Tuesday, 8 July 2025
Hard News Team

ผบ.ตร. พานิสิตจุฬาฯ โครงการ Special LawLAB 'การสืบสวนสอบสวนยุค 5G' เรียนรู้การใช้อาวุธปืน 'พล.ต.อ.สุวัฒน์ฯ' โชว์ทักษะยิงปืนสุดแม่น

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 5 กันยายน 2565 ที่สนามยิงปืนฝึกยุทธวิธีในอาคาร พร้อมอุปกรณ์ กองบังคับการสายตรวจ และปฏิบัติการพิเศษ (บก.สปพ.) หรือ ตำรวจ 191 กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล และ พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว ผบก.สปพ. นำนิสิตคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในโครงการ Special LawLAB "การสืบสวนสอบสวนยุค 5G"  นำร่องศึกษาเรียนรู้จากประสบการณ์ตรง หรือ Young Lawyers - Police Engagement Pilot Project เข้าฝึกทักษะการใช้อาวุธปืน โดยมีทีมครูฝึกจาก บก.สปพ. ทำการสอนการยิงปืนแบบต่างๆ และให้นิสิตฯ ได้ยิงปืนจริงด้วย ภายใต้การดูแลควบคุมของครูฝึกอย่างใกล้ชิด  

ขณะเดียวกัน พล.ต.อ.สุวัฒน์ฯ ได้นำคณะผู้บริหารคณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ ทดสอบยิงปืน โดย ผบ.ตร.ได้ทดสอบยิงปืนชนิดต่างๆ อาทิ อาวุธปืนกึ่งอัตโนมัติ 9 มม. ปืน Sig MCX 300 black out ทดสอบการยิงแม่นยำ การยิงในสภาวะเเสงน้อย โดย ผบ.ตร.ยิงเข้าเป้าแม่นยำทุกนัด 

พล.ต.อ.สุวัฒน์ฯ กล่าวว่า หลังจากน้องๆ นิสิตฯ ในโครงการได้ทำกิจกรรมเรียนรู้การทำงานของตำรวจมาแล้วเกือบ 1 สัปดาห์ ทั้งงานสอบสวน สืบสวน จราจร ได้เห็นชีวิตจริงของตำรวจแล้ว วันนี้พามาเรียนรู้เรื่องการใช้อาวุธปืน

ชาวบ้านปลื้ม!! ปัญหาถนนเป็นหลุมบ่อถูกแก้ไข หลัง 'ลุงตู่' ลงพื้นที่เยี่ยมชม 'โครงการโคกอีโด่ยวัลเล่ย์' 

เมื่อวานนี้ (4 ก.ย. 65) น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม พร้อมคณะ ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมแหล่งเรียนรู้พลังงานทดแทน 'โครงการโคกอีโด่ยวัลเล่ย์' โรงเรียนศรีแสงธรรม และศูนย์การเรียนรู้ต้นแบบ โคก หนอง นา ที่ วัดป่าศรีแสงธรรม ต.ห้วยยาง อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 15 ต.ค. 2564

ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการในการพัฒนาโครงการดังกล่าว ให้เป็นต้นแบบการพัฒนาชุมชนระดับประเทศ เนื่องจากรับทราบปัญหาความเดือดร้อนเกี่ยวกับเส้นทาง เข้า-ออก พื้นที่โครงการเมื่อฝนตก สภาพถนนจะกลายเป็นโคลน โดยเฉพาะเด็กนักเรียนที่ต้องนำชุดมาเปลี่ยน

จึงสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการแก้ไข โดยก่อสร้างถนนลาดยาง ตั้งแต่ถนนใหญ่ถึงตำบลห้วยยาง ระยะทาง 7.18 กิโลเมตร ทำให้ประชาชนและผู้เยี่ยมชมโครงการจากองค์กรต่างๆ เพื่อส่งต่อองค์ความรู้และแนวทางปฏิบัติไปพัฒนาชุมชน เดินทางสะดวก

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ผลสำเร็จของโครงการ มาจากการลงพื้นที่ตรวจราชการของ พล.อ.ประยุทธ์ ผลักดันให้เกิดการแก้ไขปัญหา สะท้อนความจริงใจในการทำหน้าที่ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน

สำหรับ โครงการโคกอีโด่ยวัลเล่ย์ เป็นโครงการที่น้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎีใหม่ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และพระปฐมบรมราชโองการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการสืบสาน รักษา และต่อยอด ศาสตร์พระราชา และโครงการตามพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มาดำเนินโครงการฯ

โดยเกิดเป็นโครงการพัฒนาแบบร่วมมือกัน ในลักษณะ 'บวร' คือ บ้าน วัด โรงเรียน ราชการ ซึ่งเป็นการสร้างพลังจากท้องถิ่นที่สำคัญในการสร้างความเข้มแข็งจากพื้นที่ รวมทั้งโครงการ โคก หนอง นา นโยบายสำคัญของรัฐบาล ที่สามารถนำไปต่อยอดสู่โมเดลเศรษฐกิจใหม่ (BCG Economy Model) ตามนโยบายของรัฐบาล สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13

'อั๋น ภูวนาท' รีวิวองุ่นที่แพงที่สุดในโลก พวงละ 1.9 แสนบาท บอกต้องแย่งประมูลถึงจะได้กิน ทั้งปีมีแค่ 2,400 พวง

เมื่อไม่นานมานี้ พิธีกรชื่อดังอย่าง อั๋น ภูวนาท ได้อัดคลิปวิดีโอรีวิวองุ่นที่แพงที่สุดในโลก ราคาพวงละ 190,000 บาท และลูกละ 7,700 บาท ซึ่งทั้งปีมีแค่ 2,400 พวงเท่านั้น ต้องแย่งประมูลเท่านั้นถึงจะได้กิน

โดยเจ้าตัวได้เผยว่า “อาสาชิมให้ไม่ต้องเกรงใจ พวงละ 190,000 ลูกละ 7,700 เอง ขอบคุณ @premiumfruit ที่แย่งประมูลมา ทำให้คนไทยมีโอกาสได้ชิม เพราะทั้งปีมีแค่ 2,400 พวงเท่านั้น อร่อยเหาะมันเป็นแบบนี้นี่เอง #เราเป็นคนเรียบๆ #อั๋นจ๋าพอลพีท”

พร้อมเล่าต่อว่า “มาแล้ว ได้แล้ว ปลาบปลื้มที่สุด นี่คือองุ่นที่แพงที่สุดในโลก 1 พวงจะมี 30 ลูกเท่านั้น 1 ปี ออกผลแค่ 3 เดือน พวงนี้ 190,000 บาทครับ ปีก่อนสั่งมาแล้ว ปีนี้สั่งมาอีก อันนี้เป็นองุ่นอิมพอร์ตมาจากจังหวัดอิชิกะวะ ประเทศญี่ปุ่น นี่คือองุ่นที่แพงที่สุดในโลก ชื่อว่า รูบี้ โรมาน (Ruby Roman) ถามว่าแพงแค่ไหนราคาพวงละ 190,000 บาท เป็นสายพันธุ์ที่รัฐบาลสนับสนุน ทั้งปีมีแค่ 2,400 พวง เท่านั้น ผ่านการพัฒนามากว่า 14 ปี”


ที่มา : https://www.amarintv.com/news/detail/146786

'อรรถวิชช์' ถอดรหัสขั้นตอน 'กรณ์' ร่วมงาน 'ชาติพัฒนา' วอน!! รอกระบวนการทางกฎหมาย แล้วจะรู้ว่าไม่มีใครทิ้งใคร

พลันที่ข่าว 'กรณ์ จาติกวณิช' เปิดตัวร่วมทัพทีมเศรษฐกิจกับพรรคชาติพัฒนา ของนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ก็ทำให้เกิดกระแส 'กรณ์ทิ้งพรรค' กระฉ่อน ไปทั่วยุทธภพ แถมยังหอบหิ้วอดีตรองนายกกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ ประธานยุทธศาสตร์ตามไปด้วยให้กระแสสังคมพากันเดือดแบบตามน้ำ

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความสงสัยในท่าทีครั้งนี้ของนายกรณ์ที่คนในพรรคน่าจะรู้สึกเดือดปุดๆ ที่สุดนั้น ด้านเอ๋ - ดร.อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า กลับออกมาย้ำชัดว่า ‘กรณ์’ ไม่ทิ้งเพื่อน ทำตรงไปตรงมา ลาออกจากพรรคกล้าไปสมัครชาติพัฒนา โดยมีอดีตรองนายกกอปร์ศักดิ์ ประธานยุทธศาสตร์ตามไปด้วย แต่กฎหมายปัจจุบันห้ามควบรวมพรรค จึงใช้วิธีตามกฎหมายปกติ 

ถอดถ้อยวลีของเอ๋แล้ว กำลังสะท้อนถึงความสัมพันธ์อย่างยาวนานแบบเชื่อมั่นในพี่ชายคนนี้ ซึ่งเจ้าตัวมักจะบอกกับคนรอบข้างเสมอว่า กรณ์เป็นคนมีความมุ่งมั่น มีความคิดอยากเห็นการเมืองที่ดีขึ้น ขณะที่คนในพรรคกล้าต่างก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน 

ยิ่งไปกว่านั้น ทุกครั้งที่กรณ์จะทำอะไร ก็จะทำอย่างตรงไปตรงมา อย่างกรณีนี้ก็ทำตามกฎหมาย ด้วยการลาออกจากพรรคกล้าและไปสมัครพรรคใหม่ โดยมีท่านอดีตรองนายกรัฐมนตรีและประธานยุทธศาสตร์พรรคกล้าท่านกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ ตามไปด้วยนั้น ก็เป็นเพราะกฎหมายปัจจุบันห้ามควบรวมพรรค จึงใช้วิธีตามกฎหมายปกติ...ซึ่งบรรทัดนี้น่าสนใจ

เพราะขณะเดียวกัน เรื่องของการจะรีแบรนด์ ปรับโครงสร้างต่างๆ ในส่วนของชาติพัฒนา เอ๋ก็มองว่า เป็นส่วนของท่านเทวัญ และท่านสุวัจน์ ลิปตพัลลภ และสมาชิกของพรรคเขา ส่วนตนเองยังสังกัดพรรคกล้า จะไปข้องเกี่ยวไม่ได้ กฎหมายพรรคการเมืองก็ระบุไว้ชัดเจน โดยในส่วนตัวพวกเขา ก็ยังต้องอยู่ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการพรรคกล้า เพื่อจัดประชุมใหญ่พรรคในเดือนนี้ให้แล้วเสร็จ

“ที่ผ่านมา พรรคกล้า เรามุ่งเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาพลังงานน้ำมันแพง ค่าไฟแพง และการแก้ไขปัญหาหนี้สินของประชาชน 13 ล้านบัญชี รวมถึง การเข้าชื่อเสนอกฎหมายร่วมกับภาคประชาชนยกเลิกอำนาจ ส.ว. เลือกนายกฯ ซึ่งคาดว่าจะได้เข้าสู่การพิจารณาของสภาในสัปดาห์นี้แล้ว ต้องรอติดตาม” ดร.อรรถวิชช์ กล่าว

ส่วนที่คาดการณ์ว่านายอรรถวิชช์ และผู้บริหารคนอื่น จะทยอยลาออกและไปสังกัดพรรคชาติพัฒนา แล้วจึงมีการปรับโครงสร้าง ปรับแบรนด์ดิ้งในภายหลังนั้น ดร.อรรถวิชช์ กล่าวสั้นๆ ว่า "วันนี้ตนเองยังรักษาการในตำแหน่งเลขาธิการพรรคกล้า ผมไปแทรกแซงเรื่องพรรคเขาไม่ได้ ผมยังมีงานที่ยังค้างอยู่"

เพจดัง ไขข้อเท็จจริงเวนคืนที่ทำรถไฟความเร็วสูง หลังมีคนปั่นกระแสค้านเวนคืนที่สร้างสถานีโคราช

เพจเฟซบุ๊ก ‘โครงสร้างพื้นฐาน ประเทศไทย Thailand Infrastructure’ ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีมีการปั่นกระแสคัดค้านการเวนคืนที่ดินบริเวณพื้นที่ก่อสร้างสถานีรถไฟฟ้าความเร็วสูง สถานีนครราชสีมา โดยระบุว่า 

ขอบเขตการเวนคืน ที่คุณอาจจะเข้าใจผิด!!!

ขอบเขตการเวนคืน มีไว้เพื่อสำรวจพื้นที่ ก่อนการเวนคืนจริง!!! ไม่ใช่เวนคืนทั้งหมด!!! อย่าพึ่งตีตนไปก่อนไข้!!!

โดยแอดมินเพจ ระว่า บอกตามตรง ว่าผมเห็น Content จากทางโคราช (ขอไม่อ้างถึงเพจ) มาหลายวัน แล้วเหนื่อยใจจากความไม่เข้าใจ (หรือตั้งใจปั่นกระแสคัดค้านก็ไม่ทราบ) 

โดยการเอาภาพแผนผังขอบเขตการเวนคืนเพื่อก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง ทาบกับ ภาพถ่ายดาวเทียม จาก Google Map แล้วมาให้ดูว่ามีการเวนคืนกว้างถึง 800 เมตร 

ซึ่งมีการทาบไปบนพื้นที่ในเขตพื้นที่หนาแน่น ทำให้ประชาชนในพื้นที่มีการตกใจ และทักมาหาผม ถามว่าบ้านเค้าจะโดนเวนคืนมั้ย?? ทำไมต้องเวนคืนมากขนาดนั้น?? และก็ด่าโครงการรถไฟความเร็วสูง มากมาย บางคนลามไปถึงจะเตรียมประท้วงคัดค้านการเวนคืนกันแล้ว

ผมเลยขอมาให้ข้อมูลที่ “แท้จริง” กับทุกคนก่อนว่า อันนี้เป็นแนวเขตเพื่อ “สำรวจ” ไม่ใช่เวนคืนทั้งหมด การที่ต้องออกพื้นที่มามากกว่าการใช้งานจริงๆ เพื่อไม่ต้องให้ขอมติครม. และ ออก พรฏ. บ่อยๆ (ซึ่งออกยากมาก) ดังนั้นต้องทำให้กว้าง เพื่อความสะดวกในการปรับแก้ไข หรือเวนคืนเพิ่มเติมตามความจำเป็นของโครงการ เท่านั้น!!!!

มาดูรายละเอียดพื้นที่สถานีรถไฟความเร็วสูงนครราชสีมา (โคราช) “จริงๆ” ตามแบบกันก่อนครับ

ตำแหน่งสถานีใช้พื้นที่สถานีเดิม และเขตพื้นที่ของการรถไฟเดิม โดยสร้างเป็นสถานี 3 ชั้น

ซึ่งสถานีนครราชสีมา จะมีลักษณะคล้ายกับสถานีบางซื่อรวมรถไฟทั้ง 2 ระบบ คือรถไฟทางไกล และรถไฟความเร็วสูง โดยจะมี 3 ชั้น 

ชั้นที่ 1 โถงพักรอคอย และทางเข้าอาคาร

ชั้นที่ 2 ชั้นจำหน่ายตั๋ว และชานชลารถไฟทางไกล

ชั้นที่ 3 ชานชลารถไฟความเร็วสูง

สถานที่ตั้งสถานีใหม่อยู่บริเวณย่านสถานีรถไฟนครราชสีมาในปัจจุบัน (ขยับไปทางชุมทางถนนจิระประมาณ 160เมตร) และมีการเวนคืนที่ดินเพิ่มเติมเล็กน้อย

ภาพ Render ของสถานีนครราชสีมา
https://www.facebook.com/491766874595130/posts/629142004190949/?d=n

ซึ่งในภาพผมก็ได้เอาผังสถานีที่จะมีการใช้งานจริง รวมถึงการเวนคืน มาให้อ่านแล้วลองพิจารณาดูครับ ว่าเค้าจะเวนคืนเต็ม 800 เมตร ตามเอกสารจริง ๆ มั้ย???

ไปดูแผนผังจริงได้ที่สถานีรถไฟนครราชสีมา (โคราช)

รายละเอียดการเวนคืน ตาม พรฏ. เวนคืน

โดยตาม พรฏ. เวนคืนเล่มนี้ก็ได้เขียนจุดประสงค์ การเวนคืนไว้

มาตราที่ 3 “ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการสร้าง ทางรถไฟ เครื่องประกอบทางรถไฟ ทาง และสิ่งจำเป็นอื่นตามโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาล แห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูง เพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพมหานคร - หนองคาย (ระยะที่ ๑ ช่วงกรุงเทพมหานคร - นครราชสีมา)”

มาตราที่ 6 ให้เริ่มต้นเข้า”สำรวจ” ที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ภายในแนวเขตที่ดิน ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ภายในหกสิบวันนับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ

มาตราที่ 7 ให้การรถไฟแห่งประเทศไทยเป็นเจ้าหน้าที่ในการเวนคืน

หมายเหตุ ท้าย พรฏ. เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็ว แก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค “สมควรกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน”ในท้องที่ดังกล่าว “เพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทาการสำรวจเพื่อให้ทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์” ที่ต้องได้มา โดยแน่ชัด

'บิ๊กป้อม' ลั่น!! รัฐบาลพร้อมดูแลเกษตรกรให้อยู่ดีกินดี อ้อน!! บอกอายุมากแล้ว แต่พยายามทำงานเพื่อปชช.

พล.อ.ประวิตร ติดตามสถานการณ์น้ำ-ปาล์มน้ำมัน ชี้รัฐบาลพร้อมดูแลเกษตรกรให้อยู่ดีกินดี ย้ำใช้ใจบันดาลแรง เพื่อมีกำลังใจช่วยให้ประชาชนอยู่ดีกินดีและมีความสุข อ้อนบอกอายุมากแล้ว แต่พยายามทำงานเพื่อปชช.

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ประชุมติดตามสถานการณ์น้ำ การคาดการณ์ และการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ภาคใต้ โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่กล่าวต้อนรับ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) นำเสนอสถานการณ์น้ำในพื้นที่ภาคใต้ ขณะที่ กรมชลประทานนำเสนอแผนการดำเนินการโครงการระบบส่งน้ำพร้อมอาคารประกอบอ่างเก็บน้ำคลองแห้ง ต.กระบี่น้อย อ.เมือง โดยสรุปภาพรวม ปริมาณฝน จ.กระบี่ สูงกว่าปี 64 ร้อยละ 8 ขณะที่เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) นำเสนอแผนดำเนินการโครงการพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร พื้นที่ดำเนินการ ส.ป.ก.จังหวัดกระบี่ บ้านสองแพร่ง หมู่ที่ 9 บ้านหว่างคลองไทย หมู่ที่ 10 ต.กระบี่น้อย อ.เมืองขณะที่รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ นำเสนอสถานการณ์ปาล์มน้ำมันในพื้นที่ 

ทั้งนี้ภายหลังการประชุมพล.อ.ประวิตร ได้เยี่ยมชมนิทรรศการสินค้าพื้นบ้าน พร้อมอุดหนุนผลิตภัณฑ์สินค้าพื้นบ้าน และเซ็นชื่อบนเรือหัวโทงจำลอง บ้ายเกาะกลาง จ.กระบี่ เพื่อเป็นที่ระลึกอีกด้วย 

จากนั้น พล.อ.ประวิตร พบปะกับเกษตรกรชาวสวนปาล์ม โดยมีตัวแทนชาวสวนปาล์มชูป้ายให้กำลังใจ ข้อความว่า "ลุงป้อมสู้ สู้" และ "อสร.กระบี่รักลุงป้อม" โดยพล.อ.ประวิตร กล่าวว่า วันนี้ตนลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำและปาล์มน้ำมัน ตั้งใจมาพบพี่น้องชาวสวนปาล์ม เพื่อรับฟังปัญหา ความเดือดร้อนด้วยตัวเอง เมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ชาวสวนปาล์มหลายจังหวัดในภาคใต้มาพบตนที่ทำเนียบรัฐบาล ในฐานะตนเป็นประธานคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมัน (กนป.) ที่ทำต่อเนื่องมา 8 ปี มีความห่วงใยชาวสวนปาล์มอย่างมาก ได้พยายามลดต้นทุน ทำราคาให้ดีขึ้น ออกมาตรการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ ปีนี้มีผลงานออกมาชัดเจน และได้ไปขอบคุณตน อย่างไรก็ตามต้องไม่ให้มีผู้บริโภคเดือดร้อน

'ทิพานัน' เตือน อย่าแลก 'คนละครึ่งเฟส 5' เป็นเงินสด ชี้!! ระบบตรวจสอบได้หมด แถมมีโทษหนักถึงขั้นติดคุก

เมื่อวันที่ 5 ก.ย. 65 น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่รัฐบาล เปิดให้ประชาชนลงทะเบียนโครงการคนละครึ่ง เฟส 5 ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา พบว่าระหว่างวันที่ 1-4 ก.ย. มีผู้ใช้สิทธิสะสม 14.24 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 5,885.1 ล้านบาท แบ่งเป็นส่วนที่ประชาชนจ่ายสะสม 2,981.8 ล้านบาท และรัฐร่วมจ่ายสะสม 2,903.3 ล้านบาท 

ทั้งนี้รัฐบาลได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังและติดตามตรวจสอบอย่างใกลชิด ไม่ให้เกิดการทำธุรกรรมและพฤติกรรมที่ผิดปกติ หรือมีการใช้จ่ายที่ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขโครงการ เพื่อป้องกันปัญหาการทุจริต ให้เกิดความโปร่งใสและเป็นธรรม แต่พบว่ามีกลุ่มบุคคลที่ใช้วิธีการเดิม คือการแลกสิทธิจากโครงการคนละครึ่งเป็นเงินสด โดยพบว่ามีรายงานการโฆษณาในช่องทางทวิตเตอร์ ช่องทางกลุ่มเฟซบุ๊ก เชิญชวนให้ผู้สนใจนำสิทธิมาแลกรับเป็นเงินสด โดยจะมีการหักค่าหัวคิว ในอัตรา 20-40 บาท จึงขอเตือนพี่น้องประชาชนและร้านค้าอย่าแลกสิทธิเด็ดขาด เพราะระบบตรวจสอบย้อนหลังได้ทั้งหมด และที่สำคัญการแลกวงเงินสิทธิเป็นเงินสด ถือเป็นการกระทำที่ทุจริตผิดกฎหมาย เข้าข่ายความผิดฐาน 'ฉ้อโกง' เพราะมีเจตนาหลอกลวงผู้อื่น ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ ปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งโดยทุจริต ทำให้ได้ประโยชน์ทางทรัพย์สินไปจากผู้ถูกหลอกคือรัฐ มีโทษจำคุกถึง 3 ปี ปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 341

“รัฐบาลใช้ระบบตรวจจับและตรวจสอบการโอนที่ผิดปกติของเงินคนละครึ่ง เพื่อป้องกันและมีมาตรการลงโทษแน่นอน ทั้งนี้รัฐบาลมีความมุ่งมั่นในการบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน และฟื้นฟูเศรษฐกิจ จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์เพื่อความโปร่งใสและตรวจสอบได้ อย่างซื่อสัตย์สุจริต ฉะนั้น จึงขอให้พี่น้องประชาชนและร้านค้าระมัดระวัง ไม่เช่นนั้นอาจได้ไม่คุ้มเสีย” น.ส.ทิพานัน กล่าว

'อุ๊งอิ๊ง' นำทัพ 'เพื่อไทย' ลุยถิ่น 'โทนี่' 9-11 ก.ย. นี้ เปิดไฮไลท์นโยบายเกษตร พาประเทศออกจากวิกฤต

เพื่อไทย โหมอีเวนต์ 'สะบัดชัย เพื่อไทยมาเหนือ' ด้าน ‘อุ๊งอิ๊ง’ หอบคณะลุยเชียงใหม่ 9 – 11 ก.ย. เปิดนโยบายเกษตร รอฟังไฮไลท์หมัดเด็ด พาประเทศออกจากวิกฤต

(5 ก.ย. 2565) ที่พรรคเพื่อไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย แถลงว่า กิจกรรมครอบครัวเพื่อไทย ตอน 'สะบัดชัย เพื่อไทยมาเหนือ' ในวันที่ 9-11 กันยายน ที่จังหวัดเชียงใหม่ จะเป็นครั้งแรกที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย จะลงพื้นที่ไปปฏิบัติภารกิจทางการเมืองที่จังหวัดเชียงใหม่ ถือเป็นบ้านเกิดของครอบครัวชินวัตร ดังนั้นจึงมีการจัดรูปแบบ เนื้อหาและเวลาสำหรับแกนนำพรรคเพื่อไทยและครอบครัวเพื่อไทย นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทยและผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วย ส.ส.และสมาชิกพรรค ได้ลงพื้นที่พบปะพูดคุยสื่อสารความคิด นโยบายและนำเสนอแนวทางแก้ไขปัญหากับพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดเชียงใหม่อย่างเต็มที่

โดยวันที่ 9 ก.ย. แกนนำพรรคเพื่อไทยและแกนนำครอบครัวเพื่อไทย จะพบปะพูดคุยรับฟังปัญหาจากพี่น้องเกษตร จะได้มีโอกาสนำเสนอแนวทางและนโยบายในการแก้ปัญหาควบคู่กันไป ช่วงบ่าย จะมีการพบปะนักธุรกิจสตาร์ทอัพและเอสเอ็มอี ที่มีแนวคิดและแนวทางในการพัฒนา ขับเคลื่อนธุรกิจให้มีศักยภาพ ให้เข้มแข็ง โดยการหนุนเสริมของรัฐที่ชัดเจน หลังจากนั้นคณะแกนนำพรรคเพื่อไทยและแกนนำครอบครัวเพื่อไทยจะร่วมกันลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชน พ่อค้า แม่ค้า บริเวณกาดหลวง ซึ่งเป็นสถานที่เชิงสัญลักษณ์ในทางธุรกิจและการท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งขณะนี้พี่น้องประชาชนกำลังประสบปัญหาเศรษฐกิจซบเซา กระทบการประกอบธุรกิจ

ส่วนวันที่ 10 ก.ย.จะมีเวทีครอบครัวเพื่อไทย สะบัดชัย เพื่อไทยมาเหนือ ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ จังหวัดเชียงใหม่ โดยแกนนำพรรคและแกนนำครอบครัวเพื่อไทย ที่จะขึ้นเวทีพูดคุยกับพี่น้องประชาชน นำโดย นพ.ชลน่าน น.ส.แพทองธาร นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.พะเยาและประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ส.ส.เชียงใหม่ และรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย รวมไปถึงตนที่จะได้พูดคุยกับพี่น้องประชาชนด้วย นอกจากนี้จะมีสมาชิกพรรค สมาชิกครอบครัวเพื่อไทย และผู้บริหารท้องถิ่น ที่จะมาร่วมแสดงพลังว่าเรามีศักยภาพและมีความพร้อมในการแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชน

“ไฮไลต์สำคัญของเวที คือ การประกาศแนวนโยบายด้านการเกษตร แนวทางการแก้ปัญหาให้พี่น้องเกษตรกร โดยนางสาวแพทองธาร ภายใต้แนวคิดตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ รวมทั้งจะมีขบวนกลองสะบัดชัย เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภาคเหนือ นำโดย นพ.ชลน่าน จะถือธงนำแสดงพลัง แสดงความพร้อมของพรรคเพื่อไทย ซึ่งจะมีการถ่ายทอดสดทุกแพลตฟอร์มออนไลน์ของพรรคเพื่อไทย ให้พี่น้องประชาชนทั่วประเทศได้รับชม” นายณัฐวุฒิ ระบุ

สำหรับช่วงบ่ายวันที่ 10 กันยายน คณะครอบครัวเพื่อไทย จะลงพื้นที่เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยใหม่เอี่ยม เพื่อพบปะพูดคุยกับนักธุรกิจและนักวิชาการศิลปะร่วมสมัย ในประเด็นการปลดล็อกศักยภาพเศรษฐกิจสร้างสรรค์ด้วยนโยบายที่สร้างสรรค์ ซึ่งพรรคเพื่อไทยมีแนวคิดในการดึงศักยภาพของคนในแต่ละครอบครัวมาพัฒนาส่งเสริม เพื่อทำให้แต่ละครอบครัวมีตัวแทนที่มีศักยภาพใช้ซอร์ฟเพาเวอร์ ในการยกระดับความเข้มแข็งด้านเศรษฐกิจของครัวเรือน ซึ่งจะส่งผลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ แล้วในช่วงเย็นก็จะมีกิจกรรมลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนที่ตลาดสันกำแพง

งานประชุมวิชาการประจำปี 2565 ฝ่ายการพยาบาลโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์สภากาชาดไทย

ท่ามกลางสังคมในยุคของการเปลี่ยนแปลงของประชากร การใช้เทคโนโลยีการสื่อสารอย่างไร้พรมแดน ตลอดจนสถานการณ์ของโรคระบาด covid-19 และโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เป็นปัญหาที่ไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดลงเมื่อไร ทำให้ทุกองค์กร ทุกวิชาชีพ ต่างต้องปรับตัวเพื่อการอยู่รอด เพื่อความมั่นคง และเกิดความยั่งยืน จำเป็นต้องมีการพัฒนาให้เกิด  Digital transformation ทั้งด้านการบริหาร การบริการ การศึกษา และการสร้างสรรค์นวตกรรมใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชน ฝ่ายการพยาบาล โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ได้ตระหนักเห็นถึงปัญหาดังกล่าว ที่มีความสำคัญและท้าทายสำหรับพยาบาลในปัจจุบันและอนาคต

จึงได้จัดประชุมวิชาการพยาบาล ประจำปี 2565 หัวข้อ NURSING IN THE DIGITAL EDGE ในวันที่ 30 – 31 สิงหาคม พ.ศ. 2565 เพื่อให้ผู้เข้าร่วมการประชุมได้พัฒนาสมรรถนะด้านเทคโนโลยีและสารสนเทศ และ ทักษะการดูแลผู้ป่วยโดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับบริการการพยาบาลที่มีมาตรฐานสูง เข้าถึงบริการได้อย่างทั่วถึงรวดเร็ว ถูกต้อง และปลอดภัย รูปแบบการประชุมเป็นการบรรยายและการอภิปราย โดยคณาจารย์ผู้เชี่ยวชาญ ผู้ทรงคุณวุฒิจากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์และ สถาบันต่าง ๆ ผ่านระบบ Hybrid Meeting

โดยมีผู้สนใจเข้าร่วมประชุมเป็นพยาบาลวิชาชีพทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน ทั่วประเทศ จำนวน 554 คน เป็นพยาบาลที่ประชุม on site จำนวน 433 คน และแบบ on line จำนวน 121 คน ในระยะเวลาการประชุมทั้ง 2 วัน ผู้เข้าประชุมได้รับองค์ความรู้อย่างมากมายทั้ง หัวข้อ Digital transformation ทั้งในระดับ Healthcare system and nursing service , PDPA for healthcare , Metaverse hospital sharing ,Digital in continuing professional development and lifelong learner ทั้งหมดนี้จะส่งเสริมให้พยาบาลมีองค์ความรู้ด้าน High Technology แต่ศาสตร์ทางการพยาบาลที่ทุกคนไม่ควรลืมและละทิ้งโดยเด็ดขาดคือ High Touch

จึงนำมาเป็นหัวข้อสุดท้ายในการประชุมวิการพยาบาลครั้งนี้ ถึงแม้การประชุมจะเสร็จสิ้นไปแล้วก็ตาม แต่จากข้อเสนอแนะของผู้เข้าร่วมประชุม จะเป็นแรงผลักดันให้ฝ่ายการพยาบาล โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์สภากาชาดไทย จะไม่สิ้นสุดในการพัฒนาคุณภาพบริการพยาบาลที่เป็นต้นแบบ และยินดีที่จะนำเสนอ แบ่งปันองค์ความรู้ดังกล่าวให้แก่พยาบาลทั่วประเทศ ทั้งนี้เพื่อให้สมกับคำว่า นักรบชุดขาว ที่ปวารณาตัวจะต่อสู้และผ่าฟันต่อการเปลี่ยนแปลงและสถานการณ์ที่เลวร้ายต่างๆ สามารถนำศาสตร์และศิลป์ทั้งด้าน High Touch และ High Technology มาให้การพยาบาล เพื่อให้ประชาชนทุกคน มี สุขภาวะที่ดี อย่างยั่งยืนตลอดไป

‘บิ๊กป้อม’ ไม่ปรับครม.หลัง ‘นิพนธ์’ ไขก๊อก รอการตัดสิน!! หาก ‘บิ๊กตู่’ อยู่ต่อให้มาทำเอง

‘บิ๊กป้อม’ ย้ำ ไม่สามารถปรับครม.ได้ ต้องรอให้การตัดสินออกมาก่อน หากบิ๊กตู่อยู่ต่อ ให้นายกฯมาทำเอง

5 กันยายน 2565 ที่ศาลากลางจังหวัดกระบี่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังประชุมติดตามสถานการณ์น้ำ การคาดการณ์ และการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ภาคใต้ จังหวัดกระบี่ ถึงกรณีนายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่ง เพื่อต่อสู้คดีไม่เบิกจ่ายเงินค่ารถอเนกประสงค์ซ่อมบำรุงทาง 2 คัน วงเงินรวม 50 ล้านบาท ให้แก่บริษัท พลวิศว์เทค พลัส จำกัด เมื่อปี 2556 สมัยดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.) สงขลา ว่า “เดี๋ยวดูก่อน ผมเป็นนายกรัฐมนตรีรักษาการ ไม่สามารถปรับครม.ได้ ต้องรอให้การตัดสินออกมาก่อน หากนายกฯ อยู่ต่อ นายกฯก็จะมาทำเอง”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top