Monday, 30 June 2025
Hard News Team

จากใจ 'ท่านใหม่' ถึงใจ 'ชัชชาติ' หากยังเป็นคนไทย ก่อนฉายหนัง อย่าลืมเปิดเพลงสรรเสริญพระบารมี

(18 ก.ค. 65) ม.จ.จุลเจิม ยุคล หรือ 'ท่านใหม่' โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงผู้ว่าฯ กทม. ระบุว่า...

จากใจ ถึงใจ

ท่าน ผู้ว่าฯ กทม. ชัชชาติครับ ในฐานะท่านเป็นเจ้าของ วิคหนังกันแปลง ควรจะสืบสานวัฒนธรรม ประเพณี ก่อนการฉายภาพยนตร์ ไม่ว่าในโรงภาพยนตร์หรือกลางแปลง จะมีการเปิดเพลงสรรเสริญพระบารมี และการยืนถวายความเคารพก่อนหนังฉายทุกครั้ง 

เราคนไทยได้ถือปฏิบัติกันมานานแล้ว และยังไม่มีการล้มเลิกประเพณีดังกล่าว ส่วนใครจะยืนถวายความเคารพหรือไม่ ก็เป็นสิทธิส่วนบุคคลของบุคคลนั้นๆ

ดังนั้นจึงขอ บอก (เตือน) ท่านด้วยความเคารพ เรามีวัฒนธรรมและประเพณี ที่ปฏิบัติกันมานานแล้ว เรื่อง #การเปิดเพลงสรรเสริญพระบารมี และการยืนถวายความเคารพก่อนหนังฉายตั้งแต่สมัย ปู่ ย่า ตา ยาย มานานแล้ว ขอให้ท่านผู้ว่า ชัชชาติ คิดดูให้ดี และรอบคอบอย่าได้เปลี่ยนแปลงหรือยกเลิกเสีย ตามเสียงนก เสียงกา

ทำ 3 สิ่งนี้ทันที!! หากพบมิจฉาชีพ

'ดีอีเอส' แนะ 'ประชาชน-คนดัง' พบถูกแอบอ้างชื่อ-รูปภาพ ไปสร้างบัญชีโซเชียลปลอม ต้องรีบแจ้งด่วนผ่าน 3 ช่องทางนี้ ได้แก่ กดรายงานไปที่เจ้าของแพลตฟอร์ม / แจ้งผ่านโทร. 1212 / แจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งเว็บไซต์และสถานีท้องที่ ยืนยัน 'ดีอีเอส' พร้อมประสานทุกภาคส่วนเร่งปิดบัญชีปลอม และติดตามผู้กระทำผิดเข้ามาดำเนินคดี  

ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมา ยังพบแนวโน้มปัญหามิจฉาชีพแอบอ้างนำชื่อและรูปภาพคนอื่น ไปสร้างบัญชีโซเชียลปลอมทั้งเฟซบุ๊ก เพจปลอม ไลน์ปลอม และ IG เพื่อนำไปหลอกลวงในรูปแบบต่างๆ สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน ทั้งสูญเสียทรัพย์สินเงินทอง เสียชื่อเสียง โดยเฉพาะยิ่งถ้าผู้ที่ถูกแอบอ้างชื่อและโปรไฟล์เป็นดารา หรือคนมีชื่อเสียง ความเสียหายก็จะยิ่งขยายวงกว้าง เนื่องจากมักมีแฟนคลับหรือผู้ติดตามจำนวนมาก โอกาสที่จะมีเหยี่อหลงเชื่อก็ยิ่งเพิ่มจำนวนเช่นกัน ขณะที่เจ้าตัวก็เสี่ยงต่อการสูญเสียชื่อเสียง

สำหรับรูปแบบการหลอกลวงที่พบบ่อยจากบัญชีโซเชียลสวมรอยเหล่านี้ ได้แก่ หลอกยืมเงิน หลอกขายของ หลอกลงทุน หลอกร่วมทุน โดยเหยื่อที่หลงเชื่อจะสูญเงินโดยไม่ได้รับสินค้าหรือผลตอบแทนใดๆ นอกจากนี้ ยังมีการหลอกลวงที่เป็น Romance Scam หรือหลอกให้หลงรักและสูบเงินเหยื่อผ่านทางออนไลน์ ขณะที่ บางกรณีจะเป็นการแอบอ้างตัวตนคนดัง สร้างเฟซบุ๊กปลอมเพื่อใช้เป็นพื้นที่โพสต์เนื้อหา หรือแสดงความคิดเห็นเพื่อหมิ่นประมาทผู้อื่น เป็นต้น 

ปัจจุบันกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมฝ่านการเมือง (ดีอีเอส) พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหานี้ รวมถึงอำนวยความสะดวกให้ผู้เสียหายซึ่งถูกแอบอ้างชื่อไปสร้างบัญชีโซเชียลปลอม เข้าถึงช่องทางความช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว เพื่อเร่งยุติการขยายวงของความเสียหาย เร่งประสานงานเพื่อปิดบัญชีปลอม และติดตามมิจฉาชีพมาดำเนินคดี อย่างไรก็ตาม ประเด็นสำคัญคือ ขอให้ผู้ที่ถูกแอบอ้างตั้งสติ และดำเนินการผ่าน 3 ช่องทางดังต่อไปนี้ประกอบกัน เพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการประสานการปิดบัญชีโซเชียลที่แอบอ้าง ได้แก่ 

1.) แจ้งรายงานไปที่แพลตฟอร์มโซเชียล โดยการ report ไปยังเว็บไซต์ผู้ให้บริการ Social Network ที่ถูกแอบอ้าง ซึ่งทั้งเฟซบุ๊ก ไลน์ และ IG มีเมนูให้รายงานบัญชีปลอมโดยตรงอยู่แล้ว จากนั้นรอขั้นตอนการตรวจสอบของทางแพลตฟอร์ม

2.) ช่องทางของกระทรวงดิจิทัลฯ ที่สายด่วน โทร.1212 OCC ศูนย์ช่วยเหลือและจัดการปัญหาออนไลน์ ของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) ในสังกัดดีอีเอส + ช่องทางอื่นๆ ภายใต้การดูแลของกระทรวงฯ 

'เยอรมนี' ยอมรับอยู่ไม่รอดฤดูหนาว หากไม่ได้ก๊าซจากรัสเซียเพิ่มเติม

เยอรมนีจำเป็นต้องซื้อก๊าซธรรมชาติของรัสเซียเพิ่มเติม เนื่องจากคลังสำรองก๊าซในปัจจุบันไม่เพียงพอที่จะเห็นประเทศแห่งนี้ผ่านพ้นช่วงฤดูหนาวไปได้ จากความเห็นของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเบอร์ลิน ที่รับผิดชอบงานด้านเครือข่ายไฟฟ้าและก๊าซ ระหว่างให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนท้องถิ่นเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

เคลาส์ มุลเลอร์ ประธานสำนักงานเครือข่ายกลาง (Federal Network Agency) กระทรวงเศรษฐกิจและพลังงานของเยอรมนี ให้สัมภาษณ์กับ Bild am Sonntag สื่อมวลชนท้องถิ่น ที่เผยแพร่เมื่อวันอาทิตย์ (17 ก.ค.) เตือนว่าแม้คลังสำรองก๊าซขยับเข้าใกล้ 65% ของความจุและมันดีขึ้นกว่าช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่มันยังคงไม่เพียงพอที่จะผ่านพ้นฤดูหนาวหากปราศจากก๊าซของรัสเซีย

มุลเลอร์ ระบุว่า เยอรมนีจำเป็นต้องซื้อก๊าซธรรมชาติของรัสเซียเพิ่มเติมมากน้อยแค่ไหน เวลานี้ขึ้นอยู่กับว่างานซ่อมบำรุงท่อลำเลียงนอร์ดสตรีม 1 จะแล้วเสร็จตามความคาดหมายในวันพฤหัสบดี (21 ก.ค.) หรือไม่

เมื่อถามว่าในกรณีที่รัสเซียหยุดส่งมอบก๊าซโดยสิ้นเชิง มันจะใช้เวลานานแค่ไหนก่อนที่ราคาพลังงานสำหรับผู้บริโภคในเยอรมนีจะปรับขึ้น มุลเลอร์ตอบว่ายังไม่มีการตัดสินใจ อย่างไรก็ตาม เขาพยายามสร้างความอุ่นใจ ด้วยเน้นว่า "ราคาในสัปดาห์นี้ไม่ได้ดีดตัวขึ้นมากนัก แม้มีการปิดซ่อมบำรุงนอร์ดสตรีม 1" พร้อมบอกมันอาจเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่า "ตลาดอาจซึมซับกับภาวะสูญเสียอุปทานก๊าซรัสเซียเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเรามาถึงจุดสูงสุดของราคาก๊าซแล้ว"

ประธานของหน่วยงานควบคุมกฎระเบียบด้านพลังงานแห่งนี้ เน้นย้ำว่าชาวเยอรมนี ไม่ควรตื่นตระหนก และให้คำรับประกันว่าบ้านเรือนประชาชนเป็นกลุ่มที่จะมีความกังวลน้อยที่สุด โดยจะได้รับการป้อนก๊าซนานกว่าภาคอุตสาหกรรมมากๆ

ยิ่งไปกว่านั้น "จะไม่มีเหตุการณ์ที่เราต้องอยู่โดยปราศจากก๊าซโดยสิ้นเชิง" มุลเลอร์ย้ำ โดยบอกว่าหากแม้รัสเซียตัดอุปทานอย่างเด็ดขาด ประเทศอื่นๆ อย่างเช่นนอร์เวย์ เนเธอร์แลนด์และเบลเยียม จะยังคงขายเชื้อเพลิงฟอสซิลให้เยอรมนี และในอนาคต สถานีก๊าซธรรมชาติเหลวของประเทศเองจะช่วยสร้างความแตกต่าง ประธานสำนักงานเครือข่ายกลางระบุ

มุลเลอร์ กล่าวว่า ถ้าภาวะปันส่วนก๊าซเกิดขึ้น หน่วยงานของเขาจะพิจารณาว่าการหยุดจ่ายก๊าซป้อนภาคธุรกิจหรือโรงงานอุตสาหกรรมบางส่วนโดยเฉพาะจะก่อความเสียหายต่อเศรษฐกิจและห่วงโซ่อุปทานมากน้อยแค่ไหน นอกจากนี้ เขาเชื่อว่าแม้หากเกิดปัญหาขาดแคลน แต่มันน่าจะส่งผลกระทบเฉพาะพื้นที่ต่างๆ ที่อยู่ในส่วนท้ายของโครงข่ายก๊าซเท่านั้น

ขณะเดียวกัน มุลเลอร์ ได้ปฏิเสธทำตามคำแนะนำที่ชี้แนะว่า เบอร์ลิน ควรห้ามส่งออกก๊าซไปยังบรรดาประเทศเพื่อนบ้านยุโรป โดยเขาเน้นย้ำถึงความสำคัญของความเป็นหนึ่งเดียวกัน "ก็เหมือนกับเราในตอนนี้ที่กำลังได้ประโยชน์จากท่าเรือก๊าซธรรมชาติเหลวในเบลเยียมและเนเธอร์แลนด์ เยอรมนีจะให้ความช่วยเหลือประเทศเพื่อนบ้านหากพวกเขาเผชิญปัญหาขาดแคลนก๊าซรุนแรง"

อย่างไรก็ตาม มุลเลอร์ ยอมรับว่าเยอรมนีคงต้องเผชิญกับฤดูหนาวที่ยากลำบาก 2 ปีติด จากความเสี่ยงก๊าซธรรมชาติขาดแคลน แต่พอถึงช่วงฤดูร้อนปี 2024 ประเทศของเขาจะเป็นอิสระจากก๊าซของรัสเซีย "แต่สิ่งที่เป็นความจริงเช่นกัน คือ ราคาจะไม่มีทางกลับมาอยู่ในระดับต่ำเหมือนในอดีตอีกแล้ว"

'ทนายตั้ม' ขอบคุณนายกฯ ช่วยนักกีฬาเจ็ตสกีทีมชาติไทย เคลียร์ปัญหาวีซ่าไว จนไปแข่งชิงแชมป์โลกได้ทันเวลา

วานนี้ (17 ก.ค. 65) นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความชื่อดัง ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ก 'นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ' เกี่ยวกับกรณีนักกีฬาเจ็ตสกีทีมชาติไทย ติดปัญหาเรื่องวีซ่า ไว้ว่า...

ตั้งแต่น้องๆ นักเจ็ตสกีทีมชาติไทย มาหาผมเมื่อ 5 วันก่อน บอกว่าพวกน้องจะไปแข่งในนามทีมชาติไทยที่ประเทศโปแลนด์ เลื่อนตั๋วมาครั้งหนึ่งแล้ว ถ้าไม่ทันรอบนี้คงไม่ทันแข่งในวันที่ 20 กรกฎาคมนี้แน่ ๆ 

ผมถามว่าติดปัญหาอะไร น้อง ๆ บอกผมว่าเอเย่นต์ ที่สมาคมประสานให้รับผิดชอบทำวีซ่า เอาพาสปอร์ตของน้อง ๆ ไปตั้งนานแล้วไม่ทำอะไร ดองไว้ จนใกล้จะถึงกำหนด ตอนนี้ยังไม่ได้คิวสัมภาษณ์เพื่อทำวีซ่าเลย แล้วจะต้องเดินทางในวันที่ 17 กลัวจะไม่ทัน เลยมาหาผมให้ช่วยน้อง ๆ ด้วย

ผมก็รับปากไปว่าผมจะโพสต์ให้ แล้วเรียกร้องให้ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองมาช่วยดูเรื่องนี้ เพราะไปแข่งครั้งนี้มันเป็นการแข่งในนามทีมชาติ และน้อง ๆ ก็เสียเงินกันไปเยอะมาก แต่พี่ตั้มไม่รับปากว่าจะสำเร็จหรือเปล่านะ แต่จะทำให้!!

หลังจากผมโพสต์ไปก็มีสื่อหลายสื่อที่เห็น แล้วช่วยกันนำเสนอข่าว จนเป็นกระแสว่าน้อง ๆ อาจจะพลาดการไปแข่งขันในนามทีมชาติ พอกลับมาบ้านผมคิดขึ้นได้ว่าเราควรจะขอความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ จึงโทรไปปรึกษากับพี่แรมโบ้อีสาน รบกวนให้พี่แรมโบ้ช่วยประสานกับท่านนายกฯ ให้หน่อย เพราะหากปล่อยไปโอกาสที่น้อง ๆ จะได้ไปโชว์ฝีมือที่โปแลนด์แทบจะเป็นศูนย์

อดีตนายกฯ UK เชื่อ ตะวันออกมีดีไม่ต่างจากตะวันตก ชี้!! ใกล้ถึงจุดจบ ยุคสหรัฐฯ และพันธมิตรครองโลก

เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ที่ตะวันออกสามารถมีเงื่อนไขต่าง ๆ ที่ทัดเทียมกับตะวันตก และยุคสมัยที่สหรัฐฯ และพันธมิตรครองโลกใกล้ถึงจุดจบแล้ว จากความเห็นของโทนี แบลร์ อดีตนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร

แบลร์ แสดงความคิดเห็นดังกล่าวระหว่างร่วมบรรยายประจำปีที่มูลนิธิ Ditchley Foundation เมื่อวันเสาร์ (16 ก.ค.) ระบุว่า สืบเนื่องจากผลกระทบของโรคระบาดใหญ่โควิด-19 และความขัดแย้งในยูเครน "ผู้คนจำนวนมากของประชากรตะวันตก มาตรฐานการครองชีพกำลังซบเซา"

"การเมืองในโลกตะวันตก ตกอยู่ในความยุ่งเหยิง แบ่งพรรคแบ่งพวกมากขึ้น น่าเกลียดยิ่งขึ้น ไม่ผลิดอกออกผลใด ๆ และเติมเชื้อไฟโดยสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งส่งผลกระทบกับทั้งกิจการในประเทศและระหว่างประเทศ" แบลร์กล่าว พร้อมชี้ว่าปฏิบัติการทางทหารรุกรานยูเครนของรัสเซีย "ควรกลายเป็นจุดปักหมุดสำหรับการกอบกู้สำนึกแห่งพันธกิจของเรา (ตะวันตก)"

อย่างไรก็ตาม อดีตนายกมนตรีวัย 69 ปีรายนี้ ซึ่งกุมบังเหียนรัฐบาลสหราชอาณาจักรระหว่างปี 1997 ถึง 2007 บอกว่า "การเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์ครั้งใหญ่ที่สุดของศตวรรษนี้จะมาจากจีน ไม่ใช่รัสเซีย"

"เรากำลังมาถึงจุดจบการครอบงำทางการเมืองและเศรษฐกิจของตะวันตก โลกกำลังกลายเป็น 2 ขั้วเป็นอย่างน้อยและมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นโลกหลายขั้ว" เขาคาดการณ์

นักการเมืองจากพรรคเลเบอร์รายนี้กล่าวต่อว่า จีน ซึ่งก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจอันดับ 2 ของโลกแล้ว "จะแข่งขันกับตะวันตกไม่ใช่แค่เพื่ออำนาจ แต่ต่อต้านระบบของเรา แนวทางบริหารและวิถีชีวิตของเรา" แบลร์ระบุ พร้อมเตือนว่า "ปักกิ่งจะไม่ก้าวขึ้นมาเพียงลำพัง พวกเขาจะมีพันธมิตร แน่นอนตอนนี้คือรัสเซีย และมีความเป็นไปได้ว่าอิหร่านจะร่วมด้วย"

เผยเส้นทางรัก 'เวียร์-วิกกี้'

เผยเส้นทางรัก 'เวียร์-วิกกี้' เจอกันเมื่อ 4-5 ปีที่แล้วในกองละคร วิกกี้ชนะใจเวียร์เพราะทำให้เป็นคนที่ดีขึ้น ถึงจะรู้จักกันไม่ถึงสิบปีแต่ก็รู้ว่าวิกกี้รักเวียร์มาก เสียสละดูแลครอบครัว เด็ดขาดแต่ใจเย็น

ผ่านพ้นไปเรียบร้อยแล้ว สำหรับงานแต่งงานของพระเอกหนุ่ม 'เวียร์ ศุกลวัฒน์ คณารศ' และแฟนสาวนอกวงการ 'วิกกี้ พิมนต์ญา เวธน์ปริวัตน์' ที่จัดขึ้นในช่วงเช้าและช่วงบ่ายของวันนี้ 17 กรกฎาคม 2565 ที่ โรงแรมคาเพลลา กรุงเทพฯ CAPELLA BANGKOK แต่เชื่อว่างานนี้ หลายคนก็ยังคงมีคำถามว่า จุดเริ่มต้นความรักของทั้งคู่นั้น เกิดขึ้นตอนไหน เมื่อไหร่ และไปเจอกันได้อย่างไร

ซึ่งคำตอบทุกอย่าง ก็ได้เฉลยแล้วผ่านคลิปพรีเซนเทชั่นของทั้งคู่ ที่เปิดในงานฉลองมงคลสมรส โดยผู้จัดชื่อดัง 'ตุ๊กตา กันตนา' ได้ไลฟ์ผ่านไอจีให้ได้ดูกัน เรียกว่าฟังแล้วตื้นตันสุด ๆ ทางทีมข่าวก็เลยขอแชร์ออกมาให้แฟน ๆ ได้ซึ้งไปพร้อม ๆ กัน

โดยเวียร์และวิกกี้ ได้เปิดใจเล่าให้ฟัง ถึงความรักของทั้งคู่ว่า ได้เจอกันที่ใต้น้ำเมื่อ 4-5 ปีก่อน เพราะวิกกี้มาช่วยเป็นสตันต์ให้ ในละครเรื่องสัมปทานหัวใจ เพราะเป็นนักดำน้ำ ตอนนั้นเวียร์ยังไม่อินเรื่องดำน้ำ แค่ไปขี่มอเตอร์ไซค์ออกทริป หลังจากนั้นก็แยกย้ายไม่ได้เจอกันเลย จนวันที่ได้มาเจอกันอีกที ตอนเวียร์กลับมาจากถ่ายภาพยนตร์ที่ต่างประเทศ เลยนึกถึงเพราะถ่ายดำน้ำมา ก็เลยชวนเพื่อนๆ ที่เรียนดำน้ำด้วยกัน แล้วก็โทร.หาวิกกี้ เผื่อจะมาพาดำน้ำ ก็เลยได้ติดต่อไปอีกครั้งหนึ่ง

ถามว่าเชิงจีบไหม ณ ตอนนั้นโสดแล้ว แต่ตอนนั้นก็ไม่ได้มีเป้าหมายอะไร ทุกอย่างมันเริ่มต้นจากอายุใกล้เคียงกัน เป็นเพื่อนกันมา แล้วเราก็ผ่านอะไรมาเยอะ เวลาพูดคุยกันมันก็พูดกันตรงๆ แต่ห่างการจีบผู้หญิงมานาน บางทีก็ไม่รู้ ถึงแม้อายุจะขนาดนี้ ก็ไม่รู้จะเริ่มยังไง ก็เลยคุยเรื่องที่เราชอบเหมือนกัน ตอนแรกวิกกี้ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเวียร์เป็นใคร เพราะไม่ได้ดูโทรทัศน์

ด้านสาววิกกี้เล่าต่อว่า ครั้งแรกที่เห็นผู้ชายคนนี้ สูงดีนะ เวียร์เริ่มจีบด้วยการชวนไปไหนมาไหนบ่อยๆ ชวนบ่อยมาก จะมีกิจกรรมตลอด ชวนว่าไปเดินป่าไหม ชวนตลอด แต่ก็ไม่ได้ไป เพราะไม่ว่าง มีทั้งไม่ว่างทิพย์และไม่ว่างจริงๆ ครั้งแรกที่พ่อแม่เจอเวียร์ แม่ก็มาสะกิดแล้วถามว่า ใช่พี่เคอรี่หรือเปล่า? พอมารู้ว่าเขาเป็นใคร ก็รู้สึกว่าไม่ดีกว่า ด้วยความต่างของอาชีพ ส่วนเราเป็นนักธุรกิจ ซึ่งหนุ่มเวียร์ได้กล่าวเสริมว่า การที่เป็นนักแสดงและมีชื่อเสียง วิกกี้ก็คงกลัว แต่สิ่งที่ทำได้ คือต้องทำให้วิกกี้ไว้ใจว่า เราอยากคุย อยากรู้จักด้วยจริงๆ

ก่อนวิกกี้จะเล่าต่อว่า เขาก็ชวนหลายรอบมาก เขาไม่ละความพยายามเขาเลย ก็เลยยอมไป ไปเพราะอยากรู้จักเขามากขึ้น เพราะเขาชวนไปในที่ที่เราอยากไป จนเขาเอาดำน้ำมาล่อ ซึ่งเป็นดำน้ำที่เราสนใจมาก หลังจากที่เป็นเพื่อนกันมาเรื่อยๆ ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด ก็คิดอะไรเหมือนกันหลายๆ อย่าง พอได้ไปไหนมาไหนด้วยกัน ก็รู้สึกว่าเราสามารถพึ่งพาเขาได้ และเราก็อยู่ง่ายกินง่ายเหมือนกัน ไปไหนง่ายๆ ก็เลยไม่มีปัญหาในเรื่องนี้

สาวแชร์คลิปสุดซึ้ง ลุงวินพามาเลี้ยงสเต็ก เป็นการอำลาก่อนไปเรียนต่อมหาวิทยาลัย 

สาวโพสต์คลิปวิดีโอลงใน TikTok เผยลุงวินคู่ใจจู่ๆ พามาร้านสเต็ก บอกขอเลี้ยงก่อนแยกย้ายไปเรียนมหาวิทยาลัย พบใช้บริการกันนานกว่า 5 ปี

เมื่อวันที่ 16 ก.ค. ผู้ใช้ TikTok @stamptyr ได้โพสต์คลิปสุดซึ้ง กับลุงวินจักรยานยนต์ที่เคยใช้บริการตั้งแต่ ม.2 จนถึง ม.6 ล่าสุดตัวผู้โพสต์เองกำลังจะเข้าเรียนมหาวิทยาลัย คุณลุงได้พาตนเองมาเลี้ยงสเต็ก ซึ่งเป็นคลิปวิดีโอที่ได้ใจชาวเน็ตเป็นอย่างมาก

'ดีอีเอส' แนะ 3 ช่องทางช่วยประชาชน หากถูกแอบอ้างชื่อไปสร้างโซเชียลปลอม 

กระทรวงดิจิทัลฯ แนะประชาชน-คนดัง พบถูกแอบอ้างชื่อ/รูปภาพไปสร้างบัญชีโซเชียลปลอม รีบแจ้งด่วนผ่าน 3 ช่องทาง ได้แก่ กดรายงานไปที่เจ้าของแพลตฟอร์ม แจ้งผ่านโทร. 1212 และแจ้งความได้ทั้งเว็บไซต์แจ้งความออนไลน์/ตำรวจ ยืนยันดีอีเอส พร้อมประสานทุกภาคส่วนเร่งปิดบัญชีปลอม และติดตามผู้กระทำผิดเข้ามาดำเนินคดี  

นางสาวนพวรรณ หัวใจมั่น โฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมฝ่ายการเมือง (ดีอีเอส) กล่าวว่า ที่ผ่านมายังพบแนวโน้มปัญหามิจฉาชีพแอบอ้างนำชื่อและรูปภาพคนอื่น ไปสร้างบัญชีโซเชียลปลอมทั้งเฟซบุ๊ก เพจปลอม ไลน์ปลอม และ IG เพื่อนำไปหลอกลวงในรูปแบบต่างๆ สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน ทั้งสูญเสียทรัพย์สินเงินทอง เสียชื่อเสียง โดยเฉพาะยิ่งถ้าผู้ที่ถูกแอบอ้างชื่อและโปรไฟล์เป็นดารา หรือคนมีชื่อเสียง ความเสียหายก็จะยิ่งขยายวงกว้าง เนื่องจากมักมีแฟนคลับหรือผู้ติดตามจำนวนมาก โอกาสที่จะมีเหยี่อหลงเชื่อก็ยิ่งเพิ่มจำนวนเช่นกัน ขณะที่เจ้าตัวก็เสี่ยงต่อการสูญเสียชื่อเสียง

สำหรับรูปแบบการหลอกลวงที่พบบ่อยจากบัญชีโซเชียลสวมรอยเหล่านี้ ได้แก่ หลอกยืมเงิน หลอกขายของ หลอกลงทุน หลอกร่วมทุน โดยเหยื่อที่หลงเชื่อจะสูญเงินโดยไม่ได้รับสินค้าหรือผลตอบแทนใดๆ นอกจากนี้ ยังมีการหลอกลวงที่เป็น Romance Scam หรือหลอกให้หลงรักและสูบเงินเหยื่อผ่านทางออนไลน์ ขณะที่ บางกรณีจะเป็นการแอบอ้างตัวตนคนดัง สร้างเฟซบุ๊กปลอมเพื่อใช้เป็นพื้นที่โพสต์เนื้อหา หรือแสดงความคิดเห็นเพื่อหมิ่นประมาทผู้อื่น เป็นต้น 

นางสาว นพวรรณ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหานี้ รวมถึงอำนวยความสะดวกให้ผู้เสียหายซึ่งถูกแอบอ้างชื่อไปสร้างบัญชีโซเชียลปลอม เข้าถึงช่องทางความช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว เพื่อเร่งยุติการขยายวงของความเสียหาย เร่งประสานงานเพื่อปิดบัญชีปลอม และติดตามมิจฉาชีพมาดำเนินคดี อย่างไรก็ตาม ประเด็นสำคัญคือ ขอให้ผู้ที่ถูกแอบอ้างตั้งสติ และดำเนินการผ่าน 3 ช่องทางดังต่อไปนี้ประกอบกัน เพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการประสานการปิดบัญชีโซเชียลที่แอบอ้าง ได้แก่ 

1.) แจ้งรายงานไปที่แพลตฟอร์มโซเชียล โดยการ report ไปยังเว็บไซต์ผู้ให้บริการ Social Network ที่ถูกแอบอ้าง ซึ่งทั้งเฟซบุ๊ก ไลน์ และ IG มีเมนูให้รายงานบัญชีปลอมโดยตรงอยู่แล้ว จากนั้นรอขั้นตอนการตรวจสอบของทางแพลตฟอร์ม

2.) ช่องทางของกระทรวงดิจิทัลฯ ที่สายด่วน โทร.1212 OCC ศูนย์ช่วยเหลือและจัดการปัญหาออนไลน์ ของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) ในสังกัดดีอีเอส + ช่องทางอื่นๆ ภายใต้การดูแลของกระทรวงฯ 

และ 3.) แจ้งตำรวจ ทั้งการไปแจ้งความที่สถานีตำรวจท้องที่ หรือกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) โดยให้รวบรวมหลักฐานไว้ เช่น capture จับภาพหน้าจอสนทนา หรือหน้ารูป Profile ที่ถูกปลอมขึ้นมา 

'เฉลิมชัย' รุกลึกทุกตำบลทั่วประเทศ เร่งขับเคลื่อนโมเดลพัฒนาเศรษฐกิจเกษตรแพลตฟอร์มใหม่เป็นครั้งแรกของประเทศ

'อลงกรณ์' เผยความคืบหน้าตั้งกลไกใหม่ครบ 7 พันตำบลเดือนหน้าเพื่อสร้างศักยภาพใหม่ภาคเกษตรของไทย

ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะประธานคณะกรรมการพัฒนาระบบเกษตรกรรมยั่งยืนเปิดเผยวันนี้ว่า กระทรวงเกษตรฯ และทุกภาคีภาคส่วนกำลังเร่งขับเคลื่อนโมเดลพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากทุกจังหวัดเป็นกลยุทธ์ใหม่ในการพัฒนาเชิงพื้นที่ครอบคลุมลึกลงไปใน 70,000 หมู่บ้าน 7 พันตำบล 878 อำเภอรวมทั้งกรุงเทพมหานครด้วยแนวทางการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนโดยตนได้ออกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาการเกษตรระดับจังหวัดและคณะกรรมการพัฒนาการเกษตรระดับอำเภอ 878 อำเภอ ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาภาคการเกษตรของไทยโดยเฉพาะปัญหาความยากจน หนี้สินและความเหลื่อมล้ำ นอกจากนี้ได้สั่งการให้เร่งจัดตั้งกลไกพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนระดับตำบลหมู่บ้านให้เสร็จโดยเร็ว

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนนโยบายเกษตรกรรมยั่งยืนกล่าวถึงความคืบหน้าว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการแต่งตั้งคณะกรรมการเกษตรกรรมยั่งยืนระดับตำบลคาดว่าจะครบ 7,435 พันตำบล ภายในเดือนหน้าซึ่งเป็นการผนึกความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กับทุกภาคีภาคส่วนในแต่ละตำบลโดยเฉพาะ กระทรวงมหาดไทย เพื่อเป็นกลไกการพัฒนาภาคเกษตรอย่างยั่งยืน 

“นับเป็นครั้งแรกที่มีโครงสร้างและระบบการพัฒนาภาคเกษตรที่หยั่งลึกลงถึงตำบลหมู่บ้านชุมชนใน 76 จังหวัดและกรุงเทพมหานครเพื่อดึงพลังชุมชน (Community Empowerment) ออกมารวมพลังการแก้ไขปัญหาในอดีตและปัจจุบันรวมทั้งการพัฒนาสู่อนาคตที่ดีขึ้น ซึ่งมีปลัดอำเภอ เกษตรตำบล อบต. และอาสาสมัครเกษตร (อกษ.) เป็นแกนหลักร่วมกับตัวแทนภาคเอกชนภาควิชาการและผู้ทรงคุณวุฒิในหมู่บ้านตำบลเชื่อมโยงกับคณะกรรมการพัฒนาการเกษตรระดับอำเภอระดับจังหวัดและศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรมหรือศูนย์ AIC แต่ละจังหวัดโดยมีหน้าที่จัดทำและขับเคลื่อนแผนพัฒนาเศรษฐกิจเกษตรแบบยั่งยืนภายใต้แพลตฟอร์มการพัฒนาหลากหลายรูปแบบ

 

'นายกฯ' ห่วงใยเด็ก-เยาวชน สั่งตำรวจ-ดีอีเอส ปราบปรามสื่อลามก

(17 ก.ค. 65) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม มีความห่วงใย กรณีปรากฏเป็นข่าวการจำหน่ายคลิปลามกอนาจารแพร่หลายผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเด็กและเยาวชน ที่สามารถเข้าถึงโดยง่าย จึงได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ฯลฯ ให้เข้มงวดกวดขัน การเผยแพร่สื่อที่ไม่เหมาะสมในโลกออนไลน์ ส่งผลเสียต่อเด็กและเยาวชน ซึ่งเป็นวัยสำหรับการเรียนรู้ โดยขอให้บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ต่อกรณีพบการกระทำความผิด

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังขอให้ผู้ปกครองช่วยกันสอดส่องดูแล ให้คำแนะนำบุตรหลานในการใช้สื่อออนไลน์อย่างถูกต้องเหมาะสม โดยเชื่อว่าสถาบันครอบครัวจะมีส่วนสำคัญในการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเยาวชน ป้องกันการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสื่อลามกอนาจาร เช่นเดียวกับโรงเรียน ต้องช่วยให้เด็กและเยาวชน ได้เรียนรู้เท่าทันสื่อในโลกออนไลน์ เพื่อใช้ประโยชน์จากสื่อออนไลน์เพื่อเพิ่มองค์ความรู้ให้ได้มากที่สุด พร้อมกับรู้ทันพิษภัยของการเสพสื่อในทางที่ผิด

น.ส.ไตรศุลี ย้ำเตือนว่า การขายคลิปลามกอนาจารมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา โดยกรณีสื่อลามก อายุตั้งแต่ 18 ปี ขึ้นไป เพื่อการค้า ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top