Saturday, 5 July 2025
Hard News Team

‘รมว.กต.อินเดีย’ ถก ‘บิ๊กตู่’ หนุนความร่วมมือ ระดับ ‘ทวิภาคี-พหุภาคี’ ให้สำเร็จเป็นรูปธรรม

(17 ส.ค. 65) ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายสุพรหมณยัม ชัยศังกระ (H.E. Mr. Subrahmanyam Jaishankar) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐอินเดีย เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทย เพื่อเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมเพื่อความร่วมมือทวิภาคีไทย - อินเดีย (Joint Commission for Bilateral Cooperation: JC) ครั้งที่ 9 โดยภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญ ดังนี้...

นายกรัฐมนตรีต้อนรับ รมว.กต.อินเดีย ชื่นชมความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศที่ดำเนินมาอย่างราบรื่นยาวนาน อินเดียถือเป็นมิตรประเทศที่สำคัญ มีวัฒนธรรมที่คล้ายคลึงกัน และในปีนี้ถือเป็นโอกาสครบรอบ 75 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน นายกรัฐมนตรีหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างกันในทุกมิติ ทุกระดับ ให้แน่นแฟ้นและเป็นรูปธรรม เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของประชาชนทั้งสองประเทศ และนำไปสู่การยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างกันในอนาคต

รมว.กต.อินเดีย ขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ยินดีต่อผลสำเร็จของการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมเพื่อความร่วมมือทวิภาคีไทย – อินเดีย ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีสำหรับทั้งสองประเทศในการผลักดันความร่วมมือที่คั่งค้างระหว่างกันกว่า 3 ปี ทั้งนี้ รมว.กต.อินเดีย ชื่นชมความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับอินเดียในช่วงสถานการณ์โควิด-19 โดยทั้งสองได้ให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกันเป็นอย่างดี พร้อมขอบคุณนายกรัฐมนตรีสำหรับบทบาทและความช่วยเหลือในช่วงเวลาดังกล่าว โอกาสนี้ รมว.กต.อินเดีย นำความปรารถนาดีจากนายกรัฐมนตรีโมทีมายังนายกรัฐมนตรี โดยนายกรัฐมนตรีโมทีหวังว่าจะได้พบหารือกับนายกรัฐมนตรีอีกครั้งในเร็ววัน ด้านนายกรัฐมนตรีฝากความปรารถนาดีไปยังนายกรัฐมนตรีโมที ซึ่งถือเป็นเพื่อนสนิทที่ใกล้ชิดกัน รวมทั้งไปยังประธานาธิบดีคนใหม่ด้วยเช่นกัน

โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับประเด็นความร่วมมือทวิภาคีที่สำคัญร่วมกัน ดังนี้...

ด้านความมั่นคง ทั้งสองเห็นพ้องที่จะใช้ประโยชน์จากความร่วมมือที่มีอยู่ ในการส่งเสริมสันติภาพและความมั่นคงของภูมิภาค ตลอดจนผลักดันความร่วมมือด้านความมั่นคงรูปแบบใหม่ อาทิ ความมั่นคงทางทะเล อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ รวมถึงการฝึกอบรมด้านความมั่นคงไซเบอร์

ด้านเศรษฐกิจ ไทยและอินเดียมีความร่วมมือด้านเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง โดยอินเดียถือเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของไทยในเอเชียใต้ อย่างไรก็ดี นายกรัฐมนตรีเห็นว่า ทั้งสองฝ่ายยังมีศักยภาพที่จะขยายการค้าและการลงทุนระหว่างกันได้อีกมาก โดยเฉพาะในโครงการ EEC ซึ่งรัฐบาลได้พัฒนาโครงการและโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง พร้อมเชิญชวนให้นักลงทุนอินเดียเข้ามาลงทุนในธุรกิจกลุ่มเป้าหมาย ในสาขาที่อินเดียมีความเชี่ยวชาญ ได้แก่ ยานยนต์สมัยใหม่ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ หุ่นยนต์ การบินและโลจิสติกส์ เชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ ดิจิทัล และการแพทย์ครบวงจร ด้าน รมว.กต.อินเดีย กล่าวว่า ไทยเป็นประเทศเป้าหมายที่สำคัญในอาเซียนสำหรับนักลงทุนอินเดีย โดยอินเดียพร้อมผลักดันและสนับสนุนให้นักธุรกิจอินเดียเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น อย่างไรก็ดี รมว.กต.อินเดีย ขอให้นายกรัฐมนตรีสนับสนุนให้นักลงทุนไทยเข้ามาลงทุนในอินเดียเพิ่มขึ้นเช่นกัน

ด้านสาธารณสุข นายกรัฐมนตรีชื่นชมในมิตรไมตรีอันดีระหว่างไทยกับอินเดียในช่วงที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้ให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกันอย่างใกล้ชิด ตลอดจนยินดีที่ทั้งสองฝ่ายมีการลงนาม MoU ร่วมกันในวันนี้ ซึ่งเป็นผลจากการหารือทางโทรศัพท์ของนายกรัฐมนตรีทั้งสองฝ่าย เมื่อปี 2563 โดยเชื่อมั่นว่า MoU นี้จะช่วยผลักดันความร่วมมือทางด้านการแพทย์และสาธารณสุข รวมถึงความร่วมมือด้านการวิจัยและยาระหว่างกันได้อย่างเป็นรูปธรรม

ศาสตราจารย์ MIT ที่เคยโดนข้อหาเป็น ‘สายลับจีน’ นำทีมวิจัยค้นพบวัสดุ ‘เซมิคอนดักเตอร์’ ดีที่สุดในโลก

ศาสตราจารย์ชาวจีนจากสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) ที่เพิ่งจะพ้นข้อหาเป็น ‘สายลับแดนมังกร’ นำทีมนักวิทยาศาสตร์ค้นพบสุดยอดวัสดุเซมิคอนดักเตอร์ ‘ดีที่สุด’ เท่าที่โลกเคยมีมา โดยมีคุณภาพสูงยิ่งกว่าซิลิคอน (Silicon) ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักที่ใช้ผลิตชิปสำหรับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ทั่วโลกในปัจจุบัน

เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ทีมนักวิทยาศาสตร์ MIT ร่วมกับมหาวิทยาลัยฮิวสตันและสถาบันอื่นๆ ได้แถลงผลการวิจัยที่พบว่า ‘คิวบิกโบรอนอาร์เซไนด์’ (Cubic Boron Arsenide) เป็นวัสดุเซมิคอนดักเตอร์ที่มีประสิทธิภาพในด้านการนำความร้อนและไฟฟ้าได้ดีกว่าซิลิคอน ซึ่งจะเปิดโอกาสไปสู่การคิดค้นและพัฒนาชิปที่มีขนาดเล็กลง และประมวลผลได้เร็วยิ่งขึ้น

โดยหนึ่งในทีมวิจัยนี้ ได้รวมถึงศาสตราจารย์ ‘กัง เฉิน’ (Gang Chen) อดีตหัวหน้าภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกลของ MIT ซึ่งเคยถูกกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ สอบสวนฐานต้องสงสัยว่าเป็นสายลับจีน ก่อนที่จะถูกประกาศพ้นข้อครหาทั้งหมดเมื่อเดือน ม.ค. ปีนี้ เนื่องจากไม่พบหลักฐานด้วย

แม้อาจจะต้องใช้เวลาอีกหลายสิบปีกว่าเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งมีคิวบิกโบรอนอาร์เซไนด์เป็นองค์ประกอบหลักจะสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ (หากว่าเป็นไปได้) แต่อย่างน้อยการค้นพบนี้ก็ถือเป็นทางเลือกใหม่ที่จะช่วยให้นักวิจัยสามารถก้าวข้ามข้อจำกัดเดิม ๆ และพัฒนาชิปรุ่นใหม่ ๆ ที่ดีขึ้นทั้งในแง่ของประสิทธิภาพ ความเร็ว และขนาดที่เล็กลง อีกทั้งยังถือเป็นบทเรียนสำหรับสหรัฐฯ เองว่า พวกเขาเสี่ยงที่จะพลาดองค์ความรู้ใหม่ๆ หากยังคงใช้นโยบาย ‘ล่าแม่มด’ กับนักวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญสายเลือดจีนแบบ เฉิน

แม้จะเป็นวัตถุดิบที่ใช้กันทั่วไปในอุตสาหกรรมชิป ทว่าซิลิคอนไม่ใช่วัสดุเซมิคอนดักเตอร์ที่คุณภาพดีที่สุด เนื่องจากมีปัญหา “โอเวอร์ฮีท” ง่าย และทำให้ชิปและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ จำเป็นที่จะต้องติดตั้งอุปกรณ์ระบายความร้อนราคาแพงตามไปด้วย

งานวิจัยที่เผยแพร่เมื่อเดือน ก.ค. พบว่า คิวบิกโบรอนอาร์เซไนด์สามารถนำความร้อนได้ดีกว่าซิลิคอนถึง 10 เท่า ขณะที่ศาสตราจารย์ เฉิน ก็ระบุในจดหมายข่าวว่า “ความร้อนถือเป็นอุปสรรคสำคัญสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ” และการค้นพบวัสดุใหม่นี้อาจจะเป็น “ตัวเปลี่ยนเกม”

ผลการศึกษานี้ยังชี้ให้เห็นว่า คิวบิกโบรอนอาร์เซไนด์มีประสิทธิภาพสูงกว่าซิลิคอนทั้งในแง่ของการนำพาอิเล็กตรอน และหลุมอิเล็กตรอน (Electron Hole) ซึ่งอย่างหลังนี้ถือเป็นหนึ่งในจุดอ่อนสำคัญของซิลิคอน และเป็นตัวจำกัดความเร็วของเซมิคอนดักเตอร์ชิปที่ใช้ซิลิคอนเป็นวัตถุดิบหลัก

นักวิจัยทั่วโลกต่างมุ่งมั่นพัฒนาคอมพิวเตอร์ที่สามารถทำงานได้เร็วขึ้น ทั้งโดยการแสวงหาวัตถุดิบใหม่สำหรับชิป รวมไปถึงการพึ่งพาเทคโนโลยีขั้นสูงอย่าง Quantum Computing และวัสดุอย่างคิวบิกโบรอนอาร์เซไนด์ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จุดประกายความหวังสำหรับการผลิตชิปที่มีขนาดเล็กลง แต่ให้ศักยภาพในการประมวลผลที่เร็วขึ้นกว่าเดิม

อย่างไรก็ตาม MIT ย้ำว่ายังต้องใช้เวลาอีกนานพอสมควรกว่าคิวบิกโบรอนอาร์เซไนด์จะถูกนำไปใช้งานนอกห้องปฏิบัติการได้ โดยปัจจุบันยังมีการผลิตในปริมาณน้อย อีกทั้งนักวิจัยก็จำเป็นต้องใช้เครื่องมือพิเศษเพื่อศึกษาคุณสมบัติของมัน

'มนัส โกศล' หัวหน้าพรรคแรงงานสร้างชาติ จัดทัพภาคกลางเปิดตัวหัวหน้าสาขา ลั่น !! มาเพื่อทำงานพร้อมสร้างความเปลี่ยนแปลง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศาลาประชารัฐบ้านบางพลี ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ นายมนัส โกศล หัวหน้าพรรคแรงงานสร้างชาติ นำคณะลูกทีมพรรคการเมืองเปิดประชุมจัดตั้งสาขาพรรคการเมือง เขตเลือกตั้งที่ 4 ภายในศาลาประชารัฐบ้านบางพลี หมู่บ้านชลเทพ สมุทรปราการ

โดยการเปิดประชุมจัดตั้งสาขาพรรคการเมือง เขตเลือกตั้งที่ 4 ของจังหวัดสมุทรปราการในครั้งนี้ โดยมี นางพรรณลักษณ์ เฉลิมพงษ์ พนักงานการเลือกตั้งชำนาญการ สนง.กกต.จังหวัดสมุทรปราการ ตลอดจนพี่น้องประชาชน และสมาชิกพรรค เข้าร่วมรับฟังการประชุม จากนั้น นายวสันต์ พานเงิน เลขาธิการพรรค ได้กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการจัดประชุมตั้งสาขาพรรคการเมือง อีกทั้ง ทางพรรคแรงงานสร้างชาติได้มีการเปิดตัวหัวหน้าสาขาพรรค จำนวน 7 ท่าน โดยภายในที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบและได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการทั้ง 7 ท่าน

โดยหลังการประชุม นายมนัส โกศล หัวหน้าพรรคแรงงานสร้างชาติ ได้ให้สัมภาษณ์รวมถึงการตั้งคำถามของสื่อมวลชน กรณีความพร้อมการเปิดสาขาพรรค / การเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้ง / รวมถึงความกังวนเรื่องสูตรการหารคะแนนเลือกตั้ง 100 กับ 500 และ หากพรรคแรงงานสร้างชาติได้มีโอกาสเข้าไปในสภาทางพรรคจะเลือกใครมาเป็นนายก 

ทางด้าน นายมนัส โกศล หัวหน้าพรรคแรงงานสร้างชาติ เปิดเผยว่า นโยบายของทางพรรคแรงงานสร้างชาติ คือ 1.การปฎิรูปประกันสังคม 2.ปฎิรูปการเกษตร 3.พัฒนาแหล่งน้ำให้ครอบคลุมทั่วประเทศ และ 4.ปฎิรูปสิทธิประโยชน์ด้านสังคมและสุขภาพ โดยหัวใจสำคัญ ผู้ใช้แรงงานต้องมีธนาคารแรงงานและโรงพยาบาลประกันสังคม เกษตรกรต้องมีแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรอย่างทั่วถึง

สูญเสีย 'จ.ส.อ.สมชาย แดงเงิน' ประสบเหตุระเบิดลูกที่สอง ระหว่างช่วยเหลือประชาชนที่โดนระเบิดในสวนยาง

เฟซบุ๊ก KNIGHTS BORDER ได้โพสต์ข้อความเศร้าจากเหตุระเบิดในภาคใต้เมื่อ 15 ส.ค. ที่ผ่านมา ระบุว่า...

จากกรณีเหตุระเบิดเมื่อวานนี้ เราสูญเสียวีรบุรุษไปอีกหนึ่งท่าน ทางเพจ ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัว ของท่าน 'จ.ส.อ.สมชาย แดงเงิน' เป็นอย่างยิ่ง 

ท่านได้ประสบเหตุระเบิดลูกที่สอง ระหว่างเข้าช่วยเหลือประชาชนที่โดนระเบิดในสวนยาง 

ท่านได้ทำหน้าที่เพื่อชาติ เพื่อแผ่นดิน เพื่อประชาชนจวบจนลมหายใจสุดท้ายของท่าน

เมื่อวันที่ (15 สิงหาคม 2565) เวลา 06.35 น. เกิดเหตุระเบิดประชาชนขณะ กรีดยางพารา บริเวณสวนยางพาราบ้านโคกโก หมู่ 2 ตำบลโต๊ะเด็ง อำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย คือ...

นางประทุม นักทอง อายุ 55 ปี ถูกนำส่งโรงพยาบาลสุไหงปาดี

‘รองโฆษกเพื่อไทย’ ซัด รัฐล้มเหลว ยิ่งแจกบัตรคนจน สะท้อนบริหารผิดพลาด

‘รองโฆษกเพื่อไทย’ ซัด รัฐล้มเหลวยิ่งแจกบัตรคนจน คนยิ่งจน เหน็บ บริหารผิดพลาดล้มเหลว เอาแต่โทษปี่โทษกลอง แนะ ลงจากตำแหน่งกลับไปอยู่บ้าน อยู่ในที่ชอบ อย่าดันทุรังอยู่ต่อ

เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า อีกไม่กี่วันรัฐบาลเตรียมเปิดให้กดยืนยันสิทธิคนละครึ่งเฟส 5 วงเงิน 800 บาท เริ่มใช้จ่ายวงเงินสิทธิตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน-31 ตุลาคม 2565 ต่อด้วยการเปิดลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือบัตรคนจน หวังช่วยประชาชน แต่เป็นการแจกแบบไร้ทิศทาง เพราะตั้งแต่มีการแจกบัตรคนจนในปี 2561 มีผู้ถือบัตรอยู่ที่ 11.4 ล้านคน ปี 2562 มีผู้ถือบัตรเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 14.5 ล้านคน และในปี 2565 กลับแจกไม่อั้นซึ่งหมายความว่าที่ผ่านมารัฐบาลไม่เคยนำเอาตัวเลขหรือผลลัพธ์ที่ได้จากการแจกบัตรคนจน ไปแก้ปัญหาในเชิงโครงสร้างในระยะยาวเลย ตรงกันข้ามยังภูมิใจในผลงานของตัวเองที่บริหารผิดพลาดล้มเหลว เอาแต่โทษปี่โทษกลอง แต่คนจนในประเทศเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ

‘ทิพานัน’ ยัน จีดีพีไทยโตต่อเนื่อง ตอกกลับ ‘ทักษิณ’ อย่ามองแค่มิติเดียว

‘ทิพานัน’ ยันจีดีพีไทยโตต่อเนื่อง ตอก ‘ทักษิณ’ อย่ามองแค่มิติเดียว ชี้ ‘บิ๊กตู่’ มุ่งลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ยกไทยติดอันดับ 1 อาเซียนประเทศที่มีการพัฒนาอย่างยั่งยืน

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี อดีตผู้สมัครส.ส.กทม.เขตจอมทอง-ธนบุรี อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาวิจารณ์พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สอบตกแก้วิกฤติ ทำอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ หรือจีดีพีไทยต่ำสุดในอาเซียนว่า เศรษฐกิจไทยขยายตัวในไตรมาส 2 ขยายตัวได้ 2.5%  ดีขึ้นจากไตรมาสแรกที่ขยายตัว 2.3% ส่งสัญญาณการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จากภาคการท่องเที่ยวที่ปรับตัวดีเกินคาด และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ คนละครึ่งเฟส 5 ที่จะเริ่มใช้วันที่ 1 กันยายนนี้ โดยคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะขยายในปี 2566 อยู่ที่ 4.2%

'สร้างอนาคตไทย' ประกาศความพร้อม ปลุกใจว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.แดนใต้ ลั่นระฆังรบ พร้อมเปิดนโยบายหลักพรรคกู้วิกฤติเศรษฐกิจชาติ

เมื่อวันที่ (16 ส.ค. 2565) ที่พรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) มีการประชุมระหว่างแกนนำพรรค กับผู้แสดงเจตจำนง เป็นผู้สมัคร ส.ส.ภาคใต้ จำนวน 16 คน เพื่อติดตามสถานการณ์ทางการเมือง พร้อมมอบนโยบายพรรคในการทำงานในพื้นที่ และรับฟังนโยบายที่สำคัญของพรรค รวมถึงการสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับนโยบาย พร้อมเปิดรับฟังปัญหาของประชาชน ที่สะท้อนผ่านผู้แสดงเจตจำนงเป็นผู้สมัคร ส.ส. ของพรรค โดยมี ดร.อุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรค และประธานภาคใต้ ดร.สันติ กีระนันทน์ รองหัวหน้าพรรค นายวิเชียร ชวลิต รองหัวหน้าพรรค และผอ.พรรค นายนริศ เชยกลิ่น รองหัวหน้าพรรคและโฆษกพรรค นายวัชระ กรรณิการ์ รองเลขาธิการพรรคและประธานภาคกลาง และ ดร.บุญส่ง ชเลธร รองเลขาธิการพรรค เข้าร่วมประชุม 

ดร.อุตตม กล่าวว่า จากนี้ไปจะมีเวลาทำงานไม่มากนัก ดังนั้น พรรคจะต้องทำงานอย่างเข้มข้น ย้ำให้ชัดเจนว่ายุทธศาสตร์ภาคใต้จะเดินอย่างไร ทีมผู้แสดงเจตจำนงเป็นผู้สมัคร สส. มีหน้าที่อะไร ต้องการอะไร ซึ่งพรรคมีหน้าที่สนับสนุนให้ถูกจุดในทุกมิติ ขอยืนยันว่าพรรคมีความพร้อมเดินหน้าในสนามเลือกตั้งอย่างแน่นอน และพรรคเตรียมเปิดตัวนโยบายหลักของพรรคเร็ว ๆ นี้

‘แท็กซี่ - เกษตรกร’ สมัครเข้าร่วม ‘ครอบครัวเพื่อไทย’ เชื่อมั่น ‘พรรคเพื่อไทย’ คือ ความหวังประชาชน

ตัวแทน ‘แท็กซี่ - เกษตรกร’ สมัครเข้าร่วม ‘ครอบครัวเพื่อไทย’ เชื่อมั่น ‘พรรคเพื่อไทย’ คือ ความหวังประชาชน ฝากความหวังชนะเลือกตั้ง จัดตั้งรัฐบาล เพื่อผลักดันนโยบายที่ตอบโจทย์การแก้ไขปัญหาประชาชน

(17 ส.ค. 65) ตัวแทนกลุ่มแท็กซี่ทวงคืนความยุติธรรม สมาคมวิชาชีพผู้ขับขี่รถยนต์สาธารณะแท็กซี่ และกลุ่มเกษตรกรไร้ที่ดินทำกิน สมาพันธ์เครือข่ายที่ดินทำกิน จังหวัดสระแก้ว สมัครเข้าร่วมเป็นสมาชิกครอบครัวเพื่อไทย พร้อมยื่นหนังสือต่อ แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยและประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม เพื่อขอให้พรรคเพื่อไทยผลักดันการแก้ไขปัญหาของกลุ่มผู้ประกอบอาชีพขับรถแท็กซี่และปัญหาเรื่องที่ทำกินของเกษตรกร โดยประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมาและเลขาธิการพรรคเพื่อไทย สมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี และ อดิศร เพียงเกษ โฆษกผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ร่วมรับหนังสือ ซึ่งพรรคเพื่อไทยจะนำข้อมูลที่ได้รับมาไปพิจารณาสู่การแก้ไขปัญหา

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ลงพื้นที่แจกจ่ายข้าวสารพร้อมเครื่องอุปโภค เนื่องในประเพณีทิ้งกระจาด ประจำปี 2565 แก่ผู้ขาดแคลนในพื้นที่จังหวัดชลบุรี

วานนี้ (วันอังคารที่ 16 สิงหาคม 2565) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการ มอบหมายให้ นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ จัดทีมเจ้าหน้าที่ และอาสาสมัคร นำโดย นางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย รักษาการหัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ ลงพื้นที่จังหวัดชลบุรี แจกจ่ายชุดข้าวสารพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค ประกอบด้วย ข้าวสาร บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง น้ำมันพืช น้ำปลา บรรจุกระเป๋าผ้าดิบมูลนิธิฯ แก่ผู้ขาดแคลนในพื้นที่อำเภอศรีราชา อำเภอเมือง อำเภอบ้านบึง และอำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี รวม 4 อำเภอ ชุดข้าวสารจำนวน 2,000 ชุด รวมงบประมาณทั้งสิ้น 700,000 บาท (เจ็ดแสนบาทถ้วน) โดยมี ผู้แทนหน่วยงานรัฐ เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย มูลนิธิฯ / สมาคมจีนต่างๆ อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นางศิริวรรณ โอภาสวงศ์ นางศิริพร โอภาสวงศ์ อาสาสมัครกิตติมศักดิ์ และ อาสาศิลปิน นำโดย นางสาวพัชรมัย บุญเลิศกุล (แพรว พัชรมัย) นางสาวอธิชา เทศขำ (เมย์ อธิชา) นางสาวไดอนา แอน คาฮิลล์ นางสาวอรภัสญาน์ สุกใส ( มิ้วส์ อรภัสญาน์) นางสาวสุภัตรา ธระเสนา (ต่าย สุภัตรา) ร่วมในพิธี

และในช่วงกลางเดือนสิงหาคม - เดือนกันยายน 2565 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง กำหนดลงพื้นที่แจกจ่ายชุดข้าวสารพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ผู้ขาดแคลนในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร และ 50 เขต กรุงเทพมหานคร เป็นลำดับต่อไป คิดมูลค่าดำเนินการงานแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคในประเพณีทิ้งกระจาด ประจำปี 2565 ไม่ต่ำกว่า 11.7 ล้านบาท

เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (โควิด-19) ที่ยังคงมีการแพร่ระบาดในขณะนี้ เพื่อลดความเสี่ยงและป้องกันการแพร่ระบาด ในปีนี้ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ยังคงรูปแบบการทำบุญทิ้งกระจาดแบบลดการสัมผัส เป็นการบริจาคทรัพย์เพื่อสมทบทุนในการจัดซื้อชุดข้าวสาร อาหารแห้ง พร้อมเครื่องอุปโภคบริโภคต่างๆ โดยสามารถทำบุญได้ 3 ช่องทาง ดังนี้ 

1. ทำบุญชุดข้าวสาร ที่ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ
(ทั้งนี้ มูลนิธิฯ ขอความร่วมมือในการงดรับข้าวสาร หรือสิ่งของอื่นๆ เพื่อลดการสัมผัส)
2. ทำบุญชุดข้าวสารออนไลน์: ผ่านบัญชีมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง 
3. เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในขณะนี้ เพื่อลดความเสี่ยงและการเพิ่มมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาด มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จึงจัดให้มีช่องทางการร่วมทำบุญทิ้งกระจาดใหม่ ผ่านระบบออนไลน์ https://pttfny.net/newsh/ ในอีกทางหนึ่ง

จีน ยื่นขอจด ‘Rice-Fish Culture’ ‘เลี้ยงปลาในนาข้าว’ เป็นมรดกเกษตรโลก

จีนยื่นขอจด "Rice-Fish Culture" เป็นมรดกเกษตรโลก (The Globally Important Agricultural Heritage Systems - GIAHS) ต่อองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาติ (FAO) มาตั้งแต่ปี 2005

การเลี้ยงปลาในนาข้าวของจีนไม่ใช่เป็นเพียงระบบเกษตรเท่านั้น แต่เป็นวัฒนธรรมที่สืบทอดมานานนับ 2,000 ปี โดยมีการขุดพบกระเบื้องดินเผาในสุสานของราชวงศ์ฮั่นตอนกลาง แสดงให้เห็นแผนผังปลาว่ายจากบ่อลงในนาข้าว

ระบบการเลี้ยงปลาในนาข้าวเป็นระบบเกษตรผสมผสานที่สมบูรณ์แบบในอุดมคติ ปลาให้ปุ๋ยแก่ข้าว ควบคุมภูมิอากาศย่อยในระบบนิเวศ การแหวกว่ายของปลาช่วยเพิ่มออกซิเจน พรวนดิน กำจัดตัวอ่อนของแมลงศัตรูพืชและวัชพืช ถ่ายออกมาเป็นปุ๋ย ในขณะที่ข้าวให้ร่มเงาและสร้างอาหารให้ปลา การใช้ปุ๋ยและสารเคมีกำจัดศัตรูพืชแทบเป็นศูนย์ แต่ได้อาหารที่มีคุณภาพและคุณค่าสูง

การศึกษาของ FAO ในประเทศจีนพบว่า แทนที่ผลผลิตข้าวจะลดลงแต่กลับเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 10% ในขณะที่ผลผลิตข้าวที่เลี้ยงปลาในนาข้าวของอินโดนีเซียเพิ่มขึ้น 10-20% ไม่รวมผลผลิตจากปลา 192-260 กิโลกรัม/ไร่ 

ในบริบทของประเทศไทย ระบบเกษตรที่เรียบง่ายแต่แฝงความสัมพันธ์ทางนิเวศวิทยาที่ซับซ้อนนี้  มีความสำคัญหลายประการ

1) การเลี้ยงปลาในนาข้าวในเขตน้ำน้อย เป็นอุบายในการสร้างสระเก็บน้ำและระบบชลประทานในระดับไร่นา ซึ่งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของพื้นที่เกษตรในนาน้ำฝน ในขณะเดียวกันก็เหมาะกับในพื้นที่น้ำท่วม หรือพื้นที่ชลประทานที่จะสามารถใช้ประโยชน์จากน้ำในการเลี้ยงปลาไปพร้อมกับการทำนา

2) เป็นรูปแบบที่ตอบสนองต่ออาหารขั้นพื้นฐาน คือคาร์โบไฮเดรตจากข้าว โปรตีนจากปลา และได้พืชผักต่าง ๆ เป็นผลพลอยได้จากระบบนิเวศนาที่อุดสมบูรณ์ไปพร้อมกัน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top