Saturday, 4 May 2024
แอมเนสตี้

'อดีตบิ๊กข่าวกรอง' จี้ ‘มหาดไทย’ สอบที่มาทุน 'แอมเนสตี้' พร้อมหนุนคนไทยชุมนุมขับไล่

'นันทิวัฒน์ อดีตรองผอ.ข่าวกรอง' ลั่น!! 'แอมเนสตี้' อยู่ใต้กฎหมายไทย จี้!! มท. ตรวจสอบที่มาของเงินทุน ถ้าผิดกฎหมายต้องจัดการ หนุนคนไทยชุมนุมกดดันให้รัฐบาลขับไล่ ยันไม่มีประเทศไหนยอมให้เอ็นจีโอมีเสรีภาพทำอะไรได้ตามใจ

24 พ.ย. 64 นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความว่า…

แอมเนสตี้อยู่ใต้กฎหมายไทย

คนไทยที่จะไปชุมนุมกดดันให้รัฐบาลไล่แอมเนสตี้ออกไปจากเมืองไทย ผมเชียร์ เห็นด้วยและอยากให้ออกไปพ้น ๆ ประเทศไทย

แอมเนสตี้ มีสองส่วน แอมเนสตี้อินเตอร์เนชันนัล สำนักงานภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิก จดทะเบียนกับกระทรวงแรงงาน 

“บิ๊กตู่” ยอมรับปัญหาแอมเนสตี้เคลื่อนไหว “ลั่น” จะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายประเทศอย่างแน่นอน “สั่ง “ สตช.มท. ดูข้อกฎหมาย

ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ ถึงกรณีที่มีกลุ่มคนรวมตัวกันเพื่อเรียกร้องให้ขับไล่ องค์การนิรโทษกรรมสากล (แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย) ว่ากำลังให้มีการดำเนินการและให้ตรวจสอบทางกฏหมายดูอยู่ว่ามีความผิดอะไรหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)รวมทั้งกระทรวงมหาดไทย ที่มีการจดทะเบียนไว้หรือไม่อย่างไร ซึ่งถ้าผิดก็ต้องยกเลิก ยอมรับว่าเป็นแรงกดดันพอสมควรซึ่งตนไม่ต้องการให้เกิดขึ้นอยู่แล้ว ในการที่จะมาให้ร้ายกับประเทศของเรา

'บิ๊กตู่' ไฟเขียว!! สอบ 'แอมเนสตี้' ถ้าผิดต้องยกเลิก ลั่น!! ไม่ยอมให้ใครมาใส่ร้ายประเทศ

26 พ.ย. 64 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ ถึงกรณีที่มีกลุ่มคนรวมตัวกันเพื่อเรียกร้องให้ขับไล่องค์การนิรโทษกรรมสากล (แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย) ว่า กำลังให้มีการดำเนินการและให้ตรวจสอบทางกฎหมายดูอยู่ว่ามีความผิดอะไรหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) รวมทั้งกระทรวงมหาดไทย ที่มีการจดทะเบียนไว้หรือไม่อย่างไร ซึ่งถ้าผิดก็ต้องยกเลิก ยอมรับว่าเป็นแรงกดดันพอสมควร ซึ่งตนไม่ต้องการให้เกิดขึ้นอยู่แล้ว ในการที่จะมาให้ร้ายกับประเทศของเรา

‘แรมโบ้’ ฟาดแรง ‘ชัยเกษม’ มีสมองหรือไม่? เป็นถึงอดีตผู้รักษากม. แต่หนุน ‘แอมเนสตี้’ 

‘แรมโบ้’ ฟาดแรง ‘ชัยเกษม’ มีสมองหรือไม่เป็นถึงอดีตผู้รักษากฎหมาย แต่สนับสนุนแอมเนสตี้ ทั้งที่รู้เป็นองค์กรมีพฤติกรรมทำลายประเทศ เข้าข้างคนทำผิดกฎหมายแล้วอ้างสิทธิมนุษยชน 

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงนายชัยเกษม นิติสิริ แกนนำพรรคเพื่อไทยแสดงจุดยืนพรรคไม่สนับสนุนที่จะให้ยุบ หรือ ขับแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ออกจากประเทศไทย และพาดพิงตนเองบอกว่าคนไล่ไม่รู้เอาสมองส่วนไหนคิด โดยระบุว่านายชัยเกษมเป็นถึงอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม อดีตอัยการสูงสุด อดีตอัยการอาวุโส แต่กลับมองว่าองค์กรที่สนับสนุนกลุ่มที่ทำความผิดกฎหมายเป็นเรื่องที่ถูกต้อง

ขณะเดียวกันนายชัยเกษมไม่ควรมองแค่เรื่องสิทธิมนุษยชน แต่ควรมองถึงเรื่องการกระทำผิดกฎหมายด้วย ซึ่งแอมเนสตี้ออกมาปกป้องคนที่ทำผิดกฎหมาย ที่ทำให้บ้านเมืองเดือดร้อน จาบจ้วงก้าวล่วงสถาบัน จึงเป็นธรรมดาที่คนส่วนใหญ่จะไม่เห็นด้วยแล้วออกมาขับไล่ 

'แอมเนสตี้' หนาว!! 'แรมโบ้' ล่าครบ 1 ล้านชื่อ เตรียมชง 'กรมการปกครอง' เพิกถอนใบอนุญาต

18 ม.ค. 65 นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี แสดงความเห็นด้วยกับ "นิด้าโพล” ที่สำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง การควบคุม NGO โดยประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 52.36 เห็นด้วยที่หากออกกฎหมายกำหนดให้ต้องเปิดเผยแหล่งที่มาของเงินทุน และร้อยละ 58.14 เห็นว่าที่รับเงินจากต่างประเทศต้องเปิดเผยจำนวนเงินและวัตถุประสงค์การใช้เงิน ขณะเดียวกันประชาชนร้อยละ 34.70 ยังอยากให้การออกกฎหมาย NGO ห้ามทำกิจกรรมที่กระทบต่อความมั่นคงของรัฐ และก่อให้เกิดความแตกแยกในสังคม

นายเสกสกล กล่าวว่า แสดงให้เห็นถึงประชาชนส่วนใหญ่มองว่ายังมี NGO บางองค์กรอาจมีส่วนเกี่ยวข้อง เชื่อมโยง หรือสนับสนุนการเคลื่อนไหวของม็อบกลุ่มต่างๆ อยู่ ประชาชนจึงอยากให้ออกกฎหมายเพื่อควบคุมกลุ่ม NGO เหล่านี้ เพราะเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนและประเทศชาติ

นายเสกสกล ยังมองว่า NGO ที่ช่วยเหลือประเทศชาติ และประชาชนที่แท้จริงก็ยังมีอยู่ และ NGO ที่มาจากต่างประเทศเข้ามาสนับสนุนการเคลื่อนไหวต่างๆ เพื่อสร้างความเดือดร้อนในประเทศก็มี ส่วนตัวจึงมองว่าการออกกฎหมายควบคุมถือเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว ซึ่งหาก NGO ไม่ได้ทำผิดอะไรก็ไม่ต้องกลัวกฎหมายใดๆ ทั้งสิ้น

'แอมเนสตี้' เรียกร้องประชาคมโลกใช้โอลิมปิก กดดันให้มีการปรับปรุงสิทธิมนุษยชนในจีน

'แอมเนสตี้' เรียกร้องประชาคมโลกใช้โอลิมปิกฤดูหนาวและพาราลิมปิก ณ กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน 4 - 20 ก.พ. นี้ เป็นโอกาสในการกดดันให้มีการปรับปรุงสิทธิมนุษยชนในประเทศจีน

4 ก.พ. 65 - แอมเนสตี้เรียกร้องประชาคมโลกต้องใช้โอลิมปิกฤดูหนาวและพาราลิมปิกเป็นโอกาสในการกดดันให้มีการปรับปรุงสิทธิมนุษยชนในประเทศจีน ซึ่งมหกรรมกีฬานี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 4 - 20 กุมภาพันธ์นี้ ณ กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน

เมืองหลวงของจีนจะได้ต้อนรับทัพนักกีฬา เจ้าหน้าที่ และนักการทูตจากทั่วโลก ในการแข่งขันที่จะเริ่มขึ้นวันที่ 4 กุมภาพันธ์ แต่มหกรรมกีฬานี้จะเกิดขึ้นท่ามกลางการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างต่อเนื่องหลายประการในประเทศจีน

อัลคัน อาคาด นักวิจัยเกี่ยวกับประเทศจีน แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า “แม้มีความคาดหวังว่าการแข่งขันโอลิมปิกที่กรุงปักกิ่งจะเป็นมหกรรมกีฬาในความทรงจำ แต่คนที่เฝ้ารอดูไม่ควรเพิกเฉยต่อปัญหาซึ่งเกิดขึ้นในพื้นที่อื่นๆ ของจีน นักกฎหมายและนักกิจกรรมต้องถูกจำคุกเพียงเพราะทำงานของตนอย่างสงบ เหยื่อผู้ถูกละเมิดทางเพศต้องเผชิญกับบทลงโทษเพียงเพราะกล้าออกมาเปิดโปง มีการคาดการณ์ว่าในแต่ละปีมีผู้ถูกประหารชีวิตหลายพันคน กลุ่มชาติพันธุ์มุสลิมจำนวนมากต้องเผชิญกับการถูกกักขัง ถูกทรมานและประหัตประหารอย่างเป็นระบบในค่ายกักกัน”

“การแข่งขันครั้งนี้ไม่ควรถูกใช้เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากสถิติด้านสิทธิมนุษยชนที่เลวร้ายลงของจีน ในทางตรงกันข้าม ควรถูกใช้เป็นโอกาสเพื่อกดดันให้จีนแก้ปัญหาเหล่านี้”

ไอโอซีควรประกันให้มีการทำตามสัญญา

รัฐบาลจีนให้หลักประกันหลายประการเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน ก่อนที่จะเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกฤดูหนาว รวมทั้งการเคารพเสรีภาพสื่อ สิทธิด้านแรงงาน “การพลัดถิ่นฐาน” และประกันโอกาสอย่างแท้จริงที่จะให้มีการเดินขบวนโดยสงบระหว่างการแข่งขันครั้งนี้

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เรียกร้องให้คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) ดำเนินการอย่างเต็มที่และให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับนโยบายและการปฏิบัติเพื่อตรวจสอบด้านสิทธิมนุษยชนต่อสาธารณะ ก่อนและระหว่างการแข่งขันครั้งนี้

“สิทธิในเสรีภาพการแสดงออกถูกละเมิดอย่างเป็นระบบในประเทศจีน จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่ไอโอซีและคณะกรรมการโอลิมปิกของชาติต่างๆ ในการแข่งขันครั้งนี้ ต้องเคารพความต้องการของนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ด้านกีฬาที่ต้องการพูดถึงปัญหาสิทธิมนุษยชน รวมทั้งประเด็นที่ถูกมองว่า “ละเอียดอ่อน” สำหรับทางการจีน”

“ไอโอซียังต้องยืนยันว่า รัฐบาลจีนปฏิบัติตามคำสัญญาที่จะประกันให้เกิดเสรีภาพของสื่อมวลชน ซึ่งรวมถึงการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้โดยไม่ถูกปิดกั้นทั้งสำหรับนักข่าวชาวจีนและนักข่าวต่างประเทศ และให้การประกันว่าผู้ที่ต้องการชุมนุมประท้วงโดยสงบในระหว่างการแข่งขันครั้งนี้จะสามารถกระทำการเช่นนั้นได้” อัลคัน อาคาดกล่าว

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เรียกร้องให้ตัวแทนรัฐบาลประเทศต่างๆ รวมทั้งผู้ที่เข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกครั้งนี้ ให้ความสำคัญกับประเด็นสิทธิมนุษยชน และจัดให้สิทธิมนุษยชนเป็นวาระสำคัญสุดในการหารือกับทางการจีน

อัลคัน อาคาดกล่าวเสริมว่า “โลกต้องเรียนรู้จากบทเรียนของโอลิมปิกเมื่อปี 2551 ซึ่งจัดขึ้น ณ กรุงปักกิ่งเช่นเดียวกัน ตอนนั้นรัฐบาลจีนได้ให้คำมั่นสัญญาที่จะปรับปรุงสิทธิมนุษยชน แต่การปรับปรุงดังกล่าวกลับไม่เคยเกิดขึ้นจริงอย่างที่เคยสัญญาไว้”

“โอลิมปิกฤดูหนาวซึ่งจัดขึ้น ณ กรุงปักกิ่งในปีนี้ จะต้องไม่กลายเป็นเพียงโอกาสของการใช้กีฬาในการฟอกตนเองของทางการจีน และประชาคมโลกต้องไม่ให้ความร่วมมือกับกิจกรรมเพื่อโฆษณาชวนเชื่อในครั้งนี้ด้วย”

นักกิจกรรมถูกควบคุมตัวในจีน

ก่อนการแข่งขันครั้งนี้จะเริ่มขึ้น แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ได้เปิดตัวการรณรงค์ “ปล่อยตัวบุคคลทั้งห้า” (‘Free the Five’) เพื่อเน้นให้เห็นชะตากรรมของนักกิจกรรมชาวจีนทั้งห้าคน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของบุคคลจำนวนมากที่ถูกควบคุมตัวเพียงเพราะการใช้สิทธิในเสรีภาพการแสดงออก ได้แก่ จาง จ่าน นักข่าวพลเมือง อิลฮัม โทห์ทิ ศาสตราจารย์ชาวอุยกูร์ หลี่ เชี่ยวฉู่ นักกิจกรรมด้านสิทธิแรงงาน กาว จื้อเซิ่ง ทนายความสิทธิมนุษยชน และรินเชน จูลทริม บล็อกเกอร์ชาวทิเบต

“การคุมขังโดยไม่เป็นธรรมต่อนักกิจกรรมทั้งห้าคน สะท้อนให้เห็นถึงการไม่ยอมรับความเห็นต่างของรัฐบาลจีน อีกทั้งยังสะท้อนความพยายามที่จะลงโทษผู้เห็นต่างอย่างรุนแรงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”

“ถ้ารัฐบาลจีนต้องการใช้โอลิมปิกเป็นเครื่องมือเพื่อสร้างภาพสัญลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศ ทางการจีนก็ควรเริ่มจากการปล่อยตัวผู้ที่ถูกดำเนินคดีหรือถูกควบคุมตัวเพียงเพราะการใช้สิทธิมนุษยชนของตน” อัลคัน อาคาดกล่าว

‘แรมโบ้’ นัด 17 ก.พ. เตรียมหอบล้านรายชื่อ ร้อง ‘กรมการปกครอง-สมช.’ ขับ ‘แอมเนสตี้’ พ้นไทย

‘แรมโบ้’ ลั่นล่ารายชื่อเกินล้านแล้ว เตรียมร้อง ‘มท.-สมช.’ ขับ ‘แอมเนสตี้’ พ้นไทย อ้างทำลายความมั่นคงของประเทศ

เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี รับเรื่องพร้อมรายชื่อภาคประชาชนจำนวน 1,200,000 ชื่อ ทั้ง 4 ภาค ที่ได้ร่วมกันลงชื่อเพื่อขับไล่กลุ่มแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล จากนายอานนท์ แสนน่าน ผู้ริเริ่มก่อตั้งหมู่บ้านเสื้อแดง อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงแห่งประเทศไทย และอดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดง ที่ยื่นเพื่อขอให้นำไปยื่นต่ออธิบดีกรมการปกครอง และพล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)

นายเสกสกล กล่าวว่า การยื่นหนังสือครั้งนี้เป็นไปตามที่ตนได้ประกาศไว้ว่าจะขอล่ารายชื่อ 1 ล้านรายชื่อ ซึ่งขณะนี้ได้ครบจำนวนแล้ว เพื่อขับไล่ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เนื่องจากจุดประสงค์ของประชาชนที่ได้มายื่นหนังสือต่อตน เพราะไม่ต้องการให้องค์กรชั่วๆ เลวๆ นี้มาทำลายความมั่นคง และทำร้ายสถาบัน ทำให้เกิดความแตกแยกในประเทศ
 

แอมเนสตี้ฯ คำราม!! เรียกร้อง 'รัสเซีย-ยูเครน' ต้องคุ้มครองเชลยศึก ตามข้อ 13 อนุสัญญาเจนีวาฉบับที่ 3

ไม่นานมานี้ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลแถลงว่า เชลยศึกที่ถูกจับระหว่างการรุกรานของรัสเซียต่อยูเครน ต้องได้รับการคุ้มครองสิทธิตามอนุสัญญาเจนีวาฉบับที่ 3

ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ทางการยูเครนได้นำตัวเชลยศึกชาวรัสเซียมาแถลงข่าว เพื่อให้อธิบายถึงบทบาทของพวกเขาในการรุกรานทางทหาร และยังมีคลิปวิดีโอในโซเชียลมีเดีย แสดงภาพขณะที่ทหารที่ถูกจับกุมได้ติดต่อกับสมาชิกครอบครัวในรัสเซีย

คลิปวิดีโอของทหารยูเครนที่ถูกจับ ก็ได้ปรากฏในโซเชียลมีเดียเช่นกัน แม้ไม่เป็นที่ชัดเจนว่า เกิดจากการสั่งการของรัฐหรือไม่

แอมเนสตี้ฯ จี้ ‘เฟซบุ๊ก’ จ่ายชดเชยชาวโรฮิงญา ฐานไม่ควบคุมเนื้อหา ‘ปลุกปั่นความเกลียดชัง’

องค์การนิรโทษกรรมสากล (Amnesty International) ออกมาเรียกร้องให้ ‘เฟซบุ๊ก’ จ่ายค่าชดเชยให้แก่ชาวโรฮิงญาหลายแสนคนที่ต้องพลัดถิ่นฐานจากเมียนมา กรณีปล่อยให้มีการเผยแพร่เนื้อหาปลุกปั่นความเกลียดชัง (hate speech) จนมีส่วนกระตุ้นให้เกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์คนกลุ่มนี้

ชาวโรฮิงญาซึ่งเป็นมุสลิมกลุ่มน้อยตกเป็นเหยื่อปฏิบัติการกวาดล้างของรัฐบาลทหารพม่าเมื่อช่วงปี 2017 ซึ่งทำให้พวกเขาต้องละทิ้งบ้านเรือนหนีตายไปยังบังกลาเทศ และยังคงต้องอาศัยอยู่ตามแคมป์ผู้ลี้ภัยมาจนถึงทุกวันนี้

สมาคมเหยื่อชาวโรฮิงญาและนักสิทธิมนุษยชน ชี้ว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับชาวโรฮิงญาส่วนหนึ่งมาจาก ‘ระบบอัลกอริทึม’ ของเฟซบุ๊กที่แสดงเนื้อหาความรุนแรง ข้อมูลบิดเบือน และถ้อยคำที่ยุยงให้เกิดความเกลียดชังต่อคนกลุ่มน้อยเหล่านี้

“ชาวโรฮิงญาหลายคนพยายามแจ้งรายงานเนื้อหาที่ยั่วยุให้เกิดความเกลียดชังผ่านช่องทาง report ของเฟซบุ๊ก แต่ก็ไม่เป็นผล เฟซบุ๊กยังคงปล่อยให้ถ้อยคำรุนแรงเหล่านี้แพร่กระจายออกไปจนถึงกลุ่มผู้ฟังในพม่าที่ไม่เคยรับรู้มันมาก่อน” แอมเนสตี้ฯ ระบุในรายงานที่เผยแพร่วันนี้ (29 ก.ย.)

องค์กรสิทธิมนุษยชนดังกล่าวยังอ้างถึงชุดเอกสาร ‘Facebook Papers’ ซึ่งมีผู้นำมาเปิดโปงเมื่อเดือน ต.ค. ปี 2021 โดยเอกสารนี้ระบุชัดเจนว่า ผู้บริหารของเฟซบุ๊ก ‘ทราบดี’ ว่าแพลตฟอร์มกำลังถูกใช้เป็นช่องทางเผยแพร่เนื้อหาโจมตีชาติพันธุ์กลุ่มน้อยและกลุ่มคนชายขอบอื่น ๆ

‘เพจดัง’ งัดหลักฐานแฉ ‘แอมเนสตี้’ หนุนม็อบประท้วงป่วนช่วง APEC 2022

(12 พ.ย. 65) เพจเฟซบุ๊ก The METTAD โพสต์ข้อความว่า #เรื่องใหญ่แล้วนะวิ สรุปพวกมรึงจะไม่ให้ประเทศสงบสุขบ้างเลยเลยใช่ไหม? ได้! งั้นเดี๋ยวจัดให้ หลังจากเก็บมือเก็บเท้า เจี๋ยมเจี๊ยมมาพักใหญ่ จนกระแสไล่แอมเนสตี้เริ่มซาลง นั่นล่ะฮะ คุณผู้ชม มันก็มากวนตีนเราอีกครั้ง

ล่าสุดแบบสด ๆ ร้อน ๆ มี เอกสารฉบับหนึ่ง ถูกเผยแพร่ออกมาโดยแอมเนสตี้เอง เอกสารนี้ชื่อว่า “PROTECT THE PROTEST - FLAGSHIP CAMPAIGN ON THE RIGHT TO PROTEST AND PEOPLE’S MOVEMENTS, OPERATIONAL PLAN JUNE 2022-DECEMBER 2023”

เอกสารนี้เกี่ยวกับอะไรน่ะเหรอ ข้อมูลชุดนี้คือ เอกสารที่แอมเนสตี้ได้กำหนดการแทรกแซงในหลายประเทศ โดยมีการกำหนดเป้าประสงค์ กำหนดวิธีการ และตั้งปฏิทินไทม์ไลน์ตั้งแต่กลางปี 2022 ไปจนถึงปลายปี 2023

และไทยก็เป็นหนึ่งในหลายประเทศที่ตกเป็นเป้าหมาย ในการปฏิบัติการเคลื่อนไหวสนับสนุนกลุ่มต่อต้านรัฐบาลไทยในทุกโอกาส โดยใช้ข้ออ้างเรื่อง ‘สิทธิเสรีภาพ’

นั่นหมายความว่า ทุกกลุ่มทุกก๊วนที่ออกมารวมตัวประท้วงช่วง APEC ก็อาจจะมีองค์กรอีแอบ หรือ แอมเนสตี้ ที่ช่วยสนับสนุนการเคลื่อนไหว เพราะตัวแอมเนสตี้ ร่างเป้าประสงค์ออกมาเองเลยว่า ต้องเคลื่อนไหวร่วมกับกลุ่มเล็กกลุ่มใหญ่ทุกกลุ่มในการประท้วง แล้วพวก ‘เครือข่ายราษฎร’ และ ‘Amnesty International Thailand’ ก็ทำตามตำราของมันจริงๆ ด้วย

ฉะนั้น เครือข่ายคนรุ่นใหม่ กลุ่มทะลุแก๊ส ทะลุฟ้า ทะลุแก๊ซ เครือข่ายพีมงพีมู๊ฟ หรือราษฎรหยุด APEC 2022 ไม่ว่ามรึงจะใช้ชื่อบ้าบออะไรก็ตาม มาก่อม็อบป่วนการประชุม APEC ก็เชื่อได้ว่า มาจากการสนับสนุน จากองค์กรต่างชาติเหล่านี้แน่นวลจ้ะพี่จ๋า


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top