Sunday, 29 June 2025
Hard News Team

อดีตรมต.ท่องเที่ยวฯ อึ้ง!! บริการภาครัฐยุคใหม่ไวเว่อร์!! ทำใบขับขี่ไม่ถึง 15 นาที จนไม่มีเวลาแต่งหน้าทาปาก

ไม่นานมานี้ คุณกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา / ประธานกรรมการ ธนาคารกสิกรไทย และประธานกรรมการบริหาร บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กส่วนตัว เผยถึงโฉมใหม่งานบริการของภาครัฐที่สะดวกสบายและทันสมัยที่ตนได้สัมผัสเอง ระบุว่า...

ขอชื่นชมหน่วยงานที่ดูแลใบขับขี่นะคะ เพิ่งไปเปลี่ยนใบขับขี่จากใบเก่า สมัยเป็นกระดาษแล้ว seal หน้าหลัง มาเป็นรุ่นบัตรแข็งปัจจุบัน ต้องไปทำด้วยตัวเอง ใช้เวลาไม่ถึง ๑๕ นาทีเสร็จ!!! เร็วมาก ๆ จนตกใจ 

เดินเข้าไปบอกว่าจะเปลี่ยนเป็นบัตรใหม่ เขาดูแค่บัตรเก่าและบัตรประชาชน แล้วให้บัตรคิวเดินขึ้นมาชั้น ๒ พอขึ้นไปมีเจ้าหน้าที่ดูบัตรคิว แล้วบอกเราว่า “น้องเดินตามเส้นเขียวไปนะ” 

เราเดินตามเส้นเขียวไป ก็เจอโต๊ะถ่ายรูปทำบัตรเรียงยาวไปเลย เหมือนทำหนังสือเดินทาง เราไปนั่ง ยื่นบัตร เขาคีย์ข้อมูล แล้วพิมพ์ให้เราเช็คว่าถูกต้องมั้ย เสร็จแล้วถ่ายรูปเลย 

เรานึกว่าจะมีเวลาทาลิปสติก ผัดแป้ง แต่งหน้า ไม่มีค่ะ เพราะมันเร็วมาก ตั้งตัวไม่ติด เขาบอกยกไหล่ซ้ายขึ้น กดไหล่ขวาลง เอียงคอนิดนึง ถ่ายเสร็จ นั่งรอบัตรซัก ๒ นาที จบขบวนการ ได้บัตรใหม่ หน้าซีดๆ ของเรา 

คะแนนนิยม 'ไบเดน' ดำดิ่งหนัก ล่าสุดเหลือแค่ 29% เหตุคนมะกันยี้ผลงาน

คะแนนนิยมของประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ลดลงต่ำกว่าระดับ 30% นับว่าต่ำที่สุดเท่าที่เคยมีมา จากผลสำรวจความคิดเห็นรอบใหม่ที่เผยแพร่เมื่อวันเสาร์ (9 ก.ค.)

ผลสำรวจที่จัดทำโดย Civiqs บริษัทโพลออนไลน์และวิเคราะห์ พบว่ามีผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งชาวสหรัฐฯ เพียง 29% ที่พอใจแนวทางบริหารงานของ ไบเดน และมีถึง 58% ที่ไม่พอใจ ส่วน 13% บอกว่าไม่มั่นใจ

ในผลสำรวจยังพบว่าประชาชนชาวสหรัฐฯ ในทุกกลุ่มอายุ เพศและการศึกษา ส่วนใหญ่แล้วไม่พอใจผลงานของไบเดน โดยชาวอเมริกันผิวขาวมากถึง 66% บอกว่าไม่สนับสนุนผู้นำรายนี้ อย่างไรก็ตาม เขายังคงเป็นที่นิยมในหมู่ประชากรผิวสีหรือคนอเมริกันเชื้อสายแอฟริกัน ซึ่งในกลุ่มนี้มีถึง 55% ที่บอกว่าพอใจผลงานของไบเดน

ไบเดน มีคะแนนนิยมในระดับต่ำเกือบทุกรัฐ ยกเว้นฮาวายและเวอร์มอนต์ ไม่เว้นแม้กระทั่งรัฐเดลแวร์ บ้านเกิดของผู้นำรายนี้ ซึ่งมีมุมมองที่มืดมนต่อไบเดนเช่นกัน โดยที่รัฐแห่งนี้ มีผู้ไม่พอใจผลงานของเขามากถึง 54%

อย่างไรก็ตาม หากแยกออกเป็นรายพรรค ผลสำรวจพบว่าบรรดาผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครตของไบเดน ยังคงมีความพึงพอใจผลงานของผู้นำรายนี้ในระดับสูงที่ 63% แต่สำหรับผู้สนับสนุนพรรครีพับลิกันแล้ว มีถึง 97% ที่ไม่พอใจผลงานของไบเดน

'บก.ลายจุด' เชียร์ 'ชัชชาติ' สั่ง กทม. งดจ้างออแกไนเซอร์ เป็นแหล่งเงินทอนที่ไม่มีมาตรฐานการกำหนดราคา

11 ก.ค. 2565 – นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงกรณีนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร มอบนโยบายข้าราชการ กทม. อย่าใช้ออแกไนเซอร์เยอะ ให้ใช้ทีมงานประชาสัมพันธ์ของ กทม. เองว่า เป็นสิ่งที่ได้หลายดอก

1. ต้นทุนลดลงแน่นอน เพราะการจัดอีเวนต์แบบนี้เป็นที่รู้กันดีว่าเป็นแหล่งเงินทอน เพราะแทบไม่มีมาตรฐานการกำหนดราคา จ่ายค่าตัวพิธีกร ดารา ศิลปินที่มาร่วมงาน แสง สี เสียง ฉาก เวที เก้าอี้ ประตู หน้าต่าง บานพัด ตะปู แมร่งทุกเม็ด จัดยิ่งใหญ่ ยิ่งใช้งบมากยิ่งดี เพราะมันหมายถึงเงินทอน

2. การให้ กทม. ทำเองเป็นการพัฒนากลไกภายใน ไม่รู้จะมีไว้ทำไมฝ่ายประชาสัมพันธ์ถ้าไม่ใช้งาน ทีมงานจะได้พัฒนามีซุปเปอร์แม่เหล็กอย่างชัชชาติยังต้องกลัวอะไรในการทำ PR ตัวอย่างมีเห็นๆ งบน้อยแต่ประสิทธิผลสูงยิ่ง

‘แบงก์ชาติ’ เผย เงินสำรองคงคลังของไทย แข็งแกร่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์

ระหว่าง 'วาทกรรม' กับ ' การกระทำ' 

แบบไหนที่ 'ควร' ต้องเปิดหู เปิดตา เปิดใจ ยอมรับฟัง!! ในระหว่างที่บางกลุ่มก้อนของสังคมชิงฉายวาทกรรม ให้เกิดการมอง 8 ปี ประเทศไทย ว่า 'พังในทุกมิติ'

เป็นเช่นนั้นหรือไม่?

ลองมาย้อนสักดูตัวอย่างเล็ก ๆ เช่น เงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ที่ถูกฉายวนในสังคมมาสักพักใหญ่ ๆ กันอีกสักหลาย ๆ รอบ แล้วพิจารณาดูว่า...

อันดับของไทยที่อยู่ในอันดับต้น ๆ ของโลกแบบนี้ 

หากมีใครมาพูดว่า 8 ปีประเทศไทย 'พัง' ก็คือพัง? ได้ง่าย ๆ ตามใจปากพูดได้เลยงั้นหรือ?

จากเฟซบุ๊ก 'Bangkok I Love You' ได้นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับสถานะเงินทุนสำรองระหว่างประเทศของไทย เนื้อหาดังนี้...

ปัจจุบันประเทศไทย มีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ถึง 9,319,090.28 ล้านบาท นับเป็นอันดับที่ 13 ของโลก แซงหน้า สหรัฐอเมริกา 

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานตัวเลขเงินสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้น เดือนธันวาคม ปี 64 อยู่ที่ 9,319,090.28 ล้านบาท

สิ้นตลกชื่อดัง!! 'โป๊งเหน่ง เชิญยิ้ม' ในวัย 59 ปี

'โป๊งเหน่ง เชิญยิ้ม' มีชื่อจริงว่า 'พงษ์ศักดิ์ โสภักดี' เกิดวันที่ 19 กรกฎาคม 2506 ที่อำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี นักแสดงตลกชายและอดีตนักแสดงลิเกชาวไทยชื่อดัง ที่มีเอกลักษณ์เป็นที่จดจำได้ คือ หัวโล้น พูดน้ำเสียงรุนแรง มักจะได้แสดงบทเป็นตัวร้ายในวงการตลก

'โป๊งเหน่ง' มีชื่อเล่นว่า 'ศักดิ์' มีบิดามีอาชีพลิเก และอยู่กับวงการลิเกอยู่นานพอสมควรก็ได้เข้าสู่วงการตลกจากการที่บิดาเป็นเพื่อนกับ 'อุดม ชวนชื่น' และ 'จิ้ม ชวนชื่น' ก็ได้ชักชวนเขามาอยู่ในคณะ 'ชวนชื่น' โดยใช้ชื่อว่า 'ศักดิ์ ชวนชื่น' และได้อยู่กับชวนชื่นนานถึง ๑๑ ปี ก่อนที่ภายหลังสมาชิกในคณะบางคนได้ย้ายไปคณะของ แป๋ว บ้านโป่ง ทั้งศักดิ์ , หลุยส์ , ช้าง , เอนก , อุทิศ และเปี๊ยก อยุธยา และอยู่กับคณะ แป๋ว บ้านโป่ง อยู่นานประมาณ ๒ ปีและย้ายไปคณะเต่า เชิญยิ้ม และ หนู คลองเตย แต่ไม่นานก็ออกจากคณะเพราะหนูไปโกนศีรษะของเจ้าตัวโดยที่ไม่ได้บอกกล่าว

ภายหลังศักดิ์ได้เจอกับ 'นุ้ย เชิญยิ้ม' เลยชักชวนให้มาอยู่กับคณะ ถั่วแระ/ชูศรี เชิญยิ้ม ช่วงแรก ๆ เขาอยู่ในฐานะคนขับรถของคณะและใช้ชื่อว่า 'ศุภโชค เชิญยิ้ม' ก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็น 'ข้าวฟ่าง เชิญยิ้ม' และมาเป็น 'โป๊งเหน่ง เชิญยิ้ม' เพราะมาจากรูปร่างศีรษะของเขาดูเหมือนขนมโป๊งเหน่ง

ช่วงเวลาที่ 'โป๊งเหน่ง เชิญยิ้ม' อยู่ที่ 'คณะถั่วแระ เชิญยิ้ม' ทำให้เจ้ามีโอกาสเข้าสู่วงการบันเทิงด้วยการเล่น ก่อนบ่าย คลายเครียด ภายหลังนุ้ยสืบทอดหัวหน้าคณะต่อจากถั่วแระ เจ้าตัวมีโอกาสได้เล่นภาพยนตร์หลายเรื่อง เช่น เดอะโกร๋น ก๊วน กวน ผี , ผีหัวขาด , บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม , ยายสั่งมาใหญ่ , ผู้ชายลั้ลล้า และ ฮาศาสตร์

'ดร.สมเกียรติ' แง้ม!! สถานการณ์ล่าสุดจากอเมริกา โจรชุม-คนไร้บ้านเพิ่ม-คนแก่ไม่มีงานอยู่ไม่ได้

ดร.สมเกียรติ เผยสถานการณ์บ้านเมืองอเมริกาล่าสุด ส่อเค้าวิกฤต โจรผู้ร้ายชุกชุม คนไร้บ้านเพิ่ม จากสภาพเศรษฐกิจเริ่มแย่ ค่าอาหาร ค่าครองชีพแพงสุด ๆ

ดร.สมเกียรติ โอสถสภา อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊ก ถึงสถานการณ์บ้านเมืองในสหรัฐ อเมริกา ว่า ข่าวจากอเมริกา ล่าสุด ตกใจนะเนี่ย

ตอนนี้ตำรวจที่นั่นไม่รับแจ้งความมูลค่าต่ำกว่า 100 เหรียญแล้ว คือ โจรชุมมาก ไปแจ้งความตำรวจบอกเป็นเรื่องปกตินะยู

ชุมชนคนไร้บ้านขยายตัวแรงมากที่ซานฟราน มีจัดตั้งด้วย คุมกันไม่อยู่ คนที่เคยเรียนที่นั่นตกใจและเศร้าที่เห็นเมืองที่เปลี่ยนไป

โจรชุม อย่าทิ้งของไว้ในรถจะถูกทุบกระจก เอาของไป อาการนี้แบบที่แอฟริกาที่เคยเห็นที่นั่นเอายางรถไปหมดเลย อันตรายกับนักท่องเที่ยวมาก

'เฉลิมชัย' ไฮไลต์ 'ทุเรียนป่าละอู' เปิดมหกรรมผลไม้ที่ประจวบคีรีขันธ์

ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ 'มหกรรมผลไม้และของดีป่าละอู' ประจำปี 2565 โดยมี นายพิศาล พงศาพิชณ์ เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) พร้อมด้วย นางสาวเสาวลักษณ์ ศุภกมลเสนีย์ รองเลขาธิการ มกอช. และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมในพิธีฯ ณ องค์การบริหารส่วนตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ ตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

สำหรับโครงการดังกล่าว จัดขึ้นระหว่างวันที่ 9-17 กรกฎาคม 2565 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผลผลิตทางการเกษตร โดยเฉพาะทุเรียนป่าละอู ตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ อำเภอหัวหิน ซึ่งเป็นทุเรียนพันธุ์หมอนทองและพันธุ์ชะนีที่มีชื่อเสียง ได้รับความนิยมจากผู้บริโภค และได้รับการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มีการส่งเสริมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและยกระดับการผลิตทุเรียนในพื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ในลักษณะของกลุ่มแปลงใหญ่ วิสาหกิจชุมชน และกลุ่มเกษตรกร โดยในส่วนของการยกระดับมาตรฐานสินค้าทุเรียน มีการส่งเสริมควบคู่กับการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตทุเรียน ทำให้ปัจจุบันมีเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนได้รับการรับรองมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (GAP) จำนวน 390 ราย และได้รับการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) โดยเป็นทุเรียนป่าละอู จำนวน 83 ราย

อนุกมธ.งบฯ เพื่อไทย เสนอ 3 จังหวัดชายแดนใต้เป็นมหานครทางเศรษฐกิจของโลกมุสลิม เปลี่ยนภาพความรุนแรงเป็นเมืองเศรษฐกิจ พร้อมฝาก ศอ.บต-กระทรวงศึกษา-กรมศิลปกร จัดงบบูรณาการเพิ่มศักยภาพพื้นที่

เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล คณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย ในฐานะที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ (กมธ.) แผนงานบูรณาการ 2 ในคณะกมธ.วิสามัญ พิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 กล่าวว่า ในการประชุมคณะอนุกมธ.ฯ ได้มีการตั้งข้อสังเกต และข้อแนะนำให้แต่ละหน่วยงานที่มาชี้แจง โดยเฉพาะศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต) เกี่ยวกับการนำงบประมาณลงไปบูรณาการการทำงานร่วมกันในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยกมธ.เห็นว่า พื้นที่ 'ปัตยะรา' (ปัตตานี ยะลา นราธิวาส) ยังเป็นมหานครแห่งโอกาสและความหวัง เป็นประตูเศรษฐกิจสู่อาณาจักรมุสลิมที่มีกำลังซื้อมหาศาล เป็นมหานครฮาลาลที่มีอนาคตที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย เพียงแต่ต้องเข้าใจ และเปลี่ยนเป็นการนำทางด้วยเศรษฐกิจ และการพัฒนา โปรดอย่ามองด้วยสายตาว่าในพื้นที่นี้แข็งกระด้างและรุนแรง ซึ่งพี่น้องในปัตยะราทุกคนต่างต้องการการอยู่ดีกินดี มีอาชีพที่มั่นคง 

ทั้งนี้ ตนฝากนายสุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ พัฒนาการศึกษาเพื่อการมีงานทำ และการศึกษาเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ โดยขอให้ปรับหลักสูตรให้สอดคล้องกับการนำศักยภาพทรัพยากรธรรมชาติของพื้นที่ สู่การสร้างรายได้ที่มั่นคง ยั่งยืน พร้อมขอฝากกรมศิลปากรและกรมโยธา ช่วยพัฒนาการออกแบบสถาปัตยกรรมโครงสร้างพื้นฐานของเมืองให้มีกลิ่นอายของมรดกวัฒนธรรมถิ่น ในหลัก 8 วิถี 9 วัฒนธรรม ที่เคยวางเป็นยุทธศาสตร์การพัฒนาศิลปะวัฒนธรรมให้กับกระทรวง โดย 8 วิถี softpower ประกอบด้วย 

1.อาหาร 

2.แฟชั่น เครื่องประดับ เครื่องแต่งกาย 

3.สถาปัตยกรรมและที่อยู่อาศัย 

4.ข้าวของเครื่องใข้ของตกแต่งบ้าน 

5.ภาษา 

6.ศิลปวัฒนธรรม 

7.ดนตรีและบันเทิง 

และ 8.ความเชื่อความเป็นมงคล 

'สร้างอนาคตไทย' จัดใหญ่ ระดมกูรู กู้วิกฤตเศรษฐกิจ ชี้ 'โลกเปลี่ยนไทยต้องปรับ'

'พรรคสร้างอนาคตไทย' เปิดเวทีถกทางออกวิกฤตเศรษฐกิจ 'บัณฑิต' ชี้แก้เงินเฟ้อด่วนก่อนเศรษฐกิจติดหล่ม ด้านเอกชนมั่นใจเอกชนไทยยังมีศักยภาพสูงขอเพียงรัฐบาลสนับสนุนให้ตรงจุด ขณะที่เอสเอ็มอีและภาคท่องเที่ยว วอนช่วยเร่งแก้ปัญหาการเข้าถึงแหล่งทุนที่ยังไม่มีประสิทธิภาพ

(10 ก.ค.65) ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ พรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) จัดเสวนา 'เจาะลึกวิกฤติร่วมคิดทางออก' ถกนักวิชาการ นักธุรกิจชั้นนำ ประกอบด้วย ดร.บัณฑิต นิจถาวร ประธานมูลนิธินโยบายสาธารณะเพื่อสังคมและธรรมาภิบาล นายกิตติ พรศิวะกิจ ประธาน Smart Tourism สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย น.ส.จรีพร จารุกรสกุล ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น และนายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย โดยมีนายสันติ กีรนันทน์ รองหัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย เป็นผู้ดำเนินรายการ เพื่อหาทางออกของวิกฤติเศรษฐกิจประเทศ สะท้อนปัญหา และเสนอแนะแนวทางแก้ถึงรัฐบาล 

โดยนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการจัดงานครั้งนี้ว่า งานวันนี้เราตั้งใจให้เป็นวงเสวนาที่อยากให้เราได้มีโอกาสร่วมกันคิดวิเคราะห์สิ่งที่ประเทศกำลังเผชิญ สถานการณ์หลายอย่างดูเหมือนดีขึ้น แต่ทั้งผู้ประกอบการ ประชาชนยังห่วงใยว่าเมื่อสถานการณ์ดีขึ้นจะไปต่ออย่างไร เรายังต้องช่วยกันบริหารจัดการ ช่วยคิด และหาทางออก จึงเป็นที่มาของการเสวนาในวันนี้ ตนและพรรคหวังว่าสิ่งที่จะออกมาวันนี้ จะเป็นประโยชน์กับส่วนรวม เป็นการช่วยกันคิด ร่วมกันทำของคนไทย เพื่ออนาคตของเรา ในภาวะที่หลาย ๆ อย่างสุ่มเสี่ยง แต่โอกาสก็มีเยอะ ถ้าช่วยกันคิด ช่วยกันบริหารจัดการความท้าทาย ทำสิ่งที่มีให้เกิดขึ้นได้ เมื่อสถานการณ์คลี่คลายก็จะทำให้คนไทยเดินหน้าต่อไป ประเทศเติบโต พร้อมรับความท้าทายในอนาคต 

นายอุตตม กล่าวว่า วันนี้ประเทศไทย เผชิญความท้าทาย แต่ไม่ใช่ทุกอย่างแย่ไปหมด แต่ทำอย่างไรจะก้าวไปด้วยกัน ไม่ทิ้งภาคใดเผชิญปัญหาให้ล้มลงเป็นภาระ นโยบายสาธารณะเป็นสิ่งจำเป็น แต่แผนงานที่ขับเคลื่อนได้จริงสำคัญมากกว่า วันนี้ผู้ที่จะมารับผิดชอบการขับเคลื่อนต้องเป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐ และเอกชน รัฐต้องส่งเสริมภาคเอกชนให้ก้าวเดินต่อไปได้ กฎระเบียบที่จำเป็นต้องเปลี่ยน ให้สามารถขับเคลื่อนไปได้ก็ต้องทำ วันนี้โลกเปลี่ยน เราก็ต้องเปลี่ยนแปลงจึงจะรอด และพัฒนาไปได้ ถ้าหากคิด และทำแบบเดิม ๆ ไม่อาจตอบโจทย์ไปสู่ทิศทางที่ต้องการได้ การเติมทุน การขับเคลื่อนเชิงรุก ทำอย่างไรให้ประเทศเป็นที่สนใจของนักลงทุน ซึ่งตรงนี้ได้มีการเริ่มต้นเรื่อง EEC เอาไว้แล้ว ก็ต้องใช้ EEC เป็นตัวสร้างโอกาสดึงดูดนักลงทุนเข้ามา และสุดท้ายธรรมาภิบาลคือสิ่งสำคัญที่ต้องมี เพราะจะช่วยให้การขับเคลื่อนประเทศเป็นไปอย่างยั่งยืน 

ขณะที่ ดร.บัณฑิต มองว่าจากปัจจัยผลกระทบเศรษฐกิจจากสถานการณ์โลกที่เผชิญอยู่ขณะนี้  ทั้งภาวะสงคราม สถานการณ์ราคาพลังงานแพง การขาดแคลนอาหาร จะมีความยืดเยื้อ ดังนั้นแนวทางแก้ปัญหาโดยมุ่งเน้นการใช้จ่ายจากภาครัฐนั้นไม่ตอบโจทย์ และต้องระมัดระวังอย่างมาก เพราะผลที่จะตามมาคือการเร่งตัวของภาวะเงินเฟ้อให้เร็วขึ้น รวมถึงการสร้างภาระทางการเงินจากเงินกู้มากขึ้น  โดยได้เสนอ 3 แนวทางแก้ปัญหาหลักสำคัญที่ประเทศต้องให้ความสำคัญ คือ 1. การแก้ไขภาวะเงินเฟ้อ ควรใช้กลไกตลาดมากกว่าการควบคุม เพราะมาตรการควบคุมเป็นมาตรการที่ใช้ในระยะสั้นเท่านั้น ซึ่งไม่ตอบโจทย์สถานการณ์วิกฤตเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน และหากมุ่งเน้นมาตรการควบคุมประเทศอาจจะเผชิญปัญหาการขาดแคลนสินค้า เนื่องจากไม่คุ้มทุนการผลิตของผู้ประกอบการ 2.การช่วยเรื่องการปรับตัวของระบบเศรษฐกิจ ทั้งเรื่องสภาพคล่อง การประนอมหนี้ การดูแลค่าเงินให้มีความสมดุล 3.การประหยัด ซึ่งภาครัฐต้องส่งสัญญาณให้เกิดความร่วมมือกันของคนในประเทศ โดยเฉพาะเรื่องพลังงาน อย่างเช่นประเทศญี่ปุ่นที่ขณะนี้ออกมาประกาศลดการใช้พลังงานไฟฟ้า เป็นต้น นอกจากนี้ ยังได้เสนอแนะให้ภาครัฐใช้ศักยภาพประเทศเกษตรกรรม ในสถานการณ์ที่โลกขาดแคลนอาหาร ผลักดันผลผลิตภาคการเกษตร การผลิตอาหาร เพื่อสร้างโอกาสใหม่ สร้างรายได้ให้กับประเทศในช่วงที่โลกกำลังประสบปัญหา


 
น.ส.จรีพร กล่าวว่า ทุกวิกฤตย่อมมีโอกาสแต่ต้องมองให้เห็น วันนี้โลกเปลี่ยนไปจากอดีตมากประเทศไทยต้องปรับตัวให้มากขึ้น ต้องก้าวไปสู่ระบบเศรษฐกิจใหม่ เพราะระบบเศรษฐกิจแบบเดิมไม่สามารถแข่งขันในเวทีโลกได้ โดยเฉพาะการแข่งขันด้านเทคโนโลยี ประเทศไทยต้องเปลี่ยน และเพิ่มขีดความสามารถด้านนี้ วันนี้ประเทศไทยยังเป็นที่สนใจของนักลงทุนทั่วโลก เราต้องดึงพวกเขามา เพื่อสร้างเม็ดเงินลงทุนในประเทศ เป็นแรงในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจ นอกจากนี้ที่จะฝากไว้คือเราต้องส่งเสริมสตาร์ทอัพ ให้เกิดขึ้นในประเทศไทยมากๆ 

นายแสงชัย กล่าวว่า ขณะนี้กลุ่มเอสเอ็มอีประสบปัญหาเรื่องรายได้ที่ลดลงอย่างมาก เนื่องจากต้นทุนการผลิตวัตถุดิบสูงขึ้นทุกรายการจากสถานการณ์ราคาพลังงานแพง เช่น ข้าวสาลีมีราคาสูงร้อยละ 45.60 ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์สูงขึ้นร้อยละ 26.37 ซึ่งต้นทุนที่สูงขึ้นทำให้เป็นอุปสรรคในการทำธุรกิจ และเสี่ยงต่อการทำให้ขาดทุนเป็นหนี้เพิ่ม ซึ่งขณะนี้หนี้เอสเอ็มอีสูงอยู่แล้วจากโควิด โดยระดับหนี้เสียในไตรมาสแรกปีนี้สูงเกือบ 6.7 แสนล้านบาท หรือ คิดเป็นร้อยละ 19.2 ของพอร์ตสินเชื่อทั้งระบบ ขณะที่การเข้าถึงสินเชื่อและแหล่งทุนยังคงมีปัญหาต่อเนื่อง และแม้ธนาคารแห่งประเทศไทยจะออก 7 มาตรการช่วยเหลือด้านเงินทุนการประนอมหนี้แต่ที่ผ่านมาเอสเอ็มอีไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ ซึ่งปัญหาดังกล่าวทำให้มีความเป็นห่วงว่าจะผลักดันให้เอสเอ็มอีเข้าสู่วงจรหนี้นอกระบบเพิ่มขึ้น ดังนั้น จึงต้องการให้ธนาคารควรเพิ่มความยืดหยุ่นในการพิจารณาสินเชื่อเพื่อให้มีสภาพคล่องในการทำธุรกิจ นอกจากนี้ยังมองว่า กองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีของ สสว.กระทรวงอุตสาหกรรม ที่มีอยู่ยังไม่ได้ตอบโจทย์การช่วยเหลือเอสเอ็มอีรายเล็ก โดยรัฐบาลต้องบูรณาการหน่วยงานที่มีอยู่จำนวนมากและกระจัดกระจายระดมเข้ามาช่วยเหลือเอสเอ็มอี เช่น การพัฒนาแพคเกจจิ้ง แนวทางการวางแผน business model เพื่อให้ธนาคารยอมปล่อยสินเชื่อให้กลุ่มเอสเอ็มอีสามารถเดินต่อไปได้

รมว.ต่างประเทศ สหรัฐฯ เข้าเยี่ยมคารวะ 'นายกฯ ไทย' พร้อมหารือ ด้านเศรษฐกิจ - สิ่งแวดล้อม - ป้องกันการค้ามนุษย์

นายกฯ หารือ รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ ยืนยันความเป็นพันธมิตรและหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างกัน เดินหน้าความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม ป้องกันการค้ามนุษย์ ทั้งในกรอบทวิภาคี และพหุภาคี

เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 10 กรกฎาคม 2565 ที่ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายแอนโทนี บลิงเกน (H.E. Mr. Antony J. Blinken) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญของการหารือ ดังนี้

นายกรัฐมนตรีกล่าวต้อนรับ พร้อมได้กล่าวฝากความระลึกถึงประธานาธิบดีไบเดน พร้อมขอบคุณสำหรับการต้อนรับอย่างอบอุ่นในโอกาสการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐฯ สมัยพิเศษ เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยหวังว่าจะมีโอกาสได้ต้อนรับในช่วงการประชุมระดับผู้นำเอเปกที่กรุงเทพฯ ปลายปีนี้ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียินดีที่ความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐฯ มีพลวัตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นมิตรประเทศที่มีความใกล้ชิด โดยในปีหน้า จะร่วมฉลองครบรอบ 190 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-สหรัฐฯ และยินดีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทย-สหรัฐฯ ได้ร่วมลงนามแถลงการณ์ว่าด้วยความเป็นพันธมิตรและหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างไทยและสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการขับเคลื่อนการดำเนินการตามเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ร่วมกัน

ด้านรัฐมนตรีต่างประเทศกล่าวว่า ยินดีและเป็นเกียรติที่ได้มาพบในวันนี้ แถลงการณ์ที่ได้ลงนามไปในวันนี้ถือเป็นเครื่องยืนยันถึงความเป็นพันธมิตรสำคัญ และแสดงให้เห็นถึงความแน่นแฟ้นในความสัมพันธ์ระหว่างกันเป็นอย่างดี เชื่อว่าจะเป็นบรรทัดฐานของความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐฯ ไปอีก 190 ปีข้างหน้า พร้อมย้ำถึงสหรัฐฯ ให้ความสำคัญกับการกระชับความสัมพันธ์กับไทย ชื่นชมบทบาทของนายกรัฐมนตรีและไทยในการเป็นเจ้าภาพเอเปก และเมื่อสหรัฐฯ รับไม้ต่อการเป็นเจ้าภาพในปีถัดไป ก็พร้อมที่จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top