Saturday, 17 May 2025
Hard News Team

‘อนุ กมธ. ขับเคลื่อนนโยบายบริหารราชการรูปแบบพิเศษ’ จี้ ‘กทม.’ ทำงานเชิงรุก บังคับใช้กฎหมายเข้มแก้ฝุ่น PM 2.5

(22 ม.ค. 68) คณะอนุกรรมาธิการศึกษาและติดตามการขับเคลื่อนนโยบายการบริหารราชการรูปแบบพิเศษ ในคณะกรรมาธิการการกระจายอำนาจ การปกครองส่วนท้องถิ่นและการบริหารราชการรูปแบบพิเศษ สภาผู้แทนราษฎร ได้มีการประชุมเพื่อพิจารณาการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ในกรุงเทพมหานคร โดยมีผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร เข้าร่วมประชุมกับคณะอนุกรรมาธิการ

ที่ประชุมได้ร่วมกันพิจารณาและรับฟังข้อมูล ความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร การจัดทำแผนลดฝุ่นและแผนบริหารจัดการฝุ่น PM 2.5 ตลอดจนการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ในกรุงเทพมหานคร ซึ่งคณะอนุกรรมาธิการได้เสนอกรณีศึกษาการดำเนินการของต่างประเทศเพื่อเป็นต้นแบบให้กรุงเทพมหานครพัฒนาวิธีการแก้ไขปัญหา PM 2.5 ให้เป็นในเชิงรุกมากขึ้น โดยขอให้กรุงเทพมหานครยึดหลักปฏิบัติเหมือนประเทศเกาหลีใต้ "คุณภาพชีวิตของประชาชนยิ่งใหญ่กว่าเงินตราที่เสียไป (The value of human beings is far greater than that of money)" พร้อมทั้งคณะอนุกรรมาธิการได้มีข้อเสนอแนะให้พิจารณามาตรการ ปิดไซท์ก่อสร้างเพื่อเป็นการกดดันรถบรรทุกที่ปล่อยควันดำในทางอ้อม และติดตั้งป้ายเตือนค่าฝุ่น PM ในบริเวณสถานที่สาธารณะ เช่น ป้ายรถเมล์ และทางเข้าสวนสาธารณะทุกแห่งเพื่อให้เป็นมาตรการระยะสั้น และสำหรับมาตรการระยะยาว จากที่มีการประกาศกำหนดเขตมลพิษต่ำ Low Emission Zone ซึ่งมีผลบังคับใช้ในวันที่ 23 – 24 มกราคม 2568 นั้น อนุกรรมาธิการขอให้ปรับหลักเกณฑ์ ให้มีความเข้มข้นมากขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาในเชิงรุกมากกว่านี้

สำหรับเรื่องการปิดโรงเรียน คณะอนุกรรมาธิการได้ตั้งคำถามว่าโรงเรียนที่ปิดไปแล้วมีการเรียนออนไลน์หรือไม่หรือไม่มีการเรียนการสอนเลย ซึ่งก็ได้รับคำตอบว่าในบางโรงเรียนมีการเรียนออนไลน์ และในบางโรงเรียนสามารถจัดการเรียนการสอนชดเชยได้ ซึ่งกรณีนี้หากกรุงเทพมหานครออกประกาศกำหนดพื้นที่ควบคุมเหตุรำคาญ จะสามารถแจ้งผู้ปกครองล่วงหน้าให้เตรียมความพร้อมและแผนรับมือเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาได้อย่างต่อเนื่องควบคู่ไปกับการเรียน

นอกจากการพิจารณาปัญหาฝุ่น PM 2.5 ในกรุงเทพมหานครแล้ว คณะอนุกรรมาธิการยังได้มีการพิจารณาการดำเนินโครงการก่อสร้างทางยกระดับอ่อนนุช – ลาดกระบัง ของกรุงเทพมหานคร ซึ่งขณะนี้การดำเนินโครงการยังมีความล่าช้ากว่าแผนที่กำหนด เนื่องจากมีการปรับแบบของโครงการใหม่ และภายหลังเหตุการณ์ทางยกระดับทรุดตัวเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2566 บริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างได้ดำเนินการเยียวยากลุ่มผู้ได้รับความเสียหายโดยตรงเสร็จสิ้นทั้งหมดแล้ว เป็นเงินจำนวน 8,280,886 บาท (แปดล้านสองแสนแปดหมื่นแปดร้อยแปดสิบหกบาท) สำหรับกลุ่มผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ดำเนินการเยียวยาเสร็จสิ้นแล้ว 356 ราย คงเหลือ 25 ราย ที่อยู่ระหว่างการเจรจา

คณะอนุกรรมาธิการยังได้มีการพิจารณาเรื่องร้องเรียนขอความเป็นธรรมกรณีการจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรโรยัลปาร์ควิลล์ ซึ่งเมื่อคณะอนุกรรมาธิการรับฟังข้อมูล ข้อเท็จจริงจากผู้เกี่ยวข้องแล้ว ได้แนะนำให้ผู้ร้องประสานงานกับกรมที่ดินเพื่อดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติมเอกสารประกอบการยื่นคำขอจัดตั้งนิติบุคคลให้ถูกต้อง ครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด แล้วจึงยื่นคำขอจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรอีกครั้ง

เรื่องสำคัญอีกประการหนึ่งที่คณะอนุกรรมาธิการได้พิจารณาคือปัญหาที่อยู่อาศัยของข้าราชการและลูกจ้างกรุงเทพมหานคร ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาอาคารสงเคราะห์ไม่เคยได้รับการปรับปรุงซ่อมแซมทั้งระบบ จึงเป็นเหตุให้โครงสร้างอาคารชำรุดทรุดโทรม ระบบสาธารณูปโภคเสื่อมสภาพ เกิดท่อรั่วท่อแตก ระบบความปลอดภัยใช้การไม่ได้ และมีห้องพักชำรุดไม่สามารถจัดคนเข้าพักอาศัยได้กว่าหนึ่งพันห้อง ทั้งนี้ คณะอนุกรรมาธิการเห็นว่าหากกรุงเทพมหานครได้รับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๘ เพื่อปรับปรุงอาคารสงเคราะห์ข้าราชการและลูกจ้างประจำของกรุงเทพมหานครให้ครอบคลุมทั้งระบบ จะส่งผลให้การบริหารจัดการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงและซ่อมแซมอาคารสงเคราะห์ สามารถนำรายรับไปปรับปรุงและพัฒนาสภาพแวดล้อม และสิ่งอำนวยความสะดวกให้ผู้พักอาศัยมีคุณภาพชีวิตที่ดีแล้ว ยังสามารถช่วยบรรเทาความเดือดร้อนด้านที่พักอาศัยให้ข้าราชการและลูกจ้างประจำที่ขึ้นบัญชีรอเข้าพักอาศัยกว่าหนึ่งพันครอบครัว ซึ่งจะเป็นขวัญกำลังใจให้แก่ผู้ปฏิบัติงาน มีแรงขับเคลื่อน และมุ่งมั่นในการปฏิบัติราชการให้แก่กรุงเทพมหานครอย่างเต็มกำลังความสามารถต่อไป

'โชรส์เบอรี' เปิดหลักสูตร 'ฮั่นชิง' เน้นสอนภาษาจีน-อังกฤษ ค่าเทอมเริ่ม 6 แสนบาทต่อปี เผยผู้ปกครองพร้อมจ่ายเพียบ

(22 ม.ค.68) ในยุคที่ ภาษา กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยบนเวทีโลก โรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี กรุงเทพ ซิตี้ แคมปัส ได้ประกาศเปิดตัว 'โปรแกรมฮั่นชิง' (Hanqing Bilingual Pathway) หลักสูตรใหม่ที่เน้นการเรียนรู้สองภาษา คือ จีนกลางและอังกฤษ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้ปกครองและแนวโน้มของโลก

อแมนดา เดนนิสัน ครูใหญ่และครูผู้บริหารรุ่นก่อตั้งโรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี เปิดเผยว่า หลักสูตรฮั่นชิงจะเริ่มเปิดการเรียนการสอนในปี 2568 โดยรับนักเรียนตั้งแต่ระดับชั้น Early Years 1-2 (อายุ 3-4 ปี) หลักสูตรนี้จะมีการจัดสัดส่วนการเรียนการสอนเป็น ภาษาอังกฤษ 45% ภาษาจีน 45% และภาษาไทย 10% สอนโดยครูผู้เชี่ยวชาญที่มีคุณวุฒิเทียบเท่ากับใบรับรองการสอนของประเทศอังกฤษ

“โปรแกรมนี้มุ่งเน้นการปูพื้นฐานวิชาการให้กับเด็กตั้งแต่อายุยังน้อย โดยมุ่งหวังให้เด็กมีทักษะภาษาที่แข็งแกร่งในระดับเจ้าของภาษา” เดนนิสันกล่าว พร้อมเสริมว่า “ภาษาจีนเป็นหนึ่งในภาษาที่มีการใช้แพร่หลายทั่วโลก ขณะที่ภาษาอังกฤษเป็นภาษาสากล การเรียนรู้สองภาษานี้จะช่วยเปิดโอกาสและสร้างความได้เปรียบในอนาคต”

สำหรับนักเรียนที่เข้าร่วมโปรแกรมฮั่นชิง จะต้องเรียนจนจบระดับ Year 6 (เทียบเท่าประถมศึกษาปีที่ 6) โดยโรงเรียนตั้งเป้าหมายให้เด็กมีความสามารถด้านภาษาจีนในระดับ HSK 3-4 และพร้อมสำหรับการเรียนหลักสูตร IGCSE และ A-Level ในระบบการศึกษาอังกฤษ ซึ่งจะช่วยเสริมศักยภาพในการแข่งขันในตลาดแรงงานระดับโลก

ผู้ปกครองให้ความสนใจสูง ค่าเทอมเริ่มต้น 6 แสนบาทต่อปี หลักสูตรฮั่นชิงได้รับความสนใจอย่างล้นหลามจากผู้ปกครอง โดยเฉพาะกลุ่มคนไทยที่มองว่าการเรียนรู้ 3 ภาษา ได้แก่ ไทย จีน และอังกฤษ จะช่วยสร้างอนาคตที่ดีให้กับลูก ในขณะที่ผู้ปกครองชาวจีนยังคงให้ความสนใจในหลักสูตรภาษาอังกฤษล้วนมากกว่า

ค่าเล่าเรียนสำหรับโปรแกรมฮั่นชิงมีราคาใกล้เคียงกับหลักสูตรภาษาอังกฤษ ได้แก่

Early Years 1: 662,100 บาทต่อปี

Early Years 2: 697,200 บาทต่อปี

Years 1-2: 783,300 บาทต่อปี

Years 3-4: 840,300 บาทต่อปี

Years 5-6: 869,400 บาทต่อปี

โรงเรียนยังมีแผนในอนาคตที่จะเปิดคอร์สสอนภาษาจีนสำหรับผู้ปกครอง รวมถึงขยายไปยังกลุ่มบุคคลทั่วไปที่สนใจเรียนรู้เพิ่มเติม เพื่อสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ที่ครอบคลุมทุกช่วงวัย การเปิดตัวโปรแกรมฮั่นชิงครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของโรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี ในการพัฒนาการศึกษาเพื่อรองรับโลกยุคใหม่ที่มีความซับซ้อนและการแข่งขันสูง

'จีน-สหรัฐฯ' ไม่ขัด หากเศรษฐีมะกันซื้อหุ้น TikTok 50% แต่ต้องพร้อมแบ่งผลประโยชน์ให้รัฐบาล

(22 ม.ค. 68) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยว่า เขายินดีให้อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีชื่อดังที่สนับสนุนเขา หรือแลร์รี เอลลิสัน ประธานบริษัท Oracle เข้าซื้อกิจการ TikTok โดยผ่านการร่วมทุนกับรัฐบาลสหรัฐฯ  

ทรัมป์กล่าวที่ทำเนียบขาวเมื่อวันอังคาร (21 ม.ค. 68) ว่า “ผมมีสิทธิ์ที่จะทำข้อตกลงนี้ สิ่งที่ผมจะพูดคือ ซื้อเลย แล้วแบ่งผลประโยชน์ครึ่งหนึ่งให้กับสหรัฐฯ เราจะอนุญาต และคุณก็จะมีพันธมิตรที่ยอดเยี่ยม”  

รายงานจากบลูมเบิร์กระบุว่า TikTok ได้ระงับการให้บริการชั่วคราวในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ก่อนที่ทรัมป์จะลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเมื่อวันจันทร์ (20 มกราคม) ซึ่งเป็นวันแรกที่เขาเข้ารับตำแหน่ง เพื่อเลื่อนการแบน TikTok ออกไป 75 วัน  

อย่างไรก็ตาม ByteDance บริษัทแม่ของ TikTok ยังคงปฏิเสธที่จะขายกิจการ แม้ว่าจะมีแรงกดดันจากคำตัดสินของศาลฎีกาและการปิดตัวชั่วคราวของ TikTok ที่อาจทำให้บริษัทต้องพิจารณาขายใหม่  

ทรัมป์ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า “คุณมีทรัพย์สินที่อาจไม่มีมูลค่าเลย หรือมีมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์ ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับว่าสหรัฐฯ จะอนุญาตให้ดำเนินกิจการต่อหรือไม่”  

มีรายงานว่านักลงทุนชาวอเมริกันหลายกลุ่มต่อคิวรอเข้าซื้อกิจการ TikTok รวมถึงเจสซี ทินส์ลีย์ ผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยี, มิสเตอร์บีสต์ คอนเทนต์ครีเอเตอร์ชื่อดัง, แฟรงก์ แมคคอร์ต อดีตเจ้าของทีมลอสแอนเจลิสดอดเจอร์ส และเควิน โอเลียรี นักลงทุนจากรายการ Shark Tank 

ท่าทีของทรัมป์สอดคล้องกับทางปักกิ่งโดยเว็บไซต์เซาธ์ไชน่ามอร์นิงโพสต์ รายงานว่า จีนไม่ขวางการซื้อกิจการ แต่ควรเป็นเรื่องที่บริษัทต่างๆ ตัดสินใจเองอย่างอิสระ  

เหมา หนิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีนกล่าวเมื่อวันจันทร์ว่า “เรายึดมั่นว่าการดำเนินการต่างๆ ของบริษัทควรเป็นไปตามหลักการตลาดอย่างเสรี และหากบริษัทจีนมีส่วนเกี่ยวข้อง ก็ควรปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับของจีน”  

โฆษกจีนยังชี้ให้เห็นว่า TikTok ได้ดำเนินกิจการในสหรัฐฯ มาเป็นเวลาหลายปี และได้รับความนิยมจากผู้ใช้ชาวอเมริกัน พร้อมเรียกร้องให้สหรัฐฯ จัดสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปิดกว้าง ยุติธรรม และไม่เลือกปฏิบัติสำหรับธุรกิจจากทุกประเทศ  

อยุธยา - คณะบริหารธุรกิจฯ ราชมงคลสุวรรณภูมิ เป็นเจ้าภาพจัดโครงการสัมมนาและการแข่งขันทักษะวิชาการ 9 มทร. ครั้งที่ 12 ภายใต้แนวคิด 'R-Innovator สร้างนวัตกรด้วยนวัตกรรม'

(22 ม.ค.68) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ ได้จัดโครงการสัมมนาและการแข่งขันทักษะวิชาการด้านบริหารธุรกิจ 9 มทร. ครั้งที่ 12 ภายใต้แนวคิด 'R-Innovator สร้างนวัตกรด้วยนวัตกรรม' โดยมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุวุฒิ ตุ้มทอง รองอธิการบดี และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุรชัย เอมอักษร คณบดีคณะบริหารธุรกิจและเทคโนโลยีสารสนเทศ นายวัชระ  กระแสร์ฉัตร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยาให้การต้อนรับ คุณสุชาดา ซางแทนทรัพย์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงาน ณ หอประชุมไพศาลสโมสร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ ศูนย์พระนครศรีอยุธยา วาสุกรี

ในการจัดงานครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ในศาสตร์ด้านบริหารธุรกิจ และส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างคณาจารย์และนักศึกษาของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลทั้ง 9 แห่งทั่วประเทศ งานดังกล่าวจัดขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ปี พ.ศ. 2556 โดยปีนี้ มทร.สุวรรณภูมิ ได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดกิจกรรมระหว่างวันที่ 22-24 มกราคม 2568

ไฮไลต์สำคัญในงานมีการจัดกิจกรรมสร้างสรรค์ทั้งหมด 12 รายการ จาก 21 หน่วยงานที่เข้าร่วมแข่งขัน ได้แก่:
1. สร้างผู้ประกอบการนวัตกรรม
2. นวัตกรสื่อสร้างสรรค์
3. R-Innovation: นวัตกรรมสร้างสรรค์เพื่อการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน
4. นวัตกรสร้างสรรค์สู่สากล
5. นวัตกรผู้นำการเปลี่ยนแปลง
6. ต้นแบบอัจฉริยะสร้างนวัตกร
7. นวัตกรสายเกมเมอร์
8. นวัตกรการตลาดดิจิทัล
9. การแข่งขันทักษะทางบัญชี 9 มทร. ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
10. การประชุมวิชาการระดับชาติและนานาชาติ
11. '2 ทศวรรษ มทร.: สืบตำนาน สานรักษา คุณค่ามรดกโลก'
12. ตลาดสร้างผู้ประกอบการ

และความพิเศษของรางวัล คือรางวัลชนะเลิศในแต่ละกิจกรรมได้รับเกียรติจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ลงนามในโล่รางวัล เพื่อยกย่องความสำเร็จของผู้ชนะ

งานครั้งนี้ไม่เพียงเสริมสร้างทักษะด้านบริหารธุรกิจ แต่ยังเน้นการพัฒนานวัตกรที่พร้อมสร้างสรรค์อนาคตอย่างยั่งยืน ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของ มทร. ทั้ง 9 แห่ง ในการร่วมมือสร้างความก้าวหน้าให้กับประเทศ

นายกฯ ใช้ AI พูดภาษาจีน สร้างความเชื่อมั่น นทท. จีน เที่ยวไทยปลอดภัย ต้อนรับตรุษจีน

นายกฯ สื่อสารภาษาจีนผ่าน AI สร้างความเข้าใจ และเชื่อมั่นในความปลอดภัยของ นนท.จีนในไทย

(22 ม.ค. 68) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สื่อสารถึงนักท่องเที่ยวชาวจีนผ่าน ‘เทคโนโลยี AI’ ที่ช่วยแปลภาษาจากไทยเป็นจีน เพื่อสร้างความเข้าใจและความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวชาวจีนถึงความปลอดภัยของการท่องเที่ยวในประเทศไทย

โดยรัฐบาลได้เดินหน้ายกระดับมาตรฐานความปลอดภัยในการเดินทางเข้าประเทศไทย และพัฒนาระบบให้ความช่วยเหลือนักท่องเที่ยว เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวจีนทุกท่าน พร้อมเชิญชวนพี่น้องชาวจีนเดินทางมาประเทศไทยเพื่อร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีนที่จะมาถึงนี้และในโอกาสที่ปีนี้ครบรอบความสัมพันธ์ทางการทูต 50 ปี ระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีนและประเทศไทย

รถไฟฟ้าสายสีแดง จับมือ สำนักงานเขตจตุจักร จัดกิจกรรม 'จดทะเบียนสมรสลอยฟ้า' ต้อนรับวาเลนไทน์

(22 ม.ค.68) งานนี้คู่รักที่กำลังจะเริ่มต้นชีวิตคู่ไม่ควรพลาด เมื่อรถไฟฟ้าสายสีแดง จับมือ สำนักงานเขต จตุจักร จัดงาน Love in the Sky 'จดทะเบียนสมรสลอยฟ้า' ภายในขบวนรถไฟฟ้า ครั้งแรกของโลก !

สำหรับ กิจกรรมดังกล่าว จะจัดขึ้นในวาเลนไทน์ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568 ณ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ (สถานีกลางบางซื่อ) โดยจะมอบประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตให้กับ 30 คู่รัก ซึ่งจะได้รับของขวัญสุดพิเศษ อาทิ

1.ทะเบียนสมรสลอยฟ้าโดยสำนักงานเขต จตุจักร

2.ภาพถ่าย Unseen แบบที่ไม่เคยมีคู่รักคู่ไหน มีโอกาสได้ถ่ายมาก่อน ภายในขบวนรถไฟฟ้า ห้องคนขับรถไฟฟ้าสายสีแดง และ วิวสนามบินนานาชาติดอนเมือง

3.Limited Edition Rice Cooker หม้อหุงข้าวลายพิเศษขนาด 1.8 ลิตร พ่อบ้านจะได้กลับมาทานข้าวบ้านทุกวัน มีลูกเต็มบ้านมีหลานเต็มเมือง

4.กรมธรรม์ประกันภัย การเดินทางรอบโลก จากทิพยประกันภัย 

5.กรอบรูปภาพดาวเทียม THEOS-2 พื้นที่ภูกระดึงรูปหัวใจ จากสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (GISTDA) 

6.Gift Set จากกลุ่มบริษัท ปตท. 

นอกจากนี้ ยังจะมีของขวัญอื่น ๆ อีกมากมายจากผู้สนับสนุน

สำหรับคู่รักที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง Social Media 
ทุก Platform • Red Line SRTET.

‘เอกนัฏ’ ถก สภาธุรกิจไทย-จีน ร่วมพัฒนาอุตฯ เป้าหมาย เล็งผุดนิคมอุตฯคู่แฝดนำร่อง ระยอง-มณฑลอานฮุย

รัฐมนตรีฯ เอกนัฏ หารือ สภาธุรกิจไทย-จีน พัฒนาอุตฯ เป้าหมาย ดันไทยขึ้นชั้นผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าของโลก เตรียมผุดนิคมอุตสาหกรรมคู่แฝดนำร่อง ระยอง-มณฑลอานฮุย 

เมื่อวันที่ (20 ม.ค.68) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ให้ นายเริน หงปิน ประธานสภาส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน นำคณะผู้บริหาร สภาธุรกิจไทย-จีน (TCBC) และสภาส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (CCPIT) เข้าพบเพื่อหารือแลกเปลี่ยนแนวทางด้านการค้าและการลงทุน โดยมี นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม นายภาสกร ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม นายสุเมธ ตั้งประเสริฐ กรรมการ รักษาการผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และคณะผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม เข้าร่วม ณ ห้องประชุมดอกรัก ชั้น 6 อาคารกรมดิษฐ์

รัฐมนตรีฯ เอกนัฏ กล่าวว่า สาธารณรัฐประชาชนจีนมีศักยภาพในการผลิต รวมถึงการวิจัยและพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วน ซึ่งในปัจจุบันมีบริษัทชั้นนำของจีนเข้ามาลงทุนในประเทศไทย จำนวน 7 บริษัท ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) รวมถึงนิคมอุตสาหกรรมสำคัญทั่วประเทศ เพื่อจำหน่ายในประเทศและส่งออกไปทั่วโลก เพื่อให้เกิดการพัฒนาห่วงโซ่อุปทานและบุคลากรในอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย จึงมีกิจกรรมความร่วมมือกับสาธารณรัฐประชาชนจีนในประเด็นเกี่ยวกับการพัฒนาอุตสาหกรรมไทย อาทิ 1) การแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านนโยบายและห่วงโซ่อุปทาน 2) การพัฒนาบุคลากรในภาคอุตสาหกรรม 3) การแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีและผู้เชี่ยวชาญ 4) กิจกรรมเสริมสร้างเครือข่ายระหว่างภาคเอกชน ในสาขายานยนต์ไฟฟ้า พลังงานใหม่ หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ ปัญญาประดิษฐ์ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ และอุตสาหกรรมเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว หรือ BCG

ที่ผ่านมา กระทรวงอุตสาหกรรม ได้ร่วมมือกับ CCPIT ทั้งมิติด้านการค้า การลงทุน การยกระดับนวัตกรรมด้านสิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยี โดยฝ่ายจีนเสนอให้ฝ่ายไทยพิจารณาจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมคู่แฝดระหว่าง นิคมอุตสาหกรรมสมาร์ทพาร์ค จังหวัดระยอง ร่วมกับมณฑลอานฮุย เพื่อเป็นนิคมอุตสาหกรรมคู่แฝดนำร่อง โดยจะได้มีการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกภายในนิคมฯ ให้เป็นเมืองอุตสาหกรรมที่ครบวงจร (Complex) รวมทั้งเสนอให้มีการจัดตั้งโรงเรียนนานาชาติ และโครงการพัฒนาบุคลากรด้านอาชีวศึกษารองรับการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม โดยมีสถาบันไทย-เยอรมัน เป็นต้นแบบ ซึ่งให้บริษัทในนิคมอุตสาหกรรมมีส่วนร่วมในการออกแบบหลักสูตรร่วมกับสถาบันการศึกษาในพื้นที่ เพื่อให้ผู้จบการศึกษามีคุณสมบัติตรงตามที่ภาคอุตสาหกรรมต้องการและสามารถเข้าทำงานได้ทันที ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา รัฐมนตรีฯ เอกนัฏ ได้เป็นประธาน MOU โครงการความร่วมมือไทย-จีน 'Two Countries, Twin Parks' ระหว่าง กนอ. และกรมพาณิชย์ มณฑลอานฮุย สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมี ผู้ว่าการ กนอ. และนายหยาง เปิ่นชิง รองอธิบดีกรมพาณิชย์ มณฑลอานฮุย เป็นผู้ลงนาม

ทรัมป์ขู่!! หากปูตินเมินเจรจายุติขัดแย้งยูเครน เตรียมเจอมาตรการคว่ำบาตรสุดโหด

(22 ม.ค.68) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ กล่าวถึงสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ดำเนินมายาวนานเข้าสู่ปีที่ 3 โดยระบุว่า หากประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ปฏิเสธการเข้าร่วมเจรจาเพื่อยุติสงคราม รัฐบาลสหรัฐอาจพิจารณาขยายมาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติมต่อรัสเซีย

ทรัมป์ชี้ว่า การที่ปูตินยังไม่บรรลุข้อตกลงสันติภาพถือเป็นการสร้างความเสียหายให้กับรัสเซียเอง และกระตุ้นให้ปูตินเข้าร่วมกระบวนการเจรจาโดยเร็ว เพราะหากต้องเผชิญมาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติม เศรษฐกิจของรัสเซียที่อ่อนแอจากผลกระทบของสงครามจะได้รับความเสียหายหนักขึ้นไปอีก

ในขณะเดียวกัน ปูตินแสดงความชื่นชมต่อความตั้งใจของทรัมป์ที่จะหลีกเลี่ยงการนำโลกเข้าสู่ความเสี่ยงของสงครามโลกครั้งที่ 3 และได้แสดงความยินดีกับการเข้ารับตำแหน่งของทรัมป์ในฐานะประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่

เกี่ยวกับแนวทางการยุติสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ปูตินเน้นย้ำว่า การหยุดยิงชั่วคราวไม่ใช่ทางออกที่ยั่งยืน เพราะอาจเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายรวบรวมกำลังพลกลับมาอีกครั้ง แต่ควรมุ่งสู่ 'ข้อตกลงสันติภาพระยะยาว' บนพื้นฐานของการเคารพต่อ 'ผลประโยชน์อันชอบธรรม' ของประชาชนในพื้นที่ขัดแย้ง

ในอีกด้านหนึ่ง ประธานาธิบดีปูตินได้ต่อสายตรงพูดคุยกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ในการหารือแบบทวิภาคี โดยการพูดคุยดังกล่าวเกิดขึ้นไม่กี่ชั่วโมงหลังจากการแถลงการณ์ของทรัมป์ เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นจากนโยบายของผู้นำสหรัฐคนใหม่

กมธฯ การพัฒนาสังคมฯ วุฒิสภา รับหนังสือจากผู้พิการ เพื่อให้ช่วยผลักดันการจ้างงานคนพิการในหน่วยงานราชการ

เมื่อวานนี้ (21 ม.ค.68) เวลา 10.00 นาฬิกา ณ ลานรับเรื่องราวร้องทุกข์ ศาลาแก้ว อาคารรัฐสภา คณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ ผู้ด้อยโอกาส และความหลากหลายทางสังคม วุฒิสภา นำโดย นางวราภัสร์ ไพพรรณรัตน์ ประธานคณะกรรมาธิการ และนายสมหมาย ศรีจันทร์ รองประธานคณะกรรมาธิการฯ ได้ร่วมรับหนังสือเรื่อง การจ้างงานคนพิการในหน่วยงานราชการ จากนายยงยุทธ แสงพรหม เลขาธิการสมาคมคนพิการแห่งประเทศไทย และนายณรงค์ ไปวันเสาร์ นายกสมาคมคนพิการภาคตะวันออก พร้อมคณะ เพื่อขอให้หน่วยงานของรัฐบาลปฏิบัติตามกฎหมายในการจ้างงานคนพิการครบตามที่กฎหมายการจ้างงานคนพิการกำหนด การประกอบอาชีพของคนพิการในด้านอื่น ๆ รวมทั้งการคุ้มครองแรงงานของคนพิการตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน ขอให้รัฐบาลจัดสวัสดิการเบี้ยความพิการให้เกิดความเป็นธรรม ไม่มีการเลือกปฏิบัติต่อคนพิการ พร้อมขอให้รัฐบาลจัดสวัสดิการเบี้ยความพิการตามสภาพเศรษฐกิจ และค่าครองชีพที่มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน และขอให้รัฐบาลส่งเสริมสนับสนุนการเล่นกีฬาของคนพิการ โดยเฉพาะการจัดสวัสดิการให้กับนักกีฬาพิการให้มีความเหมาะสม มีความเท่าเทียมกันโดยไม่เลือกปฏิบัติ และให้รัฐบาลสนับสนุนการสร้างอาชีพให้กับนักกีฬาพิการให้เกิดความยั่งยืนต่อไป

ด้าน นางวราภัสร์ ไพพรรณรัตน์ ประธานคณะกรรมาธิการ กล่าวว่า จะรับเรื่องดังกล่าวนี้ไว้พิจารณา และจะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อผลักดันในเรื่องต่าง ๆ ตามข้อเรียกร้องของผู้พิการตามหน้าที่และอำนาจของวุฒิสภาต่อไป

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มุ่งขับเคลื่อนป้องกันปราบปรามการพักคอยยาเสพติดในพื้นที่ตอนใน และสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดลงสู่พื้นที่ภาคใต้ มุ่งแก้ปัญหายาเสพติดอย่างมีประสิทธิภาพ

(22 ม.ค. 68) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. มอบหมายให้ พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร. ในฐานะประธานอนุกรรมการป้องกัน ปราบปรามการพักคอยยาเสพติดในพื้นที่ตอนใน และสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดลงสู่พื้นที่ภาคใต้ เป็นประธานการประชุมหารือแนวทางป้องกันปราบปรามการพักคอยยาเสพติดในพื้นที่ตอนใน และสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดลงสู่พื้นที่ภาคใต้ โดยมี พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย ผบช.ปส., นายทิพเมษฐ์ สังขวรรณะ ผอ.ปปส.ภาค 1, นายไกรเลิศ ดาวเรือง ผอ.ปปส.ภาค 7, นายโชติพันธ์ จุลเพชร ผอ.ปปส.ภาค 8, พ.ต.ท.นริช สอนดิษฐ ผอ.ปปส.ภาค 9, นายปฤณ เมฆานันท์ ผอ.สำนักปราบปรามยาเสพติด และผู้แทนกรมการปกครอง พร้อมผู้แทนหน่วย บช.น., ภ.1, ภ.7, ภ.8, ภ.9, บช.ตชด. และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม ศปก.ตร. ชั้น 20 อาคาร 1 ตร.

พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีความพร้อมในการตอบสนองนโยบายรัฐบาล ที่ให้ความสำคัญในการปราบปรามยาเสพติดอย่างเข้มงวดในทุกมิติ บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ควบคู่ไปกับการเยียวยาฟื้นฟู คืนคนดีสู่สังคม อันเป็นการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน ได้กำชับให้ทุกฝ่ายสืบสวน หาข่าว ติดตามสถานการณ์ยาเสพติด เส้นทางการลักลอบนำเข้ายาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้าน พื้นที่พักคอยตามแนวชายแดน เส้นทางการลำเลียงยาเสพติด ตั้งแต่พื้นที่ต้นทาง พื้นที่พักคอยตอนใน ไปจนถึงพื้นที่ปลายทางนำข้อมูลมาวิเคราะห์ เพื่อกำหนดมาตรการในการตั้งจุดตรวจ จุดสกัดแบบเหลื่อมเวลาให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ ทั้งเส้นทางหลัก ทางรอง ทางหลบเลี่ยงและเส้นทางโครงข่ายใยแมงมุม เพื่อกำหนดปฏิบัติการกวาดล้างจับกุม โดยยึดถือตาม SOP อย่างเคร่งครัด เน้นการทำงานแบบบูรณาการ ทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ตลอดจนประชาชนในพื้นที่ ประสานความร่วมมือผู้ให้บริการระบบขนส่งโลจิสติกส์ ทั้งภาครัฐและเอกชน บันทึกข้อมูลผู้ส่งพัสดุทุกครั้ง พร้อมร่วมตรวจสอบการลักลอบลำเลียงยาเสพติดทางบริการ
ขนส่งสินค้า หรือพัสดุภัณฑ์ทางไปรษณีย์ เพื่อเฝ้าระวังไม่ให้เครือข่ายขบวนการค้ายาเสพติด
ใช้เป็นช่องทางในการลักลอบลำเลียงยาเสพติด

โดยในห้วงหลังจากนี้จะลงพื้นที่ไปตรวจเยี่ยมติดตามและขับเคลื่อนการปฏิบัติ ณ ด่านตรวจยาเสพติด และจุดปฏิบัติการสำคัญในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ต้องมีผลการปฏิบัติเป็นรูปธรรมและเป็นที่ประจักษ์ของประชาชนและสังคม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันปราบปรามยาเสพติดในทุกมิติ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top