Thursday, 10 July 2025
Hard News Team

ครบรอบ 60 ปี 'กรณ์ จาติกวณิช' ขอบคุณ 'ทุกคน-โอกาส' ต่อจากนี้ขอต่อยอด ONE ของคนอื่น ให้เป็น 2-3-4 ต่อไป

(19 ก.พ.67) นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ขอบคุณความรักและการเลี้ยงดูมาอย่างดีโดยพ่อแม่ ภายหลังเด็กปีมังกรคนนี้ได้อายุครบ 5 รอบแล้ว ว่า...

มีหนึ่งคำที่อธิบายความรู้สึกของผมในวันที่อายุจะครบ 60 ได้ดีที่สุด คำนั้นคือ ‘thankful’ ในหลากหลายความหมายของคำนี้ คือ : ซาบซึ้ง ตระหนักในบุญคุณ ขอบคุณโชคชะตา

ขอบคุณสำหรับความรักและการเลี้ยงดูมาอย่างดีโดยพ่อแม่ 

ขอบคุณที่มีภรรยาที่อดทนต่อความเห็นแก่ตัวของเรา ขอบคุณที่มีลูกๆ ที่รักกัน และที่ทุกคนตระหนักในโอกาสที่ได้รับ

ขอบคุณสำหรับความสัมพันธ์ที่ทำให้ชีวิตเราสมบูรณ์ พี่น้องสำคัญกับเรามาก รวมไปถึงเพื่อนกอล์ฟ เพื่อนเล่นไพ่ ญาติ อดีตเพื่อนร่วมงาน ทั้งเพื่อนสนิท และเพื่อนที่โคจรมาเจอกับเราในช่วงสั้นๆแต่มีความหมาย เราหวังว่าเราดีกับเขาเหมือนเขาดีกับเรา

ขอบคุณที่ได้มีโอกาสทำงาน ได้สร้างเนื้อสร้างตัว ได้มีโอกาสช่วยเหลือบ้านเมือง แม้ว่าทำได้ไม่มากนัก

ขอบคุณที่ได้เห็นโลก เก็บประสบการณ์และความทรงจำที่ลํ้าค่ามากมาย

ขอบคุณที่ไม่เคยต้องอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องทำร้ายใคร หรือต้องเป็นภาระกับใครมากเกินไป

ขอบคุณสำหรับสุขภาพร่างกายที่ทำให้เราทำ (เกือบ) ทุกอย่างที่เราอยากทำได้ ใครๆ ก็อยากเป็น Federer, น้าเป๊บ หรือ Brad Pitt แต่นั่นคือโลภเกินไป 😂

เราไม่ได้ไปถึงจุดสูงสุดในเรื่องที่เราทำ ไม่ว่าจะเป็นการเรียน กีฬา การงาน หรือการเมือง แต่เราขอบคุณที่ได้มีโอกาส และขอบคุณที่มีมิตรสหายคอยช่วยและเดินไปกับเราในการผจญภัยทุกครั้ง

ผมเข้าสู่ไตรมาสที่ 4 ในชีวิต หากเคยทำตัวไม่ดีกับใคร ผมกราบขออภัย บางครั้งเราบอกตัวเองว่า เราแค่ทำไปตามตำแหน่งและหน้าที่ แต่อาจเป็นวิธีคิดที่เข้าข้างตัวเองมากเกินไป 🙏

จากนี้ยังมีเรื่องอยากทำอยู่พอสมควร - ภรรยาที่อยากพาเที่ยว งานที่อยากทำ หนังสือที่อยากอ่าน birdies ที่อยากได้ หลานที่อยากเลี้ยง ป่าที่อยากเดิน ต้นไม้ที่อยากปลูก… แต่จะไม่โลภ 

มีรุ่นน้องในวงการ startup คนหนึ่งถามผมว่า ‘พี่ยังคิดอยากทำแบบ zero-to-one อีกไหม..’

ความหมายคือสร้างอะไรจากศูนย์เหมือนที่เคยทำมา 2-3 ครั้งในชีวิต (เจเอฟ-ครอบครัว-พรรคกล้า)

ผมตอบโดยไม่ลังเลว่า ไม่แล้ว แต่พร้อมจะช่วยต่อยอด ‘one’ ของคนอื่น ให้เป็น 2-3-4 ต่อไป

ซึ่งมีอะไรบ้างไว้อาจจะกลับมาเล่าให้ฟัง

แต่วันนี้ขอพูดอีกคำเดียว : ‘ขอบคุณ’

กาฬสินธุ์เริ่มแล้วงานมาฆปูรณมีบูชาทะเลธุงอีสานอลังการขบวนแห่สักการะพระธาตุยาคู เริ่มแล้วงานประเพณี"มาฆปูรณมีบูชา" ทะเลธุงอีสาน จังหวัดกาฬสินธุ์ ประจำปี 2567

หนุนท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมเมืองฟ้าแดดสงยาง สืบสานประเพณีภูมิปัญญาท้องถิ่น กระตุ้นเศรษฐกิจสร้างรายได้สู่ชุมชน พิธีเปิดสุดอลังการตระการตาขบวนแห่พานบายศรี เครื่องสักการะพระธาตุยาคู นางรำกว่า 3,000 คนสวมชุดผ้าไทยรำบูชาพระธาตุยาคู และร่วมถวายธุงกว่า 800 ต้น
ที่บริเวณโบราณสถานพระธาตุยาคู อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ นายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์  พร้อมด้วย นางสิริวิมล  พงษ์อักษร นายกเหล่ากาชาด จ.กาฬสินธุ์ นายธวัชชัย  รอดงาม   นายธนภัทร ณ ระนอง  นายรุจติศักดิ์  รังษี  รองผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์  นายผดุงศักดิ์  อิ่มเอิบ  ปลัด จ.กาฬสินธุ์ นางเฉลิมขวัญ หล่อตระกูล นายกอบจ.กาฬสินธุ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.กาฬสินธุ์ หัวหน้าส่วนราชการทุกหน่วยงาน นายอำเภอ ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำชุมชน และประชาชนจากทุกอำเภอของ จ.กาฬสินธุ์ พร้อมใจกันสวมชุดผ้าไทยและผ้าพื้นเมืองร่วมขบวนแห่พานบายศรี เครื่องสักการะพระธาตุยาคูจากคูเมืองฟ้าแดดสงยาง ผ่านซุ้มประตูเมือง  ไปยังพระธาตุยาคู  ซึ่งสร้างความตระการตากับประชาชนและนักท่องเที่ยวที่มาร่วมงานอย่างมาก

จากนั้นนายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์  ประธานในพิธีประกอบพิธีบวงสรวงพระธาตุยาคู  และถวายธุงสักการะและนำทุกภาคส่วนเปิดงานประเพณี"มาฆปูรณมีบูชา" ทะเลธุงอีสาน จ.กาฬสินธุ์ ประจำปี 2567 อย่างเป็นทางการ จากนั้นนางรำที่สวมชุดผ้าไทย และผ้าไหมจากทุกอำเภอกว่า 3,000 คน ได้ร่วมกันรำบูชาพระธาตุยาคูด้วยท่ารำที่อ่อนช้อยสวยงาม ซึ่งเป็นพิธีเปิดสุดที่อลังการท่ามกลางทะเลธุงอีสาน

นายสนั่น  พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า งานประเพณี"มาฆปูรณมีบูชา ทะเลธุงอีสาน” ประจำปี 2567  จ.กาฬสินธุ์ร่วมกับทุกภาคส่วนจัดขึ้น เพื่อพัฒนาศักยภาพ แหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมเมืองโบราณฟ้าแดดสงยาง ส่งเสริมเทศกาลงานประเพณีของจังหวัด สืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่น กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก สร้างรายได้ให้กับชุมชน และสร้างความร่วมมือส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมระหว่างจังหวัดกาฬสินธุ์กับจังหวัดใกล้เคียงได้ร่วมอนุรักษ์ไว้เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม 

โดยจัดขึ้นระหว่างวันที่ 17 - 25 กุมภาพันธ์ 2567  ที่โบราณสถานเมืองฟ้าแดดสงยางพระธาตุยาคู ต.หนองแปน อ.กมลาไสย ซึ่งในงานจะมีกิจกรรมมากมาย อาทิเช่น การทำบุญตักบาตร การเวียนเทียนภาคค่ำในวันมาฆบูชา  การสักการะพระธาตุยาคู   การจัดบูธร้านค้าของดี จ.กาฬสินธุ์ และสินค้า OTOP การแสดง แสง สี เสียง มินิไลท์แอนด์ซาวด์  

นอกจากนี้ทางจังหวัดเปิดโอกาสให้พี่น้องประชาชนได้ร่วมถวายธุง เพื่อสักการะแด่องค์พระธาตุยาคู และมีการนำต้นธุงที่เป็นสีเหลือง ซึ่งเป็นสีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ มาเรียงกันเป็นเลข 10 และนำต้นธุงที่เป็นสีม่วง ซึ่งเป็นสีของสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีฯ มาเรียงไว้รอบๆ ส่วนบริเวณรอบนอกจะเป็นธุงหลากสี ตามความชอบและความสะดวกของผู้มีจิตศรัทธาที่มาร่วมถวายธุง จำนวนกว่า 800 ต้น ทำให้เกิดเป็นทะเลธุงที่สวยงาม รอรับนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมและถ่ายรูปกับทะเลธุง
อย่างไรก็ตามงานมาฆปูรณมีบูชา นอกจากจะเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดที่เป็น Soft Power ของจังหวัดมาสร้างมูลค่าเพิ่ม สร้างรายได้ให้กับชุมชนแล้ว ยังเป็นการอนุรักษ์ พื้นฟู ถ่ายทอดและเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมอันดีงามของท้องถิ่น ให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายและให้คงอยู่เป็นประเพณี วัฒนธรรมของจังหวัดกาฬสินธุ์ อย่างยั่งยืนตลอดไปอีกด้วย

นราธิวาส-แม่ทัพภาคที่ 4 เป็นประธานพิธีทอดผ้าป่าสามัคคี สืบสานพระพุทธศาสนาร่วมกับพุทธศาสนิกชน ณ วัดราษฎร์สโมสร อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส

เมื่อวันที่ (18 กุมภาพันธ์ 2567) เวลา 10.00 น. ที่ วัดราษฎร์สโมสร อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส พลโท ศานติ  ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 เป็นประธานในพิธีทอดผ้าป่าสามัคคี ประจำปี 2567 และฉลองศาลาเฉลิมพระเกียรติ กาญจนาภิเษก โดยมี พระครูวรปัญญาประยุต เจ้าอาวาสวัดราษฎร์สโมสร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ , พลตรี เฉลิมพร ขำเขียว ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 / ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส /ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ,พันเอก สิทธิชัย บำรุงเขต ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 46 ,พร้อมด้วยคณะผู้บังคับบัญชา หัวหน้าส่วนราชการ และพุทธศาสนิกชนผู้มีจิตศรัทธาเข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียงกัน โดยปัจจัยที่รวบรวมได้จากผู้มีจิตศรัทธาในครั้งนี้ มียอดรวมทั้งสิ้น 856,193 บาท ในการนี้ วัดราษฎร์สโมสร อำเภอรือเสาะ จะนำเอาปัจจัยดังกล่าวไปทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา และนำปัจจัยการทอดผ้าป่าสามัคคี เพื่อสร้างศาลาการเปรียญ (วัดที่ยังไม่มีศาลาการเปรียญ) เพื่อเป็นศูนย์รวมจิตใจแก่พุทธศาสนิกชนในพื้นที่

โอกาสนี้ พลโท ศานติ  ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้พบปะกับพี่น้องประชาชนและกล่าวว่า ดีใจที่ได้มาร่วมประเพณี ร่วมกิจกรรม กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ในวันนี้ได้เห็นพี่น้องประชาชนร่วมกันสามัคคีกันในการจัดงานทอดผ้าป่าสามัคคี ได้เห็นความร่วมมือกันอยู่ด้วยกันแบบสังคมพหุวัฒนธรรม หากมีสิ่งใดให้ทางกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ช่วยเหลือ ยินดีที่จะช่วยเหลือพี่น้องประชาชนเพื่อความสุขและให้ประชาชนอยู่อย่างปลอดภัย

สำหรับวัดราษฎร์สโมสร เป็นวัดประจำอำเภอที่มีประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2468 โดยได้รับการบริจาคที่ดินจากขุนอุปการประชากร เจ้าอาวาสรูปแรก คือ หลวงพ่อพลับ อินทโชโต ซึ่งต่อมาท่านได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะ ในพระราชทินนามว่า พระครูไพโรจน์นราธิคุณ เจ้าคณะจังหวัดนราธิวาส ภายหลังจากที่ท่านมรณภาพ เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2514 พุทธศาสนิกชนชาวอำเภอรือเสาะได้ร่วมกันสร้างศาลามณฑปขึ้น ในปี พ.ศ.2519 เพื่อประดิษฐานรูปเหมือนของท่าน ซึ่งท่านได้หล่อขึ้นด้วยทองแดงไว้ตั้งแต่ พ.ศ.2504 และพุทธศาสนิกชนทั่วไปให้ความเคารพสักการะมาจนตราบทุกวันนี้

ข่าว.แวดาโอ๊ะ หะไร/อัสมา บินมะนุ จ.นราธิวาส

เลย -ผู้บัญชาการทหารบกลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมคณะครูอาจารย์ และนักเรียน พร้อมมอบถุงยังชีพเพื่อการศึกษา และมอบอุปกรณ์กีฬา ให้กับนักเรียนโรงเรียน ในพื้นที่ชายแดน

วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2567  พลเอก เจริญชัย  หินเธาว์  ผู้บัญชาการทหารบก/ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมพบปะให้กำลังใจคณะครู และเด็กๆนักเรียนโรงเรียนบ้านคกงิ้ว และ โรงเรียนเพียงหลวง 18 ต.ปากตม อ.เชียงคาน จ.เลย ได้มอบถุงยังชีพเพื่อการศึกษา , อุปกรณ์กีฬา , อุปกรณ์การเรียนการสอน , มอบขนม และไอศกรีม เพื่อนำไปใช้ประกอบการเรียนการสอนตามหลักสูตรของโรงเรียน ปลูกฝังให้เด็กและเยาวชนได้เรียนรู้ เพื่อต้องการให้เด็ก และเยาวชนรู้จักใช้เวลาให้เกิดประโยชน์ และห่างไกลจากยาเสพติด แทนความห่วงใยจากกองทัพบก โดยในการจัดหาถุงยังชีพเพื่อการศึกษา อุปกรณ์กีฬา และสิ่งของที่จำเป็นอื่นๆ ในครั้งนี้ เกิดจากที่กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี ได้จัดกิจกรรม Surasakmontri Army Run 2024 “วิ่งนี้เพื่อน้องชายแดน” ครั้งที่ 1 ที่ผ่านมา ได้มอบผ้าห่มให้กับ นักเรียน ผู้ปกครอง และประชาชน ในพื้นที่ ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะอากาศหนาว เป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายในครัวเรือนอีกด้วย โดยมี  พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพน้อยที่ 2, พลตรี นรธิป  โพยนอก ผู้บัญชาการกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 2 ส่วนแยก 1, พลตรี พุทธิวัฒน์  สิริพงศ์พล ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 28  และผู้บังคับหน่วยในพื้นที่ หน่วยงานราชการในพื้นที่ร่วมกันจัดกิจกรรมในครั้งนี้

เดวิท โชคชัย มุกดาหาร รายงาน 092-5259-777

มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ จับมือ หน่วยงานกระทรวงแรงงาน จ.ร้อยเอ็ด และกลุ่มไทยสมายล์ เยือนถิ่นอีสาน มอบเครื่องอุปโภคบริโภคแบ่งปันนักเรียนและรถวีลแชร์ให้กับผู้พิการในท้องที่ 

เมื่อ​วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2566 นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ ประธานมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ พร้อมด้วยหน่วยงานสังกัดกระทรวงแรงงาน จ.ร้อยเอ็ด และทีมงานมวลชนสัมพันธ์ (CSR) กลุ่มไทยสมายล์ ลงพื้นที่เพื่อมอบสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภคให้กับคณะครู และนักเรียน โรงเรียนนาคำเจริญวิทย์ ณ อาคารเอนกประสงค์ โรงเรียนนาคำเจริญวิทย์ ต.อุ่มเม้า 
อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด

​​นางเธียรรัตน์ กล่าวว่า ในวันนี้ดิฉันในนามมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ได้ร่วมมือกับ กลุ่มไทยสมายล์ (รถและเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้า) นำเครื่องอุปโภคบริโภค ได้แก่ คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ ชุดเครื่องเขียน ผ้าห่ม ขนมขบเคี้ยว มามอบให้กับน้องๆ นักเรียน ที่โรงเรียนนาคำเจริญวิทย์แห่งนี้ นอกจากนี้ยังมีหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงาน ได้แก่ สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน จ.ร้อยเอ็ด นำบุคลากรมาฝึกอาชีพช่างปูกระเบื้อง เพื่อทำห้องคอมพิวเตอร์ให้กับโรงเรียน รวมไปถึงสำนักงานจัดหางาน จ.ร้อยเอ็ด บริการตัดผมฟรีแก่เด็กนักเรียน 

หลังจากนั้น คณะได้เดินทางมายัง อ.อาจสามารถ และ อ.เมือง เพื่อมอบรถวิลแชร์ ให้กับผู้พิการ 2 รายด้วยกัน ได้แก่ นายบุญเลียน เพ็ญจันทร์ และ นายสุรชัย อนุแก่นทราย ตามโครงการความร่วมมือระหว่าง มูลหัวใจบริสุทธิ์ กับรายการ ร้องทุกข์ลงป้ายนี้ สถานีประชาชนไทยพีบีเอส

‘เจี๊ยบ’ โพสต์จิก ‘ทักษิณ’ ใส่ปลอกคอกลับบ้านจันทร์ส่องหล้า พ้อ!! เจ็บปวดกับอภิสิทธิ์ชน หวังคนอื่นๆ ได้รับความยุติธรรมบ้าง

(18 ก.พ.67) นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์เฟสบุ๊ก และ X ต่อเนื่องจากกรณีนายทักษิณ ชินวัตร ออกจากโรงพยาบาลตำรวจ กลับบ้านจันทร์ส่องหล้า โดยไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียว ดังนี้…

“ดิฉันน้ำตาไหลด้วยความเจ็บปวดกับข่าวอภิสิทธิ์ชนของสังคมนี้ เมื่อไหร่ #อานนท์ และคนอื่น ๆ ที่แค่คิดต่างจะได้กลับบ้าน #ยุติธรรมไม่มีสามัคคีไม่เกิด #ทักษิณ”

“พี่น้องครับ ถ้าเสียงปืนแตกนัดแรกเมื่อไร ผมจะกลับมานำพี่น้องเดินเข้ากรุงเทพเอง… กูรู้สึกโดนหลอกมาชั่วชีวิต”

ต่อมาเจ้าตัวได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า “ปลอกคอปลอกแขนแสดงออกเชิงสัญลักษณ์? #ทักษิณกลับบ้าน”

‘ญี่ปุ่น’ ปล่อย ‘จรวดเอช 3’ รุ่นใหม่สำเร็จแล้ว หลังคว้าน้ำเหลวในการปล่อยครั้งแรกเมื่อปีก่อน

เมื่อวันที่ 17 ก.พ. 67 สำนักข่าวซินหัว, โตเกียว รายงานว่า องค์การสำรวจอวกาศญี่ปุ่น รายงานการปล่อย ‘จรวดเอช 3’ (H3) เมื่อวันเสาร์ที่17 ก.พ.ที่ผ่านมา หลังจากการปล่อยครั้งแรกเมื่อเกือบหนึ่งปีก่อน ประสบความล้มเหลว

รายงานระบุว่า จรวดเอช 3 สำหรับการบินทดสอบหมายเลข 2 ถูกปล่อยจากศูนย์อวกาศทาเนะงาชิมะ บนเกาะทาเนะงาชิมะ ในจังหวัดคาโงชิมะ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของญี่ปุ่น ตอนราว 09.22 น. ตามเวลาท้องถิ่น

อย่างไรก็ดี ความล้มเหลวของการปล่อยครั้งแรกในปี 2023 ทำให้องค์การฯ ปรับเปลี่ยนแผนขนส่งดาวเทียมสำหรับตรวจสอบการทำงาน จากของจริงเป็นของจำลองแทน และมีการขนส่งดาวเทียมขนาดเล็ก (microsatellite) สองดวงด้วย

องค์การฯ ยืนยันการติดเครื่องยนต์ขั้นที่ 2 และการแยกตัวของหนึ่งในสองดาวเทียมขนาดเล็ก หลังจากปล่อยจรวดได้ไม่นาน ซึ่งเป็นหมุดหมายว่า งานหลักของการปล่อยจรวดครั้งนี้สำเร็จลุล่วง

‘จรวดเอช 3’ แบบบรรทุกหนักรุ่นใหม่พัฒนาต่อจาก ‘จรวดเอช 2 เอ’ (H2A) รุ่นหลักในปัจจุบัน ซึ่งคาดว่าจะถูกเลิกใช้ภายในปีงบประมาณหน้าที่เริ่มต้นเดือนเมษายนนี้

สำหรับการปล่อยจรวดเอช 3 เมื่อวันเสาร์ที่ 17 ก.พ.ที่ผ่านมานั้น ถือเป็นความมุ่งมั่นของญี่ปุ่นที่ต้องการยืนยันสมรรถนะของจรวด ในการควบคุมการวางตำแหน่งและการใช้งานดาวเทียมต่างๆ

สื่อท้องถิ่นรายงานว่า นอกจากขนส่งดาวเทียมแล้ว จรวดเอช 3 สามารถขนส่งสัมภาระและวัสดุสู่สถานีอวกาศนานาชาติ รวมถึงเกตเวย์ (Gateway) สถานีอวกาศขนาดเล็กในวงโคจรของดวงจันทร์ ตามแผนของโครงการอวกาศอาร์ทีมิส (Artemis) ที่นำโดยสหรัฐฯ

ทั้งนี้ เดิมทีญี่ปุ่นกำหนดปล่อยจรวดเอช 3 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 15 ก.พ.ที่ผ่านมา แต่ต้องเลื่อนออกมา เพราะสภาพอากาศไม่เป็นใจ ส่วนการปล่อยครั้งแรกในเดือนมีนาคม 2023 ประสบความล้มเหลวเพราะเครื่องยนต์ขั้นที่ 2 ไม่ติด ทำให้เกิดการทำลายตัวเองหลังปล่อยไม่กี่นาที

ยกระดับ ‘ขบวน 133/134’ สู่ขบวนระหว่างประเทศ ‘ไทย-ลาว’ เชื่อมการเดินทางเข้าถึงพื้นที่ท้องถิ่น หนุนเศรษฐกิจชายแดน

(18 ก.พ.67) เพจ ‘โครงสร้างพื้นฐาน ประเทศไทย Thailand Infrastructure’ ได้โพสต์รายงานแผนความคืบหน้าขยายการเดินทาง และการยกระดับขบวนรถไฟ 133/134 เพื่อเชื่อมต่อท้องถิ่น ‘ไทย-ลาว’ โดยระบุว่า…

ยกระดับขบวน 133/134 สู่ขบวนระหว่างประเทศ ไทย-ลาว พร้อมเพิ่มขบวนรถไฟท้องถิ่นระหว่างประเทศ ‘อุดรธานี-เวียงจันทน์’ สนับสนุนการค้าขายชายแดน

***เริ่มให้บริการ กลางเดือนพฤษภาคม 2567 นี้!!

วันนี้ขอมา Update แผนความคืบหน้าในการเชื่อมต่อ ‘ไทย-ลาว’

ซึ่งจะขยายการเดินรถไฟจากเดิมที่สิ้นสุดที่ท่านาแล้ง ไปที่สถานีเวียงจันทน์ (คำสะหวาด) ซึ่งเป็นสถานีหลักของทางรถไฟขนาด 1 เมตร ที่ไทยช่วยสนับสนุนในการก่อสร้าง จาก NEDA 
ใครยังไม่รู้จักสถานีเวียงจันทน์ (คำสะหวาด) ดูได้จากลิงก์นี้ 
>> https://www.facebook.com/100067967885448/posts/593470202928571/

แต่ที่ผ่านมาหลังจากก่อสร้างเสร็จตั้งแต่กลางปี 2566 ก็ยังติดปัญหาเปิดเดินรถไม่ได้ จากหลายส่วน ตั้งแต่…

- พนักงานขับรถไฟไทย ไม่ต้องการจะเดินรถไฟฝั่งลาว เนื่องจากเกรงปัญหาทางกฏหมาย หากเกิดอุบัติเหตุ
- เส้นทางรถไฟยังไม่ปลอดภัย จุดตัดต่างๆ ยังไม่มีอุปกรณ์กั้น และไม่มีเจ้าหน้าที่ดูแล้ว
- กฏระเบียบ ในการให้บริการรถไฟในฝั่งลาว

ทำให้ต้องมีการจัดการแก้ปัญหาต่างๆ ก่อนจะเริ่มบริการให้เดินรถ ได้แก่…

- ช่วยฝึกอบรม และซ้อมขับรถไฟไทย ให้กับพนักงานขับรถไฟลาว ในช่วงท่านาแล้ง-เวียงจันทน์
- ลงนามในข้อตกลงด้านเทคนิค และการซ่อมบำรุงระหว่างไทย-ลาว
- ตรวจสอบทางรถไฟในช่วง ท่านาแล้ง-เวียงจันทน์ ก่อนเปิดให้บริการ

ซึ่งทั้งหมดจะเสร็จภายในต้นเดือน พฤษภาคม 2567 และจะเปิดให้บริการ ภายในกลางเดือน พฤษภาคม 2567

ซึ่งจะมีการจัดการเดินรถใหม่ เพื่อเชื่อมโยง กรุงเทพฯ-เวียงจันทน์ (คำสะหวาด) โดยมีการปรับการเดินรถใหม่ ได้แก่…

- ขบวนรถเร็วระหว่างประเทศ 133/134 กรุงเทพฯ-หนองคาย-เวียงจันทน์ (คำสะหวาด)
- ขบวนรถท้องถิ่นระหว่างประเทศ 481/482 อุดรธานี-หนองคาย-เวียงจันทน์ (คำสะหวาด)

โดยช่วง หนองคาย-ท่านาแล้ง จะมีการปรับริ้วขบวนแบ่งเป็นตู้โดยสารและตู้สินค้า ดังนี้…

ตู้โดยสาร แบ่งเป็น
- ตู้ชั้น 2 ปรับอากาศ 2 ตู้
- ตู้ชั้น 3 พัดลม 2 ตู้

ตู้สินค้า 20 คัน

โดยตู้สินค้าจะถูกตัดที่สถานีท่านาแล้ง เพื่อเปลี่ยนถ่ายในย่านสินค้าท่านาแล้ง ส่วนตู้โดยสารมุ่งหน้าต่อไปสถานีเวียงจันทน์ (คำสะหวาด)

ซึ่งถ้าเปิดให้บริการในช่วง อุดรธานี-เวียงจันทน์ จะช่วยสนับสนุนการเดินทาง และจับจ่ายใช้สอยในพื้นที่อุดรธานีของพี่ๆ น้องๆ จากฝั่งลาว มาจับจ่ายใช้สอยฝั่งไทยได้มากเลย

‘โรงแรมดังเชียงใหม่’ โพสต์เดือด!! หลังโดนคนโทรด่า ลั่น!! “โรงแรมนี้รับคนเท่านั้น ไม่ต้อนรับสลิ่ม”

เมื่อไม่นานนี้ เพจเฟซบุ๊ก ‘River Art Hotel Chiang Mai’ ซึ่งเป็นเพจของโรงแรมชื่อดังริมแม่น้ำปิง ในย่านตำบลป่าตัน อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ได้โพสต์ข้อความประกาศ ‘ไม่ต้อนรับสลิ่ม’ โดยระบุว่า…

“เรียน สลิ่ม ที่ส้นตีน อันเป็นที่รักของพรมเช็ดเท้า

ไม่ต้องโทรมาด่านะคะ โรงแรมนี้ไม่ต้อนรับสลิ่ม อย่าสลอนว่ากูต้องง้อคนอย่างทาส มาพักโรงแรมนี้ค่ะ

โรงแรมนี้ รับคนเท่านั้นค่ะ
โรงแรมนี้ ไม่รับสลิ่มมานานแล้วนะคะ”

อย่างไรก็ตาม ได้มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นในโพสต์ดังกล่าวกันเป็นจำนวนมาก

‘ณัฐพล ประชาไท’ รับรางวัลชมเชยสื่อมวลชน จาก ‘แอมเนสตี้ฯ’ หลังก่อนหน้านี้ถูกจับกุม กรณีทำข่าวพ่นสีกำแพงวัดพระแก้ว

เมื่อวันที่ 17 ก.พ. 67 แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย (Amnesty International Thailand) จัดพิธีมอบประกาศผลและมอบรางวัลสื่อมวลชนเพื่อสิทธิมนุษยชน (Media Awards 2023) เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2567 เพื่อยืนหยัดเคียงข้างเสรีภาพสื่อมวลชน

โดยได้มีนักข่าวและองค์กรสื่อที่ได้รับรางวัลสื่อมวลชนเพื่อสิทธิมนุษยชน ประจำปี 2566 (Media Awards 2023) หลายท่าน หลายองค์กร อาทิ ‘เป้-ณัฐพล เมฆโสภณ’ ผู้สื่อข่าวประชาไท และช่างภาพอิสระ ที่ได้รับรางวัลชมเชย รางวัลข่าวและสารคดีเชิงข่าว ประเภทสื่อออนไลน์ เป็นรางวัลแรกในชีวิตของการผู้สื่อข่าว

ข่าวที่ทำให้เป้ได้รับรางวัลคือ ‘กว่าจะได้เรียน’ เด็กชายแดนไทย-เมียนมา ต้องผ่านอะไรบ้าง

ซึ่งเป็นผลงานที่ เป้ ณัฐพล ได้ทุ่มเท เพื่อเด็กที่ไร้สิทธิ์ ไร้เสียงตามแนวชายแดน โดยเจ้าตัวเองก็ได้พูดถึงความยากลำบากในการทำงาน และความรับผิดชอบต่อแหล่งข่าวที่ให้ข้อมูลมา อีกทั้งไม่เพียงมุ่งแต่ทำงานในหน้าที่ของตนเท่านั้น แต่ยังคำนึงถึงผลกระทบที่จะตามมา ต่อผู้อื่นที่เป็นแหล่งข่าวให้ตนอีกด้วย

โดย น.ส.รุ่งมณี เมฆโสภณ นักเขียนดังและอดีตนักข่าวบีบีซี ผู้เป็นคุณป้าของ เป้ ณัฐพล ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ร่วมแสดงความยินดีกับหลานชายของตน พร้อมขอให้รักษามาตรฐานการทำงานนี้ต่อไป

“#31ปีไม่สาย จากที่เป้เคยถือโล่รางวัลของป้า ที่ได้รับในเดือนมีนาคม 2536 ในฐานะสตรีดีเด่น สาขาสื่อสารมวลชน วันนี้เป้มีโล่รางวัลจากการทำหน้าที่สื่อของเป้เองแล้ว ดีใจด้วยค่ะ” น.ส.รุ่งมณี ระบุ

อย่างไรก็ตาม เป้ ณัฐพล ได้ถูกตำรวจเข้าจับกุมตัว เมื่อวันที่ 12 ก.พ.ที่ผ่านมา จากคดีทำข่าวประชาชนพ่นสีสเปรย์ข้อความ “ไม่เอา ม. 112” บนกำแพงวัดพระแก้ว เมื่อ 28 มี.ค. 66 ด้วยข้อหาให้การสนับสนุนการทำลายโบราณสถาน

กระทั่งเมื่อวันที่ 13 ก.พ. พนักงานสอบสวนได้ยื่นคำร้องขอฝากขัง เป้ ณัฐพล ต่อศาลอาญา และทนายความได้ยื่นคำร้องคัดค้านการฝากขัง แต่ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ฝากขัง จึงได้ยื่นขอประกันตัวทั้งสองคน ต่อมา ศาลอาญามีคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัว ด้วยหลักทรัพย์ 35,000 บาท


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top