได้ผ่านการคัดเลือกของประชาชนมาแล้ว มีความยึดโยงกับประชาชน เป็นการป้องกันบุคคลภายนอก กลุ่มทุน ที่ฉวยโอกาสเข้ามาเป็นรัฐมนตรี

6.) จำนวน ส.ส.มีไม่เกิน300คน และ ส.ว.มีไม่เกิน150คน เพราะเป็นจำนวนที่เหมาะสมกับประชากรของประเทศ เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศทั่วโลก และเป็นการประหยัดงบประมาณของประเทศชาติอีกด้วย 

ผมได้แต่ฝันว่ารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จะเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง แม้ว่าจะฝันที่เป็นไปไม่ได้ก็ตาม ก็ขอแค่ได้ตั้งความหวังเอาไว้ ตามอุดมคติ “ฝันให้ไกล ไปให้ถึง”

การบินไทย ตั้ง “ศูนย์ TG ร่วมใจ ป้องกันภัยโควิด” เฝ้าระวังสุขภาพพนักงาน

วันนี้ (12 เมษายน พ.ศ.2564) รายงานข่าวจากบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ที่มีการแพร่กระจายในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลในขณะนี้ บริษัท การบินไทยฯ มีความห่วงใยความปลอดภัยด้านสุขอนามัยของพนักงานและผู้ใช้บริการ จึงได้จัดตั้ง “ศูนย์ TG ร่วมใจ ป้องกันภัยโควิด” มีภารกิจหลักในการติดตามและเฝ้าระวัง โดยมุ่งเน้นการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและเฝ้าระวังสุขอนามัยของพนักงานให้เป็นไปอย่างเคร่งครัด 

เช่น อาทิ สวมหน้ากากอนามัย การเว้นระยะห่าง และล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ รวมทั้งมาตรการทำความสะอาด โดยพ่นสเปรย์ฆ่าเชื้อภายในสถานประกอบการของการบินไทย เพื่อให้สอดคล้องกับประกาศของกระทรวงสาธารณสุขในการป้องกันโรคระบาดดังกล่าว โดยคำนึงถึงการให้บริการและความปลอดภัยสูงสุด 

นอกจากนี้ บริษัทฯในฐานะสมาชิกคณะกรรมการดำเนินงานธุรกิจการบิน ประเทศไทย (Airline Operators Committee Thailand หรือ AOC) ได้ประสานกับคณะกรรมการ AOC ผ่านไปยังกระทรวงสาธารณสุข เพื่อดำเนินการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของ บริษัท ซิโนแวค ไบโอเทค จำกัด ให้แก่พนักงานภายใต้สังกัดฝ่ายบริการลูกค้าภาคพื้น ฝ่ายบริการอุปกรณ์ภาคพื้น ฝ่ายครัวการบิน ฝ่ายการพาณิชย์สินค้าและไปรษณียภัณฑ์ และฝ่ายช่าง ที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งจัดเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 รวมทั้งสิ้นประมาณ 4,500 คน ซึ่งต้องทำการฉีด 2 ครั้ง 

โดยจะเริ่มทยอยฉีดเข็มแรกระหว่างวันที่ 19 - 25 เมษายน 2564 และจะนัดฉีดเข็มที่ 2 หลังจากฉีดเข็มแรกเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ การบินไทยยังได้จัดทีมพนักงานจิตอาสาเพื่อไปประจำตามจุดคัดกรองของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เพื่อสนับสนุนกระทรวงสาธารณสุขในการดำเนินการฉีดวัคซีนป้องโรคโควิด-19 ให้เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานต่างๆ ที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เป็นระยะเวลา 2 เดือน 

ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้เน้นย้ำให้ผู้ปฏิบัติงานปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะให้ผู้ปฏิบัติงานดูแลตนเองและสถานประกอบการ เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้บริการและสังคมโดยรวม และผ่านพ้นช่วงวิกฤตการณ์นี้ไปได้ด้วยดี

แรงงานเฮลั่น!! ม33เรารักกัน เงินเข้างวดสุดท้าย และ กลุ่มทบทวนสิทธิผ่านได้ครบ 4,000 บาท รับสงกรานต์

วันนี้ 12 เมษายน พ.ศ.2564 เป็นวันที่โอนเงินงวดสุดท้าย จำนวน 1,000 บาท จนครบ 4,000 บาทให้ผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่ได้รับสิทธิ และกลุ่มที่ทบทวนสิทธิผ่านก็จะได้รับเงิน จำนวน 4,000 บาทโดยจ่ายครั้งเดียวในวันนี้เพื่อรับเทศกาลสงกรานต์อีกด้วย

เมื่อวันที่ 12 เมษายน พ.ศ.2564 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการ ม33เรารักกันว่า หลังจากที่วันนี้ 12 เมษายน 2564 เป็นวันที่ได้มีการโอนเงินงวดที่ 4 ซึ่งเป็นงวดสุดท้ายของโครงการ จำนวน 1,000 บาท จบครบ 4,000 บาท ให้กับผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่ได้รับสิทธิ ส่วนกรณีผู้ที่ทบทวนสิทธิผ่านแล้วในวันนี้ก็จะได้รับเงินครบ 4,000 บาท ผ่านแอปพลิเคชัน 'เป๋าตัง' เช่นเดียวกัน เพื่อให้พี่น้องแรงงานสามารถนำไปใช้จ่ายซื้อสินค้าและบริการผ่านแอพพลิเคชั่น 'เป๋าตัง' ทำให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจในช่วงเทศกาลสงกรานต์ได้

นายสุชาติ กล่าวต่อว่า โครงการ ม33เรารักกัน ที่รัฐบาล ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และกระทรวงแรงงานภายใต้การกำกับดูแลของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญในการช่วยเหลือเยียวยาแบ่งเบาภาระค่าครองชีพของผู้ประกันตนมาตรา 33 ให้ได้รับสิทธิคนละ 4,000 บาท และให้ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.ม33เรารักกัน.com ถือว่าได้ประโยชน์กับผู้ประกันตนหลายกลุ่ม ซึ่งพวกเขายังไม่เคยได้รับการช่วยเหลือเยียวยามาก่อน แม้ว่าเงิน 4,000 บาทจะดูเหมือนไม่มาก แต่ก็สามารถช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องผู้ใช้แรงงานได้มาก

เนื่องจากเขาสามารถนำเงินที่ได้รับสัปดาห์ละ 1,000 บาท จนครบ 4,000 บาท ไปจ่ายใช้ในสิ่งของที่จำเป็นในการดำรงชีวิต เงินส่วนนี้สามารถนำไปใช้จ่ายผ่านแอปพลิเคชัน ‘เป๋าตัง’เพื่อซื้อสินค้าและบริการผ่านร้านค้า ผู้ประกอบการรายย่อยอย่างร้านธงฟ้าที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งและโครงการเราชนะ รวมถึงช่วยพ่อค้าแม่ค้ารายย่อยอย่างหาบเร่แผงลอยได้ด้วยก็จะเกิดเงินหมุนเวียนในหลายรอบและส่งผลทำให้ระบบเศรษฐกิจฟื้นตัวตามมาอีกด้วย

ทั้งนี้ ผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่ได้รับเงินจากโครงการ ม33เรารักกัน สามารถนำเงิน ในแอปพลิเคชัน ‘เป๋าตัง’ ไปใช้จ่ายซื้อสินค้าและบริการได้ตั้งแต่เวลา 06.00 - 23.00 น.ของทุกวัน ไปจนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ.2564 เท่านั้น

ราเมศ สนับสนุน พาณิชย์ คุมเข้ม จำหน่ายสินค้าราคาสูงเกินสมควร ขออย่าซ้ำเติมประชาชน

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงกรณีที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สั่งการให้กรมการค้าภายใน และสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ ออกตรวจสอบและติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าอย่างใกล้ชิด และเพิ่มความเข้มงวดในเรื่องจำหน่ายสินค้าราคาสูงเกินสมควร ว่า

เห็นด้วยที่กระทรวงพาณิชย์โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ คุมเข้มการจำหน่ายสินค้าราคาสูงเกินสมควร ซึ่งจากเดิมมีการเข้มงวดกวดขันอยู่แล้ว แต่ช่วงสถานการณ์ปัจจุบันเห็นด้วยที่จำต้องเข้มงวดมากเป็นพิเศษ เพราะเป็นช่วงสถานการณ์โควิด-19 ป้องกันไม่ให้พ่อค้าแม่ค้าฉวยโอกาสเอาเปรียบซ้ำเติมประชาชน ทั้งร้านค้าทั่วไปและร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการของรัฐด้วย หากอาศัยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แสวงหากำไรเกินกว่าที่ควรได้ตามปกติ การเพิ่มราคา ก็จะเกิดความไม่เป็นธรรมต่อประชาชนด้วย 

ในส่วนพี่น้องประชาชนที่ได้เกินทางกลับต่างจังหวัด ก็ต้องตรวจสอบการจำหน่ายน้ำมันของสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงด้วย ความถูกต้องของหัวจ่ายน้ำมัน ที่จะมีผลต่อการเติมว่ามีปริมาณเต็มลิตรหรือไม่ รวมถึงผู้จำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม สินค้าอุปโภคบริโภค ผู้ขาย ผู้บริการก็จะต้องติดป้ายแสดงให้เห็นถึงราคาสินค้าและค่าบริการให้ชัดเพื่อให้ประชาชนได้เห็นราคาก่อนใช้บริการ

นายราเมศ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันเพื่อก้าวข้ามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด19 ไปด้วยกันหากพบเห็นการกระทำผิด จำหน่ายสินค้าราคาสูงเกินสมควร หรือจำหน่ายในราคาไม่ตรงกับที่แจ้งไว้ สามารถแจ้งไปได้ที่กรมการค้าภายใน สายด่วน 1569 ตลอด 24 ชั่วโมง และแจ้งร้องเรียนได้ที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ หากพบการกระทำความผิดก็จะมีความผิด กรณีไม่ปิดป้ายแสดงราคามีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท กรณีจำหน่ายสินค้าราคาสูงเกินสมควร กักตุนสินค้าและปฏิเสธ การจำหน่ายต้องโทษจำคุก 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

“ผบ.ทร.” ไม่ติดโควิด แต่ยัง Work From Home - กักตัว 14 วัน ด้าน “โฆษกทร.” เผยกักตัว 30 ทหารเรือร่วมชมฝึกวงสอง เตรียม 3 รพ.สนาม รองรับผู้ป่วยจากรพ.ชลบุรีแล้ว

เมื่อวันที่ 12 เมษายน พ.ศ.2564 พล.ร.อ.เชษฐา ใจเปี่ยม โฆษกกองทัพเรือ  เปิดเผยว่า  พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ได้ทำการตรวจโควิด-19 Swab แล้ว ซึ่งผลออกมาเป็นลบ ไม่ติดเชื้อโควิด-19 เพราะไม่ได้ใกล้ชิด ร้อยโทหญิง ที่อยู่ในวงที่สาม และนั่งชมการฝึกในพื้นที่เปิดโล่ง และทิ้งระยะห่างๆ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 30 นาทีเท่านั้น  รวมถึงไม่ได้อยู่รับประทานอาหารกับกลุ่มนายทหารจากกองทัพไทยที่เป็นกลุ่มเสี่ยง แต่ ผบ.ทร.ก็จะกักตัว 14 และ Work From Home เพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย โดยจะตรวจโควิด-19 ซ้ำ อีกครั้งในวันที่  15 เมษายนนี้ อย่างไรก็ตาม  ได้ทำการกักตัวนายทหารเรือ 30 นายที่เข้าร่วมฝึกของกองทัพเรือประจำปี 2564 เข้ากักตัวใน SQ แล้ว เพราะเป็นกลุ่มที่ไปรับประทานข้าวเที่ยงต่อ บริเวณพื้นที่ฝึก ซึ่งถือเป็นวงที่ 2 ที่ใกล้ชิดกับกลุ่มเสี่ยง

พล.ร.อ.เชษฐา กล่าวต่อว่า กองทัพเรือ ได้จัดตั้งโรงพยาบาลสนามของกองทัพเรือ ใน 3 แห่ง รองรับผู้ป่วยได้รวม 726 เตียง เช่น  1. โรงพยาบาลสนาม ศูนย์การฝึกหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (เกล็ดแก้ว) อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี จำนวน 320 เตียง 2. โรงพยาบาลสนาม ค่ายพระมหาเจษฎาราชเจ้า หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี จำนวน 174 เตียง และ3. โรงพยาบาลสนาม สนามฝึกกองทัพเรือ หมายเลข 16 บ้านจันทเขลม จังหวัดจันทบุรี จำนวน 232 เตียง โดยโรงพยาบาลสนามศูนย์การฝึกหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและฝั่ง(สอ.รฝ.)ได้รับผู้ป่วย จากโรงพยาบาลชลบุรีแล้ว  แบ่งเป็นผู้ป่วยชาย 24 ราย และผู้ป่วยหญิง 22 ราย

เด็ก พปชร. วอน ประชาชนเชื่อมั่น ข้อมูลวิชาการ ฉีดวัคซีน จวก ฝ่ายค้าน หยิบเป็นประเด็นการเมือง

เมื่อวันที่ 12 เมษายน พ.ศ.2564 นางสาวทิพานัน ศิริชนะ อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวอาจารย์แพทย์ ให้ความเห็นส่วนบุคคลเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ถึงประสิทธิภาพของวัคซีนที่บิดเบือน ว่า ขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อ เพราะคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ออกคำแถลงชี้แจงย้ำชัดเจนแล้วว่าข้อมูลดังกล่าวเป็นเพียงความคิดเห็นส่วนบุคคล ไม่ได้เป็นความเห็นทางวิชาการของคณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ

นอกจากนี้ ยังมีการยืนยันจากคณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ว่า วัคซีนโควิดที่ประเทศไทยนำเข้าทั้งซิโนแวค และแอสตราเซเนกา มีประสิทธิภาพตามมาตรฐานที่องค์การอนามัยโลกกำหนด และยังมีประสิทธิภาพต่อเชื้อโรคกลายพันธุ์สายพันธุ์อังกฤษที่กำลังระบาดอยู่ในขณะนี้ ซึ่งสอดคล้องกับการยืนยันของ ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก จุฬาฯ ว่าวัคซีนทั้ง 2 ตัวที่ไทยกำลังฉีดอยู่ป้องกันการเสียชีวิตได้ 100% และลดอาการป่วยรุนแรงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นการฉีดวัคซีนโควิด-19 ยังจำเป็นเพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาด สร้างภูมิคุ้มกันหมู่ และมีประสิทธิภาพต่อการลดความรุนแรงของโรคของผู้ที่ติดเชื้อตามมาตรฐานสากล

นางสาวทิพานัน กล่าวว่า “ในขณะนี้มีกระบวนการด้อยค่าทีมทำงานของรัฐบาลและสาธารณสุข โดยมุ่งเรื่องวัคซีนเป็นตัวนำ โดยมีพฤติกรรม ขยายผลบิดเบือนเรื่องประสิทธิภาพวัคซีน กล่าวหาเลื่อนลอยเรื่องรัฐผูกขาดนำเข้าวัคซีน จนสร้างความตื่นตระหนกสับสนในสังคม ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตของพี่น้องประชาชน ที่อาจตัดสินใจไม่ให้ความร่วมมือมารับการฉีดวัคซีน อันส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่น การฟื้นฟูเศรษฐกิจ และกำลังใจของทีมนักรบชุดขาวที่กำลังทำงานอย่างเต็มที่ เพียงเพื่อมุ่งหวังให้เกิดความเสียหายและหวังผลทางเมือง โดยเอาสุขภาพของประชาชนมาเป็นเหยื่อ ดังนั้นจึงขอประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลที่ไม่มีหลักวิชาการอ้างอิง ที่กำลังระบาดตอนนี้ 

ที่น่าผิดหวังก็คือ นักการเมือง ผู้แทนของประชาชน โดยเฉพาะฝ่ายค้าน เช่น นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊กกล่าวหารัฐบาลฉีดวัคซีนที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันต่ำ โดยไม่คำนึงว่าจะส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตของพี่น้องประชาชน และกระทบต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างไร ทำให้สังคมสงสัยและตั้งคำถามว่าคิดแต่ความได้เปรียบทางการเมืองมากกว่าข้อมูลที่ถูกต้องหรือไม่

ศรีสุวรรณ รวบรวม ข้อมูลทุจริตลต.เทศบาลนครเชียงใหม่ จ่อ ร้องกกต.

เมื่อวันที่ 12 เมษายน พ.ศ.2564 นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า มีชาวบ้านในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ ส่งข้อมูลและหลักฐานการทุจริตหรือการซื้อสิทธิขายเสียงในการแข่งขันเลือกตั้งนายกเทศมนตรีและสมาชิกสภาเทศบาล เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 64 ที่ผ่านมา มาให้สมาคมฯเป็นจำนวนมาก แทบไม่น่าเชื่อว่าจะมีหลักฐานโจ๋งครึ่มทำกันได้ขนาดนี้

ในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ มีการแบ่งเขตเลือกตั้งออกเป็น 4 แขวง คือ แขวงนครพิงค์ แขวงกาวิละ แขวงเม็งราย และแขวงศรีวิชัย ซึ่งมีหลักฐานชี้ชัดว่าพื้นที่เขตเลือกตั้งดังกล่าวมีการซื้อขายเสียงกันดุมากตั้งแต่หัวละ 1,000 - 2,000 บาทเลยทีเดียว โดยส่วนใหญ่หัวคะแนนที่นำเงินมาซื้อเสียงนั้นจะเป็นประธานชุมชน หรือแกนนำชุมชนซึ่งเป็นที่รู้จักและเกรงใจกันของลูกบ้าน ทั้ง ๆ ที่ประธานชุมชนถือว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของเทศบาล ซึ่งควรที่จะวางตัวเป็นกลาง แต่กลับมามีพฤติกรรมเป็นหัวคะแนนให้กับผู้สมัครรับเลือกตั้งอย่างไม่ละอาย 

ยังมีผู้สังเกตการณ์เลือกตั้งได้มาร้องเรียนว่าพบเห็นหัวคะแนนของผู้สมัครนายกเทศมนตรีรายหนึ่ง มายืนจ่ายเงินซื้อเสียงกันบริเวณหน้าหน่วยเลือกตั้งเลยทีเดียว ซึ่งเป็นที่น่าแปลกใจว่าคณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งดังกล่าว กลับไม่มีใครรู้ใครเห็นเลยหรืออย่างไร อีกทั้งผู้สมัครบางรายมีการจัดทำป้าย คัตเอ้าท์ และการโพสต์ในสื่ออนไลน์หาเสียง ในลักษณะสัญญิงสัญญามากมายว่าหากได้รับการเลือกตั้งแล้วจะดำเนินการให้สิ่งนั้นสิ่งนี้แก่ผู้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งมากมาย เช่น การจ้างงานแก้โควิด-19 เป็นต้น

ซึ่งกรณีดังกล่าวจะปล่อยให้ผ่านเลยไปไม่ได้ เพราะถือได้ว่าเป็นการเลือกตั้งที่เป็นไปโดยไม่สุจริตและเที่ยงธรรม ซึ่งตาม พรบ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น 2562 กำหนดข้อห้ามและบทลงโทษเอาไว้ชัดเจน ผู้ใดฝ่าฝืนย่อมมีความผิด ทั้งหัวคะแนน และพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ทำตัวละเว้นเพิกเฉย

อย่างไรก็ตาม ตามกฎหมายข้างต้น ม.65(1)(2) กำหนดห้ามมิให้ผู้สมัครหรือผู้ใดกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ลงคะแนนให้แก่ตนเองหรือผู้สมัครอื่น ให้งดเว้นการลงคะแนนให้แก่ผู้สมัคร หรือการชักชวนให้ไปลงคะแนนไม่เลือกผู้ใดเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น ด้วยวิธีการจัดทำให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ทรัพย์สิน หรือ ผลประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้แก่ผู้ใด และหรือให้ เสนอให้ หรือสัญญาว่าจะให้เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดไม่ว่าจะโดยตรง หรือโดยอ้อมแก่ชุมชน เป็นต้น

สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จะได้รวบรวมข้อมูลพยานหลักฐานเพื่อนำไปร้องเรียนต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทันทีที่เปิดทำงานตามปกติหลังเทศกาลสงกรานต์ เพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยเอาผิดและลงโทษผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด รวมทั้งผู้สมัครที่มีส่วนรู้เห็นและหรือเป็นต้นเหตุของการกระทำดังกล่าวด้วย

ทบ. ส่งกำลังพลสนับสนุน พร้อมเตียงเครื่องนอน ตั้งรพ.สนามในหลายจังหวัดกว่า 2,000 เตียง

เมื่อวันที่ 12 เมษายน พ.ศ.2564 พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ทางกองทัพบก ได้จัดตั้งโรงพยาบาลสนามในพื้นที่ค่ายทหาร ตามที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลและ ศบค. แล้ว ล่าสุดได้สนับสนุนกำลังพล และยุทโธปกรณ์ในการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามตามจังหวัดต่าง ๆ ในหลายพื้นที่

รวมทั้งการสนับสนุนอุปกรณ์ให้กับโรงพยาบาลเพื่อเตรียมรองรับผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ในแต่ละพื้นที่อย่างเต็มศักยภาพ

โดยมีการดำเนินการแล้วในหลายพื้นที่ อาทิ โรงพยาบาลสนามจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งกองพลทหารราบที่ 7 และมณฑลทหารบกที่ 33 ได้ส่งกำลังพลเข้าช่วยลำเลียงเตียงนอนจากโรงแรมและสถานที่ต่าง ๆ ในจังหวัด พร้อมติดตั้งเตียงนอนและเครื่องมือในการดูแลผู้ป่วย ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา ต.ช้างเผือก อ.เมือง ซึ่งทางจังหวัดเชียงใหม่ได้จัดโรงพยาบาลสนาม และเปิดให้บริการรักษาผู้ติดเชื้อแล้วตั้งแต่ 9 เมษายน

พ.อ.หญิงศิริจันทร์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้โรงพยาบาลสนามที่จัดตั้งขึ้น สามารถรองรับผู้ติดเชื้อได้ขั้นต้น 400 เตียง และขยายได้ถึง 1,000 เตียง ซึ่งปัจจุบันกำลังพลจิตอาสายังคงเข้าช่วยอำนวยความสะดวกในพื้นที่โรงพยาบาลสนามต่อเนื่อง ทั้งนี้หากจังหวัดเชียงใหม่มีความต้องการขยายพื้นที่โรงพยาบาลสนามเพิ่มเติม ทางมณฑลทหารบกที่ 33 ได้จัดเตรียมสถานที่ภายในศูนย์ฝึกนักศึกษาวิชาทหาร มณฑลทหารบกที่ 33 พร้อมอุปกรณ์เครื่องนอน ไว้รองรับผู้ป่วยโควิด-19 ที่อาจมีจำนวนมากขึ้น และพร้อมดำเนินการทันทีเมื่อมีการประสาน

นอกจากนี้กองทัพบกยังได้สนับสนุน เตียงเหล็ก ที่นอนและอุปกรณ์เครื่องนอนจำนวน 200 ชุด ให้กับ โรงพยาบาลสนาม ของ กทม ที่โรงพยาบาลผู้สูงอายุบางขุนเทียน ซึ่งเป็นการขยายขีดความสามารถในการรองรับผู้ติดเชื้อโควิดจากเดิม 300 เตียง เพิ่มอีก 200 เตียง โดยกองทัพบกได้ขนส่งอุปกรณ์ดังกล่าวจากกรมพลาธิการทหารบกไปยังโรงพยาบาลผู้สูงอายุฯเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 11 เมษายน พ.ศ.2564

ส่วนที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ กองทัพบกโดย ศูนย์การทหารราบ ได้สนับสนุนเตียงสนาม 70 ชุดพร้อมเครื่องนอนให้กับโรงพยาบาลหัวหิน เพื่อจัดตั้ง รพ.สนาม ณ วิทยาลัยเทคโนโลยีพณิชยการหัวหิน รองรับผู้ป่วยโควิด-19 ตั้งแต่ 9 เมษายน เช่นกัน

สำหรับความคืบหน้าในการจัดเตรียมสถานที่โรงพยาบาลสนามของกองทัพบกในพื้นที่ กทม.คือที่ กรมทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 1 ถนนแจ้งวัฒนะ กทม. รองรับได้ 200 เตียง นั้น ปัจจุบันกองทัพบกได้ส่งทหารช่างเข้าปรับปรุงอาคารจำนวน 5 หลังในพื้นที่ดังกล่าว ที่จะใช้เป็น อาคารนอน ห้องน้ำ

รวมถึงอาคารที่ใช้เป็นสถานที่ทำงานและที่พักของบุคลากรทางการแพทย์และได้ดำเนินการติดตั้งรั้วโดยรอบโรงพยาบาลสนามเรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้ในภาพรวมขณะนี้กองทัพบกได้จัดเตรียมโรงพยาบาลสนามเพื่อรองรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ไว้แล้วจำนวน 12 พื้นที่ทั่วประเทศสามารถรองรับได้ 2,220 เตียง “กองทัพบกจะดำรงการช่วยเหลือและสนับสนุนอุปกรณ์ให้กับหน่วยงานในการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามประจำจังหวัด รองรับการดูแลประชาชนและผู้ติดเชื้ออย่างดีที่สุดต่อไป” พ.อ.หญิงศิริจันทร์ กล่าว

ปัจจุบันการฝึกฝนให้สุนัขกลายเป็นสุนัขนำทางคนตาบอด เป็นงานที่ต้องใช้เวลามาก และพอฝึกมาก็มีอายุงานไม่เกิน 10 ปีก็ต้องเกษียณ แต่ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำหน้า ทำให้วิทยาการหุ่นยนต์ที่จะมาช่วยแก้ปัญหานี้ ก็เริ่มผลิตอกชัดขึ้น

ปัจจุบันการฝึกฝนให้สุนัขกลายเป็นสุนัขนำทางคนตาบอด เป็นงานที่ต้องใช้เวลามาก และพอฝึกมาก็มีอายุงานไม่เกิน 10 ปีก็ต้องเกษียณ แต่ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำหน้า ทำให้วิทยาการหุ่นยนต์ที่จะมาช่วยแก้ปัญหานี้ ก็เริ่มผลิดอกชัดขึ้น

เฟซบุ๊ก ‘ธุรกิจ4.0’ ได้นำเสนอถึงเรื่องราวของเทคโนโลยีที่จะมาแทนที่สุนัขนำทางคนตาบอดว่า…

สุนัขนำทางคนตาบอดแต่ละตัว กว่าจะฝึกฝนให้มันทำงานได้ ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 18 เดือน ต้องฝึกให้มันดูแลคนตาบอดสำหรับการใช้ชีวิตประจำวันหลายอย่าง เช่น ไม่ส่งเสียงดังรบกวนคนรอบข้าง ไม่ขับถ่ายเรี่ยราด ไม่สร้างความเสียหายให้กับสถานที่ ฯลฯ

โดยปกติแล้ว สุนัขนำทางแต่ละตัวทำงานกับเจ้าของที่เป็นคนตาบอดเพียงคนเดียว จำกัดอายุในการทำงานประมาณ 7 - 10 ปี ก็จะเกษียณ และต้องหาตัวใหม่เข้ามาทำงานแทน

การฝึกฝนให้สุนัขกลายเป็นสุนัขนำทางคนตาบอด เป็นงานที่ต้องใช้เวลามาก ผู้ฝึกสอนต้องมีความอดทน มีขบวนการฝึกสอนซับซ้อน ทักษะของสุนัขตัวหนึ่งที่ผ่านการฝึกฝนแล้ว ไม่สามารถถ่ายทอดให้สุนัขอีกตัว

แต่ความก้าวหน้าล่าสุดในด้านวิทยาการหุ่นยนต์ ซึ่งได้พัฒนาเป็น ‘หุ่นยนต์อัตโนมัติ’ (Autonomous robots) นั้น ดูเหมือนจะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาความขาดแคลนสุนัขนำทางคนตาบอดให้เข้ามารับหน้าที่รับผิดชอบนี้มากขึ้น

โดยทีมนักวิทยาศาสตร์จาก ‘มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์’ ได้พัฒนาหุ่นยนต์อัตโนมัติ 4 ขาเหมือนสุนัขขึ้นมา ภายใต้จุดประสงค์หลักเพื่อใช้แทนสุนัขนำทาง ซึ่งสามารถนำทางและหลีกหนีสิ่งกีดขวางต่างๆ เวลาเดินได้แล้ว

สำหรับแพลตฟอร์มฮาร์ดแวร์หุ่นยนต์สุนัช 4 ขา ใช้ Mini Cheetah จาก MIT มีเลเซอร์ในตัวเพื่อสร้างแผนที่สภาพแวดล้อมที่ถูกต้อง ส่วนกล้องของหุ่นยนต์ทำหน้าที่แทนตาของคนตาบอด

ทั้งนี้หากเป็นสุนัขนำทางตัวเป็น ๆ ต้องใช้เวลาฝึกฝนประมาณหนึ่งปีครึ่ง แต่เจ้าหุ่นยนต์สุนัขนำทางอัตโนมัตินี้ ใช้วิธีการดาวน์โหลดข้อมูลลงในเครื่องโดยอัตโนมัติ และสามารถอัปเดตได้ตลอดเวลา หมายถึงการถ่ายทอดประสบการณ์ทุกอย่างจากสุนัขหุ่นยนต์ทุกตัวได้

ทางทีมนักวิทยาศาสตร์ผู้พัฒนาโครงการได้ เผยด้วยว่า ต่อไปจะมีการซิงค์คอมพิวเตอร์หรือปฏิทินที่อยู่ในสมาร์ทโฟนให้กับสุนัขหุ่นยนต์ พร้อมติด GPS เพื่อช่วยนำทางจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งได้เองด้วย

อย่างไรก็ตามฮาร์ดแวร์หรือตัวสุนัขหุ่นยนต์ยังมีราคาค่อนข้างสูง แต่ในอนาคตเชื่อว่าจะมีราคาลดต่ำลง และทำให้คนตาบอดจำนวนมากสามารถหาซื้อมาใช้งานเพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตของตัวเองได้ง่ายขึ้น

คลิปสาธิตการทำงานของสุนัขหุ่นยนต์อัตโนมัติ >> https://www.youtube.com/watch?v=FySXRzmji8Y


ที่มา: https://www.facebook.com/698124263678932/posts/1915426945281985/

https://techxplore.com/news/2021-04-laser-equipped-robotic-dog-people.html

https://www.republicworld.com/technology-news/science/robotic-guide-dogs-could-help-visually-impaired-people-navigate-the-world-heres-how.html


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top