Wednesday, 9 July 2025
Hard News Team

นครพนม -แม่ทัพน้อยที่ 2 ลงพื้นที่ลุยอีสาน ตรวจเยี่ยมหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด

วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2567 ที่จังหวัดนครพนม พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพน้อยที่ 2 เป็นผู้แทน พลโท อดุลย์บุญธรรมเจริญ แม่ทัพภาคที่ 2 / ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดสารตั้งตันและเคมีภัณฑ์ชายแดน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งตัน และเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดนครพนม  เร่งขับเคลื่อนงานตามนโยบาย แก้ปัญหายาเสพติดของรัฐบาลภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี  ที่ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยเป็นปัญหาที่ต้องดำเนินการลดความรุนแรงอย่างเร่งด่วนเพื่อประชาชน และ พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้เร่งขับเคลื่อนให้การแก้ไขปัญหาต้องเห็นผลรูปธรรมโดยเร็ว ซึ่งมาตรการที่ต้องเริ่มอย่างเร่งด่วนคือการสกัดกั้นยาเสพคิดในพื้นที่ชายแดนภาคเหนือ และภาคอีสาน ที่จะต้องเพิ่มความเข้มข้นในการสกัดกั้น เพราะจากสถิติการลักลอบนำเข้ายาเสพติดเข้าไทยเกือบทั้งหมดมาจากเส้นทางนี้  หลังจากที่รัฐบาลได้กำหนดนโยบายแก้ปัญหายาเสพติดเร่งด่วนให้ลดลงภายใน 10 เดือน 

โดยมุ่งเป้าไปที่การสกัดกั้นตามแนวชายแดน จึงได้มีการจัดตั้งหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (นบ.ยส.24)  โดยมีแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นผู้บัญชาการฯ  ซึ่งจังหวัดนครพนม ได้ประกาศพื้นที่พิเศษ ที่มีความจำเป็นเร่งด่วน ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา 5(10) กำหนดให้ 4 อำเภอชายแดน ได้แก่ อำเภอท่าอุเทน-เมืองนครพนม-ธาตุพนม และอำเภอบ้านแพง เป็นพื้นที่พิเศษเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยมีการจัดตั้งหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด เคมีภัณฑ์และสารตั้งต้นชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (นบ.ยส.24) เพื่อให้เกิดการดำเนินการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด เคมีภัณฑ์และสารตั้งต้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ  โดยเป็นการบูรณาการกำลังทั้งทหาร  ตำรวจภูธรจังหวัด สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ภาค 4 (ปปส.ภาค 4)  และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จังหวัดนครพนม  เสริมความเข้มแข็งตามแนวชายแดนมากยิ่งขึ้น  ซึ่งตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 จนถึงปัจจุบัน  หน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีการจับกุมยาเสพติดรายสำคัญจำนวนมาก 

ในการนี้ แม่ทัพน้อยที่ 2 ได้เดินทางเข้าพบนายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เพื่อหารือข้อราชการบูรณาการร่วมปรึกษาแนวทางการปฏิบัติให้กับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติตามภารกิจการสกัดกั้นยาเสพติดไม่ให้เข้าประเทศในพื้นที่จังหวัดนครพนม ให้เร่งขับเคลื่อนงานตามนโยบายการแก้ปัญหายาเสพติดของรัฐบาล การดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด สถานการณ์ยาเสพติดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน  ขณะนี้ว่ามีการผลิตเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องมาจากปัญหาภายในประเทศเพื่อนบ้าน ประกอบกับเคมีภัณฑ์ที่เป็นสารตั้งต้นในการผลิตยาเสพติดมีราคาถูกและหาง่าย  ทำให้มีปริมาณยาเสพติดเข้ามาพักคอยตามแนวชายแดนไทยภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนเพิ่มขึ้น จึงให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มมาตรการสกัดกั้นในพื้นที่ ย้ำเจ้าหน้าที่ต้องร่วมกับชุมชนช่วยกันสร้างชุมชนที่เข้มแข็งเป็นเกราะป้องกันยาเสพติด และที่สำคัญคือ 

การแก้ไขปัญหาผู้มีอาการทางจิตเวชจากยาเสพติดตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลโดยยึดหลักการ "เปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วย", การปิดล้อมตรวจค้น ยุทธการเด็ดปีกผู้ค้ารายย่อย อย่างต่อเนื่อง,การตรวจสถานบริการ ที่เปิดฝ่าฝืนกฎหมาย และปัญหาการแพร่ระบาดยาเสพติด  โดยใช้กลไกในการประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อจับกุมผู้มีหมายจับที่หลบหนีอยู่ในต่างประเทศ การสกัดกั้นดังกล่าวต้องดำเนินมาตรการต่างประเทศในการประสานงานข้อมูลการข่าว นอกจากนี้ยังต้องดำเนินการร่วมกับชุมชน ในการเฝ้าระวัง ซึ่งจะเป็นความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในพื้นที่และชุมชนที่สำคัญคือต้องมีความต่อเนื่อง การสร้างพลังการมีส่วนร่วมของชุมชนเป็นสิ่งสำคัญในการแก้ปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืน และเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ต้องช่วยกันออกไปสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน โดยการแก้ไขปัญหายาเสพติด เราดำเนินการปราบปราม สกัดกั้น บำบัด แต่สิ่งสำคัญคือการสร้างการมีส่วนร่วมแก้ไขปัญหา หากครอบครัวและชุมชนช่วยกันความต้องการยาเสพติดจะลดลง เพราะยาเสพติดกลัวครอบครัวที่อบอุ่นและชุมชนที่เข้มแข็ง ให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล

'คุณพ่อ' เผย!! 'แพทย์หญิง' ลุยฟ้องฝรั่งคู่กรณี ทวงศักดิ์ศรีให้คนไทย  ลั่น!! ถ้าแค่สะดุดล้มจริง จะด่า 'ลูกสาวตน-เพื่อน' เพื่ออะไร

(29 ก.พ.67) ความคืบหน้ากรณี แพทย์หญิงแจ้งความชาวต่างชาติ ทำร้ายร่างกายที่บันไดวิลลาหรู บริเวณหาดยามู ต.ป่าคลอก เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ถลาง ได้นัดผู้เสียหายมาสอบปากคำเพิ่มเติมในวันนี้

ล่าสุด คุณพ่อของแพทย์หญิงคนดังกล่าว ให้สัมภาษณ์ว่า หลังจากที่ทางตำรวจรับเป็นคดีแล้ว ลูกสาวยืนยันว่า จะฟ้องศาลว่าถูกทำร้ายร่างกาย และจะต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรีที่ถูกเหยียดหยามศักดิ์ศรีหญิงไทย รวมทั้งไม่อยากให้คนไทยที่มาอยู่ภูเก็ต หรือคนภูเก็ต เจอเหตุการณ์แบบเดียวกัน

ทั้งที่เดินอยู่บริเวณชายหาดสาธารณะ กลับต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ ต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทบทวนการดูแลคนไทยในภูเก็ต แม้กระแสการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจจะบูมขึ้น แต่ไม่ควรจะละเลยคนไทย เหตุที่ต้องดำเนินการให้ถึงที่สุด เพราะคำพูดของชาวต่างชาติคู่กรณี ที่พูดว่า คนไทยขอโทษต่างชาติได้ แต่ฝรั่งจะไม่ขอโทษคนไทย จึงทำให้ลูกสาวรู้สึกว่า จะต้องต่อสู้ให้ถึงที่สุด

ส่วนกรณีที่คู่กรณี ออกมาบอกว่าไม่ได้เตะ แต่เป็นการล้มใส่ ซึ่งประเด็นนี้ อยากตั้งข้อสังเกตว่า หากเป็นการล้มใส่ของคนที่ตัวโต น้ำหนักเกือบ 100 กิโลกรัม น่าจะไม่ใช่แค่จุก น่าจะล้มไปทั้งตัว หากล้มใส่จริง มีเหตุผลอะไรที่ต้องไปด่าลูกสาวของตน และเพื่อนที่ไปด้วยกัน แม้ลูกสาวจะมีความระแวงและกังวล แต่ลูกก็ยืนยันว่าจะดำเนินการให้ถึงที่สุด ซึ่งทางครอบครัวก็เคารพสิทธิและการตัดสินใจ

สำหรับการตรวจสอบเรื่องการก่อสร้างบันไดนั้น ทางอำเภอถลางและส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่เพื่อไปตรวจสอบแล้ว

สะเทือน!! ‘MONO’ ปรับโครงสร้าง สั่ง ‘ปลดพนักงาน’ ทุกหน่วย ช่วยลดรายจ่ายต่อเดือนถึง 11 ลบ. พร้อมเตรียมใช้ AI อ่านข่าวแทน

(29 ก.พ.67) นายปฐมพงศ์ สิรชัยรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โมโน เน็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ MONO รายงานตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า ปี 2566 บริษัทมีรายได้รวม 1,895.4 ล้านบาท ลดลง 9.4% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน (YOY) มีผลขาดทุนสุทธิ 255.1 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้น 324.4 ล้านบาท เมื่อเทียบจากปี 2565

โดยในปี 2567 ทาง MONO ได้ปรับโครงสร้างองค์กร โดยการปรับลดจำนวนพนักงานในทุกส่วนงานให้มีขนาดที่เหมาะสม ปรับลดขนาดธุรกิจในส่วนที่ไม่ทำกำไร ลดหน่วยงานที่ซ้ำซ้อน และมีการจ้างบริษัทภายนอก (Outsource) ที่มีความชำนาญเข้ามาทดแทน ส่งผลให้ในปี 2567 มีค่าใช้จ่ายพนักงานปรับลดลงประมาณ 11 ล้านบาทต่อเดือน หรือลดลงคิดเป็น 33% เมื่อเทียบกับก่อนการปรับโครงสร้าง

สำหรับธุรกิจทีวีดิจิทัล MONO เตรียมเผยแพร่ข่าวสั้นด้วยเสียงจาก AI (ต้นฉบับเสียงมาจากผู้ประกาศข่าวของ MONO29) ที่จะเริ่มออกอากาศเร็ว ๆ นี้ สำหรับธุรกิจออนไลน์พัฒนาระบบคำพยากรณ์จากหลากหลายศาสตร์ด้วย AI โดยร่วมมือกับเครือข่ายนักพยากรณ์ที่มีชื่อเสียงเพื่อให้บริการผ่านแอปพลิเคชั่น MTHAI

‘แคว้นทรานส์นีสเตรีย’ ขอความคุ้มครองจาก ‘รัสเซีย’ อ้าง!! ถูก ‘รบ.มอลโดวา’ กดดันทางเศรษฐกิจอย่างหนัก

เมื่อวานนี้ (28 ก.พ. 67) รัฐบาลท้องถิ่นแคว้นทรานส์นีสเตรีย หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า สาธารณรัฐมอลเดเวียพรีดเนสโตรวี มีมติยื่นคำร้องถึงรัฐบาลมอสโก เพื่อขอความคุ้มครองพิเศษจากรัสเซีย อ้างเหตุหวั่นตกเป็นพื้นที่พิพาทแห่งใหม่จากการสู้รบระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ประกอบกับแรงกดดันทางเศรษฐกิจจากรัฐบาลมอลโดวา

‘ทรานส์นีสเตรีย’ เป็นแคว้นที่ประกาศแยกตัวออกจากประเทศมอลโดวา แต่ยังไม่มีการรับรองอย่างเป็นทางการในระดับสากล ภูมิประเทศเป็นพื้นที่แคบยาวตลอดแนวแม่น้ำนีสเตอร์ และมีชายแดนติดกับยูเครน มีรัฐบาลท้องถิ่นปกครองตนเองซึ่งส่วนใหญ่มีแนวคิดสนับสนุนรัสเซียมาตั้งแต่ยุคหลังสหภาพโซเวียต

แต่ในปัจจุบันสภาแห่งยุโรปยังถือว่าทรานส์นีสเตรีย เป็นส่วนหนึ่งของประเทศมอลโดวา เพียงแต่อยู่ภายใต้การยึดครองโดยกองทัพรัสเซีย ในขณะที่รัฐบาลมอลโดวา กำหนดให้ดินแดนแห่งนี้เป็นหน่วยปกครองดินแดนฝั่งซ้ายของแม่น้ำนีสเตอร์

แต่เมื่อวันพุธที่ผ่านมา สมาชิกสภาคองเกรซแห่งทรานส์นีสเตรียได้ลงมติเรียกร้องให้สภาดูมาแห่งรัสเซียพิจารณามาตรการป้องกันให้แก่ทรานส์นีสเตรีย อันเนื่องจากในทรานส์นีสเตรียมีพลเมืองรัสเซียอาศัยอยู่มากกว่า 2.2 แสนคน ที่ควรได้รับการคุ้มครองจากแรงภาวะสงครามในยูเครน และ แรงกดดันจากนโยบายด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลมอลโดวา 

ข้อพิพาทครั้งล่าสุดระหว่างมอลโดวา และ ทรานส์นีสเตรีย มาจากนโยบายเก็บภาษีใหม่ โดยได้กำหนดให้บริษัทเอกชนในทรานส์นีสเตรียต้องเสียภาษีศุลกากรสินค้าให้กับรัฐบาลกลางมอลโดวา มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมเป็นต้นมา 

ในขณะที่ วาดิม ครานโนสเซลสกี้ ผู้นำของทรานส์นีสเตรีย ได้ออกมาทักท้วงว่าทรานส์นีสเตรียควรได้รับสิทธิ์ยกเว้นภาษีจากข้อตกลงการค้าเสรีมอลโดวา ที่ได้เซ็นไว้ในที่ประชุมสหภาพยุโรปในปี 2013 

แต่ทั้งนี้ มอลโดวากำลังได้รับการพิจารณาเป็นประเทศสมาชิกในสหภาพยุโรป โดยไม่รวมเขตปกครองทรานส์นีสเตรียในข้อตกลงด้วย จึงทำให้รัฐบาลมอลโดวาจำเป็นต้องยกเลิกการผ่อนปรนภาษีศุลกากรสำหรับสินค้าจากทรานส์นิสเตรียน ทำให้เจ้าของกิจการทรานส์นีสเตรีย มีภาระด้านภาษีเพิ่มขึ้นเพราะต้องจ่ายภาษีให้กับทั้งทรานส์นิสเตรียและมอลโดวา

อีกทั้งสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ทำให้รัฐบาลยูเครนต้องปิดชายแดนทางฝั่งทรานส์นิสเตรีย จึงส่งผลกระทบอย่างมากต่อเศรษฐกิจของทรานส์นิสเตรีย ที่ถูกกดดันทั้งจากสถานการณ์ในยูเครน และ จากรัฐบาลมอลโดวา อันเป็นเหตุให้สภาท้องถิ่นทรานส์นิสเตรีย มีมติขอความคุ้มครองจากรัฐบาลรัสเซียในวันนี้ 

สื่อรัสเซียได้อ้างอิง คำให้สัมภาษณ์ของรัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียว่าได้ตอบรับข้อเรียกร้องของทรานส์นิสเตรียแล้ว โดยได้กล่าวว่า การปกป้องดินแดนสีเงิน (ชื่อที่รัสเซียใช้เรียกทรานส์นิสเตรีย) เป็นสิ่งที่รัสเซียให้ความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ ท่ามกลางกระแสข่าวลือว่ารัสเซียอาจมีแผนในการผนวนดินแดนทรานส์นิสเตรียเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียในอนาคต

ในขณะเดียวกัน โอเลก เซเรเบรียน รองนายกรัฐมนตรีของมอลโดวา ออกมาปฏิเสธคำแถลงของรัฐบาลทรานส์นิสเตรีย ว่าเป็นเพียงการโฆษณาชวนเชื่อ ไม่มีสถานการณ์อันตรายใด ๆ ในภูมิภาคทรานส์นิสเตรียนที่ต้องขอการคุ้มครองพิเศษ เป็นแค่เพียงการปั่นกระแสเพื่อสร้างความตื่นตระหนกเท่านั้น

โดนัลด์ ทัสค์ นายกรัฐมนตรีโปแลนด์ ก็ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นว่า ความตึงเครียดในทรานส์นิสเตรียเป็นอันตรายต่อภูมิภาคก็จริง แต่ปัญหานี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ การยั่วยุ และคุกคามจากรัสเซียนั้นมีมานานแล้ว โดยผู้นำโปแลนด์ได้ยกตัวอย่างกองกำลังแบ่งแยกดินแดนที่อยู่ทางภาคตะวันออกของยูเครน ที่ได้ขอการคุ้มครองพิเศษจากรัสเซียเมื่อปี 2022 เพื่อป้องกันการโจมตีจากกองทัพยูเครนเช่นกัน และต่อมาทางรัสเซียก็ได้ผนวกเอาดินแดนทางฝั่งยูเครนตะวันออกส่วนนั้นไปแล้ว

เช่นเดียวกับทางสหรัฐอเมริกา แมทธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า สหรัฐฯ จะสนับสนุนอธิปไตย และการอ้างสิทธิ์ในดินแดนที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลของมอลโดวาอย่างเต็มที่ และจะจับตาดูความเคลื่อนไหวของรัสเซียในทรานส์นิสเตรียอย่างใกล้ชิด ที่อาจมีเป้าหมายเชิงรุกในการทำลายเสถียรภาพและความมั่นคงของชาติสมาชิกในยุโรป

เพราะคงเป็นเรื่องใหญ่แน่ หากรัสเซียจะเดินกลยุทธ์ ผนวกดินแดนทรานส์นิสเตรียเป็นของตนถาวร และจะยิ่งเพิ่มแรงกดดันทั้งฝั่งยูเครน และ มอลโดวา ว่าภัยคุกคามจากรัสเซียสามารถแทรกซึมได้ไวกว่าที่คิด 

‘เจ๊ไฝ’ โวย!! เจอลูกค้าอ้างเป็น ‘สารวัตร’ บอกกำลังอยู่ในหน้าที่ แสดงพฤติกรรมแซงคิว แถมตีเนียนกินฟรี ชิ่ง!! ไม่จ่ายเงิน

(29 ก.พ.67) กลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมา เมื่อ ‘เจ๊ไฝ’ หรือ สุภินยา จันสุตะ เจ้าของตำนานสตรีตฟู้ดระดับมิชลิน 7 ปีซ้อน โพสต์สตอรี่อินสตาแกรมภายใต้บัญชี @jayfaibangkok เป็นข้อความที่โดนลูกค้าไม่ยอมต่อคิว อ้างเป็นตำรวจมาขอนั่งกิน สุดท้ายไม่จ่ายเงินด้วย

โดยโพสต์สตอรี่ของเจ๊ไฝระบุว่า “วันนี้มีลูกค้าไม่ยอมต่อคิว อ้างตัวเป็นสารวัตรนอกเครื่องแบบกำลังอยู่ในหน้าที่ ขอโต๊ะเลยทานข้าว สั่งห่อ แล้วไม่จ่ายเงิน”

หลังจากโพสต์สตอรี่ดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ไป ก็กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ทั้งในพฤติกรรมที่มาแซงคิว มาทำทีของกินฟรี และไม่จ่ายเงินด้วย

สำหรับร้านเจ๊ไฝ เป็นร้านสืบทอดกิจการมาจากรุ่นพ่อ อายุได้ 70 ปี เจ้าของร้านคนปัจจุบันคือ สุภิญญา จันสุตะ หรือเปีย อายุ 72 ปี เป็นเจ้าของร้านดังกล่าวมากว่า 35 ปี

โดยเรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 แล้วไปเรียนต่อด้านการตัดเสื้อ แต่หลังจบก็ไม่ประสบความสำเร็จ ต่อมาจึงช่วยครอบครัวทำร้านก๋วยเตี๋ยวและหันมาเปิดร้านอาหารของตนเองตามลำดับ ปัจจุบันยังเป็นแม่ครัวในร้านของตัวเองอยู่

‘แบรนด์สมาร์ตโฟนจีน’ อวดเทคโนโลยีสุดล้ำ!! ใช้ ‘สายตา’ บังคับรถ อาศัยแอปฯ จับการเคลื่อนไหวสายตาในมือถือ แทนการจับพวงมาลัย

(29 ก.พ.67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ปกติแล้วเมื่อนึกถึงการขับขี่รถยนต์ ผู้คนย่อมนึกภาพการควบคุมรถโดยการใช้สองมือคอยจับหมุนพวงมาลัย ทว่าเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วไม่เพียงแต่ทำให้คนขับสามารถปล่อยมือจากพวงมาลัยตอนขับรถ แต่ยังสามารถใช้ ‘สายตา’ เป็นตัวควบคุมได้ด้วย

ผู้สื่อข่าวของสำนักข่าวซินหัวพาชมวิธีการควบคุมรถด้วยเทคโนโลยีติดตามสายตาผู้ใช้ (eye tracking) ซึ่งพัฒนาโดยออเนอร์ (HONOR) ผู้ผลิตสมาร์ตโฟนจีน และถูกนำมาอวดโฉมระหว่างงานโมบายล์ เวิลด์ คองเกรส (MWC) ประจำปี 2024 ที่จัดขึ้นในเมืองบาร์เซโลนาของสเปน

ออเนอร์ติดตั้งเทคโนโลยีติดตามสายตาผู้ใช้ลงบนสมาร์ตโฟน และใช้เซนเซอร์จับภาพด้านหน้าของมือถือตรวจจับการเคลื่อนที่ของสายตา ซึ่งทำให้ผู้ใช้สามารถออกคำสั่งให้รถสตาร์ตหรือดับเครื่องยนต์ รวมถึงออกคำสั่งให้รถเดินหน้าหรือถอยหลังได้อีกด้วย

‘สมโภชน์ อาหุนัย’ ประกาศ!! พร้อมนั่งประธาน ส.อ.ท. คนที่ 17 หวังเป็นแกนนำหลักขับเคลื่อนอุตสาหกรรม-เศรษฐกิจของไทย

(29 ก.พ. 67) นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ในฐานะเป็นสมาชิกและรองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่าจะลงสมัครตำแหน่งประธาน ส.อ.ท. คนที่ 17 ในวาระนี้ (ปี 2567-2569) ถือเป็นอุดมการณ์ที่ต้องการรับใช้ชาติในฐานะภาคเอกชน โดยจะนำความรู้ ความสามารถและประสบการณ์การทำงานมาช่วยประเทศชาติในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน

ในอนาคตจะเห็นส.อ.ท.ทำงานเชิงรุกด้วยยุทธศาสตร์ 4 ประการ ได้แก่

1.ทำงานเชิงรุกในการขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจของประเทศให้สอดประสานระหว่างภาครัฐกับเอกชน 

2.สร้างพลังและเพิ่มขีดความสามารถของสมาชิกสภาอุตสาหกรรมทั่วประเทศ 

3.ประสานภาครัฐให้ช่วยส่งเสริมสนับสนุนเอสเอ็มอี ผู้ประกอบการรายย่อย-รายใหม่ในการผลิตสินค้าที่มีมูลค่า 

และ 4.นำเอาความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ที่มีมาบูรณาการในเชิงรุกและเชิงรับทุกมิติ

"เรื่องนี้เป็นอุดมการณ์ที่ผมมีมาตั้งนานแล้วคืออยากสร้างประโยชน์ให้สังคมและประเทศชาติ ผมเคยเป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอี จนกระทั่งปัจจุบันทำหน้าที่บริหารธุรกิจในกลุ่มพลังงานบริสุทธิ์ ต้องการนำเสนอไอเดียที่มีเพื่อให้เกิด Impact มากกว่าที่ทำอยู่ในปัจจุบัน เพราะเชื่อว่า ส.อ.ท. คือแกนหลักของประเทศ มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจให้เติบโตขึ้น ในสถานการณ์ปัจจุบันเราไม่ควรอยู่ในสภาพตั้งรับควรอยู่ในเชิงรุก เนื่องจากโลกทุกวันนี้เปลี่ยนแปลงเร็วมาก แต่ละอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบแตกต่างกันออกไป มีทั้งที่ต้องการรับการส่งเสริมสนับสนุนหรือเข้าไปช่วยแก้ไขปัญหา รวมถึงทำหน้าที่เป็นตัวแทนเชื่อมกับภาครัฐอย่างเป็นรูปธรรมให้บรรลุผลสำเร็จและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์กับผู้ประกอบการแล้วยังตอบสนองภาครัฐให้บรรลุตามแผนยุทธศาสตร์ที่ตั้งไว้"

นายสมโภชน์กล่าวอีกว่าจะมีการนำเสนอแผนยุทธศาสตร์ในอนาคตต่อภาครัฐ อุตสาหกรรมแต่ละประเภทจะต้องเตรียมแผนทรานส์ฟอร์มธุรกิจเพื่อรองรับการแข่งขันในเวทีโลกทุกมิติ อาทิ การปรับปรุงกฎหมายหรือกฎระเบียบเพื่อให้ทันกติการะดับสากล ความรู้ เทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน (BCG & ESG) และการมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ซึ่งเป็นเทรนด์ของโลกในปัจจุบัน

“ตลอดระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมา ผมในฐานะสมาชิกและเป็นรองประธาน ส.อ.ท. ทำงานด้วยจิตอาสาโดยไม่ได้หวังผลตอบแทนหรือรับประโยชน์ใด ๆ ครั้งนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญที่ผมอยากจะเห็นการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น จึงขอเสนอตัวเข้ารับการคัดเลือกเป็นประธาน ส.อ.ท. เพื่อช่วยผลักดันให้อุตสาหกรรมและเศรษฐกิจไทยเติบโต อีกทั้งสามารถยืนอยู่บนเวทีโลกได้อย่างแข็งแกร่ง"

นอกจากนี้ คนอื่น ๆ ที่มีวิสัยทัศน์และความสามารถก็สมัครตำแหน่งประธานสภาอุตสาหกรรมได้ เพื่อนำเสนอสิ่งดี ๆ ให้แก่ภาพรวมของอุตสาหกรรม และผู้ที่ได้รับเลือกเป็นประธานฯ ควรที่จะนำข้อเสนอไปขับเคลื่อนต่อให้เป็นรูปธรรม ที่สำคัญต้องสร้างความโปร่งใสในการทำงาน เป็นเวทีกลางที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ร่วมกัน และกระจายอำนาจให้แต่ละกลุ่มมาช่วยกันทำงาน

'2475 รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ' แอนิเมชันแห่งสยาม ระดมดาราดังพากย์เสียง เปิดรับชมฟรี 13 มี.ค.นี้

เมื่อวานนี้ (28 ก.พ.67) เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเดินทางย้อนเวลากลับไปสัมผัสเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ การเปลี่ยนแปลงการปกครองของสยาม ในรูปแบบแอนิเมชัน 2D สุดเข้มข้น กับ ‘2475 Dawn of Revolution รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ’ ที่พร้อมให้คุณรับชมฟรีทางออนไลน์ โดยมีศิลปินนักแสดงชื่อดังมาร่วมพากย์เสียง ได้แก่ ฉัตรชัย เปล่งพานิช, สินจัย เปล่งพานิช, จิราวัฒน์ วชิรศรัณย์ภัทร, สุเมธ องอาจ และ กิตติ เชี่ยววงศ์กุล หรือ เกลือ เป็นต่อ

‘2475 Dawn of Revolution’ ถักทอเรื่องราวจากหนังสือประวัติศาสตร์หลายเล่ม พาคุณย้อนกลับไปสู่จุดกำเนิดของประชาธิปไตย เปิดเผยเรื่องราวการต่อสู้ทางอุดมการณ์และความคิดของบุคคลสำคัญในเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 ผ่านมุมมองที่สดใหม่

‘2475 Dawn of Revolution’ เป็นผลงานจาก ‘NAKRA STUDIO’ เป็นทีมแอนิเมชันรุ่นใหม่ ที่มีความมุ่งมั่นอยากถ่ายทอดเรื่องราวประวัติศาสตร์ ผ่านรูปแบบแอนิเมชันที่สนุกสนาน เข้าใจง่าย เต็มไปด้วยเนื้อหาที่เข้มข้น อัดแน่นไปด้วยอารมณ์ เพื่อให้ผู้ชมเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาอันสำคัญของประวัติศาสตร์ชาติไทย

แอนิเมชันเรื่องนี้ ยังแฝงไปด้วยประเด็นร่วมสมัยที่กระตุ้นให้ผู้ชมฉุกคิด ตั้งคำถาม ตั้งข้อสงสัย และค้นหาคำตอบไปร่วมกัน ภาพยนตร์เรื่องนี้เหมาะสำหรับผู้ชมทุกเพศทุกวัย ที่ต้องการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ และชวนคุณค้นหาทางออกว่าคนไทยจะเรียนรู้จากอดีตเพื่อก้าวต่อไปในอนาคตร่วมกันได้อย่างไร

‘2475 Dawn of Revolution’ จะจัดฉายพิเศษเป็นการเปิดตัวรอบปฐมทัศน์ในโรงภาพยนตร์เซนจูรี สุขุมวิท ในวันเสาร์ที่ 9 มีนาคม 2567 นี้ และจะเผยแพร่ทางออนไลน์ให้รับชมฟรี ตั้งแต่วันพุธที่ 13 มีนาคม 2567 เป็นต้นไป

เราขอส่งมอบแอนิเมชัน 2475 Dawn of Revolution ที่พวกเราตั้งใจสร้างขึ้นมา ให้ทุกคนได้รับชม โดยหวังว่า แอนิเมชันเรื่องนี้ จะช่วยจุดประกายให้ผู้ชมสนใจสืบค้นเรื่องราวประวัติศาสตร์ และช่วยเป็นข้อมูลพื้นฐานในการศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ครับ” ทีมงานนาคราสตูดิโอ กล่าว

>> ตัวอย่างภาพยนตร์:
Teaser 1 https://www.youtube.com/watch?v=gcC3ICn2uTM  
Teaser 2 https://www.youtube.com/watch?v=MMxWRbLz4EM
Teaser 3 https://www.youtube.com/watch?v=AOpCWYYMdqc 
Teaser 4 https://www.youtube.com/watch?v=NWZw7533GiY

กำหนดฉาย: 13 มีนาคม 2567
เว็บไซต์: https://www.facebook.com/2475animation

นราธิวาส-นายกฯ ประทับใจการต้อนรับอย่างอบอุ่นของชาวนราธิวาส ย้ำรัฐบาลเดินหน้าแก้ไขปัญหา หวังให้เกิดสันติภาพและความสงบสุขโดยเร็ว

วันนี้ (29 กุมภาพันธ์ 2567) เวลา 11.30 น. ณ ห้องประชุมพิพิธภัณฑ์มรดกวัฒนธรรมอิสลาม และศูนย์การเรียนรู้คัมภีร์อัล-กุรอาน ตำบลละหาร อำเภอยี่งอ จังหวัดนราธิวาส นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมคณะ เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์มรดกวัฒนธรรมอิสลาม และศูนย์การเรียนรู้คัมภีร์อัล-กุรอาน
 
โดยนายกฯ ได้แวะทักทายชาวบ้าน ที่สวมใส่ชุดไทยชุดพื้นบ้านรำให้การต้อนรับ และเยี่ยมชมกิจกรรม “นวัต .. วัฒนธรรม” ภายในแนวคิด Culture, Creative and Innovation โดยอำเภอสุไหงปาดี นำการแสดงพื้นบ้าน กลองบานอ กรือโต๊ะ ซึ่งจะเป็นการละเล่นตีกลองเพื่อต้อนรับบุคคลในโอกาสสำคัญ การรำซิละ ศิลปะการแสดงพื้นบ้านรวมถึงชมผลิตภัณฑ์ของชุมชน อาทิ กระเป๋ากระฉูด กาแฟ ริต้ายี่งอ โดยใช้น้ำผึ้งชาญณรงค์
 
จากนั้น นายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุมหารือยกระดับการท่องเที่ยวและพัฒนาการท่องเที่ยว ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
 
นายกฯ กล่าวมอบนโยบายด้านการท่องเที่ยวและพัฒนาการท่องเที่ยวในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตอนหนึ่งว่า ขอบคุณสำหรับการต้อนรับที่ประทับใจ ซึ่งดูได้จากแววตาของประชาชนทุกคนที่มาให้การต้อนรับ มองเห็นโอกาสที่รัฐบาลนำมาสู่พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และเข้าใจถึงแนวทางการดำเนินงานที่รัฐบาลจะพยายามทำ ไม่ว่าเรื่องการส่งเสริมวัฒนธรรม รวมถึงของดี ๆ และอาหารภาคใต้ ที่ยังไม่ได้การมีการเผยแพร่และนำเสนอให้คนจังหวัดอื่นรู้ รวมถึงต่างประเทศยังรับรู้ไม่ทั่วถึง
 
นายกฯ กล่าวว่าพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้มีปัญหาเรื่องความไม่สงบที่เกิดขึ้นตั้งแต่อดีตมาอย่างยาวนาน รัฐบาลชุดนี้จะแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง ส่วนเรื่องของด่านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นด่านศุลกากร ด่านตรวจคนเข้าเมือง ที่มีปัญหาอยู่ตอนนี้ ได้มีการสั่งการให้เร่งบูรณาการแก้ไขปัญหาอย่างทันที รวมถึงเรื่องของถนนทางหลวง ไม่ว่าจะเป็นระยะสั้นหรือระยะยาว ได้มีการหารือกันตลอด โดยจะเริ่มทำภายในสิ้นปีนี้ ในส่วนเรื่องของสนามบินขึ้นอยู่กับดีมานด์และซัพพลาย  ถ้าเกิดสามจังหวัดชายแดนภาคใต้มีของดี ๆ มีสิ่งดี ๆ ตนเองเชื่อว่าจะเกิดดีมานด์ มีความต้องการที่จะมาลงทุนสนามบินเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ ได้มีการพูดคุยกับฝ่ายความมั่นคงถึงการใช้สนามบินร่วมกันแล้ว
 
นายกฯ กล่าวต่อไปว่า  หลาย ๆ เรื่องตนเองเชื่อว่ารัฐบาลเข้าใจถึงปัญหาการเดินทางลงพื้นที่ครั้งนี้ รัฐบาลนำคณะมาครบทุกกระทรวง รวมถึงฝ่ายความมั่นคง และ สส.ในพื้นที่ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และได้พูดคุยถึงปัญหาต่าง ๆ ด้วยแล้ว ถือว่าการลงพื้นที่สามวันนี้ เป็นสามวันที่มีคุณค่า ซึ่งรัฐบาลจะมามาเยี่ยมเยียนอีกในปีหน้า เพื่อมาติดตามความคืบหน้าของโครงการต่าง ๆ ที่รัฐบาลได้มีการจัดสรรงบประมาณลงมาในพื้นที่ พร้อมกล่าวย้ำว่า หน้าที่ของรัฐบาลจะพยายามทำและแก้ไขปัญหาต่อไป เพื่อให้เกิดสันติภาพและความสงบสุขในระยะเวลาใกล้นี้

ข่าว.แวดาโอ๊ะ หะไร / อัสมา บินมานุ จ.นราธิวาส

'รมว.ปุ้ย' เร่งถก 'ปรับผังเมืองใหม่' สอดรับการขยายตัวของเมืองที่เปลี่ยนไป หวังรองรับการลงทุน 'ใน-นอก' แบบไม่กระทบ 'สิ่งแวดล้อม-ชุมชน'

(29 ก.พ.67) นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายจากนางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ให้เร่งดำเนินการตามนโยบายของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่ได้สั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 26 ก.พ.67 ให้กระทรวงอุตสาหกรรม, กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เร่งแก้ไขและบูรณาการเร่งรัดจัดหาแนวทางการจัดทำผังเมืองใหม่ให้สอดคล้องกับการขยายตัวของเมืองที่เปลี่ยนไป รวมถึงการยกระดับเมืองรอง เพื่อเตรียมพร้อมรับการลงทุนจากทั้งภายในและนอกประเทศ 

โดยผังเมืองเก่าในประเทศที่จัดทำมานาน อาจไม่เหมาะกับยุคปัจจุบัน โดยได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI), สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC), กรมโยธาธิการและผังเมือง, กระทรวงมหาดไทย, กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานในสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาแนวทางขจัดปัญหาและอุปสรรคในการปรับแก้ไขผังเมืองให้สอดคล้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจและเป็นที่ยอมรับของชุมชน / การกำหนดพื้นที่และประเภทการประกอบกิจการอุตสาหกรรม / การพัฒนาและขยายอุตสาหกรรมให้มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม / เร่งรัดระยะเวลาในการจัดทำผังเมือง และรับฟังความคิดเห็นจากภาคประชาชนตามข้อกำหนดกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมทั้ง EHIA และ EIA ที่มีข้อกำหนดแนบท้ายต่างๆ ให้สอดคล้องกับผังเมือง

“การแก้ไขปัญหาอุปสรรคในครั้งนี้ เน้นการดำเนินการแบบ Quick Win โดยเฉพาะในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่มีนิคมอุตสาหกรรม หรือ เขตประกอบการอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบ จำนวน 20 แห่ง จากการไม่สอดคล้องระหว่างผังเมืองของ EEC กับผังเมืองใหม่ ขณะเดียวกันในส่วนของขั้นตอนการปรับแก้ผังเมืองในด้านโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เช่น สนามบิน จำเป็นต้องศึกษาความเป็นไปได้ของการก่อสร้างสนามบิน รวมถึง การประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ก่อนการปรับผังเมืองใหม่ด้วย” ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าว

สำหรับการประชุมหารือในครั้งนี้ มีผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรมเข้าร่วม ประกอบด้วย นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม, นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม นางวรวรรณ ชิตอรุณ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม, นายวิฤทธิ์ วิเศษสินธุ์ เลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย, นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, นายนฤชา ฤชุพันธ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สำนักงานเลขาธิการส่งเสริมการลงทุน, นายก่อกิจ ด่านชัยวิจิตร รองเลขาธิการสายงานเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ และว่าที่ร้อยเอก ธีรพงศ์ ครุธดิลกานันท์ รองอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง เข้าร่วมประชุมด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top