‘รมว.กต.จีน’ ชี้!! สหรัฐฯ สกัดกั้นจีนไม่ได้ช่วยอะไร เตือน หากไม่เหยียบเบรก ระวังพลิกคว่ำ ตกราง

(7 มี.ค. 66) นายฉิน กัง รัฐมนตรีต่างประเทศจีน ซึ่งเป็นอดีตเอกอัครราชทูตจีนประจำสหรัฐอเมริกา ก่อนได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งล่าสุดนี้ กล่าวว่า ความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ เบี่ยงเบนไปอย่างร้ายแรง พร้อมเตือนถึงความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นตามมา

“การสกัดกั้นและปราบปรามจีน ไม่ได้ทำให้สหรัฐฯ ยิ่งใหญ่ และไม่อาจหยุดยั้งการฟื้นคืนพลังกลับขึ้นมาใหม่ของจีนได้” นายฉินกล่าว ระหว่างการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการครั้งแรก ในฐานะรัฐมนตรีต่างประเทศจีนคนใหม่

เมื่อถูกถามว่า ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างจีน-สหรัฐฯ ยังคงเป็นไปได้หรือไม่ ท่ามกลางความแตกต่างที่เพิ่มมากขึ้นระหว่างสองประเทศ นายฉินกล่าวว่า สหรัฐฯ ถือว่าจีนเป็นคู่แข่งหลักและเป็นความท้าทายทางภูมิรัฐศาสตร์ที่มากที่สุด แต่นี่ไม่ต่างจากการติดกระดุมเม็ดแรกผิด

“สหรัฐฯ เรียกร้องให้มีการสร้างแนวป้องกัน แต่สิ่งที่สหรัฐฯ ต้องการจริง ๆ คือ ไม่ต้องการให้จีนตอบโต้ด้วยคำพูดหรือด้วยการกระทำเมื่อถูกยั่วยุ” นายฉินกล่าว โดยอ้างถึงการแสดงความเห็นของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ เมื่อเดือนก่อนที่ว่า สหรัฐฯ จะแข่งขันอย่างเต็มที่กับจีน แต่ไม่ได้จะมองหาความขัดแย้ง

รัฐมนตรีต่างประเทศจีนกล่าวว่า หากสหรัฐฯ ไม่เหยียบเบรก และยังคงร้องคำรามไปตามเส้นทางที่ผิด ราวกั้นเท่าใดก็ไม่สามารถหยุดยั้งไม่ให้ตกรางและเกิดพลิกคว่ำได้ มันจะต้องเกิดความขัดแย้งและการเผชิญหน้า ใครจะเป็นผู้แบกรับหายนะที่จะเกิดขึ้นตามมา

นายฉินยังกล่าวด้วยว่า วิกฤตด้านการทูตที่เกิดจากกรณีของบอลลูนนั้น เป็นสิ่งที่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่สหรัฐฯ ได้ดำเนินการโดยการใช้ข้อสันนิษฐานที่ผิดพลาด

การออกมาแสดงความเห็นของนายฉินมีขึ้นหลังจากที่เมื่อวันที่ 6 มีนาคมที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ออกมาตำหนิสหรัฐฯ อย่างตรงไปตรงมาว่า ประเทศตะวันตกที่นำโดยสหรัฐฯ ได้ใช้การสกัดกั้น ปิดล้อม และปราบปรามอย่างรอบด้านกับจีน ซึ่งนำความท้าทายอย่างรุนแรงมาสู่จีน

นายฉินยังกล่าวด้วยว่า มือที่มองไม่เห็นกำลังขับเคลื่อนวิกฤตยูเครน แต่ไม่ได้มีการระบุชื่อประเทศหรือบุคคลใด เขาย้ำว่าจีนไม่ได้จัดหาอาวุธให้กับทั้งสองฝ่ายในสงครามรัสเซีย-ยูเครน และเรียกร้องให้มีการดำเนินการเพื่อให้เกิดการเจรจาสันติภาพ

อย่างไรก็ดี นายฉินตั้งคำถามกลับว่า “ทำไมสหรัฐฯ ต้องเรียกร้องให้จีนงดส่งอาวุธให้รัสเซีย เมื่อสหรัฐฯ ก็ยังขายอาวุธให้ไต้หวัน”

นายฉินกล่าวว่า วิกฤตยูเครนได้มาถึงจุดเปลี่ยนที่สำคัญ การหยุดยิงจะยุติสงคราม ฟื้นฟูความสงบสุขและเริ่มต้นข้อตกลงทางการเมือง หรือจะเติมเชื้อเพลิงเข้าไปในกองไฟ ขยายวิกฤต และลากกันไปสู่ขุมนรกของการสูญเสียการควบคุม


ที่มา : https://www.matichon.co.th/foreign/news_3860712