Tuesday, 21 May 2024
เลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพ

‘พิธา’ ยัน ‘ก้าวไกล’ ส่งชิงผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. หวั่นผู้สมัครที่มียังโอนอ่อน ‘นายทุน-ศักดินา’

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล โพสต์คลิปวิดีโอผ่านเฟซบุ๊ก ส่งสารสวัสดีปีใหม่พี่น้องประชาชน และตั้งเป้าปีหน้าว่าพรรคต้องทำงานให้เข้มข้นขึ้นยิ่งกว่าเดิม พร้อมกับระบุข้อความด้วยว่า…

2565: ปีแห่งความหวังและโอกาสเปลี่ยนประเทศผ่านการเลือกตั้ง

สวัสดีปีใหม่พี่น้องประชาชนผู้ทรงอำนาจสูงสุดของประเทศ

ปีที่ผ่านมาเป็นปีที่ 2 ของพรรคก้าวไกล เป็นปีที่เรายังคงมุ่งมั่นทำงานหนักเพื่อเป็นปากเสียงให้กับผู้ถูกกดขี่ เป็นมือเท้าให้กับผู้ถูกละเลยจากรัฐ เข้าไม่ถึงโอกาส ผมในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกล อดรู้สึกภาคภูมิใจไม่ได้กับผลการทำงานของส.ส. ทุกคน

แต่เมื่อเทียบกับเป้าหมายที่จะเปลี่ยนประเทศไทยแล้ว เราต้องยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่าเรายังทำงานหนักไม่พอ

ด้านการสื่อสาร
เราสื่อสารได้ไม่ดีพอที่จะทำให้คนรอบข้างเข้าใจได้ว่าการแก้ไขปัญหาที่สะสมมาอย่างยาวนานของประเทศนี้ ไม่สามารถสำเร็จได้ผ่านการแก้ไขอย่างฉาบฉวย แต่จำเป็นต้องแก้โครงสร้างที่ผิดเพี้ยนอันเป็นรากฐานของปัญหาทั้งปวง และหนึ่งในรากฐานของปัญหานั้นคือคำถามที่ว่า อำนาจสูงสุดในประเทศนี้เป็นของใคร

ด้านการทำงานในรัฐสภา
เรามีเสียงไม่มากพอ ทั้งยังโดดเดี่ยวในการต่อสู้เรียกร้องในหลายกรณี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจที่ทุนใหญ่กำลังเดินหน้ากินรวบทั้งตลาด ไม่เปิดโอกาสให้กับผู้ประกอบการขนาดเล็ก ไม่เหลือทางเลือกในการเลือกซื้อสินค้าหรือบริการให้กับผู้บริโภค

หรือแม้กระทั่งเรื่องเรียบง่ายที่สุดอย่างการตัดสินใจโดยยึดถือประโยชน์สูงสุดของประชาชนเป็นที่ตั้ง รวมทั้งการยืนยันว่าอำนาจสูงสุดของประเทศเป็นของประชาชน เราก็ไม่สามารถโน้มน้าวชักชวนเพื่อนสมาชิกรัฐสภาส่วนใหญ่ให้เห็นร่วมกันกับเราได้ ผลประโยชน์และอำนาจในรัฐสภายังคงกระจุกตัวอยู่ที่เครือข่ายของเหล่านายทุน ขุนศึก ศักดินา เช่นเดิม

ผมในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกล ต้องขอโทษพี่น้องประชาชนทุกคนมา ณ ที่นี้ ปีหน้าเราสัญญาว่าเราจะพยายามให้มากและทุ่มเททำงานให้หนักกว่าปีที่ผ่านมา เพื่อให้เรามีเสียงสนับสนุนจากพี่น้องประชาชนและสมาชิกรัฐสภามากพอที่จะเปลี่ยนประเทศไทยให้เป็นประเทศของประชาชนอย่างแท้จริง

นอกจากนี้เรายังมีอีกหนึ่งภารกิจสำคัญในปีหน้าที่ต้องขอแรงสนับสนุนจากพี่น้องประชาชน นั่นก็คือ "การเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร"

พรรคก้าวไกลเชื่อมั่นว่าทุกการเลือกตั้ง คือ โอกาสของการเปลี่ยนแปลง หากประชาชนต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง ไม่มีโอกาสไหนที่ดีไปกว่าการเข้าคูหาเลือกตั้ง 

‘วิโรจน์’ ยก 2 หลักการแก้ปัญหาทางม้าลายไทย ลั่น!! นั่งเจ้าเมืองกรุงเมื่อไร ความปลอดภัยมาเยือน

(3 ก.พ. 65) วิโรจน์ ลักขณาอดิสร ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พรรคก้าวไกล ร่วมวงเสวนาเวทีสาธารณะ ‘หมอกระต่าย ต้อง (ไม่) ตายฟรี’ ซึ่งจัดโดย มูลนิธิเมาไม่ขับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และองค์กรสิทธิมนุษยชน 

โดย วิโรจน์ ได้ย้ำนโยบายหลักของตนเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว 2 หลักการใหญ่ หากได้รับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯ กทม. ภายในระยะ 6 เดือน โดยอิงอยู่กับพื้นฐานงบประมาณที่ได้รับจัดสรรของกทม. จะสามารถทำได้ทันที ดังนี้…

1.) ปรับปรุงโครงสร้างทางวิศวกรรมที่เกี่ยวข้องกับทางม้าลาย ไม่ว่าจะเป็นการตีเส้น เพนต์สี ระบบสั่นสะเทือนเพื่อชะลอความเร็วของยานพาหนะบริเวณใกล้ทางม้าลาย และโครงสร้างหรือสัญลักษณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ปรับปรุงระบบสัญญาณข้าม พร้อมกันนี้ได้เสนอวิธีการสอดส่องและบำรุงรักษาโครงสร้างวิศวกรรมทางม้าลายดังกล่าว ด้วยวิธีการง่ายๆ โดยการติดกล้องตรวจจับไว้ที่ทรัพย์สินของกทม. เช่น รถเก็บขยะ รถน้ำ ฯลฯ ที่จะต้องเดินทางไปทุกเขตในกรุงเทพมหานคร และสามารถตรวจสอบความผิดปกติของทางม้าลาย ไฟจราจร หรือสัญลักษณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องได้ 

'ดร.เสรี' ข้องใจ!! ทำไมเรียก 'ผู้แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี' ถาม!! ตอนเป็นรมต. ทำอะไรที่เป็นการพัฒนาบ้าง

ดร.เสรี วงษ์มณฑา ผู้ร่วมก่อตั้งสถาบันทิศทางไทย บรรณาธิการบริหาร เพื่อวางกลยุทธ์สื่อสาร ศบค. โพสต์เฟซบุ๊กว่า... 

ขอถามนะ อยากรู้จริงๆ ค่ะ ใครตอบได้โปรดตอบ

ทำไมจึงเรียกว่าเป็นผู้แข็งแรงที่สุดในปฐพี
การหิ้วถุงแกงเป็นคุณสมบัติที่น่าชื่นชมอย่างไร
หลังจากขึ้นรถเมล์แล้ว มีการพัฒนา ขสมก. อย่างไร

“จุรินทร์” โชว์วิชั่น กทม. เปิด 3 นวัตกรรม บริหาร ทั้ง ครม.กรุงเทพฯ-กรอ.กรุงเทพฯ​ และเกรทเตอร์ แบงค็อก

13​ มี.ค.65​ ณ ที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงทิศทางแนวคิดของพรรคประชาธิปัตย์เพื่อนำพากรุงเทพมหานครไปสู่ความเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีขึ้น ในงาน The 2 Leaders’ Visions “เศรษฐกิจประเทศ - เศรษฐกิจเมือง” ที่จัดขึ้นที่พรรคฯ โดยได้กล่าวว่า 

ภายหลังการเลือกตั้งปี 2562 ก่อนที่ตนมาเป็นหัวหน้าพรรค ซึ่งประชาธิปัตย์ในกรุงเทพฯ ไม่ได้รับเลือกตั้งเลย แต่ก็ไม่ใช่ความผิดของใครทั้งสิ้น แต่ประชาธิปัตย์ได้ผ่านจุดนี้มาแล้วหลายครั้ง ทั้งที่รุ่งเรืองจนได้รับเลือกตั้งเกือบยกทีมก็มี หรือได้รับเลือกคนเดียวก็มี หลายคนปรามาสประชาธิปัตย์คงจะสูญพันธุ์ แต่ตนยังมั่นใจว่ามาถึงวันนี้เรากำลังเดินขึ้นและมั่นใจว่าพี่น้องชาวกรุงเทพฯ จะต้อนรับประชาธิปัตย์อีกครั้งหนึ่ง เพราะประชาธิปัตย์กับชาวกรุงเทพฯ ผูกพันกันมายาวนานนับตั้งแต่ก่อตั้งพรรค คนกรุงเทพฯ มีส่วนสำคัญในการก่อตั้งประชาธิปัตย์ มาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ ตั้งแต่ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช พันเอก (พิเศษ) ถนัด คอมันตร์ ท่านพิชัย รัตตกุล ท่านอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หลายคนล้วนเป็นคนกรุงเทพฯ ดังนั้น คนกรุงเทพฯ กับประชาธิปัตย์จึงผูกพันกันมาเนิ่นนาน 

เมื่อการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กำลังจะมาถึง ก็มีคนตั้งคำถามใหม่ว่า ประชาธิปัตย์จะส่งผู้ว่าฯ กทม. หรือไม่ ในฐานะที่ตนเป็นหัวหน้าพรรค ตนเป็นคนหนึ่งที่ชัดเจนตั้งแต่ต้นว่าประชาธิปัตย์ต้องส่ง ประชาธิปัตย์ไม่ส่งไม่ได้ เพราะเราผูกพันกับชาวกรุงเทพฯ และคนกรุงเทพฯ เลือกเรามาต่อเนื่องยาวนาน เพราะฉะนั้นเราต้องรับผิดชอบต่อคนกรุงเทพฯ การไม่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กรุงเทพมหานคร รวมทั้งผู้สมัคร ส.ก. คือการตัดทางเลือกของคนกรุงเทพฯ ดังนั้นจึงเป็นที่มาที่ประชาธิปัตย์มีมติส่ง ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ลงสมัครเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในนามพรรคประชาธิปัตย์ รวมกับเพื่อนผู้สมัคร ส.ก. 50 คน 50 เขต ซึ่งเป็นการนับ 1 ที่ถือว่าประชาธิปัตย์ได้ส่งทางเลือกที่ดีที่สุดทางเลือกหนึ่งให้กับพี่น้องชาวกรุงเทพฯ ได้พิจารณา 

ทั้งนี้ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวอีกว่า... 

ประการที่ 1 ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ นั้น ไม่ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งในนามผู้สมัครอิสระ แต่ลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคประชาธิปัตย์ ดังนั้นจึงหมายความว่า ในการเลือกตั้งรณรงค์หาเสียง รวมทั้งไปถึงภายหลังหากได้รับเลือกตั้ง “ดร.เอ้” ก็ไม่ได้มาคนเดียว แต่ยังมีหลังพิงสำคัญที่จะคอยทำงานร่วมกันและขับเคลื่อนกรุงเทพฯไปสู่ความสำเร็จ นั่นการมีหลังพิงที่เป็นสถาบันการเมืองที่ยั่งยืนที่สุดของประเทศ ที่ชื่อว่าประชาธิปัตย์ 

“ก่อนตัดสินใจเลือก ดร.เอ้ ผมกับ ดร.เอ้ ได้นั่งคุยกัน และท่านองอาจด้วยในฐานะรองหัวหน้าพรรค ได้คุยกันบอกว่าถ้าจะลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรค ได้รับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครต้องทำงานร่วมกัน และต้องไม่บริหารราชการกรุงเทพมหานครโดยความรับผิดชอบเฉพาะกับพี่น้องชาวกรุงเทพฯ แต่ต้องรับผิดชอบต่อพรรคประชาธิปัตย์ด้วยเพราะประชาธิปัตย์จะต้องรับผิดชอบต่อการบริหารงานราชการกรุงเทพฯ ของ ดร.เอ้ ต่อไปในอนาคต นี่คือความแตกต่างของผู้สมัครอิสระกับผู้สมัครที่ลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคการเมือง โดยเฉพาะสถาบันการเมืองที่ยั่งยืนที่ชื่อว่าประชาธิปัตย์” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว 

ประการที่ 2 ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครของประชาธิปัตย์นับตั้งแต่นี้ต่อไป ต้องไม่คิดแค่บริหารเมืองหลวงของประเทศและต้องไม่คิดแค่บริหารหน่วยการปกครองท้องถิ่นที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ และต้องไม่คิดแค่การบริหารอภิมหานครกรุงเทพ หรือ กทม. เท่านั้น แต่จะต้องไปไกลไปกว่านั้น 

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ภารกิจของคนเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ ที่ต้องบริหารกรุงเทพฯ แบบ “Mini Thailand” จึงมี 3 ประการ 

ประการที่ 1 ประชากรคนไทยทั้งประเทศมี 65 ล้านคน เป็นคนกรุงเทพฯ ตัวจริงที่มีทะเบียนบ้าน 5.5 ล้านคน ทำให้กรุงเทพฯ มีขนาดประชากร คิดเป็น 1 ใน 12 ส่วนของประชากรทั้งประเทศที่มีรวมกัน 77 จังหวัด 

ประการที่ 2 ด้วยขนาดประชากรดังกล่าว ทำให้มีปัญหาหลายเรื่องที่ ผู้ว่าฯ กทม. ต้องแก้ปัญหา และต้องบริหารจัดการในฐานะผู้ว่าฯ Mini Thailand ซึ่งเมื่อดูขนาดเศรษฐกิจของ กทม. จังหวัดเดียว คิดเป็นร้อยละ 24 ของ GDP ประเทศ  หมายความว่าขนาด GDP ประเทศ อยู่ที่กรุงเทพฯ ถึง 1 ใน 4 และอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ GDP ของกรุงเทพฯ ก็เติบโตมากกว่าอัตราเฉลี่ยของประเทศอีกด้วย  

เมื่อไปดูสัดส่วน GDP ของกรุงเทพฯ ก็พบว่าการที่เศรษฐกิจกรุงเทพขับเคลื่อนอยู่ได้ทุกวันนี้ ขึ้นอยู๋กับ...

อันดับ 1 การค้า คิดเป็น 87 เปอร์เซ็นต์ของ GDP ดังนั้นการค้าจึงเป็นเรื่องสำคัญยิ่งตั้งแต่คนตัวใหญ่จนถึงคนตัวเล็ก 

อันดับ 2 อุตสาหกรรม 13% มีเรื่องเกษตรไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์ 

ดังนั้นจากข้อมูลพื้นฐานดังกล่าว จึงถือว่าลมหายใจของเศรษฐกิจกรุงเทพฯ จึงเรียกได้ว่าขึ้นอยู่กับการค้า 87% อุตสาหกรรม 13% ขณะที่เมื่อไปดู ตัวเลข Per Capita income หรืออัตรารายได้เฉลี่ยต่อหัว จะเห็นได้ชัดขึ้นว่ารายได้ของคนกรุงเทพฯ เฉลี่ย มากกว่ารายได้เฉลี่ยต่อหัวของประเทศ 3 เท่า แม้จะฟังแล้วเหมือนดีว่าคนกรุงเทพฯ รวย แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมด เพราะเป็นตัวเลขถัวเฉลี่ย แต่เมื่อดูตัวเลขลึกลงไปพบว่า คนกรุงเทพฯ ตัวจริงที่เป็นคนจน มีรายได้ต่ำกว่า 1 แสนบาทต่อปี ที่ต้องรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มีมากกว่า 5 แสนคน ตรงนี้จึงเป็นโจทย์สำคัญของผู้ว่าฯ กทม. นอกจากรัฐบาลที่ต้องแก้ไข ผู้ว่าฯ กทม. ก็ต้องคิดเป็นภาระของตัวเองด้วยเพื่อเข้าไปแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้พี่น้องชาวกรุงเทพมหานคร ดังนั้นผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ ประชาธิปัตย์จากนี้ไป จึงต้องคิดเรื่องการบริหารกรุงเทพมหานคร ให้เป็นการบริหารแบบ Mini Thailand 

ประการที่ 3 การบริหารกรุงเทพมหานครของยุคประชาธิปัตย์ ยุค “ดร.เอ้” จากนี้ไป จึงต้องเกิดนวัตกรรมใหม่ทางการบริหารต้องขึ้นอย่างน้อย 3 นวัตกรรม 

นวัตกรรมตัวที่ 1 ครม. กรุงเทพฯ ต้องเกิด ไม่ใช่การบริหารแบบเดิมที่มี ผู้ว่าฯ รองผู้ว่าฯ ด้านบริหาร ด้านโยธา ด้านสาธารณสุข ด้านศึกษา ยุทธศาสตร์ และที่ปรึกษา แต่กรุงเทพมหานคร ยุคอุดมการณ์ทันสมัย ต้องมี ครม. กรุงเทพ เกิดขึ้น เพื่อบริหาร Mini Thailand ที่ชื่อว่ากรุงเทพมหานคร ที่ประกอบด้วย รัฐมนตรีเศรษฐกิจกรุงเทพมหานครต้องเกิด เพื่อรับผิดชอบเศรษฐกิจของชาวกรุงเทพฯ ตั้งแต่คนตัวใหญ่ที่ทำธุรกิจค้าขาย 87 % ของ GDP คนตัวกลางอุตสาหกรรม 13% ไปจนถึงคนตัวเล็ก 5 แสนกว่าคนที่รายได้ต่ำกว่าแสนต่อปี การที่ ดร.เอ้ ประกาศวิสัยทัศน์ให้ กรุงเทพฯ เป็นเมืองสวัสดิการต้นแบบของอาเซียน ดังนั้น รัฐมนตรีสวัสดิการกรุงเทพฯ ต้องเกิด เพื่อขับเคลื่อนสิ่งเหล่านี้ที่มีความชัดเจน กว่าการมีแค่รองผู้ว่าฯ ด้านโยธา ด้านศึกษา ด้านสาธารณสุข 

นวัตกรรมตัวที่ 2 ต้องเกิด กรอ. กรุงเทพฯ เนื่องจากเศรษฐกิจกรุงเทพฯ ซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจที่คิดเป็น 1 ใน 4 ของ GDP ประเทศ และขับเคลื่อนด้วยการค้ากับอุตสาหกรรม ดังนั้นเอกชนจึงมีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของกรุงเทพมหานคร  ซึ่ง กรอ. กรุงเทพฯ จะเป็นเวทีให้ผู้ว่าฯ กทม. ครม.กรุงเทพฯ ได้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจกรุงเทพฯ ร่วมกับเอกชน ตั้งแต่คนตัวใหญ่ถึงคนตัวเล็กไม่เว้นแม้แต่คนจนเมือง 

นวัตกรรมตัวที่ 3 คนเป็นผู้ว่ากทมในยุคอุดมการณ์ทันสมัยของประชาธิปัตย์ที่มีตนเป็นหัวหน้าพรรคต้องไม่มองแค่ในกรุงเทพมหานคร เพราะกรุงเทพฯ วันนี้ได้เชื่อมต่อเหมือนเป็นเนื้อเดียวกับปริมณฑล มีประชากรที่เคลื่อนเช้าเย็นกลับมาจากนนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ มีโครงสร้างพื้นฐานทั้งสาธารณูปโภค สาธารณูปการ มีรถไฟฟ้าเชื่อมต่อไปถึงปริมณฑล เกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจร่วมกัน ทั้งไฟฟ้า-ประปาต่อข้ามเขตได้โดยไม่รู้ตัว 

เพราะฉะนั้นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครต้องทำงานร่วมกัน ทั้งรัฐบาล รัฐวิสาหกิจ และต้องทำงานร่วมกับ ผู้ว่าราชการจังหวัด และกลไกภาครัฐ ไฟฟ้า ประปาในปริมณฑลด้วย ทั้งหมดต้องสอดประสานกัน ต้องคิดวางแผนขุดทีเดียวไม่ต้องขุด 3 รอบ 4 หน่วยงาน ขุด 4 รอบ เพื่อไม่ให้สุดท้ายแล้วกรรมมาตกกับคนกรุงเทพฯ

'โฆษกก้าวไกล' มั่นใจ!! สนามกรุงเทพ ชี้!! กระแส 'วิโรจน์' ดีขึ้นต่อเนื่อง

นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.เขตบางขุนเทียน ในฐานะโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึง สนามการเลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพมหานครและสมาชิกสภากรุงเทพฯ (ส.ก.) ว่าขณะนี้หลายพรรคต่างเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ และ ส.ก.ออกมาหลังจากที่กรุงเทพมหานครไม่มีการเลือกตั้งมากว่า 8 ปี สำหรับพรรคก้าวไกลมีความมั่นใจและเตรียมความพร้อมมานาน ลงทำงานในพื้นที่อย่างต่อเนื่องจึงพร้อมส่งว่าที่ผู้สมัคร ส.ก. ครบทั้ง 50 เขต เพื่อเป็นแรงสนับสนุนการทำงานของ วิโรจน์ ลักขณาอดิศร หากได้รับเลือกเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ คนต่อไป 

"กระแสของว่าที่ผู้ว่าวิโรจน์ ดีขึ้นมาอย่างต่อเนื่องหลังเดินทางไปรับฟังปัญหาของกรุงเทพด้วยตัวเองอย่างต่อเนื่อง โดยไปพร้อมแนวทางออกทั้งระยะสั้นและระยะยาว ที่ต้องใช้ทั้งงบประมาณและความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่างๆ รวมถึง ส.ก.ที่จะเป็นพลังสำคัญในการผลักดันนโยบายของกรุงเทพให้เป็นจริง ซึ่งการเป็นพรรคการเมืองถือเป็นจุดแข็งในการเลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพฯ เพราะนอกจากสามารถออกแบบนโยบายแล้ว ยังสามารถผลักดันให้เป็นจริงได้อย่างรวดเร็วด้วยแรงสนับสนุนจากสภาของกรุงเทพ"

'ไทยสร้างไทย'​ ส่ง 'ศิธา ทิวารี'​ ชิงเก้าอี้ผู้ว่ากทม. พร้อมเปิดตัวว่าที่​ ส.ก. 50​ เขต​ 30​ มี.ค.นี้

รายงานข่าวจากพรรคไทยสร้างไทยแจ้งว่า พรรคไทยสร้างไทย โดยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย ตัดสินใจส่ง​ 'ผู้พันปุ่น'​ น.ต.ศิธา ทิวารี อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สมัยรัฐบาลไทยรักไทย และอดีต ส.ส.กทม. ลงสมัครเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯกทม.) ในนามพรรคไทยสร้างไทย โดยจะมีกำหนดการเปิดตัวเป็นทางการในวันที่ 30 มี.ค. พร้อมการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) ทั้ง 50 เขต

เบื้องต้นทางพรรคไทยสร้างไทยติดต่อขอจัดงานเปิดตัว น.ต.ศิธา และผู้สมัคร ส.ก. รวมทั้งการเปิดนโยบายที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (หอศิลป์ กทม.) แยกปทุมวัน


ที่มา : https://mgronline.com/politics/detail/9650000028007
 

'ดร.เสรี'​ แนะ!! เลือกตั้งพ่อเมืองกรุง​ 'สลิ่มอย่าเสียงแตก'​ หาก​ 'เขา'​ แหวกเส้นชัยมา แล้วสลิ่มจะเสียใจไปอีกนาน

(26 มี..2565) ดร.เสรี วงษ์มณฑา ประธานกรรมการในคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านการสื่อสารมวลชน เทคโนโลยีสารสนเทศ ในรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และนักวิชาการด้านสื่อสารมวลชนและการตลาด โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กเกี่ยวกับการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ดังนี้...

สลิ่มทั้งหลาย ตอนนี้บางคนอาจจะเลือกอัศวิน บางคนอาจจะเลือกสกลธี บางคนอาจจะเลือก ดร.เอ้ จากนี้ไป ควรตั้งใจฟังการหาเสียงของทั้ง 3 คนอย่างพินิจพิเคราะห์

และติดตามดูโพลล์หรือแนวโน้มว่าใน 3 คนนี้ใครมีคะแนนนำ และมีโอกาสจะเอาชนะคนที่เราไม่อยากให้เป็น แล้วยามนั้นต้องตัดใจหันมารวมตัวกันเลือกคนที่มีโอกาสชนะ

อย่ายืนกรานที่จะเลือกคนที่ชอบ เพราะหากเป็นเช่นนั้นเสียงจะแตก ทั้ง 3 คนนี้จะแพ้ การลงคะแนนเสียงแบบนี้เป็นการลงคะแนนแบบมียุทธศาสตร์ (Strategic Vote)

คือ​ ร่วมมือกันลงคะแนนให้แก่คนที่เราคิดว่ามีโอกาสที่จะชนะคนที่เรา "ไม่อยากให้เป็น" ถ้าเรายืนกรานที่จะลงคะแนนตามที่เราชอบ โดยไม่มียุทธศาสตร์ ทั้ง 3 คนจะแพ้ และคนที่ไม่อยากให้เป็นจะชนะนะคะ

เพราะฉะนั้น ตอนนี้อาจจะมีใครในใจตามที่ชอบ อัศวิน สกลธี หรือ ดร เอ้ แต่โค้งสุดท้าย อย่ายืนกรานจนเสียงแตกแล้วแพ้ยับเนินนะคะ

ต้องรวมใจกันเทคะแนนให้คนที่มีโอกาสจะชนะ กำจัดคนที่เราไม่อยากให้เป็นนะคะ บางคนอาจบอกสังกัดชัดเจน บางคนอาจจะบอกว่าอิสระ ดูให้ดีนะว่าอิสระจริงไหม

ดร.เสรี โพสต์ย้ำว่า "วันนี้ใครจะ 'วิน'​ ใครจะ 'ธี'​ ก็จองไว้ก่อน แต่ถึงโค้งสุดท้าย ช่วยกันดูหน่อยนะคะว่าใครมีสิทธิ์ชนะ กันใครบางคนได้ แล้วเรามาช่วยกันเทคะแนนให้คนนั้นนะคะ อย่าให้เสียงแตก แล้วเขาคนนั้นชนะนะคะ

‘วิโรจน์’ นำขบวน ส.ก. มุ่งหน้าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ชู!! พัฒนาเมืองเก่า ยกระดับเสน่ห์ย่านตามสไตล์วิโรจน์

วิโรจน์ เบอร์ 1 ขน ส.ก. 50 เขต ประเดิมแนะนำตัวกับคนกทม. มุ่งหน้าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย หวังคว้าชัยชนะ กทม. ทุกเขตพื้นที่ เขตแรกเริ่มที่พระนคร ชูนโยบายพัฒนาฟื้นฟูเมืองเก่า ยกระดับเสน่ห์ย่านตามแบบฉบับวิโรจน์

วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. เบอร์ 1 พรรคก้าวไกล เดินทางออกจากศาลาว่าการ กทม. 2 พร้อมผู้สมัคร ส.ก. ทั้ง 50 เขต มุ่งหน้าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ประเดิมพื้นที่เขตพระนคร พาผู้สมัครแนะนำตัวกับพี่น้องประชาชนคึกคัก วิโรจน์ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว ถึงหมายเลขที่จับได้ในวันนี้ว่า รู้สึกดีใจที่ได้เบอร์ 1 เพราะหมายถึงประชาชนต้องมาอันดับ 1 สอดคล้องกับนโยบายของพรรค สร้างเมืองที่คนเท่ากัน

สำหรับเส้นทางขบวนรถแห่วันนี้คือการมุ่งหน้าสู่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เป็นสัญลักษณ์ในการคืนอำนาจให้กับประชาชน หลังจากที่ถูกแช่แข็งการเลือกตั้งมากว่า 8 ปี  ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นการคืนอำนาจ คืนความเป็นธรรม และคืนเมืองที่คนเท่ากัน ให้กับกรุงเทพ ด้วยนโยบายหลัก 12 ข้อ โดยเฉพาะนโยบายสวัสดิการถ้วนหน้า ที่จะเติมเงินสวัสดิการให้กับผู้สูงอายุ เด็ก และผู้พิการ  

'ดร.เสรี' แนะ!! ไม่ควรเลือกคนมีทัศนะขัดแย้งรัฐบาล เพราะจะทำงานร่วมกันเพื่อชาวกทม. ไม่ได้

ดร.เสรี วงษ์มณฑา ประธานกรรมการในคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านการสื่อสารมวลชน เทคโนโลยีสารสนเทศ และนักวิชาการด้านสื่อสารมวลชนและการตลาด โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ระบุว่า...

ไม่ควรเลือกคนที่มีทัศนะขัดแย้งกับรัฐบาล เพราะจะทำงานร่วมกันเพื่อคนกรุงเทพไม่ได้ งานจะเดินหน้าไม่สะดวก กรุงเทพจะเสียโอกาสการพัฒนา

ไม่ควรเลือกคนที่ขายฝัน พูดจาเพ้อเจ้อเหมือนตัวเองมีสามเศียรสิบกรที่จะมาพัฒนากรุงเทพ ทั้งๆ ที่สิ่งที่พูดนั้นมันทำไม่ได้อย่างที่พูด แต่โม้ว่าจะทำได้

ระวังอย่าหลงเชื่อคนที่สัญญาที่จะทำสิ่งที่อยู่นอกเหนืออำนาจของผู้ว่า กทม. ก่อนเลือกตั้งสัญญาว่าจะทำ แต่พอชนะจะบอกว่ากฎหมายไม่อนุญาตให้ทำ

ควรเลือกคนที่รู้จริง พูดเรื่องจริง สัญญาจะทำสิ่งที่เป็นไปได้ ไม่เพ้อเจ้อ ไม่สัญญาเกินจริง สัญญาสิ่งที่จะทำได้จริง เพราะ "รู้จริง" ว่ากรุงเทพควรพัฒนาไปทางใด และทำได้แค่ไหน
 

'วิโรจน์' ควง 'ผู้สมัคร ส.ก.' ลุยหาเสียงย่านฝั่งธนใต้ ขอโอกาส 'แก้น้ำท่วม-ปราบส่วย-ช่วยเพิ่มเงินสวัสดิการ'

ที่เขตบางแค เขตบางบอน และเขตจอมทอง นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. เบอร์ 1 พรรคก้าวไกล พร้อมด้วยผู้สมัคร ส.ก. ฝั่งธนฯ เดินทางโดยการขึ้นรถเครื่องเสียงไปยัง 3 เขตพื้นที่ฝั่งธนใต้ เพื่อพบปะพี่น้องประชาชนและแนะนำตัวผู้สมัคร ส.ก. ซึ่งนายวิโรจน์เชื่อว่า "การทำงานที่เป็นปึกแผ่นระหว่างผู้ว่าฯ ส.ก. และส.ส. จะช่วยให้การทำงานแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชนราบรื่นขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการขอแก้ไขหรืออนุมัติงบประมาณ เรื่องระเบียบราชการต่างๆ ซึ่งเป็นจุดเด่นของพรรคก้าวไกลในศึกเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ครั้งนี้"

โดยจุดแรกของขบวนแห่เริ่มต้นที่ตลาดบางแค นำโดยนายอำนาจ ปานเผือก ผู้สมัคร ส.ก.เขตบางแค เบอร์ 6 ซึ่งเป็นผู้สมัครที่ชูประเด็นแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ เนื่องจากเขตบางแคเป็นพื้นที่เกษตรกรรม มีน้ำท่วมซ้ำซาก ปัจจุบันพี่น้องประชาชนบางส่วนยังใช้คูคลองเป็นทางสาธารณะในการเดินทาง นายอำนาจ กล่าวว่า "พร้อมตอบสนองนโยบาย 12 ข้อ ของนายวิโรจน์ทันที โดยเฉพาะข้อที่ 9 ลอกท่อทั่วเมือง ลอกคลองทั่วกรุง เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่บางแค

จากนั้น นายวิโรจน์และนายนิธิกร บุญยกุลเจริญ ผู้สมัคร ส.ก. เขตบางบอน เบอร์ 2 ได้เดินทางพบปะประชาชนที่ตลาดเช้าปิ่นทอง ถนนเอกชัย ระหว่างนั้นได้มีฝนตกลงมาอย่างหนัก แต่ประชาชนก็ได้ให้การต้อนรับและซักถามถึงนโยบายเป็นระยะ รวมถึงเข้ามาพูดคุยและขอให้ช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆ ซึ่งนายนิธิกรเป็นผู้พัฒนาแพลตฟอร์มแจ้งปัญหาให้กับพรรคก้าวไกล ไม่ว่าจะเป็นการแจ้งน้ำท่วม แจ้งทางเท้ามีปัญหา ล่าสุดนายนิธิกรได้เปิดตัวเว็บแจ้งปัญหาส่วย ร่วมกับนายวิโรจน์ ซึ่งเป็นนโยบายข้อ ที่ 12 เจอส่วยแจ้งผู้ว่าฯ สร้างกรุงเทพโปร่งใสไร้คอร์รัปชัน ซึ่งหากได้รับเลือกตั้งก็พร้อมเปิดให้บริการประชาชนในทันที
 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top