Wednesday, 9 July 2025
Hard News Team

‘สมโภชน์ อาหุนัย’ ประกาศ!! พร้อมนั่งประธาน ส.อ.ท. คนที่ 17 หวังเป็นแกนนำหลักขับเคลื่อนอุตสาหกรรม-เศรษฐกิจของไทย

(29 ก.พ. 67) นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ในฐานะเป็นสมาชิกและรองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่าจะลงสมัครตำแหน่งประธาน ส.อ.ท. คนที่ 17 ในวาระนี้ (ปี 2567-2569) ถือเป็นอุดมการณ์ที่ต้องการรับใช้ชาติในฐานะภาคเอกชน โดยจะนำความรู้ ความสามารถและประสบการณ์การทำงานมาช่วยประเทศชาติในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน

ในอนาคตจะเห็นส.อ.ท.ทำงานเชิงรุกด้วยยุทธศาสตร์ 4 ประการ ได้แก่

1.ทำงานเชิงรุกในการขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจของประเทศให้สอดประสานระหว่างภาครัฐกับเอกชน 

2.สร้างพลังและเพิ่มขีดความสามารถของสมาชิกสภาอุตสาหกรรมทั่วประเทศ 

3.ประสานภาครัฐให้ช่วยส่งเสริมสนับสนุนเอสเอ็มอี ผู้ประกอบการรายย่อย-รายใหม่ในการผลิตสินค้าที่มีมูลค่า 

และ 4.นำเอาความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ที่มีมาบูรณาการในเชิงรุกและเชิงรับทุกมิติ

"เรื่องนี้เป็นอุดมการณ์ที่ผมมีมาตั้งนานแล้วคืออยากสร้างประโยชน์ให้สังคมและประเทศชาติ ผมเคยเป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอี จนกระทั่งปัจจุบันทำหน้าที่บริหารธุรกิจในกลุ่มพลังงานบริสุทธิ์ ต้องการนำเสนอไอเดียที่มีเพื่อให้เกิด Impact มากกว่าที่ทำอยู่ในปัจจุบัน เพราะเชื่อว่า ส.อ.ท. คือแกนหลักของประเทศ มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจให้เติบโตขึ้น ในสถานการณ์ปัจจุบันเราไม่ควรอยู่ในสภาพตั้งรับควรอยู่ในเชิงรุก เนื่องจากโลกทุกวันนี้เปลี่ยนแปลงเร็วมาก แต่ละอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบแตกต่างกันออกไป มีทั้งที่ต้องการรับการส่งเสริมสนับสนุนหรือเข้าไปช่วยแก้ไขปัญหา รวมถึงทำหน้าที่เป็นตัวแทนเชื่อมกับภาครัฐอย่างเป็นรูปธรรมให้บรรลุผลสำเร็จและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์กับผู้ประกอบการแล้วยังตอบสนองภาครัฐให้บรรลุตามแผนยุทธศาสตร์ที่ตั้งไว้"

นายสมโภชน์กล่าวอีกว่าจะมีการนำเสนอแผนยุทธศาสตร์ในอนาคตต่อภาครัฐ อุตสาหกรรมแต่ละประเภทจะต้องเตรียมแผนทรานส์ฟอร์มธุรกิจเพื่อรองรับการแข่งขันในเวทีโลกทุกมิติ อาทิ การปรับปรุงกฎหมายหรือกฎระเบียบเพื่อให้ทันกติการะดับสากล ความรู้ เทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน (BCG & ESG) และการมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ซึ่งเป็นเทรนด์ของโลกในปัจจุบัน

“ตลอดระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมา ผมในฐานะสมาชิกและเป็นรองประธาน ส.อ.ท. ทำงานด้วยจิตอาสาโดยไม่ได้หวังผลตอบแทนหรือรับประโยชน์ใด ๆ ครั้งนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญที่ผมอยากจะเห็นการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น จึงขอเสนอตัวเข้ารับการคัดเลือกเป็นประธาน ส.อ.ท. เพื่อช่วยผลักดันให้อุตสาหกรรมและเศรษฐกิจไทยเติบโต อีกทั้งสามารถยืนอยู่บนเวทีโลกได้อย่างแข็งแกร่ง"

นอกจากนี้ คนอื่น ๆ ที่มีวิสัยทัศน์และความสามารถก็สมัครตำแหน่งประธานสภาอุตสาหกรรมได้ เพื่อนำเสนอสิ่งดี ๆ ให้แก่ภาพรวมของอุตสาหกรรม และผู้ที่ได้รับเลือกเป็นประธานฯ ควรที่จะนำข้อเสนอไปขับเคลื่อนต่อให้เป็นรูปธรรม ที่สำคัญต้องสร้างความโปร่งใสในการทำงาน เป็นเวทีกลางที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ร่วมกัน และกระจายอำนาจให้แต่ละกลุ่มมาช่วยกันทำงาน

'2475 รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ' แอนิเมชันแห่งสยาม ระดมดาราดังพากย์เสียง เปิดรับชมฟรี 13 มี.ค.นี้

เมื่อวานนี้ (28 ก.พ.67) เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเดินทางย้อนเวลากลับไปสัมผัสเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ การเปลี่ยนแปลงการปกครองของสยาม ในรูปแบบแอนิเมชัน 2D สุดเข้มข้น กับ ‘2475 Dawn of Revolution รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ’ ที่พร้อมให้คุณรับชมฟรีทางออนไลน์ โดยมีศิลปินนักแสดงชื่อดังมาร่วมพากย์เสียง ได้แก่ ฉัตรชัย เปล่งพานิช, สินจัย เปล่งพานิช, จิราวัฒน์ วชิรศรัณย์ภัทร, สุเมธ องอาจ และ กิตติ เชี่ยววงศ์กุล หรือ เกลือ เป็นต่อ

‘2475 Dawn of Revolution’ ถักทอเรื่องราวจากหนังสือประวัติศาสตร์หลายเล่ม พาคุณย้อนกลับไปสู่จุดกำเนิดของประชาธิปไตย เปิดเผยเรื่องราวการต่อสู้ทางอุดมการณ์และความคิดของบุคคลสำคัญในเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 ผ่านมุมมองที่สดใหม่

‘2475 Dawn of Revolution’ เป็นผลงานจาก ‘NAKRA STUDIO’ เป็นทีมแอนิเมชันรุ่นใหม่ ที่มีความมุ่งมั่นอยากถ่ายทอดเรื่องราวประวัติศาสตร์ ผ่านรูปแบบแอนิเมชันที่สนุกสนาน เข้าใจง่าย เต็มไปด้วยเนื้อหาที่เข้มข้น อัดแน่นไปด้วยอารมณ์ เพื่อให้ผู้ชมเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาอันสำคัญของประวัติศาสตร์ชาติไทย

แอนิเมชันเรื่องนี้ ยังแฝงไปด้วยประเด็นร่วมสมัยที่กระตุ้นให้ผู้ชมฉุกคิด ตั้งคำถาม ตั้งข้อสงสัย และค้นหาคำตอบไปร่วมกัน ภาพยนตร์เรื่องนี้เหมาะสำหรับผู้ชมทุกเพศทุกวัย ที่ต้องการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ และชวนคุณค้นหาทางออกว่าคนไทยจะเรียนรู้จากอดีตเพื่อก้าวต่อไปในอนาคตร่วมกันได้อย่างไร

‘2475 Dawn of Revolution’ จะจัดฉายพิเศษเป็นการเปิดตัวรอบปฐมทัศน์ในโรงภาพยนตร์เซนจูรี สุขุมวิท ในวันเสาร์ที่ 9 มีนาคม 2567 นี้ และจะเผยแพร่ทางออนไลน์ให้รับชมฟรี ตั้งแต่วันพุธที่ 13 มีนาคม 2567 เป็นต้นไป

เราขอส่งมอบแอนิเมชัน 2475 Dawn of Revolution ที่พวกเราตั้งใจสร้างขึ้นมา ให้ทุกคนได้รับชม โดยหวังว่า แอนิเมชันเรื่องนี้ จะช่วยจุดประกายให้ผู้ชมสนใจสืบค้นเรื่องราวประวัติศาสตร์ และช่วยเป็นข้อมูลพื้นฐานในการศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ครับ” ทีมงานนาคราสตูดิโอ กล่าว

>> ตัวอย่างภาพยนตร์:
Teaser 1 https://www.youtube.com/watch?v=gcC3ICn2uTM  
Teaser 2 https://www.youtube.com/watch?v=MMxWRbLz4EM
Teaser 3 https://www.youtube.com/watch?v=AOpCWYYMdqc 
Teaser 4 https://www.youtube.com/watch?v=NWZw7533GiY

กำหนดฉาย: 13 มีนาคม 2567
เว็บไซต์: https://www.facebook.com/2475animation

นราธิวาส-นายกฯ ประทับใจการต้อนรับอย่างอบอุ่นของชาวนราธิวาส ย้ำรัฐบาลเดินหน้าแก้ไขปัญหา หวังให้เกิดสันติภาพและความสงบสุขโดยเร็ว

วันนี้ (29 กุมภาพันธ์ 2567) เวลา 11.30 น. ณ ห้องประชุมพิพิธภัณฑ์มรดกวัฒนธรรมอิสลาม และศูนย์การเรียนรู้คัมภีร์อัล-กุรอาน ตำบลละหาร อำเภอยี่งอ จังหวัดนราธิวาส นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมคณะ เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์มรดกวัฒนธรรมอิสลาม และศูนย์การเรียนรู้คัมภีร์อัล-กุรอาน
 
โดยนายกฯ ได้แวะทักทายชาวบ้าน ที่สวมใส่ชุดไทยชุดพื้นบ้านรำให้การต้อนรับ และเยี่ยมชมกิจกรรม “นวัต .. วัฒนธรรม” ภายในแนวคิด Culture, Creative and Innovation โดยอำเภอสุไหงปาดี นำการแสดงพื้นบ้าน กลองบานอ กรือโต๊ะ ซึ่งจะเป็นการละเล่นตีกลองเพื่อต้อนรับบุคคลในโอกาสสำคัญ การรำซิละ ศิลปะการแสดงพื้นบ้านรวมถึงชมผลิตภัณฑ์ของชุมชน อาทิ กระเป๋ากระฉูด กาแฟ ริต้ายี่งอ โดยใช้น้ำผึ้งชาญณรงค์
 
จากนั้น นายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุมหารือยกระดับการท่องเที่ยวและพัฒนาการท่องเที่ยว ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
 
นายกฯ กล่าวมอบนโยบายด้านการท่องเที่ยวและพัฒนาการท่องเที่ยวในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตอนหนึ่งว่า ขอบคุณสำหรับการต้อนรับที่ประทับใจ ซึ่งดูได้จากแววตาของประชาชนทุกคนที่มาให้การต้อนรับ มองเห็นโอกาสที่รัฐบาลนำมาสู่พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และเข้าใจถึงแนวทางการดำเนินงานที่รัฐบาลจะพยายามทำ ไม่ว่าเรื่องการส่งเสริมวัฒนธรรม รวมถึงของดี ๆ และอาหารภาคใต้ ที่ยังไม่ได้การมีการเผยแพร่และนำเสนอให้คนจังหวัดอื่นรู้ รวมถึงต่างประเทศยังรับรู้ไม่ทั่วถึง
 
นายกฯ กล่าวว่าพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้มีปัญหาเรื่องความไม่สงบที่เกิดขึ้นตั้งแต่อดีตมาอย่างยาวนาน รัฐบาลชุดนี้จะแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง ส่วนเรื่องของด่านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นด่านศุลกากร ด่านตรวจคนเข้าเมือง ที่มีปัญหาอยู่ตอนนี้ ได้มีการสั่งการให้เร่งบูรณาการแก้ไขปัญหาอย่างทันที รวมถึงเรื่องของถนนทางหลวง ไม่ว่าจะเป็นระยะสั้นหรือระยะยาว ได้มีการหารือกันตลอด โดยจะเริ่มทำภายในสิ้นปีนี้ ในส่วนเรื่องของสนามบินขึ้นอยู่กับดีมานด์และซัพพลาย  ถ้าเกิดสามจังหวัดชายแดนภาคใต้มีของดี ๆ มีสิ่งดี ๆ ตนเองเชื่อว่าจะเกิดดีมานด์ มีความต้องการที่จะมาลงทุนสนามบินเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ ได้มีการพูดคุยกับฝ่ายความมั่นคงถึงการใช้สนามบินร่วมกันแล้ว
 
นายกฯ กล่าวต่อไปว่า  หลาย ๆ เรื่องตนเองเชื่อว่ารัฐบาลเข้าใจถึงปัญหาการเดินทางลงพื้นที่ครั้งนี้ รัฐบาลนำคณะมาครบทุกกระทรวง รวมถึงฝ่ายความมั่นคง และ สส.ในพื้นที่ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และได้พูดคุยถึงปัญหาต่าง ๆ ด้วยแล้ว ถือว่าการลงพื้นที่สามวันนี้ เป็นสามวันที่มีคุณค่า ซึ่งรัฐบาลจะมามาเยี่ยมเยียนอีกในปีหน้า เพื่อมาติดตามความคืบหน้าของโครงการต่าง ๆ ที่รัฐบาลได้มีการจัดสรรงบประมาณลงมาในพื้นที่ พร้อมกล่าวย้ำว่า หน้าที่ของรัฐบาลจะพยายามทำและแก้ไขปัญหาต่อไป เพื่อให้เกิดสันติภาพและความสงบสุขในระยะเวลาใกล้นี้

ข่าว.แวดาโอ๊ะ หะไร / อัสมา บินมานุ จ.นราธิวาส

'รมว.ปุ้ย' เร่งถก 'ปรับผังเมืองใหม่' สอดรับการขยายตัวของเมืองที่เปลี่ยนไป หวังรองรับการลงทุน 'ใน-นอก' แบบไม่กระทบ 'สิ่งแวดล้อม-ชุมชน'

(29 ก.พ.67) นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายจากนางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ให้เร่งดำเนินการตามนโยบายของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่ได้สั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 26 ก.พ.67 ให้กระทรวงอุตสาหกรรม, กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เร่งแก้ไขและบูรณาการเร่งรัดจัดหาแนวทางการจัดทำผังเมืองใหม่ให้สอดคล้องกับการขยายตัวของเมืองที่เปลี่ยนไป รวมถึงการยกระดับเมืองรอง เพื่อเตรียมพร้อมรับการลงทุนจากทั้งภายในและนอกประเทศ 

โดยผังเมืองเก่าในประเทศที่จัดทำมานาน อาจไม่เหมาะกับยุคปัจจุบัน โดยได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI), สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC), กรมโยธาธิการและผังเมือง, กระทรวงมหาดไทย, กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานในสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาแนวทางขจัดปัญหาและอุปสรรคในการปรับแก้ไขผังเมืองให้สอดคล้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจและเป็นที่ยอมรับของชุมชน / การกำหนดพื้นที่และประเภทการประกอบกิจการอุตสาหกรรม / การพัฒนาและขยายอุตสาหกรรมให้มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม / เร่งรัดระยะเวลาในการจัดทำผังเมือง และรับฟังความคิดเห็นจากภาคประชาชนตามข้อกำหนดกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมทั้ง EHIA และ EIA ที่มีข้อกำหนดแนบท้ายต่างๆ ให้สอดคล้องกับผังเมือง

“การแก้ไขปัญหาอุปสรรคในครั้งนี้ เน้นการดำเนินการแบบ Quick Win โดยเฉพาะในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่มีนิคมอุตสาหกรรม หรือ เขตประกอบการอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบ จำนวน 20 แห่ง จากการไม่สอดคล้องระหว่างผังเมืองของ EEC กับผังเมืองใหม่ ขณะเดียวกันในส่วนของขั้นตอนการปรับแก้ผังเมืองในด้านโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เช่น สนามบิน จำเป็นต้องศึกษาความเป็นไปได้ของการก่อสร้างสนามบิน รวมถึง การประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ก่อนการปรับผังเมืองใหม่ด้วย” ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าว

สำหรับการประชุมหารือในครั้งนี้ มีผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรมเข้าร่วม ประกอบด้วย นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม, นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม นางวรวรรณ ชิตอรุณ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม, นายวิฤทธิ์ วิเศษสินธุ์ เลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย, นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, นายนฤชา ฤชุพันธ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สำนักงานเลขาธิการส่งเสริมการลงทุน, นายก่อกิจ ด่านชัยวิจิตร รองเลขาธิการสายงานเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ และว่าที่ร้อยเอก ธีรพงศ์ ครุธดิลกานันท์ รองอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง เข้าร่วมประชุมด้วย

สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเดินหน้าปราบปรามจับกุมชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ล่าสุดแถลงจับกุม 3 คดีสำคัญ

วันนี้ (29 ก.พ.67) พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) แถลงผลการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม.,ตามนโยบายของสำนักงานตารวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. , พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย สำนักงานตารวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ สตม. สกัดกั้น ตรวจสอบ ระดมจับกุมคนต่างด้าวที่เข้ามาประกอบธุรกิจ ผิดกฎหมายในประเทศไทย รวมทั้งให้ดำเนินการตรวจสอบ ชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทาให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุ หรือโดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด โดยวันนี้แถลงผลการจับกุม 3 คดี ได้แก่

1. จับกุมชาวจีน 2 ราย สวมตัวเป็นชาวแคนาดา ได้ที่ Gate ภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พร้อมหนังสือเดินทางปลอม : กก.สส.ปป.บก.ตม.2 จับกุม MR.JIANBO (นามสมมติ) อายุ 48 ปี สัญชาติจีน และ MR.PINHUA (นามสมมติ) อายุ 49 ปี สัญชาติจีน โดยกล่าวหาว่า มีหรือมีไว้เพื่อใช้ซึ่งหนังสือเดินทางปลอมฯ นาตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.สส.บก.ตม.3 ดาเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม ภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ต.หนองปรือ อ.บางพลี จว.สมุทรปราการ โดยกก.สส.ปป.บก.ตม.2 ได้รับการประสานจากสายการบิน EVA Air ว่าพบผู้โดยสารชาวจีนต้องสงสัยจำนวน 2 คน นาหนังสือเดินทางแคนาดา มาแสดงต่อพนักงานสายการบินเพื่อจะเดินทางไปเมืองไทเป ประเทศไต้หวัน แล้วเปลี่ยนเครื่องไปเมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา แต่ไม่พบประวัติการเดินทางออกมาจากประเทศแคนาดามาก่อน และ ไม่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ 

จึงได้ไปตรวจสอบ พบคนต่างด้าวตามที่ได้รับแจ้งบริเวณทางออกขึ้นเครื่อง Gate E3 จึงไดนำหนังสือเดินทางประเทศแคนาของผู้โดยสารทั้ง 2 คน มาตรวจสอบ ผลการตรวจสอบพบว่าเป็นหนังสือเดินทางแคนาดาปลอม และจากการตรวจค้นกระเป๋าสัมภาระพบหนังสือเดินทางจีนที่บุคคลทั้งสองนาติดตัวมาใช้เดินทางออกจากเมืองโคลัมโบ ประเทศศรีลังกา มายังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยมีแผนการเดินทางคือจะใช้หนังสือเดินทางแคนาดาปลอมที่ได้ซื้อมาจากเอเย่นในเมืองโคลอมโบ เพื่อขึ้นเครื่องไปเมืองไทเป ประเทศไต้หวัน จุดหมายปลายทาง เพื่อลักลอบเข้าเมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา จากการประสานงานตรวจสอบสถานภาพพลเมืองของทั้งสองคนกับ สอท.แคนาดา ประจาประเทศไทย รับแจ้งว่าข้อมูลที่ปรากฏในหนังสือเดินทางแคนาดาของทั้งสองคน ไม่ตรงกับ ฐานข้อมูลของทางการแคนาดา เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงจับกุมคนต่างด้าวทั้งสองในความผิดฐาน "มีหรือมีไว้เพื่อใช้ ซึ่งหนังสือเดินทางปลอมฯ" นาตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.สส.บก.ตม.3 ดาเนินการตามกฎหมายต่อไป

คดีที่ 2 จับนายหน้ารถตู้ขนแรงงานต่างด้าวหลบหนีหมายจับนาน 5 ปี นำส่งชายแดนไทย-พม่า โดยฝ่าฝืนกฎหมาย พร้อมก่อเหตุลักทรัพย์นายจ้างกว่า 200,000 บาท : กก.4 บก.สส.สตม. จับกุม นายอ่อง (นามสมมติ) อายุ 33 ปี สัญชาติเมียนมา ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลจังหวัดระนอง ที่ จ.136/2564 ลงวันที่ 22 พฤศจิกายน 2564 ต้องหากระทาความผิดฐาน “ร่วมกันช่วยเหลือ ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ ให้คนต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุม ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคาส่ังของ เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อตามพระราชบัญญัติควบคุมโรคติดต่อ พ.ศ.2558 นาตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ปากจั่น จว.ระนอง ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุมบริเวณบ้านพักริมคลองบางบอน แขวงบางบอน เขตบางบอน กรุงเทพมหานคร สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2564 เวลาประมาณ 05.30 น. เจ้าหน้าที่ตารวจ เจ้าหน้าที่ทหาร ได้ร่วมกันจับกุมตัวผู้ขับขี่รถพยาบาล 2 ราย โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันช่วยเหลือ ซ่อนเร้นหรือช่วยด้วยประการใดๆ ให้คนต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุม, และฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคาสั่งของเจ้าพนักงานควบคุม โรคติดต่อ ตาม พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ พ.ศ.2558” พร้อมจับกุมตัวแรงงานชาวเมียนมาจานวน 10 คน 

โดยกล่าวหาว่า “เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต และฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคาสั่งของ เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ตาม พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ พ.ศ.2558” จากการสอบถามผู้ขับขี่ให้การรับสารภาพว่าเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม2564 ได้รับจ้างขนแรงงานชาวเมียนมา ให้กับนายอ่อง โดยได้ขับรถไปรับนายอ่องในพื้นที่กรุงเทพฯ เพื่อไปรับแรงงานต่างด้าวในพื้นที่จังหวัดระนอง บริเวณ ปากซอยก่อนถึงโรงแรมนลิน เพลส ระนอง ประมาณ 100 เมตร และได้ร่วมเดินทางกลับพร้อมแรงงานต่างด้าว เมื่อมาถึงสี่แยกไฟแดง อ.กระบุรี จว.ระนอง นายอ่องขอลงรถอ้างว่าจะกลับไปบ้านที่ย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา และได้ หลบหนีไป ต่อมาศาลจังหวัดระนองได้อนุมัติหมายจับ ที่ จ.136/2564 ลงวันที่ 22 พฤศจิกายน 2564 ให้จับนายอ่อง ในความผดิ ฐาน “ร่วมกันช่วยเหลือ ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ ให้คนต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมายพ้นจาก การจับกุม ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคาสั่งของ เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อตามพระราชบัญญัติควบคุมโรคติดต่อ พ.ศ.2558” 

จากการสืบสวนของ กก.4 บก.สส.สตม. สืบทราบว่านายอ่อง ได้เข้ามาในประเทศไทยและได้มาพัก อาศัยอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ จึงได้ทาการสืบสวนจนทราบว่านายอ่อง ได้พักอาศัยอยู่ที่ห้องเช่าแห่งหนึ่งย่านบางบอน จึงได้เฝ้าติดตามจนกระทั่งพบตัวนายอ่อง จึงได้ทาการจับกุมตามหมายจับดังกล่าว ในเบื้องต้นนายอ่องได้รับสารภาพว่า ในช่วงที่ประเทศไทยมีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ตนได้ทำหน้าที่เป็นนายหน้า ในการนำแรงงานชาวเมียนมาเข้ามายังประเทศไทย ผ่านชายแดนจังหวัดระนอง และจัดหารถตู้วิ่งรับและนำแรงงาน ชาวเมียนมาเข้ามาในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาครและกรุงเทพฯ ได้ค่าจ้าง ประมาณ 10,000 บาท/คน ซึ่งรายได้ค่อนข้างดี จึงได้เป็นนายหน้าในการหาคนเข้ามาทางานเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป บก.สส.สตม. ได้ทำการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่านายอ่องได้ก่อเหตุลักทรัพย์นายจ้าง เหตุเกิดในพื้นที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ ไปจำนวนหลายครั้ง ความเสียหายกว่า 2 แสนบาท จึงได้ประสาน สน.ทุ่งมหาเมฆ เพื่อทำการอายัดตัว ผู้ต้องหารายดังกล่าวต่อไป

คดีที่ 3 จับกุมหนุ่มปากีสถานอัพโหลดภาพเปลือยสาวหลังมีความสัมพันธ์ลงแอปพลิเคชั่น : กก.4 บก.สส.สตม. จับกุมนายซาบาส (นามสมมติ) อายุ 32 ปี สัญชาติปากีสถาน ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ 835/2566 ลงวันที่ 12 กันยายน 2566 ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม หน้าหอพักในซอยรามคาแหง 24 แยก 8 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ 
การจับกุมผู้ต้องหารายนี้สืบเนื่อง บก.สส.สตม. ได้รับการร้องขอความช่วยเหลือจากหญิงไทยรายหนึ่งว่า ได้ถูกอดีตสามีซึ่งเป็นชาวปากีสถานแอบถ่ายภาพโป๊เปลือยกายของตนแล้วนำไปโพสต์ลงบน facebook และ instragram จนได้รับความอับอายและเสียหาย จึงได้สั่งการให้ กก.4 บก.สส.สตม. ทำการสืบสวนกรณีดังกล่าว จากการสืบสวนทราบว่าชาวปากีสถานดังกล่าวคือ นายซาบาส (นามสมมติ) อายุ 32 ปี โดยนายซาบาส ได้หลบซ่อนตัวอยู่ในห้องพักแห่งหนึ่งย่านรามคำแหง จึงได้ไปเฝ้าติดตามจนกระทั่งพบนายชาบาส จึงได้ทาการจับกุมตามหมายจับดังกล่าว จากการสอบถามนายซาบาส ในชั้นจับกุมให้การว่าได้ทาการสร้างเฟซอวตาร (เฟซบุ๊กปลอม) และอินสตราแกรมอวตาร (ปลอม) จากนั้นได้นำภาพถ่ายโป๊เปลือยกายของอดีตภรรยาที่ได้แอบถ่ายไว้ไปโพสต์ลงบนโซเชียลดังกล่าวจริง เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้นำตัวนายซาบาส ส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดาเนินการตามกฎหมายต่อไป

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิด ในด้านต่าง ๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่น ๆ ที่มีหมายจับ และการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระชนมพรรษา 60 พรรษา เลขที่ 904 หมู่ที่ 6 ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรี 11120 หรือติดต่อตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดในพื้นที่ หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

“ตร.” ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเรื่องการคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กที่มีอายุก่อนถึงเกณฑ์การรับโทษทางอาญาฯร่วมหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง

เพื่อเป็นแนวทางการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานในการกำหนดวิธีปฏิบัติต่อเด็กที่มีอายุก่อนถึงการรับโทษทางอาญา วันนี้ 29 ก.พ.67) เวลา 10.30 น.ที่ห้องประชุมชั้น 19 กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พล.ต.ท.ธนายุตม์  วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้ช่วย ผบ.ตร./คณะทำงาน ศพดส.ตร.เปิดเผยว่า ตามที่กรมกิจการเด็กและเยาวชนมีหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ พม 0304/ว1926 ลง 21 ก.พ.67 ขอเรียนเชิญ ผบ.ตร. ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเรื่องการคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กที่มีอายุก่อนถึงเกณฑ์การรับโทษทางอาญาระหว่างกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สำนักงานอัยการสูงสุด ศาลเยาวชนและครอบครัวกลางกระทรวงยุติธรรม กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุขและ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อเป็นแนวทางการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานในการกำหนดวิธีปฏิบัติต่อเด็กที่มีอายุก่อนถึงการรับโทษทางอาญา

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์  สุขวิมล ผบ.ตร.,พล.ต.อ.สุรเชษฐ์  หักพาล รอง ผบ.ตร.(มค)/ผอ.ศพดส.ตร.ได้มอบหมายให้ตนเป็นผู้แทน “เข้าร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเรื่องการคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กที่มีอายุก่อนถึงเกณฑ์การรับโทษทางอาญา“ ระหว่าง 7 ส่วนราชการ ได้แก่ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง กระทรวงยุติธรรม กระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงสาธารณสุข

พร้อมด้วยนายไพรัช พรสมบูรณ์ศิริ 
รองอัยการสูงสุด ผู้แทนอัยการสูงสุด
นายเผดิม เพ็ชรกุล อธิบดีผู้พิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง
นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
นายโกมล พรมเพ็ง รองอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน
นายธนู ขวัญเดช รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการนายแพทย์พงศ์เกษม ไข่มุกด์ 
อธิบดีกรมสุขภาพจิต ผู้แทนปลัดกระทรวงสาธารณสุขและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมลงนามโดยมมีนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.)เป็นประธานในการลงนาม ”ผู้ช่วย ผบ.ตร.กล่าว“

ผบ.ตร.มอบโล่และรางวัลแก่ตำรวจ สภ.จอหอ จ.นครราชสีมา เกลี้ยกล่อมหนุ่มคลุ้มคลั่งใช้ปืนยิงประตู จับแฟนสาว แม่ และลูกค้าเป็นตัวประกัน ให้มอบตัวสำเร็จ และช่วยเหลือตัวประกันปลอดภัยทุกคน ยกเป็นแบบอย่างการปฏิบัติ

วานนี้ (27 ก.พ.67) พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มอบโล่ประกาศเกียรติคุณและรางวัลให้กับข้าราชการตำรวจ สภ.จอหอ จ.นครราชสีมา ที่สามารถเกลี้ยกล่อมชายหนุ่มที่ง้อแฟนไม่สำเร็จ ใช้อาวุธปืนยิงประตู 1 นัด จับแฟนสาวและแม่ รวมทั้งลูกค้าเป็นตัวประกัน ให้มอบตัวได้สำเร็จ และสามารถช่วยเหลือตัวประกันออกมาได้อย่างปลอดภัยทุกคน โดยมี พ.ต.อ.นธีร์ สุคุณา ผู้กำกับการ สภ.จอหอ เป็นผู้แทนรับมอบ

โดยเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา เกิดเหตุชายมีอาการคลุ้มคลั่งเนื่องจากง้อแฟนไม่สำเร็จ จึงใช้อาวุธปืนยิงประตู 1 นัด และจับแฟนสาว รวมทั้งแม่ของแฟนสาว และลูกค้าที่กำลังมาติดต่องานเป็นตัวประกัน เหตุเกิดภายในบ้านหลังหนึ่งใน ต.ตลาด อ.เมือง จ.นครราชสีมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.จอหอ นำโดย พ.ต.อ.นธีร์ สุคุณา ผู้กำกับการ สภ.จอหอ นำกำลังรีบเข้าตรวจสอบและเกลี้ยกล่อมผู้ก่อเหตุ ช่วยเหลือตัวประกันทุกคนออกมาได้สำเร็จ ขณะที่การดำเนินการเกลี้ยกล่อมผู้ก่อเหตุใช้เวลา 5-6 ชั่วโมง จึงมีท่าทีที่อ่อนลงก่อนยอมมอบตัว จึงควบคุมไปสอบสวนที่ สภ.จอหอ 

ผบ.ตร. กล่าวว่า การเข้าช่วยเหลือและระงับเหตุครั้งนี้เป็นไปตามหลักยุทธวิธี สามารถเกลี้ยกล่อมผู้ก่อเหตุให้มอบตัวได้สำเร็จ และช่วยเหลือประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้อย่างปลอดภัย ถือเป็นแบบอย่างในการปฏิบัติหน้าที่ที่มีประสิทธิภาพ ด้วยหัวใจความเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ สมควรได้รับการยกย่องชื่นชม จึงมอบโล่ประกาศเกียรติคุณพร้อมรางวัลให้ข้าราชการตำรวจ สภ.จอหอ ที่เข้าปฏิบัติการครั้งนี้ทุกนาย เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ต่อไป

‘รมว.พีระพันธุ์’ รุดดูงานแท่นขุดเจาะก๊าซแหล่งเอราวัณ อ่าวไทย หวังขุดเจาะก๊าซให้ได้ตามเป้า ช่วยคงราคาค่าไฟให้ถูกลง

เมื่อวานนี้ (28 ก.พ. 67) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พร้อมคณะได้ร่วมกันเดินทางไปยังแท่นขุดเจาะก๊าซแหล่งเอราวัณ กลางอ่าวไทย โดยเดินทางไปที่แท่นหลักที่เป็นศูนย์รวมก๊าซที่ขุดได้จากทุกแท่นในแหล่งเอราวัณเพื่อส่งมายังโรงแยกก๊าซที่ระยอง ซึ่งอยู่ห่างจากชายฝั่งถึง 400 กว่ากิโลเมตร

นายพีระพันธุ์ เปิดเผยว่า “ผมพยายามลดภาระค่าไฟฟ้าให้ประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง โดยหลังสุดสามารถยันราคาค่าไฟฟ้าให้ประชาชนทั่วไปไว้ได้ที่ 4.18 บาท ต่อหน่วย สำหรับงวดเดือนมกราคมถึงเมษายน 2567 เพิ่มขึ้นจากเดิมเพียงเล็กน้อย ทั้ง ๆ ที่มีการคาดการณ์ว่าอัตราค่าไฟฟ้าสำหรับงวดดังกล่าวจะอยู่ที่ 4.68 บาท เพราะในช่วงเวลาที่ว่านี้มีปัจจัยลบที่มีผลกระทบต่ออัตราค่าไฟฟ้าหลายตัว โดยเฉพาะปัญหาเรื่องการขุดเจาะก๊าซจากอ่าวไทยที่แหล่งเอราวัณขาดหายไปวันละ 800 ล้าน ลูกบาศก์ฟุต (ลบ.ฟ.) ทำให้ต้องสั่งก๊าซจากต่างประเทศที่มีราคาสูงมาชดเชยและมีผลต่อราคาค่าไฟฟ้าโดยตรง”

นายพีระพันธุ์ ระบุต่อว่า “แม้จะยังมีเวลาเหลืออีกสองเดือนกว่าจะครบกำหนดการปรับค่าไฟฟ้าตามวงรอบ 4 เดือน ในเดือนเมษายน 2567 แต่ผมไม่นิ่งนอนใจ เพราะหากยังคงขาดก๊าซจากอ่าวไทยวันละ 800 ล้าน ลบ.ฟ. อยู่ ก็จะมีผลต่ออัตราค่าไฟฟ้างวดเดือนพฤษภาคมถึงสิงหาคม 2567 นี้แน่นอน ทั้งนี้ ทั้งผม ทั้งปลัดกระทรวงพลังงาน (นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ) ทั้งประธานที่ปรึกษา (นายณอคุณ สิทธิพงษ์) และคณะกรรมการ กกพ. ได้เตรียมการแก้ไขปัญหากันทุกวัน แต่สำคัญที่สุดคือต้องขุดก๊าซจากอ่าวไทยในปริมาณที่ขาดหายไปวันละ 800 ล้าน ลบ.ฟ. ขึ้นมาให้ได้ตามเดิม ซึ่งเป็นหน้าที่ของ ปตท.สผ.”

“ในช่วงที่ผ่านมาเราได้ประสานงานและขอคำยืนยันจาก ปตท. และ ปตท. สผ. ตลอดมาว่าจะสามารถนำก๊าซจากอ่าวไทยที่แหล่งเอราวัณขึ้นมาในปริมาณที่ขาดหายไป 800 ล้าน ลบ.ฟ. ต่อวัน ได้หรือไม่ ซึ่ง ปตท. และ ปตท.สผ. ยืนยันตลอดมาว่าสามารถทำได้แน่นอน แต่เพื่อให้เกิดความมั่นใจแทนพี่น้องประชาชน ผมจึงต้องไปให้เห็นกับตาและได้ยินกับหูจากผู้ปฏิบัติงานจริงที่แท่นขุดเจาะว่าจะสามารถทำได้แน่นอน” นายพีระพันธุ์ กล่าว

นายพีระพันธุ์ ได้กล่าวถึงสาเหตุที่ก๊าซจากอ่าวไทยขาดหายไป 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตว่า “คำตอบคือ เดิมผู้ที่ได้รับสัมปทานผลิตส่วนนี้คือบริษัทต่างชาติบริษัทหนึ่ง แต่แพ้ประมูลต่ออายุสัมปทานให้ ปตท.สผ. ซึ่งการประมูลนี้ต้องทำล่วงหน้าเป็นปีก่อนหมดสัมปทานเดิม บริษัทดังกล่าวเลยหยุดขุดเจาะก๊าซเพิ่มเติมไปเฉย ๆ ปริมาณก๊าซจากอ่าวไทยในส่วนนี้จึงค่อย ๆ หายไป ขณะที่ ปตท.สผ. ก็ยังเข้าดำเนินการในช่วงนั้นไม่ได้เพราะสัมปทานเดิมยังไม่หมดอายุ สุดท้ายเมื่อเข้าดำเนินการได้เมื่อประมาณธันวาคม 2564 ปตท.สผ. จึงเร่งเตรียมการและดำเนินการต่อมาจนกำลังจะสามารถทำได้ตามเป้าหมายตามที่เล่ามาครับ”

'ก้าวไกล' ยันไม่ทิ้งซักฟอกรัฐบาล แค่ยังไม่สรุปว่าจะเปิดอภิปรายแบบใด

(29 ก.พ.67) ภคมน หนุนอนันต์ รองโฆษกพรรคก้าวไกล แสดงความเห็นกรณีมีกระแสข่าวที่ตั้งข้อสังเกตว่าพรรคก้าวไกลจะไม่ซักฟอกรัฐบาลผ่านการอภิปรายแบบไม่ลงมติหรือการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่าความจริงแล้วพรรคก้าวไกลยังไม่สรุปว่าจะเปิดอภิปรายแบบใด อย่างที่ประชาชนเห็นการทำงานของเรา การอภิปรายต้องคำนึงถึงข้อมูลที่มากพอ ต้องนำไปสู่การซักฟอกที่เกิดประโยชน์สูงสุดกับสังคมจริง ๆ ไม่ใช่แค่เปิดอภิปรายเมื่อถึงวาระ 

อีกทั้งปีนี้การพิจารณางบประมาณ 2567 และงบประมาณ 2568 มีระยะเวลาใกล้กันมาก ประมาณเดือนมิถุนายนปีนี้ ก็จะเป็นช่วงการพิจารณางบประมาณ 2568 ซึ่งเป็นงบที่จัดโดยรัฐบาลชุดนี้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เราจะได้เห็นหน้าตางบประมาณของรัฐบาลเศรษฐา 1 จึงถือเป็นอีกโอกาสที่พรรคก้าวไกลและพรรคร่วมฝ่ายค้านจะได้ตรวจสอบรัฐบาลผ่านงบประมาณด้วย 

“ยืนยันว่าพรรคก้าวไกล ทำหน้าที่ซักฟอกและตรวจสอบรัฐบาลมาโดยตลอด ผ่านกลไกกระทู้ทั่วไป กระทู้ถามสด หรือกรรมาธิการ ดังนั้นหากจะมาตั้งข้อสังเกตว่าเราไม่ตรวจสอบรัฐบาล คงเป็นการกล่าวหากันมากไป ไม่อยู่บนข้อเท็จจริง และการอภิปรายซักฟอกนั้นต้องคำนึงถึงข้อมูลที่มี ก่อนจะพิจารณาอีกทีว่าจะเป็นอภิปรายทั่วไปหรืออภิปรายไม่ไว้วางใจ” ภคมนกล่าว

รองโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวต่อว่า เชื่อว่าพี่น้องประชาชนและสังคมเห็นการทำงานของพรรคก้าวไกลมาโดยตลอด ว่าเราทำหน้าที่ฝ่านค้านเชิงรุกอย่างเต็มที่ ใช้ทุกโอกาสในการตรวจสอบรัฐบาล ดังนั้นสำหรับคนที่พยายามกล่าวหาพรรคก้าวไกล แล้วใช้วิธีเชื่อมโยงแบบมั่วๆ เหมือนที่เคยทำมา ขอให้รู้ว่าพรรคก้าวไกลทำงานการเมืองแบบมีเป้าหมายและทำงานด้วยข้อมูล หากจะวิเคราะห์วิจารณ์กันเราก็รับฟัง แต่ขอให้ตั้งอยู่บนข้อเท็จจริง อยากเชิญชวนให้ทำงานกันแบบนี้ จะเป็นประโยชน์กับประชาชน ยกระดับการเมืองไทยให้ดีกว่าที่เคยเป็น

'หมอวรงค์' วิเคราะห์ 3 ต้นสายปลายเหตุ 'ก้าวไกล' ทิ้งซักฟอก 'ฮ่องกงมิตติ้ง-ย้อนศรล้มล้างปากปกครอง-ไร้น้ำยา'

(29 ก.พ.67) นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ ‘ทำไมพรรคก้าวไกลไม่ซักฟอกรัฐบาล’ ระบุว่า เมื่อปลายเดือนมกราคม 2567ที่ผ่านมา นายพิธาเองเป็นผู้ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อว่า จะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลเศรษฐา ช่วงเดือนเมษายนนี้ก่อนปิดสมัยประชุมสภา ในประเด็นทุจริต บริหารล้มเหลว ทำงานล่าช้า

แต่กลายเป็นว่าปลายเดือนกุมภาพันธ์ล่าสุดนี้เอง ประธานวิปฝ่ายค้าน แถลงกลับลำเฉยว่า จะยังไม่เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในสมัยประชุมนี้ เพราะรัฐบาลเพิ่งเข้ามาบริหาร ยังไม่ได้ใช้งบ

พรรคก้าวไกลแน่ใจหรือว่า รัฐบาลนี้เข้ามาบริหาร แล้วไม่มีประเด็นที่ประชาชน อยากให้ฝ่ายค้านตรวจสอบ ซึ่งในความเป็นจริงมีหลายประเด็นมากที่ประชาชนสงสัย เช่น

การใช้อภิสิทธิ์ของนักโทษชายทักษิณ ซึ่งฝ่ายค้านตรวจสอบเรื่องนี้น้อยมาก ทั้งๆ ที่หลักฐานข้อมูล เอกสารต่างๆ ชัดเจนมาก

โครงการแจกเงินดิจิทัล 10000บาท สรุปแล้วจะได้หรือไม่ แล้วที่สัญญาว่าจะไม่กู้ยังจะกู้ไหม

ปัญหายาบ้า 5 เม็ด ที่นำไปสู่ การค้าบ้าเสรีสำหรับรายย่อย

ปัญหาเกาะกูด ที่ประชาชนหวาดระแวง ที่จะนำไปสู่การเสียดินแดน ทั้งๆ ที่สัญญาระหว่างสยามกับฝรั่งเศสในปี 2449 ระบุชัดเจนว่าเกาะกูดเป็นของไทย

ปัญหาปากท้องประชาชน จนตลาดเงียบเป็นป่าช้า

หรือแม้แต่ปัญหาที่ดิน ส.ป.ก. ที่เมื่อเปลี่ยนเป็นโฉนดเพื่อการเกษตรแต่กลายเป็นเอื้อนายทุนฮุบที่ป่าได้เป็นทางการ

คำถามที่ต้องถามกลับไปยังพรรคก้าวไกล ทำไมพวกท่านไม่กล้าซักฟอกรัฐบาล หรือว่า

1.การที่นายธนาธรไปพบนายทักษิณที่ฮ่องกง เมื่อวันที่ 24 ก.ค. 2566 ทำให้พรรคไม่กล้าซักฟอกนายทักษิณ

2.หรือพรรคก้าวไกลกลัวถูกย้อนศร กรณีคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญเรื่องล้มล้างการปกครองฯ ในทำนองเองก็ชั่ว ข้าก็เลว

3.หรือว่าพรรคก้าวไกลไร้น้ำยาจริงๆ มีแต่จะยกเลิก ม.112 ระวังถ้าเป็นแบบนี้สักวันหนึ่งจะโดนโห่ไล่ลงเวที


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top