Tuesday, 13 May 2025
Hard News Team

‘เดชรัต’ ประกาศกร้าว!! เสนอ 7 ข้อ หยุดวงจรอุบาทว์  แก้วิกฤติฝุ่น ‘PM 2.5’ ลั่น!! ถ้าเป็นรัฐบาลเห็นผลทันที

(9 เม.ย.66) ‘ก้าวไกล’ ประกาศ 7 ข้อแก้วิกฤติฝุ่นพีเอ็ม 2.5 ถ้าเป็นรัฐบาลเห็นผลทันที 1 มกรา 67 ดัน พ.ร.บ.อากาศสะอาด-งบตำบลละ 3 ล้านป้องกันไฟป่า- ถทุกคันตรวจสภาพฟรี 3 เดือน ด้านผู้สมัครเชียงใหม่ เขต 1 จี้รัฐบาลแก้ปัญหา หลังปล่อยประชาชนรับผลกระทบ รายได้ธุรกิจกลางแจ้งสูญ 30% ใน 3 เดือน

เดชรัต สุขกำเนิด ผู้อำนวยการศูนย์นโยบายเพื่ออนาคต (Think Forward Center) และหนึ่งในทีมเศรษฐกิจพรรคก้าวไกล กล่าวถึงมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ที่กำลังวิกฤติอยู่ในหลายพื้นที่ของประเทศ โดยเฉพาะจังหวัดทางภาคเหนือว่า เมื่อวานนี้ (8 เมษายน) ตนเป็นตัวแทนพรรคก้าวไกล เข้าร่วมเวทีดีเบตประเด็น ‘อนาคตของอากาศบริสุทธิ์จะมาอีกเมื่อไร’ ที่จัดโดยภาคประชาสังคมที่จังหวัดเชียงใหม่ มีผู้เข้าร่วมตั้งคำถามต่อพรรคการเมืองว่าจะแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ในระยะสั้น ซึ่งหมายถึงรอบฤดูฝุ่น 2567 อย่างไร เนื่องจากหลายครั้ง ผู้กำหนดนโยบายมักกล่าวถึงแนวทางแก้ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กในระยะยาว จนประชาชนไม่สามารถมองเห็นความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นได้ แต่ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กก็เวียนกลับมาหาประชาชนเป็นประจำทุกปี และหนักขึ้นในปี 2566 นี้

เดชรัตกล่าวว่า ดังนั้น เพื่อทำลายวงจรอุบาทว์นี้ พรรคก้าวไกล ขอประกาศความเปลี่ยนแปลง 7 ข้อ ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 1 มกราคม 2567 หรือวันเริ่มต้นฤดูที่อาจจะเกิดฝุ่นละอองขนาดเล็กรอบหน้า หากพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล

1. ประเทศไทยจะมี ร่างพระราชบัญญัติอากาศสะอาด และร่างพระราชบัญญัติการรายงานการปล่อยและการเคลื่อนย้ายสารมลพิษสู่สิ่งแวดล้อม หรือ PRTR เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร อาจผ่านวาระ 1-2 แล้วหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความกระตือรือร้นของพรรคการเมืองอื่นๆ แต่พรรคก้าวไกลเราจะยื่นร่างกฏหมายนี้เข้าสู่สภาฯ ภายใน 1 เดือนแรกอย่างแน่นอน

2. จะมีงบประมาณแก้ปัญหาไฟป่าลงสู่พื้นที่ระดับตำบล ตำบลละ 3 ล้านบาท เพื่อการป้องกันไฟป่า การจัดการเชื้อเพลิง การเตรียมทีมอาสา พร้อมทั้งสวัสดิการของทีมอาสา และการปรับระบบการเกษตรแบบไม่เผา พร้อมดำเนินการได้ทันที

3. รัฐบาลไทย จะประกาศใช้มาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (หรือ GAP) เพื่อไม่ให้นำเข้าสินค้าเกษตรที่มีที่มาจากการเผาทุกประเภท เข้าสู่ประเทศไทย ทำลายวงจรธุรกิจการเผาเพื่อการเกษตร แบบเดียวกับมาตรการที่ประเทศสิงคโปร์ทำ

4. ประกาศทางเลือกให้พี่น้องเกษตรกรที่ปลูกข้าวโพด อ้อย และข้าว ว่า (1) สามารถนำเศษวัสดุเหลือใช้ เช่น ฟางข้าว ใบอ้อย ต้นข้าวโพด มาขายในราคา 1,000 บาท/ตัน โดยรัฐบาลสนับสนุนงบประมาณผ่านผู้ประกอบการหรือผู้รวบรวมรับซื้อเศษวัสดุทางการเกษตร (2) สามารถซื้อเครื่องจักรในการเก็บเกี่ยว (สำหรับผู้ปลูกอ้อย) และเตรียมดิน (สำหรับผู้ปลูกข้าวและข้าวโพด) โดยขอรับสินเชื่อที่ดอกเบี้ย 0% พร้อมการดูแลหลังการขาย โดยรัฐบาลมีหน้าที่เจรจากับธุรกิจเครื่องจักรทางการเกษตร และทำโครงการร่วมกัน และ (3) สามารถเปลี่ยนไปปลูกพืชอาหารอื่นๆ หรือไม้ยืนต้น โดยรับประกันผลตอบแทนที่ 500-1,000 บาท/เดือน

5. รถยนต์ทุกคันได้รับการตรวจสภาพรถยนต์และควันดำ โดยจะเปิดให้ตรวจสภาพรถยนต์ฟรีในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี (ตุลาคม-ธันวาคม 2566) จากนั้น รถทุกคันต้องติดสติ๊กเกอร์การตรวจสภาพรถที่เห็นได้ชัดเจน หากคันใดยังไม่ติด ต้องไปตรวจสภาพรถทันที เพื่อจบปัญหารถควันดำที่วิ่งทั่วประเทศไทย ซ้ำเติมปัญหา PM 2.5

6. เปิดตรวจคัดกรองโรคมะเร็ง และโรคระบบทางเดินหายใจสำหรับประชาชนในภาคเหนือตอนบนฟรี พร้อมทั้งสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการเดินทางสำหรับผู้เข้าตรวจ เพื่อให้มีฐานข้อมูลขนาดใหญ่ในการติดตามเฝ้าระวังโรคในระยะยาว

7. เตรียมพื้นที่ปลอดภัยที่มีเครื่องกรองอากาศ โดยเฉพาะศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก โรงเรียน ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ห้องสมุดประชาชน ในทุกๆ อำเภอ โดยสนับสนุนงบประมาณผ่านองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โรงพยาบาล และโรงเรียน โดยตรง รวมถึงสนับสนุนให้ภาคเอกชนปรับให้พื้นที่ของตน เป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับประชาชน เช่น co-working space โดยรัฐบาลจะสนับสนุนผ่านมาตรการลดหย่อนภาษี พร้อมกันนี้ รัฐบาลจะจัดสรรงบประมาณเพื่อแจกหน้ากากป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็กฟรี หากมีฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐาน

‘หมอหนุ่ม’ อัดคลิปติ๊กต็อก ตอบชัดทุกคำถาม ชี้แจงกรณี ‘เป็นหมอ’ ต้องเกณฑ์ทหารหรือไม่?

(9 เม.ย. 66) กระแสการเกณฑ์ทหารในช่วงเวลานี้ นับว่าเป็นประเด็นที่กำลังมาแรงเลยทีเดียว ทำให้ล่าสุด มีผู้ใช้ติ๊กต็อก ชื่อ ‘titanplanet’ ได้โพสต์วิดีโอกล่าวถึงประเด็นเรื่อง หากเรียนหมอ แล้วต้องเกณฑ์ทหารหรือไม่? โดยระบุว่า…

“เราเห็นหลาย ๆ คนสงสัยว่า ถ้าเป็นหมอ แล้วไม่ได้เรียน รด.มา ต้องเกณฑ์ทหารไหม คำตอบคือ ต้องเกณฑ์ทหารนะทุกคน แต่โดยปกติแล้ว การที่เรียนหมอ เราจะสามารถขอผ่อนผันการเกณฑ์ทหารไปเรื่อย ๆ ยันเรียนจบได้เลย ถ้าเกิดเรียนจบ แล้วสมมติว่ามาจับใบดำใบแดง แล้วเกิดได้ใบแดงขึ้นมาจริง ๆ ก็จะเหลือการฝึกแค่ประมาณ 8 สัปดาห์ หรือว่า 2 เดือน ถ้าจำไม่ผิด สรุปคือ ต่อให้เรียนหมอ ก็ต้องมาเกณฑ์ทหารนะทุกคน”

‘จุรินทร์’ นำทีม ‘ปชป.’  อ้อนชาวพิษณุโลก กาเบอร์ 26 ย้ำจุดยืนประชาธิปไตยไม่โกง ไม่เอาระบอบประธานาธิบดี

‘จุรินทร์’ นำทัพปชป. บุกพิษณุโลก ขอเสียงกาเบอร์ 26 ย้ำจุดยืนประชาธิปไตยไม่โกง เป็นระบบ ‘รัฐสภา’ ไม่ใช่ ‘ระบอบประธานาธิบดี’ โนคอมเมนท์ปม ‘บิ๊กตู่’ ถ้าเป็นนายกฯ ก็อีก2ปี ชี้เป็นไปตามข้อเท็จจริง-ศาลวินิจฉัยแล้ว สุดท้าย ‘พรรคยั่งยืน’  คือทางรอดประเทศ

(9 เม.ย.66) ที่ ที่วิทยาลัยอาชีวศึกษาพาณิชยการ จ.พิษณุโลก นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยนายนราพัฒน์ แก้วทอง รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ม.ร.ว.ศศิพฤนท์ จันทรทัต  และ นายอรัญ วงศ์อนันต์ ผู้สมัครบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ หมายเลข 26 เดินทางมาปราศรัยย่อยให้กับพี่น้องประชาชน เพื่อแนะนำผู้สมัคร ส.ส. จังหวัดพิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ที่ประกอบด้วย เขต 1 นายจักษ์ พันธ์ชูเพชร เบอร์ 5 เขต 2 น.ส. ปุญชรัสมิ์ ศิริสวัสดิ์ เบอร์ 7 เขต 3 นายวิมล สารมะโน เบอร์ 1 เขต 4 น.ส.มุธิตา ทองคำนุช เบอร์ 6 เขต 5 นายพริ้ง บุญแสงสวัสดิ์ เบอร์ 4 และนำเสนอนโยบายที่มาพร้อมด้วยความรับผิดชอบ ตั้งแต่นโยบาย “ประกันรายได้ จ่ายเงินส่วนต่าง” “ชาวนารับ 30,000 ต่อครัวเรือน” “โฉนดที่ดิน 1 ล้านแปลงภายใน 4 ปี” “กรรมสิทธิ์ที่ดินทำกินให้กับผู้ทำกินในที่ดินของรัฐ” “เรียนฟรีถึงปริญญาตรีในสาขาที่ตลาดต้องการ” “Startup – SME ต้องมีแต้มต่อ” “ตรวจสุขภาพฟรี รักษาฟรี ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว” “ชมรมผู้สูงอายุรับ 30,000 บาทต่อชมรม” “ธนาคารหมู่บ้าน/ชุมชนแห่งละ 2 ล้านบาท” เป็นต้น โดยมีพี่น้องประชาชนทุกช่วงวัย สนใจเข้ารับฟังการปราศรัยเต็มห้องประชุม และร่วมถ่ายรูปเป็นที่ระลึก

นายจุรินทร์ กล่าวว่า ขอบคุณผู้สมัครทุกคนที่ยืนหยัดหนักแน่น มั่นคงกับประชาธิปัตย์ ไม่เปลี่ยนแปลงอุดมการณ์ ซึ่งปัจจัยนี้ก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญที่คนพิษณุโลกจะพิจารณาตัวผู้สมัคร และตัวผู้สมัครทุกคนของเราก็มีความตั้งใจ มุ่งมั่นในการเข้าไปทำหน้าที่เป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชน พร้อมกับหวังว่าในการเลือกตั้งครั้งนี้ ประชาธิปัตย์จะปักธงที่จังหวัดพิษณุโลกได้ นอกจากนี้ตนมีความเชื่อมั่นว่าพรรคประชาธิปัตย์สามารถอยู่ในใจของประชาชนได้ เพราะนอกจากอุดมการณ์ที่เป็นจุดเด่นสำคัญของพรรคแล้ว ยังมีผลงาน และนโยบายที่โดนใจ ซึ่งเป็นทั้งจุดเด่น และจุดแข็งของประชาธิปัตย์ รวมถึงแคนดิเดทนายกรัฐมนตรี ที่ได้สั่งสมประสบการณ์มา ทั้งฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายบริหาร พร้อมเข้าไปทำหน้าที่ได้ จึงเชื่อมั่นว่าขณะนี้ประชาธิปัตย์มีเสียงสนับสนุนจากทั่วประเทศดีขึ้นเป็นลำดับ

เมื่อถามว่า จากการที่ภาคเหนือกำลังผจญกับฝุ่นพิษ PM 2.5 พรรคประชาธิปัตย์มีแนวทางในเรื่องนี้อย่างไร นายจุรินทร์ กล่าวว่า การแก้ปัญหามลพิษนั้น ต้องแก้ไขที่จุดนั้น หากเป็นมลพิษที่เกิดจากรถยนต์ก็ต้องแก้ที่ควันรถ รวมทั้งเร่งส่งเสริมการใช้รถ EV ให้มากขึ้น และส่งเสริมการใช้รถสาธารณะเพื่อลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์มีนโยบายสนับสนุนให้ประชาชนใช้รถ EV ให้มากขึ้น รวมถึงการเป็นฮับในการผลิตรถยนต์ EV ในภูมิภาคได้ต่อไป ส่วน PM 2.5 ที่เกิดจากการเผาป่าหรือเผาไร่ ในแต่ละพื้นที่ก็ต้องเคร่งครัดการใช้กฎหมายมากขึ้น รวมทั้งต้องเดินหน้าในการเจรจาระหว่างประเทศ เพราะปัญหาดังกล่าวไม่ได้เกิดเฉพาะที่บ้านเรา รวมทั้งการที่จะต้องไปเจรจาร่วมกับกลุ่มประเทศอาเซียนด้วย นอกจากนี้พรรคประชาธิปัตย์จะขับเคลื่อน พ.ร.บ.อากาศสะอาด เพื่อให้แก้ไขปัญหามลพิษ และ ปัญหา PM 2.5 แบบครบวงจร

เมื่อถามถึงกำหนดการหาเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์กล่าวว่า วันนี้ในช่วงบ่าย ตนจะนำจุรินทร์ออนทัวร์ ไปจังหวัดนครสวรรค์ เพื่อพบปะพี่น้องประชาชน รวมทั้งเปิดตัวทีมเศรษฐกิจ 4 ปี ประกันรายได้ของประชาธิปัตย์ เกษตรกรได้อะไร” ส่วนในวันพรุ่งนี้(10เม.ย.) ทีมเศรษฐกิจ ประชาธิปัตย์ จะได้เปิดนโยบายการอัดฉีดเม็ดเงิน 1 ล้านล้าน เข้าสู่ระบบ ขณะที่ทัพหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะมีกำหนดการไปอีกหลายพื้นที่

เมื่อถามว่าขณะนี้มีหลายพรรคการเมืองหาเสียงด้วยการชูเรื่องประชาธิปไตย นายจุรินทร์ กล่าวว่า สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ มีความชัดเจน ตนได้ประกาศไปแล้วว่า จุดยืนสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์ ที่จะเป็นทางรอดให้กับประเทศก็คือ ประเทศไทยหนีไม่พ้นที่จะต้องเดินหน้าการปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และต้องไม่เป็นประชาธิปไตยครึ่งใบ เพราะหลายปีที่ผ่านมาประชาธิปไตยครึ่งใบ ต้องประสบแรงเสียดทาน ประสบปัญหาไม่มีที่สิ้นสุด

“ทางเดียวที่จะต้องขับเคลื่อนประเทศด้วยประชาธิปไตยเต็มใบ ระบบรัฐสภา ไม่ใช่ระบบประธานาธิบดี และเท่านั้นยังไม่พอ จะต้องเป็น ประชาธิปไตยไม่โกงด้วย เพราะถ้าโกงเมื่อไหร่ เราก็สูญเสียประชาธิปไตยเมื่อนั้น จากหลายยุคที่เกิดการยึดอำนาจ รัฐประหาร ก็เพราะรัฐบาลก่อนหน้านั้นทุจริต คอร์รัปชัน ดังนั้นเราต้องนำสิ่งเหล่านี้มาเป็นบทเรียน” นายจุรินทร์ กล่าว

‘อนุทิน’ ปลื้ม!! ชาวเชียงรายแห่ต้อนรับ ปล่อยสโลแกน ‘อู้แล้วยะ’ พร้อมชูนโยบายสุขภาพ ลั่น!! ขอแค่ปชช. ไว้ใจ พร้อมทำแน่นอน

ขอบคุณเจ้า ! ‘อนุทิน’ ปลื้ม ‘ชาวเชียงราย’ ต้อนรับแน่น ก่อนประกาศสโลแกน “อู้แล้วยะ” ไม่ขายฝัน พูดจริง ทำจริง ชู 3 นโยบายเด็ด เน้นเรื่องสุขภาพ เครื่องฉายรังสีทุกจังหวัด ศูนย์ไตเทียมทุกอำเภอ ประกันชีวิตผู้สูงวัย

(9 เม.ย.66) ที่ สนามกีฬาตำบลป่าอ้อดอนชัย อ.เมือง จ.เชียงราย นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และคณะผู้บริหารพรรค อาทิ นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนสมาชิกพรรค และผู้สมัครระบบบัญชีรายชื่อ, นางสาวอนุสรี ทับสุวรรณ ผู้สมัครระบบบัญชีรายชื่อ และนายสามารถ แก้วมีชัย ผู้สมัครระบบบัญชีรายชื่อ ไปจนถึง ผู้สมัครระบบเขต จ.เชียงราย ได้เดินทางลงพื้นที่ เพื่อปราศรัยหาเสียง ประชาชนต้อนรับอย่างเนืองแน่น โดยการปราศรัยครั้งนี้ นายอนุทิน ได้ใช้ภาษากลาง ผสมกับภาษาถิ่นภาคเหนือ เพื่อสื่อสารกับประชาชน บรรยากาศเป็นไปด้วยความสนุกสนาน

นายอนุทิน กล่าวว่า “ขอบคุณนักนักเจ้า ขอบคุณขนาดเจ้า อากาศฮ้อนจะอี้ ก็ยังมาต้อนฮับอย่างอบอุ่น พี่น้องมาต้อนฮับ ขนาดนี้ จะไม่ได้หัวใจผมไปได้จะได๋”

จากนั้น นายอนุทิน ได้แนะนำตัวผู้สมัครรายคน ก่อนระบุว่า ที่อยู่ตรงนี้ คือ คนรับใช้ของพี่น้องทุกคน มาวันนี้ เพื่อขอโอกาสให้ท่านได้เลือกเราเข้าไปทำงานในสภา ที่ผ่านมา พรรคภูมิใจไทย ได้ทำงาน รับใช้ท่านมาแล้ว ตอนที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ครั้งนั้น มีคุณหมอท่านหนึ่งมาบอกว่า คนเชียงรายเป็นมะเร็งกันมาก ขอให้เพิ่มเครื่องฉายรังสีให้หน่อย ตั้งเป็นศูนย์มะเร็งเพิ่มเติมเลยก็ได้ เพราะเครื่องเดียวไม่พอแล้ว ประชาชนเจ็บป่วยต้องเดินทางไกล สิ่งที่คุณหมอขอมา ตนได้จัดให้แล้ว อย่างที่บอกอยู่เสมอ กับพรรคภูมิใจไทย เรื่องที่เป็นประโยชน์กับประชาชน ไม่มีคำว่าไม่ได้

นอกจากนั้น เรายังมองเห็นว่า จังหวัดท่านมีศักยภาพ เพียงแต่ต้องเติมเรื่องการคมนาคมเข้าไปหน่อย เรื่องรถไฟทางคู่เด่นชัย เชียงราย เชียงของ คาราคาซังมานาน ตอนนี้ เราก็จัดให้แล้ว ดำเนินการไปมาก เป็นอีกหนึ่งเส้นทางยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบรางของประเทศไทย เชื่อมโครงข่ายรถไฟเดิมเข้าสู่ประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ สปป.ลาว และเมียนมา

จากนั้น นายอนุทิน ได้กล่าวถึง การด้อยค่านโยบายกัญชา ว่ามาจากพวก “ขี้ฮก” พูดแต่เรื่องแย่ๆ ทั้งที่เรื่องดีก็มีมาก มันอยู่ที่การใช้ เราพรรคภูมิใจไทย ไม่ปิดกั้นโอกาสประชาชน

“สำหรับนโยบายของพรรคภูมิใจไทย ที่อยากมานำเสนอในวันนี้ คือเรื่องของสุขภาพพี่น้องประชาชน ที่มานั่งฟังกัน ก็มีผู้สูงวัย เมื่ออายุมากเข้า เราไม่อยากให้ท่านเป็นกังวล ว่าจะเป็นภาระกับลูกหลาน เมื่อจากไป ลูกหลานจะทำอย่างไร ไม่ต้องคิดมากแล้ว พรรคภูมิใจไทย ได้ออกนโยบายสำหรับผู้สูงวัยที่มีอายุ 60 ปีบริบูรณ์ จะได้รับสิทธิ์ เป็นสมาชิกกองทุนประกันชีวิต และมีกรมธรรม์ประกันชีวิตทันที โดยไม่ต้องสมัคร และไม่ต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันชีวิต ซึ่งผู้สูงวัย มีสิทธิกู้เงินดูแลตัวเอง ในวงเงิน 20,000 บาท โดยไม่ต้องมีผู้ค้ำประกัน แต่จะใช้กรมธรรม์ประกันชีวิตที่รัฐบาลจัดทำให้ ค้ำประกันตัวเอง และในวันที่จากไป ‘ผู้สูงวัย’ ไม่สร้างภาระให้ลูกหลาน ทุกคนจะมีมรดกให้ลูกหลาน ทายาท และครอบครัว รายละ 100,000 บาท

ลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้า วันนี้วันสุดท้ายแล้ว!! เช็กขั้นตอน ยื่นด้วยตัวเอง-ผ่านแอปฯ ‘Smart Vote’

‘กกต.’ เปิดลงทะเบียนใช้สิทธิ เลือกตั้งล่วงหน้า ในเขต-นอกเขต-นอกราชอาณาจักร วันที่ 9 เม.ย. วันสุดท้าย เช็กขั้นตอนลงทะเบียน

(9 เม.ย. 66) ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้กำหนดวันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เป็นการทั่วไป ในวันอาทิตย์ที่ 14 พ.ค. 2566 ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. โดยในระหว่างวันที่ 25 มี.ค. – 9 เม.ย. กำหนดให้เป็นวันลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าในเขตเลือกตั้ง นอกเขตเลือกตั้ง และนอกราชอาณาจักร

ทั้งนี้ ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่มีความประสงค์จะลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าในวันอาทิตย์ที่ 7 พ.ค. 2566 ยังสามารถลงทะเบียนได้วันนี้ (9 เม.ย.) เป็นวันสุดท้าย กกต.จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ดำเนินการลงทะเบียนให้แล้วเสร็จ ภายในวันที่ 9 เม.ย. 66

‘พงษ์ภาณุ’ สะท้อน!! ความจำเป็น ‘จัดเก็บภาษี-กู้เงิน’ ในวันที่ประเทศต้องพัฒนาและปวงประชาต้องมีสวัสดิการ

(9 เม.ย. 66) นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์ฮิโรชิมะ ประเทศญี่ปุ่น และอดีตปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้กล่าวถึงแหล่งที่มาของเงินเพื่อนำมาพัฒนาประเทศ โดยข้องเกี่ยวกับภาษีที่ประชาชนอย่างเราๆ ท่านๆ ต้องจ่าย รวมถึงความจำเป็นในการกู้เงินเพื่อนำมาต่อยอดประเทศในด้านต่างๆ ผ่านรายการ ‘NAVY TIME เรื่องดี ๆ ประเทศไทยยามเช้า’ ออกอากาศช่วงเช้า เวลา 07.00- 08.00 น. ทางสถานีวิทยุเสียงจากทหารเรือวังนันทอุทยาน (ส.ทร.วังนันทอุทยาน) FM93 เมื่อวันที่ 9 เม.ย. 66 ระบุว่า…

ถ้าย้อนความเรื่องของการจัดเก็บภาษี ก็ต้องบอกว่ามีมาช้านานแล้ว และไม่ใช่เพียงแค่ในรูปแบบของเงินเท่านั้นด้วย โดยในสมัยก่อนยังมีเรื่องของการเสียภาษีเป็นทาส กล่าวคือ การเอาคนมาเป็นทาส ถือเป็นการเก็บภาษีจากแรงงานของคน โดยไม่ได้รับผลตอบแทนใด ๆ เป็นต้น

แต่แน่นอนว่า ยุคสมัยเปลี่ยนไป รูปแบบการจัดเก็บภาษีก็เปลี่ยนแปลง เพื่อให้สามารถเข้ากับรูปแบบสังคมในปัจจุบัน ซึ่งก็เป็นไปในรูปแบบของการจัดเก็บเงินได้แบบที่เราคุ้นเคยกัน แต่จะมีความต่างจากในสมัยก่อน เพราะเงินภาษีที่ประชาชนยอมสละส่วนหนึ่งไปให้รัฐฯ นั้น ก็เพื่อนำไปพัฒนาประเทศต่อ ไม่ได้หายไปเปล่า ๆ เหมือนดั่งเช่นในอดีต

ฉะนั้น เมื่อมักมีคนถามถึงเหตุผลที่รัฐฯ เข้ามาบังคับจัดเก็บภาษี ว่าเก็บไปเพื่ออะไร และทำไมจึงต้องมีการจัดเก็บภาษีเท่านั้นเท่านี้...

ผมก็ต้องเรียนตามตรงว่า เรื่องนี้เป็นประเด็นเชิงปรัชญา เช่น เวลาเราถามว่า รัฐฯ คืออะไร และต้องใหญ่ขนาดไหน ซึ่งบางทีก็ต้องไปดูความต้องการของรัฐฯ ในประเทศนั้น ๆ ต้องการมีส่วนแบ่งในระบบเศรษฐกิจมากเพียงใด ซึ่งแน่นอนว่ามันก็จะผูกพันและเปลี่ยนแปลงไปตามแต่ละยุค แต่ละสมัย แต่ละประเทศ แต่ละศาสนา แต่ละสังคมที่ไม่เหมือนกันด้วย

‘ชัยวุฒิ’ ชี้ นายกฯ - รัฐบาลต้องมีเสถียรภาพ เพื่อขับเคลื่อนประเทศให้เดินไปข้างหน้า

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงเสถียรภาพของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล ในการขับเคลื่อนประเทศ บนเวทีดีเบตนโยบายหาเสียง ฟังนโยบายภาคตะวันออก

กกต.จัดเวทีเลือกตั้งเชิงสมานฉันท์เลือกตั้งสร้างสรรค์ กกต.กาฬสินธุ์ เปิดเวที รับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน ในการเลือกตั้ง ส.ส. 14 พ.ค.นี้ เป็นไปด้วยโปร่งใส ไม่หาเสียงใส่ร้ายป้ายสี นำเสนอนโยบายที่แก้ไขปัญหาให้กับปปช.อย่างแท้จริง

วันที่ 9 เมษายน 2566 ที่ห้องประชุมทศพร โรงแรมริมปาว อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผวจ.กาฬสินธุ์ เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการปฏิรูปการเมืองสุจริตบนฐานของการเลือกตั้ง (เลือกตั้งเชิงสมานฉันท์) กิจกรรมเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ซึ่งสำนักงาน กกต.ประจำ จ.กาฬสินธุ์จัดขึ้น เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการเลือกตั้งเชิงสมานฉันท์ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง เกี่ยวกับกฎหมาย ระเบียบ วิธีปฏิบัติ ในการเลือกตั้งแก่ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ผู้สนับสนุน สื่อมวลชน และประชาชน

นอกจากนี้มีการเปิดเวทีเสวนา หัวข้อ 'การเมืองสุจริต' โดยมีนายสุรพงษ์ ทิพย์โอสถ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (ผอ.กกต.) ประจำ จ.กาฬสินธุ์ นายภูมิสิทธิ์  ขัตติยานุกูลกิจ นายฤทธิรงค์ พิลาไชย นายสุรเดช เคราะห์ดี ผู้ตรวจการเลือกตั้งประจำ จ.กาฬสินธุ์ พร้อมคณะ พล.ต.ต.มนตรี จรัลพงศ์ ที่ปรึกษาผวจ.กาฬสินธุ์ นายสมบูรณ์ นาสาทร อุปนายกสมาคมนักข่าวกาฬสินธุ์ ผู้สมัครและตัวแทนผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.กาฬสินธุ์ ทั้ง 6 คน เครือข่ายภาคประชาชน กลุ่มสตรี ผู้แทนจาก อสม. ประชาชน ผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรม

นายสุรพงษ์ ทิพย์โอสถ ผอ.กกต.ประจำ จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า การรับสมัครการเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขต ทั้ง 6 เขตเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 3-7 เมษายน 2566 ที่ผ่านมาจังหวัดกาฬสินธุ์มีผู้สมัคร รวม 75 คน จาก 17 พรรคการเมือง ซึ่งกิจกรรมครั้งนี้ที่ กกต.จ.กาฬสินธุ์จัดขึ้น 

ไพฑูรย์ - นราพัฒน์ นำทีม ประชาธิปัตย์พิจิตรเปิดเวทีปราศรัยเห็นกองเชียร์ก็รู้ว่าไม่ใช่มวยรอง

วันอาทิตย์ที่ 9 เมษายน 2566 ความคืบหน้าบรรยากาศทางการเมืองของจังหวัดพิจิตร ที่แบ่งเขตการเลือกตั้งออกเป็น 3 เขต ซึ่งขณะนี้ผู้สมัครจากพรรคการเมืองต่างๆ เริ่มมีการติดป้ายโฆษณาหาเสียงเดินลงพื้นที่ขอคะแนนเสียงจากชาวบ้านกันแล้วอย่างคึกคัก

ล่าสุด นายไพฑูรย์ แก้วทอง อดีตรัฐมนตรีในหลายกระทรวงและเป็นผู้อาวุโสของพรรคประชาธิปัตย์ และเป็นอดีต ส.ส.พิจิตร หลายสมัย พร้อมด้วย นายนราพัฒน์ แก้วทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ และเป็น ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อลำดับที่ 7 ของพรรคประชาธิปัตย์ ได้เป็นผู้นำในการจัดเวทีปราศรัยย่อย ขึ้นที่อาคารชมรมผู้สูงอายุสากเหล็ก เพื่อช่วยหาคะแนนเสียงให้กับ พ.ต.ท. สามารถ แก้วทอง ผู้สมัคร ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ เบอร์ 6  พิจิตรเขต 2 ซึ่งเป็นหลานชายของ นายไพฑูรย์ แก้วทอง โดยภายในงานนี้มี FC แฟนคลับ ของพรรคประชาธิปัตย์เกือบพันคนมาร่วมฟังการปราศรัยในครั้งนี้ โดยมีผู้ดำเนินรายการปราศรัยต่างสลับสับเปลี่ยนกันเล่าถึงนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นพรรคการเมืองและเป็นสถาบันการเมืองที่เก่าแก่อยู่คู่กับระบอบประชาธิปไตยมายาวนานถึง 77 ปี อีกทั้งมีนโยบายต่างๆที่ดูแลประชาชนตั้งแต่แรกเกิดจนถึงวัยรุ่น วัยเรียน วัยทำงาน วัยชรา จนกระทั่งเสียชีวิต ซึ่งล้วนแต่เป็นนโยบายที่ทำมาแล้วอย่างต่อเนื่อง

‘ประชาธิปัตย์ยุคใหม่’ มั่นใจ!! ปักธงฟ้าเข้าสภาฯ ยกทีม ชู ยกระดับพัทลุง 5 มิติ เสริมจุดแข็งครอบคลุมทั้งจังหวัด

(9 เม.ย. 66) นายร่มธรรม ขำนุรักษ์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 อำเภอกงหรา (ยกเว้น ตำบลชะรัด และตำบลสมหวัง) อำเภอตะโหมด, อำเภอป่าบอน, อำเภอปากพะยูน และอำเภอบางแก้ว จังหวัดพัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงนโยบายการพัฒนา จังหวัดพัทลุง ซึ่งถือเป็นนโยบายสำคัญที่ใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งครั้งนี้ของทีมประชาธิปัตย์ยุคใหม่ จังหวัดพัทลุง ว่า จากการลงพื้นที่รับฟังปัญหาจากพี่น้องประชาชนและศึกษาข้อมูลในพื้นที่อย่างเป็นระบบ ทีมประชาธิปัตย์ยุคใหม่ จังหวัดพัทลุง ซึ่งประกอบไปด้วย น.ส.สุพัชรี ธรรมเพชร ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1, น.ส.ปิยะกาญจน์ สุพรรณชนะบุรี ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 และตน ได้ตกผลึกร่วมกันถึงนโยบายที่จะยกระดับ จังหวัดพัทลุง 5 มิติ ซึ่งถือว่าบ้านของเราเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพและความพร้อมในการพัฒนาต่อยอด แต่ยังขาดการบูรณาการร่วมกันและประสานงานกันอย่างเป็นรูปธรรมของ ส.ส.ทั้ง 3 เขต จึงเป็นที่น่าเสียดายสำหรับโอกาสที่สูญเสียไปในช่วงระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา

ดังนั้น การเลือกตั้งครั้งนี้ ทีมประชาธิปัตย์ยุคใหม่จะใช้จุดแข็งของความเป็นทีมคนรุ่นใหม่ที่ทำงานร่วมกันและลงพื้นที่คลุกคลีกับพี่น้องประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง มาขอโอกาสทำงานเพื่อคนพัทลุง เชื่อมั่นว่าพี่น้องประชาชนจะไว้วางใจและร่วมกันปักธงฟ้าทีมประชาธิปัตย์ยุคใหม่ทั้ง 3 เขต

นายร่มธรรม กล่าวว่า สำหรับนโยบายยกระดับจังหวัด 5 มิติ ของทีมประชาธิปัตย์ยุคใหม่นั้น มีวิสัยทัศน์ว่า ‘พัทลุงหรอยดี’ คือส่งเสริมของดีของเด่นใน จ.พัทลุง ทำให้ประชาชนมีความสุข เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนและดีกว่าเดิม ดังนี้

มิติที่ 1 การเดินทางดี โดยการผลักดันและประสานงานการทำถนนเลี่ยงเมือง รอบเมืองครบ 4 สาย และผลักดันการสร้างสนามบินพัทลุง เพื่อเสริมศักยภาพด้านโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ ซึ่งถือเป็นการเปิดประตูสู่ จ.พัทลุง อย่างเต็มรูปแบบ

มิติที่ 2 การท่องเที่ยวดี โดยจะผลักดันและพัฒนาการท่องเที่ยวในพื้นที่ จ.พัทลุง ทั้งการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ และเชิงวัฒนธรรม โดยมีรัฐทำหน้าที่สนับสนุนโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนน, Free wifi, sky walk และกระเช้า ตามศักยภาพของสถานที่ท่องเที่ยวแต่ละแห่ง เพิ่มที่จอดรถชมวิวบนสะพานเฉลิมพระเกียรติทะเลน้อย-ระโนด ส่งเสริมกีฬาทางน้ำในทะเลสาบสงขลา และสร้างการรับรู้ รวมถึงพัฒนาให้ จ.พัทลุงเป็นเมืองท่องเที่ยวและจุดมุ่งหมายของการพักผ่อนหลังเกษียณ

มิติที่ 3 สินค้าดี โดยการผลักดันและประสานงานการทำเกษตรพรีเมี่ยม เกษตรอินทรีย์ เกษตรแปรรูป เกษตรหลากหลาย พร้อมส่งเสริมการจดทะเบียน GI ข้าวเหนียวดำหมอ, เล็บนก, ดีปรีชี, จำปาดะ และอื่น ๆ ผลักดันการก่อสร้างศูนย์เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำประมงน้ำกร่อย สร้างสะพานปลา ท่าเทียบเรือ ตลาดนัดปลา ริมทะเลสาบ เร่งดำเนินการให้พัทลุงเป็นเมืองหลวงด้านปศุสัตว์ภาคใต้ โดยการเพิ่มศักยภาพอุตสาหกรรมโคนมและโคเนื้อ นอกจากนี้จะมุ่งส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ งานทำมือ ศิลปะ วัฒนธรรม สินค้าแปรรูป สินค้าของคนพัทลุง พร้อมจัดตั้งตลาดศูนย์กลางการเกษตรเพื่อเป็นแหล่งกระจายสินค้าที่สำคัญของจังหวัดไปสู่พื้นที่ต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top