Sunday, 5 May 2024
อนุสรณ์เอี่ยมสะอาด

'อนุสรณ์' ชี้ ปชช.วินิจฉัย 'ประยุทธ์' ไม่ควรได้กลับมา เชื่อ!! วันนี้ศาลให้รอด แต่จะจอดในคูหาเลือกตั้งปี 66 

เมื่อเวลา 10.15 น. วันที่ 1 ต.ค. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 6 ต่อ 3 วินิจฉัย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดำรงตำแหน่งนายกฯ ต่อ ความเป็นนายกฯ ไม่สิ้นสุดลง ตามรัฐธรรมนูญ 2560 ว่า การวินิจฉัยที่เกิดขึ้นเป็นการทำหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 คน 6 คนบอกว่าได้ไปต่อ 3 คนบอกว่าต้องพอแค่นี้ แต่การทำหน้าที่ของประชาชนไทย 66 ล้านคนยังไม่จบ ความจริงประชาชนได้วินิจฉัยมาตั้งแต่ต้นว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ควรได้กลับมา แต่เมื่อได้กลับมาก็กังขาสงสัยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะกลับมาทำไม หรือพล.อ.ประยุทธ์ อยู่มา 8 ปียังเสียหายไม่พอ บอกว่าจะคืนความสุข แต่ประชาชนได้รับแต่ความทุกข์เพิ่มหรือไม่ ทำประเทศหนี้ล้น ประชาชนหนี้ท่วม อะไรที่สัญญากับประชาชนไว้ไม่สามารถทำได้ 

นายอนุสรณ์ กล่าวต่อว่า 8 ปีใช้งบประมาณแผ่นดินไป 28.5 ล้านล้านบาท ทำหนี้สาธารณะทะลุ 10 ล้านล้านบาท ทำหนี้ครัวเรือนพุ่ง 14.6 ล้านล้านบาท ทำคนจนจาก 6 ล้านคนเป็น 18 ล้านคน ทำเงินบาทอ่อนค่าที่สุดในรอบ 16 ปี ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมัน ค่าแก๊ส พาเหรดกันขึ้นราคา 8 ปีฝีมือได้แค่นี้ยากที่จะมีปาฏิหาริย์ชั่วข้ามคืน หากตั้งใจจะมาจัดการประชุมเอเปก จะเป็นการประชุมที่ล้มเหลวที่สุดครั้งหนึ่งเพราะตัว พล.อ.ประยุทธ์เอง 

‘เพื่อไทย’ ขยี้!! รบ.ตู่ ‘ยิ่งอยู่ คะแนนยิ่งหาย’ ชี้!! ปชช.เตรียมบอกลา ส่งทีมลุงกลับบ้าน

วันนี้ (2 ธ.ค. 65) นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงเหตุการณ์สภาล่ม คะแนนนิยมของรัฐบาลในช่วงใกล้ครบวาระหดหายว่า ประชาชนได้สะท้อนผ่านโพล คะแนนนิยมของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ทรุดต่ำลงตลอด สวนทางกับความมั่นใจของพล.อ.ประยุทธ์ ที่เชื่อมั่นว่าต้องเดินไปตามลายแทงที่ทีมเสธ. เขียนให้ พยายามยื้ออำนาจให้นานที่สุด ลากอายุสภาไปให้ได้นานที่สุด แล้วก็รอสถานการณ์เป็นใจแล้วค่อยตัดสินใจยุบสภา อาจยุบสภาก่อนครบวาระเพียง 1 วัน แต่ความสำเร็จทางการเมือง ไม่ได้ยกมาจัดวางกันง่ายขนาดนั้น

เหตุการณ์สภาล่มซ้ำซาก ส.ส.รัฐบาลไม่มีกะจิตกะใจประชุม เพราะต้องวุ่นวายดีดลูกคิดจะย้ายไปอยู่พรรคไหน เผชิญกับแรงเสียดทานการตกปลาในบ่อเพื่อนโดยเฉพาะในพรรคร่วมรัฐบาล รวมถึงพรรคใหม่พรรคเก่าของทีมสืบทอดอำนาจ 2 ลุง การปรับครม.ปรับแล้วแป้ก ไม่ปัง แถมตอกย้ำธาตุแท้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ คนละครึ่งกันแทบทุกเรื่อง ไม่เว้นแม้แต่เก้าอี้รัฐมนตรี

‘อนุสรณ์’ ซัด!! ‘ประยุทธ์’ พูดอย่างทำอย่างตลอด 8 ปี แนะ!! ควรสำรวจตัวเองให้ดี ก่อนจะพ่นคำพูดสวยหรู

เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. 65 นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ระบุต้องทำงานการเมืองให้ถูกต้อง สุจริต โปร่งใส เป็นธรรม ไม่ใช่มาทำเล่น ๆ ว่า…หลายครั้งที่การกระทำของพล.อ.ประยุทธ์ มักจะสวนทางกับคำพูด ก่อนขึ้นธรรมาสน์ต้องหัดล้างเท้า ก่อนจะพูดจาให้ดูเท่ ดูดี ต้องสำรวจการกระทำของตัวเองด้วย 

พล.อ.ประยุทธ์ใช้อาวุธยุทโธปกรณ์จากภาษีอากรของประชาชน มายึดอำนาจรัฐบาลจากการเลือกตั้งของประชาชน เขียนนิรโทษกรรมไม่ให้เอาผิดในข้อหากบฏกับคณะรัฐประหาร ถือเป็นการเข้าสู่การเมืองที่ถูกต้องหรือไม่ 8 ปีของพล.อ.ประยุทธ์ ผลคะแนน CPI ดัชนีรับรู้การทุจริตตกต่ำลงเรื่อย ๆ ปี 2564 ประเทศไทยได้ 35 คะแนน อยู่อันดับ 110 โลก ตกจากปี 2548 ในยุครัฐบาลพรรคไทยรักไทย ที่อยู่ในอันดับที่ 59 แบบนี้ถือว่าสุจริตโปร่งใสอยู่หรือไม่ 

‘อนุสรณ์’ แซะ ‘บิ๊กตู่’ หลังประกาศย้ายซบ รทสช. ชี้!! ต้องรีบประกาศ เพราะกลัวส.ส. ไม่ย้ายตาม

(23 ธ.ค. 65) นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ประกาศเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรครวมไทยสร้างชาติว่า การที่พล.อ.ประยุทธ์จำเป็นต้องประกาศ อาจเพราะจำนนต่อสถานการณ์ เพราะหากไม่ประกาศ ส.ส.ก็ไม่กล้าย้ายตาม เมื่อได้ ส.ส.ไม่ถึง 25 คน พรรครวมไทยสร้างชาติก็ไม่สามารถเสนอชื่อนายกฯ ได้ พล.อ.ประยุทธ์มีพฤติกรรมย้อนแย้ง ไม่พูดอะไรตรงไปตรงมา การอ้างเหตุที่ตัดสินใจประกาศเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรครวมไทยสร้างชาติ เพราะพรรคพลังประชารัฐได้ประกาศเสนอชื่อพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคเป็นแคนดิเดตนายกฯ ไปแล้วนั้น เป็นการพูดเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น ตีกินทางการเมืองหรือไม่

'อนุสรณ์' หยัน!! 8 ปี 'ชาติ-ประชาชน' เสียโอกาสไปแค่ไหน ยังกระเสือกกระสนอยากเป็นนายกฯ ต่ออีก 2 ปี

(6 ม.ค. 66) นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เตรียมจะเปิดตัวเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติในวันที่ 9 ม.ค.นี้ ว่า ในขณะที่บรรดาลูกหาบโหมประโคมข่าวพรรครวมไทยสร้างชาติคนแห่มาสมัคร มีความพร้อมมาก กลับสวนทางกับพล.อ.ประยุทธ์ที่ลงพื้นที่หาเสียงได้ แต่งตั้งคนในพรรคใหม่ของตัวเองมาทำงานในรัฐบาลได้โดยไม่แคร์ใคร แต่ยุบสภาไม่ได้ ความกลัวทำให้เสื่อม พล.อ.ประยุทธ์ได้เปรียบทุกอย่าง แต่กลับปากกล้า ขาสั่น ไม่กล้ายุบสภา ไม่เป็นธรรมกับประชาชนที่ต้องรอเลือกตั้ง เพียงเพราะพล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่พร้อม การมาเปิดตัวกับพรรครวมไทยสร้างชาติจึงเป็นเหมือนไฟต์บังคับ ถ้าปล่อยเวลาให้ผ่านไป เชื่อว่าจะมีคนกลับคำให้การ ส.ส.ที่ตกลงว่าจะยอมให้ดูด ถ้าไม่มีความชัดเจนคงไม่มา งานหนักของพล.อ.ประยุทธ์อีกเรื่อง คือจะแย่งเสียง ส.ว.250 คน มาโหวตให้ตัวเองเป็นนายกฯ ได้เท่าไหร่ ถ้าหาเสียงส.ว.มาได้น้อย เชื่อว่าอนาคตที่จะเป็นนายกฯ อีก 2 ปีที่เหลือจะมืดมน เชื่อว่าจะมีส.ว.จำนวนไม่น้อยที่เมื่อเห็นผลการเลือกตั้งของประชาชนออกมา จะไม่กล้าโหวตสวนมติของประชาชนคนไทยทั้งประเทศ

'เพื่อไทย' ชี้!! 'บิ๊กตู่' มากับรถถังแต่อาจพังเพราะคนกันเอง แถมอาจโดนเปิดศึกอภิปรายจาก พปชร. ในอนาคต

‘อนุสรณ์’ แซะ!! มากับรถถังแต่จะพังเพราะพวกเดียวกันเอง เย้ย 'ประยุทธ์' โดน 'ประวิตร' ปาดหน้าลงพื้นที่ตลอด แซะก่อนไปอยู่พรรคใหม่ ทำนโยบายพรรคเก่าให้ได้ก่อน ชี้มีสิทธิโดน พปชร.ซักฟอก

(23 ม.ค.66) นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ สวมบทจอมปาด ‘ปาดหน้า’ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ไล่บี้ลงพื้นที่กันสับสนวุ่นวายว่า ประชาชนไม่ได้มีหน้าที่เป็นตำรวจจราจร จะได้สั่งจับปรับทั้ง 2 คน ขยันปาดหน้ากันลงพื้นที่ สร้างความเดือดร้อนสับสนให้ประชาชน การที่มีคนตะโกนด่า พล.อ.ประยุทธ์ขณะเข้าพื้นที่ คือภาพสะท้อนว่าประชาชนเบื่อหน่ายและไม่ได้ประโยชน์จากการลงพื้นที่หาเสียงชิงเหลี่ยมปาดหน้ากันไปมา ก่อนพล.อ.ประยุทธ์ จะไปพูดนโยบายกับพรรคใหม่ ช่วยเคลียร์นโยบายพรรคเก่าที่ทำไม่ได้ตอนอยู่กับพรรคพลังประชารัฐก่อน 

'อนุสรณ์' เย้ย 'บิ๊กตู่' จนมุม ตอบคำถามฝ่ายค้านไม่ได้ จวก!! ปัดความรับผิดชอบ พูดเอาดีเข้าตัว เอาชั่วให้คนอื่น

(18 ก.พ.66) นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า จากการอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี​ โดยไม่มีการลงมติ​ตามมาตรา 152 ของรัฐธรรมนูญ 2560​ เมื่อวันที่​ 15-16 ก.พ. ที่ผ่านมานั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ไม่สามารถตอบให้ตรงคำถามของฝ่ายค้านได้เลย ซ้ำยังพูดเอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น เฉไฉ ปฏิเสธความรับผิดชอบ ในหลายประเด็นดังนี้

1.การที่พล.อ.ประยุทธ์บอกว่ารัฐบาลนี้ไม่ได้ขายบ้านแถมสัญชาติ ถือเป็นการตอบที่ต่ำกว่ามาตรฐานของคนเป็นนายกฯ เพราะเลือกใช้วาทกรรมการเมืองเก่า โดยเลือกที่จะมองข้ามข้อเท็จจริง ไม่มีใครในโลกนี้ซื้อบ้านแถมสัญชาติหรือซื้อบ้านทั้งโครงการ ข้อเท็จจริงที่ปรากฏคือทุนจีนสีเทาซื้อบ้านหลายโครงการ ไม่ใช่โครงการเดียว ส่วนการซื้อเป็นไปตามกฎหมาย ที่ผู้ประกอบการจะขายให้คนสัญชาติไทย บริษัทผู้ขายก็เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สามารถตรวจสอบได้  

‘อนุสรณ์’ อัด ‘ประยุทธ์’ ไม่รับผิดชอบ ‘ทุนจีนสีเทา’ ซ้ำยังพูดตัดตอนความจริง - สร้างวาทกรรมบิดเบือน

(20 ก.พ. 66) นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณี น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลุยปราบมาเฟีย ดำเนินคดีทุนจีนสีเทา ขอ พท.อย่าละเว้นตรวจสอบปมซุกทรัพย์สินเป็นโครงการบ้านหรูว่า ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว แต่การตอบโต้แบบเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น ไม่เกิดประโยชน์ ขว้างงูไม่พ้นคอ จนเหมือนทำให้ไม่เหลือความจริงแม้แต่นิดเดียว ต้องยอมรับว่า พล.อ.ประยุทธ์ล้มละลายทางความน่าเชื่อถือไปตั้งนานแล้ว บอกว่าจะไม่รัฐประหาร ก็รัฐประหาร บอกว่าขอเวลาอยู่ไม่นาน ก็ปาเข้าไป 10 ปี บอกว่าไม่ใช่นักการเมือง แต่ก็มาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคการเมืองถึง 2 พรรค พล.อ.ประยุทธ์ไม่มีความน่าเชื่อถือในสภา จึงอาจใช้วิชามารลอกการเมืองแบบเก่า ตัดตอนความจริง สร้างวาทกรรมบิดเบือนว่า รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ไม่มีขายบ้านแถมสัญชาติ ซึ่งห่างไกลจากความเป็นจริงไปมาก

นายอนุสรณ์กล่าวต่อว่า 1.) รัฐบาลประยุทธ์สารภาพกลางสภาว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้เซ็นอนุมัติในขั้นตอนสุดท้าย พล.อ.อนุพงษ์ไม่ใช่พนักงานส่งเอกสาร หากการดำเนินการในขั้นตอนก่อนหน้าไม่ถูกต้องย่อมสามารถระงับยับยั้งได้ แต่ทำไมรัฐบาลประยุทธ์ไม่ยับยั้ง

‘อนุสรณ์’ ถาม ‘ชูวิทย์’ ล้มนิด หวังชุบชีวิตใคร? ยัน!! ‘เศรษฐา’ บริสุทธิ์ สามารถตรวจสอบได้

(4 ส.ค.66) ที่รัฐสภา นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง เปิดข้อมูลกล่าวว่า นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ทำนิติกรรมอำพราง เลี่ยงภาษี ว่า นายชูวิทย์ จะตรวจสอบเรื่องอะไรก็เป็นสิทธิ แต่เท่าที่จำได้นายชูวิทย์ แหย่เรื่องนี้มาตั้งแต่แรก แต่ไม่ลงมือเปิดข้อมูล มาเลือกลงมือในจังหวะเวลานาทีสำคัญก่อนโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี 

คำถามคือถ้าทำกันจนการโหวตนายเศรษฐา มีปัญหา ใครคือผู้ได้ประโยชน์ เพราะอาชญากร ย่อมได้ประโยชน์จากอาชญากรรมที่ตัวเองก่อขึ้น ความพยายามในการดิสเครดิตแคนดิเดตนายกฯ รัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย เป็นไปเพื่อเปิดทางไปสู่ปฏิบัติการ ‘ล้มนิด ชุบชีวิตใคร’ หรือไม่ นายเศรษฐา ชื่อเล่นชื่อนิด ปฏิบัติการนี้หวังล้มนายเศรษฐา เพื่อชุบชีวิตคนที่หมดโอกาสไปแล้ว ให้ฟื้นคืนชีพกลับสู่เส้นทางลุ้นเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ พรรคเพื่อไทยยืนยันว่านายเศรษฐา มีคุณสมบัติครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ ไม่ได้ละเมิดกฎหมาย ไม่ได้ฝ่าฝืนจริยธรรมใด ๆ ตามที่กล่าวอ้าง ถ้านายชูวิทย์ ติดใจสงสัยในกรณีดังกล่าวสามารถตรวจสอบได้ที่กรมสรรพากร

“ประเทศชาติและประชาชนเสียโอกาสไปมากแล้ว ปล่อยให้ประเทศไทยได้ไปต่อ ประเทศไม่ควรขาดรัฐบาลนานเกินไป” นายอนุสรณ์ กล่าว

เมื่อถามว่ามีความกังวลหรือไม่ว่าจะมีการนำเรื่องดังกล่าวไปร้องเรียน นายอนุสรณ์ กล่าวว่า การตรวจสอบเรื่องใด ฝ่ายใดเป็นสิทธิ์โดยชอบ ตราบที่รัฐธรรมนูญได้รับรองไว้และเราเคารพทุกการตรวจสอบ เพียงแต่ตั้งข้อสังเกต ว่ามีเวลาตั้งนานแต่ไม่ได้เปิดเผยข้อมูลออกมา แต่เลือกเวลาช่วงที่กำลังจะโหวตให้นายเศรษฐา เป็นนายกรัฐมนตรี เราจึงบอกว่าแผนปฏิบัติการดังกล่าวคือหวังผลเพื่อจะล้มเศรษฐา ล้มพรรคเพื่อไทย และจะไปชุบชีวิตใครกลับมาเข้าสู่เส้นทางนายกรัฐมนตรีหรือไม่

เมื่อถามว่า กลัวว่ากรณีดังกล่าวจะซ้ำนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลหรือไม่ นายอนุสรณ์ กล่าวว่า การนำประเด็น แต่ละประเด็นไปพิจารณามีความแตกต่างกัน เราไม่สามารถนำไปเทียบได้ว่าใครเคยโดนแล้วคนอื่นจะต้องโดนเช่นกัน ถึงตอนนี้ก็ยังยืนยันว่านายเศรษฐา มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะสามารถที่จะสามารถเข้าสู่การโหวตนายกรัฐมนตรีได้

เมื่อถามว่า เอกสารที่นายชูวิทย์เปิดเผยออกมาไม่น่าเชื่อถือใช่หรือไม่ นายอนุสรณ์ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกรรมใด ๆ ของแสนสิริ เพราะฉะนั้นเอกสารที่นายชูวิทย์ต้องไปตรวจสอบ และไปวัดกับทีมกฎหมายของแสนสิริ รวมถึงไปตรวจสอบกับกรมสรรพากร เราไม่ได้อยู่ในฐานะที่บอกได้ว่าเอกสารของนายชูวิทย์เชื่อถือได้หรือไม่ได้

เมื่อถามว่า เรื่องที่นายชูวิทย์เปิดเผยเป็นเรื่องของการเลี่ยงภาษีหากเป็นความจริงจะกระทบต่อพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายอนุสรณ์ กล่าวว่า เท่าที่ตนติดตามการแถลงของกฎหมายแสนสิริ ก็ไม่ได้มีความหนักใจในเรื่องนี้ สิ่งที่นายชูวิทย์เปิดเผยออกมาก็สามารถคาดการณ์ได้อยู่แล้ว เราต้องคิดตามว่าบริษัทชั้นนำ การทำธุรกรรมต้องสามารถตรวจสอบได้อยู่แล้ว ดังนั้นการร้องเรียนจึงเป็นสิทธิ์ สิ่งของกฎหมายแต่ก็จะต้องไปว่ากันตามข้อเท็จจริงทางกฎหมาย ขณะเดียวกันก็จะมีหน่วยงานรัฐเข้าไปตรวจสอบ ถ่วงดุล เพื่อที่จะสามารถพิจารณาข้อมูลของแต่ละฝ่าย

เมื่อถามว่าจะกระทบต่อการตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายอนุสรณ์ กล่าวว่า หากไม่มีปรากฏการณ์โรคเลื่อน วันนี้ก็คงจะมีการโหวตนายกรัฐมนตรี แต่การที่นายชูวิทย์ นำข้อมูลมาเปิดเผยในช่วงเวลานี้ ทั้งที่เจ้าตัวเคยพูดว่ามีหลักฐานมานานแล้ว เราจึงอดสงสัยไม่ได้ว่า เป็นส่วนหนึ่งของแผน ‘ล้มนิด ชุบชีวิตใคร’ หรือไม่ ซึ่งพรรคการเมืองอื่นก็ไม่มีใครติดใจในประเด็นดังกล่าว

‘อนุสรณ์’ โต้ ‘ธนาธร’ ปมเสนอ 5 ด้านพัฒนาประเทศ ชี้!! เป็นโครงสร้างพื้นฐาน ที่รัฐบาลทำอยู่แล้ว

(18 พ.ย.66) นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ระบุหากมี 5 แสนล้านบาท จะนำไปลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน สร้างรถเมล์ไฟฟ้า น้ำประปาดื่มได้ การจัดการขยะ ว่า ตนเห็นต่างจากนายธนาธร เพราะสิ่งที่นายธนาธรพูด เป็นโครงการที่เป็นระเบียบปฏิบัติประจำของรัฐบาลอยู่แล้ว หลายเรื่องก็มีความก้าวหน้าไปมาก หากจะนำเงินไปลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานก็จะถูกใช้ผ่านบริษัทหรือกลุ่มทุนขนาดใหญ่ กว่าจะส่งต่อถึงมือประชาชนต้องใช้เวลานาน

นายอนุสรณ์ กล่าวต่อว่า นโยบายดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาล เป็นการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่กระเป๋าเงินของประชาชนโดยตรง ไม่ผ่านคนกลาง เป็นนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ เงินจะสะพัด หมุนไปในหลายภาคส่วนหลายๆ รอบ ประชาชนจะมีอำนาจในการจับจ่ายใช้สอยทันที การค้าการขายจะดีขึ้น เศรษฐกิจโดยรวมจะโต ประเทศไทยไม่ได้มีเงินมาก

หากนำไปลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ไปทำสวัสดิการแห่งรัฐก่อน เม็ดเงินนั้นจะไม่เกิดการหมุนเวียน เงินในกระเป๋าประชาชนไม่มี เศรษฐกิจก็ไม่โต เราจึงต้องกระตุ้นเศรษฐกิจอัดฉีดเม็ดเงินให้ประชาชนมีเงินในกระเป๋าก่อน เพราะเป็นปัญหาเร่งด่วน จากนั้นเมื่อเศรษฐกิจโต รัฐบาลก็พร้อมจะยกระดับในการดูแลสวัสดิการประชาชนให้ดีขึ้นอย่างแน่นอน

“รัฐบาลเห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วนจากวิกฤตที่เกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้ วิธีคิด วิธีทำแบบเดิมๆ จึงไม่ตอบโจทย์การแก้ปัญหาประเทศ ดิจิทัลวอลเล็ต คือ หนึ่งในนโยบายเรือธงที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่” นายอนุสรณ์ กล่าว


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top