Tuesday, 13 May 2025
Hard News Team

แฉ!! 18 กลโกงมิจฉาชีพบนโลกออนไลน์ ที่ตำรวจอยากให้รู้ไว้ ก่อนตกเป็นเหยื่อ

ก่อนอื่นต้องยอมรับเลยนะครับ ว่าเทคโนโลยีด้านการสื่อสารในยุคปัจจุบัน ที่สะดวกรวดเร็วทันใจ และมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องไม่หยุดนั้น มีทั้งข้อดีและข้อเสียที่เป็นภัยซ่อนอยู่ โดยเฉพาะในยุคที่ข้อมูลส่วนตัวทุกอย่างผูกติดไว้กับโลกออนไลน์ ซึ่งต้องยอมรับนะครับ ว่าโลกออนไลน์ ยิ่งเร็ว ยิ่งสะดวก ก็ยิ่งอันตราย 

เพราะไม่แค่เทคโนโลยีเท่านั้นที่พัฒนาต่อเนื่อง แต่เหล่ามิจฉาชีพเอง ก็สรรหากลยุทธ์ กรรมวิธี และหลากหลายกลโกง เพื่อใช้หลอกลวงให้เราให้ตกเป็นเหยื่อได้โดยง่าย หากรู้ไม่เท่าทันอยู่เช่นกัน

ด้วยความห่วงใยจากใจทีมงาน THE STATES TIMES เราจึงได้รวบรวมข้อมูล ‘18 กลโกงมิจฉาชีพบนโลกออนไลน์’ จากศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ สํานักงานตํารวจแห่งชาติ หรือ Police Cyber Taskforce (PCT Police) มาไว้ให้รู้เท่าทันทั้งหมด 18 รูปแบบ ดังนี้...

1. หลอกขายสินค้าออนไลน์ แต่พอเราสั่งไปแล้ว กลับไม่ได้รับสินค้า หรือ สินค้าที่ส่งมานั้น ไม่ตรงปกตามที่ลงรูป หรือ โฆษณา

2. หลอกให้สมัครงานเสริมออนไลน์ โดยชักชวน ให้ข้อมูลการทำงานออนไลน์ที่ไม่มีจริง จากการอ้างถึง Platform ที่มีความน่าเชื่อถือ ไม่ว่าจะเป็น TikTok / YouTube / Lazada หรืออื่น ๆ โดยหลอกลวงให้กดไลก์ กดแชร์ เพื่อเพิ่มยอดวิว แกล้งให้รับออเดอร์ ทำสต๊อกสินค้า จากนั้นหลอกลวงโดยใช้วิธีเรียกเก็บเงินค้ำประกันการทำงานจากเหยื่อ

3. เงินกู้ออนไลน์ ที่ไม่มีจริง หรือเงินกู้ทิพย์นั้นเอง โดยหลอกเอาข้อมูล เงินค้ำประกัน ค่าธรรมเนียม และเลขที่บัญชีธนาคารจากเหยื่อ ซึ่งหากมีการกู้เกิดขึ้นจริง ก็จะเรียกเก็บดอกเบี้ยในอัตราที่โหดเหี้ยมสุดๆ ซึ่งจะใช้วิธีล่อลวง ชวนเชื่อจากการกู้ที่ไม่ต้องค้ำประกัน ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลในโทรศัพท์ โทร.ทวงหนี้จากคนใกล้ชิด เรียกดอกเบี้ยมหาโหด

4. ข่มขู่ให้เกิดความหวาดกลัว (Call Center) โดยมุ่งเป้าโทร.หาเหยื่อ พร้อมแจ้งข้อมูลว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำที่ผิดกฎหมาย ซึ่งจะมีการอ้างตัวเป็นตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่รัฐ ข่มขู่เรื่องกฎหมายการฟอกเงิน แจ้งจะมีการอายัดบัญชีธนาคาร จากนั้นล่อลวงให้เหยื่อโอนเงิน

5. หลอกลวงให้ลงทุนในรูปแบบต่างๆ โดยอ้างเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน ชักชวนให้ลงทุนในธุรกิจที่ไม่มีจริง ให้ผลตอบแทนสูง สร้างภาพความน่าเชื่อถือ อาทิ ลงทุนในธุรกิจน้ำมัน / พลังงาน / ทองคำ / เงินดิจิทัล / ตลาดหุ้น / Forex / ตลาดหลักทรัพย์ต่างชาติ และเกมออนไลน์ เป็นต้น

6. หลอกให้รักแล้วลงทุน โดยปลอมแปลง Profile เป็นบุคคลหน้าตาดี เพื่อมาตีสนิทจาก App หาคู่ หรือบัญชีออนไลน์ จากนั้นเริ่มสอนให้ลงทุน และลงทุนผ่าน App การลงทุนปลอม อาทิ เทรดหุ้น / เงินดิจิทัล / สกุลเงินปลอม หรือทอง เป็นต้น

7. หลอกให้รักแล้วโอนเงิน หรือยืมเงิน โดยใช้วิธีเดียวกัน คือปลอมแปลง Profile เป็นบุคคลหน้าตาดี ทำความรู้จักผ่านบัญชีออนไลน์ ตีสนิทหลอกให้รัก ทำทีจะส่งทรัพย์สินมีค่ามาให้จากต่างประเทศ แต่ก็หลอกล่อขอค่าธรรมเนียมต่างๆ หรือหลอกให้โอนเงิน โดยอ้างว่าจะคืนให้ในภายหลัง

8. ปลอมแปลง หรือ Hack บัญชี Line / Facebook ของเพื่อน จากนั้นหลอกยืมเงิน โดยส่งข้อความขอยืมเงินมาจากบัญชีของเพื่อนที่เรารู้จัก

'ชัยวุฒิ' ปัด พปชร.ยังไม่ได้คุยสูตร 'หมดที่ลุงตู่ สู่ลุงป้อม' โว!! พรรคผลงานเพียบ ยัน ยังหนุน 'ประยุทธ์'

(23 ต.ค.65) ที่ลานพระราชวังดุสิต นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายรงค์ บุญสวยขวัญ ส.ส.นครศรีธรรมราช และกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ เสนอสูตร 'หมดที่ลุงตู่ สู่ลุงป้อม' ว่า เรื่องนี้ยังไม่ทราบและยังไม่ได้มีการคุยกันในพรรค

ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้แพลนว่าจะเป็นแคมเปญต่อไปของพรรคหรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ยังไม่ทราบ และภายในพรรคยังไม่ได้คุยกัน เป็นเรื่องที่ต้องถามทางผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกรรมการบริหารพรรค แต่วันนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยกันในเรื่องนี้ แต่ขอยืนยันว่าพรรคพลังประชารัฐยังเป็นพรรคหลักของรัฐบาลและสนับสนุน พล.อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในการทำงานเพื่อเดินหน้าสร้างผลงานดูแลพี่น้องประชาชนให้เต็มที่ และตนเชื่อว่าผลงานของรัฐบาลจะเป็นตัวน ไปสู่การเลือกตั้งที่ทำให้ประชาชนยอมรับ และประสบความสำเร็จในการเลือกตั้ง ซึ่งก็มาจากการทำงานของเรา เพราะฉะนั้นวันนี้อย่าเพิ่งไปพูดถึงประเด็นการเมือง เวลาที่เหลือเป็นช่วงเวลาที่เราต้องเร่งทำงาน ให้กับประชาชนให้ดีที่สุดก่อน

เมื่อถามว่า แสดงว่าวันนี้พรรคพลังประชารัฐยังไม่ได้เร่งในส่วนของนโยบายใช่หรือไม่ นายชัยวุฒิกล่าวว่า เราเน้นทำงาน ทุกอย่างที่ทำไปคือนโยบายของรัฐบาลและเป็นนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ ขอให้ดูที่ผลงานและสิ่งที่เราทำ ตนเชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่เข้าใจ ถ้าให้ความเป็นธรรมกับรัฐบาลก็มีหลายอย่างที่ดีขึ้นและพัฒนาไปมาก อย่างเช่น โครงสร้างพื้นฐาน การแก้กฎหมาย การปรับปรุงหลายอย่างที่ทำให้บ้านเมืองทันสมัย แต่เข้าใจว่าในภาวะแบบนี้ โดยเฉพาะเรื่องของโควิด-19 ทำให้หลายคนได้รับผลกระทบ หรืออย่างกรณีสงครามยูเครนและรัสเซีย ส่งผลให้ค่าครองชีพสูงขึ้นเพราะราคาน้ำมันสูงขึ้น ยอมรับว่าประชาชนหลายคนลำบาก แต่รัฐบาลพยายามทำให้ดีที่สุด แต่ถ้ามองจากประเทศอื่นๆ ก็ยังมีตัวเลขด้านเศรษฐกิจหรือการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่เราดีกว่าหลายประเทศ โดยเฉพาะการท่องเที่ยวที่ไทยฟื้นตัวได้มาก เพราะเราสามารถแก้ไขโควิด-19 ได้ดี ซึ่งถ้ามองผลงานต่างๆของรัฐบาล ส่วนตัวเชื่อว่าประชาชนเข้าใจและให้ความเชื่อมั่นกับรัฐบาลที่จะทำงานต่อไปได้

เมื่อถามว่า สูตรที่ออกมาไม่ได้เป็นการหยั่งเสียงประชาชนใช่หรือไม่ นายชัยวุฒิกล่าว "ผมยังไม่รู้ว่าใครพูดเลย เพราะยังไม่เคยได้ยิน ส่วนจะเป็นสมาชิกพรรคที่เสนอความเห็นออกมาหรือไม่นั้นผมไม่ทราบ เพราะพรรคการเมืองและนักการเมืองมีหลายคนสามารถที่จะแสดงความเห็นได้ ทุกคนก็แสดงความคิดเห็นไปต่างๆ นานา ก็แล้วแต่ เป็นความคิดที่แตกต่างหลากหลาย แต่สุดท้ายขึ้นอยู่กับผู้บริหารพรรคและผู้หลักผู้ใหญ่ที่จะพูดคุยกัน ซึ่งผมคิดว่ายังไม่ได้ข้อสรุป แล้วยังไม่เห็นเรื่องนี้เลย"

นายชัยวุฒิ กล่าวอีกว่า วันนี้ทุกคนมุ่งมั่นที่จะทำงาน ยังรักและสามัคคีเดินหน้าทำงานร่วมกันเพื่อให้รัฐบาลสามารถแก้ไขปัญหากับประชาชนได้ และทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำมาถือว่าประสบความสำเร็จในทุกๆ เรื่อง

นายชัยวุฒิ เปิดเผยว่า ในวันที่ 27 ต.ค.นี้ทางพรรคพลังประชารัฐจะมีการแถลงข่าวเปิดตัวผู้สมัครส.ส. ในพื้นที่ภาคใต้ แต่ไม่ได้มีนัยยะสำคัญอะไร

'หมอสอง' โดนลักพาตัว ถูกขังอยู่ 10 กว่าวัน ล่าสุดได้รับการช่วยเหลือแล้ว

เผย ‘หมอสอง’ โดนลักพาตัว ถูกขังอยู่ 10 กว่าวัน ก่อนได้รับการช่วยเหลือแล้ว รายละเอียดต้องรอให้หมอสองกลับมาเล่าอีกครั้งตอนบินกลับมาเมืองไทย

จากกรณีมีข่าวออกมาว่า หมอสอง นพรัตน์ รัตนวราห หมอศัลยกรรมชื่อดัง หายตัวไปจากโซเชียล ระหว่างเดินทางทริป “หมอสองท่องโลก!!” ซึ่งเริ่มเดินทางตั้งแต่วันที่ 2 ก.ย. ทั้งที่ก่อนหน้านี้หมอสองจะโพสต์อัพเดตแชร์เรื่องราวการเดินทางของตนเองอยู่เป็นระยะ

จนมีเมื่อวันที่ 28 ก.ย.ที่ผ่านมา มีคนเข้าไปคอมเมนต์ถามหาหมอสอง หายไปไหนไม่มาลงคลิปอัปเดตเลย ทั้งที่หมอสองโพสต์ไว้ก่อนหน้านี้จะใช้เวลาในการเดินทางทั้งหมด 3 สัปดาห์ 9 ประเทศ 12 ก.ย. – 3 ต.ค.65 คือ อัฟกานิสถาน, ปากีสถาน, ชาด, ไนเจอร์, เบอร์กินาฟาโซ, มาลี, แคเมอรูน, อิเควทอเรียลกินี และเซาท์โทเม”

แต่ในโซเชียลของหมอสองไม่มีการเคลื่อนไหวตั้งแต่วันที่ 22 ก.ย. ที่หมอสองโพสต์ว่ากำลังจะเดินทางไปยังชายแดนประเทศมาลี ก่อนมุ่งสู่เมืองหลวงของมาลีต่อไป ทำให้หลายคนเป็นห่วง จนกระทั้ง หญิงแย้ นนทพร อดีตภรรยา ได้โพสต์ประกาศตามหา และได้ลบโพสต์ไปในเวลาอันรวดเร็ว

ล่าสุดผู้สื่อข่าว ทางประชาสัมพันธ์ส่วนตัวของหมอสอง ได้รับการยืนยันว่าหมอสองได้ถูกลักพาตัวไปจริง โดยเหตุการณ์ครั้งนี้หมอสองโดนนำตัวไปกักขังอยู่ประมาณ 10 กว่าวัน

'นิด้าโพล' เผยผลสำรวจ 'คนที่ใช่พรรคที่ชอบของคนใต้' พบ 'คนใต้' ยังหนุน 'บิ๊กตู่' นั่งนายกฯ เป็นอันดับ 1

(23 ต.ค.65) ศูนย์สำรวจความคิดเห็น 'นิด้าโพล' สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง 'คนที่ใช่ พรรคที่ชอบ ของคนใต้' ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 17-20 ตุลาคม 2565 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และมีสิทธิเลือกตั้งในภาคใต้ กระจายทุกระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ รวมทั้งสิ้น จำนวน 2,001 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับคนที่ใช่ พรรคที่ชอบ ของคนใต้ การสำรวจอาศัย การสุ่มตัวอย่าง โดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ 'นิด้าโพล' สุ่มตัวอย่างด้วยวิธีแบบง่าย (Simple Random Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0

จากการสำรวจเมื่อถามถึงบุคคลที่คนใต้จะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 23.94 ระบุว่าเป็น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะ ซื่อสัตย์สุจริต มีความเด็ดขาด กล้าตัดสินใจ ทำให้บ้านเมืองเกิดความสงบ และต้องการให้บริหารประเทศอย่างต่อเนื่อง อันดับ 2 ร้อยละ 13.24 ระบุว่าเป็น น.ส.แพทองธาร (อุ๊งอิ๊งค์) ชินวัตร (พรรคเพื่อไทย) เพราะ เป็นคนรุ่นใหม่ ชื่นชอบพรรคเพื่อไทย นโยบายพรรคเพื่อไทยสามารถแก้ไขปัญหาราคาสินค้าทางการเกษตรได้ ขณะที่บางส่วนระบุว่า ชื่นชอบผลงานของตระกูลชินวัตร อันดับ 3 ร้อยละ 12.79 ระบุว่า ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ อันดับ 4 ร้อยละ 11.24 ระบุว่าเป็นนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ (พรรคก้าวไกล) เพราะ ต้องการเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เข้ามาบริหารประเทศ เป็นคนมีวิสัยทัศน์ ชื่นชอบนโยบายและอุดมการณ์ทางการเมืองของพรรคก้าวไกล อันดับ 5 ร้อยละ 6.14 ระบุว่าเป็น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส (พรรคเสรีรวมไทย) เพราะ เป็นคนตรงไปตรงมา มีความมุ่งมั่นตั้งใจในการทำงาน มีความซื่อสัตย์สุจริต และชื่นชอบวิธีการทำงาน

อันดับ 6 ร้อยละ 5.95 ระบุว่าเป็น นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ (พรรคประชาธิปัตย์) เพราะ ชื่นชอบผลงานที่ผ่านมา และชื่นชอบพรรคประชาธิปัตย์ อันดับ 7 ร้อยละ 5.30 ระบุว่าเป็น นายกรณ์ จาติกวณิช (พรรคชาติพัฒนากล้า) เพราะ มีความรู้ มีความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ และเป็นคนสุขุมรอบคอบ อันดับ 8 ร้อยละ 5.10 ระบุว่าเป็น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (พรรคไทยสร้างไทย) เพราะ มีความมุ่งมั่นตั้งใจในการทำงาน มีประสบการณ์ด้านการบริหาร ชื่นชอบนโยบายของพรรค ขณะที่บางส่วนระบุว่า ต้องการเปิดโอกาสให้ผู้หญิงเข้ามาบริหารประเทศ อันดับ 9 ร้อยละ 4.00 ระบุว่าเป็น นายอนุทิน ชาญวีรกูล (พรรคภูมิใจไทย) เพราะ ชื่นชอบนโยบายของพรรคภูมิใจไทย เป็นคนพูดจริงทำจริง และลงพื้นที่ดูแลประชาชนอย่างต่อเนื่อง

อันดับ 10 ร้อยละ 2.90 ระบุว่าเป็น นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา (พรรคประชาชาติ) เพราะ เป็นคนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่อง อันดับ 11 ร้อยละ 2.40 ระบุว่าเป็น ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ (พรรคสร้างอนาคตไทย) เพราะ มีความรู้ มีความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ และมีประสบการณ์ด้านการบริหาร

อันดับ 12 ร้อยละ 1.50 ระบุว่าเป็น นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว (พรรคเพื่อไทย) เพราะ ชื่นชอบพรรคเพื่อไทย เป็นคนสุขุมรอบคอบ และชื่นชอบผลงานที่ผ่านมา อันดับ 13 ร้อยละ 1.10 ระบุว่าเป็น ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เพราะ เป็นคนมีความรู้ความสามารถ มีความมุ่งมั่นตั้งใจ ในการทำงาน ขณะที่บางส่วนระบุว่า ชื่นชอบแนวคิดและวิธีการทำงาน และร้อยละ 4.40 ระบุอื่นๆ ได้แก่ น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา (พรรคชาติไทยพัฒนา) นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ (พรรคไทยศรีวิไลย์) นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม (พรรคไทยภักดี) นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์, นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (พรรคประชาธิปัตย์) นายชวน หลีกภัย (พรรคประชาธิปัตย์) พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ (พรรคพลังประชารัฐ) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค (พรรครวมไทยสร้างชาติ) นายเศรษฐา ทวีสิน และไม่ตอบ/ไม่สนใจ

สำหรับพรรคการเมืองที่คนใต้มีแนวโน้มจะเลือกให้เป็น ส.ส. แบบแบ่งเขต ในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 27.49 ระบุว่าเป็นพรรคประชาธิปัตย์ อันดับ 2 ร้อยละ 14.94 ระบุว่าเป็น พรรคเพื่อไทย อันดับ 3 ร้อยละ 12.09 ระบุว่าเป็น พรรคพลังประชารัฐ และยังไม่ตัดสินใจ ในสัดส่วนที่เท่ากัน อันดับ 4 ร้อยละ 11.84 ระบุว่าเป็น พรรคก้าวไกล อันดับ 5 ร้อยละ 7.45 ระบุว่าเป็น พรรคภูมิใจไทย อันดับ 6 ร้อยละ 3.60 ระบุว่าเป็น พรรคประชาชาติ อันดับ 7 ร้อยละ 3.10 ระบุว่าเป็น พรรคเสรีรวมไทย อันดับ 8 ร้อยละ 1.50 ระบุว่าเป็น พรรคชาติพัฒนากล้า และพรรคไทยสร้างไทย ในสัดส่วนที่เท่ากัน อันดับ 9 ร้อยละ 1.05 ระบุว่าเป็น พรรคกล้า อันดับ 10 ร้อยละ 1.00 ระบุว่าเป็น พรรคสร้างอนาคตไทย และร้อยละ 2.35 ระบุอื่นๆ ได้แก่ พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคไทยภักดี พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคไทยศรีวิไลย์ พรรครวมพลัง (พรรครวมพลังประชาชาติไทย) พรรคเศรษฐกิจใหม่ และไม่ตอบ/ไม่สนใจ

'จุรินทร์' เดินหน้าเปิดตัว 4 ปชป.สมุทรสาคร ชู!! 'ไม่เอาล้มเจ้า-ไม่เอายาเสพติด-เร่งฟื้นประมง'

'จุรินทร์' ควง 'สาธิต' เปิดตัว 4 ปชป.สมุทรสาคร ชาวบ้านเชียร์ลั่นเป็นนายก! ประกาศเดินหน้าฟื้นประมง ไม่เอาล้มเจ้า ไม่เอายาเสพติด

เมื่อ 22 ต.ค. 2565 ที่ผ่านมา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วย นายสาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรค ซึ่งดูแลภาคกลาง และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ร่วมกันนำ 'จุรินทร์ ออนทัวร์' มาที่จังหวัดสมุทรสาคร เพื่อเปิดตัวผู้สมัครทั้ง 4 เขต ประกอบด้วย เขต 1 นายชวพล วัฒนพรมงคล นักการเมืองรุ่นใหม่ เป็นรองนายกเทศมนตรีนครสมุทรสาคร เป็นรองประธานหอการค้าจังหวัดสมุทรสาคร, เขต 2 นายภูดิส แก้วตระกูลโชติ วิศวกรหนุ่ม อดีตรองนายก อบต.ท่าทราย, เขต 3 นายธนวัฒน์ ทองโต (สจ.ช้าง) เป็นทนายความ และ เขต 4 นายนิติรัฐ สุนทรวร อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์เขต 3

โดยนายจุรินทร์ กล่าวว่า ตนและพรรคประชาธิปัตย์ มีความรู้จักมักคุ้นกับคนในพื้นที่มาเป็นเวลานาน จึงได้เตรียมการเรื่องพื้นที่โดยเฉพาะการปรับตัวให้เข้ากับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพราะการเลือกตั้งเที่ยวหน้าจะไม่เหมือนครั้งที่แล้วที่เป็นการเลือกตั้งด้วยบัตรใบเดียว นำคะแนนพรรคกับคะแนนคนมามัดรวมกันเป็นข้าวต้มมัด แต่การเลือกตั้งเที่ยวหน้า จะแยกเป็นบัตร 2 ใบเพราะเป็นร่างรัฐธรรมนูญใหม่ที่แก้ไขเสนอโดยพรรคประชาธิปัตย์ ทำให้การเลือกตั้งเป็นประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้น ให้เสรีภาพกับประชาชนในการเลือกคนกับพรรคได้

นอกจากนี้พรรคประชาธิปัตย์ยังได้เตรียมนโยบายไว้ชัดเจนแล้ว โดยในภาพรวมเราจะมุ่งหน้าทำงานทั้งด้านการเมืองและขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปด้วยกัน ไม่แยกเฉพาะการเมืองทิ้งเศรษฐกิจ หรือทำแต่เศรษฐกิจทิ้งการเมือง เพราะเศรษฐกิจกับการเมืองจะต้องเดินไปด้วยกัน เวลาแก้ปัญหาเศรษฐกิจก็ต้องแก้ปัญหาการเมืองไปด้วย เพราะฉะนั้นนโยบายทางการเมืองของประชาธิปัตย์ จึงมีจุดยืนชัดเจน คือยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข นอกจากนั้นประชาธิปไตยที่ประชาธิปัตย์ต้องการเห็น ก็จะต้องเดินหน้าแก้ปัญหาเศรษฐกิจ หรือเรียกง่ายๆ ว่า 'ประชาธิปไตยท้องอิ่ม' เพื่อให้พี่น้องประชาชนสามารถลืมตาอ้าปากทางเศรษฐกิจได้ภายใต้กลไกการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ส่วนล้มเจ้านั้น ประชาธิปัตย์ไม่เอา

นายจุรินทร์ยังกล่าวอีกด้วยว่า เศรษฐกิจสมุทรสาคร จะต้องเดินหน้าด้วยเศรษฐกิจ 3 ขา

ขาที่ 1 อุตสาหกรรม เพราะเป็นตัวจักรขับเคลื่อนที่สำคัญทางเศรษฐกิจของสมุทรสาคร

ขาที่ 2 เกษตรกรรม มีความสำคัญกับชาวสมุทรสาครโดยเฉพาะบ้านแพ้วซึ่งปลูก มะพร้าว ลำไย กล้วยไม้ มะนาว และมีพืชผลการเกษตรอื่นๆ ที่เราจะทิ้งฐานการเกษตรไม่ได้เพราะยังทำเงินให้เศรษฐกิจฐานรากของจังหวัด

ส่วนขาที่ 3 คือ การเดินหน้าด้วยการประมง ซึ่งภายใต้หลักคิดของประชาธิปัตย์คือการพื้นฟื้นประมงกลับคืนมาให้เจริญเติบโตก้าวหน้าไปด้วยกันได้ ทั้งประมงพื้นบ้านและประมงพาณิชย์ โดยรูปธรรมที่เกิดขึ้นในอนาคต คือ การแก้ไข พ.ร.ก.ประมง ที่บังคับใช้ในปัจจุบัน เนื่องจากมีความเคร่งครัดจนทำให้ธุรกิจประมงเดินหน้าต่อไปไม่ได้

"แม้เราจะยอมรับกติกา IUU แต่ต้องเป็นไปอย่างเหมาะสมกับประเทศไทย และไม่มีผลในการบั่นทอนกิจการการประมงของประเทศด้วย ซึ่งเรื่องนี้มีจุดสมดุลของมันอยู่ ดังนั้นในการเลือกตั้งเที่ยวหน้า จึงหวังว่าพี่น้องประชาชนจะสนับสนุนผู้สมัครของพรรคทุกคน และให้เราปักธงประชาธิปัตย์ในจังหวัดสมุทรสาครได้อีกครั้งหนึ่ง"

จากนั้นมีเสียงจากชาวบ้านที่เข้าร่วมการเปิดตัวผู้สมัคร ได้ตะโกนให้กำลังใจ นายจุรินทร์ หัวหน้าพรรค และผู้สมัครของพรรค ว่า “ประชาธิปัตย์จงเจริญ ขอให้ท่านได้เป็นนายก เพื่อมาฟื้นประมงสมุทรสาคร” ท่ามกลางเสียงปรบมืออย่างกึกก้อง

หลังจากนั้นหัวหน้าพรรค ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า จากการเลือกตั้งที่ผ่านมา เราก็ได้ ส.ส. มาอย่างต่อเนื่องหลายยุคหลายสมัย ตั้งแต่ท่านณรงค์ สุนทรวร ท่านอเนก ทับสุวรรณ มาถึง น.ต.สุธรรม ระหงส์ มาจนถึง นิติรัฐ สุนทรวร เพียงแต่ครั้งที่แล้วเราเว้นไปครั้งเดียว แต่เที่ยวหน้าก็ไม่ได้แปลว่าเราจะไม่มีโอกาส และการเปิดตัวครบทั้ง 4 เขตในวันนี้ถือว่าประชาธิปัตย์เป็นพรรคแรกๆ ที่มีความพร้อมเปิดตัวครบ

“เราก็มั่นใจว่าเสียงตอบรับจากประชาชนมีแน่นอน และมั่นใจว่าเรามีโอกาสที่จะปักธงได้อีกครั้งที่จังหวัดสมุทรสาคร เพราะชาวบ้านกับเรามีความสัมพันธ์กันมานาน ท่านอเนก ทับสุวรรณก็ยังอยู่กับพรรค และสมาชิกของเราก็สนับสนุนอยู่ รวมทั้งคนรุ่นใหม่ๆ ที่เดินเข้ามาเป็นสมาชิกก็มีจำนวนมากที่เข้ามาช่วยกัน” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว

พร้อมกับตอบผู้สื่อข่าวถึงจุดขายใหม่ของพรรค ที่เน้นการแก้ไขเศรษฐกิจคู่กับการเมืองว่า เป็นจุดขายที่เราได้ประกาศมาก่อนหน้านี้แล้วว่า การแก้ปัญหาเศรษฐกิจกับการเมืองต้องแก้ควบคู่กันไป ต้องเป็นประชาธิปไตยท้องอิ่ม

“นี่เป็นสิ่งที่ผมมั่นใจว่าประชาชน และประเทศไทยยามนี้ต้องการ และต้องการเห็นความชัดเจนในรายละเอียดของนโยบายที่จะตามมาว่า ประชาธิปไตยท้องอิ่มประกอบด้วยอะไรบ้าง ที่จะทำให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น และทำให้คนไทยทั้งประเทศท้องอิ่มขึ้น เศรษฐกิจดีขึ้น นี่คือจุดยืนที่เราประกาศชัดเจน และจุดยืนประชาธิปัตย์ที่เราก็แสดงออกด้วยการพูดจามาก่อนหน้านี้ก็คือ เรายึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และที่สำคัญคือ ไม่เอาล้มเจ้า ไม่เอายาเสพติด ซึ่งเป็นจุดที่ผมคิดว่ามีความสำคัญ และสังคมก็ต้องการเห็นการเดินหน้าที่มีความชัดเจนในสิ่งเหล่านี้” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า การประกาศจุดยืนลักษณะนี้จะเป็นการแบ่งข้างประชาชนหรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า "ไม่ได้แบ่งข้างหรอก แต่เป็นการแสดงจุดยืนในทางการเมืองที่พรรคการเมืองต้องมีความชัดเจนในเรื่องจุดยืนทางการเมือง"

อัปเดตราคา 'หมู - ไก่ - เนื้อ' ประจำวันที่ 23 ตุลาคม 2565

อัปเดตราคาอาหารสดวันนี้ มาดูกันว่าตามท้องตลาด ราคาอาหารสด ประจำวันที่ 23 ตุลาคม 2565 จะเพิ่มขึ้นหรือลดลงแค่ไหน ไม่ว่าจะเป็น ราคาหมู ราคาไก่ ราคาไข่ไก่ รวมไปถึงราคาผักสด เช็กกันเลย...

'เฉลิมชัย' ลุยตรวจความพร้อมการป้องกันน้ำท่วมเพชรบุรีช่วงภาวะเสี่ยง กำชับชลประทานพร้อมปฏิบัติการ 24 ชั่วโมง

'เฉลิมชัย' ลุยตรวจความพร้อมการป้องกันน้ำท่วมเพชรบุรีช่วงภาวะเสี่ยง กำชับชลประทานพร้อมปฏิบัติการ 24 ชั่วโมง ด้าน 'อลงกรณ์' เสนอ 4 โครงการแก้น้ำท่วมถนนเพชรเกษม เร่งรัดพัฒนาระบบชลประทานพื้นที่ปลายน้ำชายทะเล

รายงานข่าวจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แจ้งว่าดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายประยูร อินสกุล รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน โดยมี นางวันเพ็ญ มังศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี นายสมเกียรติ แจ่มจันทร์ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเพชรบุรี ผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหัวหน้าส่วนราชการลงพื้นที่อำเภอเมือง อำเภอบ้านแหลม อำเภอท่ายางและอำเภอชะอำในเพชรบุรีวันนี้ติดตามการบริหารจัดการน้ำและความพร้อมในการป้องกันอุทกภัยของจังหวัดเพชรบุรี โดย ดร.เฉลิมชัย กล่าวว่าวันนี้ตนได้รับมอบหมายจากคณะรัฐมนตรี ให้ลงพื้นที่มาติดตามแก้ไขปัญหาอุทกภัย จังหวัดเพชรบุรีและจังหวัดประจวบคีรีขันธ์เน้นการทำงานเชิงรุกบูรณาการทุกภาคส่วนขับเคลื่อน 13 มาตรการ 5 แนวทางพร้อมติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดพร้อมปฏิบัติการ24 ชั่วโมง เพื่อความช่วยเหลือประชาชนได้อย่างรวดเร็ว จะต้องตรวจสอบความพร้อมของอาคารชลประทานและพนังกั้นน้ำให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานได้อย่างเต็มศักยภาพ รวมทั้งวางเครื่องสูบน้ำประจำพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม ตลอดจนการบริหารน้ำในอ่างเก็บน้ำแก่งกระจาน อ่างเก็บแม่ประจันต์และอ่างเก็บน้ำน้ำห้วยผากให้อยู่ในเกณฑ์เหมาะสม

ทั้งนี้ กรมชลประทานได้คาดการณ์พื้นที่เสี่ยงภัยในจังหวัดเพื่อการเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดจำนวน 6 จุด ได้แก่ พื้นที่ลุ่มต่ำบริเวณฝั่งซ้ายและฝั่งขวาของแม่น้ำเพชรบุรี ใน อ.บ้านลาด อ.เมือง และ อ.บ้านแหลม จึงได้ทำการติดตั้งเครื่องสูบน้ำพื้นที่ลุ่มต่ำบริเวณดังกล่าว และในพื้นที่เสี่ยงภัยอื่นในจังหวัดเพชรบุรี ครอบคลุมพื้นที่ 17 ตำบล 6 อำเภอ รวมทั้งสิ้น 45 หน่วย และติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำจำนวน 44 หน่วย รวมเครื่องมือเครื่องจักรจำนวน 89 หน่วย ดำเนินการขุดลอกวัชชพืชผักตบชวาในคลอง 19 คลองหลักและติดตั้งเครื่องสูบน้ำ เครื่องดันน้ำลงทะเลพร้อมปฏิบัติการทันที

นายอลงกรณ์ กล่าวรายงานว่า กรมชลประทานและจังหวัดเพชรบุรี ได้บริหารจัดการน้ำ และเตรียมความพร้อมล่วงหน้าถึง 3 เดือนภายใต้เพชรบุรีโมเดลและนโยบายของรัฐมนตรีเกษตรฯ.โดยความร่วมมือจากหน่วยงานชลประทานทั้งส่วนกลาง และส่วนภูมิภาค รวมถึงจังหวัด อบต. กำนันผู้ใหญ่บ้าน อาสาสมัครเกษตรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการประชุม และลงพื้นที่เพื่อเตรียมพร้อมร่วมกับเกษตรกรอย่างต่อเนื่อง โดยจังหวัดเพชรบุรีมีการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ ทั้งการเพิ่มความจุแหล่งเก็บกักน้ำ ขุดลอกคูคลอง จัดการสิ่งกีดขวางทางน้ำ ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ และผลักดันน้ำ เพื่อให้น้ำลงทะเลให้ไวที่สุด หากสามารถบริหารจัดการน้ำได้ดีในตอนต้น ก็จะสามารถป้องกันน้ำท่วมในพื้นที่ได้

พร้อมกันนี้ นายอลงกรณ์ ยังได้ให้ข้อเสนอสำหรับการบริหารจัดการน้ำ และการแก้ไขเพื่อป้องกันเหตุอุทกภัยของจังหวัดเพชรบุรี ดังนี้

1. การแก้ไขปัญหาน้ำท่วมถนนเพชรเกษมทำให้การจราจรติดขัด รถเคลื่อนตัวได้ช้า เกิดปัญหาเป็นประจำในทุกๆปี ล่าสุดคือ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา จึงเสนอแนวทางในการแก้ไขปัญหาโดยการขยายขนาดคลองส่งน้ำสายเพชรบุรี-หัวหินเลียบขนานถนนเพชรเกษมฝั่งตะวันตกซึ่งเป็นคลองขนาดเล็ก 2 คลองให้เป็นคลองใหญ่ 1 คลองสามารถป้องกันน้ำท่วมถนนเพชรเกษมและเป็นคลองส่งน้ำในยามหน้าแล้ง

2. การปรับปรุงระบบส่งน้ำของเขื่อนเพชร ที่มีการก่อสร้างมาแล้วนานกว่า 60 ปี โดยให้มีการศึกษา เพื่อเพิ่มปริมาณน้ำและขยายพื้นที่การเกษตรรวมทั้งแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำในพื้นที่ปลายน้ำ 

3. โครงการพัฒนาระบบชลประทานในพื้นที่ปลายน้ำชายทะเล 43,000 ไร่ ตั้งแต่อำเภอชะอำ ท่ายาง เมืองและบ้านแหลมเป็นพื้นที่ขนานถนนคลองโคน-ชะอำ ซึ่งประสบปัญหาขาดแคลนน้ำมาตลอด

4.โครงการชลประทานตำบลโดยชุมชนเพื่อชุมชนทุกตำบลในเพชรบุรีโดยการสนับสนุนของกรมชลประทานเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน

‘วรวัจน์’ เผย ‘ภูเก็ต’ สาหัส ถนนเข้าหาดถูกตัดขาด-ภูเขาอุ้มน้ำ ดินกำลังสไลด์ จี้ รบ.เร่งแก้-ป้องกันระยะสั้น พร้อมเสนอวางแนวทางแก้ระยะยาว

เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล คณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ตเพื่อเป็นกระบอกเสียงสะท้อนปัญหาให้ประชาชนหลังอาสาพรรคเพื่อไทยในพื้นที่แจ้งว่าปัญหาน้ำท่วมเนื่องจากฝนตกหนักในรอบ 16 ปี ทำให้จังหวัดภูเก็ตได้รับผลกระทบหนักมากกว่าภาพที่ถูกเสนอออกไป

โดยนายวรวัจน์ กล่าวว่า จากการลงพื้นที่พบว่าขณะนี้เส้นทางเข้าหาดป่าตองแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ  ถนนพังถล่ม และเส้นทางถูกตัดขาดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขณะที่ถนนสายอื่นๆก็เกิดเหตุในลักษณะเดียวกันนี้ด้วยแต่ที่น่าเป็นห่วงมากไปกว่านี้คือ พื้นที่จังหวัดภูเก็ตมีลักษณะเป็นเขา ซึ่งขณะนี้ภูเขาอุ้มน้ำเนื่องจากฝนตกลงมาปริมาณมาก ดินและสิ่งปลูกสร้างที่อยู่บนเขากำลังจะถล่มลงมา และอาจโดนบ้านเรือนที่อยู่บริเวณตีนเขาด้วย สถานการณ์ภูเก็ตในวันนี้หนักกว่าภาพข่าวที่ออกไปเป็นอย่างมาก คนภูเก็ตกำลังเดือดร้อนและกังวลหนักเนื่องจากภูเก็ตเป็นพื้นที่ทางเศรษฐกิจ 

คึกคัก ร่วมส่งกำลังใจให้โตโน่ว่ายน้ำข้ามโขง ยอดบริจาคทะลุ 36 ล้านบาท

คึกคัก ร่วมส่งกำลังใจให้โตโน่ว่ายน้ำข้ามโขง ยอดบริจาคทะลุ 36 ล้านบาท

วันที่ 22 ตุลาคม 2565 ที่บริเวณลานพญาศรีสัตตนาคราช อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม ซึ่งเป็นสถานที่จุดเริ่มต้นว่ายน้ำข้ามโขง ONE MAN AND THE RIVER หนึ่งคนว่าย หลายคนให้ ที่พระเอกหนุ่มโตโน่ - ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ ดาราศิลปินนักร้องชื่อดัง ต้องการระดมทุนเพื่อระดมทุนจัดหาอุปกรณ์การแพทย์ให้โรงพยาบาลนครพนม และ สปป.ลาว บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคักของประชาชน และนักท่องเที่ยว ตลอดจนผู้ที่เดินทางมาให้กำลังใจ ร่วมลุ้น และเชียร์ให้กิจกรรมในครั้งนี้สำเร็จลุล่วงตามจุดประสงค์เป็นจำนวนมาก

ก่อนการเริ่มว่ายน้ำ ทุกคนได้ร่วมกันประกอบพิธีบวงสรวงองค์พญาศรีสัตตนาคราช มีพระอาจารย์เทพนรินทร์ ชินรังสี เจ้าอาวาสวัดเทพนรินทราราม เป็นประธานนำประกอบพิธี จากนั้นเป็นการรำถวายจากคณะดาราสาว ที่ประกอบไปด้วย ณิชา ณัฏฐณิชา ดังวัธนาวณิชย์ แฟนสาวของโตโน่  ฮาน่า ฮาน่า ลีวิส,  ไข่มุก รุ่งรัตน์ เหม็งพานิช, แม็กกี้ อาภา ภาวิไล, แบมบี้ สิรินโสพิศ ปัจฉิมสวัสดิ์, แป้ง ดาริน ตาแปง, พิมพ์ ประพิมภรณ์ พิมพาและ อีฟ ไอยวริญร์ ชื่นชอบ และนางรำท้องถิ่นอีก 280 

สภาพอากาศในวันนี้เริ่มมีฝนตกโปรยปรายลงมาตั้งตีสี่ กระทั่งก่อนเริ่มพิธีฝนได้หยุดตก และเมื่อบวงสรวงเสร็จฟ้าก็เปิด มีแสงสว่างและลมโชยมาเป็นระยะๆ ซึ่งพอดีกับการเปิดงานโดยนายชาญชัย คงทัน รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ตามมาด้วยการกล่าวขอบคุณของ นายแพทย์ธนสิทธิ์ ไพรพงษ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครพนม และนายแพทย์แก้วอุดม หลอดทัมมะวง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลแขวงคำม่วน  

ทั้งนี้ยอดรับบริจาคจาก เว็บเทใจ ( https://taejai.com/th/d/onemanandtheriver/) ได้เปิดเผยยอดบริจาคแบบออนไลน์ในกิจกรรมครั้งนี้ ซึ่งเมื่อเวลา 12.30 น.มียอดบริจาคเข้ามาแล้ว 36,189,263 บาท โดยยังเปิดรับบริจาคไปจนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2565 สำหรับการว่ายจะขึ้นฝั่งที่บริเวณท่าน้ำวัดกลางที่อยู่ห่างออกไปจากลานพญาศรีสัตตนาคราชประมาณ 1 กิโลเมตร เพื่อทำกิจกรรมรับบริจาคจากชาวบ้านที่มาร่วมกิจกรรมและไหว้พระประธานในโบสถ์เพื่อขอพร 

หลังจากนั้นลงว่ายน้ำอีกครั้งไปขึ้นที่ท่าน้ำศาลาแสงสิงแก้ว บริเวณหน้าวัดพระอินทร์แปลง พร้อมทำกิจกรรมรับบริจาคอีกครั้ง ก่อนที่จะลงว่ายน้ำข้ามแม่น้ำโขงไปขึ้นฝั่ง สปป.ลาว ที่ท่าน้ำวัดพระธาตุศรีโคตรตะบอง เมืองท่าแขก แขวงคำม่วน และทำกิจกรรมที่วัด ก่อนจะเดินทางไปที่โรงพยาบาลแขวงคำม่วน เพื่อพบปะกับทีมแพทย์และพยาบาล 

จากนั้นพักรับประทานอาหารและพักผ่อนที่โรงแรมริเวอร์เรีย ริมฝั่งโขง เมืองท่าแขก และลงว่ายน้ำข้ามแม่น้ำโขงที่หาดทราย บ้านนาเมือง ที่อยู่ทางตอนเหนือของเมืองท่าแขก กลับมาที่บริเวณท่าน้ำองค์พญาศรีสัตตนาคราชอีกครั้ง ซึ่งตามกำหนดการณ์ คาดว่าโตโน่จะขึ้นฝั่งไทยอีกครั้งในเวลาประมาณ 16.30 น. ซึ่งเมื่อถึงฝั่งแล้วจะนำเอาอุปกรณ์ที่ใส่ว่ายน้ำมาเปิดประมูลเพื่อสมทบทุนเพิ่มเติมอีกด้วย

โดยก่อนการออกว่ายในครั้งนี้ โตโน่ - ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ ได้กล่าวว่า ทั่วโลกต่างต้องการที่จะเห็นสิ่งนี้ นั่นคือความรัก ความสามัคคี ความมีน้ำใจ ซึ่งได้เกิดขึ้นกับคนไทยและคนลาวแล้วที่นครพนม สิ่งนี้เป็นภาพที่สวยงามมาก ตนเองจะจดจำวันนี้ไว้ไปตลอดชีวิต เพราะเป็นวันที่ตนเองภูมิใจและมีความสุขที่สุด ซึ่งการรำถวายก็เป็นการรำที่สวยที่สุดในชีวิตตั้งแต่เคยเห็นมา ไม่ใช่สวยเฉพาะท่ารำ หรือเสื้อผ้า แต่ยังสวยด้วยน้ำใจและหัวใจที่ทุกคนมาช่วยกัน ขอบคุณที่ทำให้รู้จักกับคำว่าเสียสละ รู้จักคำว่าส่วนรวม รู้จักคำว่าสมัครสมานสามัคคี วันนี้ตนเองอาจจะพูดไม่เยอะ เพราะต้องเก็บแรงเอาไว้ไหว้น้ำ ขอไหว้ไปหาพ่อแม่พี่น้องฝั่งลาวก่อน แล้วจะว่ายกลับมาหาทุกคนที่นี่อีกครั้ง 

‘ชลน่าน ศรีแก้ว’ ร่วมพิธีเปิดงาน ‘ดิวาลีเทศกาลแห่งแสงสว่าง’ ร่วมจุดเทียนชัย สัญลักษณ์แห่งการเริ่มต้นใหม่ เปรียบเสมือนชัยชนะฝ่ายดีเหนือฝ่ายร้าย แสงสว่างสดใสแห่งอนาคตชนะความมืดมนในอดีตอันเลวร้าย

นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วย นายจักรพงษ์ แสงมณี กรรมการบริหารพรรค, ดร.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรค, นางสาวชญาภา สินธุไพร รองโฆษกพรรค และส.ก.พรรคเพื่อไทยร่วมพิธีเปิดงาน ‘ดิวาลีเทศกาลแห่งแสงสว่าง’ หรือ Deepavali Bangkok Festival 2022 จัดโดย กรุงเทพมหานคร ร่วมกับสมาคมอินเดียแห่งประเทศไทย (IAT) เครือข่ายพันธมิตรภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคธุรกิจของกลุ่มผู้ประกอบการชาวไทยเชื้อสายอินเดีย กลุ่มชาวอินเดียในประเทศไทย จัดขึ้นที่ย่านลิตเติ้ลอินเดีย, พาหุรัด และคลองโอ่งอ่าง กรุงเทพมหานคร มีพิธีเปิดเมื่อเย็นที่ผ่านมา โดยนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมกันนี้ นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ได้ร่วมบูชาองค์พระพิฆเนศและพระแม่ลักษมี จุดเทียนชัยและกล่าวอวยพรในโอกาสเฉลิมฉลองเทศกาลดิวาลีว่ารู้สึกเป็นเกียรติและขอบคุณที่ได้มีโอกาสมาร่วมพิธีเปิดงานดังกล่าว เพราะความหมายของเทศกาลดิวาลี คือเทศกาลที่จะเป็นการนำแสงสว่างอันสดใสในอนาคตมาไล่ความความมืดมิดในอดีต ขอร่วมตั้งจิตอธิษฐานต่อองค์เทพเจ้าเพื่อให้นำพาสิ่งที่ดีกว่าประเสริฐกว่าในอนาคตมาสู่ชีวิตที่ดีของพวกเราทุกคน

นายแพทย์ชลน่าน กล่าวต่อว่าเทศกาลดิวาลีเป็นเทศกาลเฉลิมฉลองสำหรับคนเชื้อสายอินเดียทั้งชาวฮินดู ชาวซิกซ์ และเชนส์ที่จัดขึ้นทั่วโลก สิ่งที่เห็นวันนี้คือความสว่างไสวจากแสงในตะเกียงดวงน้อย นับร้อยนับพันที่ทวีกำลังเป็นพลังแสงอันยิ่งใหญ่ รอยยิ้มและความสุข เทศกาลนี้จะเป็นจุดเชื่อมโยงความสัมพันธ์ของคนเชื้อสายอินเดียที่มาร่วมงานเฉลิมฉลอง เยี่ยมเยือนพี่น้องครอบครัวที่มาอาศัยอยู่ในแผ่นดินไทยภายใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร ซึ่งจะก่อให้เกิดความผูกพันแน่นแฟ้นต่อแผ่นดินไทยยาวนานยิ่งขึ้น  การร่วมแรงร่วมใจในการจัดงานเทศกาลดิวาลีให้ยิ่งใหญ่มากขึ้นในทุกปี จะช่วยฟื้นเศรษฐกิจและส่งเสริมเชิญชวนนักท่องเที่ยวจากประเทศอินเดียและนักท่องเที่ยวเชื้อสายอินเดียจากทั่วโลก รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติได้เดินทางมาร่วมเฉลิมฉลอง และท่องเที่ยวในไทยเพิ่มขึ้นภายหลังการระบาดของโรคโควิด-19 สิ้นลง เพิ่มรายได้เพิ่มเงินในกระเป๋าแก่ผู้คนในชุมชนลิตเติ้ลอินเดีย ย่านเมืองเก่าแห่งนี้ และฟื้นเศรษฐกิจท่องเที่ยวของไทยอย่างมีนัยยะสำคัญ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top