Friday, 11 July 2025
Hard News Team

22 กันยายน พ.ศ. 2431 เปิดใช้รถรางครั้งแรกใน ‘สยาม’ปฏิวัติการเดินทางคนบางกอกสมัย ร.5

รถรางกรุงเทพ เป็นระบบรถรางในกรุงเทพมหานครเปิดให้บริการระหว่าง พ.ศ. 2431–2511 โดยถือเป็นประเทศแรกในทวีปเอเชียที่ใช้ระบบรถราง และถือเป็นประเทศแรกในโลกที่ใช้กำลังไฟฟ้าในการเดินรถอีกด้วย

ถนนสายแรกของประเทศไทย คือ ถนนเจริญกรุงที่เริ่มสร้างเมื่อ พ.ศ. 2404 และเปิดให้ใช้สัญจรตั้งแต่วันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2407 พื้นของถนนใช้เพียงอิฐเรียงตะแคงทำให้เกิดความชำรุดอย่างรวดเร็ว ไม่สะดวกแก่รถม้า รถเจ๊ก และแม้แต่คนเดินเท้า ด้วยเหตุนี้ ชาวเดนมาร์กที่มีนามว่า จอห์น ลอฟตัส ได้ขออนุญาตต่อรัฐบาลทำสัมปทานการรถรางขึ้น เมื่อ พ.ศ. 2430 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชานุญาตให้นายจอห์น ดำเนินการได้ พิธีเปิดเดินรถรางเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2431

โดยใช้ม้าลากไปตามราง โดยเป็นกิจการรถรางลากจูงด้วยม้าถึง 8 ตัว มีเส้นทางวิ่งระหว่างพระบรมมหาราชวัง บริเวณศาลหลักเมืองไปตามถนนเจริญกรุง ปลายทางอยู่ที่อู่ฝรั่งหรือบางกอกด๊อก (Bangkok Dock) หรือบริษัทอู่กรุงเทพ ยานนาวาในปัจจุบัน และในปีต่อมาก็ได้ขยายเส้นทางไปถึงถนนตก แต่ดำเนินกิจการได้ไม่นานก็โอนกิจการให้บริษัท บางกอก แทรมเวย์ คอมปะนี ลิมิเต็ด ภายหลังในปี พ.ศ. 2435 กิจการก็ถูกขายต่อให้กับบริษัทสัญชาติเดนมาร์ก (ไม่ทราบชื่อ) อีก โดยบริษัทหลังนี้ได้หยุดกิจการชั่วคราว เพื่อเปลี่ยนไปใช้ระบบขับเคลื่อนด้วยกระแสไฟฟ้าแทน โดยตกลงเช่ากระแสไฟฟ้าจากบริษัท อิเลคทริค ซิตี้ คอมปะนี ลิมิเต็ด

'มาดามแป้ง' ตั้ง 'ชนาธิป' กัปตันช้างศึกลุยคิงส์คัพ 'ธีราทร' เป็นรองกัปตัน

'มาดามแป้ง' นวลพรรณ ล่ำซำ ผู้จัดการทีมชาติไทย เผยทำการปรึกษาหารือกับ มาโน โพลกิ้ง กุนซือใหญ่ เป็นที่เรียบร้อย ก่อนประกาศแต่งตั้ง ชนาธิป สรงกระสินธ์ แนวรุกคนสำคัญ เป็นกัปตันทีม ชุดสู้ศึกชิงถ้วยพระราชทาน คิงส์คัพ ครั้งที่ 48 ระหว่างวันที่ 22-25 กันยายน 2565 ที่ จ.เชียงใหม่

ดาวเตะจากคาวาซากิ ฟรอนทาเล เพิ่งเป็นกัปตันทีม นำทัพช้างศึก คว้าแชมป์อาเซียน สมัยที่ 6 ที่ประเทศสิงคโปร์ ก่อนที่ล่าสุดจะถูกรับเลือกเป็นกัปตันทีมต่อเนื่อง ในคิงส์คัพ ครั้งที่ 48 โดยมี ธีราทร บุญมาทัน ทำหน้าที่รองกัปตันทีม

'สุริยะ' ยันชาวไร่อ้อยเตรียมรับเงินตัดอ้อยสด อัตรา 120 บาท/ตัน พ.ย.นี้ หวังช่วยลดฝุ่น PM 2.5

ครม. อนุมัติ 8,319.74 ล้านบาท โครงการช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดเพื่อลดฝุ่น PM 2.5 ฤดูการผลิตปี 2564/65 คาดจ่ายเงินช่วยเหลือได้ภายในเดือนพฤศจิกายน 2565"

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า จากมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2565 เห็นชอบโครงการช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดเพื่อลดฝุ่น PM 2.5 ฤดูการผลิตปี 2564/65 โดยมีนโยบายช่วยเหลือชาวไร่อ้อยทุกรายที่ตัดอ้อยสดคุณภาพดีส่งโรงงานเท่านั้น ในอัตรา 120 บาทต่อตัน เช่นเดียวกับฤดูการผลิตปี 2563/64 ซึ่งมีเกษตรกรชาวไร่อ้อยที่ตัดอ้อยสดส่งโรงงานเพื่อผลิตน้ำตาลทราย ผลิตเอทานอล และผลิตน้ำตาลทรายแดงได้ประโยชน์รวมกว่า 200,000 ราย คาดว่าจะสามารถเริ่มจ่ายเงินช่วยเหลือภายในเดือนพฤศจิกายน 2565 โครงการช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดดังกล่าว เป็นอีกหนึ่งโครงการที่เกิดขึ้นตามนโยบายแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ของรัฐบาล

พี่มาร์ก รั้งอันดับ 20 ในบรรดามหาเศรษฐีโลก หลังทุ่มงบพัฒนา Meta จนเงินหายไปมหาศาล

มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก เจ้าของแพลตฟอร์ม Meta หรือ Facebook ที่ทุกคนคุ้นเคย ได้ตกอันดับจากมหาเศรษฐีระดับโลก สาเหตุหลักมาเพราะการลงทุนในการสร้างโลกเมตาเวิร์สไปด้วยเม็ดเงินกว่า 71 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ภายหลังการแข่งขันทางเทคโนโลยี รวมถึงแพลตฟอร์มใหม่ๆ ที่ต้องพัฒนาออกมาเพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ และดึงดูดผู้ใช้งานอย่างต่อเนื่อง ได้ทำให้มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก กระโดดเข้ามาทุ่มทุนเพื่อสร้างโลกเมตาเวิร์สอย่างเต็มที่แบบมอบทั้งเวลาและเงินลงทุน

แต่กลับกันการลงทุนครั้งใหญ่นี้ ได้ทำให้ มาร์ก ตกอันดับจากมหาเศรษฐีระดับโลกแบบน่าตกใจ โดยทรัพย์สินของเขาได้ลดลงถึง 71 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ โดยตอนนี้ทรัพย์สินของเขาเหลือมูลค่าสุทธิ 55.9 พันล้านดอลลาร์ หล่นไปอยู่ในอันดับที่ 20 จากทำเนียบมหาเศรษฐีระดับโลก ซึ่งนับเป็นอันดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2014 

เมื่อไม่ถึง 2 ปีที่แล้ว ซักเคอร์เบิร์ก วัย 38 ปี มีมูลค่าทรัพย์สิน 106 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และอยู่ในลำดับต้นๆ มหาเศรษฐีระดับโลก แถมความร่ำรวยของเขายังเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดที่ 142 พันล้านดอลลาร์ในเดือนกันยายน 2564 

‘ณวัฒน์’ ช้ำ!! หวังดัน ‘อิงฟ้า’ ดังแบบ ‘ลิซ่า’ แต่เอาไม่อยู่เพราะญาติ ด้านแม่โร่ขอโทษแทน

ผิดหวัง! ยึด ‘ลิซ่า’ ต้นแบบ ‘อิงฟ้า’ กะดันให้ดังเป็นซุปตาร์ ตปท. แต่เอาไม่อยู่เพราะญาติ จวกเละระบบเงินบริจาค

‘ณวัฒน์’ เปิดใจ ยึด ‘ลิซ่า’ ต้นแบบ กะปั้น ‘อิงฟ้า’ ให้สุด ดังไกลถึงต่างประเทศ แต่ตอนนี้ผิดหวัง หลังญาติโผล่มาเดือนเดียวเป็นเจ้าชีวิต แต่ยืนยันไม่ปลดจากมิสแกรนด์ ลั่น!! องค์กรมิสแกรนด์ไม่เกี่ยวข้องกับระบบเงินบริจาคอิงฟ้า ไม่ต้องดูถูกเรื่องรวย เพราะรวยอยู่แล้ว เงิน 5 ล้านหาได้วันเดียว ฟากแม่โพสต์ วอนขอ ‘ณวัฒน์’ อภัยให้ลูก

เป็นประเด็นที่หลายคนสนใจอยู่ไม่น้อย ว่าเกิดอะไรขึ้น บอสมิสแกรนด์อย่าง ‘ณวัฒน์ อิสรไกรศีล’ ถึงหัวร้อน ออกมาแหก ‘อิงฟ้า วราหะ’ มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2022 แรง ทำเอาสาวอิงฟ้าไลฟ์น้ำตาท่วมจอ โดยณวัฒน์ ได้เปิดความในใจหมดเปลือกกลางไลฟ์ของตัวเอง ยันถึงอย่างไรก็ไม่ปลดอิงฟ้าแน่นอน เพราะใจจริงอยากดันให้สุด ถึงขั้นโด่งดังไปต่างประเทศ แต่ตอนนี้กลับต้องพบกับความผิดหวัง ดังนี้...

หลาย ๆ คนอาจจะไม่ค่อยสบายใจหลายๆ เรื่อง ผมก็ไม่สบายใจ อุปสรรคที่เกิดขึ้นย่อมเป็นเรื่องปกติ ผมเป็นคนชัดเจน จะไม่ปล่อยปัญหาไปเรื่อยๆ และเป็นปัญหาเรื้อรัง มีอะไรก็ตัดไฟตั้งแต่ต้นลม

เป็นเหตุผลที่ทำให้หลายคนคิดไปต่างๆ นานา เรื่องจะปลดยืนยันไม่มีปลด ไม่คิดจะปลด เดินหน้าทำงานเป็นตัวแทนประเทศต่อไป คุณภาพและการแข่งขันจะจบลงที่ใดก็ขึ้นอยู่กับคู่ต่อสู้และคุณภาพที่เอาไปเปรียบเทียบกันคนอื่นได้

ผมไม่มีอคติในการตัดสิน ทุกคนรู้ว่าผมเป็นคนนิสัยอย่างไร เพราะฉะนั้นตัวแทนประเทศไทยจะไปถึงตรงไหน จะไปถึงมง ถึงรอง ถึงรอบไหน หรือตกรอบ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับผม มันขึ้นอยู่กับตัวเขา

ทุกคนอย่าซีเรียสว่าจะมงไหม จะตกรอบไหน อย่าคิดขนาดนั้น ก็ซัปพอร์ตกันต่อไป หรือถ้าหลายคนคิดว่าติดก็คิดว่าเชียร์เวทีคนไทยนะ จะได้มีความสุขต่อไป ปัญหาหลังบ้านเราก็จะแก้ไขต่อไปให้ดีที่สุด

ส่วนเรื่องของน้อง วันนี้น้องโทร.มาแล้ว แต่คุยกันแต่นิดเดียว เพราะผมไม่สะดวกที่จะคุยมาก เพราะอยากจะคุยโดยที่มีบอสของบริษัทเข้าประชุมพร้อมกันกับน้อง ผมไม่ได้รับผิดชอบคนเดียว ต้องไปคุยวันที่ 22 นัดไว้ตอนบ่ายโมง”

>> ณวัฒน์ เผยจุดเริ่มต้นความโกรธ คนใกล้ชิดไปหลอกแฟนคลับ จวกอย่าตีค่าความรักด้อมเป็นระบบบริจาค

มันเป็นเรื่องของการปรับการใช้ชีวิต จริงๆ ผมไม่ได้ตั้งใจไลฟ์ แต่ว่านักข่าวโทร.หาเยอะ มันมีลับลวงพรางเยอะ ตัวผมเวลาถูกด่าบนทวิตเตอร์มันไม่ถูกต้อง เลยทำให้ต้องมาอธิบายในที่สาธารณะ ผมเลยต้องมาอธิบาย

เมื่อผมเห็นข้อมูลไม่จริง ผมจะไม่โอเค นั่นคือจุดเริ่มต้นจากซัน (คนดูแลอิงฟ้า) ที่มาบอกว่าซ้อมหนักมาก เมื่อวานกับวันนี้ มันไม่ใช่ นั่นคือจุดเริ่มต้นของความโกรธ คำพูดของเขาเอาเปรียบคนอื่นทั้งหมด

วันอาทิตย์ที่ 18 ซันบอกว่าซ้อมเดิน ผมทนไม่ได้ ผมรู้ว่าไม่ได้ซ้อมหรอก แต่วันที่ 18 น้องไม่ได้อยู่ประเทศไทยแล้วตั้งแต่ 8 โมงเช้า แล้วซันจะมาบอกว่าซ้อมเดินอยู่ดาดฟ้ากับใคร ทำไมคุณหลอกแฟนคลับ

กลายเป็นว่าบริษัทต้องมารองรับ น้ำท่วมปาก นั่นคือจุดเริ่มต้น พอผมระเบิดก็กลายเป็นว่าผมถูกด่าเละเทะ เลยต้องมาอธิบาย คนอะไรจะถอดวิญญาณไปซ้อม ตัวอยู่อีกที เป็นไปไม่ได้

ด้อมคิดว่าอยู่เหรอ อย่าคิดว่าคนในด้อมเป็นคนโง่สิ ต้องให้เกียรติคน ผมทนไม่ได้เหมือนกัน เมื่อวานก็พูดไปแล้ว ระบบบริจาค อย่าตีค่าความรักให้เป็นเงินทอง

คนที่โอนมากก็จะมีทักทาย คนที่โอนน้อยก็ทักน้อย คนที่ไม่โอนหรือโอนน้อยก็กลายเป็นว่าเขาจะรักฉันไหม ก็ไม่แฟร์ ผมมีหน้าที่สร้างศิลปิน สร้างองค์กรให้เป็นความสุขของคนไทย แต่ไม่ต้องการให้คนไทยเดือดร้อน

บางคนค่าแรงแค่ 300 500 เขาจะต้องเจียดมาโอนเงินเพื่ออะไร แล้วโอนเข้าบัญชีใคร แล้วเจ้าของบัญชีคนนั้นแจกแจงได้ดีพอไหม เพราะเงินที่โอนไม่ใช่หลักหมื่น หลักแสน หลักล้าน ไม่รู้จะเท่าไหร่ล้าน

พอเรียกไปท้วงก็มีปัญหา ไปพูดในด้อมให้คนเกลียดบริษัทคืออะไร คนในด้อมต้องเข้าใจนะครับว่าที่ทำทั้งหมดเพราะปกป้อง อิงฟ้า วราหะ ผมจะไม่ให้คนสิ้นคิดพาอิงฟ้าไปให้เกิดคดีมากขึ้น และสุ่มเสี่ยงมากขึ้น

คนที่โอนเคยขอตามดูไหมว่าใช้เงินไปกับค่าอะไรบ้าง ผมไม่ได้กล่าวหานะครับว่าใช้เงินกันแบบไหน แต่ผมแค่ได้รับข้อมูลจากบางคนที่มาอินบ็อกซ์หรือโทรมาที่บริษัท น้อยอกน้อยใจและถามว่าออกมาจากด้อม ไม่ยุติธรรมโอนเงินแล้วไม่เคยได้ของ ผมไม่รู้ และบริษัทไม่รับผิดชอบ เพราะไม่ใช่ธุรกิจของบริษัท เพราะฉะนั้นผมขอยืนยันผ่านตรงนี้ก่อนที่บริษัทจะออกประกาศ

บริษัทไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ ทั้งสิ้น กับวิธีการบริจาคทั้งวันทั้งคืนแบบนี้ ไม่ว่าจะจุดประสงค์ดีหรือไม่ดีก็แล้ว ผมไม่ได้ว่าผิดหรือถูก แต่จะบอกว่าบริษัทมิสแกรนด์ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจธุรกรรมแบบนี้

คนที่ออกจากด้อมก็ออกมาร้องโวยวาย บางคนโอน 50 บางคน 100 มันเป็นความเสน่หา ไม่มีใครผิด คุณก็ทำกันได้ แต่ทำแล้วอย่ามาโวยวาย มีปัญหาผิดหวังหรือสงสัยอย่าโทษบริษัท ห้ามโทษเพราะไม่ได้เกี่ยวข้อง

บริษัทเราเป็นบริษัทมหาชน ไม่เคยมีอะไรที่แอบแฝง อันนั้นคือส่วนหนึ่ง เพราะฉะนั้นจึงมีการตักเตือนกันไป ซึ่งมันอันตรายมาก และมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เรื่องที่พูดมันขว้างงูไม่พ้นคอ

>> ณวัฒน์ เตรียมขอสเตทเมนต์ให้ชี้แจง ซัดแรงคนนามสกุลเดียวกับอิงฟ้า

เร็วๆ นี้ต้องขอสเตทเมนต์ของทั้งคู่ เพื่อเอามาแจ้ง ซึ่งช่วยไม่ได้ คนเราทำอะไรมันต้องคิดยาวๆ คนที่ไม่เกี่ยวกับนามสกุลวราหะไม่เป็นไร แต่คนที่เกี่ยวคืออันตราย เวลาพูดอะไรเราใช้ความรู้ กฎหมาย และสติ

เราไม่ได้ใช้ความพึงพอใจส่วนตัว เพราะความพึงพอใจส่วนตัวทำให้คนต้องขึ้นศาลนับครั้งไม่ถ้วน บางทีผมออกมาขวางอะไรก็ถูกด่าตลอด อย่ามาตั้งข้อสงสัยกับบริษัท ว่าเงินเป็นล้านๆ ต่อด้อมอยู่ไหน เพราะผมไม่รู้ ผมไม่เกี่ยว

และห้ามเอาเครดิต หรือรูปอิงฟ้าในงานมิสแกรนด์ไปให้คนโอนเงิน ผมไม่รู้จะทำไง มันเกี่ยวกับผมแต่ขอเก็บไว้เป็นหลักฐาน แต่ถ้าคุณจะให้กันด้วยความเสน่หามันไม่ผิด เจอน้องอยากซื้อโรแล็กซ์ก็ชูให้ อยากซื้อขนมปังก็เอาไปให้ ไม่มีใครว่า

แต่ทุกคนเริ่มแย้งว่าทำไมจะต้องโอนเงินเข้าบัญชีคนนี้คนเดียว ผมก็ไม่อยากสุ่มเสี่ยงกันขนาดนั้น ถ้าสรรพกรเช็กจะทำไง เป็นเรื่องของคุณนะ ไม่เกี่ยวกับผม อันนี้พูดไว้ก่อน”

>> ณวัฒน์ ชี้ ผิดที่กันคนอันตรายออกจากอิงฟ้าไม่ได้

คนที่ว่าผมกลับไปคิดใหม่ว่าผมหวังดีกับน้องขนาดไหน ผมคิดว่าผมเลือกคนไม่ผิด แต่ผมก็รู้สึกผิดที่กันน้องออกจากคนอันตรายไม่ได้ ผมกันน้องจากคนหิวไม่ได้ ผมกันน้องจากคนที่จะมาเกาะแกะไม่ได้ก็เท่านั้นเอง

ที่ผมรู้สึกโกรธและไม่พอใจ เหมือนคนที่เราดูแลแล้วอยู่ๆ ไปเลย ไปฟังใครแล้วไปแนวนั้น ผมก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็แค่นั้นเอง เป็นเรื่องเล็กๆ

มันไม่มีเรื่องอะไรที่เข้าใจผิดหรอก มันเป็นเรื่องชัดเจน คนเราต้องรู้กาลเทศะ น้องจะบอกว่าเข้าใจผิดไม่ได้ เวลานี้ต้องทำอะไร คุณต้องรู้”

>> ณวัฒน์ ติงคำว่าเหนื่อยใครๆ ก็พูดได้ แต่ไม่ใช่เหนื่อยแล้วไปต่างประเทศได้ มันไม่แฟร์

คำว่าเหนื่อย ใครๆ ก็พูดได้ แต่ถ้าจะให้หายเหนื่อยต้องทำยังไง ถ้าจะให้หายเหนื่อยก็นอนพักผ่อน ดื่มน้ำเยอะๆ หาอาหารอร่อยทาน ออกไปทำผม ทำผิว นวดหน้า แล้วกลับมานอนก็หายเหนื่อย

แต่ถ้าเหนื่อยแล้วยังออกไปข้างนอกจนดึกดื่น บอกว่าเหนื่อยแล้วยังต้องเดินทางไกลไปถึงต่างประเทศ ไปกันเยอะ ไปกันแบบนั้น มันไม่ใช่การพักผ่อนให้หายเหนื่อย อันนี้มันไม่แฟร์ พอพูดว่าเหนื่อยทุกครั้ง ผมก็โดนทุกครั้ง บริษัทก็โดน ใช้งานมาก บอกว่าบริษัทยากจน พอมาเจออิงฟ้าก็ตักตวง มันไม่ใช่

คำว่าเหนื่อยมันเป็นแค่คำ เป็นปัญหาให้กับเรา เอาจริงๆ คือเที่ยว ก็เท่านั้นเอง แมนๆ อยากเที่ยวบอกคำเดียวจบ ผมกับอิงฟ้าไม่ได้มีปัญหากัน ลึกๆ ผมรู้ แต่ตอนนี้อิงฟ้าฟังคนรอบข้างเยอะเกิน”

>> ณวัฒน์ ซัดคนรอบข้างสุดอันตราย น้อยใจอีกฝ่ายเห็นดีเห็นงามกับญาติข้างตัวมากเกินไป

คนรอบข้างที่อันตรายต่อความคิด ไม่เหมือน 3 เดือนแรก ยิ่งหนักขึ้นทุกวันตั้งแต่ผมสั่งห้ามเรื่องการโอนเงิน นั่นคือคนรอบตัว ที่พูดทุกวันผมอยากให้อิงฟ้าเป็นอิงฟ้าคนเดิม ไม่ใช่อิงฟ้าที่ถูกเป่าแบบนี้ และไม่ได้ถูกสูบแสงแบบนี้

ผมพูดตรงๆ ผมไม่โกรธอิงฟ้า แต่ผมรู้สึกน้อยใจและผิดหวังที่เราเป็นบังเกอร์และดันจนเต็มความสามารถ แต่เราเอาไม่อยู่เพราะญาติข้างตัวอยากให้ไปเห็นดีเห็นงามกับสิ่งที่คนอื่นมาลากไป

การลงทุนมิสแกรนด์ใช้เงิน 50 ล้านตั้งแต่เริ่มต้นจนจบ ปั้นมา 1 คนดัง ได้เงินเยอะไหม บอกตรงๆ ก็ได้ในสัดส่วนพอสมควรไม่ปิดบัง ตอนนี้ได้มา 10 กว่าล้านที่เป็นส่วนแบ่ง น้อยกว่าน้อง”

>> ณวัฒน์ ย้ำ อย่ามาดูถูกเรื่องรวย เงิน 5 ล้านหาได้วันเดียว
“ผมซื้อรถเงินสดให้น้องใช้ 1 คันประมาณ 4 ล้าน จ้างพนักงานเพิ่มเพื่อน้องอีก 3 คน สัพเพเหระอีกมากมายก่ายกอง แต่เงิน 5 ล้านผมหาวันเดียวก็ได้

ผมไม่ใช่คนจนยากไร้ ผมมีสมอง ที่พูดไม่ได้โกรธอิงฟ้าเลย หวังว่าการกลับมาคุยครั้งนี้อิงฟ้าต้องเห็นทางสว่างในชีวิตเหมือนเดิม และพวกมืดๆ ออกไปจากชีวิตเสียทีได้แล้ว ถ้ายังไม่ออกจะกระชากออกไป

แต่ในสิ่งที่ไม่ถูกก็คือน้องด้วยเหมือนกัน อันนี้ต้องยอมรับ ไปฟังคนอื่น เรียงลำดับความสำคัญไม่ถูก ระหว่างคนนั้นกับการเตรียมตัวอีกไม่กี่วันอะไรสำคัญกว่า อันนี้ต้องตำหนิ

แต่เราก็พูดไม่ได้เพราะว่าน้ำหยดลงหินทุกวันหินมันยังกร่อน พูดทุกวันเดี๋ยวมันก็คล้อยตามกันไป นี่คือสิ่งที่อยากพูดให้รู้ ให้แบ่ง ให้เข้าใจ ไม่ต้องโลกสวย โลกมีโลกเดียว โลกแห่งความเป็นจริง ผลกระทบลงเราเยอะแยะมากมาย ไปลงชาล็อตบ้าง ผมไม่เข้าใจ ไม่ต้องผิดหวังกับอิงฟ้า แยกให้ออก ผมไม่ได้มีปัญหา

ครม. เคาะแก้กฎ ก.พ.เพิ่ม ‘โรคจิต – อารมณ์ผิดปกติ’ ระบุ เป็นลักษณะต้องห้าม ‘รับราชการพลเรือน’

เมื่อ (20 ก.ย. 65) ครม.เห็นชอบแก้กฎ ก.พ. เพิ่ม ‘โรคจิตหรือโรคอารมณ์ผิดปกติ’ เป็นลักษณะต้องห้ามของผู้ที่จะรับราชการพลเรือน 

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบร่างกฎ ก.พ. ว่าด้วยโรค พ.ศ. ….ตามที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (สำนักงาน ก.พ.) เสนอ ร่างกฎ ก.พ. ว่าด้วยโรคฉบับนี้ เป็นการปรับปรุงกฎ ก.พ. ว่าด้วยโรค พ.ศ. 2553 ที่กำหนดลักษณะต้องห้ามสำหรับผู้ที่จะเข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือน ในการแก้ไขครั้งนี้ ได้ยกเลิก “โรควัณโรคในระยะแพร่กระจายเชื้อ” ออกจากลักษณะต้องห้ามของผู้ที่จะเข้ารับราชการพลเรือน เนื่องจากโรควัณโรคมีแนวโน้มลดลง และใช้เวลาในการรักษาประมาณ 2 สัปดาห์ สามารถหายได้ พร้อมกันนี้ ได้เพิ่มโรคจิต (Psychosis) หรือโรคอารมณ์ผิดปกติ (Mood Disorders) ที่มีอาการเด่นชัดรุนแรงหรือเรื้อรัง และเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติงานในหน้าที่ ที่เป็นลักษณะต้องห้าม 

ส่วนโรคอื่น ๆ ยังคงกำหนดเป็นลักษณะต้องห้ามตามเดิม ได้แก่ 
1. โรคเท้าช้างในระยะที่ปรากฏอาการเป็นที่รังเกียจแก่สังคม 
2. โรคติดยาเสพติดให้โทษ 
3. โรคพิษสุราเรื้อรัง 
และ 4. โรคติดต่อร้ายแรงหรือโรคเรื้อรัง ที่ปรากฏอาการเด่นชัดหรือรุนแรงและเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติงานในหน้าที่ ทั้งนี้ มีผลนับตั้งแต่วันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา 


ที่มา : https://tna.mcot.net/politics-1021460 
 

คลังเคาะแล้ว!! ลงทะเบียนคนละครึ่งเฟส 5 รอบเก็บตก จำนวน 3.09 ล้านสิทธิ เริ่ม 23 ก.ย.นี้

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 มีสิทธิคงเหลือประมาณ 3.09 ล้านสิทธิ จากประชาชนกลุ่มที่ได้รับสิทธิแล้ว แต่ไม่ได้มีการใช้จ่ายครั้งแรกภายในระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งกระทรวงการคลังจะนำสิทธิคงเหลือดังกล่าวมาเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนรอบใหม่ โดยกระทรวงการคลังจะเปิดรับลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ รอบใหม่ ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 23 กันยายน 2565 จนถึงวันเสาร์ที่ 1 ตุลาคม 2565 ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตังหรือ www.คนละครึ่ง.com ระหว่างเวลา 06.00 น. - 22.00 น. 

สำหรับประชาชนที่จะลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ต้องมีสัญชาติไทย อายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันที่ลงทะเบียน มีหมายเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก และมีบัตรประจำตัวประชาชน ไม่เป็นผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐตามฐานข้อมูลของกระทรวงการคลัง ณ วันที่ 15 สิงหาคม 2565 ไม่เป็นผู้ได้รับสิทธิโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ระยะที่ 3 และไม่เคยถูกระงับสิทธิ ถูกเรียกเงินคืน หรือฝ่าฝืนเงื่อนไขของมาตรการหรือโครงการอื่นๆ ของรัฐ โดยประชาชนทั่วไปสามารถลงทะเบียนรอบใหม่นี้ได้ ทั้งประชาชนที่ยังไม่เคยได้รับสิทธิโครงการฯ และประชาชนที่เคยได้รับสิทธิโครงการฯ แต่ไม่ได้ใช้จ่ายครั้งแรกภายในระยะเวลาที่กำหนด

สำหรับความคืบหน้าการใช้สิทธิมาตรการรักษาระดับการบริโภคภายในประเทศ ปี 2565 ระยะที่ 2 ซึ่งประกอบด้วย โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 5 โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ระยะที่ 3 และโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 โฆษกกระทรวงการคลังเผยว่า จากข้อมูลสะสม ณ วันอังคารที่ 20 กันยายน 2565 เวลา 23.00 น. มีผู้ใช้สิทธิทุกโครงการรวม 36.85 ล้านคน และมียอดใช้จ่ายสะสมทั้งสิ้น 28,186.08 ล้านบาท โดยโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 มีผู้ใช้สิทธิทั้งหมดจำนวน 23.40 ล้านคน และมียอดใช้จ่ายรวม 25,503.48 ล้านบาท

'คนเพื่อไทย' อบรม 'แรมโบ้' อย่าอวยรัฐประหาร พร้อมยก 10 ข้อ ชี้!! รัฐประหารทำประเทศไร้โอกาส

นายณพลเดช มณีลังกา คณะทำงานศูนย์ข้อมูลสารสนเทศเพื่อการสื่อสารการเมืองพรรคเพื่อไทย กล่าวหลังจากที่นายเสกสกล อัตถาวงศ์ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ออกมาอวยการรัฐประหาร ว่า 16 ปีการรัฐประหารประเทศไทย ทำประเทศขาดและไร้โอกาสดังนี้

1.) ประชาธิปไตยที่วางรากฐานมาจากรัฐธรรมนูญปี 2540 หรือรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน จะเป็นรัฐธรรมนูญของประชาชนจากการร่างและการเลือกของประชาชน เป็นของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน ไม่มีการแจกกล้วยในสภา

2.) ประเทศชาติบ้านเมืองสิ้นความสง่าในสายตานานาชาติ ถ้ามาจากการยึดอำนาจ โดยคณะหนึ่งคณะใดไม่เป็นประชาธิปไตย มีการกล่าวหาและตั้งข้อหาการดำเนินคดีกับผู้ถูกยึดอำนาจในสถานการณ์ไม่ปกติจากการยึดอำนาจที่ไม่ชอบธรรม ไม่สามารถตรวจสอบทรัพย์สินที่งอกเงยของผู้ยึดอำนาจและองคาพยพ

3.) ระบบการศึกษา เทคโนโลยี การเกษตร อุตสาหกรรมของประเทศชาติและอนาคตของชาติหยุดชะงัก เพราะมีผู้นำที่ไร้ประสิทธิภาพและไร้ความสามารถ อับอายไปทั่วโลก ยึดอำนาจขึ้นมาเป็นใหญ่

4.) คนยากจนมากขึ้นทบทวีคูณ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้าครองอำนาจรวม 8 ปี พิสูจน์ชัดแล้วว่าไม่สามารถแก้ปัญหาความยากจนได้ ตรงกันข้ามคนจนกลับเพิ่มมากขึ้น และความเหลื่อมล้ำทางสังคมยิ่งถ่างกว้างมากกว่าเดิมอีก ดูจากจำนวนผู้ลงทะเบียนบัตรประชารัฐหรือบัตรคนจน จาก 8 ล้านคนมาถึงปัจจุบัน 12 ล้านคน

5.) รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ทำคนไทยมองไม่เห็นอนาคตตนเอง หาทำเงินเพื่อประคองชีวิต การทุจริตคอร์รัปชันตรวจสอบไม่ได้ ค่าแรงที่หาเสียงเอาไว้ 400-425 บาท ทำไม่ได้ นักศึกษาเรียนจบตกงานมีผู้ว่างงานจำนวน 5.5 แสนคน เพราะไม่มีเส้นสายฝากเข้ารับราชการทางพิเศษ

6.) ถ้าไม่มีการรัฐประหารรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางการบินของสุวรรณภูมิที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ ที่จะเป็นศูนย์กลางของอาเซียน ไม่มีภาพทหารมายึดครองอำนาจให้ประเทศขาดความเชื่อมั่นจากทั่วโลกแบบทุกวันนี้

'ส.อ.ท.' จับมือ 'อบก.' สร้างศูนย์ซื้อขาย 'คาร์บอนเครดิต' พร้อมเปิดตัว 'FTIX' แพลตฟอร์มซื้อขายพลังงานสะอาด

สถาบันการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) จัดพิธีลงนามความตกลงประกอบการเป็นศูนย์ซื้อขายคาร์บอนเครดิตและพิธีเปิดตัวแพลตฟอร์มการซื้อขายพลังงานสะอาดและคาร์บอนเครดิต หรือ FTI : CC/RE/REC X Platform (FTIX) ในงาน 'ลงมือทำ ลดโลกร้อน : ทางรอด ทางรุ่ง ของโลก ของไทย' Take Climate Action : Save The Earth, Prosper All ในวันพุธที่ 21 กันยายน 2565 ณ ห้องวิภาวดีบอลรูม ซี โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว 

นายสมโภชน์ อาหุนัย รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและประธานสถาบันการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้กล่าวถึงปัญหาภาวะโลกร้อนที่กระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อตระหนักถึงปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคการส่งออก ส่งผลให้ทุกภาคส่วนต้องช่วยกันลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จึงได้จัดตั้งหน่วยงานใหม่ขึ้นมา คือ สถาบันการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยแก้ปัญหาให้กับผู้ประกอบการ และช่วยขับเคลื่อนการนำนโยบายของภาครัฐไปสู่การปฏิบัติ ให้บรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี พ.ศ. 2593 และเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ในปี พ.ศ. 2608 ของประเทศ

คาร์บอนเครดิตเป็นกลไกการตลาดที่สำคัญอย่างหนึ่งในการสร้างแรงจูงใจและเป็นทางเลือกให้ผู้ประกอบการในการลดก๊าซเรือนกระจก ส.อ.ท. มีการดำเนินงานร่วมกับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. จากความร่วมมือที่มีมาอย่างต่อเนื่องในการดำเนินงานเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ส.อ.ท. และ อบก. จึงมีความเห็นร่วมกันในการพัฒนาแพลตฟอร์มการซื้อขายแลกเปลี่ยนคาร์บอนเครดิต เพื่อสนับสนุนการดำเนินโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการซื้อขายคาร์บอนเครดิต เพื่อให้หน่วยงานต่าง ๆ สามารถดำเนินกิจกรรมในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสนับสนุนตลาดคาร์บอนภายในประเทศ จึงเป็นที่มาของการลงนามความตกลงประกอบการเป็นศูนย์ซื้อขายคาร์บอนเครดิตในครั้งนี้

ส.อ.ท. ได้พัฒนาและบริหารจัดการแพลตฟอร์ม FTIX เพื่อประกอบการเป็นศูนย์ซื้อขายแลกเปลี่ยนคาร์บอนเครดิตให้สามารถเชื่อมโยงกับระบบของ อบก. นอกจากนี้ ยังมีการซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพื่อตอบสนองความต้องการการใช้พลังงานหมุนเวียน 100% (RE100) รวมถึงการซื้อขายใบรับรองการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน หรือ REC อีกด้วย โดย ส.อ.ท. ได้ยื่นแพลตฟอร์ม FTIX นี้เข้าร่วมในโครงการ ERC Sandbox 2 ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน เพื่อทดสอบระบบของตลาดการซื้อขายแลกเปลี่ยนให้มีความโปร่งใสและเชื่อถือได้ โดยที่อุตสาหกรรมทุกขนาดทั้งขนาดเล็ก กลาง และใหญ่ จะสามารถเข้าถึงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งถือเป็นโอกาสดีจะได้ทำการเปิดตัวแพลตฟอร์ม FTIX พร้อมกับศูนย์ซื้อขายคาร์บอนเครดิต

การจัดงานนี้เป็นไปในรูปแบบของ Green Event โดยมีการควบคุมอุณหภูมิห้องไม่ให้ต่ำกว่า 25 องศาเซลเซียส จึงขอให้ผู้เข้าร่วมงานงดการใส่สูท และเปลี่ยนมาใส่เสื้อเชิ้ตฮาวายและเสื้อยืดแทน โดยได้รับความเอื้อเฟื้อจาก 'โครงการเซ็นทรัลทำ' ของกลุ่มบริษัทเซ็นทรัล นอกจากนี้ ยังได้รับความช่วยเหลือจากทาง อบก. ในการคำนวณปริมาณการปล่อยคาร์บอนในงานนี้ และได้รับความอนุเคราะห์จากกลุ่มบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ Energy Absolute (EA) และกลุ่มบริษัทซุปเปอร์ เอ็นเนอร์ยี บริจาคคาร์บอนเครดิตรวมกันเป็นจำนวน 260 ตันคาร์บอนเทียบเท่า ซึ่งสามารถ Offset หรือชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยเฉพาะก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของการจัดงานนี้ได้ทั้งหมด เพื่อเป็นงานที่นำไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน หรือ Carbon Neutral Event อีกด้วย 

นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ 'ภาครัฐ ประสาน ภาคเอกชน ขับเคลื่อนไทย สู่สังคมคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน' โดยกล่าวถึง ประเด็นผลกระทบที่ทั่วโลกต้องเผชิญภัยพิบัติทางธรรมชาติรุนแรง เช่น น้ำท่วม น้ำแล้ง ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมใหญ่ในเกาหลีใต้ และปากีสถาน โดยที่ประเทศไทยนั้นปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นลำดับที่ 21 ของโลก (ประมาณ 0.8% ของโลก) และเป็น 1 ใน 10 ประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศรุนแรงที่สุด

จากถ้อยแถลงของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ว่า “ประเทศไทยจะยกระดับการแก้ไขปัญหาภูมิอากาศอย่างเต็มที่และด้วยทุกวิถีทาง เพื่อให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี พ.ศ. 2593 และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี พ.ศ. 2608” ทำให้ประเทศไทยต้องปรับปรุง 'ยุทธศาสตร์ระยะยาวในการพัฒนาแบบปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำของประเทศไทย' หรือ LT-LEDS ซึ่งจำเป็นที่ทุกภาคส่วนจะต้องร่วมมือกันขับเคลื่อนเพื่อการบรรลุเป้าหมายดังกล่าว และขณะนี้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) อยู่ระหว่างการจัดทำเป้าหมายการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด ฉบับปรับปรุง ครั้งที่ 2 (The 2nd updated NDC) ที่ 40% ในปี พ.ศ. 2573 ประเทศสามารถดำเนินการได้เอง 30% และการดำเนินงานที่ต้องได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติมจากต่างประเทศอีก 10% 

‘ส.ก.เพื่อไทย’ คิกออฟ ‘กองทุนพัฒนาชุมชน 2 แสนบาท’ พร้อมเดินหน้าสร้างอาชีพให้เด็ก-เยาวชนช่วงปิดเทอม

‘ส.ก.เพื่อไทย’ ดันนโยบายหาเสียงทำได้จริง คิกออฟ ‘กองทุนพัฒนาชุมชน 200,000 บาท’ เริ่ม 1 ต.ค.นี้ เดินหน้าสร้างอาชีพเด็ก-เยาวชนช่วงปิดเทอม หวังเชื่อม ‘1 ครอบครัว 1 Soft power’ เพิ่มรายได้ให้คนกรุงฯ 

นายวิรัตน์ มีนชัยนันท์ ส.ก.เขตมีนบุรี พรรคเพื่อไทย และประธานสภากรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ในวันที่ 1 ตุลาคม 2565  นโยบาย ‘กองทุนพัฒนาชุมชน 200,000 บาท’ จะมีผลบังคับใช้ โดยแต่ละเขตที่ได้ลงทะเบียนชุมชนกับกทม. และผ่านเกณฑ์การคัดเลือก รวมประมาณ 2,000 ชุมชน จากทั้งหมด 4,000 ชุมชน สามารถนำงบประมาณ 200,000 บาทไปพัฒนาพื้นที่ผ่านเขตของตนเองได้ โดยในการอนุมัติการใช้งบประมาณจะมีคณะกรรมการที่ได้รับการเลือกตั้งภายในชุมชนมาร่วมตัดสินใจใช้งบประมาณแบบมีส่วนร่วม 

นอกจากนี้ในช่วงปิดภาคเรียนในช่วงเดือนตุลาคมนี้ สภาฯ กทม. ได้หารือร่วมกับผู้บริหาร กทม. และสำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว สำนักพัฒนาสังคม เตรียมจัดกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ให้กับเด็กและเยาวชนได้ทำกิจกรรมพิเศษ เพื่อให้เกิดการเรียนรู้นอกห้องเรียน เพิ่มทักษะ ศักยภาพที่ซ่อนอยู่ และเพิ่มพูนประสบการณ์ให้มากขึ้นเพื่อการต่อยอดสร้างรายได้ให้กับตนเองและครอบครัว เช่น กีฬา นาฏศิลป์ จับร้อง งานฝีมือ การขายสินค้าออนไลน์ โดยจะจัดกิจกรรมที่ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ดินแดง เป็นที่แรก สามารถรองรับเด็กและเยาวชนได้ถึง 1,000 คน และในอนาคตจะหาพื้นที่ที่เหมาะสมเพิ่มเติม เช่น ศูนย์สร้างสุขทุกวัน โรงเรียนฝึกอาชีพของ กทม. และจะร่วมกันผลักดันให้โรงเรียนในสังกัด กทม. รวม 437 แห่ง ได้รับบทบาทเป็นโรงเรียนฝึกอาชีพ โดยฝึกอาชีพที่จำเป็นสำหรับอนาคตให้แก่เด็กๆ นอกเวลาเรียนปกติ นำร่องเขตละ 1 โรงเรียน และให้เริ่มดำเนินการให้เห็นชัดเจนในช่วงต้นปีงบประมาณที่จะถึงนี้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top