Wednesday, 15 May 2024
สถานบันเทิง

ตำรวจยังเข้ม!! ‘ผบ.ตร.’ สั่งทุกพื้นที่กวดขันมาตรการโควิด ตรึงชายแดน - สกัดต่างด้าว! ส่วนสถานบันเทิง รอก่อน

30 พ.ย. 64 พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ตามที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ได้เผยแพร่แนวทางการดำเนินการตามมาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 ล่าสุด คือ ยกเลิกพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม), ยกเลิกเคอร์ฟิวทั่วประเทศ, ผ่อนคลายการเดินทางเข้าประเทศเพิ่มเติมเพื่อให้การเดินทางเข้ามาในประเทศสะดวกมากยิ่งขึ้น คือ ผู้เดินทางที่มีผลตรวจ RT-PCR เป็นลบภายใน 72 ชั่วโมง เมื่อเดินทางถึงไทยให้ตรวจด้วยชุดตรวจ ATK เท่านั้น และเปิดพื้นที่กักตัวแรงงานข้ามชาติใน 5 จังหวัด คือ ตาก ระนอง หนองคาย มุกดาหาร และสระแก้ว 

เพื่อป้องกันการลักลอบเข้าประเทศและเพื่อให้ง่ายต่อการจัดการควบคุมโรค นอกจากนี้ยังให้ สถานบันเทิง ผับ บาร์ในพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว (สีฟ้า) และพื้นที่เฝ้าระวังสูง (สีเหลือง) เตรียมความพร้อมการเปิดดำเนินการ โดยให้ปรับปรุงสภาพแวดล้อม ระบบระบายอากาศ และเร่งรัดให้บุคลากรได้รับวัคซีน 100% และให้ซักซ้อมความเข้าใจมาตรฐานเพื่อให้ กระทรวงมหาดไทย, กระทรวงสาธารณสุข และคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กทม. ทำการประเมินและออกใบอนุญาตต่อไป นั้น  

ล่าสุด กรุงเทพมหานครได้ออกประกาศ เรื่อง สั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 47) เพื่อให้การดำเนินการมาตรการควบคุมและป้องกันโรคในพื้นที่แบบบูรณาการเป็นไปอย่างต่อเนื่อง และเป็นการผ่อนคลายให้บางสถานที่สามารถดำเนินการหรือทำกิจกรรมบางอย่างได้ภายใต้เงื่อนไขเวลา การจัดระเบียบ และมาตรการการป้องกันที่ทางราชการกำหนด เพื่อการดำเนินการขับเคลื่อนด้านเศรษฐกิจ ดังนั้น คณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร จึงมีมติเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2564 ให้ผ่อนคลายมาตรการในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยสรุปได้ดังนี้

 

>>ให้ปิดสถานบริการ สถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายสถานบริการ สถานบันเทิง ผับ บาร์  คาราโอเกะ หรือสถานที่อื่นที่มีลักษณะคล้ายกัน และ สถานประกอบกิจการอาบอบนวด ร้านจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่ม ที่ผ่านการตรวจประเมินตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย (Amazing Thailand Safety & Health Administration) ในระดับSHA ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สามารถให้บริการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านได้ถึง 23.00 น. ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2564 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง

>> สถานที่อื่นนอกจากที่ได้เคยมีคำสั่งให้ปิดสถานที่และได้รับการผ่อนคลายจากประกาศนี้ให้เปิดดำเนินการได้ภายใต้เงื่อนไข เงื่อนเวลา การจัดระบบ ระเบียบ และ มาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนด เช่น มาตรการ DMHTTA มาตรการป้องกันการติดเชื้อแบบครอบจักรวาล มาตรการปลอดภัยสำหรับองค์กร รวมทั้งมาตรการตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดขึ้นเป็นการเฉพาะโดยเคร่งครัด และ ได้รับอนุญาตให้ดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

ผู้ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามอาจมีความผิดตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 มาตรา 51 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือมาตรา 52 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แล้วแต่กรณี และอาจมีความผิดตามมาตรา 18 แห่ง พรก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้มีการกำชับอย่างต่อเนื่อง ไปยังหน่วยงานตำรวจทั่วประเทศ โดยเสริมจากแนวทางการดำเนินการตามมาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 ของ ศบค. ให้กวดขันสถานประกอบการในพื้นที่สถานที่ที่จะเป็นคลัสเตอร์ของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19  รวมถึงสถานบริการ บ่อนการพนัน ที่อาจลักลอบดำเนินการอย่างผิดกฎหมาย หากพบพื้นที่ใด มีการปล่อยปละละเลยให้มีการกระทำผิด ผู้บังคับการที่ควบคุมพื้นที่นั้นๆ จะต้องมีส่วนรับผิดชอบด้วย  หากพบว่ามีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการกระทำผิด จะดำเนินการทั้งทางวินัยและทางอาญา และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้จัดให้มีการประชุมศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ครั้งที่ 62/2564 วันที่ 30 พฤศจิกายน 2564 

โดยมี พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ รองจเรตำรวจแห่งชาติ เป็นประธาน ได้มีสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการกวดขันสถานบริการที่ฝ่าฝืนข้อกำหนด ทั้งสถานบริการ บ่อนการพนัน และสถานที่ที่จะเป็นคลัสเตอร์ของการแพร่ระบาดของโควิด-19, เพิ่มความเข้มงวดมาตรการป้องกันและสกัดกั้นแรงงานต่างด้าวลักลอบหลบหนีเข้าเมือง การค้ามนุษย์ การค้ายาเสพติด อาวุธสงคราม และสินค้าผิดกฎหมาย ตามแนวชายแดน และให้กำกับดูแลการจัดกิจกรรม ที่มีการรวมกลุ่มของคนจำนวนมาก

รัฐชง​ครม. เยียวยาคนกลางคืน​ รายละ 5 พัน 1.2​ แสนคน​ ลุ้น!! เห็นชอบ พร้อมโอน 29 ธ.ค.นี้ 

"คนกลางคืน-อาชีพอิสระ" เฮ! "ประกันสังคม" เตรียมจ่ายเยียวยา "ม.40" รายละ 5 พัน รอบแรก 1.2 แสนคน ชง “ครม.” เห็นชอบ พร้อมโอน 29 ธ.ค.นี้ ฉลองปีใหม่

เมื่อ​ 16 ธ.ค. 64 ที่อาคารอเนกประสงค์ สำนักงานประกันสังคม (สำนักงานใหญ่) จ.นนทบุรี นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) พร้อมด้วย นางสุดา ชื่นบาน อุปนายกสมาคมดนตรีแห่งประเทศไทย นายฝอยทอง เชิญยิ้ม นายกสมาคมศิลปินตลกแห่งประเทศไทย นางนัฐชา นาโค เลขาชมรมศิลปินและบันเทิง และผู้บริหารสำนักงานประกันสังคม เข้าร่วมงานแถลงข่าวมาตราการเยียวยาประกันสังคมมาตรา 40 (ม.40) อาชีพอิสระ คนกลางคืน

นายบุญสงค์ กล่าวว่า การประชุมหารือในวันนี้เกิดขึ้นจากความตั้งใจของรัฐบาล โดยกระทรวงแรงงาน ที่เล็งเห็นถึงความเดือดร้อนของพี่น้อง ผู้ที่ทำงานในกิจการสถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ และผู้ประกอบอาชีพอิสระที่ทำงานเกี่ยวข้องกับสถานบันเทิง ซึ่งต้องปฏิบัติตามข้อบังคับจากมาตรการของรัฐในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

‘คนกลางคืน’ เฮ! เตรียมรับเงินเยียวยา รายละ 5,000 บาท งวดแรก เริ่ม 29 ธ.ค. 64 นี้!

(28 ธ.ค. 64) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า หลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีมติเห็นชอบอนุมัติมาตรการช่วยเหลือเยียวยา พี่น้องผู้ประกอบอาชีพอิสระ คนทำงานกลางคืนในกิจการสถานบันเทิง ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐ 

โดยสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน จะจ่ายเงินเยียวยาผู้ประกอบอาชีพรายละ 5,000 บาท เป็นระยะเวลา 1 เดือน ให้กับผู้ประกันตนที่มีสัญชาติไทย ทั้งมาตรา 33 ที่ทำงานในกิจการสถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ ส่วนผู้ประกันตนตามมาตรา 39 และมาตรา 40 และได้รับการรับรองจากสมาคมดนตรีแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ หรือสมาพันธ์เครือข่ายคนบันเทิงที่จดทะเบียนกับกระทรวงมหาดไทย หรือกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ว่าทำงานในสถานบันเทิงกลางคืนนั้นจริง

ผบช.ภ.3 สั่งจับสถานบันเทิง เปิดเกินเวลา ปล่อยนักเที่ยวมั่วสุม ตามมาตรการป้องกันโควิด ร้านดังสละโสดก็โดน

พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 3(ผบช.ภ.3) เปิดเผยว่า พ.ต.อ.สุคนธ์ ศรีอรุณ รอง ผบก.สส.ภ.3 นำกำลังพร้อม พ.ต.อ.นาวิน ธีระวิทย์ ผกก.สภ.โพธิ์กลาง ,  นายชณะพนธ์ เพชรประยูร    ปลัดอำเภอเมืองนครราชสีมา , จ.ส.อ.ธรรมรัตน์ พิทักษ์นอก กอ.รมน.จว.นครราชสีมา ร่วมกันกวดขันเรื่องมาตรการในการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อโรคไวรัสโควิด -19 สำหรับพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว ของจังหวัดนครราชสีมา ตามคำสั่ง จว.นครราชสีมา ที่ 290/2564 ลงวันที่ 10 ม.ค. 65  โดยกำชับสั่งการให้หน่วยในสังกัด กวดขัน ให้เป็นไปตามประกาศดังกล่าวอย่างเคร่งครัด  พร้อมจับกุม 1.นายภมร พัทธนันทพงศ์ (ร้านแอร์ไลน์) 2.นายธนพงศ์ ตั้งสิทธิประเสริฐ (ร้านบีทบาร์ )3.นายประภพ ขุมสันเทียะ (ร้านละเมอ ) 4.นายกิตติศักดิ์ หมูสี (ร้านพราวด์ ) 5.น.ส.จันทิมา ทานประสิทธิ์ (ร้านตั้งวง ) นายพัลลภ มะเริงสิทธิ์ (ร้านแจ่วฮ้อน) โดยกล่าวหาว่า ฝ่าฝืนคำสั่งจังหวัดนครราชสีมาที่ 390/2565ข้อ 3 โดยยินยอมให้ลูกค้าบริโภคสุราเกินเวลาที่ประกาศกำหนด ( 21.00) ผู้ต้องหาทั้ง 6 คนให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.โพธิ์กลาง ดำเนินคดีตามกฎหมาย

พล.ต.ท.สมประสงค์  กล่าวอีกว่า พ.ต.ท.จักรกฤษณ์ ศรีสุนทร  รอง ผกก.ป.ฯ พ.ต.ท.ยุทธพงษ์ โคขุนทด สวป.ฯ กับพวก ร่วมกันจับกุม นายประชุม ลองแย้ม อายุ 48 ปี ผู้ประกอบการร้านยอดบัณฑิต จิ้มจุ่ม พร้อมของกลาง สุรา 1 แบน,เบียร์ 1 ขวด แจ้งข้อกล่าวหา ยินยอมให้ลูกค้าบริโภคสุราเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยฝ่าฝืนคำสั่งจังหวัดนครราชสีมาฯ และนายทรงพล เกิดมงคล อายุ 34 ปี ผู้ประกอบการร้าน ป.ปลาตากลม พร้อมของกลาง สุรา  1 ขวด กล่าวหา ยินยอมให้ลูกค้าบริโภคสุราเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยฝ่าฝืนคำสั่งจังหวัดนครราชสีมา ฯ นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี 

'ผกก.หนุ่ย พรรคกล้า' แนะรัฐบังคับใช้ กม. เข้มงวด หลังเกิดเหตุสะเทือนขวัญสถานบันเทิง 2 ครั้งติด

พ.ต.อ.ทศพล โชติคุตร์ ผู้เสนอตัวสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม. พรรคกล้า ในฐานะอดีตผู้กำกับการฝ่ายอำนวยการ กองบังคับการตำรวจนครบาล 7 กล่าวถึงเหตุโศกนาฏกรรมเกี่ยวกับสถานบันเทิง ทั้งเหตุยิงกันในลานจอดรถสถานบันเทิง กลางเมืองอุบลราชธานี และเหตุไฟไหม้สถานบันเทิง Mountain B อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ว่า ทั้ง 2 เหตุการณ์เกิดขึ้นภายในสัปดาห์เดียว สะท้อนชัดว่ามีการหละหลวมในการบังคับใช้กฎหมาย จนความเสียหายเกิดขึ้น และมีผู้เสียชีวิต เรามีบทเรียนราคาแพงตอนซานติก้าผับ เมื่อปี 2552 ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ฉะนั้นเจ้าหน้าที่รัฐควรจริงจังในการบังคับใช้กฎหมายเสียที ไม่ใช่วัวหายแล้วล้อมคอก

“ถ้าสถานบันเทิงแห่งใดยังมาตรฐานยังไม่ถูกต้องตามกฎหมาย เจ้าหน้าที่รัฐก็ควรเข้าไปช่วยแนะนำขั้นตอน รวมถึงการตรวจความปลอดภัยสถานบันเทิงให้เป็นไปตามกฎเกณฑ์ ถ้ากรณีใดจงใจลักลอบ ก็ดำเนินคดี ดำเนินการตามกฎหมาย ปัจจุบันมีสถานบันเทิงที่เปิดไม่ถูกต้องตามกฎหมายอยู่หลายแห่งมาก ซึ่งเกิดจากการหละหลวมของการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ฉะนั้นถึงเวลาที่เจ้าหน้าที่ต้องจริงจังและตรงไปตรงมาในการใช้กฎหมาย ไม่เช่นนั้นจะเกิดความเสียหายอีกไม่รู้จบ” พ.ต.อ.ทศพล กล่าว

ทีมงาน 'อิลสลิก' แจง!! ดราม่าร้อนแซะซุปตาร์นักวิ่ง ชี้!! 'แรปสไตล์' อาจทำคนเข้าใจเจตนาผิดเพี้ยน

จากกรณีดราม่าร้อนในโลกโซเชียลหลังเห็นคลิปแรปเปอร์ชื่อดัง 'ILLSLICK' (อิลสลิก) กล่าวพาดพิงถึง 'ตูน บอดี้สแลม' โดยอ้างว่าเป็นเพราะทางร้านคู่กรณีเปรียบเทียบก่อน

ล่าสุด (6 ต.ค.65) เพจ Illslick - Thikhumporn Whetthaisong โพสต์ชี้แจงถึงกรณีดังกล่าว ว่า...

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางทีมได้รับทราบถึงประเด็นต่างๆ ที่สังคมสนใจ ตั้งข้อสงสัย หรือวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง พร้อมรับฟังทุกๆ ความคิดเห็น และเห็นว่าจำเป็นต้องเล่าถึงเหตุการณ์และความรู้สึกโดยละเอียด...

1. กรณียกเลิกการแสดงร้านที่นนทบุรี ทีมยืนยันว่าจำเป็นต้องตัดสินใจเช่นนั้นจริงๆเพราะเหตุผลมีมากมายเหลือเกิน ไม่ใช่การตัดสินใจด้วยอารมณ์ เราเคยปฏิเสธร้านนี้หลายครั้งเป็นเดือนเพราะคิดว่าไม่เหมาะกับการแสดงของศิลปิน แต่ในท้ายที่สุดพี่อิลใจอ่อนเพราะร้านแจ้งว่าเป็นคนฟังของพี่อิล พร้อมปรับทุกอย่างให้ได้ร่วมงานกัน พอมาถึงไม่เป็นตามที่เคยคุยกันทำให้เริ่มผิดหวัง อุปกรณ์ไม่จำเป็นต้องดีที่สุด ขอเพียงใช้งานได้จริงและเพียงพอ แต่เมื่อไปถึงพบว่าอุปกรณ์ไม่พร้อม มีปัญหาการเซต และไม่เพียงพอ ซึ่งทีมก็ไม่ได้ตัดสินใจยกเลิกในทันที ทั้งพี่อิลและทีมเองร้องเช็คหลายชั่วโมงเพื่อพยายามแก้ทุกๆปัญหาที่เกิดขึ้น ถึงกับพูดว่า ไม่เป็นไร จะไม่ยอมเลิกเช็คจนกว่าระบบจะถูกเซ็ตได้จนสำเร็จ เพราะเห็นแฟนเพลงจำนวนมากนั่งรอตั้งแต่เช้าเที่ยงทั้งที่การแสดงเริ่ม 23:00 น. เราพบปัญหาไมค์หอนอย่างรุนแรงเพราะการเซ็ตลำโพง PA อยู่หลังลำโพงมอนิเตอร์ เราแจ้งให้ร้านทราบเพื่อขอให้มีการปรับย้ายให้ถูกต้อง แต่ผู้มีอำนาจไม่ยอม แจ้งว่าแบบนี้ก็ใช้ได้ เราพยายามอธิบายแล้วว่าเรารู้ดีมีวิธีแก้อะไรได้บ้าง เราทำได้ทุกอย่าง แต่การปรับอย่างที่ผู้นั้นแจ้งส่งผลกระทบต่อเสียงร้องและซาวนด์มาก แนวดนตรีของเรามีการแสดงต่างจากแนวอื่น เป็นจุดสำคัญที่ทำให้แก้ตามที่ร้านแจ้งไม่ได้ นอกจากนี้หากใช้อีกวิธีสามารถทำได้แต่โทนของเสียงร้องเสียงดนตรีจะถูกเปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง และไมค์จะยังหอนอยู่ดีเมื่อแสดงจริง เพราะลำโพง PA ของร้านมี 2 ตัว เทียบกับจำนวนคนดู เราต้องดันความดังขึ้นไปจากตอนซาวนด์เช็คอย่างมาก มันไม่สามารถควบคุมการหอนได้เมื่อแสดงจริง การแก้ปัญหาที่ผู้นั้นแนะนำคือการห้ามไม่ให้พี่อิลเดินไปทางนั้นและร้องฝั่งเดียว ซึ่งพี่อิลไม่ทำเพราะคนฟังฝั่งนั้นจะเข้าใจอย่างไรที่เราไม่สนใจเดินไปทั้งที่ทุกคนตั้งใจมาเจอ และหากเสียงที่ออกไปมีปัญหาขนาดนั้น การโชว์สปิริตฝืนเล่น คือการเอาเปรียบคนดู คนมารอฟังเราร้องแต่ซาวนด์มีปัญหา เราไม่ใช่ดาราที่แค่มาเจอหน้า เสียงไม่ได้ยินก็พอใจแล้วเช่นนั้น 

2. พฤติกรรมของผู้มีอำนาจคือการไม่ยอมแก้ไขจุดที่เป็นต้นเหตุ แต่เลือกใช้วิธีพูดจาอ้างถึงคนอื่นๆ และปัดความรับผิดชอบแทน ใช้คำหยาบคาย ไม่มีคำขอโทษ ไม่โอนอ่อนยอมปรับตามให้ ทางทีมไม่ได้มีปัญหากับเจ้าของร้านหรือท่านอื่นๆ เพราะทุกคนก็พยายามจะขอร้องให้ผู้นั้นยอมฟังยอมรับแล้วจริง ๆ แต่ผู้นั้นไม่ยอมจนนาทีสุดท้าย เจ้าของร้านและทีมเจ้าของร้านก็ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ตั้งแต่แรกที่เกิดเรื่อง ดังนั้นเราเข้าใจดีที่ทั้งสองท่านจะเข้าใจไปอีกแบบและให้สัมภาษณ์ว่าการเปรียบเทียบนั้นเพียงเพราะอยากแก้ปัญหา และไม่มีเจตนาเหยียดหยาม ทั้งสองไม่ทราบว่าบุคคลนั้นที่ร้านเองก็ยังไม่สามารถควบคุมได้ ไม่รับฟังมุมของดนตรีแบบเรา ไม่ยอมปรับแก้ตามร้องขอ ใช้คำพูดดูถูกเปรียบเทียบตลอดเวลาไม่ใช่เพียงครั้งเดียว แต่เป็นสิบครั้ง พูดกับทุก ๆ คนซ้ำ ๆ ไม่เว้นแม้แต่กับคนขับรถของทีมว่าไอ้ตูนก็เล่นได้ บอดี้แสลมก็เล่นได้ บางครั้งก็พูดถึงไอ้เคนก็วิ่งไปวิ่งมาร้องบนเวทีด้วยซ้ำก็ไม่เห็นเป็นอะไร จนเรามองเห็นว่าเกินกว่าจะแก้ไขใด ๆได้แล้วจริง ๆ

3. การกล่าวอ้างถึงบุคคลที่สาม หรือบางข่าวใช้คำว่าท้าชน ประชัน เป็นความจริง แต่อาจมีหลายคนเข้าใจเจตนาผิดเพี้ยน เรายืนยันว่าไม่ใช่การแซะ การหาเรื่อง ไม่ใช่การกร่าง หรือการข่มใด ๆ อาจเพราะการพูดด้วยสไตล์การ Rap ใช้ประโยคกระชับ รุนแรง มีคำหยาบและตรงไปตรงมา ทำให้ตีความได้เช่นนั้น พี่อิลยอมรับว่าใช้คำหยาบตอบกลับผู้มีอำนาจผู้นั้น ปฏิเสธไม่ได้ว่าโกรธต่อสิ่งที่ผู้นั้นทำอย่างมาก สิ่งสำคัญที่ต้องการสื่อคือผู้มีอำนาจคนนั้นไม่ควรตัดสินความเป็นมืออาชีพจากการเปรียบเทียบง่าย ๆ แบบนั้น เราไม่เหมือนกันทั้งการร้อง ทั้งด้านดนตรี ทั้งการแสดง และที่มาที่ไป ดนตรีฮิปฮอปไม่ควรถูกตัดสินง่ายๆ ว่าเป็นเพียงการร้องกับ Backing Track การไม่มีเครื่องดนตรีไม่ได้แปลว่าจะเล่นยังไงก็ได้ การเป็นศิลปินเดี่ยว ศิลปินใต้ดินที่ไม่มีค่ายสนับสนุน ไม่ได้แปลว่าจะไม่แยแสไม่สนใจคำขอ ปล่อยให้เล่นยังไงก็ได้ เพราะเราต้องลำบากดิ้นรนด้วยตัวเอง ต้องพยายามไม่แพ้กันเพื่อมาถึงจุดนี้ และเราจะไม่มีวันถอยหลังลดมาตรฐานที่ตัวเองสร้างมาทั้งชีวิตเพราะคนคนเดียวที่ไม่เข้าใจ ไม่เปิดใจ ไม่เห็นใจแนวดนตรีที่แตกต่าง “การขอให้ประชัน จุดประสงค์หลักเพื่อเป็นการกระตุ้นผู้นั้นให้เห็นว่าก่อนตัดสินอีกฝ่ายควรพิจารณาให้เห็นประจักษ์” ไม่ใช่แค่พูดง่ายๆ เป็นการร้องขอต่อ “ผู้มีอำนาจผู้นั้น” ที่เป็นฝ่ายอ้างเปรียบเทียบมาก่อน การประชันสำหรับพี่อิลไม่ใช่การเอาชนะ แต่เป็นการขอโอกาสให้ได้แสดงให้เห็นว่าตนเองก็ทำได้ อย่าเปรียบเทียบตัดสินกันเช่นนี้ หากไม่ได้เปรียบเทียบชัด ๆ ด้วยความสามารถ แต่เป็นเพียงการคาดเดาด้วยอคติของคนคนเดียว เพราะการประชันนี้เป็นเพียงการยกขึ้นมากระตุ้นผู้มีอำนาจผู้นั้นให้ฉุกคิดผ่านถ้อยคำการแร็ปบนเวที ไม่ได้อยากกล่าวอ้างถึงใครหากไม่ถูกโยงไปเทียบก่อน และหากจะเกิดขึ้นจริง เรายินดี เพราะมันจะไม่ใช่การแข่งขันการเอาชนะ แต่เป็นการแสดงให้เห็นว่าแม้ดนตรีจะแตกต่างกันก็ไม่ได้ด้อยค่าไปกว่ากัน ดนตรีเป็นเรื่องของรสนิยม ไม่มีถูกผิด ไม่มีใครดีใครด้อยกว่าใคร ย่อมเป็นผลดีต่อทั้งสองฝ่ายสองแนวดนตรี และเรามั่นใจว่ามันจะช่วยเปลี่ยนแปลงทัศนคติต่อดนตรีฮิปฮอปที่คนมองว่าเป็นเพียงดนตรีง่าย ๆ เล่นกับบีท ลอกต่างชาติ ใคร ๆ ก็ทำได้ให้มันหมดไป 

ผบ.ตร.มอบ รองฯต่อศักดิ์ ลุยจัดระเบียบสังคม ยาแรงฝ่าฝืนเสนอสั่งปิดทันที 5 ปี หากทำผิดซ้ำจำคุก 1 ปี เตือน ตร.ท้องที่ห้ามปล่อยปละละเลย

เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2565 เวลา 09.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ที่ดูแลงานป้องกันปราบปราม เปิดเผยว่า “พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.ได้เรียกประชุมผู้บริหารระดับสูงงานป้องกันปราบปราม ที่ สง.ผบ.ตร. พร้อมมอบหมายให้ดูแลจัดระเบียบสถานบริการทั่วประเทศ โดยให้ดำเนินการตามคำสั่ง หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 22/2558 และแก้ไขเพิ่มเติมที่ 46/2559 โดยทุกสถานบริการ หรือสถานประกอบการที่เปิดบริการคล้ายสถานบริการ จะต้องไม่ยินยอม ปล่อยปละละเลยให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปีเข้าไปใช้บริการไม่เปิดเกินเวลา ไม่ปล่อยให้มีการพกพาอาวุธ วัตถุระเบิด ยาเสพติดเข้าไปในสถานบริการ รวมถึงต้องไม่มีการค้ามนุษย์ในสถานบริการ หรือปล่อยให้มีการเล่นการพนันในสถานบริการ” 

ตำรวจสนธิกำลังบุกเข้า ตรวจค้น สถานบันเทิงของ กลุ่มนายทุนต่างชาติและนอมินี หวังกวาดล้างอาวุธปืน สารเสพติด

วันนี้ (1 พ.ย. 65) เวลา 00.01 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร.(ปป.) และพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. (สส.) พร้อมชุดปฏิบัติการ บช.น. ,บช.สอท. ,บช.ปส. , บช.สตม. พิสูจน์หลักฐาน และ บช.ทท.กว่า 200 นาย เข้าตรวจค้น ผับ บาร์ สถานบริการ ซึ่งเชื่อว่าเป็นของนายทุนต่างชาติ และนอมินีพร้อมกัน 6 จุด ทั่วกทม.  มีพื้นที่ มักกะสัน  ได้แก่
K Bangkok / Space + ส่วนพื้นที่ห้วยขวาง มี 3 จุด คือ Hollywood  /Brooz / และ Asgard พื้นที่สุดท้ายคือ คลองตัน คือ Baby Face

โดยมีพลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สุวิมล พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติทั้งสายปราบปรามและสืบสวน ลงไปติดตามประเมินความคืบหน้าในการบุกเข้าค้นสถานประกอบการทั้ง 6 แห่ง 

โดยจุดแรกที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นคือ
เบบี้เฟซ ซึ่งอยู่ย่านเอกมัย เป็นผับขนาดใหญ่ ซึ่งระหว่างที่เจ้าหน้าที่แสดงตัวเข้าตรวจค้นยังพบว่ามีนักท่องเที่ยวเต้นรำกันอย่างสนุกสนาน เมื่อเจ้าหน้าที่เปิดไฟและขอเข้าตรวจค้น เจ้าหน้าที่จากสำนักงานพิสูจน์หลักฐาน ได้นำชุดตรวจสารเสพติดออกมาวางโดยให้นักท่องเที่ยวเข้ามาแสดงตนและรับชุดตรวจสารเสพติดไปตรวจ

สมุทรปราการ-“เทศบาลเมืองแพรกษาใหม่” ฝึกซ้อมแผนปฏิบัติการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

ที่ภายในห้องประชุมชั้น 2 กองการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เทศบาลเมืองแพรกษาใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ได้มีการจัดโครงการ  ฝึกซ้อมแผนปฏิบัติการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ประจำปีงบประมาณ 2566 โดยเป็นการจำลองเหตุการณ์การเข้าควบคุมระงับเหตุเพลิงไหม้อาคาร รวมถึงการให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ 

 

โดยมี นายณัฐพล บุญริ้ว รองนายกเทศมนตรีเมืองแพรกษาใหม่ เป็นประธาน เปิดโครงการฝึกซ้อมแผนปฏิบัติการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ประจำปีงบประมาณ 2566 มีนางสาวศิริพร ไชยชุมพล หัวหน้าสำนักปลัดเทศบาล ในฐานะคณะกรรมการจัดโครงการฯ เป็นผู้กล่าวรายงานและวัตถุประสงค์การจัดโครงการในครั้งนี้

 

ซึ่งมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวในครั้งนี้ กว่า 300 คน ประกอบด้วย นางสาวมณิฐกานต์ บุญริ้ว สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ คณะผู้บริหาร คณะสมาชิกสภาเทศบาลข้าราชการ พนักงาน และเจ้าหน้าที่ของทางเทศบาลเมืองแพรกษาใหม่เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้

‘อนุทิน’ เล็ง!! ‘ขยายเวลาปิดสถานบันเทิง’ หลัง ‘นายก’ สั่งการตรง หวังฟื้นฟูเศรษฐกิจ

เมื่อวานนี้ (5ต.ค.66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ให้สัมภาษณ์ถึงนโยบายขยายเวลาปิดสถานบันเทิงเพื่อรองรับการท่องเที่ยวว่าได้รับนโยบายนี้มาจากรัฐบาล ซึ่งเราก็จะพิจารณาจังหวัดท่องเที่ยวเป็นหลัก และดูโซนจังหวัดที่มีความเหมาะสมที่จะขยายเวลา รวมถึงต้องดูเรื่องความปลอดภัย หากปลอดภัยก็จะอนุญาตให้เปิดได้

เมื่อถามว่าจะนำร่องขยายเวลาปิดสถานบันเทิงในพื้นที่ท่องเที่ยวก่อนใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า คงไม่ใช่นำร่อง แต่เมื่อเป็นนโยบายของนายกฯ ที่สั่งการตรงมาที่ตน เพื่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงผู้ที่ทำงานในระบบกลางคืนทั้งหมดที่เคยประสบปัญหาจากช่วงโควิด แต่ขณะนี้เราพ้นจากสถานการณ์โควิดมาแล้ว เราก็ต้องให้โอกาสพวกเขากลับมาฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจของเขาให้เร็วที่สุด


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top