(3 ก.พ. 65) วิโรจน์ ลักขณาอดิสร ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พรรคก้าวไกล ร่วมวงเสวนาเวทีสาธารณะ ‘หมอกระต่าย ต้อง (ไม่) ตายฟรี’ ซึ่งจัดโดย มูลนิธิเมาไม่ขับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และองค์กรสิทธิมนุษยชน 

โดย วิโรจน์ ได้ย้ำนโยบายหลักของตนเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว 2 หลักการใหญ่ หากได้รับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯ กทม. ภายในระยะ 6 เดือน โดยอิงอยู่กับพื้นฐานงบประมาณที่ได้รับจัดสรรของกทม. จะสามารถทำได้ทันที ดังนี้…

1.) ปรับปรุงโครงสร้างทางวิศวกรรมที่เกี่ยวข้องกับทางม้าลาย ไม่ว่าจะเป็นการตีเส้น เพนต์สี ระบบสั่นสะเทือนเพื่อชะลอความเร็วของยานพาหนะบริเวณใกล้ทางม้าลาย และโครงสร้างหรือสัญลักษณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ปรับปรุงระบบสัญญาณข้าม พร้อมกันนี้ได้เสนอวิธีการสอดส่องและบำรุงรักษาโครงสร้างวิศวกรรมทางม้าลายดังกล่าว ด้วยวิธีการง่ายๆ โดยการติดกล้องตรวจจับไว้ที่ทรัพย์สินของกทม. เช่น รถเก็บขยะ รถน้ำ ฯลฯ ที่จะต้องเดินทางไปทุกเขตในกรุงเทพมหานคร และสามารถตรวจสอบความผิดปกติของทางม้าลาย ไฟจราจร หรือสัญลักษณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องได้ 

2.) เป็นประเด็นที่คนมองข้าม นั่นคือความใส่ใจและการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งสามารถบูรณาการ การทำงานร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ โดยเฉพาะหน่วยงานที่สามารถบังคับใช้กฎหมาย ยกตัวอย่างของการบังคับใช้กฎหมายที่ล้มเหลวของกทม. จากสถิติใบสั่ง 13 ล้านใบต่อปี แต่สามารถเก็บค่าปรับจากผู้กระทำความผิดได้เพียง 1 ล้านใบเท่านั้น สะท้อนให้เห็นว่าการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่ใส่ใจและจริงจัง

ดังนั้น หากตนได้รับเลือกตั้ง จะทำให้เกิดการบังคับใช้กฎหมายภายใน 6 เดือนให้ได้ โดยอาศัยมาตรการปรับ ลด เพิ่มอุปสรรคในการต่อใบขับขี่หรือทะเบียนรถ เป็นต้น 

สำหรับ วิโรจน์ ลักขณาอดิสร ซึ่งปัจจุบันอยู่ในฐานะว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. พรรคก้าวไกลนั้น ได้แถลงเปิดตัวนโยบายเกี่ยวกับทางม้าลาย-ทางเท้า ไปเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2565 ณ อาคารอนาคตใหม่ ซึ่งมีรายละเอียดปลีกย่อยอีกหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้ ตั้งแต่ระบบ City Data Platform, Lidar Scan, LED Embedded Road signs CCTV AI  และ  Puffin Crossing เป็นต้น