Friday, 26 April 2024
อเมริกา

ตายมากกว่าตอนรบ!! โควิดทำยอดตาย ‘มะกัน’ ทะลุ 7 แสนราย สูญเสียรวม ‘หนักกว่า’ ยอดตายในสงคราม

ยอดผู้เสียชีวิตสะสมจาก Covid-19 ในสหรัฐ ณ วันนี้ยังพุ่งไม่หยุด และกำลังจะทะลุ 7 แสนรายในเดือนตุลาคม 2021 นี้ กว่าครึ่งหนึ่งเสียชีวิตในช่วงเวลาเพียง 9 เดือนนับตั้งแต่พบการระบาดของสายพันธุ์เดลตาในสหรัฐอเมริกา

ทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตจากสาเหตุของ Covid-19 ในวันนี้มากกว่า ผู้เสียชีวิตจากทุกสงครามของสหรัฐฯ นับตั้งแต่สงครามปฏิวัติอเมริกาไล่มาจนถึงล่าสุดสงครามอัฟกานิสถานรวมกัน 

ทั้งนี้ สงครามที่มีชาวอเมริกันเสียชีวิตมากที่สุดคือ สงครามโลกครั้งที่ 2 ที่มีการบันทึกไว้ที่ 281,557 ราย 

ส่วนเคสผู้ติดเชื้อรายวันในสหรัฐฯ เพิ่มกลับมาเฉลี่ยเกิน 120,000 รายต่อวันอีกครั้ง และมีผู้เสียชีวิตเฉลี่ย 2,000 รายต่อวัน 

รัฐบาลกลางสหรัฐฯ พยายามที่จะผลักดันให้มีการฉีดวัคซีนบูสเตอร์เข็ม 3 ให้กับชาวอเมริกันทุกคนที่รับวัคซีนมาแล้วเกิน 6 เดือน เพียงแต่องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐ ยังไม่เห็นชอบ และแนะนำให้ฉีดบูสเตอร์ให้เฉพาะผู้สูงอายุ และผู้ป่วยโรคเรื้อรังเท่านั้น 

เนื่องจากปัญหาการระบาดที่สกัดไม่อยู่เสียทีในสหรัฐฯ ไม่ได้เกิดจากการขาดแคลนวัคซีน หรือฉีดแล้วภูมิคุ้มกันลดลง แต่เกิดจากกลุ่มคนที่ไม่ยอมไปฉีดวัคซีนอีกกว่าร้อยล้านคนทั่วประเทศ และความไม่ใส่ใจในความเสี่ยงจากการระบาดของ Covid-19  ของชาวอเมริกันเอง

11 กันยายน พ.ศ. 2544 ครบรอบ 21 ปี เหตุการณ์ ‘9/11’ เหตุวินาศกรรมที่โลกไม่ลืม

วันนี้ เมื่อ 21 ปีก่อน เกิดเหตุการณ์ช็อกโลก ‘วินาศกรรม 11 กันยายน’ หรือ ‘9/11’ เมื่อผู้ก่อการร้ายจี้เครื่องบินพุ่งชนตึกต่างๆ ในสหรัฐ อเมริกา คร่าชีวิตผู้คนกว่า 3 พันคน

เหตุการณ์วินาศกรรม ‘วินาศกรรม 11 กันยายน’ หรือ ‘9/11’ นับเป็นเหตุการณ์ช็อกโลกครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ จากฝีมือของกลุ่มผู้ก่อการร้าย ที่ได้จี้เครื่องบินโดยสาร 4 ลำ เพื่อก่อเหตุ

- ลำแรกเป็นเครื่องบินพานิชย์ โบอิง 767-200 เที่ยวบินที่ 11 ของสายการบินอเมริกันแอร์ไลน์พุ่งเข้าชนตึก เวิร์ลเทรดเซ็นเตอร์ 1 ในเวลา 8.45 น. ตามเวลาในท้องถิ่น จากนั้นอีกประมาณ 18 นาทีต่อมา

- ลำที่ 2 คือเครื่องบินโบอิง 767-200 เที่ยวบินที่ 175 ของสายการบินยูไนเต็ดแอร์ไลน์ก็พุ่งเข้าชนตึก เวิร์ลเทรดเซ็นเตอร์ 2 ตึกแฝดที่เป็นสัญลักษณ์ของทุนนิยมและนิวยอร์ก จากนั้นเวลาประมาณ 9.40 น.

เลอะเลือนขั้นสุด!! 'โจ ไบเดน' เรียกชื่อนายกฯ ใหม่อังกฤษผิด | THE STATES TIMES Y WORLD EP.14

เลอะเลือนขั้นสุด!!

'โจ ไบเดน' เรียกชื่อนายกฯ ใหม่อังกฤษผิด

จาก 'ริชี ซูนัค' เป็น 'ราชี ซานุก'

.

ไปรับชมความอ๊องได้ใน THE STATES TIMES Y World 

‘ผอ.CIA’ เย้ย ‘จีน’ ยากยึดไต้หวันภายในปี 2027 ฟาก ‘จีน’ เชื่อ!! ไต้หวัน ไม่เหมือน ยูเครน!!

(28 ก.พ. 66) ไม่นานมานี้ วิลเลียม เบิร์นส ผู้อำนวยการสำนักหน่วยข่าวกรองสหรัฐ (CIA) ออกมาให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อ (26 ก.พ. 66) ว่า สี จิ้นผิง ผู้นำจีน ที่เตรียมจะยกพลบุกไต้หวันอย่างแน่นอนภายในปี 2027 นั้น เริ่มกังวลถึงแสนยานุภาพของกองทัพจีนว่าจะทำสำเร็จหรือไม่?

แม้ทุกคนรู้ว่า จีนถือว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน และต้องการผนวกดินแดนอย่างเป็นรูปธรรมในปี 2027 ในยุคสมัยของ สี จิ้นผิง แต่สิ่งที่ ผอ. CIA คนนี้ได้ตั้งข้อสงสัยว่า หาก สี จิ้นผิง มีความคิดที่จะใช้กำลังทหารเข้ายึดครองไต้หวันจริง ๆ ผู้นำจีนจะยังมั่นใจอยู่เหมือนเดิมหรือไม่ ที่กองทัพจีนจะสามารถยึดไต้หวันได้สำเร็จอย่างที่ตั้งใจ 

เพราะจากตัวอย่าง สงคราม ‘รัสเซีย-ยูเครน’ ที่ผ่านมา ซึ่งเคยคาดว่า กองทัพรัสเซียจะสามารถยึดเมืองเคียฟได้อย่างง่ายดาย แต่วันนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปเสียแล้ว จากความช่วยเหลือด้านอาวุธของสหรัฐฯ และพันธมิตรชาติตะวันตก ที่เสริมให้กองทัพยูเครนมีศักยภาพเพียงพอที่จะยื้อการสู้รบกับกองทัพรัสเซียได้นานเป็นปี และสร้างความบอบช้ำให้กับรัสเซีย ทั้งในด้านการทหาร และเศรษฐกิจอย่างมาก 

ผ.อ. CIA ผู้นี้ได้ให้สัมภาษณ์ย้ำชัดอีกว่า จากผลลัพธ์ของสงครามในยูเครน รัฐบาลสหรัฐฯ ก็จะไม่ยอมให้จีนยกกองทัพรุกรานไต้หวันอย่างเด็ดขาด และพร้อมจะใช้กำลังทางทหารเข้าแทรกแซงเหมือนกัน ถ้าเป็นสถานการณ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว 

วิลเลียม เบิร์นส มั่นใจ ว่าหากสหรัฐอเมริกาแสดงจุดยืนแข็งกร้าวกับจีนในข้อพิพาทไต้หวัน จะทำให้จีนต้องกลับมาประเมินศักยภาพกองทัพตัวเองใหม่ เพราะการเปิดศึกครั้งนี้ จะไม่ง่ายอย่างที่รัฐบาลจีนคิดอีกต่อไป 

ความขัดแย้งระหว่างจีน และไต้หวัน เกิดขึ้นในปี 1949 เมื่อกองทัพคอมมิวนิสต์จีน ของ เหมา เจ๋อตุง ชนะสงครามกลางเมืองและจัดตั้งรัฐบาลกลางที่กรุงปักกิ่ง พรรคก๊กมินตั๋งของ เจียง ไคเช็ก จึงลี้ภัยมาจัดตั้งรัฐบาลของตนเองบนเกาะไต้หวัน 

แล้วหลังจากนั้น ต่างฝ่ายต่างก็ประกาศตนเป็นตัวแทนของรัฐบาลจีนใหญ่บนเวทีโลก แต่สุดท้ายในปี 1978 องค์การสหประชาชาติได้ประกาศรับรองรัฐบาลปักกิ่งเป็นรัฐบาลจีนเดียว ตามมาด้วยการถอนการรับรองสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ในสมัยของประธานาธิบดี จิมมี คาร์เตอร์ ที่ทำให้ไต้หวันถูกลดบทบาท กลายเป็นดินแดนปกครองตนเองที่ถูกจีนอ้างสิทธิ์เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายจีนเดียวนับแต่นั้นมา

ชำแหละอเมริกา!! ‘อัษฎางค์’ เบิกเนตรคนไทยเรื่องอเมริกา กางทุกปัญหาเศรษฐกิจ-สังคม ของประเทศมหาอำนาจ

(4 มี.ค.66) นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค’ ในหัวข้อ ‘เบิกเนตรคนไทยเรื่องอเมริกา’ โดยพูดถึงเรื่องปัญหาเศรษฐกิจและสังคมในอเมริกา มีเนื้อหาดังนี้

“ท่านเคยทราบหรือไม่ว่า!” สหรัฐอเมริกามหาอำนาจอันดับ 1 ของโลกก็มีปัญหาเศรษฐกิจและสังคมเหมือนกันกับเมืองไทย” ทำไมประเทศพัฒนาแล้วอย่างสหรัฐฯ กลับมีจำนวนคนไร้บ้านแตะ 6 แสนคน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีกเรื่อย ๆ ปัญหาคนไรบ้านสะท้อนถึงเรื่องอะไรบ้าง

สหรัฐเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญกับสิทธิมนุษยชน การมีที่อยู่อาศัยเป็นสิทธิมนุษยชนหลัก แต่คนหลายล้านคนยังไม่มีสิทธิพื้นฐานเหล่านี้ ซึ่งรวมไปถึงปัญหาการเหยียดผิว มีสถิติของทางสหรัฐอเมริกาเองระบุว่า ชาวอเมริกันผิวดำเป็นคนไร้บ้านมากกว่าผิวขาวถึงสามเท่า ชาวอเมริกันในหมู่เกาะแถบฮาวายและชนพื้นเมือง Native Americans ก็มีอัตราส่วนไร้บ้านมากกว่าคนผิวขาว การหาซื้อหรือเช่าบ้านของชนกลุ่มน้อยในอเมริกาก็มักโดนกีดกัน

นอกจากนี้ 30% ของคนอเมริกันไร้บ้านมีปัญหาเรื่องปัญหาทางจิตและ 38% ติดสิ่งเสพติดรวมทั้งแอลกอฮอล์ 26% ติดยาเสพติดแบบรุนแรง เมื่อมีปัญหาทางสุขภาพจิตและติดยาก็ทำให้โดนรังเกียจเมื่อไปหาบ้านเช่า ซึ่งมันคือปัญหาแบบงูกินหาง

“ท่านเคยทราบหรือไม่ว่า!” สหรัฐเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญกับสิทธิมนุษยชน แต่ความเสมอภาคทางเพศยังเป็นสิ่งที่ต้องปรับปรุงในอเมริกาอีกมาก เช่น กลุ่ม LGBTQ+ ไม่ได้รับการยอมรับเท่าเมืองไทยด้วยซ้ำ

‘รมว.กต.จีน’ ชี้!! สหรัฐฯ สกัดกั้นจีนไม่ได้ช่วยอะไร เตือน หากไม่เหยียบเบรก ระวังพลิกคว่ำ ตกราง

(7 มี.ค. 66) นายฉิน กัง รัฐมนตรีต่างประเทศจีน ซึ่งเป็นอดีตเอกอัครราชทูตจีนประจำสหรัฐอเมริกา ก่อนได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งล่าสุดนี้ กล่าวว่า ความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ เบี่ยงเบนไปอย่างร้ายแรง พร้อมเตือนถึงความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นตามมา

“การสกัดกั้นและปราบปรามจีน ไม่ได้ทำให้สหรัฐฯ ยิ่งใหญ่ และไม่อาจหยุดยั้งการฟื้นคืนพลังกลับขึ้นมาใหม่ของจีนได้” นายฉินกล่าว ระหว่างการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการครั้งแรก ในฐานะรัฐมนตรีต่างประเทศจีนคนใหม่

เมื่อถูกถามว่า ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างจีน-สหรัฐฯ ยังคงเป็นไปได้หรือไม่ ท่ามกลางความแตกต่างที่เพิ่มมากขึ้นระหว่างสองประเทศ นายฉินกล่าวว่า สหรัฐฯ ถือว่าจีนเป็นคู่แข่งหลักและเป็นความท้าทายทางภูมิรัฐศาสตร์ที่มากที่สุด แต่นี่ไม่ต่างจากการติดกระดุมเม็ดแรกผิด

“สหรัฐฯ เรียกร้องให้มีการสร้างแนวป้องกัน แต่สิ่งที่สหรัฐฯ ต้องการจริง ๆ คือ ไม่ต้องการให้จีนตอบโต้ด้วยคำพูดหรือด้วยการกระทำเมื่อถูกยั่วยุ” นายฉินกล่าว โดยอ้างถึงการแสดงความเห็นของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ เมื่อเดือนก่อนที่ว่า สหรัฐฯ จะแข่งขันอย่างเต็มที่กับจีน แต่ไม่ได้จะมองหาความขัดแย้ง

รัฐมนตรีต่างประเทศจีนกล่าวว่า หากสหรัฐฯ ไม่เหยียบเบรก และยังคงร้องคำรามไปตามเส้นทางที่ผิด ราวกั้นเท่าใดก็ไม่สามารถหยุดยั้งไม่ให้ตกรางและเกิดพลิกคว่ำได้ มันจะต้องเกิดความขัดแย้งและการเผชิญหน้า ใครจะเป็นผู้แบกรับหายนะที่จะเกิดขึ้นตามมา

ปิดฉาก SVB!! สหรัฐฯ สั่งปิดธนาคารปล่อยกู้แก่ธุรกิจสตาร์ตอัป เหตุการณ์แบงก์มะกันล้มครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่วิกฤตปี 2008

นับเป็นการล้มของแบงก์สหรัฐฯ ที่ขนาดใหญ่ที่สุดตั้งแต่วิกฤต 2008 เลยก็ว่าได้ สำหรับ Silicon Valley Bank (SVB) ธนาคารปล่อยกู้แก่ธุรกิจสตาร์ตอัพในกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งหากย้อนไปในปี 2008 ปัญหาที่หมักหมมในสหรัฐฯ เริ่มส่งกลิ่นไม่ดีเป็นเวลาหลายปีก่อนที่ฟองสบู่จะแตกตัวในปี 2008 

โดยก่อนหน้านั้นเกิดกระแสการจำนองโดยที่ผู้กู้นำหลักทรัพย์ด้อยคุณภาพมาค้ำประกัน เพราะดอกเบี้ยในตลาดช่วงนั้นต่ำมาก ประกอบกับธนาคารมีเงื่อนไขการปล่อยกู้ที่ผ่อนปรนกว่าแต่ก่อน ซึ่งเปิดทางให้ประชาชนสามารถซื้อบ้านได้ทั้งที่ยังไม่มีความสามารถในการจ่าย 

ผลกระทบที่ธนาคารและสถาบันทางการเงินสหรัฐฯ ได้รับในเวลานั้นก็คือ การขาดทุนอย่างย่อยยับ และ 'เลห์แมน บราเธอร์ส' ก็ได้ประกาศล้มละลาย เนื่องจากไม่สามารถดำเนินกิจการได้ต่อไป เพราะมีภาระหนี้สินถึง 6.13 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่แฮงก์ พอลสัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ในเวลานั้นได้ยืนยันว่ารัฐบาลจะไม่อัดฉีดเงินเข้าไปช่วยโอบอุ้มธนาคาร ส่งผลให้นักลงทุนในตลาดเกิดความตื่นตระหนก โดยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ร่วงลงกว่า 350 จุดจากข่าวดังกล่าว นอกจากนี้ยังส่งแรงกระเพื่อมสะเทือนไปทั้งตลาดเงินทั่วโลก

กลับมาที่เหตุการณ์ล่าสุด กระทรวงปกป้องการเงินและนวัตกรรมแห่งรัฐแคลิฟอร์เนียประกาศปิดกิจการของ Silicon Valley Bank (SVB) ในวันนี้ (11 มี.ค.66) พร้อมกับมอบหมายให้บรรษัทค้ำประกันเงินฝากของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FDIC: Federal Deposit Insurance Corporation) เป็นผู้ดูแลเงินฝากของ SVB

ทั้งนี้ FDIC ได้จัดตั้ง Deposit Insurance National Bank of Santa Clara (DINB) และได้โอนเงินฝากทั้งหมดจาก SVB ที่ได้รับการค้ำประกันเข้าสู่ DINB เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของผู้ฝากเงิน

FDIC เปิดเผยว่า เจ้าของเงินฝากจะสามารถเข้าถึงเงินฝากของตนเองได้ภายในช่วงเช้าของวันจันทร์ที่ 13 มี.ค. ซึ่งสาขาต่างๆ ของ SVB จะเปิดทำการ แต่อยู่ภายใต้การควบคุมของ FDIC

อย่างไรก็ดี กฎระเบียบของ FDIC ให้การคุ้มครองเงินฝากไม่เกิน 250,000 ดอลลาร์ต่อผู้ฝาก 1 ราย ต่อ 1 ธนาคาร

ข้อมูล ณ สิ้นเดือน ธ.ค.2565 ระบุว่า SVB มีสินทรัพย์ทั้งหมดราว 2.09 แสนล้านดอลลาร์ และมีเงินฝาก 1.754 แสนล้านดอลลาร์

'อเมริกา’ กระอัก!! คนเดินเหมือนศพ เหตุพี้ยาเสพติดหนัก หลังโควิด 'เครียด-ตกงาน-เงินเฟ้อพุ่ง' ซ้ำเติมชีวิตตกต่ำ

กลายเป็นเรื่องระทึกในสหรัฐอเมริกาไปแล้ว หลังประชาชนในหลายพื้นที่ทั่วสหรัฐฯ เริ่มกลายร่างเป็นฝูงซอมบี้

เรื่องนี้ไม่ใช่แผ่นโปรโมตหนังไซไฟสไตล์ Resident Evil หากแต่เป็นเรื่องจริง โดย นายไวชญาณ์ ศิริบูลย์ ที่ปรึกษาด้านการเงินและธุรกิจ ได้เล่าพร้อมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประเทศสหรัฐอเมริกา ประเทศมหาอำนาจของโลกไว้ว่า...

‘ญี่ปุ่น’ พิชิตแชมป์ ‘เวิลด์ เบสบอล คลาสสิค 2023’ โค่น ‘สหรัฐฯ’ คว้าถ้วยใบที่ 3 กลับบ้านในรอบ 14 ปี

ทีมเบสบอลของญี่ปุ่นพิชิต สหรัฐฯ ในรอบชิงดำของศึก เวิลด์ เบสบอล คลาสสิค 2023 ทำให้พวกเขาได้แชมป์โลกไปเชยชมเป็นสมัยที่ 3

ทีมเบสบอลชายทีมชาติญี่ปุ่นคว้าแชมป์ เวิลด์ เบสบอล คลาสสิค ประจำปี 2023 ไปครองอย่างยิ่งใหญ่ หลังจากเอาชนะ สหรัฐอเมริกา ในรอบชิงชนะเลิศ 3-2 ที่สนาม โลนเดพ็อต พาร์ค ในเมืองไมอามี่ รัฐฟลอริด้า ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันอังคารที่ 21 มีนาคม ที่ผ่านมา

ญี่ปุ่น ทำผลงานได้ดีมาตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่มด้วยการชนะครบทั้ง 4 นัดจนทำให้ได้เข้าสู่รอบน็อกเอาต์ โดยในรอบก่อนรองชนะเลิศนั้นพวกเขาผ่าน อิตาลี มาได้ ด้วยสกอร์ 9-3 แล้วจากนั้นก็เฉือนชนะ เม็กซิโก 6-5 ในรอบรองชนะเลิศ ก่อนจะมาพิชิต สหรัฐฯ ในรอบชิงดำ

หมู่เกาะโกโก ฝันที่ไม่เคยเป็นจริงของอเมริกา กับการจับตา ‘จีน-เมียนมา’ แบบไร้มารยาท

มีบทความที่เขียนโดย John Pollock และ Damien Symon ตีพิมพ์ลงในเว็บไซต์ Chatham House ในวันที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมา มีใจความน่าสนใจว่า...

“มีภาพถ่ายเมื่อเดือนมกราคม 2566 โดย Maxar Technologies ซึ่งเชี่ยวชาญด้านภาพถ่ายดาวเทียม แสดงให้เห็นกิจกรรมการก่อสร้างบนเกาะ Great Coco ระดับใหม่ สิ่งที่มองเห็นได้คือ โรงเก็บเครื่องบินใหม่ 2 โรง ทางหลวงใหม่ และสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นที่พัก ซึ่งทั้งหมดนี้จะมองเห็นได้ในบริเวณใกล้เคียงกับรันเวย์ และนอกจากนี้ ยังมีสถานีเรดาร์ที่ปรับปรุงใหม่ยาว 2,300 เมตร มองเห็นได้ในช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ปลายด้านใต้ของเกาะ Great Coco (หมู่เกาะโกโก) ซึ่งอยู่เลยทางหลวงที่เชื่อมระหว่างเกาะ เป็นหลักฐานของความพยายามในการเคลียร์ที่ดิน ซึ่งบ่งชี้ว่างานก่อสร้างกำลังจะเกิดขึ้น โดยมีการยึดโยงว่าจีนทำการลงทุนเปลี่ยนเกาะ Great Coco เป็นจุดยุทธศาสตร์ทางตะวันตกของจีน เพื่อใช้สอดแนมฝั่งมหาสมุทรอินเดีย”

อ่านจบถึงตรงนี้แล้ว ต่อให้กองทัพเมียนมาจะสมคบคิดกับกองทัพจีนหรือไม่ แต่สิ่งหนึ่งที่ได้เกิดขึ้นแล้วคือ กองทัพสหรัฐฯ กำลังจับตาความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นบนเกาะนี้อยู่ 

ย้อนกลับไปในปี 2012 ทาง Sydney Morning Herald เคยลงข่าวว่ากองทัพอเมริกาเคยวางแผนที่จะใช้เกาะ Great Coco มาเป็นจุดยุทธศาสตร์สำหรับการสอดแนมในมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งเชื่อได้ว่าแผนดังกล่าวนี้น่าจะสำเร็จลุล่วงหากไม่มีรัฐประหารเกิดขึ้นเสียก่อน เพราะมีข่าวแว่วออกมาจากทางเนปิดอว์ว่า ในตอนนั้น นางอองซาน ซูจี เตรียมจรดปากกายกเกาะให้อเมริกาเช่าเป็นฐานทัพ แต่ติดที่กองทัพเมียนมาไม่เห็นด้วย


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top