Thursday, 15 May 2025
Hard News Team

'ก้าวไกล' ซัดรัฐบาลจัดการน้ำล้มเหลว ทำอุบลฯ ท่วมร่วมเดือน พยากรณ์ผิดพลาด ชาวบ้านต้องยกของขึ้นที่สูงทุกวัน 

วิศรุต สวัสดิ์วร ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. อุบลราชธานี เขต 1 พรรคก้าวไกล สะท้อนปัญหาการจัดการน้ำในลุ่มน้ำภาคอีสานของรัฐบาลว่า จังหวัดอุบลน้ำท่วมมาตั้งแต่วันที่ 9 ก.ย. จนถึงปัจจุบันเป็นเวลา 1 เดือนกว่าแล้วที่คนอุบลต้องทนอยู่กับน้ำท่วม ระดับน้ำเพิ่มขึ้นทุกวัน โดยชาวบ้านฟังการแจ้งเตือนภัยจากรัฐบาล แต่ระบบการเตือนภัยผิดพลาดสับสน จากเดิมที่บอกว่าน้ำท่วมไม่เกินปี 2545 ต่อมาประกาศเพิ่มเป็นไม่เกินปี 2562 แต่จนถึงปัจจุบันน้ำท่วมสูงกว่าปี 2562 แล้ว การพยากรณ์ที่ผิดพลาดทำให้ชาวบ้านต้องยกของขึ้นที่สูงทุกวัน ตามที่รัฐบาลพยากรณ์ใหม่ทุก 2 วัน

อีกทั้งการจัดการศูนย์อพยพในช่วงต้นของการเกิดน้ำท่วมว่า ไม่มีการเตรียมตัว แม้แต่ศูนย์อพยพที่ไม่ได้มาตรฐานคนยังแย่งกัน คนแย่งเต็นท์กัน กว่าจะตั้งหลักได้ น้ำท่วมถึงศูนย์อพยพจุดที่ 2 แล้ว ทั้งๆ ที่ระดับน้ำของจังหวัดอุบลเป็นมวลน้ำที่มาจากที่อื่น ควรจะคำนวณระดับน้ำได้ แต่รัฐบาลกลับไม่มีการเตรียมความพร้อมล่วงหน้า จ.อุบลน้ำท่วมแทบทุกปี ควรมีแผนเตรียมอพยพและศูนย์อพยพล่วงหน้าไว้ให้พร้อม โดยพิจารณาจากสถานที่ราชการบางส่วน สนามกีฬา เพื่อใช้เป็นศูนย์อพยพที่ได้มาตรฐาน

‘ชูวิทย์’ ยกเคส ‘แอ๊ด-โน้ส’ สะท้อน ‘ราชการเป็นใหญ่’ เมื่อพูดความจริงจะอึดอัด ต้องคอยเกรงใจเจ้าที่เจ้าทาง

(16 ต.ค. 65) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองและนักธุรกิจกลางคืนชื่อดัง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ดังนี้...

‘แอ๊ด’ ขอโทษผู้ว่าฯแล้ว รับอารมณ์ชั่ววูบ-ขาดสติ พร้อมอ้าแขนรับความผิด

พี่แอ๊ดน่าจะทราบ ประเทศไทยเป็นระบบ “ราชการเป็นใหญ่”

ศิลปินอย่างพี่แอ๊ดหากวิพากษ์วิจารณ์บนพื้นฐานข้อเท็จจริง ก็ไม่ต้องมานั่งขอโทษขอโพย สำนึกผิด

'กรณ์' ผงาดหัวหน้าพรรค 'ชาติพัฒนากล้า' ลั่น!! ฟื้นเศรษฐกิจปลุกชีวิตยุคมนุษย์ทองคำ 

'กรณ์ จาติกวณิช' นั่งหัวหน้าพรรค 'ชาติพัฒนากล้า' ประเดิมปรับโฉมโลโก้พรรค ทันสมัยรุ่งโรจน์โชติช่วงชัชวาล ลั่น เศรษฐกิจของชาติจะพัฒนาได้ต้องกล้าคิด กล้าทำ กล้าเปลี่ยนแปลง กล้าตัดสินใจ 

(16 ต.ค. 65) พรรคชาติพัฒนากล้า ประชุมใหญ่สามัญเพื่อจัดทัพกรรมการบริหารพรรค สู้ศึกการเลือกตั้ง ปรับภาพลักษณ์องค์กร เริ่มจากการปรับโลโก้ของพรรคใหม่ โดยมีตัวอักษร ช.ช้าง รูปแบบทันสมัยจากการรวมกันของเส้นโค้งสองเส้นที่ทรงพลัง เส้นโค้งสีน้ำเงิน คันธนูอันเข้มแข็ง มุ่งมั่นสู่เป้าหมาย เส้นโค้งสีเหลืองทองแกมแสด เปลวไฟอันรุ่งโรจน์ โชติช่วงชัชวาล สีเหลืองทองแกมแสด แทนความรุ่งโรจน์จากความกระตือรือร้น มั่นใจ กล้าทำ กล้าลอง พร้อมกับความอบอุ่นเหนียวแน่น สามัคคี ด้วยความสร้างสรรค์ที่ไม่มีวันสิ้นสุด สีน้ำเงิน แทนความสุขุม รอบคอบ หนักแน่น เปรียบดังการกระทำการใหญ่ต้องใช้ประสบการณ์ เมื่อ 2 เส้นโค้งที่มาตัดกันในจุดที่สมดุลที่สุด จึงเกิดเป็นตัว ช.ช้าง ที่ลายหาง ช.ช้าง มีทิศทางชี้ขึ้นข้างบน เสมือนหนึ่งเป็นเส้นกราฟพุ่งสูงขึ้น เพื่อสื่อความหมายชาติไทย ที่มีการพัฒนาสร้างสรรค์เศรษฐกิจ และเกิดความเจริญรุ่งเรืองในทุกมิติ อันเป็นผลมาจากนโยบายทางสายกลาง และความประนีประนอม ที่แสดงออกด้วยเส้นสีเหลืองทองแกมแสดและสีน้ำเงินที่โอบเกี่ยวคล้องกัน

"โลโก้ ชาติพัฒนากล้า ช.แทนความหมายถึง 'ชาติ' ที่พร้อมจะ 'พัฒนา' ให้เจริญรุ่งเรือง โชติช่วงดุจเปลวเพลิงชัชวาลที่ไม่มีวันดับได้นั้น ต้องอาศัยความ 'กล้า' เป็นสำคัญ"

จากนั้นนายเทวัญ ลิปตพัลลภ ได้ลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรค และเสนอชื่อ 'นายกรณ์ จาติกวณิช' ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคแทน โดยที่ประชุมลงคะแนนเลือก นายกรณ์ เป็นหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ด้วยคะแนนเป็นเอกฉันท์ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม เป็นต้นไป  

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้มีการเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรค 30 ตำแหน่ง โดยมีตำแหน่งที่น่าสนใจจากทีมเศรษฐกิจของนายกรณ์เข้าร่วม ได้แก่ 

1.) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรค 
2.) นายเทวัญ ลิปตพัลลภ เลขาธิการพรรค 
3.) นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรค 
3.) นายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรค 
4.) ผศ.ดร.เอราวัณ ทับพลี รองเลขาธิการพรรค 

'ดร.ธรณ์' โพสต์ภาพเปรียบเทียบ 'ก่อน-หลัง' อ่าวมาหยา ลุ้น!! ทุกอย่างจะกลับไปสู่ความเศร้าในอดีตอีกหรือไม่?

จากเฟซบุ๊ก 'Thon Thamrongnawasawat' โดย ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิทยาศาสตร์ทางทะเล และอาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โพสต์ข้อความการเปลี่ยนของอ่าวมาหยาไว้ ว่า...

ผมตั้งใจทำภาพเปรียบเทียบ before/after ที่อ่าวมาหยา เพื่อบอกว่าการท่องเที่ยวยุคก่อนกับยุคนี้ต่างกันโดยสิ้นเชิง

ภาพบนปี 2560 ภาพล่างเพิ่งถ่ายวันนี้ สิ่งที่ชัดเจนคือเรือหายไปหมด

เรือคือสิ่งคุกคามระบบนิเวศในอ่าวมาหยา

เรือมากมายทำให้ตะกอนฟุ้งกระจาย เรือมากมายทิ้งสมอในแนวปะการัง

เรือมากมายวิ่งไปวิ่งไปวิ่งมา จนฉลามไม่สามารถใช้อ่าวมาหยาเป็นบ้าน

เรือมากมายยังทำให้อ่าวมาหยากลายเป็นที่จอดเรือ ไม่ใช่อ่าวสวยที่สุดในโลก

ซึ่งนั่น มันเกินไป

มันเจ็บใจ มันเจ็บปวด มันบาดลึกในหัวใจคนรักทะเล

พวกเราจึงลุกขึ้นมา “ช่วยกัน” ในคืนที่ฟ้ามืดถึงที่สุด

“ช่วย” ใช้การลงมือทำ “ช่วย” มุ่งหวังที่ผลลัพธ์ มันจะเกิดขึ้นให้จงได้

ในวันนี้ อ่าวมาหยาเปิดอีกครั้ง แต่ไม่มีเรือมากมายอีกแล้ว

ในอ่าวมีเพียงปะการังที่กำลังเติบโต มีฝูงฉลามที่กลับมา “บ้าน”

เป็นภาพที่ตอบคำถามว่า เปิดท่องเที่ยวในอ่าวมาหยาอีกครั้ง ทุกอย่างจะกลับไปสู่ความเศร้าในอดีตอีกหรือไม่ ?

'ซูเปอร์โพล' ชี้ ประชาชนวางใจ 'ประยุทธ์' มากที่สุด ในด้านการดูแลกองทัพ - สาธารณะสุข - ระบบดิจิทัล

(16 ต.ค. 65) นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง ความมั่นคงของชาติ กับ ภาคประชาชน กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ ดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) ผ่านกระบวนการวิจัยเชิงทดลอง (Experimental Survey) เพื่อลดความคลาดเคลื่อนแก้ปัญหาแหล่งความคลาดเคลื่อนจากผู้ถาม ผู้ตอบและเครื่องมือวัด จำนวน 1,176 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 12-15 ตุลาคม พ.ศ. 2565 ที่ผ่านมา โดยมีค่าความคลาดเคลื่อนจากการกำหนดขนาดตัวอย่างบวกลบร้อยละ 5 ในช่วงความเชื่อมั่นร้อยละ 95

>> นักการเมืองที่ประชาชนวางใจมากที่สุดในการทำให้กองทัพเป็นทหารอาชีพ อยู่นอกการเมือง ทำให้กองทัพมีขนาดและขีดความสามารถที่เหมาะสม จำแนกตาม กลุ่มขั้วการเมืองฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้านและกลุ่มตัวช่วย หรือกลุ่มซอฟต์โหวต (Soft Vote) พบว่า ในขั้วรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้รับความวางใจจากประชาชนมากที่สุด คือร้อยละ 29.3 รองลงมาคือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ร้อยละ 14.2 นายอนุทิน ชาญวีรกูล ร้อยละ 6.1 และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ได้ร้อยละ 3.7

ในขั้วฝ่ายค้าน พบว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ได้ร้อยละ 20.7 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ได้ร้อยละ 9.0 และ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ได้ร้อยละ 3.8 ในขณะที่ ขั้วกลุ่มตัวช่วย หรือ กลุ่มซอฟต์โหวต (Soft Vote) ได้แก่ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ร้อยละ 5.4 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ร้อยละ 4.3 และอื่น ๆ ร้อยละ 3.5 ตามลำดับ

>> ที่น่าพิจารณาคือ ในยุคกระแสรัฐบาลดิจิทัลที่คนไทยส่วนใหญ่อยู่บนโลกออนไลน์ นักการเมืองที่ประชาชนวางใจมากที่สุดเรื่อง การป้องกันและตอบโต้การโจมตีระบบสื่อสาร อินเทอร์เน็ต ความปลอดภัยของเครือข่ายการเงิน ผลประโยชน์ของประชาชนและสินทรัพย์ดิจิทัล พบว่าในขั้วฝ่ายรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้รับความวางใจจากประชาชนมากที่สุด ร้อยละ 24.1 รองลงมาคือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ร้อยละ 14.6 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ร้อยละ 6.9 และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ร้อยละ 2.8

ในขั้วฝ่ายค้าน พบว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ได้ร้อยละ 21.3 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ร้อยละ 9.7 และ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ร้อยละ 3.5 ในขณะที่ ขั้วกลุ่มตัวช่วยหรือกลุ่ม ซอฟต์โหวต (Soft Vote) พบว่า ประชาชนวางใจมากที่สุดได้แก่ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ร้อยละ 8.4 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ร้อยละ 4.8 และอื่น ๆ ร้อยละ 3.9 ตามลำดับ

'แรมโบ้' ชี้ นายกฯ ไม่สนใจพวกใช้น้ำลายหากิน เตือน 'โน้ส อุดม' พูดอะไรก็ระวังกม. ยุยงปลุกปั่น

(16 ต.ค. 65) นายเสกสกล อัตถาวงศ์ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี 'เดี่ยว 13' ของโน้ส อุดม แต้พานิช ที่ได้วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลและพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่า การวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล และนายกฯ นั้นเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ เป็นสิทธิขั้นพื้นที่ตามรัฐธรรมนูญ แต่อย่าถึงขั้นลิดรอนสิทธิ์ส่วนบุคคลที่ทำให้เสื่อมเสีย และที่ผ่านมา นายกฯ ประยุทธ์ ก็เปิดกว้างพร้อมที่จะรับฟังข้อท้วงติง ข้อเสนอแนะ และนำมาปรับใช้ในการบริหารประเทศชาติบ้านเมืองอยู่แล้ว

นายเสกสกลกล่าวว่า ไม่เพียงแต่บุคคลทั่วไปที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ รวมทั้งฝ่ายค้านที่เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะเห็นว่านายกฯ ประยุทธ์ ก็พร้อมรับฟัง แต่หากข้อมูลใดเป็นเท็จ หรือคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงก็ชี้แจงไปตามกระบวนการในระบอบรัฐสภา 

ส่วนกรณีนายโน้ส อุดม แต้พานิช ที่เป็นกระแสสองสามวันที่ผ่านมา ก็ไม่เห็นท่านนายกฯ ประยุทธ์ออกมาตอบโต้ หรือจะฟ้องร้องเอาผิดอะไร ท่านนายกฯ เจอในสภาฯ มา ฝ่ายค้านอภิปรายหนักยิ่งกว่านี้ก็ยังอดทนได้ จะไปสนใจอะไรกันกับนักพูดคนหนึ่งไม่ต่างนักโต้เวทีสภาโจ๊กเท่านั้น ในมุมมองของตนคิดเช่นนั้น

อย่างไรก็ตามที่มีกลุ่มสนับสนุนรัฐบาลท่านนายกฯ ประยุทธ์ ออกมาเคลื่อนไหวตอบโต้นายโน้ส อุดม หรือบางคนจะฟ้องร้องดำเนินคดีเอาผิดนายโน้ส อุดม ก็เป็นเรื่องปกติตามระบอบประชาธิปไตยอยู่แล้ว ซึ่งคนที่เห็นว่า นายโน้ส อุดม ทำไม่ถูกก็เป็นสิทธิแต่ละคนที่จะไปดำเนินการเอง ซึ่งก็ไม่ได้เกี่ยวข้องว่านายกฯ เป็นคนสั่งการเลยสักนิด เพราะท่านนายกฯ อดทนกับเสียงนกเสียงกามามากต่อมาก ท่านเป็นผู้ใหญ่ของบ้านเมืองคงไม่เก็บพวกปากหอยปากปูมาเป็นสาระ อดทนตั้งใจทำงานบริหารบ้านเมืองดีกว่าเพราะขณะนี้ประชาชนกำลังได้รับความเดือดร้อน พี่น้องประชาชนที่กำลังประสบภัยพิบัติจากน้ำท่วม ได้รับความทุกข์หลายจังหวัด พี่น้องคนไทยส่วนใหญ่รวมพลังร่วมใจทำหน้าที่จิตอาสาลงไปดูแลเยียวยา หาเครื่องอุปโภคบริโภคไปช่วยเหลือพี่น้องที่ถูกน้ำท่วมกันอย่างล้นหลาม คงไม่มีเวลามานั่งฟังพวกใช้น้ำลายใช้วาทะกรรมจากปากหากิน หารายได้ พูดมากจนน้ำลายท่วมปาก เที่ยวบูลลี่ด่าทอ ล้อเลียนคนอื่นไปวันๆ อย่างนี้หรอก เอาเวลาออกไปช่วยเหลือชาวบ้านเดือดร้อนน้ำท่วมได้บุญกุศลมากกว่ากันเยอะเลย

"ใครที่ชอบออกมาวิพากษ์วิจารณ์โจมตีคนที่เขารักเขาศรัทธาและที่เขาสนับสนุน เขาก็พร้อมจะออกมาปกป้อง ถ้าหากว่าคุณพูดข้อมูลเป็นเท็จ สร้างความเข้าใจผิดจนเกิดความเสียหายหรือเสื่อมเสีย พฤติกรรม
เช่นนี้อย่ามาเที่ยวอ้างสิทธิเสรีภาพหรืออ้างประชาธิปไตยเลย คุณก็ต้องพร้อมที่จะรับผิดชอบต่อคำพูดด้วยเช่นกัน ถ้ามีใครออกมาดำเนินคดีกับคุณ ไม่ใช่อ้างแต่เสรีภาพตามรัฐธรรมนูญหรือประชาธิปไตยของตัวข้าเพียงฝ่ายเดียว ฝ่ายที่คิดไม่เหมือนกลายเป็นเผด็จการ แบบนี้เขาไม่เรียกว่าเป็นประชาธิปไตยหรอก เขาเรียกว่า พวกอคตินิยม ความคิดเห็นแก่ตัวเข้าข้างตัวเองของพวกข้าคือความถูกต้องมากกว่า นี่มันสิทธิเสรีภาพแบบไหนกัน" นายเสกสกล กล่าว

'ธนกร' ขอบคุณนายกฯ สั่งช่วยเหลือกลุ่ม SMEs หลังได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วม

'ธนกร' ขอบคุณนายกฯ สั่งการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมทุกกลุ่ม ล่าสุด บยส. รับไม้ต่อช่วยทันทีกลุ่ม SMEs ใน 25 จังหวัดพักชำระค่าธรรมเนียม-ค่างวดชำระ-ประนอมหนี้ นานสูงสุด 6 เดือน แนะฝ่ายค้านเพลาการเมืองหยุดสาดโคลนดิสเครดิตรัฐบาล

(16 ต.ค. 65) นายธนกร วังบุญคงชนะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ และอดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอชื่นชมรัฐบาลที่ช่วยเหลือ เยียวยา ประชาชน ผู้ประกอบการ SMEs ที่ประสบภัยน้ำท่วมขณะนี้ในทุกมิติ โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สั่งการหน่วยงานของรัฐให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับผู้ประสบภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการช่วยเหลือลูกหนี้สถาบันการเงินภาครัฐ ซึ่งธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้ออกมาตรการช่วยเหลือประชาชนตามนโยบายการดูแลและช่วยเหลือความเดือดร้อนของประชาชนอย่างเร่งด่วนและทันท่วงทีของรัฐบาลแล้ว 

นอกจากนี้ในส่วนของผู้ประกอบการ SMEs ซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ล่าสุดคณะกรรมการบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม หรือ บสย. ได้อนุมัติมาตรการพักชำระค่าธรรมเนียมการค้ำประกันสินเชื่อ - ค่าจัดการค้ำประกันสินเชื่อ และ อนุมัติมาตรการช่วยลูกหนี้ ที่เข้าโครงการประนอมหนี้กับ บสย. ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในพื้นที่ 25 จังหวัด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนผู้ประกอบการ SMEs  สำหรับลูกค้าและลูกหนี้ค้ำประกันสินเชื่อ บสย. และติดตามให้ความช่วยเหลือต่อเนื่องโดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ได้แก่

'แอ๊ด คาราบาว' ขอโทษ ผู้ว่าฯ สุพรรณบุรี หลังใช้คำพูดไม่เหมาะสม ยัน!! พร้อมรับความผิด

(16 ต.ค. 65) จากกรณีที่มีคลิป เมื่อวันที่ 13 ตุลาคมที่ผ่านมา ที่ 'แอ๊ด คาราบาว' ศิลปินแห่งชาติ ได้กล่าวถึงผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรีบนเวทีงานเลี้ยงแห่งหนึ่ง ด้วยความไม่พอใจ หลังจากเจ้าตัวไม่ได้เล่นคอนเสิร์ต งานอนุสรณ์ดอนเจดีย์ประจำปี 65 จนทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นจำนวนมากถึงความเหมาะสม

ต่อมา นายณัฐภัทร สุวรรณประทีป ผวจ.สุพรรณบุรี ทราบเรื่องได้โพสต์ชี้แจงว่า การจัดงานอนุสรณ์ดอนเจดีย์ประจำปี 65 ว่า เป็นเรื่องของฝ่ายงานเอกชนดำเนินการ ก่อนที่ตัวเองจะเข้ามารับตำแหน่ง ยืนยันไม่ใช่งานของจังหวัดแต่อย่างใด ก่อนจะมอบหมายให้ นิติกรชำนาญการสำนักงานจังหวัดสุพรรณบุรี รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ

คนไทยเสพข่าวรุนแรง พบเครียดขึ้น 2.1 เท่า อาจเสี่ยงภาวะ Headline Stress Disorder

คุณกำลังมีอาการแบบนี้อยู่ไหมครับ? รู้สึกเครียดกังวล หดหู่ ร้องไห้ ไม่มีสามาธิทำงานหลังจากดูข่าวเสร็จ ถ้าคุณมีอาการเหล่านี้หลังจากดูข่าวอาจเสี่ยงเป็นภาวะ Headline Stress Disorder ได้

ก่อนจะไปทำความรู้จักกับภาวะนี้ ผมอยากให้ทุกท่านมาดูความเครียดของคนไทยปีนี้ก่อนครับ โดยกรมสุขภาพจิตได้ออกมาเผยผลวิเคราะห์ระดับความเครียดของประชาชน ช่วงต้นเดือนมีนาคมเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้

พบว่าแค่เดือนเดียวคนไทยเครียดเพิ่มขึ้น 2.1 เท่า เสี่ยงเป็นซึมเศร้าอีก 4.8 เท่า สาเหตุเกิดจากการเสพข่าวรุนแรงบ่อยเกินไป โดยช่วงนั้นมีข่าวรุนแรงเกิดขึ้น 3 ข่าวคือข่าวแตงโม นิดา ข่าวยูเครน และข่าวโควิด-19 

จะเห็นว่าการเสพข่าวความรุนแรงมากเกินไป ไม่เป็นผลต่อดีต่อสภาพจิตใจ โดยจะเกิดขึ้นกับบุคคลไม่สามารถควบคุมความรู้สึกของตัวเองได้ วันนี้ทีมข่าว THE STATES TIMES จะพาไปทำความรู้จักกับภาวะ Headline Stress Disorder และแนะแนวทางหาวิธีป้องกันครับ

ซึ่งภาวะ Headline Stress Disorder เกิดจากการเสพเนื้อหารุนแรง หรือดูเนื้อหาที่กระทบจิตใจซ้ำๆ ทำให้เหมือนกับการถูกโยนระเบิดใส่ตัวเองทีละลูก ทำให้คนที่เสพรู้สึกเครียด ซึมเศร้า หดหู่ ภาวะนี้ยังเกิดจากเสพเนื้อหาแง่ดีได้ด้วย เช่นการดูข่าวความสำเร็จคนอื่น แล้วมาเปรียบเทียบกับตนเอง จนนำไปสู่สภาพจิตใจที่ไม่มั่นคง

โดยผลเสียของการเป็นภาาวะนี้คือ อาจเกิดการทะเลาะกับคนใกล้ตัวบ่อย เพราะเมื่อสภาพจิตใจไม่มั่นคงจะทำให้เกิดพฤติกรรมที่ไม่เป็นมิตร จุกจิกมากขึ้น มีสมาธิในการทำงานน้อยลง จนขัดแย้งกับเพื่อนร่วมงานหรือเพื่อนสนิท

รวมถึงอาจเกิดระยะห่างของเพื่อนและตัวเราได้ เพราะคนที่อยู่ในภาวะนี้จะมีพฤติกรรมเก็บเนื้อเก็บตัว ไปพบปะสังสรรค์กับเพื่อนน้อยลง ทำให้คนรอบตัวสงสัยหรือไม่เข้าใจถึงพฤติกรรมเหล่านี้ เพราะเขาจะคิดว่าตัวเองทำอะไรผิดหรือเปล่า เพื่อนถึงไม่พูดคุย ไม่มาสังสรรค์เหมือนเมื่อก่อน

ในตอนนี้หากคนที่คิดว่าตัวเองกำลังอยู่ในภาวะนี้อยู่ ให้งดอ่าน งดดูข่าว หรือข้อมูลที่มีหัวข้อสร้างความอ่อนไหวทางจิตใจ เช่น ข่าวการสูญเสีย การฆ่าตัวตาย หรือให้เลือกช่องทางการดูมากขึ้น เช่นข่าวช่องไหนกำลังเสนอเรื่องความรุนแรง ให้กดข้ามไปดูช่องอื่นที่นำเสนอข่าวไม่กระทบจิตใจ จำกัดเนื้อหาในโซเซียล เลือกเสพเนื้อหาที่มันบรรเทิงต่อจิตใจ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top