Monday, 7 July 2025
Hard News Team

'นพพล' จี้ 'อนุพงษ์' เร่งเพิ่มค่าตอบแทนกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน อัดเงินค่าตอบแทนผู้นำท้องถิ่นน้อยกว่าเงินเติมน้ำมันรถประจำตำแหน่ง 'อนุพงษ์'

นายนพพล เหลืองทองนารา ส.ส.พิษณุโลก พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่งบประมาณ 2566 ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรแล้ว หวังว่าพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการะทรวงมหาดไทย ใช้จ่ายงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดประโยชน์กับประชาชนมากที่สุด

นอกจากนี้อยากให้กระทรวงมหาดไทยให้ความสำคัญกับกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน มากขึ้น ที่ผ่านมากำนันผู้ใหญ่บ้านทั่วประเทศไทยทำงานหนักมาก โดยเฉพาะช่วงวิกฤตโควิดหลายพื้นที่ กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน ทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการปกป้องชีวิตคนในพื้นที่ ทั้งการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม เพื่อดูแลผู้ติดเชื้อโควิด การจัดหาเครื่องนอน การจัดหาอาหารการกิน การประสาน ทุกหน่วยงานเพื่อดูแลผู้ตดเชื้อให้มีอาการดีขึ้น 

นายนพพล กล่าวด้วยว่า เงินที่มาทำงานเพื่อช่วยเหลือประชาชน ส่วนหนึ่งจะมาจากการบริจาคจากนักธุรกิจในพื้นที่ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรร่วมกันบริจาค ทั้งเงินทั้งของกิน ของใช้ เพื่อดูแลผู้ติดเชื้อให้มากที่สุด ทั้งนี้ตลอดเวลาที่ผ่านมารัฐไม่เคยมีจัดสรรงบประมาณสนับสนุนผู้นำท้องถิ่นกลุ่มนี้ แต่อย่างใด

‘สุริยะ’ เผย 5 อุตสาหกรรม รับอานิสงส์เปิดปท. ดันดัชนีผลผลิตอุตฯ ก.ค. ขยายตัว 6.37%

อก. เผย MPI เดือนกรกฎาคม 2565 ขยายตัวร้อยละ 6.37 อานิสงส์จากการเปิดประเทศเต็มรูปแบบ ด้านส่งออกสินค้าอุตฯ ขยายตัวต่อเนื่องเดือนที่ 20

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) เปิดเผยว่า สถานการณ์การผลิตภาคอุตสาหกรรมกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งหลังรัฐบาลได้ผ่อนคลายมาตรการควบคุมต่าง ๆ โดยเฉพาะมาตรการเปิดประเทศ ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นมากกว่าเป้าและช่วยหนุนการบริโภคในประเทศปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง มีคำสั่งซื้อและมีการเพิ่มการผลิตในภาคอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องมากขึ้น ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนกรกฎาคม 2565 อยู่ที่ 95.71 ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.37 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับภาพรวม MPI ใน 7 เดือนแรกของปี 2565 ขยายตัว ร้อยละ 1.23 และอัตราการใช้กำลัง การผลิต 7 เดือนแรก อยู่ที่ระดับ 63.42 ทั้งนี้ คาดว่า MPI ในครึ่งปีหลังมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม (ไม่รวมทองคำ) ที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมอาหารของไทยที่ขยายตัวท่ามกลางวิกฤตความมั่นคงทางอาหารของโลก

นางศิริเพ็ญ เกียรติเฟื่องฟู รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กล่าวว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนกรกฎาคม 2565 ปรับตัวดีขึ้นร้อยละ 6.37 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกัน ของปีก่อน และอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ร้อยละ 61.01 จากการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ อุตสาหกรรมหลักกลับมาขยายตัว ได้แก่ ยานยนต์ ผลิตภัณฑ์คอนกรีตและปูนซีเมนต์ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมน้ำมันปิโตรเลียมขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 10 ติดต่อกัน สะท้อนให้เห็นถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ทยอยฟื้นตัว อีกทั้งภาคการท่องเที่ยวช่วยฟื้นการบริโภคภายในประเทศ จำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีการปรับคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวจากเดิม 6 ล้านคน เป็น 8 ล้านคน ในปีนี้ รวมถึงการอ่อนค่าของเงินบาทส่งผลดีต่อภาคการส่งออกทำให้สินค้าไทยสามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก ได้แก่ อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มที่ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 17 ติดต่อกัน จากความต้องการที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องทั้งในและต่างประเทศ และอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศที่การส่งออกขยายตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม (ไม่รวมทองคำ) เดือนกรกฎาคม ขยายตัวร้อยละ 0.50 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 20 ติดต่อกัน 

นอกจากนี้ ภาพรวมสถานการณ์เงินเฟ้อที่ยังคงส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรม แต่มีทิศทางชะลอตัวลง สะท้อนได้จากดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้าหมวดสินค้าอุตสาหกรรมเดือนกรกฎาคมขยายตัวที่ร้อยละ 10.5 ชะลอตัวลงจากเดือนมิถุนายนขยายตัวที่ร้อยละ 12.9

สำหรับสถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรมของประเทศไทยเริ่มส่งสัญญาณเฝ้าระวัง โดย สศอ. ใช้เครื่องมือระบบเตือนภัยด้านเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไทย (The Early Warning System Industry Economics : EWS-IE) สศอ. จึงคาดการณ์จากดัชนีชี้นำสถานการณ์การผลิตโลก (PMI) ว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยใน 1-2 เดือนข้างหน้า ปัจจัยภายในประเทศยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง อุปสงค์ในประเทศทยอยฟื้นตัว ความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมปรับตัวดีขึ้นจากการเปิดรับนักท่องเที่ยวและปลดล็อกมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 ความเชื่อมั่นทางธุรกิจปรับตัวเพิ่มขึ้น ในขณะที่ปัจจัยต่างประเทศเริ่มส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรม ประเทศคู่ค้าอยู่ในภาวะไม่ปกติ ส่งผลให้คำสั่งซื้อชะลอตัวลง ทั้งนี้ ต้องจับตาดูสถานการณ์การขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางประเทศต่าง ๆ ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนยังคงยืดเยื้อ ส่งผลต่อราคาพลังงานและวัตถุดิบ สภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย รวมถึงปัญหาข้อพิพาททางการเมืองระหว่างประเทศ

สำหรับอุตสาหกรรมหลักที่ดัชนีผลผลิตส่งผลบวกในเดือนกรกฎาคม 2565 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้แก่

‘บิ๊กป้อม’ เคาะแผนพัฒนากีฬาชาติปี 66-69 กำชับกองทุนกีฬา มุ่งพัฒนานักกีฬาทุกระดับ

พล.อ.ประวิตร ให้ความสำคัญ "นักกีฬาเยาวชน-คนพิการ" ประชุม กองทุนกีฬาฯ  อนุมัติแผนสนับสนุนฯปี 66-69 มุ่งเสริมศักยภาพนักกีฬาทุกสมาคม  เน้นช่วยเหลือ สวัสดิการ/ทุนการศึกษา สร้างขวัญกำลังใจ นักกีฬา/จนท. 

เมื่อ (31 ส.ค. 65) 11.00 น. พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษก รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2565 ณ ห้องประชุม มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอเรนซ์

ที่ประชุมได้รับทราบ รายงานผลการให้การสนับสนุนของกองทุนประจำปี 65 และการเบิกจ่ายเงินกองทุน ณ 31 ก.ค. 65  ซึ่งเป็นไปตามแผนงาน และวัตถุประสงค์ของกองทุนกีฬา เพื่อส่งเสริมการพัฒนากีฬาของทุกสมาคมกีฬา สู่ความเป็นเลิศและยกระดับมาตรฐานการดำเนินงานด้านกีฬา สู่สากลทั้งส่วนกลาง และระดับจังหวัด ทั่วประเทศ

ส่อง!! ข้อเสนอ กยศ. ฉบับพรรคก้าวไกล ไม่ต้องมีผู้ค้ำ นำเกณฑ์พิสูจน์ความจนออก

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึง การพิจารณาร่าง พ.ร.บ. กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) โดยสภาผู้แทนราษฎรในวันนี้ ทำให้ประเด็นเรื่องสวัสดิการการเรียนในระดับมหาวิทยาลัย (ซึ่งกว้างกว่าแค่ประเด็นในร่าง พ.ร.บ. กยศ.) กลับมาเป็นที่สนใจของสังคมอีกครั้ง

การศึกษาเป็นสวัสดิการที่สำคัญสำหรับอนาคตของประชาชนและเป็นการลงทุนที่สำคัญต่อการพัฒนาประเทศ แม้หลายประเทศจะมีข้อถกเถียงและข้อสรุปที่แตกต่างกันถึงระดับชั้นที่รัฐควรอุดหนุนให้ประชาชนได้เรียนฟรี ณ ปัจจุบัน แต่คงไม่มีใครปฏิเสธ ว่าหากสามารถจัดสรรงบประมาณได้เพียงพอ การอุดหนุนให้ประชาชนมีสิทธิเรียนฟรีถึงระดับมหาวิทยาลัย เป็นนโยบายที่จะสร้างโอกาสให้กับผู้คนจำนวนมาก และเป็นนโยบายที่บางประเทศทำให้เกิดขึ้นจริงได้

การเรียนมหาวิทยาลัยฟรี จึงเป็นเป้าหมายที่พรรคก้าวไกลต้องการมุ่งไป โดยหากรัฐไทยยังไม่สามารถจัดสรรงบประมาณเพื่อเรียนอุดมศึกษาฟรีได้ในทันที เรามีความจำเป็นต้องแก้ปัญหาของกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ดังที่วาระร่างพระราชบัญญัติ กยศ. เข้าสู่สภาในวันนี้ครับ เพื่อรับประกันสิทธิทางการศึกษาของผู้เรียนในช่วงเปลี่ยนผ่าน

กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ถูกก่อตั้งขึ้นบนพื้นฐานของการขยายโอกาสในการเข้าถึงทางการศึกษาในระดับอุดมศึกษา โดยเฉพาะสำหรับนักเรียนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ผ่านการให้ผู้เรียนกู้ยืมจากกองทุนในส่วนของค่าเล่าเรียน และค่าครองชีพ 3,000 บาทต่อเดือน (เฉลี่ยประมาณ ~400,000 บาทต่อคน สำหรับการเรียน ป.ตรี 4 ปี) เพื่อจ่ายคืนตามจำนวนที่ยืมมา

แต่ที่ผ่านมา เงื่อนไขและการบริหารจัดการในหลายส่วน กลับทำให้เกิดปัญหาทั้งในการจำกัดโอกาสสำหรับผู้ที่อยากเรียนบางกลุ่ม การเพิ่มภาระให้กับผู้เรียนที่กู้เงินไปแล้ว และการบริหารจัดการกองทุนให้มีสภาวะทางการเงินที่เสี่ยงจะไม่ยั่งยืนสำหรับการปล่อยกู้ให้ผู้เรียนในอนาคต

หากเรายังต้องการคงไว้ถึงกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษาในช่วงที่ยังไม่มีการอุดหนุนการเรียนมหาวิทยาลัยฟรี พรรคก้าวไกลจึงได้เสนอ 5 ข้อเสนอ ต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรในการพิจารณาวาระ 2 (รายมาตรา) เพื่อปรับปรุงให้ กยศ. มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดภาระต่อผู้เรียน และรักษาความยั่งยืนของกองทุน

โดยพรรคก้าวไกลมีข้อเสนอ5ข้อ คือ...

1. ทุกคนเข้าถึงสวัสดิการ กยศ. ได้อย่างถ้วนหน้า (มาตรา 4): ยกเลิกเรื่องเกณฑ์พิสูจน์ความจนในการกู้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการตกหล่น และเพื่อยืนยันหลักคิดว่าสวัสดิการกู้ยืมเพื่อการศึกษา ควรเป็นสวัสดิการที่ทุกคนเข้าถึงได้ ไม่ว่าจะยากดีมีจน

2. ขยายเงื่อนไขการให้ทุนเรียนฟรี สำหรับผู้เรียนบางกลุ่ม (มาตรา 5) : เพิ่มความยืดหยุ่นให้กองทุน ในการพิจารณาให้ทุนการศึกษาแบบให้เปล่าสำหรับผู้เรียนบางกลุ่ม ซึ่งเป็นบันไดขั้นแรกไปสู่การเรียน ปวส. ฟรี หรือ ป.ตรี ฟรี สำหรับบางกลุ่ม

'เพื่อไทย' แนะ 'ประวิตร' เร่งแก้หนี้นอกระบบ ชี้!! หากชักช้าจะยิ่งเป็นการซ้ำเติมประชาชน

นางมนพร เจริญศรี ส.ส.นครพนม ในฐานะรองเลขาธิการ พรรคเพื่อไทยเปิดเผยว่า จากกรณีที่กระทรวงพาณิชย์เปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจครึ่งแรกของปี 2565 พบผู้ประกอบการปิดกิจการสูงถึง 7,500 บริษัท ถือว่าเป็นสัญญาณอันตราย ที่ชี้ชัดว่าเศรษฐกิจประเทศไทยยังไม่พ้นปากเหว นับแต่ปี 2563 เป็นต้นมา ภายหลังเกิดปัญหาการระบาดของโควิด รัฐบาลประเมินสถานการณ์ผิดพลาด และออกมาตรการที่ไม่จริงใจส่งผลกระทบกับผู้ประกอบการรายย่อยหลายแสนรายปิดตัวลง

ผลที่ออกมาอยากให้รัฐบาลย้อนไปดูตัวเองว่า บริหารประเทศอย่างไร เงินกู้จำนวน 1.5 ล้านล้าน ที่รัฐบาลบอกว่าจะนำมาช่วยผู้ประกอบการ ก็ไม่เป็นความเป็นจริงไม่มีผู้ประกอบการหลายหมื่นบริษัท เข้าไม่ถึงเงินกู้ที่รัฐบาลจัดไว้ ทำให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี หลายแห่งต้องประสบปัญหาด้านเงินทุน จนไปต่อไม่ได้

‘เสี่ยหนู’ แจงพบ ‘บิ๊กตู่-บิ๊กป๊อก’ นัดหมายล่วงหน้า ชี้!! ไม่มีคุยการเมือง แค่ส่องพระ ไม่กลัวถูกโยงเลือกข้าง

อนุทิน​ แจง​ ภาพดอดพบ​ พลเอกประยุทธ์​-พลเอกอนุ​พงษ์​ ที่กระทรวงกลาโหมนัดหมายล่วงหน้า​ นำแพทย์ผิวหนังรีเช็กอาการสะเก็ดแผลภูมิแพ้หลังมือ​ พร้อมทานมื้อเที่ยงกะเพราไก่ไข่ดาว ไม่มีคุยการเมือง แค่ส่องพระ ​ไม่กลัวถูกโยงเลือกข้าง​ เข้าป่ารอยต่อหลายครั้ง​แล้ว

นายอนุทิน​ ชาญวีรกุล​ รอง​นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข​ กล่าวถึงการพบพล.อ ประยุทธ์ ​จันทร์โอชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม​ และพลเอกอนุพงษ์​ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย​ ที่กระทรวงกลาโหม​ ว่า​ เป็นการนัดหมายล่วงหน้า เพื่อนำแพทย์จากสถาบันโรคผิวหนัง ติดตามอาการ หลังจากที่ พล.อ ประยุทธ์ เข้ารับการรักษา 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ที่บริเวณหลังมือ เป็นสะเก็ดแผลจากอาการภูมิแพ้​ผิวหนังเก่า​ และคัน​ ซึ่งอาการหายแล้ว เพียงแต่ต้องใช้ยาทาหลังจากนี้​ โดยไม่ได้มีการพูดคุยถึงสถานการณ์บ้านเมืองแต่อย่างใด ซึ่งตนได้เดินทางไปช่วงเวลาใกล้เที่ยง พล.อ ประยุทธ์ จึงชวนรับประทานอาหารด้วยกันเป็นข้าวกะเพราไก่ไข่ดาว

โดยพลเอกประยุทธ์​ ได้บอกว่าเมื่อวานการประชุมคณะรัฐมนตรี ท่านก็อยู่ร่วม ตอนที่ตนพูดเรื่องอสม. ซึ่งท่านก็ชมว่าดี​ ชี้แจงดี​ พร้อมฝากให้ช่วยประคับประคอง ดูแลร้ฐบาล ช่วยพลเอกประวิตร​ วงษ์สุวรรณ​ รองนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรี ทำงานในช่วงที่ พลเอกประยุทธ์ ยังปฏิบัติงานไม่ได้

เมื่อถามว่าในวงสนทนา พลเอกอนุพงษ์ ได้พูดคุยอะไรหรือไม่​ นายอนุทินกล่าวว่า ส่วนใหญ่ ตนเป็นคนชวนคุยคนเดียว ตนก็ขี้คุยของตนไปเรื่อย

เมื่อถามถึงสุขภาพจิตใจของพลเอกประยุทธ์ เป็นอย่างไร นายอนุทินกล่าวว่า ดี​ ไม่มีอะไร ท่านก็ทำงานตามหน้าที่ของท่าน ซึ่งใช้เวลาร่วมกันในการรับประทานอาหารไม่นาน 30 -​ 40 นาที 

นายอนุทิน​ ยังกล่าวด้วยว่า การเข้าไปพบ พลเอกประยุทธ์ ในครั้งนี้ไม่ได้มีการนัดหมายกับพลเอกอนุพงษ์​ ล่วงหน้าแต่อย่างใด ตนก็ไปตามการนัดหมายล่วงหน้า เพื่อนำแพทย์ที่เชี่ยวชาญเข้าไปตรวจเช็กอาการ

ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าการเข้าไปพบพลเอกประยุทธ์​ และพลเอกอนุพงษ์ จะทำให้ถูกโยงเลือกข้างทางการเมืองหรือไม่​ นายอนุทินกล่าวว่า​ โอ๊ย​ จะไปผูกอะไร​ ก็เหมือนขณะนี้ถ้าใครมาหาตนตอนใกล้เที่ยง ก็ชวนทานข้าว เท่านั้นเอง

‘พิจารณ์ ก้าวไกล’ ชวนเที่ยวงานโรดโชว์อาวุธ แนะ กองทัพจัดซื้ออาวุธภายในปท. ช่วยหนุนผู้ผลิตไทย

‘พิจารณ์ ก้าวไกล’ ชวนเที่ยวงานโรดโชว์อาวุธ แนะกองทัพ จัดซื้ออาวุธจากผู้ผลิตไทย สร้างโอกาสพัฒนาอุตสาหกรรมอาวุธภายในประเทศ 

คนมักคุ้นชินกับบทบาทของพิจารณ์ในการติดตามตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณของกองทัพ เพื่อให้การใช้งบเป็นไปอย่างโปร่งใส คุ้มค่า และนำไปสู่การพัฒนากองทัพที่เข้มแข็ง ทันสมัย และมีประสิทธิภาพ ภายใต้คงามเชื่อว่า “กองทัพที่เข้มแข็งต้องลงทุนในยุทโธปกรณ์ที่มีคุณภาพ เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมการผลิตยุทโธปกรณ์ของไทย สร้างงาน สร้างรายได้ให้ประเทศ”

ด้วยเหตุนี้ เมื่อมีการจัดนิทรรศการ “Defense and Security 2022” จัดที่ IMPACT CHALLENGER เมืองทองธานี พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ - Phicharn Chaowapatanawong หรือ "พี่จ้อน" ของเราจึงไม่รอช้าไปเข้าชมบรรยากาศในนิทรรศการนี้ว่าเทคโนโลยีอาวุธและการป้องกันประเทศก้าวหน้าไปถึงไหนแล้วบ้าง

บรรยากาศภายในงานมีการแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ รวมถึงเทคโนโลยีด้านความมั่งคงของทั้งไทยและต่างประเทศ ประเด็นที่น่าสนใจก็คือว่าในปัจจุบัน และอนาคต กองทัพไทยจะมีแผนในการจัดซื้ออุปกรณ์ชนิดใดบ้าง รวมถึงทิศทางในการลงทุนด้านเทคโนโลยีที่มีอยู่ในต่างประเทศมาใช้เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการป้องกันประเทศ

การใช้จ่ายของกองทัพ ยังเต็มไปด้วยข้อสงสัย

ภายในงาน พิจารณ์ได้มีโอกาสพูดคุยกับ บริษัท Lockheed Martin (บริษัทค้าอาวุธที่ใหญ่ที่สุดในโลก) ที่กองทัพไทยมีแผนจัดซื้อ F-35 (5th Generation Fighter) ไปแล้ว 2 ลำในงบฯ ปี 66 มูลค่ารวมทั้งโครงการกว่า 7,300 ล้านบาท โดยอาจต้องรอถึง 7 ปี กว่าจะได้ส่งมอบ

ในขณะที่ ปัจจุบัน Lockheed Martin ยังมีการผลิต F-16 (4th Generation Fighter รุ่นก่อน F-35 และราคาถูกกว่า) และในหลายประเทศก็ยังมีการจัดซื้ออยู่ แต่เรากลับไม่เห็นว่ากองทัพมีการเปรียบเทียบความคุ้มค่าทางงบประมาณ ระหว่าง F-16 กับ F-35 เราไม่เคยได้รับเหตุผลว่าทำไมถึงเลือกซื้อ F-35 เท่านั้น ในด้านราคา F-35 แพงกว่า F-16 เกือบ 1,000 ล้านบาทต่อลำ ยังไม่รวมถึงค่าบำรุงรักษา ที่ F-35 สูงกว่ามาก

บางท่านอาจจะบอกว่า ซื้อใหม่ทั้งที ทำไมไม่เลือกซื้อ F-35 ที่มีขีดความสามารถในการรบสูงกว่าไปเลยล่ะ ก็ต้องเรียนว่า การจัดซื้อยุทโธปกรณ์ต้องคำนึงถึงความคุ้มค่า ความจำเป็น และภาระทางงบประมาณ ถามว่าเวลาซื้อรถยนต์ จำเป็นต้องซื้อรถที่มีสมรรถนะสูง หรูหราหมาเห่าอย่าง Ferrari หรือเปล่า ก็ไม่ใช่

สิ่งที่กองทัพอากาศควรทำ คือการเปรียบเทียบทางเลือกอื่นๆ จากเครื่องบินขับไล่ 4th Gen ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Gripen, F/A-18, KF-50 และอื่น ๆ รวมทั้งเจรจาจัดซื้อด้วยนโยบายชดเชย หรือ offset policy เพราะจากการพูดคุยกับ Lockheed Martin ทำให้รู้ว่า ทางบริษัท ก็มีการทำ offset policy หรือ นโยบายจัดซื้อแบบชดเชย ซึ่งเราอาจเจรจาเพื่อขอรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีอื่นๆที่ไม่ใช่ F-35 ก็ได้ (เพราะเค้าคงไม่ให้เทคโนโลยี F-35) เช่น เทคโนโลยีในการอัพเกรด เครื่องบิน C-130H ที่ไทยใช้ประจำการอยู่ เป็นต้น

จากที่เล่ามาจึงเป็นเหตุให้อนุมานได้ว่า กองทัพอากาศตั้งธงมาก่อนแล้วว่าจะต้องการจัดซื้อเครื่องบิน F-35 เท่านั้น โดยไม่มีความสมเหตุสมผลในการพิจารณาการลงทุนใช้จ่ายงบประมาณ

การสนับสนุนของกองทัพในการส่งเสริมอุตสาหกรรมอาวุธภายในประเทศ สร้างงาน เพิ่มขีดความสามารถในการผลิตของประเทศ

นอกจากนี้ ยังมีบูธของบริษัทที่เป็นการร่วมลงทุนระหว่าง สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (สทป.) ก.กลาโหม กับบริษัทเอกชนในประเทศไทย เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมอาวุธภายในประเทศ ได้แก่

บริษัท ไทยดีเฟนส์อินดัสตรี จำกัด ผู้ผลิตและขายยานเกราะล้อยางไปต่างประเทศ
บริษัทผลิตปืน Weapons Manufacture Industries (WMI) โดย สทป.ร่วมทุนกับ บริษัท สหพิพัฒนกิจ จำกัด และ บริษัท เอ็มตั้น คาร์เมียล จำกัด จากประเทศอิสราเอล

'สุรนันทน์' พบปะพ่อค้าแม่ค้าตลาดวังหลัง เน้นนโยบายพลิกฟื้นเศรษฐกิจให้กับทุกคน

วันนี้ วันที่ 31 สิงหาคม 2565 นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ รองหัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย และหัวหน้าทีมกรุงเทพ พร้อมด้วยนายพัลลภ ปิยะตระกูล ผู้ประสานงานพื้นทีเขตบางกอกน้อย ได้ลงพื้นที่ตลาดวังหลัง เพื่อสำรวจภาวะเศรษฐกิจและนับฟังปัญหาของพ่อค้าแม่ค้า และผู้ประกอบการต่างๆ

จำนวนนักท่องเทียวที่ยังไม่กระเตื้อง และภาวะเศรษฐกิจที่ฟืดเคือง ยังมีผลกระทบที่รุนแรงต่อการค้าขาย และปัญหาปากท้องของประชาชน

‘ภูมิใจไทย’ ชูนโยบาย ไม่คิดดอกเบี้ย กยศ. ลั่น เด็กไทยต้องมีโอกาสเข้าถึงการศึกษา

เมื่อวันที่ (31 ส.ค. 65) เวลา 09.00 น. ที่รัฐสภา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) พร้อมด้วยส.ส.พรรค ภท. ร่วมแถลงถึงจุดยืนต่อการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (ฉบับที่…) พ.ศ. … ในวันนี้ ซึ่งพรรคภูมิใจไทย เสนอร่างกฎหมายประกบไปพร้อมกับร่างของรัฐบาลด้วย โดยที่ประชุม พรรค ภท. ที่มีมติไม่ให้เก็บดอกเบี้ยหนี้ กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ว่า เรื่องนี้ถือเป็นนโยบายที่สำคัญของพรรค ภท. ตั้งแต่ช่วงหาเสียงเลือกตั้งปี 2562 เรามีความเชื่อว่ารัฐบาลควรมีหน้าที่สนับสนุนการศึกษาให้กับประชาชนโดยเฉพาะเยาวชน กยศ. เป็นเครื่องมือที่สำคัญอย่างมากที่จะสนับสนุนให้คนไทยทุกคนเข้าถึงการศึกษาได้ตามความต้องการของผู้ใฝ่เรียน และเป็นการเพิ่มโอกาสให้ทุกคนที่มีปัญหาเรื่องทุนได้เข้าถึงการศึกษาได้อย่างเท่าเทียม ทั้งนี้ เมื่อไม่คิดดอกเบี้ย ผู้กู้ยืม จะกลายเป็นเพียงแค่ผู้ยืม ไม่ใช่ผู้กู้ยืมอีกต่อไป 

นายอนุทิน กล่าวว่า โดยในชั้นกรรมาธิการ (กมธ.)ฯ สมาชิกเสียงข้างมากยังเสนอให้คงดอกเบี้ยไว้ที่ 0.25% แต่นายวิรัช พันธุมะผล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทยในฐานะ กมธ.เสียงข้างน้อย ได้ขอแปรญัตติเอาไว้ในชั้น กมธ.ฯ คือเสนอ ไม่คิดดอกเบี้ย กยศ. เพราะพรรคภูมิใจไทย แสดงเจตนารมณ์อันแน่วแน่ว่าไม่ควรเก็บดอกเบี้ย และให้ใช้คืนแค่เงินต้น เพราะอย่างไรเสียรัฐก็ได้ประโยชน์ หากเยาวชนได้ศึกษาเล่าเรียน ก็สามารถสร้างเสริมรายได้ในอนาคตได้ เมื่อมีรายได้ก็จะชำระและเสียภาษี และไม่มีใครได้รับเงินเดือนเท่าเดิมตั้งแต่เริ่มทำงาน เราต้องมั่นใจว่าเยาวชนของชาติมีความเก่ง มีความเข้มแข็ง และมีหัวคิดก้าวหน้าต่อยอดการศึกษาเพื่อเสริมสร้างรายได้ให้มากขึ้น ยิ่งรายได้มากเท่าไหร่ก็จะเสียภาษีให้รัฐมากขึ้น

'ตำรวจ PCT' ออกหมายจับอีก 3 ราย เครือข่าย Eddy เจ้าของเว็บ 888Point บิ๊กข้าราชการ ศอบต. หนึ่งในผู้ต้องหาย่องเข้ามอบตัว

วันนี้ (31 ส.ค. 65) เวลา 12.00 น. ที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รอง ผบช.น. หัวหน้าชุดปฏิบัติการ ศปอส.ตร. ที่ 4  เปิดเผยว่า จากกรณีจับกุมเว็บพนันออนไลน์ 888Point เมื่อวันที่ 13 ส.ค.65 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเครือข่ายของนาย Eddy สามารถจับกุมผู้ต้องหา 6 ราย ยึดเงินสดกว่า 35 ล้านบาท และทรัพย์สินอีกกว่า 10 ล้านบาท รวมทั้งสิ้นมูลค่ากว่า 45 ล้านบาท ส่ง พนักงานสอบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ

จากการสอบสวนขยายผลทำให้ทราบว่ากลุ่มขบวนการดังกล่าวเกี่ยวพันกับบุคคลต่างๆ อีก จำนวนหนึ่ง จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติม และต่อมาศาลอาญากรุงเทพใต้ได้อนุมัติหมายจับให้จับกุมบุคคลต่าง ๆ อีก 3 ราย ในความผิดฐาน “ร่วมกันจัดให้มีการเล่นหรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่น ซึ่งมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน, ร่วมกันฟอกเงิน, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน เพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน” ซึ่งปรากฏว่าในกลุ่มดังกล่าวปรากฏว่าเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่รายหนึ่ง ที่เราได้ออกหมายจับ และเข้ารับทราบข้อกล่าวหาแล้วเมื่อค่ำวานนี้ ได้ประกันตัวหรือปล่อยตัวไป ด้วยวงเงินประกันสองแสนบาทถ้วน 

โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเวปพนัน 888Point เป็นเว็บการพนันที่มีขนาดใหญ่ติดอันดับต้นๆ ที่มีคนไทยเข้าเล่น โดยพบว่าเจ้าของเว็บหรือ Eddy ได้เปิดโรงแรมและคาสิโนอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน ต่อมาได้ลักลอบแอบเปิดเว็บพนันออนไลน์ให้บริการกับผีพนันในประเทศ แล้วนำเงินที่ได้ดังกล่าวมาฟอกเงินผ่านทางธุรกิจโรงแรมและการรับเหมาก่อสร้างจำนวนหลายราย มีข้าราชการเข้ามาเกี่ยวพันจำนวนหนึ่ง ซึ่งจากการบุกทลายเครือข่ายของเจ้าหน้าที่ตำรวจเมื่อ 13 ส.ค.65 นั้น ปรากฏว่าพบหลักฐานจากหนึ่งในผู้ต้องหาซึ่งเป็นคนสนิทของ น.ส.กัลยวีร์ สงวนนามสกุล ซึ่งเป็นภริยาของ Eddy และเป็นผู้ควบคุมเครือข่ายเวปพนันดังกล่าว ดูแลธุรกิจในประเทศไทย ตลอดจนเป็นกรรมการบริษัทหลายบริษัทฯ ในเครือ 

พล.ต.ต.ไตรงรงค์ กล่าวอีกว่า ในส่วน น.ส.กัลยวีร์ฯ ปรากฏข้อมูลการสั่งการให้ทำธุรกรรมทางการเงิน และนำเงินมาส่งมอบให้กับตน และภายหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกเข้าจับกุมกลุ่มเครือข่ายปรากฏว่าเช้ารุ่งของวันที่ 14 ส.ค.65 ผู้ต้องหากับพวกรวมสองรายได้ไหวตัวบินหลบหนีออกไปนอกประเทศทันที ทั้งนี้ นอกจากออกหมายจับข้างต้นแล้วเจ้าหน้าที่ยังได้อายัดบัญชีผู้เกี่ยวข้องอีกกว่า 11 บัญชี ยอดเงินกว่า 25 ล้านบาท รวมตลอดปฏิบัติการยึดเงินสดและทรัพย์สินแล้วกว่า 70 ล้านบาท ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการอยู่ระหว่างการสืบสวนติดตามจับกุม รวมถึงดำเนินการสืบสวนขยายผลเพื่อหาบุคคลที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมเพื่อนำตัวมาดำเนินคดีคืบหน้า บิ๊กข้าราชการแดนใต้เข้ามอบตัวกรณีพัวพันเวปออนไลน์ และถูกศาลออกหมายจับในความผิดเกี่ยวกับการพนันออนไลน์ และฟอกเงิน 

วันนี้ 31 ส.ค. 65 เวลา 12.00 น. ที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามข้อเท็จจริงจาก พ.ต.อ.ฤทธิชัย ช่างคำ ผกก.กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.ภ.7 ปฏิบัติหน้าที่ ศป.อส.ตร ฝ่ายสอบสวน (PCTชุด4) เกี่ยวกับกรณีดังกล่าวทราบว่าสืบเนื่องจากกรณี การจับกุมเวปพนันออนไลน์ 888Point เมื่อวันที่ 13 ส.ค.65 ซึ่งมีการจับกุมผู้ต้องหา จำนวน 6 ราย และยึดเงินสดกว่า 35 ล้านบาท และมีการยึดทรัพย์สินตรวจสอบอีก กว่า 10 ล้านบาท รวมทั้งสิ้นมูลค่ากว่า 45 ล้านบาท พื้นที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ

จากการสอบสวนขยายผลทำให้ทราบว่ากลุ่มขบวนการดังกล่าวเกี่ยวพันกับบุคคลต่างๆ อีก จำนวนหนึ่ง จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติม และต่อมาศาลอาญากรุงเทพใต้ได้อนุมัติหมายจับให้จับกุมบุคคลต่าง ๆ อีก 3 ราย ในความผิดฐาน “ร่วมกันจัดให้มีการเล่นหรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่น ซึ่งมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน, ร่วมกันฟอกเงิน, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน เพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน” ซึ่งปรากฏว่าในกลุ่มดังกล่าวปรากฏว่าเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่รายหนึ่ง ที่เราได้ออกหมายจับ และเข้ารับทราบข้อกล่าวหาแล้วเมื่อค่ำวานนี้ ได้ประกันตัวหรือปล่อยตัวไป ด้วยวงเงินประกันสองแสนบาทถ้วน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top