Tuesday, 20 May 2025
Hard News Team

‘เจี๊ยบ-อมรัตน์’ แจงด่วน!! หลังโดนทัวร์ลง กรณีพยายามแบก ‘สส.ปูอัด’ เผย!! ไม่เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม ตำรวจไทย ทั้งมั่วทั้งผิดพลาด

(8 ก.พ. 68) จากกรณี 'สส.ปูอัด' นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม. พรรคไทยก้าวหน้า ถูกศาลจังหวัดเชียงใหม่ออกหมายจับ ฐานข่มขืนกระทำชำเรานักท่องเที่ยวต่างชาติที่โรงแรมแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ จนเกิดกระแสเรียกร้องให้ลาออกจากตำแหน่ง

หนึ่งในผู้ที่ออกมาแสดงความเห็นคือ 'เจี๊ยบ' นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล อดีต สส.พรรคก้าวไกล ซึ่งโพสต์ว่า “ทุกกรณีที่อยู่ในชั้นถูกกล่าวหาแล้วถูกกดดันให้รับผิดชอบลาออก เวลาผ่านไปสุดท้ายพิสูจน์ตัวเองได้ว่าเป็นผู้บริสุทธิ์จะชดเชยกันยังไง”

ทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์นางอมรัตน์พยายามปกป้องและแบก สส.ปูอัด

ต่อมานางอมรัตน์โพสต์อธิบายเพิ่มเติมว่า “ดิฉันไม่ได้ชอบพฤติกรรม สส.ปูอัดที่ผ่านมา แต่เร็วเกินไปที่จะไปกดดันให้ต้องลาออกเดี๋ยวนี้เดี๋ยวนั้น”

“มันต่างกรรมต่างวาระก็ต้องมีใจเป็นธรรมและใช้ความรอบคอบตามสมควรก่อนจะไปเร่งกดดันให้ใครลาออก เพราะทุกคนก็ยังไม่เห็นสำนวนหลักฐานและข้อต่อสู้ของผู้ถูกกล่าวหา อย่างน้อยก็น่าจะไปให้ถึงชั้นให้อัยการมีคำสั่งฟ้องเสียก่อน”

“นี่เพิ่งชั้นตำรวจ และส่วนตัวก็ไม่ได้ไว้ใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจเท่าไหร่ ได้ข่าวว่าออกเป็นหมายจับเลย ข้ามขั้นตอนการออกหมายเรียกให้ผู้ถูกกล่าวหามารับทราบข้อกล่าวหาก่อน และปูอัดก็ควรไปรับทราบข้อกล่าวหาและต่อสู้คดีโดยไม่ใช้เอกสิทธิ์ สส.”

ล่าสุด เช้าวันที่ 8 ก.พ. 68 นางอมรัตน์โพสต์ข้อความชี้แจงเพิ่มอีก โดยบอกว่า “ตอบเรื่องแบกสักหน่อย เอาจริง ๆ ดิฉันก็เหมือนทุกท่าน อยากเห็นคนมีตำแหน่งทางการเมืองทำผิดแล้วออกมาแสดงความรับผิดชอบโดยเร็วและต้องถูกลงโทษ”

“ควรรีบเข้ามาสู่กระบวนการโดยเร็วไม่ควรใช้เอกสิทธิ์ สส.ประวิงเวลา”

“ความต้องการความเป็นยุติธรรมเป็นสัญชาตญาณของมนุษย์”

“แต่ดิฉันมีพื้นฐานไม่เคยเชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรมไทยที่มันเหลวแหลกเป็นที่ประจักษ์ โดยเฉพาะในชั้นต้นคือชั้นตำรวจที่ไม่เคยมีความน่าเชื่อถือ ทั้งมั่วทั้งผิดพลาด”

“เมื่อถูกใครหรือองค์กรไหนกดดันหน่อยก็เร่งรัดสำนวนมั่ว ๆ ให้พ้นตัวรีบส่งศาลส่งอัยการ เขียนสำนวนรวบรวมหลักฐานให้ผิดเป็นถูก ถูกเป็นผิดก็มีให้เห็นนับไม่ถ้วน อย่างเรื่องบอสกระทิงแดง และอื่น ๆ มากมาย”

“หลายคดีในเบื้องต้นศาลก็ฟันไปตามสำนวนที่ตำรวจชงมา จับขังไม่ให้ประกันแล้วก็หลุดภายหลัง”

“ผู้บริสุทธิ์กี่คนแล้วเสียอนาคตกับความอยุติธรรมโดยไม่ได้รับชดเชยเยียวยา เรือนจำก็เต็มไปด้วยแพะ อาชญากรตัวจริงกี่คนแล้วที่ลอยนวลและยังเดินลอยหน้าในสังคม”

“อันที่จริงดิฉันก็ไม่ไว้ใจศาลด้วยทั้งเรื่องสองมาตรฐานและความเป็นอิสระ แต่ก็ไม่รู้จะทำไง ได้แค่เรียกร้องให้ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมโดยเร็ว”

“กรณีปูอัดแนวโน้มอาจจะผิดจริงแต่ก็อยากให้ใจเย็น ๆ กันนิดนึงเท่านั้น ข่าวใหญ่พาดหัวอะไรตูมตามขึ้นมาก็อย่าพึ่งด่วนบ้าจี้ตาม”

“ดิฉันรังเกียจกลุ่มนางแบกลูกจ้างที่ได้รับผลประโยชน์ พรรคจะตระบัดสัตย์ผิดสัญญาประชาคมอย่างไรก็ยังหน้าด้านแบกอย่างไร้สติส่งผลให้พรรคตกต่ำลงทุกวัน”

“ถ้าพรรคประชาชนผิดพลาดจากที่สัญญาไว้ก็จะวิจารณ์และช่วยตรวจสอบอย่างเข้มข้นเท่าที่ทำได้ ให้ปรับปรุง จะได้เป็นความหวังของประชาชน ไม่ดันทุรังแบก”

“แต่กรณี สส.ปูอัด ไม่รู้จะไปแบกให้เมื่อยเพื่ออะไร”

“เพราะปูอัดเป็น สส.พรรคไทยก้าวหน้าไม่ใช่พรรคประชาชน เขาถูกขับออกไปตั้งแต่สมัยเป็นพรรคก้าวไกลแล้ว”

“ตัวดิฉันเองก็ไม่ชอบพฤติกรรมที่ผ่านมาของเขา ปูอัดเป็นสส.รุ่น 2 ที่ดิฉันไม่มีความสัมพันธ์ส่วนตัว ไม่เคยมีเบอร์โทรหรือไลน์กัน”

“ตอนเลือกตั้งปี 66 ก็ไม่เคยไปช่วยหาเสียง รู้แต่ว่าเป็น สส.กทม.จำไม่ได้ว่าเขตไหน เพราะ สส.รุ่นใหม่มีตั้ง 151 คน แก่แล้วจำไม่หมด”

“แค่ดิฉันไม่อยากให้เกิดความผิดพลาดตามมาถ้าเราไปด่วนประหารชีวิตใครสักคนทางสังคมและทางการเมืองด้วยเรื่องพาดหัวข่าวสั้น ๆ โดยยังไม่ทันได้ให้โอกาสอีกฝ่ายโต้ตอบข้อกล่าวหาก็เท่านั้น”

“การไปด่วนชี้หน้าใครถูกผิด หรือประณามหยามเหยียดน่าจะต้องรอให้เรื่องสะเด็ดน้ำกันบ้าง และต้องมีใจเป็นธรรมไม่ใช้อคติที่มีในใจไปแล้วจากประวัติของเขาด้วย”

“เพราะแม้แต่คนทำผิดครั้ง 1,2 มาแล้ว ก็อาจไม่ใช่คนผิดในครั้งที่ 3 คนเรามีแนวโน้มจะผิดซ้ำได้ แต่ก็ไม่ใช่จะ 100 %”

“รอเวลานิดให้เรื่องเขยิบจากชั้นตำรวจ ไปช่วยกันไล่ออกตอนที่ชั้นอัยการเห็นว่ามีมูลสั่งฟ้องคงจะดีกว่า คงยังไม่ได้สายเกินไป”

“อาจไม่ได้ต้องรอถึงชั้นศาลตัดสินก็ได้เพราะมันคงจะนานเกินไป”

“เขียนมาน่าจะครบถ้วนแล้ว รู้สึกเสียเวลาและเมื่อยนิ้วนิดหน่อย แต่คิดว่าควรตอบเพื่อบันทึกไว้ก่อนจะ move on”

ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ ช่วยนำส่งหัวใจดวงที่ 113 จากผู้ให้สู่ผู้รับได้สำเร็จ ช่วยให้หัวใจดวงนี้กลับมาเต้นอีกครั้ง

เมื่อวานนี้ (7 ก.พ.68) พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บัญชาการศึกษา ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานเสริมสร้างภาพลักษณ์จราจร ศูนย์บริหารงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กำกับดูงานงานจราจร ได้ให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาและอำนวยความสะดวกการจราจร การป้องกันและลดอุบัติเหตุ ตลอดจนการช่วยเหลือประชาชนที่ต้องการความช่วยเหลือบนท้องถนน ซึ่งล่าสุดได้รับรายงานว่าตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ กองบังคับการตำรวจจราจร ได้ช่วยเหลืออำนวยความสะดวกการจราจรเร่งนำอวัยวะหัวใจส่งโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ต่อลมหายใจให้ชีวิตใหม่เป็นหัวใจดวงที่ 113 โดยได้รับความร่วมมืออย่างดีจากประชาชน รวมถึงตำรวจทางหลวง จึงนำส่งได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย 

ทั้งนี้ ภารกิจนำส่งอวัยวะหัวใจครั้งล่าสุดนี้ เป็นการส่งต่อหัวใจดวงที่ 113 เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งหัวใจได้ถูกผ่าตัดออกจากผู้บริจาคเวลาประมาณ 11.00 น. แพทย์นำหัวใจเดินทางออกจากโรงพยาบาลใน จ.ลำปาง เวลา 11.43 น. ตำรวจทางหลวงลำปางเร่งเปิดทางนำส่งไปยังสนามบินลำปางอย่างรวดเร็ว ใช้เวลาเพียง 4 นาที ซึ่งกระบวนการทั้งหมดมีเวลาอีกเพียง 4 ชั่วโมงเท่านั้นในการนำหัวใจปลูกถ่ายให้ผู้รับ ทำให้เร่งรัดต้องนำส่งให้ถึงโรงพยาบาลปลายทางก่อนเวลา 15.00 น. เครื่องบินยกตัวในเวลา 12.00 น. ใช้เวลา 2 ชั่วโมง ในการลำเลียงอวัยวะหัวใจมาถึงสนามบินแสงตะวัน ต.คลองสี่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ในเวลาประมาณ 14.00 น. และเวลาตาม GPS ต้องใช้เวลาถึง 1 ชั่วโมง 16 นาที เพื่อนำส่งโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ หากเดินทางปกติอาจทำให้เกินเวลาและเสียหัวใจดวงนี้ไป ศูนย์บริจาคอวัยวะสภากาชาดไทยจึงประสานขอสนับสนุนตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ ช่วยในภารกิจการนำส่งโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ หลังจากรับแจ้ง ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริได้นำกำลังไปรอรับบริเวณสนามบินแสงตะวัน เพื่ออำนวยความสะดวกการจราจร เร่งนำส่งอวัยวะหัวใจไปยังโรงพยาบาลจุดหมาย ใช้เส้นทางผ่านถนนมอเตอร์เวย์วงแหวนตะวันออก ขึ้นทางด่วนจตุโชติ-รามอินทรา ลงด่านพระราม 4 โดยมีรถจักรยานยนต์ของตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ จำนวน 7 คัน นำทางให้รถพยาบาล ซึ่งได้รับความร่วมมือจากประชาชนผู้ใช้เส้นทางที่ช่วยเปิดทางให้ ใช้เวลาปฏิบัติภารกิจเพียง 38 นาทีเท่านั้น นำส่งอวัยวะลุล่วงจนแพทย์สามารถปลูกถ่ายหัวใจ ต่อชีวิตใหม่ให้กับผู้รับบริจาคได้สำเร็จ

ทั้งนี้ พล.ต.อ.ไกรบุญฯ ชมเชยการปฏิบัติหน้าที่ของทีมตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ รวมถึงตำรวจทางหลวง ที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างมืออาชีพ มีทักษะคล่องแคล่ว สามารถให้ความช่วยเหลือ เป็นที่พึ่งของประชาชน และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ซึ่งถือเป็นหนึ่งตัวอย่างของตำรวจจราจรที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยจิตอาสาบริการ มีมาตรฐานสากล ตามแนวทางการสร้าง 'สุภาพบุรุษจราจร' ที่คณะทำงานเสริมสร้างภาพลักษณ์ตำรวจจราจรกำลังขับเคลื่อนสร้างมาตรฐานตำรวจจราจรทั่วประเทศ เพื่อยกระดับการบริการประชาชน สร้างความเชื่อถือศรัทธา 

นอกจากนี้ พล.ต.ท.นิธิธรฯ กล่าวว่า ขณะนี้ยังมีผู้รอรับการบริจาคอวัยวะอยู่ประมาณ 7,500 คนทั่วประเทศ จึงขอเชิญชวนประชาชนร่วมต่อลมหายใจให้กับผู้ป่วย โดย 1 ผู้ให้สามารถช่วยได้ 8 ชีวิต การบริจาคอวัยวะแก่เพื่อนมนุษย์ คือที่สุดแห่งการให้ โดยตำรวจจราจรพร้อมสานต่อเจตนารมณ์ของผู้บริจาค และเติมเต็มความหวังของผู้รับบริจาค เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างชีวิตใหม่ อำนวยความสะดวกนำทางส่งต่ออวัยวะสำคัญ ทั้งนี้ หากประชาชนต้องการความช่วยเหลือ สามารถติดต่อประสานงานตำรวจโครงการพระราชดำริ ได้ที่สายด่วนกองบังคับการตำรวจจราจร 1197

‘อีซูซุ’ ระเบิดความเร็ว!! จัดเต็มความมันในการแข่งขัน ISUZU RACE SPIRIT 2024 เร็วสุดขีด จี๊ดสุดขั้ว!! รอบชิงชนะเลิศ สนามบางกอกแดร็ก อเวนิว คลอง 5 ปทุมธานี

(8 ก.พ. 68) บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด จัดแข่งขัน 'ISUZU RACE SPIRIT 2024' รอบชิงชนะเลิศ ที่ แฟน ๆ มอเตอร์สปอร์ตต้องห้ามพลาด ในการเฟ้นหาสุดยอดรถปิกอัพ 'อีซูซุ ดีแมคซ์' ที่เร็วและแรงที่สุดแห่งปี นำเหล่านักแข่งสุดยอดแชมป์จากสนามรอบคัดเลือกมาร่วมประลองความเร็วทางตรงแบบ ควอเตอร์ไมล์ ระยะทาง 402 เมตร ชิงเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 1.3 ล้านบาท พร้อมถ้วยเกียรติยศ และกิจกรรมความบันเทิงสุดเร้าใจจัดเต็มแบบครบครัน ณ สนามบางกอกแดร็ก อเวนิว คลอง 5 ปทุมธานี

กลุ่มตรีเพชร โดย คุณวิชัย สินอนันต์พัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด กล่าวว่า “การแข่งขัน ISUZU RACE SPIRIT 2024 เป็นการแข่งขันรถยนต์ทางตรงแบบควอเตอร์ไมล์ ระยะทาง 402 เมตร ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมด้านมอเตอร์สปอร์ตที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง โดยอีซูซุได้จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 11 และยังคงได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากสำนักแต่ง หรือ โมดิฟายด์ ช็อปชั้นนำของประเทศไทย อาทิ หนุ่ย-เป๋อ สุพรรณ จ๊อบ มนตรี SCG เอ้ ปลาทู เบิร์ดหลักห้า เอ๋ เทอร์โบ นครปฐม แบงค์ บ้านนา ป๊อก แปดริ้ว เอ้ แม่กลอง รวมถึงนักแข่งรถที่ร่วมส่งรถอีซูซุเข้าร่วมการแข่งขันเพื่อชิงความเป็นที่หนึ่งของเครื่องยนต์อีซูซุที่เร็วที่สุด และแรงที่สุดในประเทศไทย ชิงเงินรางวัลรวมทั้งสิ้นกว่า 1.3 ล้านบาท”

โดยผลการแข่งขันที่สุดของความเร็ว เฉือนเอาชนะกันเพียงเสี้ยววินาทีของรถแข่ง 'อีซูซุ ดีแมคซ์' ในรายการ ISUZU RACE SPIRIT 2024 เร็วสุดขีด จี๊ดสุดขั้ว รอบชิงชนะเลิศพร้อมเงินรางวัล 100,000 บาท 50,000 บาท 30,000 บาท และโล่เกียรติยศสำหรับผู้ชนะทั้ง 3 อันดับ รวมทั้งหมด 7 รุ่น ได้แก่ 

• รุ่น ALL-NEW ISUZU D-MAX 2020 1.9 TURBO STANDARD 
ชนะเลิศ รชตะ ราศรีเกตุ ทีม 6.9 ริกเตอร์ แบงค์คลองสาม เวลา 11.359 วินาที 
รองอันดับ 1 มานพ ศรีวิลัย 
ทีม แบงค์บ้านนา & ผลิตภัณฑ์ Tokyo & Raytech Clutch 
เวลา 11.673 วินาที

รองอันดับ 2 เทพพิทักษ์ ไชยรัตน์ 
ทีม อู่เบียร์การาจ เอ็ม 56 
เวลา 11.106 วินาที 

• รุ่น ISUZU D-MAX PRO 1.9
ชนะเลิศ มานพ ศรีวิลัย 
ทีม แบงค์ บ้านนา & ผลิตภัณฑ์ Tokyo & Raytech Clutch 
เวลา 9.254 วินาที
รองอันดับ 1 ไพศาล ตันแต๋ว 
ทีม อู่เอ้แม่กลอง 
เวลา 9.288 วินาที
รองอันดับ 2 มงคลชัย แก้วลับ 
ทีม ป๊อกแปดริ้ว 
ชนะ BYE

• รุ่น ISUZU D-MAX PRO 3.0
ชนะเลิศ นันทวัฒน์ วิจิตรเนตร 
ทีม อู่ช่างวัฒน์ ชลบุรี
เวลา 8.687 วินาที
รองอันดับ 1 ธนพล ชูเจริญผล 
ทีม เจ๊โอ๋สุราษ ฟิวเทค อู่ช่างวัฒน์ ชลบุรี 
เวลา 9.379 วินาที
รองอันดับ 2 ประสิทธิ์ สุวรรณพัตร 
ทีม ช่างเป้คลอง 9 
ชนะ BYE

• ISUZU D-MAX PRO F55
ชนะเลิศ พิสิทธิ์อนันต์ ตันจตุรงค์ 
ทีม Prospeed&Speed Oil ผู้จัดการโอ๊ต 
เวลา 7.939 วินาที
รองอันดับ 1 อนุรักษ์ โตมร 
ทีม เบิร์ดเหม่ง โปรสปีด
เวลา 8.100 วินาที
รองอันดับ 2 พงศ์ปพัสร์ บัวล้ำเลิศ 
ทีม เอ๋ เทอร์โบ นครปฐม 
เวลา 8.370 วินาที

• รุ่น ISUZU D-MAX PRO MODIFY
ชนะเลิศ อนุวัฒน์ มณีอินทร์ 
ทีม หนุ่ยสุพรรณ (เอ็ม เอกชาติ) 
เวลา 8.807 วินาที
รองอันดับ 1 ณัฐวุฒิ หอมสุวรรณ 
ทีม หนุ่ยเป๋อสุพรรณ เจ๊ติ๋วสุพรรณ 
เวลา 12.786 วินาที

• รุ่น ISUZU D-MAX OPEN UNLIMITED
ชนะเลิศ ณัฐนุตม์ วงศ์สมบูรณ์ 
ทีม จ๊อบมนตรี SCG SUPER PIG 
เวลา 7.073 วินาที
รองอันดับ 1 ธนพล ชูเจริญผล 
ทีม อู่ช่างวัฒน์ ชลบุรี
เวลา 7.183 วินาที
รองอันดับ 2 อนุวัฒน์ มณีอินทร์ 
ทีม หนุ่ยสุพรรณ (นพ พิจิตร) 
เวลา 7.278 วินาที

• รุ่น ISUZU DRAGSTER DIESEL 
ชนะเลิศ ณัฐนุตม์ วงศ์สมบูรณ์ 
ทีม จ๊อบมนตรี SCG SUPER PIG 
เวลา 6.865 วินาที
รองอันดับ 1 อนุวัฒน์ มณีอินทร์ 
ทีม หนุ่ยสุพรรณ (เอ็ม เอกชาติ) 
เวลา 7.758 วินาที
รองอันดับ 2 ธนพล ชูเจริญผล 
ทีม อภิชาติฟาร์มไข่ไก่ 
เวลา 11.431 วินาที

นอกจากนี้บรรยากาศภายในงานยังมีกิจกรรมการประกวดรถ ISUZU MODIFY CAR CONTEST 2024 การประชันฝีมือการแต่งรถอีซูซุหลากสไตล์ พร้อมบูธผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์ตกแต่งคุณภาพชั้นนำ อาทิ ECU Shop, Monza Factory, BRC Clutch, BRD Racing, Wise, Caltex, DEX Oil, BETA, Speed Wear, 6.9 Ricther, Run Stop, Six Syrup, Super Fast และ PTT รวมถึงกิจกรรมความบันเทิงเต็มรูปแบบ Sexy Wash โดยนางแบบสุดเซ็กซี่ที่มาร่วมสร้างสีสันในงาน จัดเต็มเพื่อแฟนอีซูซุโดยเฉพาะ

‘ปีเตอร์ เดนแมน’ อินฟลูเอนเซอร์ด้านวงการมวย ตามหา ‘คาเนโล่’ สุนัขตัวโปรด เผย!! หายไป 7 เดือน ‘ผูกพัน – คิดถึงมาก’ ถ้านำมาคืนได้ ให้เงิน 4 แสนบาท

(8 ก.พ. 68) นายปีเตอร์ เดนแมน อายุ 29 ปี อดีตดารานักแสดง นายแบบชื่อดังและปัจจุบันเป็นอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังด้านวงการมวย เปิดเผยว่า สุนัขพันธุ์ไซบีเรียน ฮัสกี เพศผู้ ชื่อ ‘น้องคาเนโล่’ ตัวนี้มีประวัติและความผูกพันกับตนเป็นมาก

โดยเมื่อประมาณ 5 ปีที่ผ่านมา ในขณะนั้นน้องคาเนโล่อายุประมาณ1ปี ซึ่งยังอยู่กับเจ้าของเก่าที่ซื้อน้องมาเลี้ยง แต่น้องซนมาก ก่อความเดือดร้อน จนถูกเอาไปล่ามไว้หน้าบ้าน ให้ถ่ายอยู่ตรงนั้น ตากแดดตากฝน ถูกตี เป็นประจำ จนชาวบ้านที่พบเห็นเกิดความสงสาร ไปขอกับเจ้าของเพื่อเอามาเลี้ยงเอง แต่เจ้าของบอกว่า “ถ้าอยากได้ก็ให้เอาเงินมาแลก 5 พันบาท”

ชาวบ้านจึงช่วยกันเรี่ยไรเงินจนครบ แล้วเอาไปซื้อน้องคาเนโล่มาจนได้ ชาวบ้านรู้ว่าตนเป็นคนรักสัตว์ จึงได้เอาน้องคาเนโล่มาให้ตนเลี้ยง ซึ่งขณะนั้นที่บ้านเลี้ยงสุนัขอยู่3ตัว ตนบอกไปว่า หากเข้ากับสุนัขของตนได้จะเลี้ยงไว้ ปรากฏว่าน้องคาเนโล่เข้ากับสุนัขของตนได้เป็นอย่างดี ตนจึงรับไว้อุปการะเพิ่มอีกตัว 

น้องคาเนโล่เริ่มเรียนรู้และปรับตัวจนเป็นที่รักของตนและคนในบ้าน ตนพาออกไปวิ่งออกกำลังกายนอกบ้านทุกวัน จนกระทั่งวันที่ 19 ก.ค.67ช่วงประมาณ01.00น.ขณะกำลังพาน้องเดินออกกำลังกายอยู่บนถนนรอบสวนพุทธมณฑล น้องเกิดคึกสะบัดเชือกหลุด วิ่งกระโดดข้ามคูน้ำ หนีเตลิดไปทางถนนพุทธมณฑลสาย4 ตนกับเพื่อนออกตามหานานหลายชั่วโมงจนกระทั่งเช้าก็ไม่พบน้อง 

จึงไปแจ้งความที่สภ.พุทธมณฑล เพื่อจะขอให้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียง แต่ตำรวจพูดจาไม่ดีประมาณว่า 

“แค่ชีวิตสุนัข มากล้าดียังไงขอดูกล้องวงจรปิด ถ้าเป็นคนก็ไปอย่าง ทำให้ตำรวจเสียเวลา”

ตนจึงกลับบ้าน แล้วไปแจ้งความใหม่ในวันรุ่งขึ้น คราวนี้ตำรวจเปลี่ยนผลัด ชุดนี้มีคนที่เป็นแฟนคลับจำตนได้ จึงรับแจ้งความ และให้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด จึงทำให้รู้ว่ากล้องวงจรปิดบนถนนพุทธมณฑลสาย4ใช้ไม่ได้เลยสักตัว

อดีตดารานายแบบ ยังกล่าวต่อไปอีกว่า ตนคิดว่าพึ่งตำรวจอย่างเดียวคงไม่ได้ จึงเอารูปน้องคาเนโล่ถ่ายเอกสารแล้วตั้งรางวัลคนที่พบ หากเอาน้องมาคืนได้จะได้เงิน1หมื่นบาท ตระเวนติดตามเสาไฟฟ้าไปทั่ว ลงสื่อโซเชียลทุกทาง แต่ก็ไร้วี่แวว ต่อมาตนตั้งรางวัลเพิ่มจาก 1 หมื่น เป็น 1 แสนบาท เมื่อยังไม่เจออีก ก็เพิ่มรางวัลขึ้นไปเป็น1.5แสน และ 2 แสน จนกระทั่งถึง3แสนบาท ตนยังขี่รถจยย.ตามหาน้องคาเนโล่ทุกวัน ดูข้างถนน สอบถามจากเจ้าหน้าที่มูลนิธิต่าง ๆ แต่ก็ไร้วี่แวว มีแต่คนโทรศัพท์เข้ามาป่วนทุกวัน บางคนโทรมาทำเสียงเห่าแล้ววางสายไป บางคนโทรมาแล้วหัวเราะ บางคนโทรมาไม่พูด จนตนประสาทเสีย ไม่น่ามาเล่นกับคนที่กำลังเสียความรู้สึกแบบนี้ 

แต่ก็มีบางคนเจอสุนัขพันธุ์เดียวกันเร่ร่อนอยู่ข้างถนน ถ่ายรูปมาให้ดู แต่ก็ไม่ใช่น้องคาเนโล่ ตนอยากวอนไปถึงคนที่เลี้ยงน้องคาเนโล่ไว้ ให้เอามาคืนตนเถิด เพราะตนคิดถึงและผูกพันกับน้องมาก ไม่เป็นอันกินอันนอน ทุกวันนี้ก็ยังขี่รถจยย.ตามหา และติดใบปลิวตามเสาไฟฟ้า 

น้องคาเนโล่มีลักษณะขนสีขาวกับเทาเข้ม รูปร่างสูงใหญ่ จุดเด่นคือตามี2สี ข้างซ้ายสีน้ำตาล ข้างขวาสีฟ้า 

หากตอนนี้มีคนนำน้องคาเนโล่มาคืนให้ตนได้ ตนยินดีจ่ายเงินรางวัลให้มากถึง4 แสนบาท หรือถ่ายรูปน้องคาเนโล่ชี้เบาะแสมา ตนมีสินน้ำใจให้อย่างแน่นอน

‘ลอรี่ พงศ์พล ยอดเมืองเจริญ’ ติง!! สส.ฝ่ายค้าน ฉาวคนเดียว ระวังเหม็นทั้งประเทศ จี้ให้!! ลาออก ก่อนกระทบ ‘การทูต-การท่องเที่ยวไทย’ เสียหายถึงความสัมพันธ์

(8 ก.พ. 68) นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ รองโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยถึงกรณีศาลออกหมายจับ สส.ฝ่ายค้านคดีล่วงละเมิดทางเพศนักท่องเที่ยวชาวไต้หวัน ว่า

ในขณะนี้ สื่อต่างชาติ โดยเฉพาะประเทศจีนและไต้หวัน ประโคมข่าวใหญ่ 'สส.ฝ่ายค้านไทย' ขืนใจนักท่องเที่ยวไต้หวัน เรื่องดังกล่าวแม้จะเป็นเรื่องผิดส่วนตัว แต่ส่งผลกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ กระทบต่อการท่องเที่ยวที่ทุกภาคส่วนร่วมกันช่วยฟื้นฟูกันอย่างแข็งขัน กลับต้องมาเสียหายเพราะผู้แทนของประชาชน ที่กระทำความผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า

นายพงศ์พล กล่าวต่อไปว่า พรรคการเมืองไหนยังให้การสนับสนุนถือหางได้ก็ถือไป แต่ไม่ใช่กับพรรครวมไทยสร้างชาติ พวกเราขอไม่ทนกับสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ขอให้ สส. คนดังกล่าวพิจารณาตนเองและงดใช้เอกสิทธิ์ สส.ไปพิสูจน์ในกระบวนการยุติธรรม ก่อนประเทศเสียหายกว่านี้

"ผมเสนอให้สภามีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเพื่อความโปร่งใส ไม่ให้มีการใช้อิทธิพลพรรคใหญ่เข้าแทรกแซง พร้อมทั้งเยียวยาเหยื่อ ทั้งทางร่างกายและจิตใจ" นายพงศ์พล กล่าวทิ้งท้าย

จเรตำรวจแห่งชาติสั่งเพิกถอนวีซ่าชาวญี่ปุ่น 4 ราย ลักลอบข้ามแดนไปฝั่งเมียวดี พบมีหมายจับคดีอาญาและยาเสพติดของญี่ปุ่นหลายคดี  

เมื่อวานนี้ (7 ก.พ.68) พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (จตช./ผอ.ศตคม.ตร./ผอ.ศปอส.ตร.) เปิดเผยว่า ได้ดำเนินการอย่างเข้มข้น ต่อเนื่อง ตาม 7 มาตรการเข้มข้น ของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในการแก้ไขปัญหาคนต่างด้าวลักลอบหลบหนีเข้าเมือง ถูกหลอกลวง หรือประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย และอาชญากรรมข้ามชาติ เน้นการสกัดการเคลื่อนย้ายข้ามแดนตามช่องทางธรรมชาติ ท่าข้ามแดนต่าง ๆ 

ล่าสุดพบมีกรณีนักท่องเที่ยวสัญชาติญี่ปุ่น จำนวน 4 ราย ที่เดินทางด้วยรถยนต์ตู้โดยสารเข้ามาในพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก โดยเข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ถ.อินทรคีรี ต.แม่สอด เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2568 เวลา 19.17 น. ต่อมาสืบสวนทราบว่าได้เช็คเอาท์ออกจากโรงแรม เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 และมีรถแท็กซี่มารับคนต่างด้าวทั้ง 4 ราย จากโรงแรมดังกล่าว พาไปส่งถึงที่บริเวณตลาดริมเมย ข้างสะพานมิตรภาพไทย - เมียนมา แห่งที่ 1 เวลาประมาณ 12.00 น. และได้เดินดูของที่ตลาดริมเมยเหมือนนักท่องเที่ยวทั่วไปก่อนหายตัวไป โดยในวันเดียวกันนั้น เวลา 11.00 น. ได้มีนายไหน่ สัญชาติเมียนมา เดินทางโดยรถยนต์จากฝั่งเมียวดี ประเทศเมียนมา มายังประเทศไทย ผ่านสะพานมิตรภาพไทย - เมียนมา แห่งที่ 1 เพื่อมารับกระเป๋าของคนต่างด้าวทั้ง 4 ราย ที่โรงแรม และเดินทางกลับไปฝั่งประเทศเมียนมาโดยไม่ผ่านการตรวจศุลกากรประเทศไทย 

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้พิจารณามีความคาดว่านักท่องเที่ยวสัญชาติญี่ปุ่นจำนวน 4 รายดังกล่าว น่าจะลักลอบข้ามแดนไปฝั่งประเทศเมียนมาแล้ว และน่าจะเป็นกลุ่มขบวนการหลอกลวง แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ค้ามนุษย์ และอาชญากรรมข้ามชาติ ที่จะหลอกลวงคนญี่ปุ่น ประกอบกับประสานข้อมูลประวัติอาชญากรรมของคนต่างด้าวสัญชาติญี่ปุ่นทั้ง 4 ราย จากสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย พบว่ามีประวัติอาชญากรรมและมีหมายจับคดียาเสพติดของทางการญี่ปุ่นหลายคดี ทั้งนี้ คนต่างด้าวสัญชาติญี่ปุ่นทั้ง 4 ราย ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรได้ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2568 โดยการอนุญาตยังไม่สิ้นสุด ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดตากพิจารณาแล้วเห็นว่าคนต่างด้าวสัญชาติญี่ปุ่นทั้ง 4 ราย มีพฤติการณ์ที่มีลักษณะเป็นบุคคคลต้องห้ามเข้ามาในราชอาณาจักร จึงเสนอเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร 

พล.ต.อ.ธัชชัยฯ กล่าวว่า กรณีชาวญี่ปุ่นทั้ง 4 รายดังกล่าว พบว่าเป็นกลุ่มอาชญากรรมมีพฤติกรรมเป็นภัยต่อสังคม และมีแนวโน้มเป็นกลุ่มแก๊งที่เข้าร่วมขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จึงสั่งเด็ดขาดเพิกถอนวีซ่าทั้ง 4 ราย และขึ้นแบล็คลิสต์ห้ามเข้าไทย ยืนยันว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติเดินหน้าเต็มกำลังปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทั้งขบวนการ โดยดำเนินการทุกมาตรการอย่างเข้มแข็งและต่อเนื่องอย่างไม่ลดละ

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติพอใจ 7 มาตรการเข้ม สั่งรุกปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ย้ำเดินหน้าไม่แผ่ว ไม่ให้พื้นที่แก๊งอาชญากรรม

(8 ก.พ.67) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยความคืบหน้าปฏิบัติการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ว่า หลังจากที่ออกนโยบาย 7 มาตรการเข้มข้น นับตั้งแต่วันที่ 20 มกราคม 2568 และขีดเส้นตาย 7 วันให้ทุกหน่วยดำเนินการ พบว่าผลการดำเนินงานตาม 7 มาตรการเข้มข้น ทั้งด้านการปราบปราม การป้องกัน การให้ความช่วยเหลือ เห็นผลการปฏิบัติเป็นที่น่าพอใจ จึงสั่งการให้ทุกหน่วยปฏิบัติที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศตคม.ตร.) และศูนย์ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) ซึ่งมี พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้อำนวยการศูนย์ เดินหน้าขับเคลื่อนการปฏิบัติต่อเนื่องอย่างเต็มกำลัง เพื่อสกัดกั้นและปราบปรามอาชญากรรมเหล่านี้ให้เห็นผลเป็นรูปธรรมต่อไป 

ในส่วนของพื้นที่เสี่ยงที่เฝ้าระวังตามแนวชายแดน โดยเฉพาะ อ.แม่สอด จ.ตาก เจ้าหน้าที่เข้มงวดในการคัดกรองผู้ที่เดินทางเข้ามาในพื้นที่ โดยเฉพาะผู้ที่จะข้ามแดนไปยังฝั่งเมียวดี ประเทศเมียนมา ทั้งทางด่านตรวจ ท่าข้าม และช่องทางธรรมชาติ และยังมีมาตรการในการป้องกันการย้ายฐานที่ตั้งของแก๊งคอลเซ็นเตอร์จากเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา ไปยังพื้นที่อื่นๆ โดยเฉพาะฝั่งชายแดนประเทศกัมพูชา ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติร่วมกับกองทัพบก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปฏิบัติการร่วมกันอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ประสานความร่วมมือในการดำเนินการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในทุกมิติ ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภายในประเทศ และระดับนานาชาติ อาทิ INTERPOL , สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) , สถานเอกอัครราชทูตนานาประเทศ เป็นต้น เพื่อบูรณาการเดินหน้าในการปราบปรามอย่างไม่ลดละ 

นอกจากนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยันหนักแน่นว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะลุยต่อไม่แผ่วในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้หมดไป มั่นใจการดำเนินมาตรการเชิงรุกอย่างต่อเนื่องจะสร้างผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม ไม่มีพื้นที่ให้มิจฉาชีพหลอกลวงประชาชนได้อีก ย้ำ “เราทำจริง เอาจริง ประชาชนต้องไม่ตกเป็นเหยื่อของอาชญากรเหล่านี้อีกต่อไป” 

มั่นใจว่าด้วยความตั้งใจจริงในการแก้ไขปัญหาในทุกภาคส่วน มาตรการต่างๆ จะเห็นผลเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน

‘เคทีซี’ ครองตลาด!! ‘บัตรเครดิตค่ายเจซีบี’ ในไทย เผย!! ‘ยอดใช้จ่าย-ปริมาณสมาชิกใหม่’ สูงสุด!!

(8 ก.พ. 68) เคทีซีเผยยอดรวมการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซี เจซีบี ในปี 2567 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 15% จำนวนสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้น 20% ขึ้นแท่นบัตรเครดิตเจซีบีอันดับหนึ่งที่มีจำนวนทั้งสมาชิกใหม่และยอดรวมการใช้จ่ายมากที่สุดในประเทศไทย โดยสมาชิกนิยมใช้จ่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะที่ประเทศญี่ปุ่นยอดใช้จ่ายก็ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องที่ 18% สอดรับกับเทรนด์นักท่องเที่ยวไทยที่ยังนิยมเดินทางไปญี่ปุ่นเป็นอันดับต้น ๆ เคทีซีจึงได้ร่วมกับเจซีบี อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) ออกแคมเปญ ‘JCB ลุ้นเปย์ไป JAPAN’ หวังกระตุ้นยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเคทีซี เจซีบี ตลอดแคมเปญปรับตัวสูงขึ้น 15% นอกจากนี้ ยังขยายฐานสมาชิกใหม่ ด้วยแคมเปญแจกโค้ดส่วนลดค่าอาหาร GrabFood คาดผลตอบรับดี มียอดสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้น 35 %

นายธศพงษ์ รังควร ผู้บริหารสูงสุดฝ่ายการตลาดบัตรเครดิต ‘เคทีซี’ หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันมีจำนวนสมาชิกที่ถือบัตรเครดิตเคทีซี เจซีบี แพลทินัม และบัตรเครดิตเคทีซี เจซีบี อัลติเมท รวมกันทั้งสิ้นกว่า 300,000 ใบ สมาชิกนิยมใช้จ่ายทั้งในและต่างประเทศ โดยมียอดใช้จ่ายอยู่ 15,000 ล้านบาท สำหรับในประเทศบัตรเครดิตเคทีซี เจซีบี มีความโดดเด่นเรื่องโปรโมชันในหมวดร้านอาหารสไตล์โอมากาเซะ (Omakase) และห้างสรรพสินค้า ส่วนการใช้จ่ายที่ต่างประเทศ ญี่ปุ่นยังเป็นประเทศที่มีการใช้จ่ายมากที่สุด โดยมียอดใช้จ่ายอยู่ที่กว่า 1,180 ล้านบาท ในปี 2568 นี้ เคทีซีจึงได้ร่วมมือกับเจซีบี อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) ออกแคมเปญ 'JCB ลุ้นเปย์ไป JAPAN' ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2568 - วันที่ 30 เมษายน 2568  สมาชิกลงทะเบียนและใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซี เจซีบี ทุกประเภทตั้งแต่ 1,000 บาทขึ้นไป / เซลส์สลิป รับ 1 สิทธิ์ลุ้นรับรางวัลดังนี้ 1) แพ็กเกจทัวร์ญี่ปุ่น 6 วัน 4 คืน จำนวน 2 รางวัล (รางวัลละ 2 ที่นั่ง) มูลค่ารางวัลละ 265,000 บาท รวมมูลค่า 530,000 บาท หรือ 2) จี้ทองคำรูปดอกซากุระน้ำหนัก 2 สลึง จำนวน 5 รางวัล มูลค่ารางวัลละ 22,800 บาท รวมมูลค่า 114,000 ระหว่าง ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ktc.co.th/promotion/overseas-privilege/asia/jcb-lucky-draw-x-japan

มิสเตอร์โคเฮ ฟุคามิ รองผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายออกบัตรเครดิต “เจซีบี” หรือ บริษัท เจซีบี อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า เคทีซีเป็นพันธมิตรที่มีความแข็งแกร่ง ด้วยจำนวนสมาชิกผู้ถือบัตรใหม่และยอดรวมการใช้จ่ายผ่านบัตรเป็นที่น่าพึงพอใจอย่างยิ่ง สำหรับในปี 2568 เจซีบียังคงเดินหน้ามอบสิทธิพิเศษให้กับสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี เจซีบีอย่างต่อเนื่อง ครอบคลุมสิทธิพิเศษด้านการเดินทางที่ประเทศญี่ปุ่น และยังคงเน้นความพิเศษให้กับสมาชิกเมื่อใช้จ่ายในประเทศไทยด้วย โดยเฉพาะหมวดห้างสรรพสินค้า ร้านอาหารญี่ปุ่น และโรงภาพยนตร์ชั้นนำ เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของสมาชิกที่มีความหลากหลาย นอกเหนือจากการร่วมกันออกแคมเปญ ‘JCB ลุ้นเปย์ไป JAPAN’

นายธศพงษ์กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี 2568 นี้ เคทีซียังมุ่งขยายฐานสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี เจซีบี โดยมีเป้าหมายสมาชิกเพิ่มขึ้น 35% ด้วยการมอบสิทธิพิเศษสำหรับผู้สนใจสมัครบัตรเครดิตเคทีซี เจซีบี (บัตรหลักใหม่) ซึ่งได้รับอนุมัติภายในระยะเวลาที่กำหนด และมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรตั้งแต่ 3 รายการขึ้นไป ภายใน 30 วัน นับจากวันที่ได้รับอนุมัติบัตร จะได้รับโค้ดส่วนลด GrabFood มูลค่ารวม 500 บาท (โค้ดส่วนลดใบละ 100 บาท จำนวน 5 ใบ) ตั้งแต่วันที่  1 มกราคม 2568 - วันที่ 31 มีนาคม 2568 และระยะเวลาอนุมัติบัตร ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 - วันที่ 30 เมษายน 2568 ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ktc.co.th/promotion/online/dining/grabfood-x-ktcjcb

ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ KTC PHONE 02 123 5000 หรือติดตามโปรโมชันของเคทีซีได้ที่ https://www.ktc.co.th สำหรับผู้ที่ต้องการสมัครสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี สามารถคลิกดูรายละเอียดได้ที่ลิงก์ https://ktc.cards/apply-pop-jcb หรือติดต่อศูนย์บริการสมาชิก ‘เคทีซี ทัช’ ทุกสาขาทั่วประเทศ

‘Pocky x Butterbear’ ชวนแชร์รักด้วย ‘ป๊อกกาแลต’ บอกรักแบบใหม่ ‘I Pocky U’ กับน้องเนย สุดคิวท์

(8 ก.พ. 68) วาเลนไทน์ปีนี้ มัมหมี-พ่อหมี เตรียมมาอัปเลเวลความหวาน ในงาน Pocky X ButterBear Event กับการคอลแลปสุดปังครั้งแรกในไทย! ระหว่างกูลิโกะ ป๊อกกี้ และไอดอลสาววัย 3 ขวบ ‘น้องหมีเนย’ (Butterbear) ที่จะมาเสิร์ฟความน่ารัก ซุกซน ในวันเสาร์ ที่ 8 ก.พ.นี้ เวลา 14.00 น. ณ ชั้น 1 ร้าน Butterbear ศูนย์การค้าเอ็มสเฟียร์ – รอติดตามได้เลย ^^

นอกจากนี้ ยัยหนูยังชวนชาวด้อม ร่วมแชร์รักด้วยป๊อกกาแลตกับ Premium Set สุดเอ็กซ์คลูซีฟ จากป๊อกกี้ ที่มาพร้อมกระเป๋าและผ้าห่มสุดคิวท์ ให้เก็บสะสมหรือจะส่งต่อความน่ารัก เซอร์ไพร์สคนรู้ใจรับวันวาเลนไทน์ ก็ใจฟูไม่ไหว พร้อมประโยคบอกรักแบบใหม่สไตล์ GEN Z แค่ตะโกน 'I Pocky U' เหมือนเป็นการบอกความในใจให้คนพิเศษได้รู้ เตรียมเอฟจับจองเป็นเจ้าของพร้อมกันได้ตั้งแต่วันนี้  – 31 มีนาคม จำนวนจำกัด!!

สำหรับ Pocky x Butterbear เซตพิเศษเฉพาะวาเลนไทน์นี้ นำความน่ารักของน้องหมีเนยมาสร้างสรรค์ โดยถ่ายทอดคาแรคเตอร์ความสดใสแต่ละลายมาแบบจัดเต็ม ได้แก่

1. Valentine’s Gift Set เซตพิเศษเฉพาะช่วงวาเลนไทน์ ให้ฟินกับทั้งป๊อกกี้และหมีเนย ประกอบด้วย ป๊อกกี้รสช็อกโกแลต 1 แพ็ก ป๊อกกี้รสนม 1 แพ็ก และกระเป๋าปิกนิก Pocky x Butterbear มี 3 แบบให้สะสม Exclusive ตามแต่ละช่องทางการจัดจำหน่าย ถึง 28 ก.พ.นี้ (ขณะนี้มีจำหน่ายเพียง 2 แบบเท่านั้น สำหรับแบบโปรโมชั่นพิเศษ โปรดติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม) 

2. กระเป๋าถือ Pocky x Butterbear เมื่อซื้อสินค้ากูลิโกะที่ร่วมรายการกลุ่มขนมทั้งบิสกิตและช็อกโกแลตรสชาติใดขนาดใดก็ได้ครบ 159 บาท รับกระเป๋าถือ 1 ใบ ถึง 28 กุมภาพันธ์นี้

3. ผ้าห่มขนนุ่ม Pocky x Butterbear ขนาด 40*60 นิ้ว มีให้เลือก 2 ลาย คือ ลายหมีเนยสีชมพูและสีเหลือง เมื่อซื้อสินค้ากูลิโกะที่ร่วมรายการรสชาติใดขนาดใดก็ได้ ครบ 699 บาท ก็เป็นเจ้าของผ้าห่มสุดน่ารักได้แล้ว เริ่มจับจองได้ 24 กุมภาพันธ์ – 31 มีนาคมนี้

ห้ามพลาด!! จับจองเป็นเจ้าของพร้อมกันได้แล้ว ตั้งแต่วันนี้ วางจำหน่ายแล้วที่ร้านค้าชั้นนำและร้านค้าทั่วไปที่ร่วมรายการทั่วประเทศ และช่องทางออนไลน์ โดยแต่ละช่องทางมีสินค้าและช่วงเวลาที่แตกต่างกันไปที่แตกต่างกันไป 

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook Fanpage ของ https://www.facebook.com/PockyThailand และ https://www.facebook.com/GlicoTH 

10 อันดับ ประเทศในอาเซียนที่เป็นผู้นำด้านระบบจ่ายเงินดิจิทัล

เข้าใกล้สังคมไร้เงินสด!!

ส่อง 10 อันดับ ประเทศในอาเซียนที่เป็นผู้นำด้านระบบจ่ายเงินดิจิทัล มีประเทศไหนบ้าง และประเทศไทยอยู่อันดับที่เท่าไหร่ ไปติดตามได้เลย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top