Wednesday, 9 July 2025
Hard News Team

'เพื่อไทย' รับฟังชาติพันธุ์ม้งถูกไล่รื้อที่ ย้ำ!! นโยบายตระหนักสิทธิ์ทำกิน ส่งเสริมคนอยู่กับป่า สิทธิต้องถูกพิสูจน์ กฎหมายต้องเป็นธรรม

พรรคเพื่อไทย นำโดย นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย นายจักรพงษ์ แสงมณี กรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย และ ดร.ประเสริฐ พัฒนผลไพบูลย์ ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการนโยบายพรรคเพื่อไทย รับฟังเรื่องร้องทุกข์จากตัวแทนกลุ่มชาติพันธุ์ม้ง อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ และอำเภอภูทับเบิก จังหวัดเพชรบูรณ์ ถูกกล่าวหาว่าเป็นนายทุน ไล่รื้อที่ทำกิน ดำเนินคดีโดยไม่เปิดโอกาสให้พิสูจน์สิทธิ์ที่มีกฎหมายคุ้มครองอยู่

ดร.จำเนียร โฉมงาม ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการการปกครองสภาผู้แทนราษฎรและที่ปรึกษากฎหมายกลุ่มชาวเขาม้งภูกล่าวว่า ปัจจุบันประชาชนมากกว่า 10 ล้านคน กำลังถูกบังคับใช้กฎหมายอย่างไม่เป็นธรรมจากที่ดินทำกินที่ชาวบ้านได้อยู่อาศัยและใช้ประโยชน์มาตลอด และอยู่มาก่อนการเป็นที่ดินของรัฐ กลุ่มชาวเขาได้ต่อสู้มาอย่างยาวนาน แต่กลับถูกเลือกปฏิบัติ และละเมิดความชอบธรรมอันพึงมีพึงได้ ยืนยันว่ากลุ่มชาติพันธุ์ที่มาวันนี้ เป็นคนที่อยู่ ก่อนประกาศเป็นเขตป่า แต่กลับถูกตีความว่าบุกรุกป่า  

พ่อหลวงสุรินทร์ นทีไพรวัลย์ ผู้ใหญ่บ้านหนองหอย ม่อนแจ่ม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวเสริมว่า การมาหาพรรคเพื่อไทยวันนี้เพราะเชื่อในการพูดจริงและทำสำเร็จได้จริง พรรคเพื่อไทยจึงเป็นความหวังและทางรอดของกลุ่มชาติพันธุ์ที่ประสบปัญหาถูกไร่รื้อที่ดินทำกินมายาวนานเกือบ 10 ปี เราไม่อยากได้นโยบายแจกเงิน แต่เราอยากได้นโยบายที่เป็นประโยชน์ ส่งเสริมการทำมาหากิน ให้พวกเรากลุ่มชาติพันธุ์ดำรงชีวิตเลี้ยงดูช่วยเหลือตัวเองได้

'สมาคมศิษย์เก่าราชภัฏธนบุรี' จัดแข่งขันโบว์ลิ่งการกุศล ชิงถ้วยเกียรติยศหารายได้เพื่อสนับสนุนด้านการศึกษา

สมาคมศิษย์เก่า ม.ราชภัฏธนบุรี จัดแถลงข่าวการแข่งขันโบว์ลิ่งการกุศล ชิงถ้วยเกียรติยศ เพื่อหารายได้สนับสนุนด้านการศึกษา รวมถึงกิจกรรมเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมของนักศึกษา ม.ราชภัฏธนบุรี โดยมีการจัดแถลงข่าวภายในห้องประชุมเฉลิมพระเกียรติ อาคาร 2 ชั้น 8 มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี กรุงเทพฯ 

โดยมี ผศ.ดร.ยุวลักษณ์ เวชวิทยาขลัง อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี เป็นประธานในการเปิดการแถลงข่าว พร้อมด้วย นายมนตรี นาคลดา นายกสมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี ประธานจัดการแข่งขันโบว์ลิ่งการกุศล พร้อมทั้งได้กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการจัดการแข่งขันโบว์ลิ่งการกุศลในครั้งนี้

นอกจากนี้ยังได้รับเกียรติจาก ดร.พิรุฬห์ พิหเคนทร์  ที่ปรึกษาสมาคมศิษย์เก่า มรธ. ดร.คณพศ นิจสิริภัช ประธานคณะกรรมการส่งเสริมกิจการของ มรธ. ดร.วิชัย ปิยวรรณวงศ์ อดีตที่ปรึกษาประธานรัฐสภา นายอุทัย พิมพ์ใจชน และผศ.ดร.ขจรพงศ์ คำดี ที่ปรึกษาสมาคมศิษย์เก่า มรธ.ร่วมแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน

ยกความเดือดร้อนปชช. เป็นที่ตั้ง ภารกิจสำคัญ ‘น้ำท่วม’ ต้องร่วมกันแก้ไข

3ป - 2ช - 1ว ยังไงก็ไปทางเดียวกัน !!ร่วมแรง ร่วมกัน แก้น้ำท่วม !!

เพจศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรี หรือ PMOC ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอ ประมวลภาพการทำงานของรัฐบาลร่วมกับกรุงเทพมหานครในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม โดยในคลิปดังกล่าวมีความคิดเห็นของบุคคลหลากหลายสาขาอาชีพในช่วงสถานการณ์น้ำท่วม รวมถึงประมวลภาพภารกิจการลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำและการช่วยเหลือประชาชนของ 3 ป. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รมว.กลาโหม และพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย รวมถึง นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) และนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมข้อความ “ยังไงก็ไปทางเดียวกัน ร่วมแรง ร่วมกัน แก้น้ำท่วม”

นับเป็นนิมิตหมายที่ดีของคนกรุงเทพมหานคร หลังได้เห็นความร่วมมือกับแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน จากรัฐบาลกลาง และกรุงเทพมหานคร ไร้ภาพความแตกแยก แต่ประสานมือร่วมคลี่คลายปัญหาไปด้วยกัน 

อย่างที่ทราบกันดีว่า ในช่วง 2 – 3 วันที่ผ่านมา ฝนกระหน่ำเมืองกรุง จนเกิดภาพน้ำท่วมขัง ระบายไม่ทัน สร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในโซนกรุงเทพตะวันออก อย่างเขตลาดกระบัง

เป็นเหตุให้เกิดวิวาทะกันอย่างหนักในโซเชียลมีเดีย ระหว่างกองเชียร์ ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และฝั่งที่มีความคิดเห็นตรงข้าม กับข้อกล่าวหาที่ว่า ทำงานไม่เป็น ก็ไม่ควรอาสามาทำหน้าที่ผู้ว่าฯ แม้แต่ส.ส.เขตลาดกระบัง พรรคเพื่อไทย ที่เคยอยู่ฝั่งเดียวกันอย่าง นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ถึงกับทนไม่ไหว ออกมาบ่นดัง ๆ ผ่านออนไลน์ ว่า ไม่เคยได้รับการช่วยเหลือ ขออะไรไปก็ไม่ได้รับการตอบสนอง

เหตุการณ์เช่นนี้ ยิ่งตอกย้ำภาพความแตกแยก แต่ทว่าภาพแห่งความหวังของคนกรุงเริ่มปรากฏสัญญาณบวก เมื่อนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.)ได้มอบเครื่องเครื่องสูบน้ำขนาดหน้าตัด 30 นิ้ว จำนวน 6 เครื่อง ที่ระดมมาจากทั่วทุกภาคของประเทศ โดย 1 เครื่องจะติดตั้งที่ถนนศรีนครินทร์ เขตบางนา อีก 4 เครื่อง อยู่ที่สถานีสูบน้ำพระโขนง ส่วนอีก 1 เครื่อง จะมาในวันที่ 19 กันยายนนี้ 

โดยเป็นการตอบรับทันที ที่ผู้ว่าฯชัชชาติ ร้องขอมา โดยไม่มีอิดออด มิหนำซ้ำยังแสดงความยินดีและขอบคุณที่ได้ให้โอกาสกรมทรัพยากรน้ำ ได้มีส่วนร่วมในการช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่กรุงเทพฯ 

ไม่เพียงแต่นายวราวุธ เท่านั้นที่ลงมาช่วยบรรเทาความเดือดร้อนน้ำท่วมครั้งนี้ แต่กลุ่มพี่น้อง 3 ป. ทั้งพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี, พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

แม้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีชั่วคราว แต่ก็มิได้นิ่งนอนใจต่อความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนชาวกทม. ในฐานะรมว.กลาโหม ได้สั่งการให้หน่วยทหาร ออกช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนทุกพื้นที่ ดังภาพที่ปรากฏให้เห็นอย่างต่อเนื่อง ทั้งทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ และหน่วยทหารจิตอาสา ที่ระดมกำลังช่วยเก็บขยะ กำจัดวัชพืช ขุดลอกคูคลอง, ขุดลอกท่อ, นำรถทหารออกบริการประชาชนที่เดินทางไม่สะดวกในเส้นทางที่มีน้ำท่วมขัง เป็นต้น 

ขณะที่ พล.อ.อนุพงษ์ ได้ลงพื้นที่ติดตามตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของสำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร ด้วยตัวเอง บริเวณสะพานคลองทับยาว เขตลาดกระบัง ซึ่งเป็นจุดที่มีปัญหาด้านการระบายน้ำ และทันทีที่ผู้ว่าฯชัชชาติ รายงานสถานการณ์ว่า “ลาดกระบังหนักสุดครับ ฝนตกลงมาเยอะมากครับท่าน 2 เท่าของค่าเฉลี่ย” พลันที่ได้ยินเช่นนั้น พล.อ.อนุพงษ์ ตอบกลับทันทีว่า “ท่านผู้ว่าฯ จะเอาอะไรบอกผมได้เลย” 

พร้อมย้ำว่า รัฐบาลและกทม.ทำงานใกล้กันอยู่แล้ว ต้องการอะไรที่จะให้สนับสนุน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือหรือบุคลากรบอกได้ตลอด

ทางด้านพี่ใหญ่ ‘บิ๊กป้อม’ พล.อ.ประวิตร หลายฝ่ายชื่นชมว่า ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรีได้อย่างเหมาะสม เริ่มตั้งแต่การต่อสายตรงหาผู้ว่าฯชัชชาติ เพื่อหารือถึงการรับมือปัญหาน้ำท่วม โดยระบุว่า “มีอะไรให้ช่วยขอให้บอก” 

ล่าสุด เมื่อวันที่ 14 ก.ย. ที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร ยังควงผู้ว่าฯชัชชาติ ลงพื้นที่ มีนบุรี หนองจอก ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม ด้วยตัวเองอีกด้วย

'ตำรวจไซเบอร์' ขยายผลทลายเครือข่ายคดีหลอกลงทุน Turtle Farm จับกุมผู้ต้องหาเพิ่มเติม ตรวจยึดของกลางกว่า 100 ล้านบาท

ตามนโยบายของรัฐบาล โดย ฯพณฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในทุกรูปแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการชักชวนหลอกลวงให้ลงทุนออนไลน์ ซึ่งที่ผ่านมาพบว่าเป็นภัยออนไลน์ที่ได้สร้างความเสียหายมากที่สุดเป็นอันดับ 1 หรือคิดเป็นประมาณ 1 ใน 3 ของมูลค่าความเสียหายจากการถูกหลอกลวงทั้งหมด 

วันนี้ (15 ก.ย. 65) เวลา 11.00 น. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร., พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดย พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ชูฉัตร ธารีฉัตร รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.มนเทียร พันธ์อิ่ม รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.รณชัย จินดามุข ผบก.สอท.1, พล.ต.ต.ออมสิน ตรารุ่งเรือง ผบก.สอท.3, นายปิยะ ศรีวิกะ ผู้อำนวยการกองคดี 2 สำนักงาน ปปง. และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงข่าวกรณีการขยายผลทลายเครือข่ายหลอกลงทุน Turtle Farm จับกุมผู้ต้องหา และตรวจยึดของกลางเป็นจำนวนมาก มีรายละเอียดดังนี้

ตามที่เมื่อวันที่ (5 ส.ค. 65) กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้แถลงผลการทลายเครือข่ายหลอกลงทุน Turtle Farm จับกุมผู้ต้องหาที่ได้หลอกลวงชักชวนประชาชนให้ร่วมลงทุนปลูกเห็ด กัญชา พืชกระท่อม เลี้ยงผึ้ง ฯลฯ โฆษณาผ่านแพลตฟอร์มสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ โดยอ้างว่าผู้ที่เข้าร่วมลงทุนจะได้ผลตอบแทนเป็นจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง ต่อมาผู้ต้องหากับพวกอ้างเหตุขัดข้องต่างๆ ไม่สามารถจ่ายผลตอบแทนให้กับผู้เสียหายได้ ผู้เสียหายจึงแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ต้องหาตามกฎหมาย จากนั้นพนักงานสอบสวนปากคำผู้เสียหาย และรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขออนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหา จำนวน 9 ราย 

ผลการปฏิบัติสามารถทำการจับกุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับได้ 4 ราย อยู่ระหว่างหลบหนี 5 ราย และสามารถอายัดเงินในบัญชีธนาคารที่เกี่ยวข้องกว่า 72 บัญชี อายัดเงิน ได้กว่า 17.5 ล้านบาท นั้น ต่อมาในระหว่างเดือน ส.ค.65 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.สอท. สามารถทำการจับกุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับ ได้เพิ่มเติมอีก 2 ราย รวมจับกุมผู้ต้องหาได้ 6 ราย อยู่ระหว่างหลบหนี 3 ราย 

กระทั่งจากการสืบสวนขยายผลพบว่า บริษัท พี เอ็น ดิจิทัล มาเก็ตติ้ง ออนไลน์ จำกัด มีความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับบริษัท ไมน์นิ่งมายน์ เอ็กซ์ จำกัด และ หจก. สถานีหลักสี่ ของกลุ่มผู้ต้องหา โดยถูกว่าจ้างให้ทำการโฆษณา สร้างภาพลักษณ์ สร้างความน่าเชื่อถือ หลอกลวงประชาชนให้มาร่วมลงทุน โดยได้รับเงินจากกลุ่มผู้ต้องหากว่า 72 ครั้ง รวมเป็นเงิน 134 ล้านบาท พงส. จึงได้ยื่นคำร้องต่อศาลอาญามีนบุรีขออนุมัติศาลออกหมายค้นสถานที่เกี่ยวข้อง จำนวน 2 จุด คือ 
1. บ้านแห่งหนึ่งในพื้นที่ แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ ตรวจยึดของกลาง 57 รายการ เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์, สมุดบัญชีธนาคาร, บัตรกดเงินอิเล็กทรอนิกส์, เครื่องประดับทองคำ, นาฬิกา, โฉนดที่ดิน และเงินสด จำนวน 10.6 ล้านบาท
2. บ้านแห่งหนึ่งในพื้นที่ แขวงคลองสามวา เขตสามวาตะวันตก กรุงเทพฯ ตรวจยึดของกลาง ตู้นิรภัยบรรจุเงินสด จำนวน 88 ล้านบาท รถยนต์ ยี่ห้อ ปอร์เช่ (Porsche) สีส้ม รุ่น Boxster PDK 1 คัน

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับกรมธนารักษ์ จัดทำโครงการบ้านพักสวัสดิการแก่ข้าราชการตำรวจและลูกจ้างประจำในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อแก้ไขปัญหาขาดแคลนที่พักอาศัย

วันที่ (15 ก.ย. 65) เวลา 10.00 น. ณ ห้องศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ. สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการบ้านพักสวัสดิการเพื่อข้าราชการตำรวจและลูกจ้างประจำในสังกัด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับกรมธนารักษ์ กระทรงการคลัง โดยมีนายประภาศ คงเอียด อธิบดีกรมธนารักษ์เป็นผู้แทนลงนามฯ ทั้งนี้ มีผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมธนารักษ์ร่วมในพิธีฯ

สำหรับพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ตามที่ พล.ต.อ. สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข 
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาการขาดแคลนที่พักอาศัยของข้าราชการตำรวจ และลูกจ้างประจำในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งมีจำนวนไม่เพียงพอ และในกรณีของข้าราชการตำรวจ ที่เกษียณอายุราชการไปแล้ว ก็ประสบปัญหาไม่มีที่พักอาศัยเนื่องจากต้องคืนบ้านพักราชการ 

ตำรวจท่องเที่ยวร่วมตามหาคนเยอรมันหาย

วันนี้ (15 ก.ย.65) เวลา 10.00 น. พล.ต.ท. สุคุณ พรหมายน ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.อภิชาติ สุริบุญญา โฆษกกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวแจ้งต่อสื่อมวลชนว่า ตามที่ได้มีข่าวแพร่กระจายใน social media หลาย platforms กรณีขอให้สังคมช่วยกันตามหาคนเยอรมันสูญหายชื่อ Mr Tim Pössel ซึ่งเดินทางมาประเทศไทยเมื่อวันที่ 16 ส.ค.65 และติดต่อครอบครัวครั้งสุดท้ายวันที่ 20 ส.ค. 65 จากนั้นได้หายตัวไปโดยไม่สามารถติดต่อได้อีกนั้น 

ทางกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวได้รับทราบกรณีดังกล่าวตามที่แพร่กระจายใน social media แล้วจากการประสานงานของ Police TV ซึ่งตำรวจท่องเที่ยวขอถือโอกาสนี้ขอบคุณทาง Police TV ไว้ ณ ที่นี้ และได้ร่วมเป็นอีกแรงหนึ่งที่ช่วยตรวจสอบและตามหาบุคคลสูญหายรายนี้ด้วย 

โดยการดำเนินการนั้น ได้ประสานกับกงสุลสถานทูตเยอรมันีประจำประเทศไทยเพื่อรับทราบข้อมูลเพื่อที่จะทำงานบูรณาการไปด้วยกัน จากนั้นได้สั่งการไปยังสถานีตำรวจท่องเที่ยวทั่วประเทศให้เร่งสืบหาโดยด่วน รวมทั้งหาข้อมูลการเข้าออกเมืองโดยประสานงานกับสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองด้วย นอกจากนี้ยังติดต่อไปยังเพจต้นทางที่ลงเรื่องนี้ และกำลังพยายามติดต่อกับครอบครัวของผู้สูญหายอยู่ 

โดยเมื่อเย็นวันที่ (14 ก.ย. 65) ก็ได้รับแจ้งข้อมูลว่า Mr Tim Pössel ได้เดินทางออกจากประเทศไทยไปแล้วเมื่อวันที่ (5 ก.ย. 65) โดยผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นจุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 4 

สำหรับข้อมูลทั่วไปที่เปิดเผยได้นั้น Mr Tim Pössel มีชื่อเต็มว่า Timothy  Benjamin Pösel เป็นนักท่องเที่ยวชาวเยอรมัน มีการเข้าออกประเทศไทยหลายครั้ง โดยเข้าครั้งล่าสุดในวันที่ 16 ส.ค.65  และเดินทางประเทศไทยไปล่าสุดวันที่ 5 ก.ย.65 ตามที่ได้กล่าวไป ซึ่งตำรวจท่องเที่ยวขอถือโอกาสนี้แจ้งสื่อมวลชนเพื่อขอความร่วมมือแจ้งไปยัง social media ทุก platforms ต่อกรณีดังกล่าวนี้ด้วย และจะหาทางติดต่อครอบครัวของ Mr Tim Posel ให้ทราบความคืบหน้าต่อไป 

พล.ต.ต. อภิชาติฯ โฆษกกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวได้กล่าวขอบคุณ Police TV ที่ได้แจ้งเรื่องนี้มาให้ทราบ และขอขอบคุณสื่อใน social media ทุก platforms ที่ได้ช่วยกันทำหน้าที่เจ้าภาพที่ดีในครั้งนี้ โดยเมื่อสังคมและประชาชนช่วยกันเป็นหูเป็นตาแล้ว ตำรวจก็สามารถทำงานได้ง่ายขึ้น นี่คือบรรยากาศที่ทุกประเทศที่พัฒนาแล้วต้องการอย่างยิ่ง นั่นคือ ความร่วมมือและความเป็นหุ้นส่วนกันระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน โดยหากความร่วมมือในลักษณะนี้เข้มแข็งแล้ว สังคมก็จะปลอดภัย และการท่องเที่ยวก็จะมีความมั่นคง ซึ่งจะทำให้เพิ่มความสามารถในการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวให้กับประเทศไทยได้อย่างดี นอกจากนี้ยังกล่าวอีกว่า นี่คือการใช้เทคโนโลยีในทางที่สร้างสรรค์และเป็นประโยชน์ต่อสังคมโลกเป็นอย่างย่ิง ตำรวจท่องเที่ยวพร้อมเสมอที่จะรับใช้สังคมและประชาชน และดูแลความปลอดภัยคุ้มครองนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างประเทศทุกคนที่เดินทางมาเที่ยวประเทศไทย

จับกุมแพลตฟอร์มไดมอนด์ล็อตเตอรี่ หลอกลวงขายสลากทิพย์เกินราคา

จากกรณี พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ร่วมกับ พ.ท.หนุน ศันสนาคม ผอ.สนง.สลากกินแบ่งรัฐบาล นำทีมเจ้าหน้าที่ตำรวจ และ จนท.กองสลากฯ เปิดปฏิบัติการตรวจสอบ สืบสวน และดำเนินคดีกับบริษัทหรือผู้ประกอบการที่มีพฤติกรรมในการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลผ่านระบบแพลตฟอร์มของตนเองทางออนไลน์ในราคาสูงกว่าที่กฎหมายกำหนด หรือมีพฤติกรรมนำสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ตนเองไม่มีอยู่จริง (สลากทิพย์) มาจำหน่ายให้กับประชาชน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมดำเนินคดีกับผู้บริหารหรือเจ้าของบริษัทที่มีพฤติกรรมดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่องจำนวนหลายราย มีทั้งบุคคลที่มีชื่อเสียง ดารานักแสดง ตามที่สื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียนำเสนอแล้ว นั้น ต่อมา เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า มีกลุ่มบุคคลหรือแพลตฟอร์มใช้ชื่อว่า “ไดมอนด์ล็อตเตอรี่” มีพฤติการณ์ในการจำหน่ายสลากเกินราคา และนำเอาภาพสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ไม่มีอยู่จริงมาจำหน่ายแก่ประชาชน  มีการนำโลโก้ของแพลทฟอร์มของตนเองมาปกปิดบาร์โค้ด และอัตลักษณ์ประจำของตัวสลากกินแบ่งรัฐบาล พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ฯ จึงได้สั่งการให้พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 , พล.ต.ต.ปรีดา อิ่มเจริญ ผบก.ศฝร.ภ.7,พล.ต.ต.วันชัย ธารณธรรม ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ และพ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย รอง ผบก.สส.ภ.4 พร้อมชุดปฏิบัติการปราบปรามฯ ร่วมกับ นายทวีป วุฒิบาทุกาจิตต์ รอง ผอ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เร่งทำการสืบสวน ตรวจสอบโดยเร่งด่วน

​จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่า แพลตฟอร์ม “ไดมอนด์ล็อตเตอรี่” มีนายวิชัย กุนโรมจันทร์ อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 17/4 หมู่ 8 ต.ช้างแรก อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นเจ้าของแพลทฟอร์ม มีพฤติกรรมในการนำเอาภาพสลากกินแบ่งรัฐบาลมาจำหน่ายภายในแพลตฟอร์มของตนเอง ผ่านระบบแอปพลิเคชั่น Line Official (OA) โดยจะนำโลโก้ของแพลทฟอร์มของตนเองมาปกปิดบาร์โค้ด และอัตลักษณ์ประจำของสลาก นำมาจำหน่ายในราคาฉบับละ 100 บาท และเมื่อมีผู้สั่งซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลใบที่ต้องการ ก็จะไม่มีสลากตัวจริงมอบให้กับผู้ซื้อ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังได้ตรวจพบว่า ภาพสลากที่ถูกจำหน่ายนี้มีบางฉบับมีการเสนอจำหน่ายอยู่ในอีกแพลตฟอร์มหนึ่ง โดยที่แพลตฟอร์มนั้นมีสลากกินแบ่งตัวจริงให้กับผู้ซื้อ พฤติการณ์ดังกล่าวจึงเข้าข่ายการหลอกลวงจำหน่ายสลากกินแบ่งให้กับประชาชนโดยไม่มีสลากจริง

​ต่อมาเมื่อวันที่ 14 ก.ย. 65 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการฯ สามารถจับกุม นายวิชัยฯ ผู้ต้องหา ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันลักลอบจัดให้มีการเล่นการพนันสลากกินรวบโดยเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้ พนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาต  ร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ดำเนินคดีตามกฎหมาย

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ฯ กล่าวว่า การดำเนินคดีกับผู้ค้าสลากในคราวนี้ เจ้าหน้าที่ตรวจพบการกระทำผิดในลักษณะที่มีการนำเอาภาพสลากกินแบ่งนำมาเสนอขายเกินราคาในแพลตฟอร์มของตัวเอง อีกทั้งยังเป็นภาพสลากที่ถูกปิดบังบาร์โค้ดเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกตรวจสอบ ซึ่งเป็นการส่อเจตนาทุจริต และหลังจากการตรวจสอบเพิ่มเติมของเจ้าหน้าที่ สามารถยืนยันได้ว่า เป็นสลากที่มีการเสนอขายในแพลตฟอร์มอื่นอยู่แล้ว จึงต้องสั่งการให้มีการดำเนินคดีโดยเร่งด่วน เพื่อมิให้มีประชาชนตกเป็นเหยื่อและหลงเชื่อกลลวงเช่นนี้อีก และจะยังมีการตรวจสอบแพลตฟอร์มที่มีพฤติการณ์ลักษณะนี้เพื่อนำมาดำเนินคดีอย่างต่อเนื่องต่อไป

WHO เผย 'โควิด-19' ใกล้ถึงจุดสิ้นสุดแล้ว ย้ำ!! อย่าการ์ดตก - ควรฉีดวัคซีนกลุ่มเสี่ยง 100%

(15 ก.ย. 65) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า องค์การอนามัยโลกระบุว่า ทั่วโลกไม่เคยเข้าใกล้จุดสิ้นสุดของโรคโควิด-19 เท่านี้มาก่อน ซึ่งถือเป็นการส่งสัญญาณเชิงบวกครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดการระบาดของโรคโควิดมายาวนานหลายปี จนทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 6 ล้านคนทั่วโลก

ดร. ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการขององค์การอนามัยโลก กล่าวในงานแถลงข่าวผ่านระบบออนไลน์เมื่อวันพุธตามเวลาในสวิตเซอร์แลนด์ว่า ตอนนี้การระบาดของโรคโควิดยังไม่จบสิ้น แต่เริ่มมองเห็นจุดจบของโรคโควิดแล้ว ทั่วโลกยังคงจำเป็นต้องร่วมมือกันเพื่อคว้าโอกาสในครั้งนี้ไว้ เฉกเช่นนักวิ่งมาราธอนที่ไม่หยุดวิ่งแม้มองเห็นเส้นชัยที่ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ แต่จะวิ่งให้เร็วขึ้นด้วยพลังทั้งหมดที่มีอยู่ ทั่วโลกก็ไม่ควรการ์ดตกแม้มองเห็นจุดจบของโรคโควิดที่ใกล้เข้ามา เพราะหากเป็นเช่นนั้น สถานการณ์ระบาดก็จะย่ำแย่ลง

รัฐบาลประยุทธ์ ยกระดับ ‘บัตรทองพรีเมียม’ ขึ้นแท่นเบอร์ 1 คุณภาพระบบสุขภาพอาเซียน

‘ทิพานัน’ ชี้รัฐบาล ‘พล.อ.ประยุทธ์’ ยกระดับ ‘บัตรทองพรีเมียม’ ลดเหลื่อมล้ำ สะดวก รวดเร็วมีคุณภาพ  เพิ่มสิทธิรักษาโรคร้ายฟรี  ย้ายสิทธิก็ง่าย  เพิ่มบริการครอบคลุมทุกกลุ่ม เป็นอันดับ 1 ของอาเซียน ระบบสุขภาพที่มีคุณภาพ

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพประชาชน และการเข้าถึงบริการภาครัฐของพี่น้องประชาชนทุกกลุ่มอย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ ได้มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขทำการพัฒนา บัตรทอง หรือบัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้า ให้เป็น ‘บัตรทองพรีเมี่ยม’ เพื่อเพิ่มสิทธิประโยชน์ เพิ่มคุณภาพและบริการ โดยผู้ถือบัตรทองสามารถเข้ารับการรักษาได้ทุกที่ในโรงพยาบาลรัฐที่เป็นโรงพยาบาลปฐมภูมิทั่วประเทศ นอนโรงพยาบาลโดยไม่ต้องมีใบส่งตัว  นโยบายเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติมีสิทธิทุกที่ ผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต ได้รับการคุ้มครองสิทธิในการเข้าถึงบริการอย่างปลอดภัย ไม่มีเงื่อนไขในการเรียกเก็บค่ารักษาพยาบาล ภายใน 72 ชั่วโมง หรือพ้นภาวะวิกฤติ เพื่อไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำในการรักษาพยาบาล สามารถเปลี่ยนสิทธิรักษามีผลทันทีไม่ต้องรอ 15 วัน  ผ่านแอปพลิเคชันของ สปสช. หรือสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด สะดวกสบาย ประหยัดทั้งค่าใช้จ่ายและเวลาการเดินทางไปรักษา  

น.ส.ทิพานัน กล่าวต่อว่า ผู้มีสิทธิบัตรทองใน ช่วง รัฐบาล พลเอกประยุทธ์  หลายท่านยังไม่ทราบว่า มีการเพิ่มสิทธิการรักษาและการดูแลด้านสาธารณสุขเพิ่มขึ้นมาก เช่น ได้รับสิทธิในการรักษาโรคร้าย โดยผู้ป่วยมะเร็งสามารถเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเฉพาะทาง และรักษามะเร็งได้ในโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุขทุกที่ ได้รับสิทธิฟอกไตฟรี รักษาโควิดฟรี เพิ่มบริการสำหรับแม่และเด็ก เช่น การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก การเพิ่มวัคซีน HPV ป้องกันมะเร็งปากมดลูก คัดกรองภาวะ Down Syndrome ในหญิงตั้งครรภ์ (อายุไม่เกิน 35 ปี) ผ่าตัดฝังประสาทหูเทียมสำหรับเด็กหูหนวก และการให้บริการแว่นตาเด็ก

พ่อแม่ชาวจีน ฟ้องศาลขอค่าเลี้ยงดูจากลูก 5 แสนหยวน ทั้งที่ทอดทิ้งไปตั้งแต่ 2 ขวบ - ไม่เคยส่งเสียเลี้ยงดู

พ่อแม่จีนยื่นฟ้องศาลบังคับให้ลูกสาวที่ตัวเองทอดทิ้งไปตั้งแต่เด็ก ๆ จ่าย 'ค่าอุปการะเลี้ยงดูบิดามารดา' เป็นเงิน 500,000 หยวน หลังจากเธอปฏิเสธที่จะออกเงิน 'ซื้ออพาร์ตเมนต์' ให้น้องชาย

หญิงสาวแซ่ 'จาง' วัย 29 ปี ซึ่งอาศัยอยู่ที่เมืองกว่างโจว ถูกพ่อแม่ทอดทิ้งตั้งแต่อายุ 2 ขวบ เนื่องจากไม่มีเงินเลี้ยง และได้รับการอุปการะโดยคุณป้าของเธอซึ่งเธอเคารพรักเสมือนแม่แท้ ๆ ในขณะที่พ่อแม่ตัวจริงแทบไม่เคยติดต่อหาเธอเลย

แต่เมื่อไม่นานมานี้ จาง ได้ใช้เงินเก็บของเธอซื้ออพาร์ตเมนต์ให้ลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่ง และเมื่อพอพ่อแม่ของเธอทราบข่าว พวกเขาก็รีบปรากฏตัวทันที และเรียกร้องให้เธอซื้ออพาร์ตเมนต์ให้ 'น้องชาย' แท้ ๆ ด้วยอีกคน

เมื่อ จาง ปฏิเสธ พ่อแม่ที่ไม่เคยเลี้ยงดูเธอก็โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง และไปยื่นฟ้องต่อศาลเพื่อบังคับให้เธอจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูบิดามารดาเป็นเงิน 500,000 หยวน หรือประมาณ 2.6 ล้านบาท


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top